คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : part 8
paparazzi part 8
ร่างบางนั่งพับเสื้อผ้าของคนรักอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะต้องห่างกันจริง ๆ ทำไมวันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง รู้อยู่ว่าความห่างไกลครั้งนี้ไม่ใช่ว่าจะจากกันตลอดแต่ถ้าจะให้พูดได้อย่างเต็มปากว่าเขายอมรับได้มันก็ทำไม่ได้อยู่ดี
“คาซึยะ” จินเปิดประตูห้องนอนเข้ามาแล้วเอ่ยเรียกร่างบางที่ยังจัดกระเป๋าเดินทางให้เขาอยู่ เขาเดินมานั่งลงข้างคนรักแล้วยื่นของในมือให้
“อะไร” ร่างบางเอ่ยถาม
“รูปที่ถ่ายเมื่อวันก่อนไง ทัตซึยะส่งมาให้เพิ่งได้เมื่อกี้นี้เอง” จินตอบ
ร่างบางยื่นมือไปรับซองที่ถูกเปิดออกแล้วอยู่ก่อนหน้า เขาหยิบภาพถ่ายสี่ใบซึ่งทัตซึยะเป็นคนถ่ายเมื่อตอนไปบ้านจินที่เซ็นไดแล้วจัดงานเลี้ยงส่งให้จิน ร่างบางยิ้มให้กับภาพความทรงจำแห่งความสนุกนั้นก่อนจะหุบยิ้มที่รูปใบสุดท้าย “ทำไมจะต้องมียูอิจิมาแจมด้วยเนี่ย ไม่อย่างนั้นรูปนี้ฉันก็ได้ถ่ายคู่กับจินสองคนแล้ว”
“ไว้เราค่อยถ่ายคู่กันใหม่ก็ได้” จินบอก
“แล้วจะเมื่อไหร่ล่ะ ปีหน้ารอจินกลับเหรอ” ร่างบางถามเสียงเศร้า
จินยื่นมือไปจับแก้มร่างบางทั้งสองข้างแล้วออกแรงดึงเบา ๆ “หน้าย่นหมดแล้ว”
“ช่างฉัน” ร่างบางตอบแล้วจับมือคนรักทั้งสองข้างตอบ “จิน~~~ พรุ่งนี้ตื่นแล้วไม่ต้องปลุกฉันนะ จินออกไปได้เลยฉันไม่อยากเห็นภาพตอนจินเดินออกจากห้องไปหนะ”
“ก็ได้ตามใจนาย แล้วคนที่บ้านจะมารับกี่โมง” จินถามกลับ
“ฉันให้มารับตอนสาย ๆ ” ร่างบางตอบ
“นายกลับไปอยู่ที่บ้านกับแม่ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้สบายใจ ไม่อยากให้นายอยู่ที่นี่คนเดียว” จินบอกตามที่รู้สึก “แน่ใจเหรอว่าจะไม่คืนห้องให้สำนักงานบ้านเช่าน่ะ”
ร่างบางพยักหน้าหนักแน่น “ไม่คือให้หรอก ปีหน้าเราก็จะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ฉันจะมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์บ้านของเราจะได้ไม่โทรม....รักจินนะ”
“ฉันก็รักนายคาซึยะ” จินตอบแล้วจุมพิตลงบนหน้าผากมนของร่างบาง
ร่างบางพยายามกลั้นสะอื้นไม่อยากให้คนรักได้เห็นน้ำตาที่มันคลอหน่วย “จินจะเอาอะไรไปอีกไหมฉันจะจัดเพิ่มให้” เขาเปลี่ยนเรื่อง
คนร่างหนาระบายยิ้ม “เอานายใส่ไปด้วยได้หรือเปล่าละ”
ร่างบางยื่นมือไปบีบจมูกคนรักเบา ๆ “บ้า!!! อันนั้นไม่ต้องบอกก็อยากจะทำใจจะขาดอยู่แล้ว”
จินคลี่ยิ้มอกมา “ฉันไม่อยู่ปีหนึ่งอย่าไปตามใครที่ไหนล่ะ”
“ฉันไม่ได้โรคจิตขนาดนั้นนะ ถ้าฉันว่างขนาดนั้นเอาเวลามานั่งคิดถึงจินดีกว่า” ร่างบางบอก “ฉันว่าจะขอแม่ไปเรียนพวกคอร์สสั้นๆ อะไรก็ได้รอจินกลับ”
“ก็ดีนะ นายจะได้ไม่เบื่อ” จินเห็นด้วย
“นั่นสิ ก็ปกติอยู่กับจินไม่เคยเบื่อเลยนี่มีอะไรให้ทำทั้งคืนเลย” ร่างบางบอกแล้วยิ้มยียวนให้
จินหรี่ตามองร่างบาง “พูดอย่างนี้หมายความว่า.....ไหนว่าคืนนี้ไม่ยังไงล่ะ”
“ไม่ก็ไม่ไง ฉันรู้ว่าจินต้องไปแต่เช้า” ร่างบางยืนยัน “แต่ว่า....” เขาเอ่ยค้างไว้ก่อนจะเลื่อนมือไปจับไหล่จินทั้งสองข้างแล้วออกแรงผลักร่างหนาให้นอนลงบนเตียงโดยที่เขานั่งคร่อมร่างนั้นไว้ทันที “จินอย่ามองใครที่ไหนอีกนะไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงจำไว้ว่าจินมีฉัน แล้วจินก็เป็นของฉันเท่านั้น” สั่งเสร็จร่างบางก็ก้มตัวจุมพิตบนริมฝีปากคนรักอย่างนุ่นนวลก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มความเร่าร้อนปลุกอารมณ์คนรักให้สั่นไหว เขาผละริมฝีปากนั้นออกมาแต่ก็ยังอ้อยอิ่งเย้ายวนให้คนรักอยากสัมผัสร่างกายเขาอีกครั้ง
“ไหนว่าไม่ยังไงล่ะ” จินถามร่างบาง
“ที่ว่าไม่น่ะหมายถึงคืนนี้ ไม่ได้รวมตอนเย็นสักหน่อย” ร่างบางบอกก่อนจะซุกหน้าลงซอกคอร่างหนาแล้วฝากร่องรอยเอาไว้ เขายังอยากประกาศให้ใครต่อใครได้รู้ว่าร่างหนาคนนี้คือของเขา มือเรียวซุกซนถอดเสื้อคนร่างหนาออกอย่างรวดเร็ว ลิ้นสากของเขาก็ไล้กายคนรักและไม่ลืมที่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกระยะ คนร่างหนาปล่อยกายให้คนรักตักตวงความสุขจนอิ่มเอมก่อนที่เขาจะพลิกตัวให้จอมซนนั้นอยู่ใต้ร่างของตนแทน เขารู้ว่าร่างบางต้องการอะไรเพียงแค่มองตากันเท่านั้น ร่างบางหลับตาลงช้า ๆ เมื่อร่างหนาหยิบยื่นสิ่งที่เขาต้องการไม่รู้จักพอสักทีหากเป็นคนคนนี้ที่มอบให้ ปล่อยกายให้เคลื่อนไหวไปตามแรงของคนรักที่นำพา
“อืม~~~” ร่างบางร้องครางออกมาอย่างพึงใจยกแขนขึ้นโอบรอบคอคนรัก “รักจิน~~~”
“ผมก็รักคุณ...คาซึยะ~~~~” ร่างหนาบอกรักตอบก่อนการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายจะสิ้นสุด
เขาค่อย ๆ ถอนกายออกช้า ๆ จุมพิตลงบนริมฝีปากบางของคนรักที่หลับใหลด้วยความเหนื่อยอ่อนอย่างแผ่วเบา หยิบผ้าห่มคุมกายให้คนรักก่อนเดินมาจัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตนเองให้เสร็จ ร่างบางรื้อเข้ารื้อออกมาสองวันแล้วไม่เสร็จสักที เขาหยิบเสื้อที่ร่างบางพับค้างไว้มาใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซึ่งวางไว้บนพื้นห้อง เปิดกระเป๋าออกอย่างไม่รีบร้อนแต่สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นทำให้เขาต้องตะลึง
