คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : part 6
paparazzi part 6
!!!!!กริ๊ง กริ๊ง!!!!! โทรศัพท์มือถือดังขึ้นก่อนเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ให้เรียกพวกเขาตื่นจากนิทราเสียอีก คนร่างหนาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองไปยังนาฬิกาซึ่งตั้งไว้แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลาส่งเสียงเรียก
“โทรศัพท์หรอกเหรอ ใครโทรมาแต่เช้าเชียว” เปรยกับตนเองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของร่างบางที่มีแสงไฟกระพริบเมื่อเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีก
“หือ~~~~” ร่างบางส่งเสียงงัวเงียเมื่อรู้สึกตัว “จินรับให้หน่อย~~~~” เอ่ยบอกแล้วซุกหน้าลงบนแผ่นอกร่างหนาอีกครั้ง
“ที่บ้านเหรอ????” จินมองดูชื่อปลายสายก่อนจะกดรับ “ครับ”
“คุณหนูคะ” ปลายสายกรอกเสียงทันที
“เอ่อ....คือคาซึยะหลับอยู่ครับผมเลยรับแทน” จินบอกกับปลายทาง
“เพื่อนคุณหนูเหรอคะ” ปลายทางถามกลับ
“ครับ” จินตอบ “มีอะไรบอกผมได้นะครับ เขาตื่นแล้วผมจะแจ้งให้”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนบอกคุณหนูด้วยนะคะ ว่าคุณแม่โทรมาบอกว่าจะกลับวันนี้คะ” ปลายทางแจ้งข่าว
“ครับ ผมจะบอกให้” จินรับคำ
“ขอบคุณคะ บอกให้ได้นะคะ” ปลายทางกล่าวย้ำแล้ววางสายลง
จินวางสายก่อนจะหันไปมองหน้าร่างบางที่ยังนอนซุกตัวติดอยู่กับเขาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “คุณหนูเหรอ?” เอ่ยถามตนเองก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วจัดท่าทางให้ร่างบางนอนสบาย แล้วเดินออกจากห้องนอนไป
**********************
ร่างบางเดินออกมาจากห้องนอนกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากห้องครัวช่างปลุกอาการสะลืมสะลือของเขาได้ดีทีเดียว มองเห็นแผ่นหลังของคนร่างหนาที่ง่วนอยู่กับการทำครัวก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วเดินเข้าไปหาใกล้ ๆ
“จิน~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกเมื่อหยุดยืนอยู่ด้านหลังแล้วนำใบหน้าของตนแนบกับแผ่นหลังคนรัก
“หืม~~~” จินขานรับแต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมามองเพราะยังคงใส่ใจกับอาหารมื้อเช้าอยู่ “อรุณสวัสดิ์คาซึยะ”
“อรุณสวัสดิ์” ร่างบางเอ่ยตอบแล้วยื่นมือไปโอบเอวคนร่างหนาสอดฝ่ามือทั้งสองข้างใส่ในกระเป๋าของผ้ากันเปื้อนที่คนรักสวมใส่
“ระวังนะมันใกล้เตา” จินเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่กลัวหรอก เพราะยังไงจินก็ไม่ทำให้ฉันโดนมันอยู่แล้ว” ร่างบางตอบ
“รู้ใจจริงนะ” จินกล่าวแล้วระบายยิ้มออกมาเมื่อคนด้านหลังเล่นซนด้วยการใช้จมูกไซร้แผ่นหลังเขาเล่น “คาซึยะ~~~”
“ขอโทษ ฉันกวนจนจินทำอาหารไม่ถนัดใช่ไหม” ร่างบางเอ่ยถาม
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” จินรีบปฏิเสธเพราะเกรงร่างบางจะเข้าใจผิด “เมื่อคืน...ขอบคุณนะ เพราะนายทำให้ฉันนอนหลับฝันดี”
ร่างบางยิ้มกว้างออกมา “ไม่เห็นจะต้องขอบคุณเลย สำหรับจินให้ฉันทำอะไรให้มากกว่านั้นฉันก็ทำได้...ขอแค่อย่างเดียว”
“อะไร” จินถามอย่างใคร่รู้
“ขอแค่ให้ฉันได้กอดจินไว้แบบนี้นาน ๆ ” ร่างบางบอกตามที่ตนรู้สึก
“คาซึยะ~~~” จินเรียกชื่อคนรักอีกครั้ง
“หืม~~~” ร่างบางขานตอบพลางโยกตัวเองไปพร้อมกับโยกร่างคนรักให้ไปในจังหวะเดียวกัน
“เมื่อวานตอนที่ออกไปเจอเพื่อน ฉันถูกปาปารัซซี่ด้วยกันตาม” จินเริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้คนรักฟัง
“เขาตามจินทำไมล่ะ จินไม่ใช่ดาราสักหน่อย” ร่างบางถามกลับ
“เขาจำได้ว่าฉันเป็นปาปารั:ซซี่ที่ตามถ่ายรูปนากามารุคุงเหมือนกัน” จินบอกเหตุผล “เขาอยากให้ฉันตามถ่ายรูปนากามารุคุงอีกเพื่อเอาไปลงพวกข่าวก็อซซิบ”
“พวกข่าวมั่ว ๆ นั่งเทียนเขียนเองนั่นเหรอ” ร่างบางถาม
“ก็ประมาณนั้น” จินตอบ
“จินตอบเขาไปว่าอะไรล่ะ” ร่างบางถามกลับ
จินส่ายหน้าไป-มาช้า ๆ “ไม่ได้ตอบอะไรไป เขาให้นามบัตรมาบอกว่าถ้าสนใจก็ให้โทรไป”
“แล้วจินคิดจะโทรไปไหม” ร่างบางถาม
“ไม่” จินตอบหนักแน่น
ร่างบางคลี่ยิ้มออกมา “ฉันก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าจินไม่ทำอย่างนั้นหรอก...จินนี่คิดมากจริง ๆ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำเท่านั้นเอง”
“อืม....ฉันคงจะคิดมากอย่างนั้นจริง ๆ นั่นแหละ” จินตอบพร้อมกับปิดเตาแก๊ส “เสร็จแล้ว”
ร่างบางได้ยินก็ยื่นหน้าไปมองอาหารที่จินทำเสร็จ “ข้าวผัด!!! ขอบคุณนะที่ทำให้ทาน”
จินหมุนตัวกลับมาแล้วคลี่ยิ้มให้ “ก็ใครกันล่ะที่พูดทุกวันว่าอยากกิน”
ร่างบางมองจินตาโต “มีคนบ่นซ้ำๆแบบนั้นให้จินฟังด้วยเหรอ”
จินยื่นมือมาบีบจมูกร่างบางด้วยความเขี้ยว “ก็จอมกวนคนนี้ไง”
“อ๊า~~~” ร่างบางร้องออกมาแต่ก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่เปล่งเสียงนั้นหรอก
“เอ่อ!!!! เมื่อเช้าที่บ้านนายโทรมา” จินบอกกับร่างบางเมื่อเขานึกขึ้นได้
ร่างบางที่ตีมือจินเบา ๆ ชะงักทันทีเขาจับมือจินออกจากจมูกตนเอง “ที่บ้าน!!!!”
