คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : part 7
paparazzi part 7
นิตยสารบันเทิงรายสัปดาห์วางเกลื่อนทั่วทุกแผงและมันก็ถูกซื้อจนหมดไปอย่างรวดเร็ว เพียงเพราะภาพและข่าวพาดหัวตัวมหึมาเกี่ยวกับนากามารุ ยูอิจิ ไอดอลหนุ่มชื่อดังอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในขณะนี้ที่มีความสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ถึงแม้ภาพที่ถูกแอบถ่ายมาจะไม่ชัดเท่าไหร่นักอีกทั้งเรื่องที่ลงจะเป็นความจริงหรือไม่แต่ยูอิจิก็ถูกต้นสังกัดเรียกเข้าพบทันทีเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป
“ฉันบอกนายแล้วว่าให้ระวังตัว” ผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยบอกเมื่อเขาและยูอิจิเดินกลับมาที่ห้องพักในบริษัท หลังจากถูกผู้บริหารเรียกไปคุยอยู่นาน
“ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าเขาจะเอาไปเขียนจนเป็นข่าวใหญ่โตแบบนี้” ยูอิจิสำนึก เขาไม่ระวังตัวจริง ๆ จึงถูกถ่ายรูปเมื่อตอนไปหาจินที่บ้านแต่กับเจอคาซึยะแทน ภาพที่ลงก็เป็นตอนที่ร่างบางเดินมาเปิดประตูห้องให้ ไม่เคยคิดเลยว่าภาพแค่นั้นจะถูกเติมไข่ใส่สีเสียจนเละเทะขนาดนี้
ผู้จัดการส่วนตัวถอนหายใจออกมาบาง ๆ “ทำยังไงได้ คนมันจ้องจะทำลายไม่ว่านายจะทำอะไรก็ถูกใส่สีจนได้แหละ”
“ขอบคุณครับที่เชื่อว่าผมไม่ได้เป็นอย่างในข่าวนั้นจริง ๆ ” ยูอิจิบอก
“แล้วคนที่เป็นข่าวด้วยรู้เรื่องหรือยังล่ะ” ผู้จัดการเอ่ยถาม
“ผมไม่ทราบครับ ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย” ยูอิจิพูดเสียงสลด นี่ก็ปาเข้าไปวันที่ห้าแล้วเพื่อนของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างหลังจากเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่รู้
“อย่างไรซะก็อย่าไปเจอเพื่อนคนนี้สักระยะแล้วกันให้เรื่องมันซา ๆ ไปก่อน” ผู้จัดการส่วนตัวแนะ “ส่วนเรื่องอื่นนายก็นิ่งไว้ซะถ้ามีคนถามเรื่องนี้ พูดมากเกินไปที่เสียจะเป็นฝ่ายเรา ที่เหลือต้นสังกัดจะจัดการเองนายแค่ทำตามอย่างที่คุยกันเมื่อครู่ก็พอ”
“ทราบแล้วครับ” ยูอิจิรับคำ
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัว เดี๋ยวต้องไปถ่ายแบบให้หนังสือสองเล่มนั้นที่เลื่อนไปคราวก่อน” ผู้จัดการส่วนตัวบอกแล้วเก็บข้าวของเพื่อเตรียมนำยูอิจิไปยังสตูดิโอซึ่งนัดกับช่างภาพหนังสือเอาไว้
*******************************
“คุณหนูคะ~~~” เสียงเรียกดังขึ้นหน้าประตูห้อง
ร่างบางที่นอนคลุมโปงบนเตียงหลังใหญ่เปิดผ้าออกมาแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่น “บอกแล้วไงว่าถ้าจินโทรมาอีกให้บอกไปว่าฉันไม่อยากรับสาย”
“คุณจินไม่ได้โทรมาคะ” สาวใช้บอก
“อ้าว~~~” ร่างบางเสียงเจื่อน “ถ้าอย่างนั้นมีอะไร”
“เพื่อนของคุณหนูชื่อริเอะจังโทรมาคะ จะรับสายไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถาม
“อืม” ร่างบางตอบแล้วลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูห้องแล้วรับสายโทรศัพท์ที่สาวใช้นำมาให้ “ขอบใจนะ” เอ่ยขอบคุณก่อนจะปิดประตูห้องลงแล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง “ว่าไงริเอะจัง”
“คาเมะจัง!!!!” เพื่อนสาวที่ชอบนากามารุ ยูอิจิ เรียกชื่อเขาน้ำเสียงตระหนก
“อะไร” ร่างบางถามกลับ “ถ้าจะชวนไปตามไอ้ห้อยยูอิจิล่ะก็ ไม่ไปเว้ย”
“คาเมะจังทำไมเรียกยูอิจิคุงอย่างนั้นล่ะ” ริเอะว่ากลับ
ร่างบางถอนหายใจออกมาแรง ๆ “ช่างฉัน มีอะไรหรือเปล่าคนกำลังอารมณ์ไม่ดี”
“มี สำคัญมาก” ริเอะตอบกลับ
“มีอะไรก็ว่ามา” ร่างบางเร่งเร้า
“ข่าวดังสด ๆ ร้อน ๆ นากามารุ ยูอิจิ มีความสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ปาปารัซซี่เขาไปถ่ายมาได้ตอนยูอิจิกำลังเข้าไปในห้องคู่ขานะ” ริเอะรายงาน
“ห๊ะ!!!” ร่างบางร้องเสียงหลง
“ตกใจล่ะสิ ฉันก็เหมือนกันไม่คิดว่ายูอิจิจะเป็นโฮโมเหมือนเธอ มิน่าล่ะเข้าวงการมาไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิงคนไหนเลยที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ดีใจด้วยนะคาเมะจังถ้าข่าวเป็นจริงเธอก็มีสิทธิ์ในตัวยูอิจินะ” ริเอะกล่าว
“แหวะ!!!” ร่างบางอุทานออกมาทันที
“อะไรกันคาเมะจัง” ริเอะต่อว่าอีก “ทำแบบนี้เหมือนไม่ชอบยูอิจิแล้วอย่างนั้นแหละ”
“ก็ไม่ชอบแล้วนะสิ” ร่างบางตอบ
“มิน่าล่ะถึงขาดการติดต่อไปเป็นเดือน ๆ ไอ้ฉันก็คิดว่าเธอไปได้ดิบได้ดีกับยูอิจิแล้วเสียอีก” ริเอะเอ่ยเย้า
“ฉันจะได้ดิบได้ดีกับไอ้ห้อยนั่นทำไมล่ะ” ร่างบางถามกลับ
“ก็แหม...คนในรูปนะถึงจะเบลอ ๆ แต่ฉันเห็นทีแรกคิดว่าเป็นเธอเสียอีก” ริเอะตอบ
“ห๊ะ!!!!” ร่างบางร้องลั่น “ว่าอะไรนะ ใครคล้ายฉัน”
“ก็คนที่เป็นข่าวกับยูอิจิยังไงล่ะ เขาบอกว่ายูอิจิไปหาที่ห้องเชียวนะสงสัยถึงไหนถึงไหนกันแล้วมั๊ง” ริเอะคาดเดา
“ไอ้หนังสือบ้าที่ลงข่าวนี้ยังมีขายอยู่หรือเปล่า” ร่างบางถามกลับเสียงเข้ม
“ตามร้านใหญ่ ๆ เกลี้ยงแผงไปนานแล้ว ถ้าเธอจะหาซื้อคงต้องไปตามร้านเล็ก ๆ ฉันคิดว่าน่าจะยังมีอยู่” ริเอะแนะนำ
“ขอบใจนะริเอะจัง” ร่างบางกล่าวขอบคุณแล้ววางสายทันที “ไอ้ห้อยเอ๊ย!!!!” เขาสบถออกมาเมื่อนึกย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่เขาเปิดประตูห้องให้ยูอิจิแล้วมัวแต่ยื่นอึ้งอยู่นั้นแสงสว่างที่กระชากสติเขากลับเป็นแสงแฟลชจากกล้องของพวกปาปารัซซี่เองหรอกเหรอ คิดขึ้นได้ก็รีบออกจากห้องไปเขาจะต้องหาซื้อนิตยสารนั่นให้ได้บางทีรูปคนที่เป็นข่าวนั่นอาจไม่ใช่ตัวเขาก็ได้หากคิดในแง่ดีไว้ก่อน แต่ถ้าใช่ขึ้นมาจริง ๆ ล่ะจะทำยังไงดี ???
