ตอนที่ 10 : Chapter 9 : ปลายทาง
และสถานที่ที่ถูกเลือกก็คือรีสอร์ที่กระบี่ของเฮียบุหรี่ บ้านพักส่วนตัวหลังใหญ่ติดทะเลหลังนี้เป็นบ้านรับรองแขกของเจ้าของรีสอร์ทไม่เปิดให้ลูกค้าเข้าพัก ดังนั้นโซนนี้จึงมีความส่วนตัวค่อนข้างมาก แต่ก็มีแขกที่เดินเล่นตามริมหาดมาบ้างเป็นบางครั้ง
“กูเอาโซดาเพิ่ม” รัฐตะโกนตอบ
“มายกเองเลยมึง หนักจะตาย” เปายู่หน้าตะโกนตอบกลับแล้วหันหลังเดินเข้าบ้านพักไป ร่างสูงส่ายหัวเบาๆแล้วลุกเดินตามไป ที่เหลือก็นั่งกินกันต่อแบบไม่ได้สนใจอะไร
|ChamCha Part|
“กูเอากุ้ง” ผมชี้ให้ไอ้ฝิ่นหยิบกุ้งเผาร้อนๆที่วางอยู่ใกล้มัน มันก็วางแก้วเบียร์แล้วหยิบให้
“อะ” แน่นอนว่าไอ้ฝิ่นไม่ใช่พระเอกนิยายหวานแหวว ดังนั้นผมก็ต้องนั่งแกะกุ้งกินเองตามระเบียบ “ป้อนบ้างดิ” มันว่าแล้วอ้าปากรอ
เบียดเบียนกันไปอีก!
“เรื่อง อยากกินแกะเอง” ผมเบ้หน้าใส่แล้วเอากุ้งเข้าปากเคี้ยวหงับๆโชว์ แต่มันเสือกกวนตีนหยิบหัวกุ้งที่เต็มไปด้วยมันสีส้มฉ่ำเยิ้มของโปรดของผมเข้าปากแทน “เฮ้ย! นั้นของกู!”
“อร่อย” แล้วมันก็เคี้ยวช้าๆทำหน้าฟินเสียเต็มประดา ผมก็ได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัด
“สัสชอบเบรกเวลาคนอื่นแกล้งมัน ทีตัวเองล่ะจัดเต็ม” ไอ้กัลป์แขวะ ยิ้มล้อเลียน แล้วยกเหล้าขึ้นจิบ ถ้าอยู่กันเองเมื่อไหร่มาดคนดีศรีสังคมหายหมดครับ
“เมียกูไหม?” ฝิ่นยักไหล่แบบไม่แคร์ เรียกเสียงแซวได้เป็นอย่างดี
ทริปนี้มีสมาชิกมาทั้งหมด 11 คน นอกจากพวกผม 8 คนแล้ว ยังมีน้องอัลฟ่า เบต้า และเฮียตะวันมาจอยกันด้วย
หลังจากที่พวกเรามาถึงกันเก็บของแบ่งห้องกันเรียบร้อย ก็เอาพวกของสดมาย่างส่วนอาหารก็สั่งจากทางรีสอร์ทเอา ตอนนี้ก็บ่ายๆแล้ว ที่เรานั่งเป็นศาลาไม้ริมทะเลขนาดใหญ่ เห็นว่าตอนกลางคืนน้ำขึ้น สามารถเอาเท้าจุ้มน้ำได้เลย ไอ้แกมม่ากับน้องอัลฟ่ากำลังย่างปูอยู่หน้าเตาข้างๆศาลา ส่วนที่เหลือก็สายแดกครับ
พูดถึงไอ้แกมม่า จริงๆน้องเบต้าเปิดเทอมแล้วแต่รั้นจะมาด้วยเพราะเจ้าตัวยังไม่เคยไปทริปที่ไม่มีผู้ปกครองเลยสักครั้ง เห็นพี่ๆมาก็อยากตามมาด้วย แล้วน้องบอกว่าอยากมากับพี่แต่ทำไมไปนั่งแหมะบนตักไอ้เซนอย่างนั้นล่ะครับ เห็นแล้วเศร้าใจ ของดีๆไอ้เซนกวาดไปหมด
“พี่ชาเอาของเบก็ได้แกะแล้ว” กุ้งตัวอวบๆถูกยื่นมาให้ตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มน่ารักที่เท่าเอาผมอยากเข้าไปฟัด ทำไมน้องไอ้แกมน่ารักได้ขนาดนี้!