จินพยักหน้างง ๆ ทำไมร่างบางจะต้องส่งเสียงตกใจแบบนั้นด้วย “เขาให้บอกนายว่าแม่ของนายจะกลับมาวันนี้”
ร่างบางได้ฟังยิ่งหน้าซีดกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก “แม่กลับมาแล้วเหรอ”
“มีอะไรหรือเปล่าคาซึยะ” จินถามด้วยความเป็นห่วง
ร่างบางมองตอบจินสายตาหวาด ๆ “บอกอะไรแล้วห้ามโกรธนะ”
“ก็บอกก่อนสิ จะได้รู้ว่าควรจะโกรธหรือไม่โกรธ” จินตอบ
“โหย~~~~ โกรธอยู่แล้วหละ ก็ฉันยังไม่เคยพูดความจริงให้จินฟังนี่” ร่างบางตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกความจริงมาสิ ว่ามันคืออะไร” จินคาดคั้น
ร่างบางมองตากับจินก่อนจะเดินออกมาจากครัวแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีตรงส่วนห้องนั่งเล่น คนร่างหนาเดินตามมาติด ๆ แล้วลงนั่งข้าง ๆ
“เคยบอกจินใช่ไหมว่าพ่อของฉันทำงานอยู่ต่างประเทศแล้วแม่ฉันเป็นแม่บ้าน” ร่างบางย้อนถาม
“อืม” จินตอบ
“แม่ฉันบินไปหาพ่อเดือนหนึ่งแล้วตอนนี้ก็ครบเดือนแล้วด้วย” ร่างบางตอบพลางเหล่มามองจินที่ตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูด “อย่าจ้องขนาดนั้นสิ ใจไม่ดี” ร่างบางบอก
“อ้าวแล้วกัน ฉันก็ตั้งใจฟังในสิ่งที่นายต้องการบอกยังไง” จินตอบกลับ “นายกำลังจะบอกฉันใช่ไหมว่าหนึ่งเดือนที่แม่นายไม่อยู่บ้าน นายมาอยู่กับฉันโดยที่แม่แล้วก็คนในบ้านไม่รู้ ทีนี่พอแม่นายกลับมาก็ไม่รู้จะทำยังไงดี” เขาพูดตรงตามที่ใจร่างคิด
“ปิ๊งป่อง!!!!” ร่างบางเอ่ยพลางดีดนิ้วบ่งบอกให้คนรักรู้ว่าที่พูดนะถูกต้องแล้ว
“ไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย แม่นายกลับมาแล้วนายก็กลับ.........” จินเอ่ยค้างไว้เมื่อนึกขึ้นได้
“ใช่ไหม??? เข้าใจใช่ไหม” ร่างบางย้อนถามคนที่นิ่งเงียบ
จินพยักหน้าลง “จะกลับไปอยู่กับแม่จริง ๆ เหรอ” เขาถามเสียงอ่อย
ร่างบางทำหน้าสลด “อยากอยู่กับจิน แต่ถ้าแม่รู้แล้วไม่ยอมให้อยู่ด้วยฉันก็จะกลายเป็นลูกอกตัญญู”
“แม่...ไม่รู้เรื่องของเราใช่ไหม” จินเอ่ยถาม
“อืม ไม่มีใครรู้ทั้งบ้านนั่นแหละ” ร่างบางตอบเสียงแผ่ว “ขอโทษนะจินทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นคนบอกจินเองว่ามีอะไรก็พูดตรง ๆ ระหว่างเราจะไม่มีเรื่องที่ปิดบังกันแต่ฉันกลับเป็นฝ่ายที่ทำแบบนั้นเอง จินโกรธฉันหรือเปล่า???”
จินยิ้มบาง ๆ ให้พลางยื่นมือไปลูบเส้นผมร่างบางเล่น “ไม่โกรธหรอก แต่ฉันเป็นห่วงนายมากกว่า”
ร่างบางคลี่ยิ้มตอบกระเทิบตัวไปติดกับจินแล้วเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้าง “แม่กลับมาแล้วฉันจะพาจินไปให้แม่รู้จักนะ แม่ต้องชอบจินแน่ ๆ ”
“กังวลเหรอ” จินถาม
“หรือว่าจินไม่กังวลล่ะ ฉันนะกังวลทุกเรื่องที่จะทำให้ฉันไม่ได้อยู่กับจินนั่นแหละ” ร่างบางตอบแล้วกระเด้งตัวขึ้นมาทันที “ไม่ต้องกลัวนะถ้าแม่ไม่ให้ฉันอยู่กับจินที่นี่ ฉันก็จะพาจินเข้าบ้านไปอยู่กับฉันเอง แล้วถ้าฉันยี่สิบเมื่อไหร่เราค่อยคิดกันว่าจะแยกออกมาอยู่กันเองเหมือนเดิมหรือเปล่า”
จินได้ยินคำจากร่างบางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
ร่างบางเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ “จินขำอะไร เรื่องนี้ซีเรียสนะ”
“ขอโทษ ๆ แต่ไอ้ประโยคก่อนหน้านั้นฉันควรจะเป็นฝ่ายพูดไม่ใช่เหรอ” จินย้อนถาม
“หืม~~~ ใครจะพูดก็เหมือนกันนั่นแหละเพราะยังไงสรุปแล้วเราก็จะอยู่ด้วยกันอยู่ดี” ร่างบางกล่าวแล้วเอนตัวซบไหล่ร่างหนาอีกครั้ง “ฉันนะรักจินนะ รักมาก ๆ เลยด้วย” เอ่ยบอกเสียงดังกังวานไปทั่วห้อง
จินได้ฟังก็ยิ้มกว้างออกมา “ฉันรู้ไม่ต้องพูดเบาอย่างั้นก็ได้”
“จินล่ะ” ร่างบางถาม
จินคลี่ยิ้มให้ก่อนจะกระซิบบอกข้างหูร่างบางเบา ๆ “ผมรักคุณคาซึยะ”
“ฉันก็รู้ อยู่ใกล้กันแค่นี้พูดซะดังเชียวกลัวคนอื่นจะได้ยินหรือไง” ร่างบางย้อนถามก่อนจะส่งยิ้มให้
ร่างหนาจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มนวล “ไปทานข้าวกัน” เขาเอ่ยชวน
ร่างบางพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนฉุดแขนจินให้ลุกขึ้นตาม “ทานข้าวเสร็จแล้วฉันจะโทรไปเชคไฟล์ทที่แม่กลับแล้วเราไปรับแม่กันนะ”
จินพยักหน้าตอบ “สงสัยต้องหาซื้อชุดใหม่แล้วจะได้หล่อ ๆ ”
“จินนะไม่ต้องแต่งอะไรมากก็หล่ออยู่แล้ว ยิ่งไม่แต่งอะไรเลยยิ่งหล่อ ฉันชอบ~~~” ร่างบางบอกพลางส่งยิ้มยียวน
“บ้า~~~” จินเอ่ยว่าหน้าแดงก่ำ “ไปทานข้าว” เอ่ยเร่งแก้เขินแล้วจูงมือร่างบางเดินกลับเข้าไปในครัว
**********************
!!!!!พรึบ!!!!! นิตยสารฉบับหนึ่งถูกโยนลงบนโต๊ะอาหารตรงหน้าไอดอลชื่อดังซึ่งมิได้ยินดียินร้ายอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง
