ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    paparazzi

    ลำดับตอนที่ #6 : part 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 49


    paparazzi part 6
    !!!!!กริ๊ง กริ๊ง!!!!! โทรศัพท์มือถือดังขึ้นก่อนเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ให้เรียกพวกเขาตื่นจากนิทราเสียอีก คนร่างหนาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองไปยังนาฬิกาซึ่งตั้งไว้แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลาส่งเสียงเรียก
    โทรศัพท์หรอกเหรอ ใครโทรมาแต่เช้าเชียวเปรยกับตนเองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของร่างบางที่มีแสงไฟกระพริบเมื่อเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีก
    หือ~~~~” ร่างบางส่งเสียงงัวเงียเมื่อรู้สึกตัว จินรับให้หน่อย~~~~” เอ่ยบอกแล้วซุกหน้าลงบนแผ่นอกร่างหนาอีกครั้ง
    ที่บ้านเหรอ????” จินมองดูชื่อปลายสายก่อนจะกดรับ ครับ
    คุณหนูคะปลายสายกรอกเสียงทันที
    เอ่อ....คือคาซึยะหลับอยู่ครับผมเลยรับแทนจินบอกกับปลายทาง
    เพื่อนคุณหนูเหรอคะปลายทางถามกลับ
    ครับจินตอบ มีอะไรบอกผมได้นะครับ เขาตื่นแล้วผมจะแจ้งให้
    ถ้าอย่างนั้นรบกวนบอกคุณหนูด้วยนะคะ ว่าคุณแม่โทรมาบอกว่าจะกลับวันนี้คะปลายทางแจ้งข่าว
    ครับ ผมจะบอกให้จินรับคำ
    ขอบคุณคะ บอกให้ได้นะคะปลายทางกล่าวย้ำแล้ววางสายลง
    จินวางสายก่อนจะหันไปมองหน้าร่างบางที่ยังนอนซุกตัวติดอยู่กับเขาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวคุณหนูเหรอ?” เอ่ยถามตนเองก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วจัดท่าทางให้ร่างบางนอนสบาย แล้วเดินออกจากห้องนอนไป
    **********************
    ร่างบางเดินออกมาจากห้องนอนกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากห้องครัวช่างปลุกอาการสะลืมสะลือของเขาได้ดีทีเดียว มองเห็นแผ่นหลังของคนร่างหนาที่ง่วนอยู่กับการทำครัวก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วเดินเข้าไปหาใกล้ ๆ
    จิน~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกเมื่อหยุดยืนอยู่ด้านหลังแล้วนำใบหน้าของตนแนบกับแผ่นหลังคนรัก
    หืม~~~” จินขานรับแต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมามองเพราะยังคงใส่ใจกับอาหารมื้อเช้าอยู่อรุณสวัสดิ์คาซึยะ

    อรุณสวัสดิ์ร่างบางเอ่ยตอบแล้วยื่นมือไปโอบเอวคนร่างหนาสอดฝ่ามือทั้งสองข้างใส่ในกระเป๋าของผ้ากันเปื้อนที่คนรักสวมใส่
    ระวังนะมันใกล้เตาจินเตือนด้วยความเป็นห่วง
    ไม่กลัวหรอก เพราะยังไงจินก็ไม่ทำให้ฉันโดนมันอยู่แล้วร่างบางตอบ
    รู้ใจจริงนะจินกล่าวแล้วระบายยิ้มออกมาเมื่อคนด้านหลังเล่นซนด้วยการใช้จมูกไซร้แผ่นหลังเขาเล่นคาซึยะ~~~”
    ขอโทษ ฉันกวนจนจินทำอาหารไม่ถนัดใช่ไหมร่างบางเอ่ยถาม
    เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจินรีบปฏิเสธเพราะเกรงร่างบางจะเข้าใจผิดเมื่อคืน...ขอบคุณนะ เพราะนายทำให้ฉันนอนหลับฝันดี
    ร่างบางยิ้มกว้างออกมาไม่เห็นจะต้องขอบคุณเลย สำหรับจินให้ฉันทำอะไรให้มากกว่านั้นฉันก็ทำได้...ขอแค่อย่างเดียว
    อะไรจินถามอย่างใคร่รู้
    ขอแค่ให้ฉันได้กอดจินไว้แบบนี้นาน ๆ ร่างบางบอกตามที่ตนรู้สึก
    คาซึยะ~~~” จินเรียกชื่อคนรักอีกครั้ง
    หืม~~~” ร่างบางขานตอบพลางโยกตัวเองไปพร้อมกับโยกร่างคนรักให้ไปในจังหวะเดียวกัน
    เมื่อวานตอนที่ออกไปเจอเพื่อน ฉันถูกปาปารัซซี่ด้วยกันตามจินเริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้คนรักฟัง
    เขาตามจินทำไมล่ะ จินไม่ใช่ดาราสักหน่อยร่างบางถามกลับ
    เขาจำได้ว่าฉันเป็นปาปารั:ซซี่ที่ตามถ่ายรูปนากามารุคุงเหมือนกันจินบอกเหตุผล เขาอยากให้ฉันตามถ่ายรูปนากามารุคุงอีกเพื่อเอาไปลงพวกข่าวก็อซซิบ
    พวกข่าวมั่ว ๆ นั่งเทียนเขียนเองนั่นเหรอร่างบางถาม

    ก็ประมาณนั้นจินตอบ
    จินตอบเขาไปว่าอะไรล่ะร่างบางถามกลับ
    จินส่ายหน้าไป-มาช้า ๆไม่ได้ตอบอะไรไป เขาให้นามบัตรมาบอกว่าถ้าสนใจก็ให้โทรไป
    แล้วจินคิดจะโทรไปไหมร่างบางถาม
    ไม่จินตอบหนักแน่น
    ร่างบางคลี่ยิ้มออกมาฉันก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าจินไม่ทำอย่างนั้นหรอก...จินนี่คิดมากจริง ๆ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำเท่านั้นเอง
    อืม....ฉันคงจะคิดมากอย่างนั้นจริง ๆ นั่นแหละจินตอบพร้อมกับปิดเตาแก๊ส เสร็จแล้ว
    ร่างบางได้ยินก็ยื่นหน้าไปมองอาหารที่จินทำเสร็จ ข้าวผัด!!! ขอบคุณนะที่ทำให้ทาน
    จินหมุนตัวกลับมาแล้วคลี่ยิ้มให้ก็ใครกันล่ะที่พูดทุกวันว่าอยากกิน
    ร่างบางมองจินตาโตมีคนบ่นซ้ำๆแบบนั้นให้จินฟังด้วยเหรอ
    จินยื่นมือมาบีบจมูกร่างบางด้วยความเขี้ยว ก็จอมกวนคนนี้ไง
    อ๊า~~~” ร่างบางร้องออกมาแต่ก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่เปล่งเสียงนั้นหรอก
    เอ่อ!!!! เมื่อเช้าที่บ้านนายโทรมาจินบอกกับร่างบางเมื่อเขานึกขึ้นได้
    ร่างบางที่ตีมือจินเบา ๆ ชะงักทันทีเขาจับมือจินออกจากจมูกตนเอง ที่บ้าน!!!!
    จินพยักหน้างง ๆ ทำไมร่างบางจะต้องส่งเสียงตกใจแบบนั้นด้วยเขาให้บอกนายว่าแม่ของนายจะกลับมาวันนี้
    ร่างบางได้ฟังยิ่งหน้าซีดกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก แม่กลับมาแล้วเหรอ
    มีอะไรหรือเปล่าคาซึยะจินถามด้วยความเป็นห่วง
    ร่างบางมองตอบจินสายตาหวาด ๆ บอกอะไรแล้วห้ามโกรธนะ
    ก็บอกก่อนสิ จะได้รู้ว่าควรจะโกรธหรือไม่โกรธจินตอบ
    โหย~~~~ โกรธอยู่แล้วหละ ก็ฉันยังไม่เคยพูดความจริงให้จินฟังนี่ร่างบางตอบ
    ถ้าอย่างนั้นก็บอกความจริงมาสิ ว่ามันคืออะไรจินคาดคั้น
    ร่างบางมองตากับจินก่อนจะเดินออกมาจากครัวแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีตรงส่วนห้องนั่งเล่น คนร่างหนาเดินตามมาติด ๆ แล้วลงนั่งข้าง ๆ
    เคยบอกจินใช่ไหมว่าพ่อของฉันทำงานอยู่ต่างประเทศแล้วแม่ฉันเป็นแม่บ้านร่างบางย้อนถาม
    อืมจินตอบ