“ขอบคุณครับ น่ารักจังเลยเรา” ผมรับกุ้งมาแล้วส่งยิ้มหวานคืนให้น้องจนน้องเขินหน้าแดงแล้วหันไปซุกอกไอ้เซน โถ่คนดีมาซุกอกพี่ก็ด้ายยยยยย
หงับ...
“ไอ้เหี้ยยยยยย!” ผมหันไปด่าไอ้ฝิ่น ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาเคี้ยวกุ้งหงับๆ
“ก็เห็นยิ้มอย่างเดียวนึกว่าไม่กิน”
“มึงแม่งงงง! ทำไมไม่แกะเองวะ”
“มือเปื้อน” มันยักไหล่แล้วหยิบเบียร์ขึ้นจิบสบายใจเฉิบ ผมหายใจแรงๆระบายความหงุดหงิดแล้วลุกขึ้นเดินตึงตังเข้าบ้าน ฝิ่นรีบลุกเดินตามมา ผมก็รีบเดินหนีมัน
“มึงอย่าเดินเร็วสิ!” ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงตะโกนไล่หลังเดินจ้ำอ้าวต่อ
“อ๊ะ!”
เคล้ง!
หมับ!
ผมใจหายแว๊บ สะดุดก้อนหินบนหาดเกือบล้ม เสียววูบวาบในท้องไปหมด เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไอ้รัฐมองมาด้วยสีหน้าเครียดๆ ไอ้ฝิ่นก็ยืนอยู่ใกล้ๆสีหน้าเครียดๆเหมือนกัน พื้นเกลื้อนกล่านไปด้วยขวดโซดาที่ไอ้รัฐถือมาตอนแรก
“เห้ย! ไมไม่ระวังวะ!?” ไอ้เปาที่อยู่หลังไอ้รัฐก็ว่าออกมาด่ามันจะตกใจเหมือนกัน
“ถ้าล้มขึ้นมาจะเป็นยังไงเนี่ย อีกไม่กี่อาทิตย์มึงก็จะคลอดแล้วนะ!” ไอ้รัฐบ่นออกมาดุๆ
“พวกมึงอย่ามารุมกูสิ!!” ผมดิ้นออกจากอ้อมแขนไอ้รัฐเดินเข้าไปซุกไอ้ฝิ่นแบบอ้อนๆ
รู้ครับว่าทำผิดไอ้ฝิ่นมันเตือนก็ไม่ฟัง ถ้าเมื่อกี้ไอ้รัฐไม่เดินมาพอดี ไอ้ฝิ่นจะรับทันรึเปล่าก็ไม่รู้ ซุกมันแล้วเอาแก้มถูๆกับอกไปก่อนครับ ถ้าไม่อ้อนตอนนี้โดนบ่นยาวแน่นอน จนได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองแบบหมาหงอย เพิ่มดีกรีความน่าสงสารให้ตัวเอง
“ก็มึงชอบทำตัวน่าเป็นห่วง” มันลูบหัวผมเบาๆ เหมือนปลอบ จริงๆก็ต้องบอกว่าขวัญเสียอยู่เหมือนกันแต่เพราะไอ้เปาว่าขึ้นมาก่อน เลยไม่ทันได้จิตตก
“ขอโทษ...” พอไอ้ฝิ่นมันบ่นมาอย่างนี้รู้สึกผิดโคตรๆ สีหน้ามันยังไม่ดีขึ้นเลย ถ้าตัวเล็กในท้องเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆผมก็คงไม่รู้จะทำยังไง
“เหี้ยชาทีกับผัวล่ะเสียงอ่อนเสียงหวาน” ไอ้เปาแขวะแล้วเบ้ปากใส่ มันทำแล้วดูน่ารักมากครับแต่...
