กว่าจะถึงฤดูรัก - นิยาย กว่าจะถึงฤดูรัก : Dek-D.com - Writer
×

    กว่าจะถึงฤดูรัก

    ฤดูฝนเมื่อหลายปีก่อนเธอแอบชอบรุ่นพี่สุดฮอตในโรงเรียน แต่ฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้เธอกำลังจะเผยความในใจให้เขารู้ โดยไม่คาดหวังว่าเขาคนนั้นจะตอบรับรักหรือไม่

    ผู้เข้าชมรวม

    431

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    431

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 ส.ค. 62 / 21:14 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    กว่าจะถึงฤดูรัก

    บทนำ

     

                เคยได้ยินเขาพูดกันว่า รักแรกเป็นรักฝังใจ เขาคนนั้นจะอยู่ในใจเราไปตลอดชีวิต ตอนแรกฉันก็ไม่เคยเชื่อ จนได้มาเจอกับรุ่นพี่คนหนึ่งเมื่อครั้งเข้าเรียนชั้นมัธยม ฉันหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่สามารถลืมผู้ชายที่ชื่อ รณพีร์ ได้เลย

                คุณเชื่อไหมว่าในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเลย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะกำลังสนุกในการทำงาน จึงไม่ค่อยมีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่พอเครียดกับการทำงานมากขึ้น ฉันกลับรู้สึกอยากมีใครสักคนไว้คอยปรึกษา และทำให้ฉันยิ้มได้ ครั้นจะโทรฯหา เมธ เพื่อนรัก มันก็ทำงานอยู่สายการบินไม่ค่อยมีเวลาให้สักเท่าไหร่ ตอนนี้มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องเดินหน้าต่อไป ไม่อย่างนั้นคงจะได้ขึ้นคานเป็นแน่

                สวัสดีค่ะฉันชื่อนางสาว อรสินี ก้องเกียรติสกุล หรือเพื่อน ๆ เรียกว่า อรตอนนี้เข้าสู่วัยเบญจเพสพอดิบพอดี เรียนจบด้านโฆษณาที่มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง เป็นผู้หญิงร่าเริงและมองโลกในแง่ดี ค่อนข้างติดดิน และที่สำคัญเป็นทาสแมวอีกด้วย

                “คุณอรสินีที่จะมาสัมภาษณ์งานใช่ไหมคะ”

                “อ้อ ใช่ค่ะ”

                “เชิญทางนี้เลยค่ะ ผู้จัดการรออยู่ในห้องแล้ว”

                “ขอบคุณค่ะ”

                ใช่แล้วค่ะตอนนี้ฉันเข้ามาสัมภาษณ์งานที่ใหม่ เป็นบริษัทโฆษณาชื่อดัง ที่ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ฉันได้รับอีเมลเรียกตัวให้มาสัมภาษณ์ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเมื่อครั้งที่ไปสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว

                พี่พนักงานสาวสวยยิ้มเก่งเปิดประตูห้องให้ จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เมื่อเจอกับผู้จัดการก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยรอยยิ้ม

                “สวัสดีค่ะ”

                “สวัสดีครับ เชิญนั่ง”

                “ขอบคุณค่ะ”

                เมื่อนั่งลงแล้วฉันก็ยื่นแฟ้มเอกสารผลงานไว้บนโต๊ะ  

                “นี่แฟ้มผลงานหนูค่ะ”

                ผู้จัดการคนนี้อายุน่าจะมากกว่าฉันเล็กน้อย หน้าตาดี ดูภูมิฐาน ดูเป็นคนนิ่ง ๆ กำลังพิจารณาเขาในใจก็ต้องสะดุ้งโหยง

                “พี่ชื่อคิวนะเป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณา แนะนำตัวสั้น ๆ ให้พี่รู้จักหน่อยสิ”

                “ได้ค่ะ หนูชื่อนางสาวอรสินี ก้องเกียรติสกุล ชื่อเล่นอร อายุยี่สิบห้าปี เรียนจบปริญญาตรีด้านโฆษณาที่มหาวิทยาลัยXXX เรียนจบก็ทำงานที่บริษัทเจอาร์บีมาตลอดจนถึงตอนนี้เลยค่ะ” ฉันแนะนำตัวเองสั้น ๆ ในขณะที่ผู้จัดการกำลังเปิดแฟ้มผลงานฉันดูประกอบไปด้วย

                “ผลงานของน้องโอเคมากเลยนะ ทำไมถึงอยากมาทำงานที่นี่ล่ะ”