    แม่ฉันบินไปหาพ่อเดือนหนึ่งแล้วตอนนี้ก็ครบเดือนแล้วด้วยร่างบางตอบพลางเหล่มามองจินที่ตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูด อย่าจ้องขนาดนั้นสิ ใจไม่ดีร่างบางบอก
    อ้าวแล้วกัน ฉันก็ตั้งใจฟังในสิ่งที่นายต้องการบอกยังไงจินตอบกลับ นายกำลังจะบอกฉันใช่ไหมว่าหนึ่งเดือนที่แม่นายไม่อยู่บ้าน นายมาอยู่กับฉันโดยที่แม่แล้วก็คนในบ้านไม่รู้ ทีนี่พอแม่นายกลับมาก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเขาพูดตรงตามที่ใจร่างคิด
    ปิ๊งป่อง!!!!ร่างบางเอ่ยพลางดีดนิ้วบ่งบอกให้คนรักรู้ว่าที่พูดนะถูกต้องแล้ว
    ไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย แม่นายกลับมาแล้วนายก็กลับ.........จินเอ่ยค้างไว้เมื่อนึกขึ้นได้
    ใช่ไหม??? เข้าใจใช่ไหมร่างบางย้อนถามคนที่นิ่งเงียบ
    จินพยักหน้าลง จะกลับไปอยู่กับแม่จริง ๆ เหรอเขาถามเสียงอ่อย
    ร่างบางทำหน้าสลด อยากอยู่กับจิน แต่ถ้าแม่รู้แล้วไม่ยอมให้อยู่ด้วยฉันก็จะกลายเป็นลูกอกตัญญู
    แม่...ไม่รู้เรื่องของเราใช่ไหมจินเอ่ยถาม
    อืม ไม่มีใครรู้ทั้งบ้านนั่นแหละร่างบางตอบเสียงแผ่ว ขอโทษนะจินทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นคนบอกจินเองว่ามีอะไรก็พูดตรง ๆ ระหว่างเราจะไม่มีเรื่องที่ปิดบังกันแต่ฉันกลับเป็นฝ่ายที่ทำแบบนั้นเอง จินโกรธฉันหรือเปล่า???”
    จินยิ้มบาง ๆ ให้พลางยื่นมือไปลูบเส้นผมร่างบางเล่นไม่โกรธหรอก แต่ฉันเป็นห่วงนายมากกว่า
    ร่างบางคลี่ยิ้มตอบกระเทิบตัวไปติดกับจินแล้วเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างแม่กลับมาแล้วฉันจะพาจินไปให้แม่รู้จักนะ แม่ต้องชอบจินแน่ ๆ
    กังวลเหรอจินถาม
    หรือว่าจินไม่กังวลล่ะ ฉันนะกังวลทุกเรื่องที่จะทำให้ฉันไม่ได้อยู่กับจินนั่นแหละร่างบางตอบแล้วกระเด้งตัวขึ้นมาทันทีไม่ต้องกลัวนะถ้าแม่ไม่ให้ฉันอยู่กับจินที่นี่ ฉันก็จะพาจินเข้าบ้านไปอยู่กับฉันเอง แล้วถ้าฉันยี่สิบเมื่อไหร่เราค่อยคิดกันว่าจะแยกออกมาอยู่กันเองเหมือนเดิมหรือเปล่า

    จินได้ยินคำจากร่างบางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
    ร่างบางเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ จินขำอะไร เรื่องนี้ซีเรียสนะ
    ขอโทษ ๆ แต่ไอ้ประโยคก่อนหน้านั้นฉันควรจะเป็นฝ่ายพูดไม่ใช่เหรอจินย้อนถาม
    หืม~~~ ใครจะพูดก็เหมือนกันนั่นแหละเพราะยังไงสรุปแล้วเราก็จะอยู่ด้วยกันอยู่ดีร่างบางกล่าวแล้วเอนตัวซบไหล่ร่างหนาอีกครั้ง ฉันนะรักจินนะ รักมาก ๆ เลยด้วยเอ่ยบอกเสียงดังกังวานไปทั่วห้อง
    จินได้ฟังก็ยิ้มกว้างออกมาฉันรู้ไม่ต้องพูดเบาอย่างั้นก็ได้
    จินล่ะร่างบางถาม
    จินคลี่ยิ้มให้ก่อนจะกระซิบบอกข้างหูร่างบางเบา ๆ ผมรักคุณคาซึยะ
    ฉันก็รู้ อยู่ใกล้กันแค่นี้พูดซะดังเชียวกลัวคนอื่นจะได้ยินหรือไงร่างบางย้อนถามก่อนจะส่งยิ้มให้
    ร่างหนาจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มนวล ไปทานข้าวกันเขาเอ่ยชวน
    ร่างบางพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนฉุดแขนจินให้ลุกขึ้นตามทานข้าวเสร็จแล้วฉันจะโทรไปเชคไฟล์ทที่แม่กลับแล้วเราไปรับแม่กันนะ
    จินพยักหน้าตอบ สงสัยต้องหาซื้อชุดใหม่แล้วจะได้หล่อ ๆ
    จินนะไม่ต้องแต่งอะไรมากก็หล่ออยู่แล้ว ยิ่งไม่แต่งอะไรเลยยิ่งหล่อ ฉันชอบ~~~” ร่างบางบอกพลางส่งยิ้มยียวน
    บ้า~~~” จินเอ่ยว่าหน้าแดงก่ำ ไปทานข้าวเอ่ยเร่งแก้เขินแล้วจูงมือร่างบางเดินกลับเข้าไปในครัว
    **********************
    !!!!!พรึบ!!!!! นิตยสารฉบับหนึ่งถูกโยนลงบนโต๊ะอาหารตรงหน้าไอดอลชื่อดังซึ่งมิได้ยินดียินร้ายอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง
    ลงไวดีจัง เมื่อวานเพิ่งไปถ่ายผมมาแท้ ๆ นากามารุ ยูอิจิ บอกกับผู้จัดการส่วนตัวซึ่งเป็นคนนำนิตยสารเล่มนี้มาให้เขาดูตั้งแต่เช้า
    บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังตัวผู้จัดการเอ่ยน้ำเสียงเรียบ
    ยูอิจิยื่นมือไปหยิบนิตยสารขึ้นมาดูก็แค่ลงรูปที่ผมไปนัดเจอกับเพื่อนก็เท่านั้นนี่ฮะ
    เท่านั้นเหรอ??? นายเองก็รู้ดีนี่ว่าไอ้หัวหนังสือยี่ห้อนี้มันเป็นของบริษัทคู่แข่ง มันทำแบบนี้ก็เท่ากับประกาศให้เรารู้ตัวแล้วว่ามันจ้องนายแน่ผู้จัดการส่วนตัวกล่าว

    ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่ครับ ออกไปทานข้าวกับเพื่อนเท่านั้นแล้วนี่ก็เพื่อนผู้ชายคุณก็เคยเจอที่เซ็นไดแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงค่อยว่าไปอย่างหนึ่งยูอิจิแจง
    สมัยนี้ไม่ว่าจะไปสองต่อสองกับผู้หญิงหรือกับผู้ชายมันก็เป็นข่าวได้ทั้งนั้นแหละผู้จัดการบอก
    ยูอิจิถอนหายใจออกมาบาง ๆ ครับ คราวหน้าผมจะระวังตัวกว่านี้ จะนัดเพื่อนผู้ชายออกมาเป็นกลุ่มเบ้อเร้อเลย ดูสิจะเป็นข่าวอีกไหมเขาพูดประชดในที
    ผู้จัดการส่วนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆนายมันคนดังทำอะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าวได้ทั้งนั้นแหละ
    ทราบครับ สถานนะนั้นผมท่องไว้ตลอดยูอิจิบอก
    ฉันก็เข้าใจว่านายอึดอัด แต่อดทนหน่อยแล้วกันผู้จัดการเอ่ยให้กำลังใจ เอ่อ!!! มีงานด่วนเข้ามาเกือบลืมบอกแหนะ
    ยูอิจิได้ฟังก็เบ้หน้าทันทีไหนว่าเลื่อนงานถ่ายแบบให้ยังไงล่ะครับ นึกว่าจะได้มีเวลาส่วนตัวสักวันสองวันแล้วเสียอีก
    ผู้จัดการได้ฟังก็ยื่นมือไปจับหน้ายูอิจิให้หันมาฉันต่อยซะแรงขนาดนั้นจะให้ออกไปทำงานได้ยังไง แผลมันยังไม่หายดีหรอก
    อ้าว แล้วงานด่วนที่ว่าหละครับยูอิจิถามอย่างสงสัย
    อาทิตย์หน้าต่างหาก มันเป็นโครงการที่ผู้บริหารเพิ่งจะประชุมแล้วก็สรุปออกมาว่าจะจัดผู้จัดการบอก
    โครงการอะไรฮะยูอิจิอยากรู้ทันที
    ก็ประกวดหาดาราหน้าใหม่เข้าสังกัดแบบนายเมื่อสองปีก่อนนั่นไงผู้จัดการบอกนายต้องไปโปรโมทโครงการแล้วก็เชิญชวนให้คนมาสมัครเยอะ ๆ
    ผมจะได้เป็นรุ่นพี่แล้วสิงานนี้ยูอิจิรู้สึกยินดีจากใจจริง
    ก็อย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้จะได้เด็กที่มีแววแบบนายมาหรือเปล่านะสิผู้จัดการเอ่ยอย่างปลง ๆบางคนมาประกวดเพื่อเอาเงิน พอครบสัญญาหนึ่งปีแล้วก็ไป

    ยูอิจิได้ฟังถึงกับสะอึกเขาเองก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้นที่ผู้จัดการส่วนตัวพูดหรอก หากเพียงแต่เขาต้องการเงินระยะยาวจึงยอมเซ็นสัญญาทาสถึงห้าปีก็เท่านั้นเอง
    ผมจะพยายามเต็มที่ครับ ยังไงครั้งนี้ก็ต้องมีคนที่ชอบงานอย่างนี้จริง ๆ เข้ามาประกวดแน่ ๆ ยูอิจิบอกเสียงหนักแน่น
    ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ขี้เกียจดันให้เปลืองเงินแล้วผลตอบแทนก็ไม่คุ้มกันผู้จัดการเอ่ยบอกแล้วลุกขึ้นฉันเข้าบริษัทก่อนแล้วกัน นายเองก็พักผ่อนล่ะถ้าไม่จำเป็นจะต้องออกไปไหนก็ช่วยอยู่แต่ในห้องด้วยแล้วกัน
    ครับยูอิจิรับคำก่อนเดินไปส่งผู้จัดการส่วนตัวที่หน้าห้องแล้วเขาก็กลับมานอนเอกเขนกเล่นในห้องเพียงลำพัง
    **************************
    แม่~~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกมารดาเมื่อเห็นร่างที่คุ้นตาเดินเข็นกระเป๋าออกมาจากเกท เขาฉุดมือจินให้เดินตามแล้วไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแม่ของตน คิดถึงจัง~~~” เอ่ยบอกแล้วปล่อยมือจากจินก่อนจะสวมกอดมารดา
    ผู้เป็นแม่คลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนตบเบา ๆ ที่หลังลูกชาย ให้มันจริงเถอะ โทรกลับมาไม่เจอตัวสักที
    แหะ ๆ ร่างบางหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะผละตัวออกมาแล้วหันไปมองจิน จิน นี่แม่ฉัน
    จินโค้งตัวให้มารดาของคนรักก่อนจะเงยขึ้นเพื่อแนะนำตนเอง สวัสดีครับ ผมอาคานิชิ จิน ครับ
    มารดาของร่างบางยิ้มให้อย่างใจดี สวัสดีจ๊ะลูก
    จินได้ยินมารดาของร่างบางตอบรับในไมตรีเขาก็ระบายยิ้มกว้างออกมาอย่างโล่งใจ ร่างบางมองใบหน้าคนรักก็ยิ้มตามด้วย ผู้เป็นแม่มองเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็พอจะดูออก คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนประสบการณ์ได้สั่งสอนโดยไม่ต้องให้ลูกชายบอกก็พอจะรู้ด้วยตนเอง
    ผมช่วยนะครับจินเสนอตัว
    มารดาปล่อยมือออกจากรถเข็นปล่อยให้จินเข็นรถที่เต็มไปด้วยสัมภาระของตนเดินนำไป หล่อนคว้าแขนลูกชายเอาไว้แล้วกระซิบถามเบา ๆ พามาเปิดตัวหรือไง