“เสือก” ผมด่ามันแล้วก็หันไปซุกอกไอ้ฝิ่นต่อ
“ไม่เป็นอะไรนะ” เสียงจากที่ศาลาตะโกนถามคาดว่าน่าจะเป็นเฮียตะวัน
“ไม่เป็นไรครับ” ไอ้รัฐตะโกนกลับไปแล้วก้มลงเก็บขวดซาที่ตก ดีที่ตกตรงพื้นทรายทำให้ขวดไม่แตก ไอ้เปาก็ก้มลงช่วยเก็บ ไอ้ฝิ่นก็พาผมกลับไปที่ศาลา
ตอนนี้ท้องผมก็แปดเดือนกว่าแล้วครับอีกอาทิตย์กว่าหมอก็นัดผ่าคลอดแล้วท้องใหญ่ขึ้นเยอะช่วงหลังๆโดดคลาสบ่อยถ้าไม่เช็คชื่อไม่มีควิซก็ไม่ไปเลย มีปัญหาเรื่องการนอนมากขึ้นด้วยเพราะลูกชอบดิ้นช่วงกลางคืนบางทีผมหลับไปแล้วก็ยังตื่น ผมก็ปลุกไอ้ฝิ่นด้วยเลยเพื่อความเท่าเทียม
“ไปทำอีท่าไหนวะ” พอถึงหน้าศาลาไอ้แกมถามอีกคน น้องอัลฟ่าก็มองอย่างห่วงๆ
“สะดุดก้อนหิน” ผมก็งึมงำตอบไป คนข้างตัวผมเงียบไปเลยถึงมันจะไม่ดุแต่มันเงียบแบบนี้ก็ท่าจะหงุดหงิดไม่น้อย มันก็พาผมเข้าไปนั่งในศาลาเหมือนเดิมแต่บรรยากาศไม่สบายเหมือนเดิม ขนาดไอ้ไฮนซ์ที่ไม่สนใจโลกยังมองมาทางผมดุๆเลย ตอนนี้กำตัวลีบนั่งเบียดไอ้ฝิ่นไปถึงมันจะเป็นตัวปล่อยรังสีความกดดันนี่ก็เถอะ
“อ้าว ทำไมบรรยากาศมาคุจังวะ?” เสียงสวรรค์ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองขวับแล้วยิ้มกว้าง
“เฮียบุหรี่”
“เป็นไงโอเคกันไหมทุกคน? อ้าว ชาน้อยๆของเฮียอ้วนขึ้นอีกแล้วหรอ”
“นิดหน่อยน่ะเฮีย” ผมรีบยิ้มกลบเกลื่อนทันที
“แล้วนี่มีอะไรกันทำไมดูเครียดๆ” เฮียมันเลิกคิ้วถาม กวาดสายตามองดูพวกเราในศาลา
“ไม่มีอะไรหรอกเฮีย” ฝิ่นพูดปัดนิ่งๆ
“แบบนี้ยิ่งน่าสน” สายตาเฮียแกพราวระยับแล้วครับ อันตรายๆ
“ก็ฝิ่นมันดุผมนิดหน่อยเรื่องไร้สาระน่ะ ว่าแต่เฮียมาได้ไงไหนบอกเลิกงานสี่โมง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องในทันทีขืนซักไซ้มากความแตกทำไงครับ
“ก็นี่รีสอร์ทเฮีย เฮียจะเลิกกี่โมงก็ได้” เฮียบุหรี่ยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“แต่ไม่ใช่ในตอนที่มีเอกสารกองพะเนินรออยู่นะครับ” เสียนิ่งไร้อารมณ์ดังขึ้นตามหลัง ทำให้ทุกคนหันไปมอง ผู้ชายร่างสูงโปร่งแต่ไม่มาก ใบหน้าหวานจัด ผิวขาวซีดเหมือนคนไม่มีเลือด คนๆนี้คือพี่ไม้โทเลขาของเฮียบุหรี่ อายุก็สามสิบกลางๆแล้วแต่ตัวเล็กและหน้าเด็กมากเห็นกี่ทีก็รู้สึกน่ารักถึงเจ้าตัวจะชอบทำตัวเฉยชาก็เถอะ
พี่ไม้โทมีหน้าที่หลักๆคือบังคับให้เฮียมันทำงานและหยุดเปิดสาขาใหม่ๆสักที เฮีมันกับคนอื่นจะเหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์แต่พอเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนๆรวมทั้งพี่ไม้โทจะเป็เหมือนเด็กแซบๆซนๆคนหนึ่ง
“เอาไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้หน่า” เฮียบุหรี่พูดแล้วยิ้มกว้าง แต่เสียงเรียบนิ่งก็ขัดขึ้นอีก
“แต่เอกสารที่ต้องการอนุมัติด่วนต้องทำในวันนี้นะครับ” ว่าเสร็จก็ลากเฮียมันไปเลย เดินไปได้สองสามก้าวก็หันมาททักพวกผมอย่างนึกขึ้นได้ “สวัสดีครับคุณฝิ่นเพื่อนๆด้วย ต้องขอตัวท่านไปก่อนนะครับหลังเลิกงานจะปล่อยมาอีกที”
พอพี่ไม้โทเดินไกลออกไปพวกเราก็หันมามองหน้ากันตาปริบๆ
เฮียมันมาแค่เนี่ย?