                “เพราะหนูอยากเปิดโลกทัศน์ในการทำงานให้กว้างขึ้นค่ะ เป็นการท้าทายตัวเองว่าจะสามารถทำอะไรใหม่ ๆ ได้มากแค่ไหน อีกอย่างที่นี่ก็เป็นบริษัทโฆษณาอันดับหนึ่งของประเทศ หนูอยากร่วมงานกับที่นี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะค่ะ”

                “อ้อ แล้วทำไมไม่มาสมัครตั้งแต่แรกล่ะ”

                “พอดีว่าตอนนั้นรุ่นพี่ชวนให้ไปทำงานด้วย เลยปฏิเสธไม่ได้ค่ะ แต่ตอนนี้หนูมีประสบการณ์มาแล้วและพร้อมจะต่อยอดที่มีเดียวันแล้วค่ะ”

                “จริง ๆ แล้วพี่โอเคกับน้องตั้งแต่เห็นใบสมัครแล้วล่ะ ยิ่งได้มาเจอตัวจริงยิ่งอยากร่วมงานด้วยมาก ๆ ได้น้องเข้ามาร่วมทีมด้วยคงจะมีไอเดียใหม่ ๆ มากขึ้น”

                “ขอบคุณที่ชอบหนูนะคะ ถ้าได้มาทำงานที่นี่หนูจะตั้งใจให้สุดฝีมือเลยค่ะ” ฉันยิ้มไม่หุบเมื่อโดนชมต่อหน้าอย่างนี้ และหวังว่าคำชมนั่นจะทำให้ฉันได้งานใหม่

                Rrrrr….

                ผู้จัดการกำลังจะเอ่ยอะไรกับฉัน แต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกลับดังขึ้นเสียก่อน

                “พี่ขอรับโทรศัพท์แปบนึงนะ”

                “ค่ะ” ฉันยิ้ม

                “ว่าไงครับ”

                “อ่อ ๆ ให้เขามาได้”

                คุยสายไม่กี่วินาทีผู้จัดการก็วางสาย หลังจากนั้นก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่หันไปมองเพราะกลัวจะเป็นการเสียมารยาท

                “ไอ้คิว! เย็นนี้ไปดริ้งกันป่ะวะ น้อง ๆ ในร้านเรียกหามึงกันให้แซ่ดเลยว่ะ”

                เสียงของผู้มาใหม่ทำเอาฉันกลอกลูกตา มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเสียมารยาท เพราะคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้ชายเรียบร้อย ธรรมะธัมโมอะไรเทือกนั้น แต่ทว่ากลับผิดคาด ผู้จัดการทำหน้าเลิ่กลั่ก ดูเหมือนจะอายฉันไม่น้อย

                “สรุปมึงมาหากูเพราะเรื่องแค่นี้เหรอวะ ถ้าไม่มีอะไรออกไปด่วน ๆ กูกำลังสัมภาษณ์พนักงานใหม่อยู่ ทำเอาซะกูเสียภาพพจน์หมดเลย” เขากล่าวกับเพื่อนแล้วหันมาหาฉัน “ขอโทษด้วยนะน้อง พอดีเพื่อนพี่มันปากหมาไปหน่อย”

                “แล้วไงวะ ถึงยังไงน้องก็จะเข้ามาทำงานที่นี่อยู่ดี ทำความคุ้นเคยกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เข้ามาแล้วจะได้สนิทกันเร็ว ๆ” ในขณะที่เขาพูดฉันก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่กล้ามองหน้า ฟังจากน้ำเสียงและการพูดการจา คงจะหม้อผู้หญิงไปทั่วแน่ ๆ

                “กูกลัวว่าน้องเขาจะกลัวไม่กล้าเข้ามาทำงานน่ะสิ”

                “คงไม่มีใครกลัวคนหล่อ ๆ อย่างนี้หรอกว่ะ”

    เสียงพูดของชายผู้มาใหม่ดังข้างหูในระยะประชิด ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เลื่อนเก้าอี้ออกห่าง รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เขาเสียมารยาทอย่างนี้ จึงตัดสินใจหันไปมองหน้า

                ตึก ตึก ตึก

                เสียงหัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้เห็นหน้าเขา ใบหน้าหล่อที่อยู่ในความทรงจำมาโดยตลอด ฉันจ้องหน้าเขาตาแทบไม่กะพริบ เขาเองก็จองหน้าฉันแล้วยิ้มอย่างพอใจ

                “นั่นไงมึง หล่อจนน้องเค้าอึ้งไปเลย”

