คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : part 5
paparazzi part 5
“โอเค!!! ขอบคุณมากนากามารุคุงสำหรับวันนี้” ช่างภาพเอ่ยขอบคุณไอดอลอันโด่งดังที่สุดในตอนนี้ซึ่งมาเป็นแบบในการถ่ายภาพลงแมกกาซีนแฟชั่นในวันนี้
นากามารุ ยูอิจิโค้งตัวให้กับช่างภาพและสต๊าฟที่ร่วมงานกับเขามาทั้งวันก่อนจะขอตัวกลับไปยังห้องพักที่ทางสตูดิโอจัดไว้ให้ เขานั่งเงยหน้าหลับตาพักบนเก้าอี้ซึ่งตรงหน้ามีกระจกบานใหญ่ เพียงครู่ความเย็นจากผ้าผืนเล็ก ๆ ที่ถูกนำมาวางบนหน้าผากทำให้เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“อ๊ะ~~ ขอบคุณมากครับ” ยูอิจิกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจจากผู้จัดการส่วนตัวของเขา
“เหนื่อยหน่อยนะ ช่วงโปรโมทซิงเกิ้ลใหม่ก็อย่างนี้แหละ” ผู้จัดการบอกกับเขาก่อนจะเดินไปเก็บข้าวของที่วางไว้บนโต๊ะ
“ชินแล้วล่ะครับทำงานมาตั้งสองปีแล้วนี่” ยูอิจิบอกพลางนำผ้าเช็ดไปตามลำคอของตน “เสร็จจากนี่แล้วไปที่ไหนต่อเหรอครับ”
“วันนี้ไม่มีแล้วหละ แต่ว่าพรุ่งนี้ต้องไปถ่ายแบบนอกสถานที่ตั้งแต่เช้านะอย่าลืม” ผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยเตือน
“โลเกชั่นที่ไหนเหรอครับ ทางหนังสือเขาแจ้งมาหรือยัง” ยูอิจิเอ่ยถาม
“เขาแจ้งมาเมื่อวานว่าจะไปถ่ายที่เซ็นไดบ้านเกิดของนาย ธีมของงานก็สบาย ๆ เหมือนกับนายพากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดอย่างนั้นแหละ” ผู้จัดการส่วนตัวบอก
ยูอิจิยิ้มกว้างออกมา “เหรอครับดีจัง ถ้าได้กลับไปนอนที่บ้านด้วยสักคืนก็คงดี”
“เสียใจด้วยนะที่ต้องฝันสลาย เราต้องรีบกลับมาอัดรายการที่NTVให้ทัน” ผู้จัดการส่วนตัวบอกตารางงานต่อ
“เฮ้อ~~~” ยูอิจิถอนหายใจออกมา “อยากหยุดนาน ๆ สักเดือนจังเลย”
“ไว้ให้ซิงเกิ้ลนี้ขึ้นอันดับหนึ่งอีกครั้งก่อนแล้วจะบอกผู้บริหารให้เผื่อเขาจะพิจารณา” ผู้จัดการส่วนตัวบอกแล้วส่งกระเป๋าของยูอิจิให้ “ไปกลับ”
ยูอิจิรับกระเป๋ามาถือแล้วเดินตามผู้จัดการส่วนตัวของตนออกไปทันที เขาอยากกลับห้องพักไว ๆ เพื่อจะได้พักผ่อนเสียที
*********************************
ร่างบางนั่งพับเสื้อผ้าของตัวเองและของคนรักอย่างบรรจงก่อนจัดใส่กระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเองซึ่งก่อนหน้านี้ได้ใส่เสื้อผ้าที่หอบมาจากบ้านเพื่อมาอยู่ร่วมชายคากับคนร่างหนาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน คนร่างหนาที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและกลับเข้ามาในห้องนอนถึงกับมองร่างบางตาโต ก็เสื้อผ้ามากมายที่ร่างบางรื้อออกมาวางอยู่บนเตียงจนไม่มีที่ให้เขาได้ทิ้งตัวลงนั่งนั่นนะสิ
“ทำอะไรเนี่ยะคาซึยะ” เอ่ยถามแล้วเลื่อนกองผ้าออกไปเพื่อตนเองจะได้นั่งลงบนเตียงข้างร่างบาง
“จัดกระเป๋าไงถามแปลก ๆ ” ร่างบางตอบ
“จะขนไปหมดเลยเหรอ ไปแค่4-5วันเอง” จินเอ่ยถาม
“ของจินน่ะแค่ชุดเดียวเพราะว่าจินกลับบ้านของจินที่เซ็นไดนี่ ส่วนที่เหลือนั่นนะของฉัน” ร่างบางตอบ
“อย่างนั้นก็เถอะทำไมเอาไปเยอะจัง” จินยังไม่คลายสงสัย
“ก็ฉันจะได้ไปบ้านเกิดของจิน ได้ไปรู้ว่าก่อนหน้าที่เราจะได้อยู่ด้วยกันจินใช้ชีวิตยังไง พ่อ-แม่ พี่สาว เพื่อน ๆ แล้วก็สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ฉะนั้นฉันก็ต้องดูดีไว้ก่อน” ร่างบางตอบ
จินได้ฟังก็คลี่ยิ้มยื่นมือไปลูบผมร่างบาง “กดดันหรือไง ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกน่า พ่อ-แม่ฉันใจดี”
“ไม่ได้กดดัน แต่ก็อยากให้ใคร ๆ ได้เห็นว่าฉันนะ....” ร่างบางพูดค้างไว้ก่อนหันหน้ามามองจิน “น่ารักเหมาะสมแล้วที่เป็นคนรักของจิน”
“ขอบคุณนะที่ใส่ใจ” จินกล่าวแล้วจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มร่างบาง
ร่างบางยิ้มหวานให้ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหุบลง “ว่าแต่พ่อ-แม่ของจินจะไม่รังเกียจเหรอ ที่ฉันเป็นผู้ชาย”
“ไม่หรอก” จินบอกแล้วโอบไหล่ร่างบางออกแรงรั้งให้มาซบที่อกของตน “ฉันเล่าให้ท่านฟังแล้ว”
ร่างบางผละออมามองหน้าจินตาโต “จริงอ่ะ....จินนี่เกิดคาด”
“ก็อยากให้สบายใจทุกฝ่ายไง อีกอย่างก็อยู่ด้วยกันแล้วฉันก็ควรจะให้เกียรติ์นายด้วย” จินบอก
ร่างบางมองตาจินก่อนยิ้มกว้างให้ “จิน~~~~ รักจังเลย
.ขอจูบทีสิ”
“ห๋า!!!!” จินร้องเสียงหลง
“จูบไง ขอจูบจินที นะ ๆ” ร่างบางออดอ้อน