มองไปมองมาจนมีคนขำออกมาเบาๆ บรรยากาศในโต๊ะก็เริ่มผ่อนคลายก้มลงกินคุยเล่นกันต่อ
“ฝิ่นกูอยากไปเล่นน้ำ” ผมเห็นมันเริ่มอารมณ์ดีแล้วรีบอ้อนทันทีครับ ทะเลสวยหาดทรายขาวน้ำใสแจ๋ว สีฟ้าใส ใครจะไม่อยากโดดล่ะครับ มันมองออกไปนอกศาลาแล้วก้มลงมองผมที่จ้องมันตาแป๋วรอคำตอบ มันยิ้มเอ็นดูแล้วลูบหัวเบาๆ
“แดดแรงไป รอแดดร่มกว่านี้ก่อน”
“อยากเล่นตอนนี้”
“ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง” เสียงมันเริ่มดุครับ ผมเลยฉีกยิ้มแล้วจิ้มผักบุ้งไฟแดงให้มัน
ยังมีคดีติดตัวเป็นเด็กดีไว้ก่อนดีที่สุด!!
“กินก่อนก็ได้เนอะ กินๆ” ผมตักผักบุ้งมาจ่อที่ปากมัน มันก็มองมานิ่งๆก่อนยอมอ้าปากรับเข้าไป
“หวานกันสัสๆ” ไอ้รัฐส่งเสียงแซว จนคนอื่นแซวตาม
“อีกหน่อยคงดูดปากกันโชว์” เสียงนี้ไอ้เซนครับ
“ไม่เหมือนมึงหรอก อีกหน่อยคงเอากันโชว์” ผมเบ้ปากแขวะมันกลับ น้องเบต้าที่นั่งอยู่บนตักมันนี่หน้าแดงเลยครับ แต่ก็ไม่ได้ลุกออก ซบหน้าลงกับไหล่ไอ้เซนแก้เขินซะงั้น
“ถ้ามึงจะด้านอยู่ดูก็ได้นะ” มันลอยหน้าลอยตาตอบผมกำลังจะด่ากลับ
“สัส! น้องกูไอ้เหี้ย” ไอ้แกมม่าด่าเสียงไม่จริงจังมากพร้อมกับยกจานปูเข้ามาข้างใน มันนั่งลงแล้วกวักมือเรียกอัลฟ่าให้มานั่งข้างๆ
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมไอ้แกมม่ามันหวงอัลฟ่าออกนอกหน้ามาก แต่กับเบต้ามันดูปล่อยๆไม่ค่อยสนใจ จนบางทีผมก็รูปสึกว่าน้องอัลฟ่าเหมือนเมียมากกว่าน้องอีก แต่ผมอาจจะคิดมากไป
ครืด...ครืดดดด
ผมมองหาต้นเหตุของเสียงที่สั่นรบกวนความคิดตัวเอง ก็เห็นโทรศัพท์ไอ้ฝิ่นที่วางไว้ข้างตัวหน้าจอกำลังส่องแสงเป็นสัญลักษณ์ของคนโทรเข้า ผมกำลังจะเอื้อมมือไปสะกิดไอ้ฝิ่นที่นั่งคุยกับเพื่อนอยู่ถ้าไม่ใช่ว่า ชื่อที่แสดงขึ้นหน้าจอเป็นชื่อนั้น...
...แพรววา...
