ตอนที่ 11 : Chapter 10 : สิ่งมีค่า
ภายในห้องพัก ของคุณแม่มือใหม่ ที่นอนไม่ได้สติอยู่นั้น เต็มไปด้วยญาติผู้ป่วยที่มากันครบ ดีที่เป็นห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนในเครือของครอบครัวเฮียตะวัน ที่เฮียแกให้พามาฝากท้องที่นี่จะได้ดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งหมอเจ้าของไข้ก็เพื่อนเฮียตะวัน ห้องพักเลยสามารถรองรับญาติผู้ป่วยได้หมดไม่อึดอัด
ซึ่งญาติคุณพ่อคุณแม่ก็มากันในสภาพชุดนอนบ้างชุดลำลองบ้างชุดเดิมกับเมื่อวานบ้างแบบเดาได้ไม่ยากว่าก่อนมาทำอะไรอยู่
แกร๊ก...
“ไอ้รัฐนี่มึงรีบมาไปไหม” เซนถามรัฐที่เดินเข้ามา สายหัวหน่ายๆกับสภาพของเพื่อนที่กระดุมก็ติดไม่เรียบร้อย ปกเสื้อก็มีรอยลิปสติก แถมตัวยังมีกลิ่นเหล้าจางๆอีก
“ก็ถ้าไม่รีบคงให้เสร็จน้ำล่าสุดก่อนั่นแหละสัส” รัฐไทผู้ได้ชื่อว่าหน้าหนาที่สุดตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางเหลือบมองไอ้คุณชายที่มาในชุดลำลองเรียบร้อยแล้วเบ้ปาก
“อายมั่งเหอะ” เปาที่ตอนนี้ตาปรือนนั่งตักซบอกเฮียตะวันว่าเข้าให้ เฮียก็ลูบหัวเบาๆ กัลป์และแกมม่าที่นั่งบนโซฟาเดียวกันก็ได้แต่มองคนอ้อนผัวอย่างหมั่นไส้ เจ้าตัวสวมชุดลำลองสบายๆ เหมือนเฮียและคาดว่าเฮียคงจัดก่อนออกจากห้องเพราะนิสัยขี้ตกใจอย่างมันคงรีบมาทันทีที่รู้เรื่องแน่ๆ
“มึงก็รู้มันจะไปอายห่าอะไร” กัลป์ที่อยู่ในสภาพชุดนอนปาจามาตอบแบบไม่ใส่ใจ ไอ้รัฐก็ยักไหล่รับ ส่วนเปาส่ายหัวน้อยๆกับความด้านของเพื่อน
“ว่าแต่ไอ้ฝิ่นไปไหนวะ?” รัฐถามหาเพื่อนที่ตอนนี้กลายเป็นคุณพ่อเต็มตัวแล้ว
“ไปคุยกับหมอแล้วก็ดูลูกมัน...หาววว ” แกมม่าที่ตอบคำถามให้ แล้วหาวออกมา สภาพเสื้อกล้ามกางเกงยีนส์ที่ยับยู่ยี่บอกได้อย่างดีว่าไปแดกเหล้ามาและนอนในสภาพนี้เลย รัฐพักหน้ารับแล้วเดินไปหาไฮนซ์ที่นอนอ่านหนังสือบนโซฟาอีกตัวอยู่
“ไฮนซ์กูนั่งด้วย” คนหน้านิ่งเงยขึ้นมองเพื่อแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งดีๆ เจ้าตัวอยู่ในชุดนอนสบายๆแค่เสือยืดกางเกงขาสั้น เห็นนิ่งๆอย่างนี้ใครจะรู้ว่ามันนี่แหละที่ถึงโรงพยาบาลก่อนใครเพื่อน
“มึงว่ากูจะได้หลานเพศอะไรวะ” กัลป์เปิดประเด็นใหม่ขึ้น แน่นอนว่าทุกสายตาก็พุ่งมาอย่างสนใจทันที เพราะลงพนักกันไว้หลายบาท แค่เจ้าตัวก็จัดไปแล้วสามหมื่น
“หญิงแน่นอน” แกมตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ เชื่อมั่นในเงินสามหมื่นห้าของตัวเอง
“หญิง” ไฮนซ์แอบทุ่มทุนสร้างไปสามหมื่นทั้งที่คิดว่าจะไม่เล่นแล้วด้วยซ้ำดูท่าจะชอบเด็กผู้หญิงอีกคน
“กูว่าชาย” เปาที่ลงไปเพียงหมื่นเดียวเพราะเจอเฮียตะวันเบรกไว้ตอบบ้าง อาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อพูดเรื่องเงินพนัน
“ไม่ๆกูว่าหญิงนั่นแหละ” รัฐที่เป็นลงสี่หมื่นเพื่อเกทับเพื่อนตอบอย่างมั่นใจ จริงๆการพนันครั้งนี้มันเริ่มที่เงินแค่หมื่นเดียวแต่ที่ลงเพิ่มคือการเกทับกันล้วนๆ
“แต่กูคิดว่าชายนะ” เซนตอบบ้าง เจ้าตัวก็เป็นอีกคนที่เกทับกันจนถึงสี่หมื่น
แกร๊ก...
