ยอดดวงใจนายมาเฟีย(Mpreg) - นิยาย ยอดดวงใจนายมาเฟีย(Mpreg) : Dek-D.com - Writer
×

    ยอดดวงใจนายมาเฟีย(Mpreg)

    อันดา หนุ่มน้อยวัยสิบแปดกะรัตผู้ซึ่งไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตเองได้ ถูกพ่อกับแม่นำไปขายเพื่อใช้หนี้ให้กับมาเฟียหนุ่มหล่อนามว่า มังกร เขาคนนั้นทำให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ กลายเป็นผู้ปกครอง

    ผู้เข้าชมรวม

    6,094

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    6.09K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    176
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  20 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.พ. 64 / 11:52 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    = บทนำ =

     

                ไม่นึกเลยว่าวันนี้ผมจะต้องโคจรมาพบเจอกับเขาอีกครั้ง ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก เป็นคนที่ผมรักมาก เราไม่ได้เจอกันนานถึงห้าปีแต่ทว่า...

                “คงจะรักไอ้หยางเหว่ยมากสินะถึงขนาดยอมมีลูกกับมัน แต่หน้าไม่ยักจะเหมือนไอ้นั่น หรือว่านี่จะเป็นลูกชู้”

                “หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าพล่ามคำพูดต่ำ ๆ ออกมาต่อหน้าลูกผม ผมจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของผม เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันตั้งนานแล้ว กรุณาอย่าเสือกเรื่องของคนอื่นให้มากนัก” ผมถลึงตามองเขาด้วยความโมโห เขาจะโกรธจะเกลียดผมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ขออย่างเดียวอย่ามายุ่งวุ่นวายกับพายุเป็นพอ

                “ม๊าครับทำไมพูดกับคุณลุงอย่างนั้นล่ะครับ”

                “นั่นสิครับ ทำไมม๊าของหนูถึงได้พูดกับลุงอย่างนี้นะ” เขาแสร้งทำเป็นยิ้มแล้วจะเดินเข้ามาหา แต่ผมรีบดึงตัวพายุให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง

                “อย่ามายุ่งกับลูกผม ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องมาสนทนากัน อย่าลืมสิว่าสามีของผมเป็นคู่อริกับคุณ”

                “นายก็อย่าลืมสิว่าฉันเคยเป็น...”

                “หยุดเดี๋ยวนี้! เก็บปากคุณไว้กินข้าวดีกว่า ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”

                “อย่าคิดว่าเป็นเมียไอ้หยางเหว่ยแล้วฉันจะกลัวนะ รับรองว่าเราได้เห็นดีกันแน่” เขาขู่ผมด้วยแววตาแข็งกร้าว รอยยิ้มมุมปากทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลัง จนป่านนี้เขายังไม่คิดจะลืมเรื่องบาดหมางนั้นอีกหรือ

                “ผมว่าเราต่างคนต่างอยู่ดีกว่าครับ ขอตัวนะครับผมรีบ”

                “น้องพายุเอาไว้เราค่อยเจอกันอีกนะครับ”

                “ได้เลยครับคุณลุง”

                สองพ่อลูกยิ้มให้กันราวกับคนคุ้นเคยกันมานาน เห็นอย่างนั้นผมก็รีบดึงแขนพายุเดินไปโดยเร็ว ในใจก็เป็นกังวลกลัวเขาจะสงสัยว่าพายุคือลูกตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายผมจะไม่ยอมให้เขาเจอกับพายุอีก

     

    ห้าปีก่อนหน้านี้...