                เสียงนั่นทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ รีบหันกลับไปมองพี่คิวทันที มือที่ประสานอยู่บนตักมีเหงื่อซึมออกมาจนเต็มอุ้งมือ

                “มึงออกไปเลย แค่นี้น้องเขาก็อายมึงจะแย่แล้ว ดูสิหน้าแดงก่ำเชียว อย่าถือสาเพื่อนพี่เลยนะ ไอ้นี่มันบ้า ชอบหม้อสาวไปวัน ๆ ไร้สาระ”

                “ไอ้ห่า มึงก็พูดเว่อร์ไป เดี๋ยวน้องก็มองกูในแง่ลบหรอก”

                “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย ที่หน้าแดงไม่ใช่เพราะอายอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกโมโหที่พี่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้”

                “ฮ่า ๆ เห็นไหมล่ะว่าน้องมันไม่ได้พิศวาสมึง งั้นพี่รับน้องเข้าทำงานเลย น้อยคนนักที่จะไม่หลงเสน่ห์ไอ้พีร์ตั้งแต่แรกเจอ เหมาะกับการทำงานร่วมกับพี่ที่สุด คนก่อน ๆ หลงมันหัวปักหัวปำ จนไม่เป็นอันทำงาน ถึงกับต้องไล่ออกกันเลยทีเดียว”

                “นี่น้องไม่รู้สึกอะไรกับพี่บ้างเลยเหรอ” เขายังคงต้องการเอาชนะให้ได้ คิดว่าผู้หญิงทั้งโลกจะหลงเสน่ห์เขาหมดทุกคนเลยหรือไงเนี่ย

                “ไม่ค่ะ รู้สึกเฉย ๆ พอดีว่าหนูไม่ชอบผู้ชายหน้าหม้อค่ะ” ฉันกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้

                “โอเค! ไม่เป็นไร เรายังมีเวลารู้จักกันอีกเยอะ อยากรู้ว่าจะเมินพี่ไปได้สักกี่วัน หึ ๆ” รู้สึกว่าเขาจะเสียความมั่นใจไปไม่น้อย กับการที่ฉันไม่ได้แสดงออกว่าปลื้มเขาตั้งแต่แรกเจอ เขาช่างแตกต่างจากเมื่อสิบกว่าปีก่อนลิบลับ ผู้ชายที่ดูอบอุ่นและสุขุมคนนั้นหายไปไหนกัน วันเวลาทำให้คนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ

                “พอเลย ๆ ออกไปได้แล้วกูจะคุยเรื่องงานกับน้องเขาต่อ”

                “เออ! กูไปแล้วสรุปว่าเย็นนี้เอาไง”

                “ไปก็ไป แล้วเจอกันว่ะ”

                “โอเคแล้วเจอกัน” ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเขาก็หันมามองหน้าฉัน แววตานั้นช่างเดายากเสียจริงว่ากำลังคิดอะไร “น้องชื่ออะไรนะ”

                “เอ่อ...อรค่ะ”

                “ไว้เจอกันนะครับน้องอร” อีกฝ่ายตะเบ๊ะ ยิ้มมุมปาก แล้วเดินออกไปจากห้อง

                ฉันรู้สึกโล่งใจมากที่ในห้องนี้ไม่มีเขาแล้ว หัวใจที่เคยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ บัดนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ การได้มาเจอพี่พีร์ที่บริษัทนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นกว่าการมาสัมภาษณ์งานเสียอีก

                “เอาเป็นว่าพี่ให้เราเริ่มงานวันจันทร์หน้านะ สัมภาษณ์แล้วลงไปติดต่อที่ฝ่ายบุคคลอีกทีนะ”

                “ขอบคุณมากค่ะผู้จัดการที่รับหนูเข้าทำงาน หนูสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้สมกับที่พี่ไว้ใจค่ะ”

                “ครับผม แล้วเจอกันวันจันทร์นะ”

                “ค่ะ”

                ฉันเดินออกมาจากห้องผู้จัดการด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองมายืนอยู่ถึงจุดนี้ได้ เรื่องงานสมหวังดังใจปรารถนาแล้ว แต่เรื่องความรักนี่สิ จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ กำลังจะเปิดหัวใจรับใครบางคนเข้ามาแทนที่พี่พีร์ แต่ทว่าเขาดันโผล่มาซะดื้อ ๆ เขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ทำให้ฉันลังเลใจว่าจะเบนเข็มกลับไปที่เดิม หรือจะสร้างมิตรภาพใหม่กับผู้ชายคนอื่นดี

               

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น