    ร่างบางหันมามองแม่ตนเองตาโต แม่~~~ รู้ได้ยังไง ยังไม่ได้บอกอะไรเลย
    แม่ไม่ตอบแต่ถามลูกชายตนเองกลับ ไปเจอกันได้ยังไง
    เรื่องมันยาวนะแม่ แต่สรุปแล้วมันคงเป็นพรมลิขิตร่างบางตอบ แล้วแม่ไม่ตกใจหรือว่าโกรธเหรอ
    อยากให้ทำแบบนั้นไหมล่ะแม่ย้อนถามลูกชายตัวเอง
    ร่างบางส่ายหน้าพัลวัน
    ผู้เป็นแม่ถอนหายใจออกมาบาง ๆแม่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เกิดทำไมจะไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นคนยังไง เคยคิดไว้เหมือนกันว่าสักวันลูกต้องพาผู้ชายมาแนะนำให้รู้จักแต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้
    แม่อ่ะ~~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกแล้วกอดมารดาตนเอง รักแม่จัง
    ถ้าฉันขัดขวางคงเกลียดฉันล่ะสิแม่เอ่ยประชด
    ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แต่ถ้าแม่ไม่ยอมรับจินผมก็ไม่ยอมเหมือนกันร่างบางตอบ
    ให้มันได้อย่างนี้สิแม่เอ่ยว่าแต่ก็ไม่ได้โกรธจริง ๆ ก่อนจูงมือลูกชายเดินตามคนร่างหนาที่เข็นรถนำหน้าอยู่ไม่ไกล
    ***************************
    คนร่างหนายืนอ้าปากค้างเมื่อลงจากรถแท็กซี่ที่นั่งมาจากสนามบินเพื่อมายังบ้านของร่างบาง เขาหันหน้าไปมองคนรักที่ยิ้มกว้างให้อย่างอึ้ง ๆ
    สาบานนะว่านี่บ้านนายจินเอ่ยถามเบา ๆ เกรงว่ามารดาของร่างบางจะได้ยิน
    ร่างบางส่ายหน้า เปล่าไม่ใช่
    จินได้ฟังก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ค่อยยังชั่วหน่อย
    บ้านพ่อกับแม่ฉันต่างหากร่างบางบอกเสร็จก็ยิ้มให้
    ใบหน้าโล่งใจของจินเมื่อสักครู่มลายสิ้น เขามองดูบ้านของคนรักที่มีอาณาเขตกว้างอย่างกับวังแถมยังมีรั้วรอบขอบชิดและระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเยี่ยม นี่ถ้าไม่มาเห็นเองกับตาก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าคนรักของเขาแท้จริงแล้วเป็นลูกคนมีฐานะเสียขนาดนี้ ในเมื่ออยู่ด้วยกันร่างบางก็ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนูอย่างที่เขาคิดว่าลูกคนมีเงินทั่วไปจะเป็น อีกทั้งมารดาของร่างบางก็ทำตัวสมถะไม่ได้อวดอ้างความมั่งมีของตนเลย
    จินไม่ต้องช่วยแม่ขนแล้วนะจ๊ะ เดี๋ยวเด็กในบ้านออกมาขนกันเองมารดาร่างบางหันหน้ามาบอกแล้วส่งยิ้มให้ แม่จะไปพักผ่อนก่อนนะ อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนล่ะหล่อนบอกแล้วเดินนำเข้าไปในบ้านเมื่อประตูอัตโนมัติเปิดออก
    ร่างบางจับมือจินแล้วยิ้มให้เมื่อคนรักหันหน้ามามองตน แม่ฉันชอบนายนะจิน

    จินยิ้มแห้ง ๆ ให้ เขาบอกไม่ถูกว่าควรจะดีใจหรือเปล่า คนรับใช้ในบ้านเดินออกมาสามคนแล้วหันมาโค้งตัวให้กับร่างบางและเขาก่อนจะขนสัมภาระของมารดาร่างบางเข้าไปในบ้าน จินมองส่งคนพวกนั้นก่อนจะหันมามองหน้าร่างบางอีกครั้ง
    จินเป็นอะไรร่างบางเอ่ยถาม
    จินทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ กับพื้นพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเอง
    หน้ามืดเหรอ เข้าบ้านก่อนเถอะร่างบางบอกแล้วพยุงตัวคนรักให้ลุกขึ้น
    ขอฉันนั่งอยู่แบบนี้ก่อนแล้วกันนะจินเอ่ยขอ
    ร่างบางจึงปล่อยมือแล้วลงนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ เช่นกัน คิดมากอีกล่ะสิ ก็บอกอยู่ว่าของพวกนี้เป็นของพ่อกับแม่ ไม่ใช่ของฉันเองสักหน่อย
    แต่นายเป็นลูกของท่านจินบอก
    เป็นลูกแล้วจะยังไงล่ะ หรือว่าจินจะไม่รักฉันแล้วร่างบางถามน้ำเสียงเง้างอน
    ไม่ใช่ไม่รักแต่รักมากต่างหาก พอมาเห็นฐานะทางบ้านของนายแล้วฉันถึงกลัวจินบอกตามความรู้สึก
    กลัวอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกลัวเลยร่างบางย้อนถาม
    ดูก็รู้ว่านายใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตั้งแต่เกิด ฉันเลยกลัวว่าจะพานายไปลำบากนะสิจินบอกในสิ่งที่เขากังวล
    ร่างบางได้ฟังก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วยื่นมือไปโอบตัวคนร่างหนาเอาไว้อยู่กับจินไม่เห็นจะลำบากเลย แต่ถ้าไม่ได้อยู่กับจินนี่สิฉันขาดใจตายแน่ ๆ เอ่ยบอกเสร็จก็ซบลงที่ไหล่หนานั่นเอาหน้าซุกไซร้หวังให้คนรักคลายกังวล
    จินยกมือขึ้นลูบผมร่างบางเบา ๆ ฉันคงต้องจริงจังกับชีวิตให้มากกว่านี้แล้วล่ะ พ่อกับแม่ของนายจะได้ยกนายให้ฉันจริง ๆ อย่างสบายใจว่าฉันสามารถดูแลนายได้ตลอดชีวิต
    ถ้าอย่างนั้นก็พยายามเข้านะ ฉันเป็นกำลังใจให้ร่างบางตอบแล้วลุกขึ้นยืนก่อนยื่นมือไปตรงหน้าจินเข้าบ้านเถอะ
    จินยื่นมือไปสัมผัสฝ่ามือเรียวนั้นที่ฉุดให้เขาลุกยืนขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินจูงมือกันเข้าไปในบ้านของร่างบาง
    ************************