“อยู่ที่อังกฤษแล้วเกิดอารมณ์ ห้าม!!!ช่วยตัวเองเพียงลำพังนะ โทรกลับมาหาฉัน ฉันจัดให้ ^O^v ” ร่างหนาอ่านข้อความที่ร่างบางเขียนใส่กระดาษเอสี่วางเอาไว้ในกระเป๋าหน้าของเขาก็แดงขึ้น ระบายยิ้มออกมาด้วยความเขินอายพลางส่ายหน้าไป-มาช้า ๆ แล้ววางกระดาษลงบนเสื้อหลังจากที่นำมันใส่กระเป๋าเรียบร้อย เขาวางกระเป๋าไว้ที่เดิมก่อนเดินกลับไปล้มตัวลงนอนท้าวหน้ามองคนรักที่หลับใหลด้วยความรัก “จริง ๆ เลยนายเนี่ย” ต่อว่าไปอย่างนั้นแหละ “ค่าโทรศัพท์เดือน ๆ หนึ่งจะแพงกว่าค่าเทอมที่ไม่ต้องเสียแล้วมั๊ง” บ่นกับตัวเองก่อนหอมลงบนแก้มคนรักแล้วนอนมองใบหน้านั่นตลอดเพื่อตักตวงเอาไว้ยามไกลตาและจะไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งหนึ่งปี
********************************
ไทจิมองไปรอบ ๆ บริเวณก่อนหันกลับไปมองหน้าจินและทัตซึยะซึ่งมาส่งจินที่แอร์พอตเช่นเดียวกับเขา “คาเมะจังไม่มาส่งจริง ๆ น่ะ”
“ครับ เขาบอกว่าไม่อยากร้องไห้ให้เห็น” จินบอกก่อนจะโค้งตัวให้อาจารย์ที่ปรึกษาสูงวัยซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึง “สวัสดีครับอาจารย์ เป็นความกรุณาอย่างสูงครับที่เดินทางมาส่ง“
อาจารย์สูงวัยยิ้มให้ลูกศิษย์ก่อนจะค้อมศีรษะให้เล็กน้อยกับไทจิและทัตซึยะที่ทักทายตนเช่นกัน “จะไม่ให้มาส่งได้ยังไง คนเก่งของมหาวิทยาลัย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับเพราะความกรุณาของอาจารย์ต่างหาก” จินถ่อมตัว
“แล้วเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยล่ะ” อาจารย์เอ่ยถามเมื่อไม่เห็นใครอื่นอีก
“กลับกันไปก่อนแล้วครับ พวกมันมีเรียนกันตอนเช้าโดดไม่ได้เสียด้วย” จินแจ้งให้ทราบ
“อ่อนั่นสิลืมไป” อาจารย์กล่าว
“ไอ้จินใกล้เวลาแล้วนะ” ทัตซึยะเอ่ยเตือนเมื่อได้ยินเสียงประกาศของสนามบิน
“โชคดีนะจิน” ไทจิอวยชัย
“ไปแล้วนะครับ” จินบอกก่อนโค้งตัวให้กับคนสูงวัยกว่าตนทั้งสองแล้วยืดตัวขึ้นมาตบไหล่ทัตซึยะ “ไปแล้ว ฝากด้วยนะ”
“ได้ทั้งครอบครัวนายและคาเมะจัง ส่วนไอ้บ้านั่นไม่รับฝาก” ทัตซึยะกอดอกบอก
จินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากผู้มาส่งทั้งสามคนไปยังทางเข้าเกทเพื่อขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าไปศึกษาต่อยังอังกฤษ บุคคลทั้งสามมองส่งเพียงชั่วครู่เสียงอึกทึกก็ดังขึ้นด้านหลังเรียกให้พวกเขาหันกลับไปมอง !!!!ทั่ก ทั่ก ทั่ก!!!!! เสียงฝีเท้าที่วิ่งด้วยความเร็วบนพื้นขัดมันของสนามบิน ร่างบางนั้นไทจิและทัตซึยะรู้จักดี
“จิน~~~~~” ร่างบางตะโกนเรียกคนที่อยู่ห่างไปไกลและใกล้จะเดินเข้าไปในเกทแล้ว “จิน~~~~” ตะโกนเรียกอีกครั้งแต่คนที่อยากให้หันกลับมาก็ไม่ได้ยิน ร่างบางวิ่งผ่านบุคคลทั้งสามไปโดยไม่ได้สนใจมองสายตาของเขามีแต่แผ่นหลังของคนรักเท่านั้น “จิน~~~~” ร่างบางเรียกอีกเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วยิ่งขึ้นเพราะคนข้างหน้าห่างกันอีกไม่ไกลจะเดินเข้าประตูไปแล้ว “จิน!!!!!!!” ตะโกนสุดเสียงก่อนถอดรองเท้าข้างหนึ่งแล้วหยิบมันเขวี้ยงไปสุดแรงเกิด
!!!!!ปั่ก!!!!! รองเท้าผ้าใบลายลูกเบสบอลปะทะแผ่นหลังคนร่างหนาก่อนที่มันจะร่วงลงสู่พื้น
“โอ๊ย!!!” จินร้องขึ้นมาพลางเอามือลูบหลังตัวเอง อะไรบางอย่างที่กระทบแผ่นหลังอย่างแรงเรียกให้เขาหันกลับ รองเท้าข้างหนึ่งที่คุ้นตากองอยู่บนพื้นยังไม่ทันที่เขาจะได้เงยหน้าขึ้นไปมองอะไรแรงที่โถมมาสู่ตัวก็ทำเอาร่างของเขาเซ
“จิน~~~~” ร่างบางวิ่งมากอดคนรักแล้วซบหน้าลงแผ่นอกปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดจะยั้ง
จินลูบผมร่างบางเบา ๆ ก่อนหอมลงบนเส้นผมนุ่มนั้น “ไหนว่าจะไม่ร้องไห้ยังไงล่ะ”
“ก็มันทำไม่ได้นี่หน่า” ร่างบางตอบ
จินเชยคางร่างบางขึ้นแล้วจูบซับน้ำตาให้ “ขอบคุณนะที่เสียน้ำตาให้กับคนอย่างฉัน”
“ทำไมพูดเหมือนดูถูกตัวเองแบบนั้นล่ะ จินมีค่ามากต่างหากฉันถึงเสียน้ำตาให้” ร่างบางบอกก่อนเขย่งปลายเท้าแล้วหอมลงบนแก้มคนรัก “แค่นี้พอ ถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็รีบ ๆ กลับมานะ”
จินคลี่ยิ้มให้ “จ้า~~~ ฉันไปแล้วนะ”
“เดี๋ยวก่อน” ร่างบางยื้อไว้แล้วดึงเสื้อคนรักมาเช็ดคราบน้ำตาของตน “เอาไปให้หมดฉันร้องให้จินคนเดียว”
“ขอบคุณ” จินตอบแล้วก้มตัวหยิบรองเท้าคนรักจะสวมกลับให้แต่ร่างบางชักเท้ากลับจนเขาเองสงสัย
“ให้มันอยู่เป็นคู่กันตอนจินกลับมา ฉันจะรอ” ร่างบางบอกแล้วก้มลงไปหยิบรองเท้าจากมือจินก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้ของจินแล้วใส่รองเท้าของตนเองลงไป “จะได้นึกถึงว่ามันมีคู่ของมันรออยู่”
จินสวมกอดร่างบางไว้อีกครั้งก่อนจะผละตัวออก “ไปแล้วนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ”