ผมเงยหน้ามองไอ้ฝิ่นที่กำลังคุยกับไอ้รัฐอย่างออกรส แล้วก้มลงมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ พร้อมขยับยิ้มร้าย โดยที่ทุกคนไม่เห็น นิ้วเลื่อนสไลด์ตัดสาย ปลดล็อกเครื่องลบประวัติการโทรออก แถมท้ายด้วยการบล็อกเบอร์ไปด้วยเสร็จสรรพ ก่อนจะบล็อกก็ส่งข้อความไปให้ด้วยเกร๋ๆ
‘อยากได้ผัวคืนต้องทำใจนะจ๊ะเพราะตอนนี้มันเป็นผัวพี่J’
พอจัดการเสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แล้วนั่งกินกุ้งต่อฝิ่นมันหันมาพอดีกับตอนที่ผมเคี้ยวกุ้งจนแก้มป่องก็หัวเราะแล้วลูบหัว ผมก็เอาหัวเอนไปซบไหล่มันแล้วถูออเซาะให้หลงไปข้าง
“ทำไมขี้อ้อนจัง หือ?” มันถามเสียงนุ่มๆ แสดงว่าอารมณ์ดีแล้ว
“แล้วไม่ดีหรอ” ผมถามเสียงกระเง้ากระงอด
“ดี...ดีสิครับ” มันว่านุ่มๆแล้วก้มลงมาใกล้
ฟอดดดดด~!
มันกดจมูกหอมแก้มไปทีนึงยิ้มให้ แล้วหันไปคุยกับเพื่อนที่ส่งเสียงแซวดังเซ็งแซ่ไปหมด มีผมที่หันไปยกน้ำมาจิบอย่างสบายอารมณ์แล้วเหยียดยิ้มร้าย
เป็นเมียอย่าโง่ ยุ่งไต่ไรตอมต้องตบ อย่าเอามานั่งดราม่า แล้วบอกว่าโดนแย่งไป!!
.
.
.
หลังจากนั่นพวกเราก็นั่งกินกันจนอิ่ม แต่แดดยังไม่หมดก็นอนกองกันอยู่ในศาลานั่นแหละ แต่พวกมันก็ตั้งวงกินเหล้ากันด้วย บางคนก็เบียร์ ถ้าไม่มีตัวเล็กอยู่ในท้องผมก็คงไปร่วมวงด้วยแล้วล่ะครับ ตอนนี้ก็ซดน้ำผลไม้ไปก่อน กลิ้งเล่นในศาลาจนแดดล่มลมตกก็ออกมาเล่นน้ำกัน แต่ไอ้รัฐไอ้กัลป์ไอ้ไฮนซ์ก็นั่งกินเหล้ากันในศาลาต่อ หาดมีเจ็ทสกีอยู่สามคันไอ้เปาก็ซ้อนเฮียตะวันขับเล่น อีกคันเป็นไอ้เซนกับน้องเบต้า คันสุดท้ยไอ้แกมม่ากับน้องอัลฟ่าเอาไปขับ
“มองตาละห้อยเชียว” ไอ้ฝิ่นแซว เพราะผมมัวแต่จ้องเพื่อนที่มันขับเจ็ทสกีปาดกันไปมาอย่างสนุกสนาน แต่ผมโดนห้ามไว้เพราะใกล้คลอดแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะอันตราย
“ก็อยากเล่นบ้าง”
“ไว้คลอดลูกแล้วค่อยมากันสามคนดีไหม?” ผมลูบหัวปลอบถามเสียงนุ่มๆแต่ผมส่ายหัวดิก มันก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“พามาที่นี่เดี๋ยวเฮียก็ถามว่าลูกใคร”
“งั้นที่อื่นก็ได้”
“เอาสิ” ผมตอบรับมันไปง่ายๆแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หรอก คงต้องรอให้ลูกโตก่อนนั้นแหละ
“จะเล่นน้ำไม่ใช่รึไง?” มันถามย้ำอีกครั้งผมเลยพยักหน้าหงึกๆแล้วเดินลงทะเลจนระดับน้ำอยู่ช่วงเอวยืนอยู่กับที่ให้คลื่นปะทะตัวแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ
“มึงลงมาเร็ว” ผมกวักมือเรียกให้มันตามลงมามันก็เดินมา พอมองมันที่เดินมาอย่างสบายๆแล้วก็อดรู้สึกหมั่นไส้ในความดูดีของมันไม่ได้ มึงจะหล่อทุกทวงท่าอะไรขนาดนั้น!
