กว่าจะถึงฤดูรัก
ฤดูฝนเมื่อหลายปีก่อนเธอแอบชอบรุ่นพี่สุดฮอตในโรงเรียน แต่ฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้เธอกำลังจะเผยความในใจให้เขารู้ โดยไม่คาดหวังว่าเขาคนนั้นจะตอบรับรักหรือไม่
ผู้เข้าชมรวม
431
ผู้เข้าชมเดือนนี้
11
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กว่าจะถึงฤดูรัก
บทนำ
เคยได้ยินเขาพูดกันว่า รักแรกเป็นรักฝังใจ เขาคนนั้นจะอยู่ในใจเราไปตลอดชีวิต
ตอนแรกฉันก็ไม่เคยเชื่อ จนได้มาเจอกับรุ่นพี่คนหนึ่งเมื่อครั้งเข้าเรียนชั้นมัธยม ฉันหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ
ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่สามารถลืมผู้ชายที่ชื่อ ‘รณพีร์’ ได้เลย
คุณเชื่อไหมว่าในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ฉันไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเลย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะกำลังสนุกในการทำงาน
จึงไม่ค่อยมีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่พอเครียดกับการทำงานมากขึ้น
ฉันกลับรู้สึกอยากมีใครสักคนไว้คอยปรึกษา และทำให้ฉันยิ้มได้ ครั้นจะโทรฯหา ‘เมธ’ เพื่อนรัก มันก็ทำงานอยู่สายการบินไม่ค่อยมีเวลาให้สักเท่าไหร่ ตอนนี้มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องเดินหน้าต่อไป
ไม่อย่างนั้นคงจะได้ขึ้นคานเป็นแน่
สวัสดีค่ะฉันชื่อนางสาว
อรสินี ก้องเกียรติสกุล หรือเพื่อน ๆ เรียกว่า ‘อร’ ตอนนี้เข้าสู่วัยเบญจเพสพอดิบพอดี
เรียนจบด้านโฆษณาที่มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง เป็นผู้หญิงร่าเริงและมองโลกในแง่ดี ค่อนข้างติดดิน
และที่สำคัญเป็นทาสแมวอีกด้วย
“คุณอรสินีที่จะมาสัมภาษณ์งานใช่ไหมคะ”
“อ้อ ใช่ค่ะ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ
ผู้จัดการรออยู่ในห้องแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
ใช่แล้วค่ะตอนนี้ฉันเข้ามาสัมภาษณ์งานที่ใหม่
เป็นบริษัทโฆษณาชื่อดัง ที่ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
ฉันได้รับอีเมลเรียกตัวให้มาสัมภาษณ์ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเมื่อครั้งที่ไปสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
พี่พนักงานสาวสวยยิ้มเก่งเปิดประตูห้องให้
จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เมื่อเจอกับผู้จัดการก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ
เชิญนั่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อนั่งลงแล้วฉันก็ยื่นแฟ้มเอกสารผลงานไว้บนโต๊ะ
“นี่แฟ้มผลงานหนูค่ะ”
ผู้จัดการคนนี้อายุน่าจะมากกว่าฉันเล็กน้อย
หน้าตาดี ดูภูมิฐาน ดูเป็นคนนิ่ง ๆ กำลังพิจารณาเขาในใจก็ต้องสะดุ้งโหยง
“พี่ชื่อคิวนะเป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณา
แนะนำตัวสั้น ๆ ให้พี่รู้จักหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ
หนูชื่อนางสาวอรสินี ก้องเกียรติสกุล ชื่อเล่นอร อายุยี่สิบห้าปี
เรียนจบปริญญาตรีด้านโฆษณาที่มหาวิทยาลัยXXX เรียนจบก็ทำงานที่บริษัทเจอาร์บีมาตลอดจนถึงตอนนี้เลยค่ะ”
ฉันแนะนำตัวเองสั้น ๆ ในขณะที่ผู้จัดการกำลังเปิดแฟ้มผลงานฉันดูประกอบไปด้วย
“ผลงานของน้องโอเคมากเลยนะ
ทำไมถึงอยากมาทำงานที่นี่ล่ะ”
“เพราะหนูอยากเปิดโลกทัศน์ในการทำงานให้กว้างขึ้นค่ะ
เป็นการท้าทายตัวเองว่าจะสามารถทำอะไรใหม่ ๆ ได้มากแค่ไหน
อีกอย่างที่นี่ก็เป็นบริษัทโฆษณาอันดับหนึ่งของประเทศ หนูอยากร่วมงานกับที่นี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะค่ะ”
“อ้อ แล้วทำไมไม่มาสมัครตั้งแต่แรกล่ะ”
“พอดีว่าตอนนั้นรุ่นพี่ชวนให้ไปทำงานด้วย
เลยปฏิเสธไม่ได้ค่ะ แต่ตอนนี้หนูมีประสบการณ์มาแล้วและพร้อมจะต่อยอดที่มีเดียวันแล้วค่ะ”
“จริง ๆ แล้วพี่โอเคกับน้องตั้งแต่เห็นใบสมัครแล้วล่ะ
ยิ่งได้มาเจอตัวจริงยิ่งอยากร่วมงานด้วยมาก ๆ ได้น้องเข้ามาร่วมทีมด้วยคงจะมีไอเดียใหม่
ๆ มากขึ้น”
“ขอบคุณที่ชอบหนูนะคะ
ถ้าได้มาทำงานที่นี่หนูจะตั้งใจให้สุดฝีมือเลยค่ะ” ฉันยิ้มไม่หุบเมื่อโดนชมต่อหน้าอย่างนี้
และหวังว่าคำชมนั่นจะทำให้ฉันได้งานใหม่
Rrrrr….