    เฮ้อ~~~ ถึงบ้านสักทีร่างบางเอ่ยบอกเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตนกับจิน
    แม่บอกให้ค้างที่บ้านนายก็ไม่ยอมจินเอ่ยขณะปิดประตูห้องแล้วเดินตามร่างบางเข้าไปด้านใน
    ก็อยากกลับมาอยู่บ้านเรามากกว่า อีกอย่างนอนที่บ้านแม่ฉันก็ต้องโดนจับแยกนอนคนละห้องกับจินนะสิ ไม่เอาด้วยหรอกร่างบางบอกแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา
    ลุก~~~” จินเอ่ยเรียกร่างบางที่หลับตาลงนอนไปนอนในห้อง
    ไม่เอาขี้เกียจเดินร่างบางหลับตาบอก
    จินรู้ดีว่าร่างบางง่วงมากจนเริ่มโยเยเป็นเด็ก ๆ เขาก้มตัวลงแล้วช้อนร่างบางขึ้นมาเพื่อพาไปนอนในห้อง ร่างบางยกแขนขึ้นโอบรอบคอคนรักแล้วเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา จินง่วงยัง
    ยัง ทำไมเหรอจินเอ่ยถาม
    ฉันง่วงร่างบางบอก
    รู้แล้วจินบอกแล้ววางร่างบางลงบนเตียง อนุญาตให้นอนทั้ง ๆ ที่ไปข้างนอกแล้วกลับมาไม่ยอมอาบน้ำ
    ถ้าไม่อาบน้ำแล้วอยากทำกับจินได้เปล่าร่างบางถาม
    หึจินตอบกลับทันที
    ร่างบางลืมตาโพล่งหน้างอใส่ ใจร้ายว่ะ
    ก็ง่วงไม่ใช่เหรอจินย้อนถาม
    มันก็ใช่แต่ว่าฉันรู้สึกดีใจมาก ๆ จนไม่รู้จะบอกจินยังไงดีนะสิร่างบางบอก
    ดีใจเรื่องอะไร เรื่องที่แม่ให้นายกับฉันคบกันได้นะเหรอจินเอ่ยถาม
    อันนั้นก็ใช่ แต่จริง ๆ แล้วฉันดีใจที่แม่รักจินต่างหาก อีกหน่อยจินก็คงเข้าใจว่ามันดีขนาดไหนที่คนรักของเราเข้าได้กับคนในครอบครัวร่างบางบอก
    จินหัวเราะออกมาเบา ๆ ความรู้สึกนั้นฉันรู้จักก่อนนายอีก
    จริง???” ร่างบางย้อนถามก่อนจะลุกพรวดพลาดขึ้นทันที

    จะไปไหนจินเอ่ยถามอย่างสงสัย
    อาบน้ำไงร่างบางตอบแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกไปเข้าห้องน้ำ
    คนร่างหนาหน้าแดงขึ้นมาทันทีตกลงจะมีอะไรกันให้ได้ใช่ไหมเนี่ยคาซึยะ
    แน่นอน~~~” ร่างบางตะโกนตอบกลับจินไม่ต้องอาบก็ได้นะฉันไม่ถือ
    จินส่ายหน้าช้า ๆ พลางมองไปยังเตียงผ้าปูที่นอนเมื่อคืนยังไม่ได้เปลี่ยนเลยทับรอยเดิมอีกแล้วเหรอเนี่ย
    ร่างบางรีบอาบน้ำแล้วเดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวคลุมส่วนร่างของร่างกายส่วนผมของเขานั้นยังเปียกอยู่เลย เขารีบกลับมายังห้องนอนแล้วเปิดประตูเข้าไปไม่อยากให้คนร่างหนารอนานไปกว่านี้อีกแล้ว
    จิน~~~~” เอ่ยเรียกคนรักซึ่งนอนอยู่บนเตียง ไม่มีเสียงตอบจากร่างหนา ร่างบางเดินไปดูใกล้ ๆ คนรักของตนเองหลับเป็นตายไปแล้ว จิน~~~~ ตื่น~~~~” ร่างบางปลุกแต่คนร่างหนาก็ไม่ตื่นอยู่ดี โหย~~~ขี้โกงชิ่งหลับไปก่อนได้ยังไงเนี่ยเอ่ยเสียงเง้างอนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วก้มหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากคนรักเบา ๆ ระบายยิ้มออกมาเมื่อมองใบหน้ายามหลับใหลของร่างหนาก่อนจะเบียดตัวลงนอนใกล้ ๆ ยื่นมือไปกอดร่างนั้นเอาไว้พร้อมกับขาอีกข้างที่ก่ายไปทั้งตัว รักจินจังเลย~~~~”
    สัมผัสเย็น ๆ จากเส้นผมร่างบางทำเอาคนที่หลับไปก่อนรู้สึกตัวนิด ๆ เขาตะแคงตัวกลับแล้วสวมกอดร่างบางตอบเช่นกันก่อนจะตกสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
    ***********************************
    !!!!!กริ๊ง กริ๊ง!!!!! เสียงโทรศัพท์ภายในร้านสตูดิโอถ่ายภาพดังขึ้นในเวลาสาย เด็กหนุ่มที่กำลังป้อนข้อมูลให้เครื่องอัตโนมัติอัดรูปตามที่ลูกค้าสั่งละมือทันที
    มารุยาม่าฟิล์มครับเด็กหนุ่มเอ่ยสำเนียงคันไซกับปลายสาย
    เอ่อ.....มารุยาม่า เรียวเฮย์ อยู่ไหมครับน้ำเสียงสูงวัยกับภาษากลางเอ่ยตอบกลับมา
    ผมเรียวเฮย์พูดสายครับเรียวเฮย์พูดภาษากลางกลับ
    ฉันอาจารย์ฟูจิวาระเองนะมารุยาม่าคุงอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งเพิ่งจะสอนเขาไปเมื่อเทอมที่แล้วเอ่ยบอก
    สวัสดีครับอาจารย์ สบายดีหรือเปล่าครับเรียวเฮย์เอ่ยถาม
    สบายดี เพิ่งจะกลับจากไปดูงานที่อังกฤษเมื่อวานนี้เองอาจารย์เอ่ยบอกฉันมีธุระรบกวนเธอหน่อยนะ