“เฮ้ยฝิ่น! สรุปได้ลูกสาวหรือลูกชาย” รัฐถามทันทีที่คุณพ่อหมาดๆเดินเข้ามา
“พวกมึงจะห่วงอยู่เรื่องเดียวใช่ไหมเนี่ย” ฝิ่นมองเพื่อนแต่ละคนอย่างอ่อนใจถึงจะเป็นไอ้รัฐคนเดียวที่ถามแต่สายตาทุกคู่ที่มองมาอย่างสนใจก็เหมือนเป็นคำถามกลายๆ
“เออ เร็วๆเลยสัส”
“กูได้ลูก...”
|Fin Part|
“ลูก?” เห็นเพื่อนๆทวนคำก็อดรู้สึกขำไม่ได้จริงๆครับพวกมันดูถ้าจะลุ้นกันมาก
“ลูก...เออ ว่าแต่พวกมึงกินข้าวกันยัง?”
“ไอ้เหี้ย!!” บรรยากาศลุ้นสุดกู่เมื่อกี้ถูกทำลายจนหมดพวกมันสบถหยาบกันระนาวแต่ผมยักไหล่อย่างกวนตีนเห็นพวกมันลุ้นกันมากๆก็อยากแกล้งบ้างอะไรบ้าง หันไปมองคนที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียนคนไข้ก็สบายใจ
“เอาน่าๆ กูได้ลูกที่ทำให้ไอ้เปากับไอ้เซนได้ตังไง”
“สัส! ได้ลูกชายก็บอกดีๆ” ไอ้รัฐบ่นอุบ แน่นอนว่าเงินปลิวไปเรียบร้อย
“งดเที่ยวสักเดือนไป” ไอ้เปาแขวะแล้ว หันไปยิ้มหน้าบานอ้อนผัวต่อ คุยงุงงิงเสียดายเรื่องเงินที่เจ้าตัวโดนเบรกตอนลงเงินไป
“สี่หมื่นระดับเสี่ย อาทิตย์เดียวก็พอ” ไอ้รัฐว่าส่ายหัวแบบชิวๆ
“งั้นเดี๋ยวกูจะช่วยบอกคุณนายกวิตาให้เอาไหม” ไอ้กัลป์ว่ายิ้มๆ สาดออร่าคนดี ประหนึ่งจะช่วยเพื่อนให้พ้นทุกข์
“พ่องมึง” แน่นอนว่าโดนแยกเขี้ยวใส่ทันที เพราะไอ้กัลป์เนี่ยเป็นหนึ่งในลูกรักคุณนายกวิตาเขาล่ะ มันพูดอะไรเชื่อหมด แล้วที่ผมเรียกแม่เพื่อนว่าคุณนายเนี่ยก็เรียกตามลูกเขานั่นแหละชอบเรียกแม่ตัวเองว่าคุณนนาย
“เอาเถอะจริงๆพวกมึงไม่ต้องรีบมาก็ได้ กูแค่บอกไว้เฉยๆ” ผมพูดแล้วมองหน้าเพื่อน รบกวนพวกมันเปล่าๆ มาก็ไม่ได้ทำอะไรแถมบางตัวดูท่าจะยังไม่ได้นอน นี่ก็ปาจะตีห้าเข้าไปแล้ว
“กูตื่นเต้นเอง รอเช้าไม่ไหว อยากเห็นหน้าหลาน” เปาพูดแล้วยิ้มกว้าง
“เออๆอยากเห็นเหมือนกัน จะได้กลับ เดี๋ยวมาใหม่ตอนสายๆ” รัฐว่าต่อ ผมหันไปดูเพื่อนแต่ล่ะคนที่ดูดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนเป็นลูกตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจ พยักหน้ารับ
“เออๆ เดี๋ยวกูจะพาไปดูเอง”
ผมพาพวกมันเดินไปที่ห้องเด็กอ่อน ลูกของผมต้องเข้าตู้อบตอนแรกเกิด 4 ชั่วโมง หลังจากนั้นหมอจะมาตรวจดูอีกทีว่าควรเข้าต่อหรือไม่ ซึ่งจากที่คุยๆกับหมอมาคิดว่าไม่น่าจะมีอาการแทรกซ้อนอะไร