“อืม~~~” ร่างบางพยักหน้าตอบหนักแน่น ยื่นมือไปหมุนตัวให้คนรักหันหลังกลับไปแล้วออกแรงดันหลังเบา ๆ “ไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่อง”
จินก้าวเท้าเดินไปตามแรงนั้นโดยไม่ได้หันกลับมามองอีกซึ่งเป็นสิ่งดีที่สุดหากเขาหันกลับมาคงไม่ได้ไปสานฝันของตนเองแน่ ๆ ร่างบางมองส่งร่างคนรักจนลับตา
ฝ่ามือของทัตซึยะวางบนไหล่ของเขาเพื่อปลอบใจ “เดี๋ยวมันก็กลับมาปีหนึ่งแป๊บเดียวเอง”
“อืม” ร่างบางรับรู้
“กลับกันเถอะ” ทัตซึยะเอ่ยชวน “ว่าแต่นายจะกลับยังไงเหลือรองเท้าแค่ข้างเดียว”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” ร่างบางบอกแล้วถอดรองเท้าอีกข้างออกถือ “ไปกันเถอะทัตจัง ฉันจะให้คนขับรถไปส่งที่บ้าน”
ทัตซึยะพยักหน้าให้ก่อนกอดคอคนร่างบางที่เดินเท้าเปล่าโดยไม่สนใจสายตาใครต่อใครเลย
*******************************
ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิเดินขุ่นคิ้วเข้ามาในห้องพักส่วนตัวภายในบริษัทซึ่งจัดไว้ให้กับยูอิจิ เขาวางแฟ้มเอกสารในมือลงแล้วถอนหายใจช้า ๆ อย่างเหนื่อยอ่อน
ยูอิจิซึ่งนั่งแต่งเพลงอยู่ก่อนหน้าต้องละสายตามามองทันที “มีอะไรหรือเปล่าครับ ดูเครียด ๆ จังเลย”
ผู้จัดการส่วนตัวไม่ได้ตอบอะไรเขาหยิบแฟ้มเอกสารส่งให้แทน ยูอิจิรับมาเปิดดูก็รู้ได้ทันทีว่าข้างในคือเอกสารใบสมัครผู้เข้าประกวดเป็นไอดอลรุ่นใหม่ต่อจากเขา “ขนาดเพิ่งจะเปิดรับวันแรกยังมีคนสมัครเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“มีแต่ปริมาณนะสิ” ผู้จัดการบอก “บางคนที่มาสมัครบ้านมันไม่มีกระจกหรือไง แต่ก็ยอมรับล่ะว่าใจถึง”
“ฮ่า ๆ ๆ” ยูอิจิหัวเราะร่วน “พูดเกินไปแล้วมั๊งครับ ผมว่าคนนี้ก็หน้าตาใช้ได้นะ”
ผู้จัดการส่วนตัวลุกขึ้นมาดูรูปถ่ายของบุคคลซึ่งยูอิจิกล่าวถึงที่แนบไว้กับใบสมัคร “ไม่ไหว หน้าตาดีแต่ไม่มีสัมมาคาราวะ”
“เพิ่งจะวันแรกเองนี่ครับ กว่าจะปิดรับสมัครตั้งสองอาทิตย์ยังไงก็คงมีคนที่ใช่มาสมัครเข้าสักวันหละครับ” ยูอิจิเอ่ยให้ความหวัง
“กลัวว่าไอ้ค่ายคู่แข่งมันจะคว้าไปก่อนนะสิ” ผู้จัดการส่วนตัวกล่าว “พอเราจัดโครงการโปรโมทไปเป็นเดือน ใกล้วันรับสมัครมันก็ทำบ้าง แย่งคนกันชัด ๆ ”
“ยังไงศักยภาพของบริษัทเราก็ดีกว่านะครับ” ยูอิจิกล่าว
“นั่นก็เพราะได้นายเป็นแม่เหล็กยังไงล่ะ ถ้าเกิดค่ายนั้นมันได้เด็กมีแววไปรับรองงานนายได้หนักกว่าเดิมแน่” ผู้จัดการส่วนตัวบอก
ยูอิจิยิ้มแห้ง ๆ ให้ “ถ้าอย่างนั้นคงไม่ได้การแล้วล่ะครับ”
ผู้จัดการเหยียดยิ้มให้ “ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“จะไปไหนครับ ไหนว่าวันนี้หมดงานแล้วไง” ยูอิจิถาม
“ไปแสดงความน่าเชื่อถือของโครงการเราไง” ผู้จัดการส่วนตัวตอบแล้วลากคอยูอิจิออกไปจากห้องพักผ่อนส่วนตัวทันที
************************************
“โอ้โห~~~~” ไทจิเอ่ยร้องดวงตาเบิกโตเมื่อมองไปยังกล่องอาหารตรงหน้าที่ร่างบางนำมาให้ “ทำเองจริงเหรอไม่อยากจะเชื่อ”
ร่างบางกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ชัวร์ คนเขาตั้งใจไปเรียนมาก็ต้องทำให้ได้สิ”
“แล้วมาให้ฉันกินก่อนเนี่ยนะ น่าเสียดายแทนจินจริง ๆ ” ไทจิบอกแล้วหยิบตะเกียบขึ้นคีบอาหารในกล่องเข้าปาก “อร่อย!!!!”
ร่างบางระบายยิ้มออกมา “คนอย่างคาเมะนาชิ คาซึยะ ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้แล้วก็ต้องดีที่สุดด้วย”
“กว่าจินจะได้กลับมากินฝีมือคาเมะจังก็ตั้งปีหน้า ฉันคงได้ลาภปากจนเปรมเลย” ไทจิกล่าว
“ใครบอกไทจิซัง จินนะเขาได้กินก่อนไทจิซังตั้งนานแล้วและอีกอย่างแค่10เดือนกับสามวันต่างหากไม่ใช่ปีหนึ่ง” ร่างบางตอบกลับ
“นั่นสิเร็วจัง แป๊บ ๆ จินก็ไปได้จะสองเดือนแล้วเหรอเนี่ย” ไทจิเปรยขึ้นแล้วมองออกไปนอกร้าน “จะสิ้นปีแล้วไวจัง อากาศเย็น ๆ แบบนี้ถ้ามีแฟนอยู่ใกล้ ๆ ก็คงดี”
ร่างบางหันไปมองนอกร้านเช่นกัน บรรยากาศของปลายฤดูใบไม้ร่วงสร้างความเหงาใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้อย่างไม่มีเหตุผลและเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น “นั่นสิฮะ~~~”
ไทจิได้ยินน้ำเสียงของร่างบางเขาก็พอรู้ว่าตนเองเป็นคนทำให้คนคนนี้หวนคิดถึงคนรักที่ห่างกันอีกแล้ว
!!!!!ตื๊ด ตื๊ด!!!!! โทรศัพท์มือถือของร่างบางดังขึ้น คนที่ทำหน้าเศร้าเมื่อสักครู่ล้วงมือไปหยิบ ที่หน้าจอไม่มีหลายเลขขึ้นโชว์แต่กลับเรียกรอยยิ้มให้ดวงหน้านั้นได้
“จิน~~~” ร่างบางกรอกเสียงไปตามสาย
“ได้ของแล้วนะ” จินตอบกลับมา “ขอบคุณมาก ของอาทิตย์ก่อนส่งมายังไม่หมดเลย”
“ทำให้จินแค่นี้ยังน้อยไป” ร่างบางตอบก่อนจะหันไปโค้งตัวให้ไทจิแล้วเดินคุยโทรศัพท์ออกจากร้านไป
“ส่งด่วนพิเศษแบบนี้มาไม่เปลืองแย่เหรอ” จินเอ่ยถามเพราะเขาเห็นแพคเกตที่แช่แข็งอาหารรวมทั้งการส่งด้วยระบบขนส่งเอกชนที่ร่างบางจัดส่งมาให้ตลอดสามอาทิตย์ตั้งแต่ไปเรียนทำอาหาร ก็อดห่วงในค่าใช้จ่ายไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอก แม่จ่ายให้นะ” ร่างบางบอกตามความเป็นจริง