    ได้ครับอาจารย์เรียวเฮย์ตอบกลับอย่างยินดี
    เธอมีเบอร์ติดต่ออาคานิชิคุงหรือเปล่าอาจารย์เอ่ยถามทันที
    ไอ้จินนะเหรอครับ มีครับเป็นเบอร์มือถือเบอร์ส่วนที่อยู่ใหม่มันผมยังไม่ทราบนะครับเรียวเฮย์บอก
    เบอร์มือถือก็ได้รบกวนด้วยนะอาจารย์สูงวัยเอ่ยปากขอ
    เรียวเฮย์บอกเบอร์ของจินที่เขาจำได้ขึ้นใจให้กับอาจารย์ไปเอ่อ...อาจารย์ครับไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับมันเหรอครับ
    เรื่องทุนนั่นแหละอาจารย์เอ่ยบอก
    อ๋อ~~~ทุนไปฝรั่งเศสนั่นนะเหรอครับเรียวเฮย์ถามกลับ
    เปล่า ทุนไปอังกฤษต่างหากอาจารย์ตอบกลับ
    เห๋~~~” เรียวเฮย์เอ่ยเสียงหลง เขาสนิทกับจินแต่ก็ไม่ยักรู้ว่าจินไปสมัครทุนนี้ด้วยเหรอ
    ไปดูงานที่อังกฤษของฉันคราวนี้ดีจริง ๆ มีเรื่องน่ายินดีสำหรับอาคานิชิคุงกลับมาด้วยอาจารย์เอ่ยบอก แค่นี้นะ
    เดี๋ยวครับอาจารย์~~” เรียวเฮย์เอ่ยรั้งแต่ไม่เป็นผล อาจารย์สูงวัยผู้ใจร้อนวางสายไปแล้ว อะไรว่ะทุนไปอังกฤษ เรื่องน่ายินดีของไอ้จิน...มันได้เหรอ ได้ได้ยังไงมันไม่เคยไปสมัครนี่หว่าเรียวเฮย์เปรยกับตนเอง
    พี่คะมารับรูปคะเสียงของลูกค้าตะโกนเรียก เรียวเฮย์จึงกลับไปให้ความสนใจกับงานในร้านอีกครั้ง
    ******************************
    คนร่างหนาเคาะเบา ๆ ลงบนบานประตูห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งอยู่ในตึกของคณะที่มหาวิทยาลัย เมื่อตอนสายเขาได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์เจ้าของห้องนี้แล้วเรียกให้เขามาที่นี่โดยด่วนซึ่งก็ไม่ยอมบอกว่ามีเรื่องสำคัญอะไรถึงต้องรีบเร่งเขาเสียขนาดนั้น
    เข้ามาเจ้าของห้องอนุญาต ร่างหนาจึงเปิดประตูเข้าไป
    สวัสดีครับอาจารย์จินเอ่ยทักทายอาจารย์สูงวัยที่พอเห็นหน้าเขาก็คลี่ยิ้มออกมา
    มาแล้วเหรออาคานิชิคุงอาจารย์เอ่ยทักตอบ มานั่งนี่สิ
    จินค้อมศีรษะให้ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกันไม่ทราบว่าอาจารย์มีเรื่องอะไรเหรอครับถึงเรียกใช้ผม
    ใครจะไปกล้าใช้เธอ ความภูมิใจของมหาวิทยาลัยของเราอาจารย์เอ่ยบอกแล้วเลื่อนเอกสารบนโต๊ะไปตรงหน้าจิน

    จินรับมาเปิดอย่างงง ๆ มหาวิทยาลัยศิลปะอันดับหนึ่งของอังกฤษ
    ใช่แล้ว ฉันไปดูงานที่นี่มาแล้วก็นำผลงานของเธอติดมือไปด้วยอาจารย์สูงวัยบอก
    แล้ว....ยังไงกันหรือครับผมไม่เข้าใจจินเอ่ยถามตรง ๆ
    อาจารย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมายืนข้าง ๆ จินก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของลูกศิษย์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่เขาทางมหาวิทยาลัยนี้ชื่นชอบผลงานของเธอมาก เขาให้ทุนเธอไปเรียนที่นั่นหนึ่งปี
    ห๋า!!!!!จินร้องเสียงหลง
    ดีใจขนาดนั้นเชียวหรืออาคานิชิคุง แต่อย่างว่าละนะเป็นใครก็ดีใจอาจารย์สูงวัยกล่าวน้ำเสียงปลื้มปีติ
    ส่วนคนที่โชคหล่นทับอย่างไม่รู้ตัวกลับทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะดีใจหรือหนักใจกันแน่แล้ว..ต้องไปเมื่อไหร่ครับ
    เปิดเทอมก็ไปได้เลย เรื่องโอนหน่วยกิจไม่ต้องห่วงนะฉันจะรีบเดินเรื่องให้เองอาจารย์สูงวัยรีบบอกกลัวว่าลูกศิษย์ของตนจะกังวลเรื่องของเกรดการเรียนเธอไปเรียนต่อทีนั่นปีเดียวก็จบรับปริญญาของมหาวิทยาลัยที่อังกฤษเลย น่ายินดีใช่ไหมล่ะ
    ฮะจินตอบรับใบหน้าซ่อนความกังวล
    ยังตกใจไม่หายล่ะสิอาจารย์คาดเดาแล้วตบลงที่ไหล่ลูกศิษย์ตนเองรีบกลับไปบอกข่าวดีให้คนที่บ้านแล้วก็เพื่อน ๆ รู้ล่ะ เรื่องอื่นไม่ต้องเป็นห่วงทางมหาวิทยาลัยจะช่วยเต็มที่
    ครับจินรับคำก่อนจะโค้งตัวให้แล้วเดินออกจากห้องพักของอาจารย์ โดยไม่ลืมที่จะถือเอกสารของมหาวิทยาลัยซึ่งเข้าต้องเดินทางไปเรียนในอีกไม่นานติดมือออกมาด้วย
    ****************************
    ร่างบางใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดด้านหลังของโซฟาในห้องนั่งเล่น เสียงเครื่องที่เหมือนกับมีอะไรขวางท่อทำให้ร่างบางต้องยกมันขึ้นมาดู
    ใบอะไรกันล่ะเนี่ยเปรยกับตนเองก่อนปิดเครื่องแล้วหยิบแผ่นกระดาษแข็งเล็ก ๆ ขึ้นมา อี๋~~~ นามบัตรสำนักพิมพ์ที่จินบอกแน่ ๆ เลยร่างบางพอจะคาดเดาได้ เขาจัดการฉีกมันเป็นชิ้นก่อนจะใช้เครื่องดูดฝุ่นทำลายหลักฐานนั่นซะเท่านี้ก็เรียบร้อย
    ไอ้จินโว๊ย~~~~” เสียงเรียกจากหน้าประตูห้องทำเอาร่างบางต้องละมือจากการทำความสะอาดห้องอีกครั้ง
    ใครกัน??? เพื่อนจิน...เรียวเฮย์คุง????” ร่างบางเปรยกับตนเอง
    ไอ้จินเร็ว ๆ คนหน้าประตูห้องเอ่ยเร่ง
    ร่างบางจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องให้ คนหน้าห้องนั้นทำเอาร่างบางยืนอึ้งไปชั่วขณะ แสงสว่างที่แปล๊บขึ้นมาเพียงชั่ววินาทีเรียกสติร่างบางให้กลับคืน