ห้องเด็กอ่อนมีตู้อบเล็กๆเรียงรายอย่างเป็นระเบียบภายในมีทารกแรกเกิดที่นอนอยู่ในนั้นดีที่ลูกชองผมนอนอยู่ใกล้กระจกทำให้สามารถส่องเข้าไปได้ง่าย
“ตู้นั้น” ผมชี้ให้เพื่อนดูทารกตัวน้อยที่หนักสองโลกว่าๆ นอนหลับพริ้มอยู่ในตู้อบ เพื่อนๆก็เกาะกระจกดูประหนึ่งของแปลก
“ตัวโคตรแดง” ไอ้รัฐพึมพำเบาๆแต่ก็มองอย่างสนใจ
“น่ารักวะ” ไอ้เปาเกาะกระจกมองสายตาเป็นประกาย
“ลูกกูน่ารักอยู่แล้ว” ผมตอบอย่างมั่นใจ
“ไอ้ขี้เห่อเอ๊ย” ไอ้กัลป์แขวะไม่จริงจัง
“อย่างกับพวกมึงไม่เห่อ” เพราะแต่ล่ะคนแม่งซื้อของเด็กอ่อนมากองไว้ห้องผมคนล่ะหลายๆรอบเหมือนเจอที่ไรซื้อทุกที
“มากด้วย เงินที่ได้พนันมากูให้รับขวัญหลานเลยสัส” ไอ้กัลป์ว่าขณะที่ยังมองหลานไม่เลิก
“ป๋าสัส!”
..................
..........
.......
|ChamCha Part|
“อือ” ผมขยับตัวเบาๆความเจ็บแปลบก็แล่นไปทั่วร่าง
“เป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยถามขึ้น แต่ผมไม่ได้สนใจจะตอบคำถาม
“ละ...ลูก”
“ปลอดภัยดีเดี๋ยวถึงเวลาให้นมเขาก็พามา” สัมผัสอุ่นๆที่ศรีษะทำให้ผมเงยหน้ามองคนพูด เห็นรอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่บนหน้าก็รู้สึกดีขึ้นมาแบบไม่รู้เหตุผล
“นม?” ผมทวนงงๆเพราะความมึนเบลอหลังตื่นนอนยังคงอยู่ผสมกับฤทธิ์ยาทำให้สมองแล่นช้ากว่าที่ควร แถมเจ็บแผลอีกต่างหาก ผมพยายามพยุงตัวขึ้นไอ้ฝิ่นก็เข้ามาประคอง
“ก็เอาลูกมาดูดนมกระตุ้นน้ำนมไง” ไอ้ฝิ่นตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งกระเซ้าเย้าแหย่ นึกได้ทันทีว่าต่อมน้ำนมของผมก็ทำงานได้เหมือนผู้หญิง เผลอก้มมองยอดอกตัวเองที่ยังดูปกติถึงแม้จะมีอาการตึงคัดเต้าอยู่แต่ก็นึกสงสัยว่าจะมีน้ำนมออกมาจริงๆหรอ
“หมอก็บอกแล้วไงขนาดหน้าอกไม่มีผล” เหมือนมันจะรู้ความคิดของผมเลยพูดดักไว้ แต่เผื่อมึงจะลืมไป กูก็ผู้ชายคนนึงนะ!
“มึงดูดิ แม่งราบเรียบขนาดนี้” ผมดึงเสื้อของโรงพยาบาลแล้วก้มดูหน้าอกตัวเอง ไอ้ฝิ่นก็ชะโงกหน้ามาดูด้วย
“ก็มีอยู่น่ะขึ้นเป็นกระเปาะน่ารักดี”
‘พ่องมึงสิ!’
“อ๊ะ!”