“อย่างนั้นก็เถอะ เกรงใจแม่” จินตอบ
“ก็ฉันกลัวว่าจินจะอดนี่ ไปอยู่นั่นกินแต่ขนมปังไม่เอียนตายหรือไง” ร่างบางตอบกลับ
“จ้า~~~ อาหารฝีมือนายอร่อยที่สุดเลย” จินบอกจากใจจริง
ร่างบางยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินคุ้มค่ากับความพยายามของเขาจริง ๆ “อร่อยแต่อาหารหรือไง แล้วตัวฉันละอร่อยไหม”
ปลายสายได้ฟังก็หน้าแดงขึ้นมา ร่างบางชอบแกล้งเย้าเขาผ่านทางโทรศัพท์อยู่เรื่อย คนชอบแกล้งหัวเราะร่วนออกมา “ถ้าตอบตอนนี้ไม่ได้ก็รีบ ๆ กลับมาชิมใหม่เร็ว ๆล่ะ”
“คาซึยะ~~~ นายนี่ชอบยั่วอยู่เลยเลย” จินต่อว่าแต่ไม่ได้โกรธจริง ๆ
“พูดจริง ๆ นี่หน่า ห่างกับจินมาเกือบสองเดือน รสชาติของฉันอาจเปลี่ยนไปก็ได้ใครจะรู้” ร่างบางเอ่ยยั่ว
จินได้ฟังก็หวั่นใจ คนรักจะแกล้งเขาให้ป่วนเล่นยังไงอีกเนี่ย “หมายความว่ายังไงเนี่ย”
“อ๊ะ!!!” ร่างบางอุทาน “ล่ำจัง” เขาเปรยขึ้น “แค่นี้จะจินเปลืองค่าโทรศัพท์ของนาย” เขาตัดสายทันที
จินยืนอึ้ง “คาซึยะ~~~~” ร้องลั่นห้อง ร่างบางแกล้งเขาอย่างนั้นเหรอ แรงไปแล้วนะคราวนี้
“เฮ้!!! จิน ลดเสียงหน่อย” เพื่อนชาวต่างชาติร่วมห้องพักเอ่ยบอกเป็นภาษาอังกฤษ
“ขอโทษที” จินตอบกลับเป็นภาษาสากลเช่นกัน “เควิล วิชาที่นายบอกว่าลงเพิ่มได้แต่ต้องเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยยังไม่ปิดรับใช่ไหม”
“ใช่ ปิดอาทิตย์หน้านั่น” เควิลตอบกลับ “สนใจใช่ไหม” เขาถามแล้วเดินมาหายื่นใบสมัครส่งให้ “กะแล้วว่านายต้องอยากรีบกลับไปญี่ปุ่นแน่ ๆ ห่วงแฟนล่ะสิ”
จินยิ้มบางให้ก่อนยื่นมือไปรับใบสมัคร นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาจะต้องเรียนภาษาทุกวันตอนเช้าให้ครบสามเดือนตามข้อกำหนด เขาจะลงเพิ่มวิชามากกว่านี้แน่ ๆ จะได้รีบจบและกลับไปหาคนรัก ไม่รู้ล่ะว่าเมื่อครู่นี้ร่างบางทำจริงหรือแกล้งเล่น แต่ตอนนี้ใจเขามันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ก็คนมันทั้งห่วง หวง และหึง จนลมออกหูหมดแล้ว
********************************
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” ร่างบางยืนหัวเราะร่วนที่แกล้งยั่วคนรักสำเร็จ เขาเดินไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟเพื่อกลับบ้าน
“คาเมะจัง!!!!!” เสียงเรียกจากด้านหลังแม้จะไม่ได้ยินมาพักใหญ่แต่ยังคุ้นหูอยู่ดี
“ริเอะจัง” ร่างบางหันกลับไปทักทายตอบ “จะไปไหนเนี่ยแต่งตัวซะเลิศเชียว”
ริเอะยิ้มหวานเมื่อถูกเพื่อนคนตรงหน้าเอ่ยชม “ว่างหรือเปล่า”
“กำลังจะกลับบ้าน” ร่างบางตอบ
“เหรอ ดีเลยไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย” ริเอะไม่ได้ฟังคำบอกของร่างบางเลยหรือไงนะ เธอลากแขนเพื่อนหนุ่มร่างบางให้เดินตามไปทันที
“เฮ้ย~~~บอกว่าจะกลับบ้าน” ร่างบางบอกย้ำอีกครั้งแต่ก็ถูกลากไปจนได้อยู่ดี
เพื่อนสาวของเขาพามาหยุดยืนหน้าตึกบริษัทต้นสังกัดของยูอิจิ ร่างบางรีบสะบัดมือแล้วหันหลังกลับทันที
“เดี๋ยวสิคาเมะจัง~~~” ริเอะเรียกรั้ง
“จะมาทำไม ฉันเลิกชอบยูอิจิแล้วเคยบอกไม่ใช่เหรอ” ร่างบางบอกย้ำ
“รู้แล้ว ไม่ได้ชวนมาตามยูอิจิหรอกน่า” ริเอะตอบกลับ
“แล้วถ้าอย่างนั้นมาทำไม” ร่างบางถาม
ริเอะหยิบแผ่นกระดาษในกระเป๋าถือออกมาคลี่ให้เพื่อนหนุ่มของตนดู ร่างบางยื่นหน้าไปมองคร่าว ๆ กระดาษแผ่นนั้นคือใบปิดเชิญชวนให้คนมาประกวดในโครงการของบริษัทต้นสังกัดของยูอิจิ
“เขารับแต่ผู้ชายไม่ใช่เหรอ” ร่างบางเอ่ยถาม
“ใช่ไง” ริเอะบอกแล้วมองเพื่อนตัวเองนิ่ง
ร่างบางรีบเดินหนี ริเอะเดินตามแล้วคว้ามือไว้ “น่าสนใจออก ฉันอยากมีเพื่อนเป็นดารา”
“แต่ฉันไม่อยากเว้ย!!!!” ร่างบางปฏิเสธทันที
“คาเมะจังก็ ไม่เสียหายนี่ลองดู อีกอย่างคาเมะจังหน้าตาดีจะตายยังไงก็ได้อยู่แล้ว” ริเอะบอก
“ฟังนะ ฉันรู้ตัวว่าหน้าตาดีแต่ไม่ได้อยากเป็นดาราบ้าบออะไรนั่น” ร่างบางบอกเสียงดังลั่นจนผู้คนแถวนั้นหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน
ร่างบางกวาดตามองตอบอย่างไม่สะทกสะท้านจนผู้คนเลิกให้ความสนใจกันไปเอง “ฉันกลับล่ะ”
“คาเมะจัง~~~ เปลี่ยนใจยังทันนะ ในนั้นผู้ชายเยอะเลย” ริเอะบอก
“ไม่สนเว้ย ต่อให้หล่อทั้งตึกนั่นก็สู้จินของฉันคนเดียวไม่ได้หรอก” ร่างบางตอบกลับ
“จิน?????” ริเอะย้อนถาม “เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่เมื่อไหร่”
ร่างบางยิ้มยียวนให้ “ไม่บอกเธอหรอก” บอกเสร็จก็หันหลังกลับอย่างไม่สนใจ
!!!!!พลั่ก!!!!! ร่างบางปะทะกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง “ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ระวัง” ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันเอ่ยบอกก่อนส่งยิ้มให้แล้วเดินจากไป
“กรี๊ด~~~ ใครน่ะคาเมะจัง น่ารักมาก~~~~” ริเอะรีบเดินมาถามเพื่อน