*********************************
จินค่อย ๆ แกะผ้าที่พันข้อเท้าของตนตามที่หมอสั่งออกช้า ๆ เมื่อรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอาการปวดบวมที่ข้อเท้าหายดีแล้ว อยากจะรีบไปหาร่างบางที่บ้านของแม่เพื่อจะได้ปรับความเข้าใจกันเพราะการที่เขาโทรหาทุก ๆ สิบนาทีเป็นเวลาห้าวันเต็ม ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลยหากแต่เพิ่มความร้อนใจให้อีกต่างหาก ทีแรกก็คิดว่าจะไปตามกลับมาตั้งแต่วันนั้นแต่ก็เพราะทัตซึยะที่เดินทางมาจากเซ็นไดเพื่อมาดูอาการของเขานั่นแหละที่ห้ามเอาไว้ วันนี้อาการทางกายเขาหายดีแล้วแต่ทางใจยังเจ็บลึกอยู่เลยเพราะฉะนั้นควรรีบไปปรับความเข้าใจหากช้าเกินไปกว่านี้มันจะยิ่งไม่ดี
“จะออกไปเลยหรือไง” ทัตซึยะเอ่ยถามเมื่อเปิดประตูห้องนอนของจินเข้ามา
จินวางผ้าพันขอเท้าไว้กับเตียงแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “อืม โทรไปไม่ยอมรับสายเลยไม่รู้ป่านนี้คิดเตลิดอะไรไปไกลหรือเปล่าก็ไม่รู้ คาซึยะเขายิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย”
“คิดมากหรือคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องว่ะ” ทัตซึยะดักคอ “นายเองมันก็ผิดตรงที่ไม่บอกเขาไปสักทีว่าเป็นเพื่อนกับไอ้ยูอิจิ ส่วนคาเมะจังก็แรงเกินไปไม่ยอมฟังอะไรเลย คนเพิ่งจะคบกันได้แค่เดือนเดียวจะให้รู้เรื่องของแฟนตัวเองทุกอย่างได้ไงว่ะ ของอย่างนี้มันต้องค่อย ๆ เรียนรู้กัน”
“เออ ดีเลยไปด้วยกันแล้วนายก็ไปพูดอย่างเมื่อกี้ให้เขาเข้าใจด้วยก็ดี” จินเอ่ยชวน
“ถ้าฉันไปกับนายด้วยตอนนี้ยิ่งพังนะสิไม่ว่า นายควรจะไปปรับความเข้าใจกับเขาก่อนตามลำพังเพราะมันเป็นเรื่องของนายสองคน ฉันมันคนนอก” ทัตซึยะเอ่ยแนะ
จินมองเพื่อนตนเองอย่างชื่นชม “ขอบใจนะทัตซึยะที่มาอยู่เป็นเพื่อน ถ้านายไม่มาฉันคงฟุ้งซ่านแน่ ๆ ”
“ชิ ไม่ต้องมาชมหรอกมันกินไม่ได้” ทัตซึยะบอก “รีบไปปรับความเข้าใจกันสิ ถ้าพวกนายดีกันแล้วฉันจะได้กลับเซ็นไดไปทำมาหากิน”
“กำลังจะไปอยู่นี่แหละ ฝากบ้านด้วยนะ” จินบอกแล้วเดินออกจากห้องไป
ทัตซึยะเดินตามออกไปแล้วไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเพื่อเปิดทีวีดู เสียงประตูเปิดดังขึ้นหนึ่งครั้งเขารู้ว่าเพื่อนผู้เป็นเจ้าของห้องคงออกไปหาคนรักแล้ว
“อะไรว่ะออกไปแล้วก็ไม่ปิดประตู” ทัตซึยะบ่นเล็ก ๆ ก่อนชักมือกลับจากปุ่มเปิดเครื่องโทรทัศน์แล้วลุกขึ้นเดินไปหน้าประตูห้อง เพื่อนของเขายังไม่ได้ไปไหนยืนนิ่งอยู่หน้าประตูซึ่งเบื้องหน้ามีแต่แสงแฟลชปรากฏขึ้นอย่างไม่ขาดช่วงตอน “เฮ้ยอะไรว่ะ!!!”