ผมหลุดเสียงน่าอายออกมา รู้สึกเจ็บแปลบๆ ก็ไอ้ฝิ่นน่ะสิ! พูดอย่างเดียวไม่ได้ต้องเขี่ยเป็นการประกอบด้วย ผมตวัดสายตามามองมันดุๆ แต่มันก็ทำลอยหน้าลอยตา
แกร๊ก...
ทั้งผมทั้งฝิ่นหันไปมองที่ประตูอย่างตื่นเต้นพี่พยาบาลเข็นเตียงทารกเข้ามาในห้อง ถึงแม้ผมจะได้เห็นหน้าลูกตอนคลอดไปแล้วแต่ความรู้สึกปลื้มปิติที่ปริ่มอยู่ในอกไม่ได้ลดไปเลย พี่พยาบาลเข็นเตียงเด็กมาไว้ข้างเตียงทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส คุณหมอก็เดินตามเข้ามาในห้อง
“เป็นยังไงบ้างครับน้องชา” คุณหมอที่เป็นเพื่อนของเฮียตะวันเอ่ยถามอย่างใจดี
“ก็เจ็บแผลนั่นแหละครับพี่ธัน” ผมเบ้ปากตอบไป คุณหมอหรือพี่ธันก็ยิ้มขำ
“ที่จริงครบ 24 ชั่วโมงก็ลุกเดินแล้วล่ะครับ แต่อาการเจ็บก็เป็นอาทิตย์ แล้วแต่คน แต่เราเป็นผู้ชายน่าจะฟื้นตัวไวนะ” ผมพนักหน้างึกๆ คุณหมอพี่ธัน เรียกรวมๆกันแม่ม ก็ตัวดูนั่นนี่นิดหน่อยเห็นปกติก็ขอตัวไปทำงานต่อ พี่พยาบาลก็มาสอนผมกับไอ้ฝิ่นอุ้มลูก
ผมมองเด็กทารกตัวเล็กในอ้อมแขนแล้วก็รู้สึกตื้อขึ้นมามันรู้สึกดีมากที่เขาออกมาแข็งแรงและปลอดภัยถึงตัวไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่มีโรคอะไรแทรกซ้อน ผมเงยหน้ามองไอ้ฝิ่นมันก็ยิ้มให้ผมบางๆ ลูกลืมตามองผมแล้วหลับไปดวงตากลมๆนั่นเหมือนมีมนต์สะกดให้ผมต้องหยุดมอง ถึงเขาจะหลับตาลงแล้วก็ตาม
ลูกของผมตัวเล็กนิดเดียวมีชื่อว่ามอร์ฟีนครับ ถ้าไม่นับว่าเป็นสารเสพติดแล้วเป็นชื่อที่น่ารักดีนะครับ แถมความหมายยังดีด้วย ก็มอร์ฟีนเป็นผลผลิตของฝิ่นนี่หน่า ผมเป็นคนคิดเองล่ะเจ๋งใช่ม๊า
“น้องมอร์ฟีนนี่น่ารักจังนะคะ ไม่ค่อยงอแงด้วย” พี่พยาบาลยิ้มหวานมาให้แล้วเตรียมอ่างอาบน้ำของลูกมาให้
ผมยังลุกไม่ไหวหน้าที่อาบน้ำให้ลูกก็เป็นของไอ้ฝิ่นไปโดยปริยายตอนอาบน้ำให้ลูกมันดูเกรงๆแต่สายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของมันก็ทำให้ผมยิ้มได้เหมือนกัน
“ต่อไปก็จะให้น้องมอร์ฟีนดูดกระตุ้นน้ำนมคุณแม่นะคะ ช่วงแรกน้ำนมไม่เยอะหรือไม่มีก็ไม่ต้องตกใจค่ะ ให้น้องดูกระตุ้นทุกๆ 2 ชั่วโมงนะคะ” พี่พยาบาลสอนวิธีให้นมตัวเล็กครับ
ตอนแรกเจ็บมากน้ำนมก็ไม่ไหลแถมผมไม่มีเต้าอีกดูดลำบาก แต่สักพักน้ำนมก็ไหลออกมาไม่เยอะมากนะครับแต่ก็มี เป็นความรู้สึกที่แปลกมากเลยทั้งๆที่เจ็บไปหมดทั้งยอดอกเลยนะ แต่พอเห็นตัวเล็กดูจ๊วบๆอยู่ก็รู้สึกมีความสุขเอ่อล้นออกมา มันมหัศจรรย์มากเลย
พอเห็นไปได้สวยพี่พยาบาลก็ขอตัวออกไปบ้าง ให้พวกเราอยู่กันเองสามคนพ่อแม่ลูก แต่พอพ้นหลังพี่พยาบาลออกไปเท่านั้นแหละ
“ชากูอยากลองชิมบ้างวะ”
“ไอ้เหี้ย!”