“จะไปรู้เหรอ เดินไปถามเขาสิยังไปไม่ไกล” ร่างบางตอบแล้วเดินต่อ เขาชักเท้าขึ้นทันทีเมื่อเหยียบลงบนกระดาษที่หล่นอยู่บนพื้นตรงหน้า ก้มตัวลงไปหยิบกระดาษที่คว่ำให้หงายหน้าขึ้นมา ภาพที่ใช้คลิปหนีบอยู่บนมุมขวานั่นคือคนเดียวกับคนที่เพิ่งจะเดินชนกับเขาเมื่อครู่นี้เอง ร่างบางใช้สายตาไล้ไปดูชื่อที่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษแล้วรีบหันกลับไปตะโกนเรียนคนที่ทำของสำคัญหล่นอย่างไม่รู้ตัว “ยามาชิตะ โทโมฮะสะคุง~~~~”
เจ้าของชื่อหันหน้ากลับมาแล้วมองร่างบางตาโต “ครับ”
ร่างบางยิ้มให้ก่อนเดินไปหาแล้วยื่นกระดาษในมือส่งให้ “ของสำคัญอย่างนี้รักษาดี ๆ หน่อยสิ”
คนหน้าหวานมองไปยังแผ่นกระดาษแล้วค้อมศีรษะให้ร่างบางทันที “ขอบคุณครับ”
“ขอให้ได้นะ ยามาชิตะ โทโมฮิสะคุง” ร่างบางอวยพร
“ขอบคุณ” โทโมฮิสะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “คุณก็เหมือนกัน ขอให้โชคดีนะ”
ร่างบางยิ้มแห้ง ๆ ให้ “ผมไม่ได้ประกวดอะไรนั่นเสียหน่อย”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ เห็นเดินมาจากทางนั้นนึกว่าไปสมัครมาเหมือนกัน” โทโมฮิสะกล่าว “น่าเสียดายจัง”
ร่างบางไม่ได้ตอบอะไรยิ้มบาง ๆ ให้แล้วเดินกลับไป โทโมฮิสะมองส่งก่อนเหยียดยิ้มขึ้น “โชคดีจังที่ไม่มีคู่แข่งน่ากลัวแบบนี้” เอ่ยจบก็หันหลังเดินต่อโดยมีริเอะที่ขอแยกตัวจากร่างบางเดินตามไปห่าง ๆ
**********************
ร่างบางกลับมาถึงบ้านก็เปิดประตูเข้าห้องนอนตนเองแล้วล้มตัวลงบนเตียง นอนแผ่หลาอย่างหมดสภาพอยู่เพียงครู่บานประตูห้องส่วนตัวของเขาก็มีคนเคาะ
“ใคร???” ร่างบางเอ่ยถาม
“แม่เอง” มารดาตอบ
ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้มารดา “มีอะไรเหรอฮะแม่”
“ทำไมวันนี้กลับช้าจังล่ะ” มารดาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าร่างบางกลับบ้านผิดเวลากว่าทุกทีถึงแม้จะไม่มากนักก็ตาม
“พอดีเจอเพื่อนนะฮะ เลยโดนลากไป” ร่างบางตอบพลางมองเลยไปยังสาวใช้สองคนที่ช่วยกันขนพัสดุกล่องใหญ่มาวางไว้ด้านข้างของมารดาตน “อะไรนะฮะ”
มารดาหันไปมองก่อนจะคลี่ยิ้มให้ลูกชาย “จากบริษัทกระดาษอะไรสักอย่างนี่แหละจ๊ะ”
“บริษัทกระดาษ???” ร่างบางเอ่ยพลางเอียงคอมองกล่องอย่างสงสัยก่อนย่อตัวลงเพื่อเปิดกล่องพัสดุที่จ่าหน้าถึงตนเอง กระดาษที่ถูกม้วนซ้อนกันหลายแผ่นจนหนาอีกทั้งที่ถูกพับวางเป็นระเบียบอยู่ในนั้นเร่งให้ร่างบางหยิบมันขึ้นแล้วเปิดออกดู “ปฏิทิน” เขาเอ่ยเมื่อหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะขึ้นมาดู อ่านรายชื่อบริษัทที่พิมพ์อยู่บนกระดาษแผ่นแรกอย่างละเอียดอีกครั้ง “บริษัทกระดาษที่จินถ่ายภาพได้รางวัลนี่หน่า”
“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ จินเก่งจังเลยนะ” มารดาเอ่ยชื่นชมคนรักของลูกชาย
“เห็นไหมผมเลือกคนไม่ผิด” ร่างบางหันมายิ้มให้มารดาก่อนจะเปิดปฏิทินออกดู
ภาพกล่องจำนวนมากมายปรากฏอยู่บนหน้าถัดไปซึ่งใต้ภาพเขียนข้อความไว้ว่า “มากมาย” เขาเปิดหน้าที่สามดูภาพกล่องนั่นเหลือเพียงใบเดียวใต้ภาพถูกเขียนไว้ว่า “หนึ่งเดียว” ภาพต่อไปที่ปรากฏคือกล่องใบเดิมแต่ในนั้นมีหมอนสองใบวางเอาไว้กับข้อความใต้ภาพที่บรรยายไว้ว่า “ความสุข” ร่างบางเปิดกระดาษดูภาพประกอบหน้าสุดท้ายภาพกล่องใส่สายรัดข้อมือของเขาที่จินยืมมาถ่ายรูป บนนั้นมีแหวนของจินและเป็นแบบเดียวกับที่เขาใส่ซึ่งจินพาไปหาซื้อจนได้แบบเดียวกันในวันหลังจากนั้น กับคำนิยามใต้ภาพที่เขียนไว้ว่า “คือเธอ” ร่างบางกลั้นน้ำตาที่ไม่ได้ปล่อยให้ไหลออกมาหลายเดือนไว้ไม่อยู่มันค่อย ๆ พร่างพรูลงมาอาบแก้มของเขา
“คาซึยะ” มารดาย่อตัวลงมากอดลูกชาย
“แม่~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกก่อนสวมกอดมารดา “ผมคิดถึงจิน”
“แม่รู้” มารดาตอบ
“ขอเงินนะแม่ ผมจะไปหาจิน” ร่างบางเอ่ยขอเสียงเครือ
“ไม่ได้!!!” แม่ยื่นคำขาด “จินเขาไปเรียนลูกอย่าลืมสิ”
“ก็รู้ ผมไม่ได้จะไปอยู่กับจินสักหน่อย แค่ไปหาไม่ได้เหรอ” ร่างบางตอบกลับ
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้” แม่ยืนยัน
“แม่นะ ไม่เข้าใจเลย” ร่างบางตัดพ้อก่อนผละตัวออกแล้วลากกล่องพัสดุเข้าห้องปิดประตูเงียบ
มารดาส่ายหน้าช้า ๆ “ถ้าปล่อยให้ไปแล้วลูกจะอยากกลับมาหรือไง”
ร่างบางเปิดปฏิทินดูอีกครั้งอย่างชื่นชมหากเป็นคนอื่นคงไม่เข้าใจกับความหมายประกอบใต้ภาพนั้นหรอก แต่เขาน่ะรู้จักจินดีเขารู้ว่าที่จินเขียนกำกับเอาไว้มันมีความหมายที่เขาสองคนรู้กันเท่านั้น
!!!!!ตื๊ด ตื๊ด!!!!! โทรศัพท์มือถือของร่างบางดังขึ้นอีกครั้ง หมายเลขที่หน้าจอก็ไม่ขึ้นโชว์แต่เขาก็กดรับสายเพราะรู้ว่าปลายทางที่โทรมาคือใคร
“รักจิน~~~” ร่างบางบอกกับคนที่ไม่ทันตั้งตัว
“ห๊ะ!!!” จินอุทาน
“ก็บอกว่ารักจินไง รักจิน ๆ ๆ ๆ ได้ยินชัดไหม” ร่างบางตะโกนลั่น
“ได้ยินไปถึงสก๊อตแลนด์แล้วมั๊งเสียงนายนะ” จินตอบกลับกลั้วหัวเราะ “เป็นอะไรเมื่อครู่ยังแกล้งฉันอยู่เลย”
“จินให้คนที่บริษัทนั้นส่งมาที่บ้านฉันเหรอ ปฏิทินหนะฉันเห็นแล้ว” ร่างบางบอก