จินหันหน้ากลับไปมองเพื่อน “นั่นสิ อะไรเนี่ย”
“ปิดประตูสิว่ะ เกิดเขาโยนระเบิดเข้ามาจะว่ายังไง” ทัตซึยะบอกเพื่อน
จินได้สติก็รีบปิดประตูห้องลงทันที “อะไรกันว่ะ งงไปหมดแล้ว” เขาถามเพื่อน
“จะไปรู้เหรออยู่ด้วยกันเนี่ย” ทัตซึยะบอก “ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ ๆ ไปดูข่าวดีกว่า” เอ่ยบอกแล้วก็วิ่งกลับไปเปิดทีวีซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะเปิดไว้อยู่แล้ว
“คะ!!!เมื่อสักครู่ที่ห้องของบุคคลซึ่งตกเป็นข่าวกับนากามารุ ยูอิจิคุง ได้มีผู้เปิดประตูห้องออกมาแต่จากคำยืนยันของสื่อหลายสำนักแจ้งว่าไม่ใช่คนที่ตกเป็นข่าวด้วยคะ คาดว่าที่ห้องนี้คงอาศัยกันอยู่หลายคนหนึ่งในนั้นคงมีบุคคลปริศนานั่นอยู่ด้วยอย่างแน่นอนคะ หากมีความเคลื่อนไหวอะไรอีกเราจะตัดเป็นข่าวด่วนมาให้ท่านผู้ชมรับทราบกันอีกนะคะ ตอนนี้กลับไปรับชมรายการของทางสถานีตามปกติคะ” นักข่าวสาวรายงานกระแสข่าวที่ได้รับความสนใจอยู่ตอนนี้ตามหน้าที่ของตนเสร็จ ภาพก็ตัดไปยังรายการปกติของทางสถานี
จินและทัตซึยะหันไปมองหน้ากัน ภาพในจอทีวีนั่นมันเป็นด้านล่างของหน้าอาคารที่พวกเขาอยู่กันตอนนี้แน่นอน
“เข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่าเนี่ย” จินเอ่ยถามขึ้น
“คงงั้น และไอ้คนที่ทำให้เข้าใจผิดก็คือไอ้ยูอิจิ” ทัตซึยะกอดอกบอก “วันนั้นที่มันมาก่อเรื่องให้นายจะต้องมีคนตามมันมาโดยที่มันไม่รู้ตัวแน่ ๆ ”
จินฟังคำวิเคราะห์ของเพื่อนเขาก็นึกย้อนไปเมื่อห้าวันก่อน ใช่แล้วปาปารัซซี่คนนั้นที่เคยจะซื้อความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเขาด้วยการขอซื้อข่าวและรูปเก่า ๆ ของยูอิจิแต่เขาปฏิเสธไป ต้องเป็นฝีมือคนนั้นแน่ ๆ
“ปาปารัซซี่คนนั้น” จินเอ่ยขึ้น
“คนไหน” ทัตซึยะถาม
“คนของสำนักพิมพ์ที่เป็นหนังสือในเครือบริษัทคู่แข่งไอ้ยูอิจินะสิ” จินบอก
“อ่อ...คู่แข่งกันนี่เอง” ทัตซึยะพยักหน้ารับรู้ “นี่แหละหนาวงการมายา”
“ป่านนี้มันคงโดนต้นสังกัดเรียกไปด่าแน่ ๆ ” จินคาดเดาได้อย่างถูกต้อง
ทัตซึยะนึกตาม ใบหน้าผู้จัดการของยูอิจิก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขา “โห!!! ไม่อยากนึกสภาพ”
“แล้วคนที่ตกเป็นข่าวด้วยละ ไม่ใช่ฉันก็คง....” จินเอ่ยแล้วก็นึกถึงร่างบาง “คาซึยะ~~~” เอ่ยชื่อคนรักแล้วผลุนผลันวิ่งออกจากห้องไปทันที
“เฮ้ยไอ้จิน ขายังไม่หายดีนะเว้ยแล้วออกไปตอนนี้เดี๋ยวก็โดนรุมหรอก” ทัตซึยะเอ่ยรั้งเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน เพื่อนของเขาหัวใจเกินร้อยวิ่งไปไกลแล้ว “เอาไงดีว่ะ พวกนักข่าวรุมมันแน่” เอ่ยถามตนเองแล้วตัดสินใจวิ่งตาม อย่างน้อยสองคนก็ดีกว่าคนเดียว “รอด้วยไอ้จิน~~~~”
***************************
“ว๊าค!!!!” ร่างบางร้องลั่นเมื่อเห็นหน้าปกนิตยสารบันเทิงรายสัปดาห์ในร้านหนังสือเล็ก ๆ ห่างจากบ้านเขาไม่มากนัก “รูปตอนนั้นจริง ๆ ด้วย” เขาเอ่ยยืนยันตัวเองก่อนเปิดหน้าข่าวแล้วอ่านเพียงคร่าว ๆ “มั่วสุด ๆ ใครเขาอยากไปเป็นคู่ขาหมอนั่นกัน จินของฉันเร้าใจกว่าตั้งแยะ” พูดเสร็จร่างบางก็ยกมือปิดปากตน “โกรธจินอยู่นี่หว่า...แต่เวลาแบบนี้จะมางอนอยู่ก็ใช่เรื่อง” ความคิดของร่างบางเริ่มค้านกันเอง “มิน่าล่ะวันนี้จินถึงไม่โทรมาหาต้องเกิดเรื่องที่บ้านแน่ ๆ ” เขาเริ่มคาดเดาก่อนใบหน้าตัวเองจะเริ่มเบะออกด้วยความกังวล “จิน~~~~ รอก่อนนะจะไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างบางวางหนังสือคืนแล้ววิ่งออกไปจากร้านทันที
ร่างบางชะงักฝีเท้าอย่างฉับพลันเมื่อเห็นว่าเบื้องหน้าของตนคือกองทัพนักข่าวที่ตั้งป้อมอยู่หน้าอาคารซึ่งบนชั้นสามห้องริมสุดคือบ้านของเขาและคนรัก
“ฉันช้าไปแล้วเหรอเนี่ย” ร่างบางถามตนเอง เงยหน้ามองประตูห้องที่ปิดเงียบสนิท “อยู่คนเดียวแบบนั้นจะเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของร่างบางแฝงไปด้วยความห่วงใย ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปอีกทาง
“โอ๊ย~~~” ร่างบางร้องโอดโอยเมื่อเอื้อมมือเกาะขอบระเบียงเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาซึ่งที่เขายึดไว้แล้วย้ายน้ำหนักตัวให้ขึ้นไปเหยียบยืน คือชั้นสามตรงห้องของเขาด้านหลังนั่นเอง
“จินไม่อยู่ในห้องนอนเหรอ” ร่างบางถามตัวเองเมื่อมองผ่านหน้าต่างห้องนอนเข้าไป เขายื่นมือไปหวังจะเปิดกระจกแต่ว่ามันถูกปิดจากด้านในนะสิ “เอาไงดีว่ะ” ถามตนเองอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ เดินไปห้องข้าง ๆ