ผู้จัดการกำลังจะเอ่ยอะไรกับฉัน
แต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกลับดังขึ้นเสียก่อน
“พี่ขอรับโทรศัพท์แปบนึงนะ”
“ค่ะ” ฉันยิ้ม
“ว่าไงครับ”
“อ่อ ๆ
ให้เขามาได้”
คุยสายไม่กี่วินาทีผู้จัดการก็วางสาย
หลังจากนั้นก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่หันไปมองเพราะกลัวจะเป็นการเสียมารยาท
“ไอ้คิว! เย็นนี้ไปดริ้งกันป่ะวะ น้อง ๆ ในร้านเรียกหามึงกันให้แซ่ดเลยว่ะ”
เสียงของผู้มาใหม่ทำเอาฉันกลอกลูกตา
มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเสียมารยาท เพราะคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้ชายเรียบร้อย ธรรมะธัมโมอะไรเทือกนั้น
แต่ทว่ากลับผิดคาด ผู้จัดการทำหน้าเลิ่กลั่ก ดูเหมือนจะอายฉันไม่น้อย
“สรุปมึงมาหากูเพราะเรื่องแค่นี้เหรอวะ
ถ้าไม่มีอะไรออกไปด่วน ๆ กูกำลังสัมภาษณ์พนักงานใหม่อยู่ ทำเอาซะกูเสียภาพพจน์หมดเลย”
เขากล่าวกับเพื่อนแล้วหันมาหาฉัน “ขอโทษด้วยนะน้อง พอดีเพื่อนพี่มันปากหมาไปหน่อย”
“แล้วไงวะ
ถึงยังไงน้องก็จะเข้ามาทำงานที่นี่อยู่ดี ทำความคุ้นเคยกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
เข้ามาแล้วจะได้สนิทกันเร็ว ๆ” ในขณะที่เขาพูดฉันก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่กล้ามองหน้า ฟังจากน้ำเสียงและการพูดการจา
คงจะหม้อผู้หญิงไปทั่วแน่ ๆ
“กูกลัวว่าน้องเขาจะกลัวไม่กล้าเข้ามาทำงานน่ะสิ”
“คงไม่มีใครกลัวคนหล่อ
ๆ อย่างนี้หรอกว่ะ”
เสียงพูดของชายผู้มาใหม่ดังข้างหูในระยะประชิด
ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เลื่อนเก้าอี้ออกห่าง
รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เขาเสียมารยาทอย่างนี้ จึงตัดสินใจหันไปมองหน้า
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
เมื่อได้เห็นหน้าเขา ใบหน้าหล่อที่อยู่ในความทรงจำมาโดยตลอด ฉันจ้องหน้าเขาตาแทบไม่กะพริบ
เขาเองก็จองหน้าฉันแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“นั่นไงมึง
หล่อจนน้องเค้าอึ้งไปเลย”
เสียงนั่นทำให้ฉันหลุดจากภวังค์
รีบหันกลับไปมองพี่คิวทันที มือที่ประสานอยู่บนตักมีเหงื่อซึมออกมาจนเต็มอุ้งมือ
“มึงออกไปเลย
แค่นี้น้องเขาก็อายมึงจะแย่แล้ว ดูสิหน้าแดงก่ำเชียว อย่าถือสาเพื่อนพี่เลยนะ
ไอ้นี่มันบ้า ชอบหม้อสาวไปวัน ๆ ไร้สาระ”
“ไอ้ห่า มึงก็พูดเว่อร์ไป
เดี๋ยวน้องก็มองกูในแง่ลบหรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ
หนูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย ที่หน้าแดงไม่ใช่เพราะอายอะไรหรอกค่ะ
แค่รู้สึกโมโหที่พี่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้”