ปลายสายที่ได้ยินอึ้งไปชั่วขณะ “หะ...เห็นแล้วอย่างนั้นสิ สิ่งที่ฉันอยากจะบอก”
“เห็นแล้วและก็อยากได้คำยืนยันจากปากจินอีก” ร่างบางเอ่ยเสียงอ้อน
จินคลี่ยิ้มออกมาตาเป็นประกายฉายแววแห่งความสุข “ผู้คนมากมายแต่หนึ่งเดียวที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับความสุขคือนาย...คาซึยะ” เขาบอกกับคนรักจบหน้าตนเองก็แดงขึ้นมา “ว้า~~~เขินจังแฮะ”
“ฮือ~~~~” ร่างบางข่มความตื้นตันไม่อยู่ มันทลายกำแพงที่พยายามสร้างขึ้นมาให้ตนเองดูเข้มแข็งต่อหน้าใคร ๆ จนสิ้น
“คาซึยะ~~~” จินเรียกชื่อคนรักด้วยความเป็นห่วง “อย่าร้องไห้สิคนเก่ง ไหนว่าจะไม่ร้องแล้วไง”
“ก็จินนะ ทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งคิดถึงจินนะสิ” ร่างบางกล่าวกลับ
“อีก10เดือนก็ได้เจอกันแล้ว” จินปลอบ
“10เดือนกับอีก3วันต่างหาก” ร่างบางบอก “รักจินนะ”
ปลายสายระบายยิ้มกว้างออกมา “รู้แล้วครับ รักนายเหมือนกัน”
“ฉันอยากเจอจิน” ร่างบางบอกตามความรู้สึก
จินนิ่งไปชั่วครู่ “อดทนหน่อยนะคาซึยะ”
ร่างบางเงียบไม่ตอบอะไร
“คาซึยะ” จินเอ่ยเรียก
“จินจูบฉันทีสิ” ร่างบางเอ่ยขอ
“ห๋า!!!!” จินเอ่ยร้องเสียงลั่นดีที่ตอนนี้เพื่อนร่วมห้องของเขาไม่อยู่ แต่ก็ไม่วายมองซ้ายที-ขวาทีก่อนจะจุมพิตลงบนหูโทรศัพท์ตามที่คนรักขอ “จุ๊บ~~~”
“ฮ่า ๆ ” ร่างบางหัวเราะออกมา “เดี๋ยวคนก็หาว่าจินบ้าหรอก”
คนร่างหนาหน้าแดงขึ้นมาเขาโดนคนรักแกล้งอีกแล้วเหรอ “นายนี่!!!!”
“จุ๊บ~~~” ร่างบางจูบลงบนหูโทรศัพท์ตอบแล้วตัดสายลงทันที
ปลายสายยืนอึ้งก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมาแล้วเดินไปหยิบกล้องคู่ใจเดินออกนอกห้องพักตนเองไปทันที
******************************
“โอ้โห!!!! พูดจาแบบนี้ไปปล้นธนาคารกันเลยดีกว่า” ทัตซึยะซึ่งกำลังนั่งเพ้นท์รองเท้าไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วยกล่าวกลับปลายสาย
“ถ้าทำแล้วไม่ติดคุกก็ว่าจะทำ” ร่างบางตอบกลับ
“ซื้อลอตเตอรี่ตอนสิ้นปีสิเผื่อจะถูกแล้วได้บินไปหามันได้” ทัตซึยะแนะนำ
“ถ้ามันถูกง่าย ๆ แบบนั้นก็รวยกันทั่วโลกไปแล้วมั๊ง” ร่างบางตอบ
“งั้นรูปยูอิจิที่นายเคยซื้อไว้ก็ขาย ๆ ไปสิ เลิกชอบแล้วไม่ใช่เหรอไอ้ห้อยนั่นนะ” ทัตซึยะบอก
“รูปยูอิจิแต่จินเป็นคนถ่ายขายไม่ได้หรอก” ร่างบางตอบกลับ
“แล้วจะทำยังไงล่ะ ฉันก็ไม่ได้รวยขนาดจะให้นายยืมเงินเป็นแสน ๆ ได้สบาย ๆ ” ทัตซึยะกล่าว “เออ!!! ไอ้ยูอิจิไง” เขาแนะนำ
“โทรไปแล้วติดต่อไม่ได้” ร่างบางตอบ
“มันคงงานยุ่ง ช่วงนี้ต้องไปเชิญชวนให้คนมาประกวดอะไรที่บริษัทมันนั่นแหละ” ทัตซึยะบอก
“อ่อ ประกวดไอดอล” ร่างบางตอบ “ถ้าเจอยูอิจิบางทีอาจยืมเงินได้”
“ไปยืมมันทำไม ขอมันใช้ฟรี ๆ ไปเลยสิ ยังไงนายกับมันก็ดองกันอยู่ดี” ทัตซึยะเอ่ยแนะ
“เออ นั่นสิ” ร่างบางเห็นด้วย “แต่ฉันไม่รู้จะเจอได้ยังไงนะสิ”
“พรุ่งนี้มันอยู่ที่บริษัททั้งวัน ตอนเย็น ๆ คาเมะจังดักรออาจเจอ” ทัตซึยะบอก
“ขอบคุณนะทัตจัง” ร่างบางกล่าว
“ไม่เป็นไร ให้เจอมันก่อนเถอะ อ่อ!!!ระวังผู้จัดการส่วนตัวมันด้วยล่ะ” ทัตซึยะเอ่ยเตือน
“ทำไม???” ร่างบางถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่ทำไมแค่ฉันไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่านั้น” ทัตซึยะบอกตามที่รู้สึก
“อ่อ ฉันก็นึกว่าเขาจะโหดเสียอีก ทัตจังไม่ต้องห่วงหรอกนะคนน่ารัก ๆ อย่างฉันใครเห็นก็เอ็นดู” ร่างบางกล่าวน้ำเสียงทะเล้น
“อ้วก~~~” ทัตซึยะตอบกลับ “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคาเมะจัง”
“อือ ขอบคุณนะทัตจัง” ร่างบางเอ่ย
“ไม่เป็นไรคนกันเอง” ทัตซึยะบอกก่อนจะตัดสายลง “แหม~~~อนุภาคความรักมันยิ่งใหญ่จริงว๊อย~~~” เขาเปรยขึ้นก่อนก้มหน้าก้มตาเพ้นท์รองเท้าอีกครั้งเพื่อนำไปขายที่ตลาดนัดวันพรุ่งนี้อีก
************************
ร่างบางนั่งคู้ตัวอยู่หน้าบริษัทต้นสังกัดของยูอิจิ อากาศเวลาเกือบจะสองทุ่มของช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิสร้างความสั่นสะท้านให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วโมงแต่คนที่ต้องการเจอก็ไม่ออกมาสักที
“หนาวโว๊ย~~~” ร่างบางบ่นออกมา
“นี่เธอ” เสียงเอ่ยทักจากด้านข้างทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามอง ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงใบหน้าดูจริงจังก้มมามองเขา
“ครับ” ร่างบางขาน
“เขาปิดรับสมัครไปแล้ววันนี้นะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน” ชายคนเดิมบอก
“อ่อประกวดดารานะเหรอครับ ผมไม่ได้มาประกวดสักหน่อย” ร่างบางตอบกลับ
“ถ้าอย่างนั้นมานั่งทำอะไรแถวนี้ ตึกเขาจะปิดไม่ให้คนเข้า-ออกแล้วนะ” ชายคนเดิมถาม
“มารอเพื่อนนะฮะ ลุงทำงานที่ตึกนี่เหรอ” ร่างบางถามกลับ
คำว่าลุงที่ร่างบางใช้เรียกทำเอาคู่สนทนาชักสีหน้าแต่เขาก็ไม่อยากถือสาผู้อ่อนวัยกว่านัก “ใช่ พี่!!!ทำงานที่นี่ เรามีอะไรกับคนในตึกนี่หรือเปล่า”