    คาเมะจังใช่ไหม ขอรบกวนหน่อยแล้วกันคนที่มาเยือนถือวิสาสะเดินเข้าไปข้างในทันที
    ร่างบางรีบปิดประตูห้องแล้วเดินตามเข้าไป มองคนที่นั่งลงบนโซฟาอย่างไม่วางตา
    จินล่ะคาเมะจัง ไม่อยู่เหรอ??” คนที่ทำตัวตามสบายคล้ายอยู่บ้านตนเองเอ่ยถาม
    คุณ????” ร่างบางเอ่ยถาม
    คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ นั่นสิอยู่ดี ๆ ก็มาโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าขอโทษทีนะคาเมะจัง ฉันนากามารุ ยูอิจิ
    อันนั้นผมรู้แล้ว แต่ที่อยากรู้คือคุณเป็นอะไรกับจินร่างบางเอ่ยถาม
    ฉันเป็นเพื่อนสนิทของจินเป็นคนบ้านเดียวกัน จินเคยเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่ายูอิจิเอ่ยถาม
    ร่างบางสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น
    ขอโทษทีนะที่มารบกวน พอดีฉันออกมาหาอะไรกินแล้วเจอพวกแฟนคลับตามนะเลยหนีจ้าละหวั่น มารู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่แถวนี้เสียแล้วเลยว่าจะแวะมาดูบ้านใหม่ของจินมันสักหน่อยยูอิจิบอกแล้วมองไปรอบ ๆ น่าอยู่ดีนะ
    ร่างบางไม่ได้ตอบอะไรลุกขึ้นเดินไปหยิบน้ำในครัวมาให้แขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ
    ยูอิจิยิ้มให้ ไม่คิดว่าจะได้เจอคาเมะจังนะเนี่ย น่ารักสมคำร่ำลือจริง ๆ ไอ้จินมันเข้าใจหา ว่าแต่ไปเจอกันได้ยังไงเนี่ยไอ้จินมันไม่เคยเล่ารายละเอียดให้ฟังเลยเขาชวนคุยแต่ร่างบางกลับนิ่งเงียบอย่างเดียวจนยูอิจิเองเจื่อนไปเหมือนกันจินจะกลับเมื่อไหร่เหรอคาเมะจัง
    ไม่รู้มัน!!!ร่างบางตอบเสียงขุ่นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตน
    ยูอิจิมองส่งอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจในพฤติกรรมคนรักของเพื่อนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก หยิบหมอนอิงที่วางเอาไว้มาเอนตัวลงนอนพักผ่อน
    **************************
    จินก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือโดยไม่ได้สนใจกับทางที่เดินมากนักด้วยความที่คุ้นเคยกับหนทางจึงชะล้าใจจนชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง
    ขอโทษครับเขากล่าวพร้อมค้อมศีรษะให้
    เจอกันอีกแล้วนะน้องชายคนที่เดินชนเขาเอ่ยทัก
    จินเงยหน้าขึ้นไปมองเมื่อรู้ว่าเป็นใครก็ชักสีหน้าทันทีไม่น่าจะได้เจอกันอีกเลย
    ชายหนุ่มแก่วัยกว่าไม่กี่ปีซึ่งคล้องกล้องไว้ที่คอเหยียดยิ้มให้ นั่นสิ ไม่จำเป็นต้องเจอกันแล้วก็ได้
    หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดกาลจินบอกแล้วเดินต่อไปอย่างไม่ใส่ใจเช่นเดียวกับคนที่สวนทางกับตน

    เขาเดินเข้าไปในตัวอาคารซึ่งอยู่ไม่ไกล บนชั้นสามห้องริมสุดยังคงมีคนรอการกลับมาของเขา เขาคงต้องบอกเรื่องนี้ให้ร่างบางรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่มาเยือนเร็วกว่าที่คิดเสียแล้ว
    กลับมาแล้วจ้า~~~~” จินเอ่ยบอกเมื่อเดินเข้าห้องมา เขาก้มลงถอดรองเท้าแต่เมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบลายดวงดาวที่วางไว้อยู่ก็ขุ่นคิ้วขึ้นมาทันทีคาซึยะ~~~~” เอ่ยเรียกคนรักพลางรีบสาวเท้าเข้าไปด้านใน
    ยูอิจิกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาเมื่อได้ยินเสียงอึกทึกใกล้เข้ามา กำลังจะเอ่ยทักเพื่อนร่างหนาที่มองตนด้วยสายตาตกตะลึง แต่ร่างบางที่เดินออกมาจากห้องนอนส่วนตัวพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าและลังอีก2-3ใบนั่นเรียกสายตาของเขาและจินได้มากกว่า
    จินเหวี่ยงเอกสารในมือลงกับพื้นอย่างไม่ใส่ใจ ร่างบางที่ใบหน้าบึ้งตึงแถมยังไม่ยอมมองหน้าเขาอีกนั่นต่างหากที่ตรึงทุกความรู้สึกของเขาเอาไว้ทั้งหมด
    คาซึยะ~~~” เขาเอ่ยเรียกร่างบางพลางเดินเข้าไปใกล้เพื่อสวมกอด
    ร่างบางยกกระเป๋าในมือที่ถือไว้ขึ้นมาป้องปัด หลีก
    นายจะขนข้าวของไปไหนจินเอ่ยถามเสียงสั่น
    ไม่ต้องมายุ่ง ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนายร่างบางบอกอย่างไร้เยื่อใย
    ฉันอธิบายได้นะว่าทำไมถึงไม่บอกเรื่องของยูอิจิจินบอกกับร่างบาง
    มันสายไปแล้วจิน มาบอกตอนนี้ฉันก็ไม่อยากฟังแล้วร่างบางบอกแล้วใช้กระเป๋าดันคนร่างหนาให้ออกจากตน
    คนร่างหนาไม่ยอมเช่นกันออกแรงยื้อร่างบางเอาไว้ ไม่ ฉันไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้นเขาแย่งกระเป๋าจากมือร่างบางได้สำเร็จแล้วเขวี้ยงมันทิ้งลงกับพื้น วาดวงแขนออกไปเพื่อสวมกอดร่างบางแต่คนที่อารมณ์ดุดันไม่รู้เอาแรงมาจากไหนผลักเขาจนเซล้มลงกับพื้นโอ๊ย!!!
    ร่างบางชะงักไปชั่วครู่ไม่คิดว่าจะทำให้คนร่างหนาเจ็บตัว
    เอ่อ....ใจเย็น ๆ กันก่อนแล้วคุยกันดี ๆ จะดีกว่าไหมยูอิจิเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างบางเริ่มสงบลง
    ร่างบางหันไปมองต้นเสียงเมื่อเห็นใบหน้านั้นอารมณ์ขุ่นมัวก็ปะทุขึ้นมาอีก เขาเดินผ่านร่างของจินไปโดยไม่ได้มองเลย คนร่างหนารีบลุกขึ้นแต่การล้มเมื่อสักครู่ทำให้ข้อเท้าของเขาพลิก โอ๊ย!!! โธ่เว๊ย!!!เขาสบถออกมาอย่างฉุนเฉียวเมื่อร่างกายมันไม่เป็นไปอย่างใจคิดเลย ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วรีบเดินกระเพลกตามหลังคนรักให้ทันเพราะถ้าช้ากว่านี้เขาคงคว้าเอาไว้ไม่ทันแน่ ๆ