โชคเข้าข้างมีคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนนั่นเขาจึงขอให้คนในห้องเปิดกระจกเพื่อให้เขาได้ผ่านเข้าไปโดยที่อ้างว่าเขาลืมกุญแจห้องเอาไว้ในห้องตัวเอง “ขอบคุณมากครับ” ร่างบางค้อมศีรษะให้ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วก้มตัวลงคลานกับพื้น เขาไม่ต้องการให้ผู้คนด้านล่างมองขึ้นมาเห็นตัวเอง
“จิน~~~ เปิดประตูให้หน่อย” ร่างบางส่งเสียงที่หน้าประตูห้อง ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน “จิน~~~ฉันเอง” เพิ่มวอลุ่มเสียงคิดว่าคนข้างในจะได้ยินแต่ก็ไม่มีสิ่งใดตอบสนอง ร่างบางขุ่นคิ้วแล้วยื่นมือไปจับลูกบิดประตูห้อง “ไม่ได้ล๊อก ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ข้างในนะสิ” ร่างบางเปิดประตูออกช้า ๆ แล้วคลานเข้าไปก่อนจะปิดลงอย่างรวดเร็ว “จิน~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกคนรักพลางลุกขึ้นเดินเข้าไปข้างใน มองหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบคนที่เรียกหาเลย “หายไปไหนกัน” ถามตนเองก่อนนั่งลงบนโซฟาคิดว่าอีกไม่นานคนร่างหนาก็กลับมาแน่นอน
****************************
รถแท็กซี่มาจอดหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ของร่างบาง จินเดินลงมาจากรถก่อนหันไปมองทัตซึยะซึ่งมองบ้านตรงหน้าอย่างตะลึงเหมือนกับที่เขาได้พบเห็นครั้งแรกไม่มีผิด
“นายพาฉันมาที่ไหนว่ะ” ทัตซึยะเอ่ยถาม
“บ้านคาซึยะไง” จินตอบ
“โห!!!! รวยสุด ๆ ตกถังข้าวสารแล้วไอ้จิน” ทัตซึยะพูด
“ข้าวสารอะไรล่ะ ของพ่อของแม่เขา” จินตอบแล้วเดินไปกดออดที่หน้าประตู สักพักสาวใช้ในบ้านก็เดินออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นเขาก็ค้อมศีรษะให้ ก่อนจะค้อมให้ทัตซึยะด้วย
“คุณหนูละคะคุณจิน” สาวใช้เอ่ยถาม
“ครับ มาหาคาซึยะ” จินตอบ
“ไม่ใช่คะ ดิฉันถามว่าแล้วคุณหนูละคะไม่มาด้วยกันเหรอคะ” สาวใช้ถามอีกครั้ง
“ไม่นี่ครับ...คาซึยะไม่อยู่ที่บ้านเหรอครับ” จินถามกลับ
“ไม่คะ คุณหนูออกจากบ้านไปเป็นชั่วโมงแล้วคะ ดิฉันก็คิดว่ากลับไปหาคุณจินเสียอีก” สาวใช้บอก
“เปล่าครับ” จินบอกสีหน้าวิตกกังวล “เขาบอกหรือครับว่าจะไปหาผม”
“ไม่ได้บอกอะไรเลยคะ อยู่ดีๆ ก็หุนหันออกจากบ้านไปเลย” สาวใช้รายงาน
“ไปไหนของเขากันนะ” จินเอ่ยถามตนเอง
“ไม่ใช่ว่าคาเมะจังเองก็กลับไปหานายที่ห้องจริง ๆ เหรอ” ทัตซึยะบอก
จินหันหน้ามามองเพื่อน “ถ้าอย่างนั้นคาซึยะไม่ถูกนักข่าวพวกนั้นรุมแล้วเหรอ กว่าเราจะวิ่งหนีกันออกมาได้ก็แทบแย่”
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับ” ทัตซึยะเอ่ยชวน
“เอ่อ...” สาวใช้รั้งไว้ “โทรไปบอกคุณหนูจะดีกว่าไหมคะ ถ้าคุณจินกลับไปแล้วสวนทางกับคุณหนูขึ้นมาอีกจะเสียเวลาเปล่า”
“จริงด้วย แต่ว่าผมไม่มีเบอร์คาซึยะ” จินบอกกับสาวใช้
“ดิฉันจดไว้คะแต่อยู่ในบ้าน เชิญคุณจินกับเพื่อนเขามาก่อนดีกว่าคะ คุณผู้หญิงเองก็อยู่ข้างใน” สาวใช้บอกแล้วเปิดประตูให้
จินหันไปมองทัตซึยะแล้วพยักหน้าให้ก่อนจะเดินตามสาวใช้เข้าไปในบ้านของร่างบาง
*********************
!!!!!ตื๊ด ตื๊ด!!!!! โทรศัพท์มือถือของร่างบางส่งเสียงว่ามีสายเรียกเข้า ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนโซฟาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง
“บ้าน โทรมาทำไมกัน” เอ่ยถามตนเองแล้วกดรับสาย
“คาซึยะ~~~” ปลายสายกรอกเสียงมาทันทีเมื่อเขารับสาย
ร่างบางอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ได้ยินเสียงคนรักมาตั้งหลายวันเพราะความงี่เง่าของตัวเอง “จิน~~~”
จินฟังน้ำเสียงร่างบางก็รู้ว่าคนคนนี้อารมณ์อ่อนลงไปเยอะแล้ว “นายอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่บ้านของเรานั่นแหละ ฉันเห็นข่าวบ้า ๆ นั่นแล้ว” ร่างบางบอก
“รออยู่นั่นนะฉันจะไปรับ แม่บอกว่าให้ฉันกับนายมาอยู่ที่บ้านนี้ก่อนหลบพวกนักข่าวนั่น” จินบอก
“แม่รู้เรื่องแล้วเหรอ” ร่างบางย้อนถาม
“ฉันเล่าให้ฟังหมดแล้ว” จินบอกกลับคนรัก “คาซึยะ...ฉันขอโทษนะ”
ร่างบางได้ยินก็ระบายยิ้มออกมา “นึกว่าจินจะไม่พูดแล้ว ฉันรอคำนี้ตั้งนาน”
“ก็นายไม่ยอมเปิดโอกาสให้ฉันได้พูดเลยนี่หน่า” จินตอบกลับ
ร่างบางนึกขึ้นได้ เขาเองนั่นแหละที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์จากจินเลยด้วยความเล่นตัวของตนทั้ง ๆ ที่จินโทรมาง้อไม่กี่หนแรกเขาก็เริ่มใจอ่อนแล้วแท้ ๆ แต่ที่ยังแกล้งต่อเพราะอยากให้คนรักมาง้อถึงบ้านต่างหาก “ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ฉันเองก็อยากขอโทษจินเหมือนกันที่ทำตัวแบบนี้”