ร่างบางระบายยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นยืน “ลุงทำงานที่ตึกนี้จริง ๆนะ”
“พี่!!!” ชายคนเดิมย้ำ
“ครับ ๆ พี่ก็พี่” ร่างบางเรียก
ชายคนเดิมยิ้มบาง ๆ เด็กตรงหน้านี่ใช้ได้เหมือนกันแหะทั้งหน้าตาและนิสัย “เอ้า!!! บอกมาเสียทีสิว่ามีอะไรหรือเปล่า”
“ผมมาหายูอิจิ” ร่างบางบอกวัตถุประสงค์
ชายตรงหน้าหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยไว้ใจ “พวกแฟนคลับ”
“ไม่ใช่” ร่างบางตอบ “ผมเป็นแฟนของเพื่อนยูอิจิ”
“เป็นแฟนของเพื่อน แล้วจะมาหายูอิจิทำไม โกหกน้ำขุ่น ๆ เลยนะ” ชายคนเดิมต่อว่า
“พี่ชายก็ฟังให้จบก่อนสิ” ร่างบางบอก “ผมมาหายูอิจิเพราะมีธุระสำคัญต่างหาก พี่รู้จักยูอิจิหรือเปล่า”
“ไม่รู้จัก” ชายคนเดิมตอบ “กลับไปได้แล้วเรา ยูอิจิไม่ได้มาทำงานวันนี้หรอก”
“พี่นั่นแหละโกหก ไม่รู้จักแล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ได้มาทำงานวันนี้ ผมรู้ว่าเขาอยู่ข้างบนห้องพัก” ร่างบางโต้กลับ “ผมติดต่อเขาไม่ได้ช่วยหน่อยนะครับ” เอ่ยขอร้องแล้วค้อมศีรษะให้
ชายคนเดินมองอย่างชั่งใจ “ก็บอกว่าไม่รู้จักยังไงล่ะ กลับไปได้แล้ว” เขาเอ่ยไล่แล้วเดินกลับเข้าไปในตึกอย่างนึกเสียดายอยู่ลึก ๆ “อ้าว~~~ ยูอิจิลงมาข้างล่างทำไม” เขาเอ่ยถามคนที่เพิ่งจะเดินออกจากลิฟท์ตัวที่เขากำลังจะเข้าไปแทนที่เพื่อขึ้นไปหาคนที่สวนออกมา
“เพื่อนที่เซ็นไดโทรมาบอกนะครับ ว่ามีเพื่อนมารอผมอยู่ที่หน้าตึก” ยูอิจิบอก “เห็นว่ามารอนานแล้วด้วย พอดีผมลืมเปิดโทรศัพท์ทั้งวัน พอนึกได้ไปเปิดเครื่องเพื่อนเลยด่าเป็นชุดเลย”
“เพื่อน???” ชายผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาเอ่ยถาม
“ครับ ขอตัวนะฮะ ออกไปเดี๋ยวเดียว” ยูอิจิบอกแล้วรีบวิ่งออกไป
ผู้จัดการส่วนตัวมองตามเด็กที่ตนดูแล ใช่แล้วยูอิจิวิ่งไปหาเด็กหนุ่มคนที่เขาคุยด้วยเมื่อสักครู่ “รู้จักกันจริง ๆ เหรอเนี่ย” เอ่ยถามตนเองแล้วเดินตามกลับออกไป
“ไอ้ห้อย!!! ฉันจะแข็งตายอยู่แล้วนะ” ร่างบางต่อว่าไอดอลชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศ
ยูอิจิยกมือขึ้นประนม “ขอโทษคาเมะจัง ฉันเพิ่งเปิดโทรศัพท์มือถือเมื่อครู่นี่เอง อย่าเพิ่งด่าอะไรเลยนะ ทัตซึยะมันด่าจนหูฉันชาไปหมดแล้ว”
“ถ้างั้นก็รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันมาเพราะเรื่องอะไร” ร่างบางกอดอกถาม
“รู้ แต่ตอนนี้ไม่มีเงินสดนะสิ ต้องรอพรุ่งนี้แล้วจะเบิกออกมาให้“ ยูอิจิบอก
“เบิกอะไรกัน” ผู้จัดการส่วนตัวซึ่งเดินตามมาเอ่ยถามคนทั้งสอง
ร่างบางเงยหน้ามอง “ไหนพี่บอกว่าไม่รู้จักกับยูอิจิไง โกหกแก่เร็วนะ”
ยูอิจิหันไปมองผู้จัดการส่วนตัวของตน “พี่???” เอ่ยเรียกสรรพนามนั้นแล้วหัวเราะร่วนออกมา
ผู้จัดการส่วนตัวตบไหล่ยูอิจิแรง ๆ เพื่อเป็นการปรามก่อนตอบร่างบาง “ก็เธอน่าสงสัยนี่หน่า
ว่าแต่ตอบมาว่าเบิกอะไรกัน”
“เงิน” ร่างบางบอก
ผู้จัดการส่วนตัวหันไปมองหน้าเด็กในปกครองของตน “เงินอะไรยูอิจิ”
“เพื่อนผมร้อนเงินนะครับ” ยูอิจิตอบ
“เท่าไหร่” ผู้จัดการส่วนตัวถาม
ยูอิจิยกมือแบขึ้น
“ห้าหมื่น” ผู้จัดการกล่าว
“ห้าแสนต่างหาก” ร่างบางกอดอกบอก
“จะเอาเงินไปทำอะไรตั้งห้าแสน ยังเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอเรานะ” ผู้จัดการส่วนตัวย้อนถาม
“เรื่องส่วนตัวของผม คงไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้มั๊งครับ” ร่างบางกล่าวกลับ
“เรื่องส่วนตัวก็ใช่แต่ก็จำเป็นที่ต้องบอกเพราะว่าฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนากามารุ ยูอิจิ ฉันจะต้องรู้เรื่องของเขาแทบทุกเรื่อง” ผู้จัดการส่วนตัวกอดอกตอบเช่นกัน
ร่างบางหน้าเง้าเขาหันไปมองยูอิจิ “ไม่เอาแล้วก็ได้” บอกเสร็จแล้วเดินจากไปทันที
“เดี๋ยว!!! คาเมะจัง~~~”ยูอิจิเรียกรั้งไว้แต่ร่างบางนั้นก็ไม่หันกลับมามองเลย “ผู้จัดการไม่น่าไปพูดแบบนั้นเลย”
“ก็มันจริงนี่” ผู้จัดการตอบ “เด็กคนนั้นมาขอเงินนายเรื่องอะไร”
“เขาจะไปหาแฟนที่อังกฤษแต่แม่เขาไม่ยอมให้เงิน เขาเลยมายืมนะครับ” ยูอิจิตอบ
“อย่างนั้นเหรอ” ผู้จัดการกล่าวแล้วมองไปยังร่างบางนั้นก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
ยูอิจิมองใบหน้าของผู้จัดการส่วนตัวอย่างหวั่นใจ คนคนนี้จะต้องมีแผนอะไรแล้วในหัวสมองเป็นแน่
*******************************
ร่างบางนั่งอ่านใบสมัครอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งภายในร้านคอฟฟี่ชอปซึ่งอยู่ห่างจากตึกบริษัทของยูอิจิพอควร ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองคนสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับตน
“แค่ประกวดให้ติดหนึ่งในห้าก็ได้เงินแล้วเหรอ” ร่างบางถามย้ำ
ยูอิจิยิ้มแห้ง ๆ แล้วหันไปมองผู้จัดการส่วนตัวสายตาหวาด ๆ “วะ....ว่ายังไงครับผู้จัดการ”
“ให้มันติดหนึ่งในห้าก่อนเถอะ เรื่องเงินนะไม่ใช่ปัญหา“ ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิตอบหน้าตาจริงจัง