“กูพูดจริง” พอเห็นมันทำสีหนน้าจริงจังผมก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว มันขยับเข้ามาใกล้ เกลี่ยเบาๆที่ยอดอกข้างที่ว่างจนขนลุกซู่ “ให้กูลองนะ”
“เออ!” ผมกระแทกเสียงแล้วสะบัดหน้าหนี พอดีกับที่แรงดูดที่อกซ้ายแผ่วลง ก้มลงไปดูลูกก็เหมือนจะหลับไปแล้ว ผมก็ก้มลงหอมหัวลูกเบาๆ
เด็กแรกเกิดมักจะนอนเยอะ กินไม่เยอะแต่ก็ต้องปลุกให้นมทุกๆ 2 ชั่วโมงผมส่งลูกให้มันเอาไปวางไว้ที่เตียงมันก็รีบทำให้อย่างเร็ว หอมแก้มลูกทีนึงแล้วมองมาทางผมเหมือนจะดูอบอุ่นนะแต่แววตาพราวระยับของมันนี่สิ โคตรไม่น่าไว้ใจมันเดินมาหยุดข้างเตียงสบตากับผมที่นึงแล้วลากสายตาลงยอดอกที่มีน้ำนมไหลซึมออกมา
แผล็บ...
“อ๊ะ!” ไอ้บ้านี่จะดูดก็ไม่ดูดดีๆเสือกเลียชิมรสซะงั้น
“หวาน” พอพูดเสร็จมันก็ก้มห้ามตาดูดจริงจังเลยล่ะครับ ผมพยายามกลั้นเสียงน่าอายที่จะออกมาเพราะมันไม่ได้ดูดกินเหมือนลูกแต่ดูเล่นไปด้วย
“พะ อ๊า! พอได้แล้วมั้ง อือ...”
“อีกนิด” เสียงมันพร่านิดๆรับรู้ได้เลยว่าอารมณ์มันเริ่มไม่คงที ไอ้ฝิ่นแม่งเตลิดง่ายชิบหาย มันก้มดูดหนักๆแล้วถอนปากออก ผมเกือบจะโล่งใจแล้วถ้าไม่ใช่มันก้มลงดูดอีกข้างต่อ
“ไอ้..!อ๊า..!” คือนมมันคัดเต้าอยู่ตอนนี้เลยทั้งเสียวทั้งเจ็บได้แต่ปล่อยให้มันดูดจนพอใจ เรี่ยวแรงหายไปแทบหมดได้นอนครางแผ่วๆ มันแลบลิ้นเลียขอบปากทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
“หวานๆมันๆ แต่กินเยอะๆแล้วเลี่ยน”
แล้วใครใช้ให้มึงกินวะ!
อยากจะด่ามันออกไปนะแต่รู้สึกไม่มีแรงแต่หันหน้าหนีอายๆ ยิ่งมันลากสายตาไปหยุดที่เป้าของตัวเองอย่างจงใจให้รู้ว่าต้องการอะไรยิ่งร้อนผ่าว
“ไปxไป!”
“อยากให้เมียชักให้” เสียงมันโคตรหื่นบอกทีว่าหน้ามันยังมียางเหลืออยู่ไหม
“เผื่อมึงลืมกูเจ็บแผลอยู่”
“แต่ไม่ได้เจ็บมือ”
“มึงจะให้ทำตรงนี้!?” ผมทวนเสียงสูง เริ่มไม่อายแต่เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดแทน
นี่มึงกะทำกลางห้องเลยหรอวะ!? แต่ดูเหมือนผมจะประเมินความกามของมันต่ำไป...