“ฉันไม่โกรธนายหรอก มันสมควรแล้วนี่ที่ปิดบังเรื่องของยูอิจิกับนาย” จินสำนึก
“โหย!!! อย่าพูดชื่อไอ้ห้อยนั่นได้ไหม เพราะมันนั่นแหละทำให้เราต้องทะเลาะกัน” ร่างบางกล่าวโทษคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“อย่าไปว่าเขาเลย เขาไม่รู้เรื่อง” จินบอกร่างบาง “เดี๋ยวฉันไปรับนะ”
“อืม~~~ มาเร็ว ๆ นะ” ร่างบางเอ่ยเสียงอ้อน
“จ้า~~~” จินรับคำก่อนวางสายลง เขายิ้มให้กับทัตซึยะที่มองมา
“ดีกันแล้วสิ หน้าบานเชียว” ทัตซึยะเอ่ยแซว
“อืม” จินตอบ “ฉันจะไปรับคาซึยะ นายจะไปด้วยไหม”
“ไม่ล่ะ แม่บอกจะสอนฉันเล่นเปียโน” ทัตซึยะบอก
“แหม...อยากจะเป็นลูกชายบ้านนี้อีกคนหรือไง” จินเอ่ยแซว
“มิบังอาจ แค่ตอนนี้อยู่บ้านเศรษฐีก็ควรจะทำอะไรที่มันไฮโซให้เข้ากันเสียหน่อย ไปหละแม่รออยู่ที่ห้องดนตรี” ทัตซึยะบอกแล้วเดินจากไป เขาช่างทำตัวคุ้นเคยกับอะไรได้ง่ายดีจริง ๆ
จินมองส่งก่อนเดินออกจากบ้านหลังใหญ่อีกครั้งเพื่อไปรับคนรักให้มาอยู่ด้วยกันหลังจากห่างกันมาหลายวัน
*************************
ร่างบางนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวหลังจากอารมณ์ขุ่นมาหลายวัน มองดูรอบ ๆ ห้องที่ไม่ได้อยู่มาแค่ห้าวันแต่ทำไมถึงได้รกขนาดนี้นะ
“ทำความสะอาดรอจินดีกว่า” ร่างบางเอ่ยบอกตนเองแล้วจัดแจงเดินเข้าห้องน้ำไป ตระกร้าที่วางไว้ในห้องมีเสื้อผ้าที่ใช้แล้วใส่อยู่จนล้นออกมา ร่างบางจัดการหยิบไปซักเสียจนหมด ก่อนจะมาปัดกวาดเช็ดถูห้องต่อ
“เอ๊ะ” ร่างบางสะดุดตากับเอกสารบางอย่างที่วางอยู่บนเครื่องเล่นดีวีดี “มหาวิทยาลัยที่อังกฤษอย่างนั้นเหรอ” เอ่ยถามตนเองอย่างไม่มั่นใจเพราะเขาเองก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษถึงขนาดจะอ่านออกได้ทุกตัว
!!!!!ปั่ง!!!!! เสียงประตูห้องที่ปิดอย่างแรงเรียกร่างบางให้หันไปมอง คนรักของเขายืนเอาหลังพิงบานประตูด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ร่างบางจึงเดินไปหาทันที
“หนีพวกข้างล่างขึ้นมาอย่างนั้นสิ” ร่างบางถามแล้วยิ้มให้ก่อนจะสวมกอดคนรักนำดวงหน้าของตนซุกลงบนแผ่นอกแกร่ง “กลับมาแล้วเหรอ~~~”
จินระบายยิ้มออกมา “กลับมาแล้วจ้า” เขาบอกพลางกอดตอบร่างบางนั้น
“จิน~~~” ร่างบางเรียกชื่อคนรักเสียงเครือ “ฉันขอโทษนะ ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ขอโทษที่ไร้เหตุผล ขอโทษที่ไม่ยอมฟังจินอธิบายอะไร แล้วก็ขอโทษที่ทำให้จินต้องเจ็บตัว”
จินฟังคำคนรักจบก็หอมลงบนเส้นผมนุ่มนั้น “ฉันไม่เคยโกรธนายเลยตรงกันข้ามฉันกลับกลัวว่านายจะเกลียดฉันแล้วเสียอีก”
“จินเล่าเรื่องของจินกับยูอิจิให้ฉันฟังหน่อยสิ” ร่างบางเอ่ยขอ
“ฉัน ยูอิจิ แล้วก็ทัตซึยะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเราสนิทกันมาก จนประมาณสามปีก่อนทัตซึยะโกรธยูอิจิเพราะว่าเขาคบกับพี่มิซูรุเป็นแฟน ทัตซึยะเองก็ชอบและสนิทกับพี่มิซูรุมากก็เลยเสียใจเขาโกรธยูอิจิไปเป็นปี ๆ เลยแต่ว่าตอนนี้ก็อ่อนลงให้มากแล้วล่ะ” จินเกริ่นเล่า
“แล้วยังไงต่อ” ร่างบางถามอีก
“อย่างที่นายก็รู้ว่าพี่มิซูรุไม่ค่อยแข็งแรงเลยต้องอยู่ที่โรงพยาบาลค่าใช้จ่ายทางบ้านจึงเพิ่มขึ้น ยูอิจิเขาตัดสินใจเข้าวงการบันเทิงเพื่อหาเงินช่วยค่ารักษา ฉันเองก็เอ็นท์ติดมหาวิทยาลัยที่โตเกียวแล้วก็ต้องการเก็บเงินเยอะๆเพื่อเรียนต่อต่างประเทศโดยไม่ต้องรบกวนทางบ้าน ยูอิจิเลยออกความคิดที่ให้ฉันตามถ่ายรูปเพื่อนำไปขาย ส่วนทัตซึยะไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเขาทำงานแล้วก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของเราทั้งสองคน” จินเล่าให้ฟังคร่าว ๆ จนจบ
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้จินคิดมากเรื่องที่ปาปารัซซี่คนนั้นจะมาขอซื้อข่าวจากจินใช่ไหม” ร่างบางถาม
“ใช่ ฉันกลัวว่ายูอิจิมันจะลำบากไปด้วยเพราะฉัน” จินตอบ
“แล้วทำไมจินไม่บอกกับฉันตั้งแต่แรกที่เราคบกันจริงจังล่ะ” ร่างบางถาม
“บอกตามตรงครั้งแรกฉันไม่มั่นใจว่านายรักฉันจริงหรือเปล่าถึงยังไม่อยากให้นายรู้ กลัวว่าพอรู้แล้วนายจะไปหายูอิจิโดยใช้ฉันเป็นสะพาน” จินบอกตามความรู้สึกของตนเองในครั้งแรก
“บ้า” ร่างบางต่อว่า “แล้วตอนที่รู้ว่าฉันรักนายจริง ๆ ล่ะ ทำไมถึงยังไม่ยอมบอก”
“ฉัน...ลืม” จินตอบเสียงแผ่ว
ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามอง “ไม่มีข้อแก้ตัวอย่างอื่นเลยหรือไงเนี่ย ตรงไปแล้วมั๊ง”
“ก็จริง ๆ นี่หน่า อยู่กับนายทุกวันอย่างมีความสุขเลยลืมเรื่องนี้ไปสนิท แม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์นายฉันยังไม่มีเลยเพราะว่าเราอยู่ด้วยกันตลอด” จินบอกตามความจริง