“ป่านนี้แล้วยังจะขออีก” จินถามกลับแล้วจุมพิตเบา ๆ ลงบนริมฝีปากร่างบางทันที “คราวหน้าพาฉันไปบ้านนายบ้างนะ อยากรู้เหมือนกันว่านายเติบโตมายังไงถึงได้.....กวนขนาดนี้”
ร่างบางหน้าตูม “โหย~~~~ อะไรเนี่ยกำลังซึ้งได้ที่หมดกัน”
“ล้อเล่นน่า” จินกล่าวแล้วโอบเอวร่างบาง
ร่างบางสะบัดตัวออก “ไม่ งอน!!!” บอกพลางหันหน้าไปทางอื่น
จินคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มร่างบางแล้วเปลี่ยนไปหลายที่ไม่ว่าจะริมฝีปาก จมูก เปลือกตา ใบหูหรือว่าซอกคอ “ดีกันนะ~~~” เอ่ยเบา ๆ ที่ข้างหู
ร่างบางอมยิ้มซ่อนความชอบใจนั้นไว้แทบไม่อยู่ “ก็ได้” ร่างบางตอบ “ถ้าไม่ติดว่าต้องจัดกระเป๋าให้เสร็จแล้วพรุ่งนี้ออกแต่เช้านะ จะงอนให้จินง้อแบบนี้ทั้งคืนเลย”
ร่างหนาฟังคำก็หน้าแดง “บ้า~~~” เอ่ยบอกพลางจับหน้าร่างบางส่ายไป-มา
ร่างบางหัวเราะร่วน “พอแล้วจะจัดกระเป๋า....เกิดมายังไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้เลยนะจะบอกให้ จินนะโชคดีสุด ๆ ”
“ขอบคุณครับ ฉันเองก็เหมือนกันไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้แล้วก็ไม่คิดจะรักใครได้มากอย่างนี้เหมือนกัน”
จินบอกความรู้สึกแก่ร่างบาง
ร่างบางสบสายตาตอบซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดเสียแล้ว เขาคว้าเสื้อยืดที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาปิดหน้าจิน “พอแล้ว เดี๋ยวไม่เสร็จ”
จินจับมือร่างบางแล้วหยิบเสื้อในมือมาวางบนที่นอน “ช่วย”
ร่างบางยิ้มให้ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันพับเสื้อผ้าและจัดกระเป๋าเดินทางกันจนเสร็จ
****************************
รถไฟจอดเทียบชานชาลาของสถานนีในตัวเมืองเซ็นได จินก้าวเดินนำออกมาจากขบวนรถมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเสื้อผ้าส่วนอีกข้างนั้นจับกับมือของร่างบางเอาไว้ ผู้คนที่เดินสวนเพื่อเข้าไปในขบวนรถจนหมดทำให้ชานชาลาดูไม่พลุกพล่านเหมือนอย่างสักครู่ ชายหนุ่มผมดำร่างเล็กจนดูผอมกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากกระโดดตัวลอยเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินตรงมาใกล้
“ไอ้จินโว๊ย~~~~~~”
จินมองไปยังต้นเสียงแล้วส่งยิ้มกว้างให้ก่อนหันหน้าไปมองร่างบางที่ส่งสายตาอย่างมีคำถามให้เขา “เพื่อนแถวบ้าน สงสัยแม่จะบอกว่าฉันกลับมา”
“อ๋อ” ร่างบางรับทราบ
“ว่าไงทัตซึยะ” จินเอ่ยทักเพื่อนตั้งแต่วัยเยาว์ก่อนหันไปมองร่างบาง “นี่อูเอดะ ทัตซึยะเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ”
ร่างบางส่งยิ้มก่อนจะค้อมศีรษะให้ “สวัสดีฮะ คาเมะนาชิ คาซึยะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
ทัตซึยะยิ้มให้ “ไม่ต้องมากพิธีหรอกคาเมะจัง” เขาพูดจาอย่างเป็นกันเองแล้วมองไปที่จิน “เข้าใจเลือกนี่หว่าน่ารักชะมัด ทีแรกแม่นายบอกว่านายจะพาแฟนที่เป็นผู้ชายมา ฉันก็นึกว่าจะเตี้ยล่ำ ปากย้อยมาเสียอีก”
“อ๋อ~~~ นี่ตั้งใจมาดูก่อนใช่ไหม นึกว่ามีน้ำใจมารับเสียอีกจะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถ” จินตอบกลับ
“แหม ๆ มันก็ต้องมีบ้าง ยังไงก็ตั้งใจมารับอยู่แล้วล่ะน่ะ” ทัตซึยะบอก “ไปเถอะ ต้องนั่งรถอีกนานกว่าจะถึงบ้าน” เอ่ยเร่งแล้วก็เดินนำทางไป
จินหันไปยิ้มให้ร่างบางแล้วพาเดินออกจากสถานี ทัตซึยะขับรถกระบะซึ่งมีเพียงสองที่นั่งมารับ เขาทั้งสองคนจึงต้องนั่งเบียดกันบนเบาะตัวเดียวตลอดทาง
“ถึงแล้ว~~~~” จินบอกกับร่างบางเมื่อทัตซึยะมาจอดรถที่หน้าบ้าน
ร่างบางมองแล้วคลี่ยิ้มออกมา “บ้านจินอยู่ติดทะเลเลยเหรอ ดีจัง”
“บ้านฉันก็ติดทะเลเหมือนกันนะคาเมะจัง” ทัตซึยะบอก “อย่าเพิ่งเปิดประตูนะ เดี๋ยวไปเปิดให้”
“ไม่ต้องก็ได้ทัตจัง” ร่างบางเอ่ยปราม
“รถคันนี้ประตูด้านนั้นมันเปิดออกจากด้านในไม่ได้นะ” ทัตซึยะบอกเหตุผล
“ไม่เอาไปซ่อมสักทีว่ะ” จินถามคนที่กำลังเดินลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูให้เขาทั้งสองคน
“ซ่อมแล้วเว้ย แล้วมันก็กลับมาเป็นอีก” ทัตซึยะบอกเมื่อเปิดประตูให้ทั้งสองคนแล้ว
ร่างบางเดินออกมาจากรถแล้วหันกลับไปฉุดแขนร่างหนาให้ลุกออกตามมา
“เข้าบ้านเถอะ ป่านนี้แม่นายคงรอดูหน้าสะใภ้ใจจดใจจ่อแล้ว” ทัตซึยะเร่งเร้าแล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน
จินอย่างคุ้นเคย
ร่างบางมองตามร่างนั้น “เชื่อแล้วว่าเพื่อนจินตั้งแต่เกิด”
“มันก็อย่างนี้แหละ สนิทกับคนอื่นง่าย” จินบอกแล้วหยิบกระเป๋าบนกระบะรถมาถือก่อนจูงมือร่างบางเดินเข้าบ้านเพื่อไปแนะนำให้แม่ของเขาได้รู้จักกับคนรักของตน
********************
“ออกมากับฉันแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ” ทัตซึยะเอ่ยถามเมื่อจินนั่งรถออกมาจากบ้านพร้อมกับเขาแล้วปล่อยให้ร่างบางอยู่ที่บ้านกับแม่ของจิน
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกับคาซึยะไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้น อีกอย่างเขาคงกำลังสนุกอยู่ด้วยที่แม่สอนทำกับข้าวนะ” จินตอบ
“ดีจริงเว้ย แม่ผัวลูกสะใภ้เข้ากันได้ดี” ทัตซึยะเอ่ยชม
“โชคดีที่พ่อกับแม่ฉันใจกว้างด้วยแหละ” จินตอบตามความรู้สึก
“แต่ฉันว่าตัวคาเมะจังเองก็มีส่วน เขาหน้าตาดีแล้วทำตัวน่ารักด้วยแม่นายไม่รักก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว” ทัตซึยะบอก
จินยิ้มบาง ๆ “อย่างนั้นเหรอ”
ทัตซึยะละสายตาจากการมองถนนมามอง “ฉันชมคาเมะจังไม่ได้ชมนายนะเว้ยแต่ก็ช่างเถอะยังไงก็คนคนเดียวกัน”
“อีกหน่อยนายมีแฟนก็จะเข้าใจเองแหละ ว่าถ้าเขาเข้ากับครอบครัวเราได้มันดีขนาดไหน” จินบอก
“อย่าพูดแบบนี้นะเว้ย ช้ำใจ” ทัตซึยะบอก
“ขอโทษลืมไป” จินกล่าวเมื่อรู้ว่าคำพูดทำให้เพื่อนเสียใจ
“นายจะไปเยี่ยมมิซูรุวันไหน” ทัตซึยะเอ่ยถาม
“คิดว่าพรุ่งนี้ แม่กับคาซึยะก็ไปด้วยนายจะไปด้วยหรือเปล่า” จินถามกลับ
“ไป ๆ งั้นดีเลยไปเอาของเสร็จแล้วไปตลาดกันจะทำของไปเยี่ยมมิซูรุ” ทัตซึยะเอ่ยชวน “แล้วไอ้บ้านั่นมันมาเยี่ยมมิซูรุบ้างเปล่า”
จินหันหน้ามามองยิ้ม ๆ “มาบ้างแหละ ยูอิจิมันทำงานในวงการไม่ค่อยมีเวลาหรอก”
“ชิ หลงแสงสีแล้วก็สาวสวย ๆ ในวงการล่ะสิ ” ทัตซึยะคาดเดา “มิซูรุไม่น่าไปรักมันเลย”
“แหะ ๆ ” จินหัวเราะแห้ง ๆ ขืนเขาพูดอะไรออกไปตอนนี้คงไม่เข้าหูเพื่อนแน่ ๆ หันหน้าไปมองทิวทัศน์ข้างทางที่ไม่ได้เห็นเสียนาน
“มีคนมาถ่ายหนังที่นี้ด้วยเหรอ” จินเปรยขึ้นเมื่อเห็นกองถ่ายอยู่บนริมหาดไกล ๆ
ทัตซึยะหันไปมอง “เรียนถ่ายภาพมาได้ไงว่ะ นั่นเขาถ่ายแบบต่างหาก ว่าแต่ทำไมมาถ่ายแถวนี้ว่ะที่อื่นสวย ๆ นักท่องเที่ยวไปกันเยอะ ๆ ไม่ไปถ่าย”
จินไม่แสดงความคิดเห็นมองวิวไปเรื่อย ๆ ตลอดทางที่ทัตซึยะขับรถออกจากบ้านเขาเพื่อไปเอาของอีกหมู่บ้านหนึ่งก่อนจะมาจอดรถไม่ไกลจากตลาดสด
“นั่นพวกตะกี้ที่เราเห็นที่หาดเปล่าเนี่ย” ทัตซึยะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นกองถ่ายกำลังถ่ายภาพอยู่โดยที่มีชาวบ้านและวัยรุ่นแถวนั้นล้อมวงกันยืนดูอย่างสนอกสนใจส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปทั่ว
“สงสัยมีดารามามั๊ง” จินคาดเดา
“ดาราบ้าอะไรมาถ่ายรูปแถวนี้ว่ะ” ทัตซึยะเอ่ยถามก่อนจะเดินนำไปซื้อของที่ร้านข้าง ๆ กับที่คนมุ่งดูอยู่
“โอเค!!!! ขอบคุณมากนากามารุคุง” ช่างถ่ายภาพเอ่ยขอบคุณนายแบบ
ยูอิจิยิ้มให้แล้วโค้งตัวก่อนจะเดินออกจากหน้าร้านมา เขามีเวลาอิสระอีกเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนจะต้องกลับไปโตเกียวขอทำอะไรตามใจที่บ้านเกิดสักหน่อยก็แล้วกัน
“แค่ครึ่งชั่วโมงนะ” ผู้จัดการส่วนตัวเดินมาบอกย้ำแล้วส่งกระเป๋าเป้ให้ก่อนจะหันไปบอกกับคนที่มายืนมุง “ครับขอเวลาไพรเวทให้นากามารุคุงด้วยนะครับ”
ชาวบ้านที่ยืนมุงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีต่างแยกกันไปทำกิจวัตรของตนเหมือนเดิม ยูอิจิยิ้มให้กับแฟนคลับของตนเองที่เรียกชื่อเขาอย่างเขินอายก่อนเขาจะเดินออกไปทางร้านข้าง ๆ ที่มีคนคุ้นตายืนเลือกของแห้งอยู่
“เฮ้ย!!! ไอ้จิน ทัตซึยะ” ยูอิจิเอ่ยทักอย่างดีใจไม่คิดว่ามาทำงานที่บ้านเกิดคราวนี้จะได้เจอเพื่อนเก่า
จินยิ้มตอบ “นึกว่าดาราดังที่ไหนเสียอีก”
ทัตซึยะไม่ได้สนใจเขายื่นของให้กับแม่ค้าที่ร้าน จินมองเพื่อนตัวเล็กก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ ให้ยูอิจิ
“ไงทัตซึยะ” ยูอิจิเอ่ยทักแล้วฟาดมือลงบนไหล่ของเพื่อนที่บึ้งตึงใส่ตน
ทัตซึยะปลายตามามอง “รู้จักกันเหรอ จำได้ว่าไม่ได้มีคนรู้จักเป็นดารา”
“ทัตซึยะ!!!” จินเอ่ยปราม
“ช่างเถอะ ฉันรู้ว่าทัตซึยะยังโกรธอยู่” ยูอิจิบอกอย่างปลง ๆ
ทัตซึยะหันหน้ากลับมามองทันที “ไม่ได้โกรธเว้ย....แต่ฉันเกลียดนาย!!!!”