“น่าตื่นเต้นดีออก”
“ดีออกพ่อง! อีดอกน่ะสิ!” สุดท้ายผมไล่มันไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ผมก็จักการผูกเสื้อให้เรียบร้อย ก่อนไปก็ให้มันอุ้มลูกมาให้ผมก่อน อยากนอนกอดลูก ก็ลูกผมน่ารักนี่หน่าดูน่าฟัดไปหมดทั้งตัว ผมนั่งมองหน้าลูกได้นิดหน่อยเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
“ไง นี่พวกกูมาถึงคนแรกเลยหรอวะ?” เป็นไอ้เซนถามขึ้น มันเดินเข้ามากับไอ้แกมม่ากันสองคน ผมก็พยักหน้าให้มัน
“แล้วไอ้ฝิ่นไปไหน” แกมมันกวาดสายตาหา
“อยู่ในห้องน้ำ” ผมตอบไปพวกมันก็พยักหน้ารับหันมาสนใจหลานที่ผมอุ้มอยู่มากกว่า
“หลับหรอ” ไอ้แกมถามเบาๆเหมือนกลัวลูกผมจะตื่น เห็นอย่างนี้ก็น่ารักดี
“อือ” ก้มมองลูกตัวเองที่หลับพริ้มอยู่ก็รู้สึกดี โง่ยยยย ทำไมลูกผมน่ารักจัง ผมเขี่ยแก้มยุ้ยๆเล่นแล้วยิ้มกว้างรู้สึกมีความสุขจนล้นอกเลย
“แล้วจะออกจากที่นี่เมื่อไหร่” แกมถามต่อ
“อีกสามสี่วันนี่แหละ” ผมตอบโดยยังมองหน้าลูกอยู่ คุยเล่นกันไปสักพักไอ้ฝิ่นถึงออกมาจากห้องน้ำ ไอ้เซนก็เปิดปากแซวทันที
“เข้าไปตั้งนานนี่อะไรวะ xหรอ”
“เออ เมียไม่ยอมชักให้” แต่หน้าหนาอยากพวกมันไม่มีการอายอยู่แล้วครับ ไอ้เซนกับไอ้แกมก็หัวเราะหึอย่างถูกใจ
“สม” แกมม่าพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆแต่ไอ้ฝิ่นยักไหล่รับ
“ไม่เป็นไรได้‘ดูด’อย่างอื่นแล้ว” มันยิ้มกริ่มจนหน้าหมั่นไส้
แล้วมึงจะเน้นหนักต้องคำว่าดูดทำเชี่ยไร!
“ไม่ได้แดกได้ดูดก็ยังดีสินะ” ไอ้เซนแซวยิ้มๆ
“พวกมึงไม่อยากจับหลานหรอไปล้างมือดิ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนมันจะเข้าประเด็นกามๆมากกว่านี้ พวกมันหันมายิ้มล้อเหมือนรู้ทันแต่ก็ยอมเดิยนไปล้างมือ
ไอ้ฝิ่นนั่งลงบนเตียงพิงหมอนใบเดียวกับผมเพราะเตียงห้องพิเศษมันใหญ่เลยไม่มีปัญหาอะไร มันหันข้างมาเตะนั่นแตะนี่ลูกเล่นแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อยของมันไป ผมมองก็เผลอยิ้มตามไปด้วย
ผมหันไปมองโซฟาเห็นผ้าห่มและหมอนวางไว้อย่างไม่เป็นระเบียบก็เดาได้ทันทีว่ามันนอนตรงนั้นเมื่อคืน จริงๆมันมีห้องพักญาติผู้ป่วยในห้องนี้นะแต่มันดันขนข้าวของมานอนเฝ้าผมตรงนี้ซะงั้น ไอ้เซนกับไอ้แกมม่าก็เดินมาที่เตียงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง ไอ้เซนแตะลูกผมอย่างกล้าๆกลัวๆเห็นแล้วก็หลุดขำ พวกคุณลุงของลูกผมนี่ดูจะกลัวหลานเจ็บเหมือนกันหมด แต่เข้าใจนะก็ลูกผมดูน่าทะนุถนอมมากๆเลยน่ะสิ
แกร๊ก...
ผมหันไปมองที่ปะตูห้องเป็นไอ้เปากับเฮียตะวันเดินเข้ามามีตะกร้าผลไม้มาด้วย ดูเป็นงานเป็นการขนาดนี้จัดการโดยเฮียตะวันแน่นอน พอทั้งสองเดินเข้ามาแล้วถึงเห็นว่ามีไอ้ไฮนซ์มาด้วยอีกคน ผมยิ้มรับ ไอ้ไฮนซ์มันถือดอกไม้เข้ามา
“กูปลูกเอง” มันว่าแค่นี้แล้ววางดอกคาร์เนชั่นลงโต๊ะข้างๆแจกันดอกไม้ ผมไม่ว่าอะไรหรอก พอรู้ว่ามันหมายถึงความยินดี แต่มันจะให้เป็นช่อเหมือนคนอื่นเขาไม่ได้เรอะ!?