“นั่นสิเน๊อะ สงสัยฉันจะข้ามขั้นตอนมากไปหน่อย” ร่างบางตอบ “แต่ถ้าช้าคนอื่นก็คว้าจินไปนะสิ”
“ใครเขาจะเอาฉัน” จินตอบเสียงกลั้วหัวเราะ “กลับบ้านแม่กันเถอะ”
“ยัง” ร่างบางตอบ “มีเรื่องที่อยากจะถามอีก”
“ถามอะไรว่ามาฉันจะตอบให้หมดเลย” จินเปิดทาง
“จินจะไปอังกฤษเหรอ ฉันเห็นเอกสารอ่านไม่ค่อยออกหรอกแต่ว่ามันเป็นทุนใช่ไหม” ร่างบางถาม
“อืม ฉันได้ทุนเปิดเทอมนี้แล้วก็ต้องไป” จินบอกร่างบาง “มันเร็วมากเพราะอาจารย์ท่านดำเนินเรื่องให้โดยที่ฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ฉันไปอยู่ด้วยได้หรือเปล่า” ร่างบางเอ่ยถาม
จินยิ้มให้ “ทำไมจะไม่ได้ แต่คงจะลำบากหน่อยนะฉันไม่มีเงินมากพอขนาดให้นายอยู่ได้สบาย ๆ ”
“ไม่กลัวหรอกความลำบากอะไรนั่น กลัวจะไม่ได้กอดจินแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองมากกว่า” ร่างบางบอกแล้วซุกหน้าลงบนแผ่นอกคนรักอีกครั้ง “ฉันไม่อยู่บ้านเหงาบ้างหรือเปล่า”
“เหงาสิ คนนอนด้วยกันทุกคืน แต่ก็ยังโชคดีที่ทัตซึยะมันมาอยู่เป็นเพื่อนไม่อย่างนั้นฉันคงคิดอะไรเพ้อเจ้อไปมากกว่านั้นแน่ ๆ ” จินบอกร่างบาง
“ห๋า~~~ ทัตจังมานอนด้วยเหรอ” ร่างบางเอ่ยถามแล้วผละตัวออกจากคนรักทันที “มิน่าทำไมบ้านถึงรกแถมเสื้อผ้ายังกองเต็มตระกร้าอีก แล้วนี่ให้ทัตจังนอนในห้องด้วยหรือเปล่า ฉันไม่ยอมนะ” ร่างบางหน้างอ
“เปล่าใครจะให้นอนกันเล่า ทัตซึยะมันนอนที่โซฟาข้างนอน” จินบอก
“เฮ้อ~~~โล่งอกนึกว่าจะโดนทับรอยซะแล้ว” ร่างบางบอกแล้วกอดคนรักตามเดิม
“สบายใจแล้วสิ กลับบ้านแม่กัน” ร่างหนาเอ่ยชวนเป็นครั้งที่สอง
“ยัง” ร่างบางยื้อเวลาไว้ “ยังไม่ได้จัดการพวกด้านล่างนั่นเลย”
“นั่นสิ จะอยู่กันอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้” จินกล่าว
“ฉันจัดการให้เอง” ร่างบางบอกแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจูงมือคนรักออกนอกห้อง ไปยืนตรงระเบียงแล้วตะโกนเรียกพวกนักข่าวด้านล่างซึ่งต่างถ่ายภาพของเขาสองคนเอาไว้กันใหญ่
“จะทำอะไรนะคาซึยะ” จินเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวก็รู้” ร่างบางบอก “นี่!!!!” ตะโกนเรียกคนอยู่ด้านล่าง
พวกนักข่าวต่างหยุดถ่ายและบันทึกภาพมองดูร่างบางอย่างสนอกสนใจ “ขอบคุณนะที่มาเป็นสักขีพยานในความรักของเรา”
คำจากปากร่างบางทำเอาจินหันมองคนรักด้วยความฉงนหนักว่าเดิม ร่างบางหันมามองตอบก่อนยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาแล้วโน้มลงมาประทับริมฝีปากอย่างนุ่มละมุนก่อนจะส่งลิ้นอุ่นเข้าไปก่อกวนอย่างร้อนแรง คนร่างหนาดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ร่างบางนี้ช่างกล้าจนเขากลับเป็นฝ่ายเขินอายแทน
“ไม่ถ่ายไว้ละ” นักข่าวด้วยกันเอ่ยถามกันเอง
“ถ่ายทำไมไม่ใช่นากามารุคุงสักหน่อย กลับกันเถอะว่ะ” คนหนึ่งเอ่ยชวน “เสียเวลาทำข่าวไร้สาระจริง ๆ ”
“พวกเรา เมื่อครู่นากามารุคุงออกมาแถลงข่าวเรื่องภาพนั้นแล้ว เขาบอกว่าเป็นตัวเขาจริงแต่คนในรูปไม่ใช่แฟนของเขา” นักข่าวอีกสำนักตะโกนบอกกัน
นักข่าวและปาปารัซซี่ที่เหลือเงยหน้าไปมองบนอาคารชั้นสามที่คนสองคนยังคงกอดจูบกันตามประสาคนรัก ก่อนที่พวกเขาจะส่ายหน้าช้า ๆ แล้วทยอยกันเดินออกไปจากบริเวณนั้น
“ข่าวของพวกปาปารัซซี่นี่เชื่อไม่ได้เลย” นักข่าวต่างบนอุบเมื่อต้องเสียเวลาทั้งวันกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
คนร่างหนาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากตนเองออกแล้วดันร่างคนรักให้ห่างออกมา “ทำอะไรนะคาซึยะ เดี๋ยวก็ยิ่งเป็นข่าวหรอก”
“ดีสิ ฉันอยากลงหน้าหนึ่งกับจินมากกว่าไอ้ห้อยนั่น” ร่างบางตอบแล้วระบายยิ้มออกมา “หน้าแดงเชียวเขินหรือไง ทำเป็นไม่เคยไปได้”
“ก็ไม่เคยทำต่อหน้าคนเยอะ ๆ แบบนี่นะสิ” จินตอบแล้วมองไปยังเบื้องล่าง “อ้าว หายไปไหนกันหมดแล้ว”
ร่างบางมองตามลงไป “นั่นสิ อะไรกันเนี่ย”
“แต่ก็ดีแล้วล่ะกลับกันไปได้สักที” จินบอก “กลับเถอะ” เขาเอ่ยชวนเป็นครั้งที่สาม
“ยัง” ร่างบางปฏิเสธเช่นเคย “มีอารมณ์แล้วหละ ทำกันเถอะจิน”
จินตาโตด้วยความตกใจ “ตอนนี้เลยเหรอ ยังสว่างอยู่เลย” เขาบอกหน้าแดงก่ำ
“หลับตาก็มืดแล้ว” ร่างบางตอบแล้วโอบเอวคนรักเอาไว้เอนศีรษะซบแผ่นอกคนขี้อายในอ้อมแขน “น้า~~~ ตอนก่อนนู้นจินก็ชิ่งหลับไปก่อนแล้วหลังจากนั้นก็ทะเลาะกันอีก หลายวันแล้วนะ~~~~”
จินอมลมเข้าปากจนแก้มป่องก่อนจะหอมแก้มคนรักตอบ “เข้าห้อง”
ร่างบางยิ้มกว้างออกมา “วันนี้เอาแบบสเปเชี่ ยวเลยนะ ทุกที่ในบ้านโอเค???”