              ใครเคยผ่านช่วงเวลาที่รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นมาบ้างครับ อยากรู้ว่าความเจ็บปวดและทรมานใจมันจะรุนแรงเหมือนอย่างที่ผมเจอไหม

                ความจริงแล้ววันนี้ควรจะเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดทว่ากลับไม่ใช่ กลับมาจากโรงเรียนแล้วก็เดินเร็วตรงเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ในมือก็ถือใบระเบียนแสดงผลการเรียนที่ระบุเกรดเฉลี่ย 3.95 พร้อมกับข่าวดีที่สามารถสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ได้ ผมอยากทำให้ท่านทั้งสองภูมิใจในตัวผมบ้าง

                “พ่อครับ แม่ครับ ผมมีข่าวดีจะมาบอก”

                “ข่าวดีบ้าบออะไรของแก” แม่ตอบกลับมา ทำทีไม่ได้สนใจผมเลยสักนิด

                “ผมสอบติดคณะเภสัชแล้วนะครับ แถมเกรดเทอมสุดท้ายยังได้ตั้ง...”

                “ไม่ต้องคิดเพ้อฝันเรื่องเรียนต่อแล้ว เพราะแกจะต้องย้ายไปทำงานที่บ้านเจ้าหนี้ของเราแล้ว”

                “แม่หมายความว่ายังไง ให้ผมย้ายไปที่นั่นทำไม” ผมแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนทรงตัว รีบเดินเข้าไปนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามท่านทั้งสอง

                “ฉันขายแกใช้หนี้ทั้งหมดแล้ว แถมยังได้เงินมาพยุงธุรกิจอีกเล็กน้อย จากนี้ไปแกจะต้องไปทำงานรับใช้เจ้าหนี้จนกว่าเขาจะพอใจ แต่ฉันคิดว่าคงต้องทำงานชดใช้ไปทั้งชาตินั่นล่ะ” แม่กล่าวออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ส่วนพ่อก็นั่งนิ่งไม่ยอมพูดจา ทำเป็นเมินไม่สนใจผมเลย

                ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยอยู่อย่างสุขสบายเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากท่านทั้งสองเลยสักนิด บ้านเราทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง คนอื่นที่มองมาคงจะคิดว่าเราร่ำรวย ใช่! ถ้าท่านทั้งสองไม่ไปเข้าบ่อน เงินที่ได้จากการทำธุรกิจก็นำเข้าไปถลุงในบ่อน แถมยังติดหนี้ท่วมหัวอีกต่างหาก แต่ผมไม่นึกเลยว่าท่านทั้งสองจะเอาตัวผมไปขายแลกกับหนี้พวกนั้น

                “ฮึก...ผมไม่ไปผมจะอยู่ที่นี่ อยู่กับพ่อกับแม่” ผมปล่อยโฮออกมาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น ความฝันได้พังทลายลงเสียแล้ว

                “แกไม่มีสิทธิ์เลือก ถ้าแกไม่ไปพวกมันก็จะมายึดบ้าน ยึดธุรกิจของเราไป ดีไม่ดีอาจจะมาฆ่าพวกฉันตายก็เป็นได้ แกอยากจะเป็นลูกอกตัญญูงั้นเหรอ ไม่สำนึกบุญคุณกันเลยใช่ไหม”

                “ผมรักพ่อกับแม่นะครับ แต่ทำไม...”

                “ไปอยู่ที่นั่นบางทีแกอาจจะสบายกว่าอยู่ที่บ้านเราก็ได้ ใช่ว่าฉันอยากจะทำอย่างนี้แต่มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ” พ่อเป็นฝ่ายเอ่ยบ้าง

                “ผมไม่ไปได้ไหม ผมสัญญาว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ให้เองนะ”

                “แกจะทำงานอะไรถึงจะได้เงินมาใช้หนี้เป็นสิบ ๆ ล้าน ขายตัวเป็นชาติก็ไม่มีทางหาเงินขนาดนั้นได้หรอก เอาตามนี้รีบขึ้นไปเก็บของจะมีคนมารับที่บ้าน”

                “ฮือ...ทำไมพ่อกับแม่ใจร้ายอย่างนี้ ผมถามจริง ๆ เถอะผมเป็นลูกแท้ ๆ พ่อกับแม่หรือเปล่า ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้รับความรักจากพ่อกับแม่เลยสักครั้ง มันหมายความว่ายังไง”