นี่มึงจะอินดี้ไปไหนวะให้คาร์เนชั่นขาวมาทั้งกระถาง!
หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยมาเยี่ยมจนครบ อยู่โรงพยาบาล 4 วันไม่เหงาเลยสักนิดเพราะเพื่อนมันก็พลัดกันมาเฝ้าถ้าไม่ติดธุระสำคัญก็แทบจะอยู่ทั้งวันอาการเห่อหลานก็ออกนอกหน้ากันทุกคน พอกลับมาอยู่ที่ห้องแต่ละวันก็วุ่นวายมากครับทั้งหิวนมเปลี่ยนผ้าแพมเพิสดึกๆนี่แถบไม่ได้นอน เหนื่อยสุดๆ ดีที่ว่าพวกผมปิดเทอมกันอยู่เลยมีเวลาให้ลูกเต็มที่ ตอนนี้ก็ได้แต่กังวลว่าถ้าเปิดเทอมจะทำยังไง
เผลอแป๊บเดียวลูกผมก็จะสองเดือนแล้วแต่ความเหนื่อยล้ามันเหมือนสะสมจนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคนๆนึงที่ช่วงนี้ผมโทรไปบ่อยจนคิดว่าเขาอาจสงสัยก็ได้
ตู๊ด...ตู๊ด...ติ๊ด!
/ฮัลโหล ชาหรอลูก.../ แค่ได้ยินเสียงแม่ความรู้สึกมากมายมันก็ถาโถมเข้ามาจนแยกไม่ออก
“คะ...ครับ” ผมพยายามเก็บเสียงไม่ให้สั่น พอเลี้ยงลูกเหนื่อยๆแล้วก็คิดถึงแม่ขึ้นมา ตอนเลี้ยงผมแม่เหนื่อยขนาดนี้ ยังมาทำให้แม่ผิดหวังอีก ผมเป็นลูกที่ไม่ดีเลย...
/โทรหาแม่มีอะไรครับ หือ?/ เสียงนุ่มๆของแม่ที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็รู้สึกเหมือนถูกปลอบทุกครั้ง
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ช่วงนี้ชาเหนื่อยๆ”
/เหนื่อยก็กลับบ้านเราไหม ชาเปิดเทอมแล้วไม่ใช่หรอลูก/
“ท่าจะยุ่งน่ะสิครับ อยากได้กำลังใจจากแม่จัง” ผมอยากกลับบ้านใจจะขาดแต่คนมีชักติดหลังอย่างผมไม่กล้าโผล่หน้าไปหรอก
/โตเป็นหนุ่มแล้วยังจะอ้อนอีก ลูกคนนี้/
“ก็ชายังไม่โตนี่ครับ”
/จ้าๆพ่อคนไม่โต เหนื่อยก็พักลูกถ้าไม่ไหวก็กลับมาบ้าน/
“ครับ คิดถึงแม่จัง”
/จ้า ชาแค่นี้ก่อนนะลูกเดี๋ยวแม่ต้องไปเตรียมอาหารเย็นให้พ่อเขาต่อแล้ว/
“ครับรักแม่นะครับ”
ติ๊ด!..
ผมมองโทรศัพท์ในเมื่อพร้อมความรู้สึกที่โอเคขึ้น ช่วงกลับจากโรงพยาบาลแรกๆแย่กว่านี้อีก หมอก็บอกเป็นเรื่องปกติที่หลังคลอดใหม่ๆจะมีอาการจิตตกแต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วครับแค่เหนื่อยๆกับการเลี้ยงลูกเฉยๆ
“แอ้!”
“ครับ อะไรหืม?”
เดินออกมาเห็นไอ้ฝิ่นมันปูผ้านอนเล่นบนโซฟาที่ดึงฝูกลงมาจนเหมือนเตียงอยู่กลางห้องโถงผมยิ้มให้มันบางๆ มันเอาลูกนอนทับอกไว้แล้วคุยงุ้งงิ้งกันสองคนพ่อลูกผมเลยนั่งลงข้างๆหันไปหาเจ้าตัวเล็กแล้วคุยด้วย
“มอร์ฟีนครับ” ผมเรียกไม่ดังมากแต่เจ้าตัวเล็กก็หันมายิ้มหวานให้ผมแล้วส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนพูดคุยด้วย โง้ยยยน่ารักที่สุด!