    อย่าเพิ่งไปคาซึยะจินเอ่ยเรียกยื่นมือไปรั้งแขนร่างบางเอาไว้ก่อนที่ร่างของตนจะทรุดลงกับพื้นเพราะอาการปวดที่ข้อเท้าจะโกรธฉันก็ได้ฉันยอมรับว่าฉันผิด แต่อย่าทำแบบนี้เลยนะ
    ฉันไม่ได้โกรธจินหรอกนะร่างบางตอบ แต่ฉันเกลียดคนโกหกเอ่ยบอกพลางแกะมือของจินออกแล้วเปิดประตูห้องเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
    จินรีบลุกขึ้นเดินตามด้วยความยากลำบาก ร่างกายที่ไม่อำนวยทำให้ร่างบางห่างออกไปไกลจากเขาทุกที เสียงรถแท็กซี่ที่เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าอาคารทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งจะเดินลงมาถึงชั้นสองดับความหวังอันน้อยนิดที่จะรั้งคนรักเอาไว้จนสนิท เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนขึ้นอีกแล้ว
    เฮ้ย ไอ้จินเป็นยังไงบ้างยูอิจิที่หายจากความมึนงงแล้วรีบวิ่งตามมา เมื่อเห็นเพื่อนรักของตัวเองทรุดนั่งกับพื้นบันไดอย่างหมดสภาพเขาเองถึงกับทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันนาย~~~ร้องไห้~~~”
    ไม่ไปแล้วจินเอ่ยเสียงเครือจะอังกฤษหรือฝรั่งเศสอะไรนั่นฉันไม่ไปแล้ว ฉันขาดนายไม่ได้นะคาซึยะบอกออกไปคนร่างบางก็ไม่ได้ยิน
    ยูอิจิเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เพื่อน ใจเย็น เขาคงกำลังโมโหอะไรนายสักอย่าง ให้เขาเย็นลงกว่านี้แล้วค่อยคุยกันนะ
    เขาเกลียดฉันแล้วว่ะจินบอกเพื่อนน้ำตานอง
    ไม่หรอก กลับไปห้องก่อนเถอะขานายเจ็บด้วยไม่ใช่เหรอยูอิจิบอกพลางพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น
    จินกอดคอยูอิจิแล้วเดินอย่างยากลำบากกลับไปยังห้องพักของตนที่ตอนนี้ไม่มีคนร่างบางอาศัยอยู่ด้วยแล้ว
    ****************************
    !!!!!ปั่ง!!!!! ร่างบางปิดประตูห้องเสียงลั่น โชคดีที่แม่ของเขาไม่อยู่บ้านไม่อย่างนั้นคงโดนต่อว่าอีกเป็นแน่ เขาเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง น้ำตาที่ไหลไม่ยอมเหือดแห้งตั้งแต่หันหลังให้กับบานประตูห้องพักนั้นยังคงมีหยาดน้ำใสชะรอยเดิมไม่ขาด
    ทำไมต้องปิดบังฉันด้วยร่างบางเอ่ยถามเสียงพร่าแต่คงไม่ได้คำตอบฉันแสดงออกว่ารักจินขนาดไหนยังไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ~~~ ฉันมันดูเป็นคนใจง่ายนักหรือไงร่างบางคิดไปต่าง ๆ นานา ทั้ง ๆ ที่บอกแล้วว่าจะไม่มีอะไรปิดบังกัน ฉันเชื่อใจจินเสมอแต่จินไม่เคยเชื่อใจฉันเลยหรือไง คนใจร้าย ฮือ~~~~” ร่างบางตัดพ้อก่อนซุกหน้าลงร้องไห้กับผืนเตียงเพียงลำพัง
    ******************************

    ไอ้....ควาย!!!!เสียงจากปลายสายที่ส่งมาทำเอายูอิจิหูอื้อไปทันที
    โอ๊ย!!! หูแตกกันพอดียูอิจิตอบกลับปลายสาย
    ก็มันจริงหรือเปล่าล่ะปลายสายตอบกลับเท่าที่ฟังนายเล่ามา ยังไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวเขาแตกร้าว
    ฉันเนี่ยนะทัตซึยะยูอิจิถามกลับเสียงดังก่อนจะเบาเสียงลง เมื่อมองไปยังเพื่อนรักที่หลับลงเพราะฤทธิ์ยาซึ่งเขาแอบบอกให้หมอฉีดให้ตามสมควรเพื่อให้เพื่อนได้พักผ่อน
    ก็ถ้านายไม่จู่ ๆ โผล่พรวดพลาดไป คาเมะจังเขาก็ยังไม่รู้เรื่องของนายทัตซึยะบอก
    ความลับไม่มีในโลก ยังไงสักวันคาเมะจังก็ต้องรู้ยูอิจิบอกกลับ
    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คาเมะจังควรจะรู้จากปากของจินเองไม่ใช่ปากพร่อย ๆ ของนายทัตซึยะต่อว่า
    ยูอิจิคิดตามที่เพื่อนว่าก็หน้าสลดจริงด้วยทำไมฉันไม่เอะใจตอนคาเมะจังทำหน้าแปลก ๆ ตั้งแต่ทีแรกว่ะ
    แล้วนี่จะทำยังไงล่ะ ไอ้จินมันคงอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกอาการแย่ซะขนาดนั้นทัตซึยะเอ่ยถาม
    ถึงโทรมาหาไง มาอยู่เป็นเพื่อนมันหน่อยเด่ะยูอิจิบอก
    ไปตอนนี้กว่าจะถึงก็เย็น ๆ ค่ำ ๆ ทัตซึยะบอก
    ก็ยังดี ฉันคงอยู่เป็นเพื่อนมันได้แค่วันนี้แหละพรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้วยูอิจิบอกบอกตามตรงฉันทำอะไรไม่ถูกว่ะ ไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
    แน่ละสิไอ้คนสมหวังทุกประการดั่งใจนึกทัตซึยะว่าเหน็บพูดแล้วหวนนึกถึงอดีตมันแค้นยิ่งนัก ฉันเกลียดนาย!!! แค่นี้ล่ะแล้วเจอกัน
    ยูอิจิอึ้งที่ถูกต่อว่าแล้วตัดสายการสนทนาเอาเสียดื้อ ๆ อะไรของมันว่ะ ตะกี้ยังคุยกันดี ๆ เขาเก็บโทรศัพท์แล้วหันไปมองเพื่อนที่ยังคงหลับอยู่ก่อนเดินออกไปจากห้องนอน มองไปยังห้องนั่งเล่นที่ข้าวของระเนระนาด นี่ฉันทำให้ครอบครัวเพื่อนแตกร้าวจริง ๆ เหรอเนี่ยเอ่ยถามตนเองก่อนลงมือเก็บกวาดข้าวของที่เกลื่อนห้องไปเงียบ ๆ คนเดียว

    *********************************
    จบตอนที่6แล้วจ้า เป็นอย่างไรบ้างอย่าลืมเม้นท์บอกกันด้วยนะคะ ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านค่ะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×