“เฮ้ย!!! คนนะ” จินบอกใบหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม
“นะ ๆ” ร่างบางอ้อนก่อนจูงมือคนรักเดินกลับเข้าห้องไป
*******************************
“แม่ครับ” ทัตซึยะเอ่ยเรียกมารดาของร่างบางเมื่อเขามองดูนาฬิกาทรงหรู “ทานกันดีกว่าครับจะสองทุ่มแล้วคืนนี้เขาคงไม่กลับกันมาแล้วล่ะ”
มารดายิ้มให้ลูกชายคนใหม่ที่ถูกคอกับตนเหลือเกิน “ก็ว่าอย่างนั้นแหละ ทัตจังหิวแล้วล่ะสิทานเยอะ ๆ นะลูก”
ทัตซึยะยิ้มตอบก่อนจะลงมือทานอาหารฝรั่งมื้อใหญ่ตรงหน้า ในใจก็คิดว่าดีเสียจริงที่เพื่อนทั้งสองไม่กลับมาเขาจะได้จัดการอาหารชั้นเลิศนี้ให้หมด นาน ๆ จะได้ลาภปากเสียที
“กลับมาแล้วครับ” สองเสียงประสานขึ้นหน้าทางเข้าห้องอาหาร
“กลับมาแล้วเหรอลูก มาทานอาหารด้วยกันก่อนสิ” มารดาของร่างบางเอ่ยชวน
ร่างบางพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้มารดาส่วนจินเดินไปนั่งตัวข้างทัตซึยะ
“กลับมาทำไมว่ะ” ทัตซึยะเอ่ยถามเพื่อนเบา ๆ
“อ้าว ก็บอกแม่แล้วว่าจะพาลูกชายท่านกลับบ้านก็ต้องทำตามสิ” จินบอกก่อนตักอาหารเข้าปาก
“คนดีจริงพ่อคุณ เป็นฉันดีกันแบบนี้แล้วคืนนี้ไม่ให้หลับไม่ให้นอนหรอก พรุ่งนี้ค่อยกลับมายังได้” ทัตซึยะบอก
จินไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้ม ๆ เขามองไปทางร่างบางทั้งคู่สบสายตากันก่อนจะนั่งอมยิ้มทั้งคู่
“เห็นข่าวบอกว่านากามารุคุงแถลงข่าวแล้วนี่จ๊ะ” มารดาร่างบางชวนคุย
“กว่าจะเปิดปากพูดได้กลัวอะไรจะร่วงออกจากปากหรือไงก็ไม่รู้” ทัตซึยะพูดขึ้น
“นั่นสิทำเอาวุ่นวายไปหมด” ร่างบางเสริม
ทัตซึยะมองไปยังร่างบางก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้า ร่างบางยื่นมือมาตบตอบ จินมองคนทั้งสองแล้วยิ้มแห้ง ๆ ทัตซึยะได้พวกแบบนี้แล้วยูอิจิคงลำบากแน่
“แม่ให้คนจัดห้องให้จินกับทัตจังแล้วนะ” มารดาบอกกับคนทั้งสอง
ร่างบางหันไปสบตามองแม่ตนเองอย่างให้รู้ความในใจ
“ลูกยังเด็กอยู่...แต่ถ้าแม่จะแยกลูกสองคนไม่ให้นอนด้วยกันก็คงไม่ดีนักใช่ไหม จินนอนห้องเดียวกับลูกก็ได้” มารดาบอก
ร่างบางระบายยิ้มกว้างออกมาชูมือขึ้นฟ้าก่อนจะชักกลับลงมา “เยส!!!”
“ดีใจด้วยนะไอ้จิน” ทัตซึยะหันไปพูดเบา ๆ
“ขอบคุณครับแม่” จินบอกแล้วค้อมศีรษะให้ “เอ่อ...แม่ครับผมมีอีกเรื่องที่อยากขออนุญาตแม่”
มารดาของร่างบางวางมีดและซ้อมในมือลง “ว่าไงจ๊ะจิน”
“คือ...ผมได้ทุนไปเรียนที่อังกฤษปีหนึ่งนะครับ” จินแจ้งข่าวให้ทราบ
“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ ดีนี่ลูกอนาคตของเรา” มารดาร่างบางบอกจากใจจริง หล่อนนึกชื่นชมเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่ในใจ ถ้าจะฝากลูกชายตนเองไว้กับคนคนนี้หล่อนก็สบายใจ
“ผม...อยากขออนุญาตแม่...ผมขอพาคาซึยะไปอยู่ด้วยนะครับ” จินเอ่ยขอเสียงหนักแน่นในประโยคหลังก่อนค้อมศีรษะให้ มารดามองท่าทางคนรักของลูกชายก่อนจะหันกลับไปมองลูกตนเองที่มองมาและลุ้นกับคำตอบอยู่ หล่อนระบายยิ้มให้ก่อนจะหันไปตอบจิน
“ไม่ได้จ๊ะ”
“แม่~~~” ร่างบางเอ่ยน้ำเสียงผิดหวัง ไม่ต่างจากจินที่เงยหน้าขึ้นหน้าด้วยดวงหน้าสลด
“แม่มีเหตุผล” มารดาบอก “จินต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอจ๊ะ ถ้าคาซึยะไปอยู่ด้วยแม่คิดว่าความตั้งใจของลูกคงลดลงเพราะต้องมาห่วงลูกชายของแม่ที่ไม่เอาไหน อีกอย่างไปอยู่ที่นั่นค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อยลำพังตัวของจินเองก็คงไม่เท่าไหร่แต่นี่....” หล่อนหันไปมองลูกชายที่นั่งหน้างอก่อนหันกลับมามองหน้าจิน “ห่างกันแค่ปีเดียวเพื่อจะได้เติบโต จินเข้าใจใช่ไหมลูก”
“ครับ” จินรับคำ
“จิน!!!” ร่างบางเอ่ยอย่างขัดใจคนร่างหนาทำไมถึงไม่พยายามที่จะให้เขาไปอยู่ด้วยมากกว่านี้ “ไม่ยอมผมจะไปอยู่กับจิน”
“ถ้าอยากไปก็เชิญแต่อย่าเอาเงินของฉันไปนะ ถ้าอยากไปต้องหาเงินไปเองแบบจิน” มารดายื่นคำขาด
“ก็ได้หาเงินไปเองก็ได้” ร่างบางเสียงกร้าว
“คาซึยะ!!!” จินเอ่ยปรามน้ำเสียงไม่สุภาพนั้น
“ขอโทษครับแม่” ร่างบางสำนึกผิด
“ทานกันตามสบายนะจ๊ะเด็ก ๆ แม่ขอตัวก่อน” มารดาเอ่ยบอกแล้วลุกจากโต๊ะอาหารไป