ผมคว้าลูกชายออกจากอกพ่อเขาแล้วก้มลงหอมแก้มซ้ายขาวเจ้าตัวยิ่งส่งเสียงอ้อแอ้มากกว่าเดิมดูท่าจะชอบใจ เจ้าตัวเล็กมองผมตาแป๋วแล้วพยายามแตะใบหน้าผมท่าทางน่ารักมากๆ ไอ้ฝิ่นคงทนหมั่นเขี้ยวไม่ไหวหอมแก้มยุ้ยๆดังฟอดแล้วเลยมาหอมผมอีกฟอด แถมตัวเล็กก็เป็นใจส่งเสียงเสียงอ้อแอ้เหมือนถูกใจ ไอ้ฝิ่นเลยแถมให้ผมอีกฟอด
ตอนนี้มอร์ฟีนเริ่มยกคอตั้งได้แล้วแต่ไม่นานผมก็พยายามฝึกให้ลูกอยู่ แถมชอบคว้าจับนู่นนี่อีกเลยต้องระวังไม่ให้เข้าเอาเข้าปาก ผมวางลูกลงให้เขานอนเล่นแต่เจ้าตัวดูจะไม่ชอบใจ
“อือ อ่า!” เจ้าตัวเล็กพยายามดิ้นดูน่ารักมากๆแต่อาการอย่างนี้คือ อยากให้อุ้มครับ
“จะอุ้มดีไหมน้า” ผมหยอกลูกเล่นเขาก็พยายามแกว่วงแขนขา ส่งเสียงอืออ่าเหมือนอยากให้อุ้มขึ้นไปเห็นท่าทางน่ารักอย่างนั้นก็แกล้งต่อไม่ไหวอุ้มขึ้นมาจนได้
“เจอคนขี้อ้อนหนักกว่าแล้วไหมล่ะ” ไอ้ฝิ่นแซวแล้วหลุดหัวเราะเบาๆ
“ลูกกูจะอ้อนยังไงก็ยอม” ผมยู่ปากใส่มันมันก็ดึงปากผมเลยจนผมต้องสะบัดหน้าหนี
“แอ้!” ลูกขยับอยู่ในอกเรียกร้องความสนใจผมก็ก้มลงไปหาเห็นดวงตาใสแจ๋วก็ยิ้มกว้างลูกชายผมก็ยิ้มตอบ โง้ยยยน่ารักไปไหน เล่นไปสักพักเริ่มงอแงส่งเสียงร้องจ้าทำเอาผมก็รีบจับดูแพมเพิสลองเปิดดูก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ หยิบขวดน้ำให้ลองดูดดูกินไปนิดเดียวก็เบือนหน้าหนีแต่ยังทำปากดูดจุ๊บคงจะหิวนมแล้วผมก็ปลดกระดุมเสื้อออกให้ลูกกินนมเจ้าตัวเล็กถึงได้สงบลง
ติ๊ง!---หน่องงงง!!
ลูกชายผมสะดุ้งตกใจเสียงกริ่งจนผมต้องรีบปลอบ ส่งสายตาให้ไอ้ฝิ่นมันรีบเปิดมันก็ลุกไปเปิดอย่างรวดเร็วผมก็ลูบหัวโยกตัวเล็กไปมาจนเขานอนดูดนมเหมือนเดิมผมกำลังจะโล่งใจแล้วครับถ้าไม่ใช่ว่า...
“ไอ้ฝิ่นแม่งยึกยักอะไรไม่รู้ งะ...” ผมหันไปมองตามเสียก็ชะงักกึกอีกฝ่ายก็ชะงักเหมือนกัน
“เฮีย...!!”
อ่านแล้วก็คอมเม้นหรือฟีดแบ็คกลับมากันด้วยนะคะ
มันเป็นกำลังใจให้คนเขียนจริงๆ☻♥
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบความเป็นเพื่อนของเรื่องนี้มากๆ แต่ละคนนิสัยส่วนตัวคือต่างกันแต่พอรวมกลุ่มแล้วลงตัวมาก ชอบมิตรภาพ
เฮียมาแบบนี้จะแถยังไงล่ะทีนี้ยอมรับความจริงเถอะนะทุกคนพร้อมรักน้องมอร์ฟีนอยู่แล้ว