“ทำไมง่ายจัง” ร่างบางยังคงสงสัย
“มั่นใจเหลือเกินนะว่าจะติดอันดับ” ผู้จัดการย้อนถาม
“แน่นอน” ร่างบางตอบเสียงหนักแน่น
ยูอิจิมองสายตาของร่างบางและผู้จัดการส่วนตัวที่จ้องมองกันก่อนที่ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ เขาไม่อยากจะต้องร่วมปิดบังเงื่อนไขการประกวดครั้งนี้กับร่างบางเลย แต่จะทำอย่างไรได้เขาถูกมัดมือชกไปแล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เอ้า เขียน ๆ เข้าสิใบสมัครนะ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ” ผู้จัดการเอ่ยเร่งเร้า
“ไม่มีรูปถ่าย” ร่างบางตอบ
ผู้จัดการคลี่ยิ้มออกมา “ไปสมัครก่อนเถอะน่า เรื่องรูปเดี๋ยวค่อยเอามาแปะวันหลังก็ได้” เขาบอกแล้วยื่นปากกาที่เสียบตรงกระเป๋าเสื้อให้
ร่างบางยื่นมือไปรับแล้วมองเอกสารใบสมัครอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าก้มตากรอกใบสมัครอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ แต่ว่ามันก็ไม่มีทางเลือกนี่เขาจะไปหาเงินที่ไหนเยอะ ๆ ภายในเวลาไม่กี่วันเพื่อไปหาจินที่อังกฤษให้ทันวันหยุดช่วงคริสต์มาสในเดือนหน้า ถ้าประกวดไอดอลนี่แล้วได้เงินจริง ๆ โดยไม่มีพันธะผูกพันอะไรมากมายแค่ถ่ายภาพลงแมกกาซีนแฟชั่นทุกเดือนก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีเสียอีกที่ได้เงินก้อนใหญ่แถมยังมีเงินจากค่าถ่ายแบบเป็นเงินเก็บรอจินกลับมา
“อ่ะ” ร่างบางยื่นใบสมัครและปากกาคืนให้ผู้จัดการของยูอิจิ
ผู้จัดการยื่นมือไปรับอ่านข้อมูลที่ร่างบางกรอกอย่างคร่าว ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นลายเซ็นลงกำกับไว้ตอนท้าย “เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมง ไปกันเถอะคาเมะนาชิคุง” เอ่ยชวนแล้วเก็บของก่อนฉุดมือร่างบางให้เดินตามไปทันที
ยูอิจิมองคนทั้งสองก่อนจะถอนหายใจออกมาแรง ๆ “ยกโทษให้ลูกด้วย” เขารีบใส่แว่นตาและสวมหมวกอำพรางตนเองแล้วรีบสาวเท้าเดินตามไปติด ๆ
****************************
คนหน้าหวานเดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์แล้วหยุดตรงโต๊ะลงทะเบียนก่อนโค้งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงสี่คนซึ่งกำลังเก็บข้าวของเพราะว่างานส่วนของตนในวันสุดท้ายใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
“ขอบคุณมากครับ” ยามาชิตะ โทโมฮิสะ เอ่ยอย่างนอบน้อม
พนักงานยิ้มให้ “โชคดีนะที่คราวนี้นำรูปมาครบไม่ไปหล่นหายที่ไหนอีก ขอให้ได้นะยามาชิตะคุง”
“จะพยายามครับ” โทโมฮิสะกล่าวก่อนเงยหน้าขึ้น
!!!!!!ปั่ง!!!! เสียงคนฟาดฝ่ามืออย่างแรงลงบนโต๊ะลงทะเบียนเรียกให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหันไปมอง
“โอ่ย~~~อย่าเพิ่งเก็บของ” เจ้าของฝ่ามือซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิเอ่ยบอกเสียงพร่าด้วยความเหนื่อย “ยังมีอีกคน”
“แต่ว่าหมดเวลาแล้วนะคะ” พนักงานคนหนึ่งบอก
“ใครว่า เหลืออีกตั้ง15วินาที” ผู้จัดการส่วนตัวบอกแล้วหันไปมองร่างบางที่เพิ่งจะวิ่งมาถึง ซึ่งมียูอิจิวิ่งรอนำอยู่ไม่ห่าง “เร็ว ๆ คาเมะนาชิคุง”
“ครับ~~~” ร่างบางขานเสียงหอบไม่ต่างกันก่อนมาหยุดยืนตรงโต๊ะลงทะเบียน
“กรี๊ด~~~ นากามารุ ยูอิจิคุงตัวจริง” พนักงานสาว ๆ ส่งเสียงกันใหญ่เมื่อได้เห็นไอดอลชื่อดังตัวจริงอย่างใกล้ชิด
“อย่าเพิ่งกรี๊ด รีบ ๆ ทำหน้าที่เร็วเข้าสิ” ผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยก่อนยื่นใบสมัครของร่างบางให้
พนักงานสาวคนหนึ่งรับไปอ่านแล้วเงยหน้าขึ้น “หลักฐานไม่ครบ รูปล่ะคะ”
“พรุ่งนี้จะนำมาให้” ผู้จัดการบอก
“แต่ว่า....” พนักงานสาวกระอักกระอ่วนใจไม่อยากทำผิดระเบียบแต่ก็เกรงใจคนที่มีอำนาจสูงกว่าตน
“ขอโทษนะครับ” ร่างบางกล่าวแล้วค้อมศีรษะให้ก่อนเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างอย่างสดใส “ผมทำหล่นหายตอนเดินทางนะครับ แล้วพรุ่งนี้จะนำมาให้ ขอความกรุณาด้วยครับ”
พนักงานสาว ๆ มองใบหน้าเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั้นอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก “กรี๊ด~~~~~”
“คะ ๆ” พนักงานที่เป็นธุระเอ่ยอนุญาตก่อนเดินถือใบสมัครของร่างบางนำไปยังห้องสัมภาษณ์ ผู้สมัครคนสุดท้ายจริง ๆ ของการประกวดเพิ่งจะมาถึง
ผู้จัดการส่วนตัวกอดอกมองแผ่นหลังเด็กหนุ่มที่เขาฝากความหวังเอาไว้อย่างภูมิใจ “เธอทำได้คาเมะนาชิคุง”
ยูอิจิได้ยินก็หันหน้าไปมองแล้วเปรยเบา ๆ กับตนเอง “อย่าได้เลย ถ้าได้ขึ้นมาฉันตายแน่ ๆ ”
คนหน้าหวานผู้ยืนอยู่ใกล้ ๆ แต่กลับถูกลดค่าความสนใจมองไปยังบานประตูห้องสัมภาษณ์ที่ปิดลง “ไหนว่าไม่สมัครยังไงล่ะ...คาเมะนาชิคุง???”
******************************
จบตอนที่8แล้วจ้า เป็นอย่างไรบ้างอย่าลืมเม้นท์บอกกันด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆที่ติดตามคะ^^
ความคิดเห็น