                “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ตอนนี้แกควรจะได้รู้ความจริงว่าฉันเก็บแกมาจากกองขยะ แม่ใจแตกของแกมันเอาแกมาทิ้งไว้ยังไงล่ะ”

                “แม่...โกหกผม อยากให้ผมเกลียดพ่อกับแม่ใช่ไหม”

                “พวกฉันจะโกหกแกไปทำไม ตอนนี้แกก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ควรจะตอบแทนบุญคุณพวกฉันบ้าง” พ่อกล่าวอย่างไม่ไยดีเลยสักนิด

                ผมเกลียดโชคชะตาตัวเองเหลือเกิน ถ้าโตมาแล้วต้องเจอกับเรื่องอย่างนี้ ผมควรจะตายในกองขยะตั้งแต่ตอนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวดอย่างเช่นทุกวันนี้

                “ถ้าพ่อกับแม่คิดอย่างนั้นผมก็จะไป ในเมื่อชีวิตผมมันไม่มีค่ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ก็ปล่อยให้มันไม่มีค่าต่อไป ผมคงตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ได้เท่านี้ล่ะครับ” ว่าแล้วผมก็ก้มลงกราบแทบเท้าพ่อกับแม่ แต่ท่านกลับยังคงทำเป็นเมิน ไม่พูดไม่จาอะไรเลย

                “ไปซะได้ก็ดี เหม็นขี้หน้าจะแย่ แล้วก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกนะ ฉันจะเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ตลอดไป”

                เสียงเล็กแหลมดังจากด้านหลัง ผมรู้ดีว่าเป็นเสียงใคร พายอาร์ น้องชายคนเดียวของผมเอง แต่ตอนนี้คงจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

                “ลงมาทำไมลูกพ่อกับแม่บอกให้อยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงที่แม่เอ่ยกับพายอาร์ช่างต่างกันลิบลับเลยทีเดียว

                “ก็อยากมาดูน้ำหน้ากาฝากของบ้านไงครับแม่ คงจะเสียใจน่าดูที่ไม่ได้เรียนต่อ”

                แม้ว่าพายอาร์จะเป็นน้องชาย แต่เราก็เรียนชั้นเดียวกัน เพิ่งจบชั้นมอปลายมาเหมือนกัน แต่ผมไม่เคยเอะใจมาก่อนว่าทำไมถึงอายุเราถึงห่างกันแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

                “มันจะมากไปแล้วนะพาย”

                “ก็มันจริงไหมล่ะ พ่อกับแม่ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเก็บมาเลี้ยง ถ้าไม่ใช่กาฝากจะเรียกว่าอะไรล่ะ”

                “ฮึก...ในเมื่อทุกคนไม่เคยรักและคิดว่าผมเป็นคนในครอบครัว ผมก็จะไม่กลับมาให้ทุกคนเห็นหน้าอีก ผมจะยอมก้มหน้าทำงานชดใช้หนี้ให้พ่อกับแม่ เพื่อแลกกับข้าวแดงแกงร้อนที่เลี้ยงผมดูมา  ฮือ...” แม้ท่านทั้งสองจะไม่ได้รักผมเลย แต่ก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเมื่อจะได้จากที่นี่ไป โดยไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

                เห็นสีหน้าสะใจของพายอาร์ก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น รู้สึกอิจฉาที่เขาได้รับสิ่งที่ผมโหยหามาโดยตลอด คิดเสียว่าเราเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรมก็แล้วกัน

                ผมรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องเก็บของเข้ากระเป๋าไปพร้อมกับการหลั่งน้ำตา ห้องน้อย ๆ ที่เคยเป็นที่ซุกหัวนอน เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยที่สุด ตอนนี้เราจะต้องจากกันแล้ว และเป็นการจากลาไม่คงไม่มีวันได้หวนคืนมาอีกแล้ว

     


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น