“เรื่องตั้งสองสามปีมาแล้วยังไม่ลืมอีกเหรอไง” ยูอิจิถาม
“ฆ่าได้หยามไม่ได้ถ้านายไม่มาตีท้ายครัวป่านนี้ฉันคงแต่งงานกับมิซูรุไปแล้ว” ทัตซึยะตอบพลางส่งสายตาแค้นเคือง
ยูอิจิกลืนน้ำลายลงคอเขาคงทำให้เพื่อนโกรธมากจริง ๆ กับการที่พี่สาวของจินเลือกที่จะคบเขามากกว่าทัตซึยะที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กและยังเรียนห้องเดียวกันมาตลอดแถมความสนิทสนมที่มีให้กันมากจนใคร ๆ ต่างคิดว่ามิซูรุและทัตซึยะคบหากัน จนเมื่อเกือบสามปีก่อนนั่นแหละที่ทัตซึยะเพิ่งจะรู้สถานะตนเองในใจมิซูรุว่าเป็นเพียงเพื่อนสนิทเท่านั้นแต่เขาก็ยังทำใจรับกับมันไม่ค่อยได้อยู่ดี
“พอเถอะ ๆ ” จินเอ่ยห้ามทัตซึยะ “อยู่ค้างที่บ้านหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามยูอิจิ
“ไม่ว่ะเดี๋ยวก็กลับแล้วมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ไปหาอะไรกินแล้วคุยกันเหอะว่ะเวลามีค่า” ยูอิจิเอ่ยชวน “ไปนะทัตซึยะ”
ทัตซึยะปลายตามามองแล้วเดินนำไปร้านขายขนมใกล้ๆ จินยิ้มให้ยูอิจิเขารู้ดีว่าทัตซึยะไม่ได้เกลียดยูอิจิจริง ๆ อย่างที่ปากพูดหรอก ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิมองดูคนทั้งสามห่าง ๆ ก่อนที่เขาจะหยุดให้ความสนใจแล้วเดินซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับโตเกียว
****************************************
ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิยืนรอยู่ที่รถส่วนตัว เขาส่งสายตามายังยูอิจิให้รู้ตัวว่าควรจะรีบร่ำลาเพื่อนทั้งสองคนเสียทีซึ่งยูอิจิก็เข้าใจดี
“ต้องไปแล้วว่ะ” ยูอิจิบอกเพื่อนทั้งสอง
“ก็น่าจะไปตั้งนานแล้ว” ทัตซึยะกอดอกตอบ
“เอาน่าทัตซึยะ นาน ๆ เจอมันทีนะเว้ยพูดกันดี ๆ หน่อยสิ” จินเอ่ยขอร้อง
“ช่างเถอะจิน” ยูอิจิปราม “ไปก่อนนะถ้าว่างแล้วฉันจะกลับมานอนที่บ้านแล้วเราค่อยนัดเจอกันนะเว้ย”
“เออ ตั้งใจทำงานเถอะ” จินบอก
ยูอิจิยิ้มให้ก่อนจะเดินจากไปแต่เสียงหนึ่งก็รั้งให้เขาหันหน้ากลับมา
“ไม่ต้องห่วงมิซูรุนะ” ทัตซึยะบอก “ฉันจะดูแลให้เอง หึหึหึ”
ยูอิจิยิ้มให้ “ขอบใจว่ะ ฉันเชื่อใจนาย”
“ยูอิจิรักษาเวลาด้วย” ผู้จัดการส่วนตัวตะโกนเร่ง
ยูอิจิถอนหายใจบาง ๆ แล้ววิ่งกลับไปยังรถส่วนตัวที่จอดรอ ผู้จัดการส่วนตัวปิดประตูรถให้ยูอิจิก่อนจะเดินมาด้านคนขับเขามองกลับมายังจินและทัตซึยะชั่วครู่แล้วเลิกให้ความสนใจ
“ดูมันมอง” ทัตซึยะบอกกับจิน “เหม็นหน้าว่ะไม่ถูกชะตาด้วยเลย”
“คิดมากน่า กลับบ้านเถอะ” จินเอ่ยชวนแล้วลากคอทัตซึยะกลับไปยังรถกระบะเพื่อเดินทางกลับบ้าน
ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิขับรถเลี้ยวไปอีกทางซึ่งไม่ใช่ทางที่จะมุ่งหน้าสู่โตเกียว ยูอิจิหันหน้ามามองด้วยความฉงน
“ไม่ต้องแปลกใจ เห็นว่ามาเซ็นไดทั้งทีนายควรจะแวะตรวจสุขภาพเสียหน่อย” ผู้จัดการบอกเหตุผล
ยูอิจิเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจก็เขาจะได้แว่บไปเจอมิซูรุได้นะสิถึงแม้จะแค่หนึ่งนาทีก็ตาม
“ยิ้มอะไร ดีใจหรือไงที่จะได้หาหมอ” ผู้จัดการเอ่ยถาม
“เปล่าครับ” ยูอิจิตอบ “แล้วจะเข้าไปด้วยกันหรือเปล่าครับ”
“ไม่ล่ะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาล ฉันจะไปรอที่คอฟฟี่ชอปเหมือนเดิมแล้วกัน” ผู้จัดการบอก
“แล้ว....ไม่เสียเวลาเหรอครับ” ยูอิจิถามอย่างกังวลวันนี้ยังมีงานอีกหนึ่งชิ้นที่เขาต้องรีบกลับไปทำให้ทันที่โตเกียว
“ฉันโทรไปที่โรงพยาบาลแล้วก็ใช้อภิสิทธิ์ชื่อของนายลัดคิวให้เรียบร้อยแล้ว” ผู้จัดการบอกหน้าตาเรียบเฉย
ยูอิจิมองผู้จัดการของตนตาค้าง “อย่างนี้ผมไม่โดนคนไข้คนอื่นที่เขาป่วยจริง ๆ สาปแช่งเอาเหรอครับเนี่ย”
“ช่างปะไร อันนั้นมันก็ช่วยไม่ได้คนธรรมดากับคนชนชั้นอภิสิทธิ์แบบนายมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว” ผู้จัดการบอก
ยูอิจิชักสีหน้าเขาไม่ค่อยชอบเวลาที่ผู้จัดการส่วนตัวพูดจาแบบนี้เลย ทำงานมาด้วยกันสองปีแล้วอย่างอื่นก็ดีหมดติดแต่ตรงนี้ที่ไม่รู้จักเปลี่ยนเสียที
“ฉันรู้นะว่านายไม่พอใจแต่มันก็คือเรื่องจริง อย่าลืมว่าตอนนี้นายคือนากามารุ ยูอิจิ ไอดอลชื่อดัง เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ต้องรักษาภาพพจน์หน่อย” ผู้จัดการกล่าวย้ำสถานะ
“ทราบแล้วคร้าบ~~~~” ยูอิจิรับคำ
“พูดถึงตั้งแต่ฉันทำงานเป็นผู้จัดการศิลปินมาก็มีนายนี่แหละที่ว่านอนสอนง่ายที่สุดแล้วก็ไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาด้วย นอกนั้นพอดังสักพักก็มั่วทั้งหญิงทั้งยาสุดท้ายก็อนาคตดับวูบ อย่าเป็นแบบพวกนั้นล่ะยูอิจิ อย่าทำให้ความหวังที่ฉันทุ่มเทไว้กับเธอมันหมดไป” ผู้จัดการส่วนตัวกล่าวน้ำเสียงจริงจัง
“ครับ” ยูอิจิรับคำเสียงหนักแน่นอีกครั้งเพื่อให้ผู้จัดการสบายใจแต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจแทน
**********************************
!!!!!ปั่ง ปั่ง ปั่ง!!!!! เสียงเคาะประตูห้องรัวขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ คนสองคนที่นอนหลับใหลบนฟูกผืนเดียวกันงัวเงียตื่นขึ้นด้วยความจำใจ คนร่างหนาหาวปากกว้างก่อนจะเดินเอามือขยี้ผมของตัวเองจนฟูกว่าเดิมแล้วลุกไปเปิดประตูห้องนอนออก
“Good morring~~~~” อูเอดะ ทัตซึยะเอ่ยทักเพื่อนของตนก่อนมองลอดพื้นที่ว่างเข้าไปด้านใน “morring คาเมะจังตื่นได้แล้ว”
ร่างบางที่นั่งหลับคอพับคออ่อนสะดุ้งตัวแล้วคลี่ยิ้มให้ก่อนจะล้มตัวลงนอนแผ่หลาเช่นเดิม
“ทำไมนอนขี้เซากันจังทั้งคู่เลย” ทัตซึยะเอ่ยถาม
“นายนั่นแหละมีอะไรว่ะมาแต่เช้า” จินถามแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง
ทัตซึยะเดินตามเข้ามาโดยที่ไม่ลืมปิดประตู เขามาทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ คนทั้งสองก่อนวางถุงใบใหญ่ลงกับพื้น
“อะไรนะ” จินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“รองเท้าที่เมื่อวันก่อนไปเอามาด้วยกันไง” ทัตซึยะตอบแล้วเปิดถุงเทออกมา “เหลืออีก10คู่ยังลงสีไม่เสร็จเลยช่วยหน่อยเด่ะ เดี๋ยวไม่ทันขายตลาดนัดตอนบ่าย”
ร่างบางสนใจกับสิ่งที่ทัตซึยะนำมาจึงชันตัวขึ้นมามอง “จะทำอะไรกันเหรอ”
“เพ้นท์รองเท้า รายได้พิเศษของทัตซึยะมัน” จินบอก
ร่างบางคลี่ยิ้ม “เหรอ~~~ น่าสนุกจังฉันช่วยนะ”
“นั่นแหละคือคำตอบที่ฉันอยากได้ยินที่สุด“ ทัตซึยะกล่าวแล้วหยิบสีน้ำออกมาจากกระเป๋าที่สะพายพาดบ่ามา
“หางานให้ทำก่อนกลับแต่เช้าเชียวนะ” จินพูดประชดไปอย่างนั้นยังไงเขาก็ช่วยเพื่อนทำอยู่ดี
ทัตซึยะจัดแจงเขียนลายลงบนรองเท้าอย่างชำนาญแล้วส่งให้เพื่อนทั้งสองช่วยกันลงสีจนเสร็จด้วยเวลาไม่กี่ชั่วโมง
“เหลืออีกห้าคู่ไม่ลงลายล่ะ” ร่างบางเอ่ยถามเมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบเปล่า ๆ ยังเหลืออยู่
ทัตซึยะยิ้มให้แล้วหยิบรองเท้ามาสองคู่ยื่นให้เพื่อน “อ่ะให้ เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยฉันลงสีรองเท้าที่เหลือจนเสร็จ”
“เฮ้ย!!! ได้ยังไงของซื้อของขาย” จินปฏิเสธในความมีน้ำใจ
“เอาไปเถอะฉันให้ คิดเสียว่าเป็นของขวัญแต่งงานจากเพื่อนแล้วกัน” ทัตซึยะเอ่ยยิ้ม ๆ
จินยื่นมือไปรับมาถือไว้ทั้งสองคู่ “ฉันไปช่วยขาย”
“ไม่ต้อง ๆ ที่มันแคบ พวกนายอยู่นี่แหละ” ทัตซึยะบอกแล้วลุกขึ้นไปหยิบรองเท้าที่เพ้นท์เสร็จใส่ถุงดังเดิม “ใช้สีเสร็จแล้วเก็บให้เรียบร้อยด้วยล่ะ ตอนเย็นฉันจะแวะมาเอาแล้วก็จะไปส่งพวกนายที่สถานีด้วย” เขาเอ่ยบอกแล้วยกถุงขึ้นมาถือ “ไปล่ะ”
จินและร่างบางมองส่งทัตซึยะที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยและก็แว่บหายไปอย่างรวดเร็ว
“เพื่อนจินคนนี้นี่ทำอะไรรวดเร็วดีจัง” ร่างบางกล่าว
“อย่างนี้แหละอีกคนก็เร็ว อีกคนก็อืด” จินบอกแล้วให้ความสนใจกับรองเท้าที่ได้มา
“อีกคนที่อืดหมายถึงจินนะสิ ฉันก็ว่าจริงแหละ” ร่างบางเห็นด้วย
จินนิ่งไปชั่วครู่เขาไม่ได้หมายความถึงตัวเองสักหน่อยแต่ร่างบางจะเข้าใจไปอย่างนั้นก็ช่างเถอะ เขาหยิบพู่กันเบอร์ศูนย์ขึ้นมาจุ่มสีดำแล้ววาดภาพลงบนรองเท้าผ้าใบอย่างตั้งอกตั้งใจ ร่างบางเอนตัวลงนอนคว่ำกับพื้นท้าวคางมองจิน
“วาดรูปอะไรนะ” ร่างบางเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ลูกเบสบอล” จินตอบ
ร่างบางคลี่ยิ้มก่อนลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบรองเท้าอีกคู่ที่ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกันมาไว้ตรงหน้า หยิบพู่กันจุ่มหมึกสีดำแล้ววาดลงบนรองเท้าเช่นกัน คนร่างหนาหันหน้ากลับมามองยิ้มให้กับคนร่างบางที่วาดรูปลูกฟุตบอลอย่างตั้งอกตั้งใจ
“อ่ะให้” คนทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแล้วยื่นรองเท้าผ้าใบในมือให้กัน
“ขอบคุณนะ” ร่างหนาเอ่ยจากใจแล้วยื่นมือไปรับไม่ต่างจากร่างบาง
“ใส่กลับโตเกียวกันนะจิน” ร่างบางเอ่ยชวน
“ตามใจ แต่ว่าตอนนี้ไปอาบน้ำเตรียมเก็บข้าวของกันดีกว่า” จินบอก
ร่างบางพยักหน้ารับก่อนจะหยุดให้ความสนใจกับรองเท้าคู่ใหม่แล้วจัดการเรื่องของตนเองให้เรียบร้อย อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาจะเดินทางกลับโตเกียวกันแล้ว
*******************************
ทัตซึยะมองคนทั้งสองหลังจากก้มดูรองเท้าของทั้งคู่อีกครั้งซึ่งสลับข้างกันใส่ เมื่อเขามายืนส่งเพื่อนกลับโตเกียวที่หน้าสถานีรถไฟในตัวเมืองเซ็นได “ดีนะที่พวกนายจะกลับโตเกียว ถ้าใส่รองเท้าแบบนี้ที่นี่คนคงหาว่าบ้าแน่”
“อินเทรนจะตาย~~~ฉันคิดเอง” ร่างบางบอกแล้วก้มลงมองรองเท้าของตนซึ่งข้างหนึ่งเป็นลายลูกเบสบอลส่วนอีกข้างเป็นรูปลูกฟุตบอลไม่ต่างกับจิน
ทัตซึยะยกมือทั้งสองข้างขึ้นประนม “โอม~~~ขอให้มันฮิต ฉันจะได้ทำขายอีกตอนตลาดนัดคราวหน้า”
ร่างบางหัวเราะร่วนกับท่าทางของเพื่อนใหม่ ทัตซึยะวางมือลงแล้วล้วงเข้าไปในถุงใบย่อมที่ตนเองถือติดมือมาด้วย
“อ่ะไอ้จิน ฝากให้มันด้วย” เขายื่นรองเท้าอีกคู่ซึ่งมีลวดลายของดวงดาวอยู่บนนั้นให้กับจิน
“ไม่รับฝากเว้ยเอาไปให้มันเองเด่ะ” จินแกล้งตอบ