“ลงไวดีจัง เมื่อวานเพิ่งไปถ่ายผมมาแท้ ๆ ” นากามารุ ยูอิจิ บอกกับผู้จัดการส่วนตัวซึ่งเป็นคนนำนิตยสารเล่มนี้มาให้เขาดูตั้งแต่เช้า
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังตัว” ผู้จัดการเอ่ยน้ำเสียงเรียบ
ยูอิจิยื่นมือไปหยิบนิตยสารขึ้นมาดู “ก็แค่ลงรูปที่ผมไปนัดเจอกับเพื่อนก็เท่านั้นนี่ฮะ”
“เท่านั้นเหรอ??? นายเองก็รู้ดีนี่ว่าไอ้หัวหนังสือยี่ห้อนี้มันเป็นของบริษัทคู่แข่ง มันทำแบบนี้ก็เท่ากับประกาศให้เรารู้ตัวแล้วว่ามันจ้องนายแน่” ผู้จัดการส่วนตัวกล่าว
“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่ครับ ออกไปทานข้าวกับเพื่อนเท่านั้นแล้วนี่ก็เพื่อนผู้ชายคุณก็เคยเจอที่เซ็นไดแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงค่อยว่าไปอย่างหนึ่ง” ยูอิจิแจง
“สมัยนี้ไม่ว่าจะไปสองต่อสองกับผู้หญิงหรือกับผู้ชายมันก็เป็นข่าวได้ทั้งนั้นแหละ” ผู้จัดการบอก
ยูอิจิถอนหายใจออกมาบาง ๆ “ครับ คราวหน้าผมจะระวังตัวกว่านี้ จะนัดเพื่อนผู้ชายออกมาเป็นกลุ่มเบ้อเร้อเลย ดูสิจะเป็นข่าวอีกไหม” เขาพูดประชดในที
ผู้จัดการส่วนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ “นายมันคนดังทำอะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าวได้ทั้งนั้นแหละ”
“ทราบครับ สถานนะนั้นผมท่องไว้ตลอด” ยูอิจิบอก
“ฉันก็เข้าใจว่านายอึดอัด แต่อดทนหน่อยแล้วกัน” ผู้จัดการเอ่ยให้กำลังใจ “เอ่อ!!! มีงานด่วนเข้ามาเกือบลืมบอกแหนะ”
ยูอิจิได้ฟังก็เบ้หน้าทันที “ไหนว่าเลื่อนงานถ่ายแบบให้ยังไงล่ะครับ นึกว่าจะได้มีเวลาส่วนตัวสักวันสองวันแล้วเสียอีก”
ผู้จัดการได้ฟังก็ยื่นมือไปจับหน้ายูอิจิให้หันมา “ฉันต่อยซะแรงขนาดนั้นจะให้ออกไปทำงานได้ยังไง แผลมันยังไม่หายดีหรอก”
“อ้าว แล้วงานด่วนที่ว่าหละครับ” ยูอิจิถามอย่างสงสัย
“อาทิตย์หน้าต่างหาก มันเป็นโครงการที่ผู้บริหารเพิ่งจะประชุมแล้วก็สรุปออกมาว่าจะจัด” ผู้จัดการบอก
“โครงการอะไรฮะ” ยูอิจิอยากรู้ทันที
“ก็ประกวดหาดาราหน้าใหม่เข้าสังกัดแบบนายเมื่อสองปีก่อนนั่นไง” ผู้จัดการบอก “นายต้องไปโปรโมทโครงการแล้วก็เชิญชวนให้คนมาสมัครเยอะ ๆ ”
“ผมจะได้เป็นรุ่นพี่แล้วสิงานนี้” ยูอิจิรู้สึกยินดีจากใจจริง
“ก็อย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้จะได้เด็กที่มีแววแบบนายมาหรือเปล่านะสิ” ผู้จัดการเอ่ยอย่างปลง ๆ “บางคนมาประกวดเพื่อเอาเงิน พอครบสัญญาหนึ่งปีแล้วก็ไป”
ยูอิจิได้ฟังถึงกับสะอึกเขาเองก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้นที่ผู้จัดการส่วนตัวพูดหรอก หากเพียงแต่เขาต้องการเงินระยะยาวจึงยอมเซ็นสัญญาทาสถึงห้าปีก็เท่านั้นเอง
“ผมจะพยายามเต็มที่ครับ ยังไงครั้งนี้ก็ต้องมีคนที่ชอบงานอย่างนี้จริง ๆ เข้ามาประกวดแน่ ๆ ” ยูอิจิบอกเสียงหนักแน่น
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ขี้เกียจดันให้เปลืองเงินแล้วผลตอบแทนก็ไม่คุ้มกัน” ผู้จัดการเอ่ยบอกแล้วลุกขึ้น “ฉันเข้าบริษัทก่อนแล้วกัน นายเองก็พักผ่อนล่ะถ้าไม่จำเป็นจะต้องออกไปไหนก็ช่วยอยู่แต่ในห้องด้วยแล้วกัน”
“ครับ” ยูอิจิรับคำก่อนเดินไปส่งผู้จัดการส่วนตัวที่หน้าห้องแล้วเขาก็กลับมานอนเอกเขนกเล่นในห้องเพียงลำพัง
**************************
“แม่~~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกมารดาเมื่อเห็นร่างที่คุ้นตาเดินเข็นกระเป๋าออกมาจากเกท เขาฉุดมือจินให้เดินตามแล้วไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแม่ของตน “คิดถึงจัง~~~” เอ่ยบอกแล้วปล่อยมือจากจินก่อนจะสวมกอดมารดา
ผู้เป็นแม่คลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนตบเบา ๆ ที่หลังลูกชาย “ให้มันจริงเถอะ โทรกลับมาไม่เจอตัวสักที”
“แหะ ๆ ” ร่างบางหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะผละตัวออกมาแล้วหันไปมองจิน “จิน นี่แม่ฉัน”
จินโค้งตัวให้มารดาของคนรักก่อนจะเงยขึ้นเพื่อแนะนำตนเอง “สวัสดีครับ ผมอาคานิชิ จิน ครับ”
มารดาของร่างบางยิ้มให้อย่างใจดี “สวัสดีจ๊ะลูก”
จินได้ยินมารดาของร่างบางตอบรับในไมตรีเขาก็ระบายยิ้มกว้างออกมาอย่างโล่งใจ ร่างบางมองใบหน้าคนรักก็ยิ้มตามด้วย ผู้เป็นแม่มองเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็พอจะดูออก คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนประสบการณ์ได้สั่งสอนโดยไม่ต้องให้ลูกชายบอกก็พอจะรู้ด้วยตนเอง
“ผมช่วยนะครับ” จินเสนอตัว