ซ่า!
ผมควักน้ำใส่หน้ามันด้วยความหมั่นไส้
“เฮ้ย! เล่นงี้หรอ” มันหันมามองอย่างเอาเรื่องย่างสามขุมเข้ามาผมรีบหนีทันทีแต่ไม่ไวเท่ามันที่คว้าเอวผมไว้แล้วควักน้ำทะเลสาดผมเป็นการแก้แค้น
“ไม่เอา แสบตา!” ผมดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของมันที่ไม่ยอมปล่อย แถมยังหัวเราะอย่างโรคจิตด้วย ไอ้บ้านี่แกล้งนิดแกล้งหน่อยไม่ได้มันเอาจริงทุกอย่างเลย
“เป็นไง” มันถามเย้า ตอนนี้เลิกแกล้งแล้วแต่ก็ไม่ยอมปล่อยผมจากอ้อมแขน
ปั่ก!
ผมทุบไหล่มันไม่เบาเลยล่ะ แล้วตีหน้ายักษ์
“ไงพ่อง! กูแสบตาไอ้สัส!” จริงๆน้ำไม่ได้เข้าตาผมหรอกครับหลับตาทันแต่มันก็แสบๆนิดหน่อยแล้วหงุดหงิดที่มันแกล้งด้วย
“โทษที งั้นขึ้นไปล้างตาดีกว่าเนอะ”
“เนอะห่าไร” ผมยู่หน้าไม่พอใจมันก็รีบประคองผมเข้าบ้าน พอไปอาบน้ำล้างตัว ออกมาก็เจอเฮียบุหรี่นั่งเหยียดยิ้มอยู่บนโซฟากลางบ้าน
“ตอนเย็นไปหาไรกินกันข้างนอกกันนะ ร้านบรรยากาศดีๆเพียบ”
“ไม่ดึกมากนะเฮีย” ฝิ่นมันว่าแล้วนั่งลงตรงข้ามพี่มัน
“ทำไมวะ ปกติไม่สว่างไม่กลับนี่หว่า” เฮียมันเลิกคิ้วถาม ดูสงสัยมากๆ ก็พวกผมปกติมันพวกหลับกลางวันตื่นกลางคืนตลอดนี่นะ
“ก็เพิ่งสอบเสร็จเหนื่อยๆอยากนอนน่ะเฮีย” ผมรีบตอบแทนไอ้ฝิ่นเพราะกลัวใจมันจะหาข้ออ้างเข้าตัวผม ตอบเองแถเองดีกว่าครับ
“ให้มันจริง” เฮียมองมาด้วยสายตามีเลศนัย “คงไม่ได้อยากทำอะไรดึกดื่นกันในห้องใช่ไหม?”
“ไปกันใหญ่แล้วเฮีย” ผมรีบตอบปัด
“ถ้าได้ก็ดีน่ะสิ” ไอ้ฝิ่นยิ้มบางๆ
“มึงแม่ง!” ผมหันมันไปมองดุๆแต่มันไม่ได้สะทกสะท้านมองมาด้วยสายตาโลมเลีย
“พอเลยฝิ่น ช้าน้อยๆของเฮียสึกหลอหมด”
มันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแต่ก็เลิกจ้องผม หยิบรีโมตมาเปิดทีวีดู ผ่านไปพักใหญ่ๆพวกที่อยู่ข้างนอกก็กลับเข้ามาอาบน้ำกัน กว่าจะได้ฤกษ์ออกดวงตะวันก็ฉายแสงสีส้มไปทั่วท้องฟ้าแล้ว
พวกเราไปร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีๆโคตรๆ อาหารทะเลก็สดฝีมือแม่ครัวก็สุดยอดกินกันพุงกางเลยครับ พอกินกันเสร็จคณะเราก็แบ่งเป็นสองฝั่งผมไอ้ฝิ่นไอ้แกมม่าน้องอัลฟ่าไอ้เปาและเฮียตะวันจะกลับที่พักส่วนที่เหลือก็ไปเที่ยวกันต่อที่จริงก็ร้านี่เฮียมันเปิดใหม่นั่นแหละ น้องเบต้าดูตื่นเต้นมากครับไม่เคยเข้าผับสักครั้ง อายุไม่ถึงแต่ไปกับเจ้าของร้านหายห่วงเลยครับ