ทัตซึยะชักมือกลับแล้วเดินไปที่ถังขยะใกล้ ๆ ทำทีจะเขวี้ยงของในมือลงไปในนั้นแต่ก็ยั้งมือไว้ “ถ้าอย่างนั้นก็จะทิ้งมันไว้ที่นี่แหละ”
จินรีบเดินตามมาแล้วยื่นมือไปรับไว้ “ล้อเล่นน่า มันคงดีใจที่นายยังนึกถึง”
ทัตซึยะนำรองเท้าใส่ถุงเช่นเดิมแล้วยื่นให้ “กลับ ๆ กันไปได้แล้ว ฉันจะได้กลับบ้านนอน”
“ขอบใจนะที่มาส่ง” จินเอ่ยขอบคุณแล้วหันกลับไปเรียกร่างบาง
ร่างบางเดินมาหาแล้วเอ่ยลาทัตซึยะก่อนจะเดินเข้าไปในสถานีพร้อมกับจิน ทัตซึยะมองส่งจนลับตาจากนั้นจึงหันหลังให้ก้มมองรองเท้าตนเองที่เพนท์เป็นรูปตัวการ์ตูนที่ชื่อด็องกี้ซึ่งเขาว่ามันเหมาะกับบุคคลิกเขาที่สุดแล้วเดินไปยังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกล
“จินมีเพื่อนเป็นคนบ้านเดียวกันที่โตเกียวอีกเหรอ” ร่างบางเอ่ยถามเมื่อรถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีพักใหญ่
“อืม...” จินตอบ
“เหรอ...อย่าลืมแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างนะ” ร่างบางเอ่ยขอ
จินยิ้มบาง ๆ ให้ “ไว้สักพักแล้วกัน เพื่อนคนนี้เจอตัวยากนะ”
ร่างบางพยักหน้าพลางยื่นมือไปคล้องแขนจินแล้วซบหน้าลงบนอกอุ่นก่อนหลับตาพริ้มลง
**********************************
!!!!!ตื๊ด ตื๊ด!!!!! เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ร่างบางที่กำลังถูพื้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนทิ้งไม้ม๊อบในมือแล้วรีบวิ่งไปหยิบเครื่องสื่อสารโดยด่วน
“เบอร์ที่บ้านนี่หว่า” เขาเปรยกับตนเองก่อนกดรับสาย
“คุณหนูคะ” ปลายสายกรอกเสียงทันที
ร่างบางถอนหายใจบาง ๆ เขาจำได้ดีว่านี่คือเสียงคนรับใช้ในบ้าน “มีอะไร บอกแล้วไงว่ายังไม่กลับ”
“คุณผู้หญิงโทรกลับมาอีกแล้วคะ ดิฉันโกหกต่อไปไม่ได้แล้วนะคะท่านสงสัย” สาวใช้รายงาน
“โหย~~~~ ก็บอกแม่ไปสิว่าฉันออกไปไหนก็ได้อยู่บ้านคนเดียวมันเหงา” ร่างบางแนะ
“บอกจนไม่รู้จะบอกว่าให้ไปไหนอีกดีแล้วคะ” สาวใช้ตอบกลับ “คุณหนูกลับมานอนค้างบ้านสักคืนไม่ได้เหรอคะ คุณผู้หญิงโทรมาจะได้ไม่เป็นห่วงว่าหายไปไหนอีก”
“ถ้ามันกลับง่าย ๆ ก็กลับไปนานแล้ว” ร่างบางตอบ
“ทำไมละคะ คุณหนูอยู่ที่ไหนคะเนี่ย” สาวใช้เอ่ยถาม
“ยุ่งน่ะ” ร่างบางเอ่ยว่าแล้วตัดสายลงทันทีก่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นยกมือขึ้นท้าวคาง “จะครบเดือนแล้ว
เหรอเนี่ย ถ้าแม่กลับมาจะทำยังไงดีว่ะ” ร่างบางเอ่ยถามตนเอง “กลับไปอยู่บ้าน???? โหย~~~ไม่เอา อยากอยู่กับจิน” ร่างบางเริ่มคิดไปเรื่อย “หรือว่าจะพาจินเข้าบ้านดี????” เอ่ยถามตนเองอีกครั้งแล้วลุกพรวดพราดขึ้น “แม่ฮะ นี่จินลูกเขยแม่ฮะ” ร่างบางทำท่าแนะนำคนรักกับแม่อย่างยิ้มแย้มแจ่มใสก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหุบลงเมื่อจินเปิดประตูห้องเข้ามา
“ทำอะไรของนายคาซึยะ” จินเอ่ยถามใบหน้างุนงง
ร่างบางยิ้มแห้ง ๆ “ถูห้องไง” บอกแล้วเดินไปหยิบไม้ม๊อบที่วางอยู่กับพื้นขึ้นมา
จินไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเขาเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ร่างบางมองตามคนที่หาอะไรอยู่ในนั้น “ถุงของเพื่อนจินฉันวางไว้ใต้โต๊ะหนังสือ” ร่างบางบอก
จินได้ฟังก็เดินกลับไปยังโต๊ะแล้วก้มลงหยิบถุงซึ่งข้างในมีรองเท้าผ้าใบคู่ที่ทัตซึยะฝากมาให้ยูอิจิ เขาถือมันไว้ในมือแล้วเดินมาหาร่างบาง “อยู่ได้นะ”
ร่างบางยิ้มให้ “สบายมาก....แต่รีบกลับมานะ~~~~” เอ่ยเสียงอ้อนในตอนท้าย
จินหอมลงบนแก้มใสนั่นก่อนจะเดินออกจากห้องไป เสียงประตูหน้าห้องปิดลงร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอีกครั้ง “นี่ฉันมีความลับกับจินแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ~~~~”
************************
นากามารุ ยูอิจิ เดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ อย่างระแวดระวัง ถึงเขาจะใส่แว่นดำและหมวกเพื่อบังหน้าตาที่แท้จริงไว้แล้วแต่ก็อย่าประมาทจะเป็นดีที่สุด ร้านคอฟฟี่ชอปเล็ก ๆ ไม่ไกลจากบ้านพักของเขามากนักคือที่หมายของเขา เปิดประตูร้านเข้าไปแล้วกวาดสายตามองหา คนร่างหนาคุ้นตาคลี่ยิ้มทักทายให้เขาจึงตรงดิ่งไปหาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที
“เฮ้อ~~~~” ยูอิจิถอนหายใจเสียยาว “กว่าจะได้หายใจทั่วท้อง”
“ดาราใหญ่ก็อย่างนี้แหละ” จินเอ่ยแล้วเลื่อนถุงบนโต๊ะให้กับยูอิจิ
ยูอิจิถอดหมวกออกวางรวมทั้งแว่นกันแดดด้วยก่อนจะหยิบถุงมาแล้วล้วงมือเข้าไป “โห!!!! ทัตซึยะวาดให้เองเลยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่วาด ลงสีให้ด้วย” จินบอก “ฉันบอกแล้วว่ามันไม่ได้โกรธนายจริง ๆ หรอก แค่ไม่อยากแพ้นายก็เท่านั้นเลยวางฟอร์มมาจนถึงป่านนี้”
ยูอิจิมองรองเท้าในมืออย่างชื่นชอบแล้วสวมใส่มันทันทีโดยไม่ได้เหลือเยื่อใยให้กับรองเท้ามียี่ห้อราคาแพงที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้านั้นเลย “ของนายก็มีนี่หว่ามากันเป็นแก๊งค์เลยหรือไง” เขาเอ่ยถามเมื่อตอนสวมรองเท้าเสร็จสายตาก็เลยไปเห็นรองเท้าของจิน “ว่าแต่ทำไมมันสลับลายกันแบบนั้นละ”