มารดาปล่อยมือออกจากรถเข็นปล่อยให้จินเข็นรถที่เต็มไปด้วยสัมภาระของตนเดินนำไป หล่อนคว้าแขนลูกชายเอาไว้แล้วกระซิบถามเบา ๆ “พามาเปิดตัวหรือไง”
ร่างบางหันมามองแม่ตนเองตาโต “แม่~~~ รู้ได้ยังไง ยังไม่ได้บอกอะไรเลย”
แม่ไม่ตอบแต่ถามลูกชายตนเองกลับ “ไปเจอกันได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวนะแม่ แต่สรุปแล้วมันคงเป็นพรมลิขิต” ร่างบางตอบ “แล้วแม่ไม่ตกใจหรือว่าโกรธเหรอ”
“อยากให้ทำแบบนั้นไหมล่ะ” แม่ย้อนถามลูกชายตัวเอง
ร่างบางส่ายหน้าพัลวัน
ผู้เป็นแม่ถอนหายใจออกมาบาง ๆ “แม่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เกิดทำไมจะไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นคนยังไง เคยคิดไว้เหมือนกันว่าสักวันลูกต้องพาผู้ชายมาแนะนำให้รู้จักแต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้”
“แม่อ่ะ~~~~” ร่างบางเอ่ยเรียกแล้วกอดมารดาตนเอง “รักแม่จัง”
“ถ้าฉันขัดขวางคงเกลียดฉันล่ะสิ” แม่เอ่ยประชด
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แต่ถ้าแม่ไม่ยอมรับจินผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน” ร่างบางตอบ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” แม่เอ่ยว่าแต่ก็ไม่ได้โกรธจริง ๆ ก่อนจูงมือลูกชายเดินตามคนร่างหนาที่เข็นรถนำหน้าอยู่ไม่ไกล
***************************
คนร่างหนายืนอ้าปากค้างเมื่อลงจากรถแท็กซี่ที่นั่งมาจากสนามบินเพื่อมายังบ้านของร่างบาง เขาหันหน้าไปมองคนรักที่ยิ้มกว้างให้อย่างอึ้ง ๆ
“สาบานนะว่านี่บ้านนาย” จินเอ่ยถามเบา ๆ เกรงว่ามารดาของร่างบางจะได้ยิน
ร่างบางส่ายหน้า “เปล่าไม่ใช่”
จินได้ฟังก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ค่อยยังชั่วหน่อย”
“บ้านพ่อกับแม่ฉันต่างหาก” ร่างบางบอกเสร็จก็ยิ้มให้
ใบหน้าโล่งใจของจินเมื่อสักครู่มลายสิ้น เขามองดูบ้านของคนรักที่มีอาณาเขตกว้างอย่างกับวังแถมยังมีรั้วรอบขอบชิดและระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเยี่ยม นี่ถ้าไม่มาเห็นเองกับตาก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าคนรักของเขาแท้จริงแล้วเป็นลูกคนมีฐานะเสียขนาดนี้ ในเมื่ออยู่ด้วยกันร่างบางก็ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนูอย่างที่เขาคิดว่าลูกคนมีเงินทั่วไปจะเป็น อีกทั้งมารดาของร่างบางก็ทำตัวสมถะไม่ได้อวดอ้างความมั่งมีของตนเลย
“จินไม่ต้องช่วยแม่ขนแล้วนะจ๊ะ เดี๋ยวเด็กในบ้านออกมาขนกันเอง” มารดาร่างบางหันหน้ามาบอกแล้วส่งยิ้มให้ “แม่จะไปพักผ่อนก่อนนะ อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนล่ะ” หล่อนบอกแล้วเดินนำเข้าไปในบ้านเมื่อประตูอัตโนมัติเปิดออก
ร่างบางจับมือจินแล้วยิ้มให้เมื่อคนรักหันหน้ามามองตน “แม่ฉันชอบนายนะจิน”
จินยิ้มแห้ง ๆ ให้ เขาบอกไม่ถูกว่าควรจะดีใจหรือเปล่า คนรับใช้ในบ้านเดินออกมาสามคนแล้วหันมาโค้งตัวให้กับร่างบางและเขาก่อนจะขนสัมภาระของมารดาร่างบางเข้าไปในบ้าน จินมองส่งคนพวกนั้นก่อนจะหันมามองหน้าร่างบางอีกครั้ง
“จินเป็นอะไร” ร่างบางเอ่ยถาม
จินทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ กับพื้นพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเอง
“หน้ามืดเหรอ เข้าบ้านก่อนเถอะ” ร่างบางบอกแล้วพยุงตัวคนรักให้ลุกขึ้น
“ขอฉันนั่งอยู่แบบนี้ก่อนแล้วกันนะ” จินเอ่ยขอ
ร่างบางจึงปล่อยมือแล้วลงนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ เช่นกัน “คิดมากอีกล่ะสิ ก็บอกอยู่ว่าของพวกนี้เป็นของพ่อกับแม่ ไม่ใช่ของฉันเองสักหน่อย”
“แต่นายเป็นลูกของท่าน” จินบอก
“เป็นลูกแล้วจะยังไงล่ะ หรือว่าจินจะไม่รักฉันแล้ว” ร่างบางถามน้ำเสียงเง้างอน
“ไม่ใช่ไม่รักแต่รักมากต่างหาก พอมาเห็นฐานะทางบ้านของนายแล้วฉันถึงกลัว” จินบอกตามความรู้สึก
“กลัวอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกลัวเลย” ร่างบางย้อนถาม
“ดูก็รู้ว่านายใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตั้งแต่เกิด ฉันเลยกลัวว่าจะพานายไปลำบากนะสิ” จินบอกในสิ่งที่เขากังวล
ร่างบางได้ฟังก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วยื่นมือไปโอบตัวคนร่างหนาเอาไว้ “อยู่กับจินไม่เห็นจะลำบากเลย แต่ถ้าไม่ได้อยู่กับจินนี่สิฉันขาดใจตายแน่ ๆ ” เอ่ยบอกเสร็จก็ซบลงที่ไหล่หนานั่นเอาหน้าซุกไซร้หวังให้คนรักคลายกังวล
จินยกมือขึ้นลูบผมร่างบางเบา ๆ “ฉันคงต้องจริงจังกับชีวิตให้มากกว่านี้แล้วล่ะ พ่อกับแม่ของนายจะได้ยกนายให้ฉันจริง ๆ อย่างสบายใจว่าฉันสามารถดูแลนายได้ตลอดชีวิต”