วันต่อมาเรามีนัดกันไปดำน้ำดูปาการังกันครับ พวกเพื่อนสภาพไม่เต็มร้อยมากแต่ละคน แต่พอตื่นเต็มตาก็กลับมาบ้าเหมือนเดิม ส่วนผมไม่ได้ลงกับเขา รออยู่บนเรือแต่แค่อยู่บนเรือก็ฟินแล้วครับวิวสวยมาน้ำก็ใส ผมเลยถ่ายรูปเล่นแทนเก็บบรรยากาศรอบๆ เรือก็แวะจอดหาดนั้นหาดนี้ให้ลงไปเล่นน้ำถ่ายรูปกัน พวกกิจกรรมเพื่อนแม่งก็เล่นกันหมดทั้ง พาราเซล บานาน่าโบ๊ท โดนัท กลับมาถึงเย็นๆก็บาบีคิวริมหาดกันต่อ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ก็กลับกันแล้วเพราะวันจันทร์น้องเบต้าก็ต้องไปเรียนแต่ก็กลับเย็นๆครับ นั่งเครื่องกันเวลาเที่ยวก็เยอะขึ้น
พอทุกอย่างเสร็จหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายกันทันทีครับผมที่ไปนั่งเรือมาทั้งวันยังเหนื่อยนับประสาอะไรกับคนอื่นที่จัดเต็มกันมาก เช้าวันต่อมาเราก็ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วกลับไปนอนต่อจนเกือบเที่ยงค่อยลุกมาหาอะไรกินกัน เฮียบุหรี่ก็เข้ามาหาเพราะเฮียมันว่างงานวันอาทิตย์แต่เมื่อวานก็โดดงานไปเที่ยวกับพวกเราด้วย
“จะกลับกันแล้วเหงาว่ะ” เฮียมันเปยขึ้นมา
“ว่างๆค่อยไปหาก็ได้” ผมที่กินข้าวเสร็จแล้วก็ยกนมขึ้นจิบ อย่างว่าเฮียมันอยู่ไกลพี่ไกลน้อง
“ว่าจะไปอยู่นัดกับไอ้ซิกการ์ไว้แล้ว น่าจะประมาณอาทิตย์หน้า”
พรวดดด!!
แค่กๆ
ผมสำลักนมทันที
ช่วงนั้นมันช่วงที่ผมจะนัดผ่าคลอดนี่!!
“ใจเย็นๆ เอานี่” เฮียบุหรี่รีบหยิบทิชชู่มาให้ ส่วนฝิ่นก็รีบเข้ามาประคองทันที พออาการสงบลงแล้วผมก็มองหน้าไอ้ฝิ่นแหยๆมันส่ายหัวหน่ายๆ
“ว่าแต่เฮียจะไปช่วงนั้นจริงๆหรอ?”
“ทำไมวะ?”
“ก็...” ผมที่คิดคำแถไม่ออกกันหันไปสบตากับไอ้ฝิ่น มันเหยียดยิ้มแล้วหันไปมองหน้าพี่มัน
“ผมกับมันว่าจะไปเที่ยวกันน่ะ ไม่น่าจะอยู่” ฝิ่นบอกด้วยสีหน้าปกติ
“หืมอะไรเพิ่งกลับจะไปเที่ยวกันอีกหรอ?” เฮียเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
“ก็มีที่ที่อยากไปอยู่ เลยตกลงกันแล้วว่าจะไป” ผมรีบแทรก ยิ้มหวานประจบ เฮียมีสีหน้าเคลือบแคลงแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพิ่มพยักหน้าเงียบๆ
“งั้นเดี๋ยวคุยกับซิกอีกที”
“ครับ” ผมรับไปสั้นๆรู้สึกแปลกใจที่เฮียยอมถอยง่ายๆ แต่ไม่อยากไปเซ้าซี้อะไรมากเดี๋ยวมันจะยุ่ง
“งั้นวันนี้ไปขับรถเล่นกันเก็บของไปเลยตอนค่ำจะได้ไปส่งที่สนามบินเลย” เฮียบุหรี่ว่าแล้วลุกออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ผมกับไอ้ฝิ่นก็ไปเก็บของ ตะโกนบอกเพื่อนไปด้วย
..................