“อ่อ ~~~ ตั้งใจนะ ไอเดียของคาซึยะเขา” จินตอบ
ยูอิจิเงยหน้าขึ้นมามอง “แหม ๆ อิจฉาเว้ย” เขาเอ่ยแซว
จินหน้าแดงขึ้นมาเฉย ๆ “บ้าน่ามาแซวกันเอง อีกหน่อยนายก็ได้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้แล้วหละ อดทนหน่อยแล้วกัน”
“อีกตั้งสามปี” ยูอิจิบอก “ถ้าหมดสัญญาแล้วคงมีเงินมากพอที่จะทำอะไรได้ดั่งใจสักทีนะ”
“ถามจริง ไม่เสียดายเหรอชื่อเสียงนะ” จินถาม
“ชื่อเสียงอะไรนั่นฉันไม่เสียดายหรอก ถ้าเสียดายก็คงเป็นความรู้สึกของแฟน ๆ ที่มีให้ฉันต่างหาก” ยูอิจิตอบตามความรู้สึก “แต่ว่าฉันก็เอาเปรียบความรู้สึกของมิซูรุไว้มากเหมือนกัน”
“พี่สาวฉันไม่คิดมากแบบนั้นหรอกน่า” จินบอก “เอ่อ!!! นี่ที่อยู่ใหม่ฉัน” จินยื่นนามบัตรที่เพิ่งทำมาใหม่ให้
ยูอิจิรับมามอง “อะไรว่ะ ไม่มีแฟ็กซ์”
“มันไม่จำเป็นนี่หว่า” จินตอบ
“อะไร พูดอย่างนี้ทำอย่างกับจะไม่ถ่ายรูปฉันแล้วอย่างนั้นแหละ” ยูอิจิเอ่ยถาม
“ฉันก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว” จินบอก “ไม่อยากหากินกับเพื่อนอีกแล้วว่ะ”
“นายไม่ได้หากินกับฉันสักหน่อย จะว่าไปฉันบังคับให้นายทำเองมากกว่า” ยูอิจิบอก “หาเงินได้มากพอแล้วเหรอถึงจะเลิก”
“ยังหรอก แต่ฉันจะสอบทุนให้ได้มันจะได้ทุ่นค่าใช้จ่ายแล้วก็หางานพิเศษทำที่มันเป็นกิจจะลักษณะมากกว่านี้” จินบอก “ตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วเลยต้องทำอะไรที่มันเป็นหลักเป็นแหล่งหน่อยล่ะ”
ยูอิจิคลี่ยิ้มให้ “เท่ว่ะ”
“อะไรวะ” จินถามกลับอย่างงง ๆ
“ก็ดูนายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเพราะคาเมะจังนั่นใช่ไหม....รักมากเลยล่ะสิ” ยูอิจิถาม
“คงเหมือนนายกับพี่นั่นแหละ” จินตอบ “เฮ้ย!!!!” เขาร้องขึ้นมาเมื่อมีแสงแฟลชสะท้อนกับกระจกของร้านตรงโต๊ะที่พวกเขานั่งกันอยู่
ยูอิจิถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อย ๆ “นึกว่าจะรอดแล้วเชียว”
“โทษทีว่ะ ไม่น่านัดนายออกมาเลย” จินสำนึก
“ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ปล่อยเขาถ่ายไปเถอะ” ยูอิจิไม่ได้ใส่ใจเขายังคงนั่งคุยกับจินอย่างปกติ ปล่อยให้ปาปารัซซี่ถ่ายรูปของเขาจนพอใจแล้วก็จากไปเอง
“ขอบใจมากนะไอ้จิน ไว้ว่าง ๆ เจอกันใหม่” ยูอิจิบอกเมื่อเดินออกมานอกร้านคอฟฟี่ชอปแล้ว
“ไม่เป็นไรเพื่อนกัน อีกอย่างคนที่นายน่าจะขอบใจมากกว่าฉันคือไอ้ทัตซึยะมันนะ” จินบอก
“อันนั้นฉันไม่ลืมอยู่แล้ว ไปละกลับบ้านดี ๆ ล่ะ” ยูอิจิขอตัวแล้วเดินแยกไปอีกทาง
จินมองส่งเพื่อนสักครู่แล้วเดินแยกไปอีกทาง เขาถือกล่องขนมซึ่งข้างในมีเค้กติดมือกลับไปฝากร่างบางที่บ้านด้วย เดินไปเรื่อย ๆ อย่างอารมณ์ดีแต่เสียงฝีเท้าที่ดังตามขึ้นมาทำให้เขารู้สึกเอะใจ รีบเดินเร็ว ๆ เมื่อรู้สึกว่าตนเองไม่ปลอดภัยกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาจนกระทั่งประชิดด้านหลัง
“เฮ้ย!!!! ตามมาทำไมวะ” จินร้องถามเสียงลั่น กำหมัดแน่นหันกลับมาหวดใส่ใครก็ไม่รู้
บุคคลลึกลับยื่นมือไปกำหมัดของจินไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้หน้าหงายไปแล้วแน่ ๆ “ใจเย็นสิน้องชาย”
จินดึงมือของตนเองกลับมองผู้ชายแก่วัยกว่าตนไม่มากนักที่มีกล้องคล้องคออย่างไม่ค่อยพอใจ “มีอะไร”
ชายแก่วัยกว่าเหยียดยิ้มให้ “รบกวนหน่อยนะ มีเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจจะคุยด้วย”
“ธุรกิจอะไรกัน ผมเป็นแค่นักศึกษาธรรมดา ๆ ไม่ได้เป็นนักธุรกิจสักหน่อย พี่ชายคงทักคนผิดแล้ว” จิน
บอกปัดการสนทนา
“แต่ก็เป็นคนรู้จักของนากามารุ ยูอิจิ ไอดอลชื่อดังไม่ใช่เหรอ” ชายแก่วัยเอ่ยถาม
จินหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยพอใจ “นายคือคนที่ถ่ายรูปเมื่อกี้ล่ะสิ”
“สมแล้ว....ที่ทำอาชีพเดียวกัน” ชายแก่วัยตอบ
“นาย!!!!” จินตะเบ็งเสียง
“ฉันจำนายได้ ทีนี้สนใจจะคุยธุรกิจด้วยกันหรือยังล่ะ” ชายแก่วัยกว่าเอ่ยถามย้ำแล้วเหยียดยิ้มให้ จินมองตอบอย่างไม่สบอารมณ์ คนตรงหน้านี้ไว้ใจไม่ได้จริง ๆ
****************************************
“ไปไหนมายูอิจิคุง” ผู้จัดการส่วนตัวยืนกอดอกถามเมื่อยูอิจิเปิดประตูห้องกลับเข้ามา
ยูอิจิมองตอบอย่างไม่สนใจแล้วก้มลงถอดรองเท้า
“ฉันถามก็ช่วยตอบหน่อยคุณไอดอลอันดับหนึ่งของประเทศ” ผู้จัดการเอ่ยประชด
“ไปหาข้าวกินมาครับ” ยูอิจิตอบ
“ทำไมไม่โทรสั่งมา” ผู้จัดการเอ่ยถาม
“ผมก็อยากออกไปเดินดูอะไรบ้างสิครับ จะให้อยู่ในห้องทั้งวันก็เบื่อแย่ไหน ๆ วันนี้ก็ได้หยุดวันหนึ่ง” ยูอิจิตอบแล้วเดินผ่านเข้าไปในบ้าน
ผู้จัดการหนุ่มเดินตามเข้าไปทันที “ฉันรู้ว่ามันน่าเบื่อแต่อย่าลืมว่าตอนนี้บริษัทคู่แข่งต้องการทำลายชื่อเสียงเธออยู่นะ”
“ช่างเขาสิฮะ อยากทำอะไรก็เชิญ” ยูอิจิตอบ
ผู้จัดการได้ฟังก็ฉุดกึกเขายื่นมือไปรั้งไหล่ยูอิจิให้หันหน้ากลับมาแล้วต่อยที่ใบหน้านั่นอย่างแรงจนยูอิจิทรุดตัวลงไปกองกับพื้นเพราะไม่ทันตั้งตัวบวกกับแรงหมัดที่ปล่อยมาไม่ยั้งมือ