“ถ้าอย่างนั้นก็พยายามเข้านะ ฉันเป็นกำลังใจให้” ร่างบางตอบแล้วลุกขึ้นยืนก่อนยื่นมือไปตรงหน้าจิน “เข้าบ้านเถอะ”
จินยื่นมือไปสัมผัสฝ่ามือเรียวนั้นที่ฉุดให้เขาลุกยืนขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินจูงมือกันเข้าไปในบ้านของร่างบาง
************************
“เฮ้อ~~~ ถึงบ้านสักที” ร่างบางเอ่ยบอกเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตนกับจิน
“แม่บอกให้ค้างที่บ้านนายก็ไม่ยอม” จินเอ่ยขณะปิดประตูห้องแล้วเดินตามร่างบางเข้าไปด้านใน
“ก็อยากกลับมาอยู่บ้านเรามากกว่า อีกอย่างนอนที่บ้านแม่ฉันก็ต้องโดนจับแยกนอนคนละห้องกับจินนะสิ ไม่เอาด้วยหรอก” ร่างบางบอกแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา
“ลุก~~~” จินเอ่ยเรียกร่างบางที่หลับตาลงนอน “ไปนอนในห้อง”
“ไม่เอาขี้เกียจเดิน” ร่างบางหลับตาบอก
จินรู้ดีว่าร่างบางง่วงมากจนเริ่มโยเยเป็นเด็ก ๆ เขาก้มตัวลงแล้วช้อนร่างบางขึ้นมาเพื่อพาไปนอนในห้อง ร่างบางยกแขนขึ้นโอบรอบคอคนรักแล้วเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา “จินง่วงยัง”
“ยัง ทำไมเหรอ” จินเอ่ยถาม
“ฉันง่วง” ร่างบางบอก
“รู้แล้ว” จินบอกแล้ววางร่างบางลงบนเตียง “อนุญาตให้นอนทั้ง ๆ ที่ไปข้างนอกแล้วกลับมาไม่ยอมอาบน้ำ”
“ถ้าไม่อาบน้ำแล้วอยากทำกับจินได้เปล่า” ร่างบางถาม
“หึ” จินตอบกลับทันที
ร่างบางลืมตาโพล่งหน้างอใส่ “ใจร้ายว่ะ”
“ก็ง่วงไม่ใช่เหรอ” จินย้อนถาม
“มันก็ใช่แต่ว่าฉันรู้สึกดีใจมาก ๆ จนไม่รู้จะบอกจินยังไงดีนะสิ” ร่างบางบอก
“ดีใจเรื่องอะไร เรื่องที่แม่ให้นายกับฉันคบกันได้นะเหรอ” จินเอ่ยถาม
“อันนั้นก็ใช่ แต่จริง ๆ แล้วฉันดีใจที่แม่รักจินต่างหาก อีกหน่อยจินก็คงเข้าใจว่ามันดีขนาดไหนที่คนรักของเราเข้าได้กับคนในครอบครัว” ร่างบางบอก
จินหัวเราะออกมาเบา ๆ “ความรู้สึกนั้นฉันรู้จักก่อนนายอีก”
“จริง???” ร่างบางย้อนถามก่อนจะลุกพรวดพลาดขึ้นทันที
“จะไปไหน” จินเอ่ยถามอย่างสงสัย
“อาบน้ำไง” ร่างบางตอบแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกไปเข้าห้องน้ำ
คนร่างหนาหน้าแดงขึ้นมาทันที “ตกลงจะมีอะไรกันให้ได้ใช่ไหมเนี่ยคาซึยะ”
“แน่นอน~~~” ร่างบางตะโกนตอบกลับ “จินไม่ต้องอาบก็ได้นะฉันไม่ถือ”
จินส่ายหน้าช้า ๆ พลางมองไปยังเตียง “ผ้าปูที่นอนเมื่อคืนยังไม่ได้เปลี่ยนเลยทับรอยเดิมอีกแล้วเหรอเนี่ย”
ร่างบางรีบอาบน้ำแล้วเดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวคลุมส่วนร่างของร่างกายส่วนผมของเขานั้นยังเปียกอยู่เลย เขารีบกลับมายังห้องนอนแล้วเปิดประตูเข้าไปไม่อยากให้คนร่างหนารอนานไปกว่านี้อีกแล้ว
“จิน~~~~” เอ่ยเรียกคนรักซึ่งนอนอยู่บนเตียง ไม่มีเสียงตอบจากร่างหนา ร่างบางเดินไปดูใกล้ ๆ คนรักของตนเองหลับเป็นตายไปแล้ว “จิน~~~~ ตื่น~~~~” ร่างบางปลุกแต่คนร่างหนาก็ไม่ตื่นอยู่ดี “โหย~~~ขี้โกงชิ่งหลับไปก่อนได้ยังไงเนี่ย” เอ่ยเสียงเง้างอนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วก้มหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากคนรักเบา ๆ ระบายยิ้มออกมาเมื่อมองใบหน้ายามหลับใหลของร่างหนาก่อนจะเบียดตัวลงนอนใกล้ ๆ ยื่นมือไปกอดร่างนั้นเอาไว้พร้อมกับขาอีกข้างที่ก่ายไปทั้งตัว “รักจินจังเลย~~~~”
สัมผัสเย็น ๆ จากเส้นผมร่างบางทำเอาคนที่หลับไปก่อนรู้สึกตัวนิด ๆ เขาตะแคงตัวกลับแล้วสวมกอดร่างบางตอบเช่นกันก่อนจะตกสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
***********************************
!!!!!กริ๊ง กริ๊ง!!!!! เสียงโทรศัพท์ภายในร้านสตูดิโอถ่ายภาพดังขึ้นในเวลาสาย เด็กหนุ่มที่กำลังป้อนข้อมูลให้เครื่องอัตโนมัติอัดรูปตามที่ลูกค้าสั่งละมือทันที
“มารุยาม่าฟิล์มครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยสำเนียงคันไซกับปลายสาย
“เอ่อ.....มารุยาม่า เรียวเฮย์ อยู่ไหมครับ” น้ำเสียงสูงวัยกับภาษากลางเอ่ยตอบกลับมา
“ผมเรียวเฮย์พูดสายครับ” เรียวเฮย์พูดภาษากลางกลับ
“ฉันอาจารย์ฟูจิวาระเองนะมารุยาม่าคุง” อาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งเพิ่งจะสอนเขาไปเมื่อเทอมที่แล้วเอ่ยบอก
“สวัสดีครับอาจารย์ สบายดีหรือเปล่าครับ” เรียวเฮย์เอ่ยถาม
“สบายดี เพิ่งจะกลับจากไปดูงานที่อังกฤษเมื่อวานนี้เอง” อาจารย์เอ่ยบอก “ฉันมีธุระรบกวนเธอหน่อยนะ”
“ได้ครับอาจารย์” เรียวเฮย์ตอบกลับอย่างยินดี
“เธอมีเบอร์ติดต่ออาคานิชิคุงหรือเปล่า” อาจารย์เอ่ยถามทันที