“ฮ่า ๆ
เห็นไหมล่ะว่าน้องมันไม่ได้พิศวาสมึง งั้นพี่รับน้องเข้าทำงานเลย น้อยคนนักที่จะไม่หลงเสน่ห์ไอ้พีร์ตั้งแต่แรกเจอ
เหมาะกับการทำงานร่วมกับพี่ที่สุด คนก่อน ๆ หลงมันหัวปักหัวปำ จนไม่เป็นอันทำงาน ถึงกับต้องไล่ออกกันเลยทีเดียว”
“นี่น้องไม่รู้สึกอะไรกับพี่บ้างเลยเหรอ”
เขายังคงต้องการเอาชนะให้ได้
คิดว่าผู้หญิงทั้งโลกจะหลงเสน่ห์เขาหมดทุกคนเลยหรือไงเนี่ย
“ไม่ค่ะ รู้สึกเฉย
ๆ พอดีว่าหนูไม่ชอบผู้ชายหน้าหม้อค่ะ” ฉันกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้
“โอเค! ไม่เป็นไร เรายังมีเวลารู้จักกันอีกเยอะ อยากรู้ว่าจะเมินพี่ไปได้สักกี่วัน
หึ ๆ” รู้สึกว่าเขาจะเสียความมั่นใจไปไม่น้อย
กับการที่ฉันไม่ได้แสดงออกว่าปลื้มเขาตั้งแต่แรกเจอ เขาช่างแตกต่างจากเมื่อสิบกว่าปีก่อนลิบลับ
ผู้ชายที่ดูอบอุ่นและสุขุมคนนั้นหายไปไหนกัน วันเวลาทำให้คนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
“พอเลย ๆ
ออกไปได้แล้วกูจะคุยเรื่องงานกับน้องเขาต่อ”
“เออ! กูไปแล้วสรุปว่าเย็นนี้เอาไง”
“ไปก็ไป
แล้วเจอกันว่ะ”
“โอเคแล้วเจอกัน” ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเขาก็หันมามองหน้าฉัน
แววตานั้นช่างเดายากเสียจริงว่ากำลังคิดอะไร “น้องชื่ออะไรนะ”
“เอ่อ...อรค่ะ”
“ไว้เจอกันนะครับน้องอร”
อีกฝ่ายตะเบ๊ะ ยิ้มมุมปาก แล้วเดินออกไปจากห้อง
ฉันรู้สึกโล่งใจมากที่ในห้องนี้ไม่มีเขาแล้ว
หัวใจที่เคยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ บัดนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ การได้มาเจอพี่พีร์ที่บริษัทนี้
มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นกว่าการมาสัมภาษณ์งานเสียอีก
“เอาเป็นว่าพี่ให้เราเริ่มงานวันจันทร์หน้านะ
สัมภาษณ์แล้วลงไปติดต่อที่ฝ่ายบุคคลอีกทีนะ”
“ขอบคุณมากค่ะผู้จัดการที่รับหนูเข้าทำงาน
หนูสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้สมกับที่พี่ไว้ใจค่ะ”
“ครับผม
แล้วเจอกันวันจันทร์นะ”
“ค่ะ”
ฉันเดินออกมาจากห้องผู้จัดการด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองมายืนอยู่ถึงจุดนี้ได้ เรื่องงานสมหวังดังใจปรารถนาแล้ว
แต่เรื่องความรักนี่สิ จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ กำลังจะเปิดหัวใจรับใครบางคนเข้ามาแทนที่พี่พีร์
แต่ทว่าเขาดันโผล่มาซะดื้อ ๆ เขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
ทำให้ฉันลังเลใจว่าจะเบนเข็มกลับไปที่เดิม หรือจะสร้างมิตรภาพใหม่กับผู้ชายคนอื่นดี
ผลงานอื่นๆ ของ ม่านดาว ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ม่านดาว
ความคิดเห็น