..........
.......
“โอ๊ย!”
ผมร้องแล้วรีบทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องทันทีเอนหลังพิงกับด้านหลังของโซฟากลางห้องในคอนโด ไอ้ฝิ่นรีบวิ่งหน้าตื่นมาหา แล้วสำรวจร่างกายผมทันที
“เป็นอะไรรึเปล่า!?” มันถามด้วยน้ำเสียงร้องรนผมยกมือแตะแขนมันเบาๆ
“เปล่าเจ็บท้องเฉยๆ”
“หรือว่าจะคลอด” สีหน้ามันยิ่งลนลานไปใหญ่
“คงไม่หรอก ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” ผมยิ้มให้มันบางๆ มันก็ช่วยพยุงผมไปนั่งบนโซฟา ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็ถึงกำหนดคลอดแล้วผมก็เจ็บท้องบ่อยขึ้น หมอบอกใกล้คลอดก็มักจะมีอาการเจ็บท้องเตือนอยู่เรื่อยๆ แต่ก็มาเป็นพักๆ ถ้านั่งพักก็หาย
“แล้วเดินออกมาทำอะไรดึกดื่น ถ้าจะเอาอะไรทำไมไม่บอก” มันว่าดุๆ ผมก็ก้มหน้างุดแค่คิกว่าลุกขึ้มากินน้ำนิดหน่อยคงไม่เป็นไรเพราะเหยือกน้ำในห้องมันหมด เห็นฝิ่นมันหลับอยู่ก็ไม่อยากกวน
“กินน้ำเฉยๆ” ผมตอบเสียงอ่อยๆ
“แล้วกินรึยัง”
“แล้ว” มันพยักหน้ารับลุกขึ้นพยุงผมเข้าห้องมานอนที่เตียงเหมือนเดิม มันเดินออกไปหยิบเหยือกน้ำและแก้วเข้ามาใหม่แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ
“คราวหลังจะเอาอะไรบอกนะ” มันยกมือลูบหัวผม ผมก็พยักหน้ารับหงึกหงักซุกมันอ้อนๆ กำลังจะเคลิ้มหลับถ้าไม่ใช่เพราะ...
“โอ๊ย!”
แรงบีบจากภายในทำให้รู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมา ฝิ่นรีบลุกขึ้นมาดูอีกรอบ
“เป็นอะไร!”
“จะ เจ็บ ท้อง...”
“ไปหาหมอเถอะ” มันว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ผมส่ายหน้า
“ถะ..ถ้าแค่เจ็บหลอกเดี๋ยวก็ต้องกลับมา”
“อย่างน้อยไปหาหมอก่อนเถอะ” ไอ้ฝิ่นดูกระวนกระวาย ผมกุมท้องอย่างเจ็บปวดเมื่อรู้สึกว่าอาการเจ็บมันรุนแรงขึ้น จนเริ่มลังเล
“อะ...อืม”
หมับ!
มันรวบตัวผมเข้าในอ้อมกอด หยิบของจำเป็นแล้วอุ้มออกจากห้องไป สีหน้าเคร่งเครียดของมันกลับทำให้ผมยิ้มในเวลานี้ได้ อาจเพราะเป็นเวลากลางคืนถนนเลยโล่งกว่าปกติใช่เวลาไม่นานเราก็มาถึงโรงพยาบาล ตอนแรกมันจะให้ผมลงจากรถตรงผู้ป่วยฉุกเฉินแต่ผมไม่ยอม
“มึงเข้าไปพร้อมกูนะ” ผมอ้อนมัน รู้สึกไม่อยากห่างจากมันสักนิด มันยิ้มอย่างอ่อนใจ
“ครับ”
อ่านแล้วก็คอมเม้นหรือฟีดแบ็คกลับมากันด้วยนะคะ
มันเป็นกำลังใจให้คนเขียนจริงๆ☻♥
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชากับฝิ่นคงดีใจเนาะรอวันนี้มานานเรายังเป็นปลื้มเลยขอให้น้องแข็งแรง