“ไอ้จินนะเหรอครับ มีครับเป็นเบอร์มือถือเบอร์ส่วนที่อยู่ใหม่มันผมยังไม่ทราบนะครับ” เรียวเฮย์บอก
“เบอร์มือถือก็ได้รบกวนด้วยนะ” อาจารย์สูงวัยเอ่ยปากขอ
เรียวเฮย์บอกเบอร์ของจินที่เขาจำได้ขึ้นใจให้กับอาจารย์ไป “เอ่อ...อาจารย์ครับไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับมันเหรอครับ”
“เรื่องทุนนั่นแหละ” อาจารย์เอ่ยบอก
“อ๋อ~~~ทุนไปฝรั่งเศสนั่นนะเหรอครับ” เรียวเฮย์ถามกลับ
“เปล่า ทุนไปอังกฤษต่างหาก” อาจารย์ตอบกลับ
“เห๋~~~” เรียวเฮย์เอ่ยเสียงหลง เขาสนิทกับจินแต่ก็ไม่ยักรู้ว่าจินไปสมัครทุนนี้ด้วยเหรอ
“ไปดูงานที่อังกฤษของฉันคราวนี้ดีจริง ๆ มีเรื่องน่ายินดีสำหรับอาคานิชิคุงกลับมาด้วย” อาจารย์เอ่ยบอก “แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวครับอาจารย์~~” เรียวเฮย์เอ่ยรั้งแต่ไม่เป็นผล อาจารย์สูงวัยผู้ใจร้อนวางสายไปแล้ว “อะไรว่ะทุนไปอังกฤษ เรื่องน่ายินดีของไอ้จิน...มันได้เหรอ ได้ได้ยังไงมันไม่เคยไปสมัครนี่หว่า” เรียวเฮย์เปรยกับตนเอง
“พี่คะมารับรูปคะ” เสียงของลูกค้าตะโกนเรียก เรียวเฮย์จึงกลับไปให้ความสนใจกับงานในร้านอีกครั้ง
******************************
คนร่างหนาเคาะเบา ๆ ลงบนบานประตูห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งอยู่ในตึกของคณะที่มหาวิทยาลัย เมื่อตอนสายเขาได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์เจ้าของห้องนี้แล้วเรียกให้เขามาที่นี่โดยด่วนซึ่งก็ไม่ยอมบอกว่ามีเรื่องสำคัญอะไรถึงต้องรีบเร่งเขาเสียขนาดนั้น
“เข้ามา” เจ้าของห้องอนุญาต ร่างหนาจึงเปิดประตูเข้าไป
“สวัสดีครับอาจารย์” จินเอ่ยทักทายอาจารย์สูงวัยที่พอเห็นหน้าเขาก็คลี่ยิ้มออกมา
“มาแล้วเหรออาคานิชิคุง” อาจารย์เอ่ยทักตอบ “มานั่งนี่สิ”
จินค้อมศีรษะให้ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกัน “ไม่ทราบว่าอาจารย์มีเรื่องอะไรเหรอครับถึงเรียกใช้ผม”
“ใครจะไปกล้าใช้เธอ ความภูมิใจของมหาวิทยาลัยของเรา” อาจารย์เอ่ยบอกแล้วเลื่อนเอกสารบนโต๊ะไปตรงหน้าจิน
จินรับมาเปิดอย่างงง ๆ “มหาวิทยาลัยศิลปะอันดับหนึ่งของอังกฤษ”
“ใช่แล้ว ฉันไปดูงานที่นี่มาแล้วก็นำผลงานของเธอติดมือไปด้วย” อาจารย์สูงวัยบอก
“แล้ว....ยังไงกันหรือครับผมไม่เข้าใจ” จินเอ่ยถามตรง ๆ
อาจารย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมายืนข้าง ๆ จินก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของลูกศิษย์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่เขา “ทางมหาวิทยาลัยนี้ชื่นชอบผลงานของเธอมาก เขาให้ทุนเธอไปเรียนที่นั่นหนึ่งปี”
“ห๋า!!!!!” จินร้องเสียงหลง
“ดีใจขนาดนั้นเชียวหรืออาคานิชิคุง แต่อย่างว่าละนะเป็นใครก็ดีใจ” อาจารย์สูงวัยกล่าวน้ำเสียงปลื้มปีติ
ส่วนคนที่โชคหล่นทับอย่างไม่รู้ตัวกลับทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะดีใจหรือหนักใจกันแน่ “แล้ว..ต้องไปเมื่อไหร่ครับ”
“เปิดเทอมก็ไปได้เลย เรื่องโอนหน่วยกิจไม่ต้องห่วงนะฉันจะรีบเดินเรื่องให้เอง” อาจารย์สูงวัยรีบบอกกลัวว่าลูกศิษย์ของตนจะกังวลเรื่องของเกรดการเรียน “เธอไปเรียนต่อทีนั่นปีเดียวก็จบรับปริญญาของมหาวิทยาลัยที่อังกฤษเลย น่ายินดีใช่ไหมล่ะ”
“ฮะ” จินตอบรับใบหน้าซ่อนความกังวล
“ยังตกใจไม่หายล่ะสิ” อาจารย์คาดเดาแล้วตบลงที่ไหล่ลูกศิษย์ตนเอง “รีบกลับไปบอกข่าวดีให้คนที่บ้านแล้วก็เพื่อน ๆ รู้ล่ะ เรื่องอื่นไม่ต้องเป็นห่วงทางมหาวิทยาลัยจะช่วยเต็มที่”
“ครับ” จินรับคำก่อนจะโค้งตัวให้แล้วเดินออกจากห้องพักของอาจารย์ โดยไม่ลืมที่จะถือเอกสารของมหาวิทยาลัยซึ่งเข้าต้องเดินทางไปเรียนในอีกไม่นานติดมือออกมาด้วย
****************************
ร่างบางใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดด้านหลังของโซฟาในห้องนั่งเล่น เสียงเครื่องที่เหมือนกับมีอะไรขวางท่อทำให้ร่างบางต้องยกมันขึ้นมาดู
“ใบอะไรกันล่ะเนี่ย” เปรยกับตนเองก่อนปิดเครื่องแล้วหยิบแผ่นกระดาษแข็งเล็ก ๆ ขึ้นมา “อี๋~~~ นามบัตรสำนักพิมพ์ที่จินบอกแน่ ๆ เลย” ร่างบางพอจะคาดเดาได้ เขาจัดการฉีกมันเป็นชิ้นก่อนจะใช้เครื่องดูดฝุ่นทำลายหลักฐานนั่นซะ “เท่านี้ก็เรียบร้อย”
“ไอ้จินโว๊ย~~~~” เสียงเรียกจากหน้าประตูห้องทำเอาร่างบางต้องละมือจากการทำความสะอาดห้องอีกครั้ง
“ใครกัน??? เพื่อนจิน...เรียวเฮย์คุง????” ร่างบางเปรยกับตนเอง
“ไอ้จินเร็ว ๆ ” คนหน้าประตูห้องเอ่ยเร่ง
ร่างบางจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องให้ คนหน้าห้องนั้นทำเอาร่างบางยืนอึ้งไปชั่วขณะ แสงสว่างที่แปล๊บขึ้นมาเพียงชั่ววินาทีเรียกสติร่างบางให้กลับคืน