“กว่าจะมีวันนี้ได้หมดกับนายไปตั้งเท่าไหร่ อย่าเห็นแก่ตัวแบบนี้อีก” ผู้จัดการเอ่ยว่าน้ำเสียงเข้ม
ยูอิจิหน้าสลดยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากที่ไหลซิบ ๆ ออกมา “ขอโทษครับ ผมเหนื่อยไปหน่อย”
ผู้จักการได้สติแต่ก็ไม่เอ่ยคำขอโทษออกมา “จะโทรไปยกเลิกงานถ่ายแบบของวันพรุ่งนี้กับมะรืนให้แล้วกัน นายคงต้องการพักผ่อนจริง ๆ ” บอกเสร็จก็เดินอออกจากห้องพักส่วนตัวของยูอิจิไปทันทีโดยที่เขาเตะรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ของยูอิจิกระเด็นไปคนละทาง
ยูอิจิมองร่างที่เต็มไปด้วยอารมณ์ระอุอย่างไม่คิดโกรธตอบแต่อย่างใด เขาค่อย ๆ ชันตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบรองเท้าผ้าใบที่เพื่อนทำให้มากอดเอาไว้แนบออกแล้วทรุดตัวลงนั่ง “ฉันจะอดทน อีก3ปีเท่านั้น”
*********************************
คนร่างหนาเปิดประตูห้องเข้ามาเงียบ ๆ แต่เสียงนั่นก็ทำให้ร่างบางที่นั่งดูโทรทัศน์ได้ยินและลุกเดินมาที่หน้าประตู
“จินกลับมาแล้วเหรอ” ร่างบางเอ่ยทักแล้วส่งยิ้มกว้าง
ร่างหนาฝืนยิ้มตอบ “กลับมาแล้วจ้า” เขายื่นกล่องขนมในมือให้ “มีเค้กนะฉันซื้อมาฝาก”
ร่างบางยื่นมือไปรับมองดูคนรักที่ไม่สดใสเอาเสียเลย ร่างหนานั่นยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนลูบเส้นผมเขาเบา ๆ แล้วเดินผ่านไป คนร่างบางเดินตามไปติด ๆ วาดวงแขนโอบรอบเอวหนาเอาหนาซุกแผ่นหลังทันที
“ไม่สบายใจอะไรอยู่ใช่ไหม” ร่างบางเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย “บอกฉันได้นะ”
จินหมุนตัวกลับมาหาหลังจากนิ่งไปชั่วครู่ ก้มหน้าลงมาใกล้ร่างบางแล้วจุมพิตที่ริมฝีปากบาง เขาคงบอกไม่ได้ว่ากลุ้มใจเรื่องอะไรแต่ขอระบายความอึดอัดใจนั้นให้ร่างบางรับรู้และหวังว่าร่างบางจะปลอบประโลมเขาผ่านภาษากายเช่นเดียวกับตน
*****************************************
ร่างบางลืมตาตื่นท่ามกลางแสงสลัวจากดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางช่องว่างของม่านหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท เขาค่อย ๆ ขยับกายเพราะเกรงว่าคนร่างหนาที่โอบกอดตนอยู่จะรู้สึกตัวตื่น ใบหน้ายามหลับใหลซึ่งยังทิ้งความกังวลใจให้เห็นทำเอาร่างบางพลอยไม่สดใสไปด้วย ร่างบางใช้แขนท้าวกับหมอนเพื่อพยุงน้ำหนักของตัวเองเพื่อมองหน้าคนรักที่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมบอกอะไรแก่ตน ก่อนจะก้มลงใกล้ ๆ แล้วจุมพิตลงบนแก้มของคนที่พักกายเพื่อผ่อนใจ
“อืม~~~” ร่างหนารู้สึกตัวเมื่อได้รับสัมผัสละมุน เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมองร่างบางที่ส่งยิ้มละไมให้
“ขอโทษนะที่ทำให้ตื่น จินหลับต่อเถอะ” ร่างบางบอก
จินยิ้มบางตอบ “ไม่หละ นายล่ะทำไมถึงไม่ยอมนอน”
“นอนไม่หลับ” ร่างบางตอบ
“ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะ” จินเอ่ยถามพลางใช้นิ้วมือเกลี่ยผมร่างบางเล่น
ร่างบางจับมือของจินที่เล่นผมของตนเองไว้ก่อนจะเลื่อนมาไว้ตรงริมฝีปากของตนแล้วจุมพิตลงเบา ๆ จินมองร่างบางอย่างไม่เข้าใจแต่การกระทำนั้นก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย
“ยังไม่ตอบฉันเลย ว่าทำไมนายถึงนอนไม่หลับ” จินถามย้ำอีกครั้ง
“ที่นอนไม่หลับก็เพราะว่าจินนอนไม่หลับนั่นแหละ” ร่างบางตอบ “ฉันคิดว่าจินคงไปเจอเรื่องอะไรมาแล้วไม่สบายใจมาก ๆ มากจนจินคนที่หัวถึงหมอนแล้วนอนหลับเป็นตายตื่นกลางดึกแล้วบอกว่าไม่อยากหลับต่อได้” ร่างบางพูดต่อพลางใช้มือเกลี่ยผมคนร่างหนาไปด้วย “ฉันเลยตั้งใจจะกล่อมให้คืนนี้จินนอนหลับ”
คนร่างหนาคลี่ยิ้มให้ “นายทำแบบนี้แล้วฉันรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็นเด็กเลยแหะ”
“อย่างนั้นเหรอ ถ้าจะอ้อนแล้วก็เอาแต่ใจแบบเด็ก ๆ ฉันก็ไม่ว่านะ” ร่างบางตอบ
“ถ้าอย่างนั้น....กอดฉันหน่อย” จินเอ่ยขอ
ร่างบางกระเทิบตัวเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิมแล้วสวมกอดคนร่างหนาเอาไว้แน่น รั้งศีรษะคนที่ทำตัวเป็นเด็กแนบบนแผ่นอกบางของตนแล้วลูบไล้เลือนผมสีอ่อนเบา ๆ
ร่างหนาหลับตาลงแล้วคลี่ยิ้มออกมา “ผมรักคุณ~~~”
“อันนั้นมันของแน่อยู่แล้วนี่” ร่างบางตอบเสียงกลั้วหัวเราะก่อนก้มหน้าไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูร่างหนา “หลับฝันดีนะที่รักของฉัน”
ร่างหนาไม่ตอบอะไรเขากระชับกอดตอบคนร่างบางให้แน่นขึ้น คนในอ้อมกอดของเขาไม่เซ้าซี้ที่จะต้องถามอะไรมากมายก็รับรู้ความรู้สึกของเขา คำปลอบประโลมที่ไม่มีหลุดออกจากปากร่างบางแต่การกระทำที่มอบให้มันมีค่ามากกว่าและมากพอที่จะทำให้เขาหลับตาลงนอนอีกครั้งด้วยความสบายใจ
***************************
จบตอนที่5แล้วจ้า ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่ติดตามอ่านนะคะ ยังไงอย่าลืมเม้นท์บอกกันด้วยนะว่าเป็นอย่างไร
ความคิดเห็น