ร่างบางมองส่งเมื่อแม่เดินออกไปแล้วเขาก็ทิ้งซ้อมในมือทันทีอย่างขัดใจ “จินน่ะ ทำไมถึงยอมเชื่อแม่ง่าย ๆ อย่างนั้นล่ะ จินไม่อยากให้ฉันไปอยู่ด้วยหรือไง”
“แม่นายก็พูดถูกไม่ใช่เหรอคาเมะจัง” ทัตซึยะบอก “ไอ้จินมันไปเรียนแค่ปีเดียว ถ้านายไปอยู่ด้วยจินมันจะได้เรียนเหรอ”
“ฉันไม่ได้ตัวภาระขนาดนั้นนะทัตจัง” ร่างบางเถียง
“ภาษาอังกฤษนายพูดได้หรือเปล่า” ทัตซึยะถาม
“หึ” ร่างบางตอบ
“แล้วจะให้ไอ้จินมันออกไปเรียนแล้วปล่อยให้นายอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่สื่อสารกับใครไม่ได้เลยนะเหรอ” ทัตซึยะถาม “มันก็ห่วงนายจนไม่ต้องไปเรียนกัน”
ร่างบางได้ฟังก็ถอนหายใจบาง ๆ ออกมา “ฉันอิ่มแล้ว” เอ่ยบอกแล้วลุกออกจากโต๊ะไป
จินเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินตามร่างบางไปทันที ทัตซึยะมองแผ่นหลังทั้งสองคนก่อนจะสนใจกับอาหารบนโต๊ะที่เหลือ เขาจะจัดการให้ราบเป็นหน้ากองทีเดียว
********************************
“จริงเหรอว่ะไอ้ทัตซึยะ” ปลายสายกรอกเสียงดีใจเมื่อได้ฟังข่าวสารจากเพื่อน
“ไอ้จินมันเก่งไม่เหมือนนายหรอกยูอิจิ” ทัตซึยะบอก “จะไปส่งมันเปล่าล่ะ”
“วันนั้นมีติดอัดรายการนะสิ” ยูอิจิเอ่ยอย่างเสียดาย “แต่ก่อนหน้านั้นสองวันฉันไม่มีงานไปเลี้ยงส่งมันกันไหม”
“ถ้าอย่างนั้นไปเจอที่เซ็นไดเลยดีกว่า จินมันกลับบ้าน” ทัตซึยะบอก
“แล้วนี่คาเมะจังไม่อะไรเหรอ เพิ่งจะดีกันหยก ๆ อีกไม่กี่วันก็ต้องห่างกันอีกแล้ว” ยูอิจิถามอย่างนึกเป็นห่วงคนทั้งสอง
“ทีแรกก็ทำใจไม่ได้หรอก แต่ขึ้นไปบนห้องตั้งนานแล้วป่านนี้คงเข้าใจอะไร ๆ แล้วล่ะ” ทัตซึยะบอก
“อิจฉามันว่ะ ได้กอดคนที่รักทุกวัน” ยูอิจิกล่าว
“ถ้าอยากตายไว ๆ ก็ลองกอดมิซูรุดูสิ” ทัตซึยะเอ่ยท้า
“หึ หึ ” ยูอิจิหัวเราะยั่ว “แค่นี่นะจะนอนแล้วพรุ่งนี้ทำงานแต่เช้า”
“เฮ้ย หัวเราะแบบนั้นหมายความว่ายังไง อย่าเพิ่งวางสิว่ะไอ้บ้า” ทัตซึยะต่อว่าคนที่ตัดสายไปดื้อ ๆ เขาโทรกลับแต่ยูอิจิปิดเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว “หนอย~~~ ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ห้อยเอ๊ย!!!”
***************************
คนร่างหนาเดินมาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นก่อนสวมกอดร่างบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะวางเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในห้องนอนของร่างบาง
“ปีหนึ่งมันมี365วันใช่ไหม” ร่างบางเอ่ยถาม
“ใช่” จินตอบ
“จินต้องไปอาทิตย์หน้าแล้วใช่ไหม” ร่างบางถามอีก
“ใช่” จินตอบอีก
“ฉันทำใจไม่ได้ ไม่ไปส่งจินคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม” ร่างบางถาม
“ไม่ว่าหรอก” จินตอบกลับ
“จะคิดถึงฉันไหม” ร่างบางถาม
“คิดถึงสิ” จินตอบจากใจจริง
“ตั้งใจเรียนนะ” ร่างบางสั่ง
“ครับ” จินรับปาก
“ให้ที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วย ฉันจะโทรไปหาจินทุกวัน” ร่างบางบอก
“ได้สิ” จินรับคำ
“จูบฉันทีสิ” ร่างบางเอ่ยขอ “ไม่เอาดีกว่าเอาหลาย ๆ ที”
คนร่างหนามอบสัมผัสนั้นให้ตามที่ร่างบางต้องการอย่างเร้าร้อนอยู่หลายต่อหลายหนก่อนจะผละตนเองออก “คืนนี้ขอได้ไหม” เขาเอ่ยถาม
ร่างบางคลี่ยิ้มออกมา “ครั้งแรกนะเนี่ยที่จินชวนก่อน”
“ก็เมื่อตอนกลางวันตั้งหลายครั้งฉันกลัวว่านายจะรับไม่ไหวนะสิ” จินกระซิบบอก
ร่างบางยกมือขึ้นโอบรอบคอคนรัก “กับจินฉันไม่เคยรู้จักคำว่าพอเลยรู้ไหม คืนนี้จินจะทำหลาย ๆ ครั้งก็ได้นะ แล้วหลังจากนี้จนถึงวันที่จินจะต้องไปเราทำกันทุกคืนฉันก็ยินดี เพราะว่าหลังจากนี้เราจะไม่ได้สัมผัสแล้วก็บอกรักกันแบบนี้ตั้งปีหนึ่งเชียวนะ”
“ผมรักคุณ” จินเอ่ยบอกย้ำความรู้สึกแก่ร่างบาง
“แค่นี้ยังไม่พอ ฉันต้องการจินมากว่านั้น” ร่างบางตอบ
คนร่างหนาส่งยิ้มให้ก่อนจะอุ้มร่างบางไปยังเตียงหลังใหญ่ สัมผัสบางเบาที่ร่างบางมอบให้ปลุกอารมณ์ของเขาให้ลุกโชน ค่ำคืนนี้ภายในห้องที่ตั้งอุณหภูมิให้อากาศเย็นสบายคงจะเร้าร้อนยิ่งกว่า36องศาของอากาศเมื่อตอนกลางวันยามหน้าร้อนใกล้จะสิ้นสุดลงเสียอีก
************************
จบตอนที่7แล้วจ้า ยังไงอ่านแล้วเพื่อนๆอย่าลืมเม้นท์บอกกันด้วยนะคะว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขอบคุณที่ติดตามผลงานคะ^^
ความคิดเห็น