“คาเมะจังใช่ไหม ขอรบกวนหน่อยแล้วกัน” คนที่มาเยือนถือวิสาสะเดินเข้าไปข้างในทันที
ร่างบางรีบปิดประตูห้องแล้วเดินตามเข้าไป มองคนที่นั่งลงบนโซฟาอย่างไม่วางตา
“จินล่ะคาเมะจัง ไม่อยู่เหรอ??” คนที่ทำตัวตามสบายคล้ายอยู่บ้านตนเองเอ่ยถาม
“คุณ????” ร่างบางเอ่ยถาม
คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ “นั่นสิอยู่ดี ๆ ก็มาโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าขอโทษทีนะคาเมะจัง ฉันนากามารุ ยูอิจิ”
“อันนั้นผมรู้แล้ว แต่ที่อยากรู้คือคุณเป็นอะไรกับจิน” ร่างบางเอ่ยถาม
“ฉันเป็นเพื่อนสนิทของจินเป็นคนบ้านเดียวกัน จินเคยเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า” ยูอิจิเอ่ยถาม
ร่างบางสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น
“ขอโทษทีนะที่มารบกวน พอดีฉันออกมาหาอะไรกินแล้วเจอพวกแฟนคลับตามนะเลยหนีจ้าละหวั่น มารู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่แถวนี้เสียแล้วเลยว่าจะแวะมาดูบ้านใหม่ของจินมันสักหน่อย” ยูอิจิบอกแล้วมองไปรอบ ๆ “น่าอยู่ดีนะ”
ร่างบางไม่ได้ตอบอะไรลุกขึ้นเดินไปหยิบน้ำในครัวมาให้แขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ
ยูอิจิยิ้มให้ “ไม่คิดว่าจะได้เจอคาเมะจังนะเนี่ย น่ารักสมคำร่ำลือจริง ๆ ไอ้จินมันเข้าใจหา ว่าแต่ไปเจอกันได้ยังไงเนี่ยไอ้จินมันไม่เคยเล่ารายละเอียดให้ฟังเลย” เขาชวนคุยแต่ร่างบางกลับนิ่งเงียบอย่างเดียวจนยูอิจิเองเจื่อนไปเหมือนกัน “จินจะกลับเมื่อไหร่เหรอคาเมะจัง”
“ไม่รู้มัน!!!” ร่างบางตอบเสียงขุ่นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตน
ยูอิจิมองส่งอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจในพฤติกรรมคนรักของเพื่อนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก หยิบหมอนอิงที่วางเอาไว้มาเอนตัวลงนอนพักผ่อน
**************************
จินก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือโดยไม่ได้สนใจกับทางที่เดินมากนักด้วยความที่คุ้นเคยกับหนทางจึงชะล้าใจจนชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง
“ขอโทษครับ” เขากล่าวพร้อมค้อมศีรษะให้
“เจอกันอีกแล้วนะน้องชาย” คนที่เดินชนเขาเอ่ยทัก
จินเงยหน้าขึ้นไปมองเมื่อรู้ว่าเป็นใครก็ชักสีหน้าทันที “ไม่น่าจะได้เจอกันอีกเลย”
ชายหนุ่มแก่วัยกว่าไม่กี่ปีซึ่งคล้องกล้องไว้ที่คอเหยียดยิ้มให้ “นั่นสิ ไม่จำเป็นต้องเจอกันแล้วก็ได้”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดกาล” จินบอกแล้วเดินต่อไปอย่างไม่ใส่ใจเช่นเดียวกับคนที่สวนทางกับตน
เขาเดินเข้าไปในตัวอาคารซึ่งอยู่ไม่ไกล บนชั้นสามห้องริมสุดยังคงมีคนรอการกลับมาของเขา เขาคงต้องบอกเรื่องนี้ให้ร่างบางรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่มาเยือนเร็วกว่าที่คิดเสียแล้ว
“กลับมาแล้วจ้า~~~~” จินเอ่ยบอกเมื่อเดินเข้าห้องมา เขาก้มลงถอดรองเท้าแต่เมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบลายดวงดาวที่วางไว้อยู่ก็ขุ่นคิ้วขึ้นมาทันที “คาซึยะ~~~~” เอ่ยเรียกคนรักพลางรีบสาวเท้าเข้าไปด้านใน
ยูอิจิกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาเมื่อได้ยินเสียงอึกทึกใกล้เข้ามา กำลังจะเอ่ยทักเพื่อนร่างหนาที่มองตนด้วยสายตาตกตะลึง แต่ร่างบางที่เดินออกมาจากห้องนอนส่วนตัวพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าและลังอีก2-3ใบนั่นเรียกสายตาของเขาและจินได้มากกว่า
จินเหวี่ยงเอกสารในมือลงกับพื้นอย่างไม่ใส่ใจ ร่างบางที่ใบหน้าบึ้งตึงแถมยังไม่ยอมมองหน้าเขาอีกนั่นต่างหากที่ตรึงทุกความรู้สึกของเขาเอาไว้ทั้งหมด
“คาซึยะ~~~” เขาเอ่ยเรียกร่างบางพลางเดินเข้าไปใกล้เพื่อสวมกอด
ร่างบางยกกระเป๋าในมือที่ถือไว้ขึ้นมาป้องปัด “หลีก”
“นายจะขนข้าวของไปไหน” จินเอ่ยถามเสียงสั่น
“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย” ร่างบางบอกอย่างไร้เยื่อใย
“ฉันอธิบายได้นะว่าทำไมถึงไม่บอกเรื่องของยูอิจิ” จินบอกกับร่างบาง
“มันสายไปแล้วจิน มาบอกตอนนี้ฉันก็ไม่อยากฟังแล้ว” ร่างบางบอกแล้วใช้กระเป๋าดันคนร่างหนาให้ออกจากตน
คนร่างหนาไม่ยอมเช่นกันออกแรงยื้อร่างบางเอาไว้ “ไม่ ฉันไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้น” เขาแย่งกระเป๋าจากมือร่างบางได้สำเร็จแล้วเขวี้ยงมันทิ้งลงกับพื้น วาดวงแขนออกไปเพื่อสวมกอดร่างบางแต่คนที่อารมณ์ดุดันไม่รู้เอาแรงมาจากไหนผลักเขาจนเซล้มลงกับพื้น “โอ๊ย!!!”
ร่างบางชะงักไปชั่วครู่ไม่คิดว่าจะทำให้คนร่างหนาเจ็บตัว
“เอ่อ....ใจเย็น ๆ กันก่อนแล้วคุยกันดี ๆ จะดีกว่าไหม” ยูอิจิเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างบางเริ่มสงบลง
ร่างบางหันไปมองต้นเสียงเมื่อเห็นใบหน้านั้นอารมณ์ขุ่นมัวก็ปะทุขึ้นมาอีก เขาเดินผ่านร่างของจินไปโดยไม่ได้มองเลย คนร่างหนารีบลุกขึ้นแต่การล้มเมื่อสักครู่ทำให้ข้อเท้าของเขาพลิก “โอ๊ย!!! โธ่เว๊ย!!!” เขาสบถออกมาอย่างฉุนเฉียวเมื่อร่างกายมันไม่เป็นไปอย่างใจคิดเลย ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วรีบเดินกระเพลกตามหลังคนรักให้ทันเพราะถ้าช้ากว่านี้เขาคงคว้าเอาไว้ไม่ทันแน่ ๆ
“อย่าเพิ่งไปคาซึยะ” จินเอ่ยเรียกยื่นมือไปรั้งแขนร่างบางเอาไว้ก่อนที่ร่างของตนจะทรุดลงกับพื้นเพราะอาการปวดที่ข้อเท้า “จะโกรธฉันก็ได้ฉันยอมรับว่าฉันผิด แต่อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
“ฉันไม่ได้โกรธจินหรอกนะ” ร่างบางตอบ “แต่ฉันเกลียดคนโกหก” เอ่ยบอกพลางแกะมือของจินออกแล้วเปิดประตูห้องเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
จินรีบลุกขึ้นเดินตามด้วยความยากลำบาก ร่างกายที่ไม่อำนวยทำให้ร่างบางห่างออกไปไกลจากเขาทุกที เสียงรถแท็กซี่ที่เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าอาคารทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งจะเดินลงมาถึงชั้นสองดับความหวังอันน้อยนิดที่จะรั้งคนรักเอาไว้จนสนิท เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนขึ้นอีกแล้ว
“เฮ้ย ไอ้จินเป็นยังไงบ้าง” ยูอิจิที่หายจากความมึนงงแล้วรีบวิ่งตามมา เมื่อเห็นเพื่อนรักของตัวเองทรุดนั่งกับพื้นบันไดอย่างหมดสภาพเขาเองถึงกับทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน “นาย~~~ร้องไห้~~~”
“ไม่ไปแล้ว” จินเอ่ยเสียงเครือ “จะอังกฤษหรือฝรั่งเศสอะไรนั่นฉันไม่ไปแล้ว ฉันขาดนายไม่ได้นะคาซึยะ” บอกออกไปคนร่างบางก็ไม่ได้ยิน
ยูอิจิเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เพื่อน “ใจเย็น เขาคงกำลังโมโหอะไรนายสักอย่าง ให้เขาเย็นลงกว่านี้แล้วค่อยคุยกันนะ”
“เขาเกลียดฉันแล้วว่ะ” จินบอกเพื่อนน้ำตานอง
“ไม่หรอก กลับไปห้องก่อนเถอะขานายเจ็บด้วยไม่ใช่เหรอ” ยูอิจิบอกพลางพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น
จินกอดคอยูอิจิแล้วเดินอย่างยากลำบากกลับไปยังห้องพักของตนที่ตอนนี้ไม่มีคนร่างบางอาศัยอยู่ด้วยแล้ว
****************************
!!!!!ปั่ง!!!!! ร่างบางปิดประตูห้องเสียงลั่น โชคดีที่แม่ของเขาไม่อยู่บ้านไม่อย่างนั้นคงโดนต่อว่าอีกเป็นแน่ เขาเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง น้ำตาที่ไหลไม่ยอมเหือดแห้งตั้งแต่หันหลังให้กับบานประตูห้องพักนั้นยังคงมีหยาดน้ำใสชะรอยเดิมไม่ขาด
“ทำไมต้องปิดบังฉันด้วย” ร่างบางเอ่ยถามเสียงพร่าแต่คงไม่ได้คำตอบ “ฉันแสดงออกว่ารักจินขนาดไหนยังไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ~~~ ฉันมันดูเป็นคนใจง่ายนักหรือไง” ร่างบางคิดไปต่าง ๆ นานา “ทั้ง ๆ ที่บอกแล้วว่าจะไม่มีอะไรปิดบังกัน ฉันเชื่อใจจินเสมอแต่จินไม่เคยเชื่อใจฉันเลยหรือไง คนใจร้าย ฮือ~~~~” ร่างบางตัดพ้อก่อนซุกหน้าลงร้องไห้กับผืนเตียงเพียงลำพัง
******************************
“ไอ้....ควาย!!!!” เสียงจากปลายสายที่ส่งมาทำเอายูอิจิหูอื้อไปทันที
“โอ๊ย!!! หูแตกกันพอดี” ยูอิจิตอบกลับปลายสาย
“ก็มันจริงหรือเปล่าล่ะ” ปลายสายตอบกลับ “เท่าที่ฟังนายเล่ามา ยังไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวเขาแตกร้าว”
“ฉันเนี่ยนะทัตซึยะ” ยูอิจิถามกลับเสียงดังก่อนจะเบาเสียงลง เมื่อมองไปยังเพื่อนรักที่หลับลงเพราะฤทธิ์ยาซึ่งเขาแอบบอกให้หมอฉีดให้ตามสมควรเพื่อให้เพื่อนได้พักผ่อน
“ก็ถ้านายไม่จู่ ๆ โผล่พรวดพลาดไป คาเมะจังเขาก็ยังไม่รู้เรื่องของนาย” ทัตซึยะบอก
“ความลับไม่มีในโลก ยังไงสักวันคาเมะจังก็ต้องรู้” ยูอิจิบอกกลับ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คาเมะจังควรจะรู้จากปากของจินเองไม่ใช่ปากพร่อย ๆ ของนาย” ทัตซึยะต่อว่า
ยูอิจิคิดตามที่เพื่อนว่าก็หน้าสลด “จริงด้วยทำไมฉันไม่เอะใจตอนคาเมะจังทำหน้าแปลก ๆ ตั้งแต่ทีแรกว่ะ”
“แล้วนี่จะทำยังไงล่ะ ไอ้จินมันคงอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกอาการแย่ซะขนาดนั้น” ทัตซึยะเอ่ยถาม
“ถึงโทรมาหาไง มาอยู่เป็นเพื่อนมันหน่อยเด่ะ” ยูอิจิบอก
“ไปตอนนี้กว่าจะถึงก็เย็น ๆ ค่ำ ๆ ” ทัตซึยะบอก
“ก็ยังดี ฉันคงอยู่เป็นเพื่อนมันได้แค่วันนี้แหละพรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว” ยูอิจิบอก “บอกตามตรงฉันทำอะไรไม่ถูกว่ะ ไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
“แน่ละสิไอ้คนสมหวังทุกประการดั่งใจนึก” ทัตซึยะว่าเหน็บ “พูดแล้วหวนนึกถึงอดีตมันแค้นยิ่งนัก ฉันเกลียดนาย!!! แค่นี้ล่ะแล้วเจอกัน”
ยูอิจิอึ้งที่ถูกต่อว่าแล้วตัดสายการสนทนาเอาเสียดื้อ ๆ “อะไรของมันว่ะ ตะกี้ยังคุยกันดี ๆ ” เขาเก็บโทรศัพท์แล้วหันไปมองเพื่อนที่ยังคงหลับอยู่ก่อนเดินออกไปจากห้องนอน มองไปยังห้องนั่งเล่นที่ข้าวของระเนระนาด “นี่ฉันทำให้ครอบครัวเพื่อนแตกร้าวจริง ๆ เหรอเนี่ย” เอ่ยถามตนเองก่อนลงมือเก็บกวาดข้าวของที่เกลื่อนห้องไปเงียบ ๆ คนเดียว
*********************************
จบตอนที่6แล้วจ้า เป็นอย่างไรบ้างอย่าลืมเม้นท์บอกกันด้วยนะคะ ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านค่ะ^^
ความคิดเห็น