ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    paparazzi

    ลำดับตอนที่ #5 : part 5

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 49


    paparazzi part 5

    โอเค!!! ขอบคุณมากนากามารุคุงสำหรับวันนี้ช่างภาพเอ่ยขอบคุณไอดอลอันโด่งดังที่สุดในตอนนี้ซึ่งมาเป็นแบบในการถ่ายภาพลงแมกกาซีนแฟชั่นในวันนี้
    นากามารุ ยูอิจิโค้งตัวให้กับช่างภาพและสต๊าฟที่ร่วมงานกับเขามาทั้งวันก่อนจะขอตัวกลับไปยังห้องพักที่ทางสตูดิโอจัดไว้ให้ เขานั่งเงยหน้าหลับตาพักบนเก้าอี้ซึ่งตรงหน้ามีกระจกบานใหญ่ เพียงครู่ความเย็นจากผ้าผืนเล็ก ๆ ที่ถูกนำมาวางบนหน้าผากทำให้เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
    อ๊ะ~~ ขอบคุณมากครับยูอิจิกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจจากผู้จัดการส่วนตัวของเขา
    เหนื่อยหน่อยนะ ช่วงโปรโมทซิงเกิ้ลใหม่ก็อย่างนี้แหละผู้จัดการบอกกับเขาก่อนจะเดินไปเก็บข้าวของที่วางไว้บนโต๊ะ
    ชินแล้วล่ะครับทำงานมาตั้งสองปีแล้วนี่ยูอิจิบอกพลางนำผ้าเช็ดไปตามลำคอของตนเสร็จจากนี่แล้วไปที่ไหนต่อเหรอครับ
    วันนี้ไม่มีแล้วหละ แต่ว่าพรุ่งนี้ต้องไปถ่ายแบบนอกสถานที่ตั้งแต่เช้านะอย่าลืมผู้จัดการส่วนตัวเอ่ยเตือน
    โลเกชั่นที่ไหนเหรอครับ ทางหนังสือเขาแจ้งมาหรือยังยูอิจิเอ่ยถาม
    เขาแจ้งมาเมื่อวานว่าจะไปถ่ายที่เซ็นไดบ้านเกิดของนาย ธีมของงานก็สบาย ๆ เหมือนกับนายพากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดอย่างนั้นแหละผู้จัดการส่วนตัวบอก
    ยูอิจิยิ้มกว้างออกมา เหรอครับดีจัง ถ้าได้กลับไปนอนที่บ้านด้วยสักคืนก็คงดี
    เสียใจด้วยนะที่ต้องฝันสลาย เราต้องรีบกลับมาอัดรายการที่NTVให้ทันผู้จัดการส่วนตัวบอกตารางงานต่อ
    เฮ้อ~~~” ยูอิจิถอนหายใจออกมา อยากหยุดนาน ๆ สักเดือนจังเลย
    ไว้ให้ซิงเกิ้ลนี้ขึ้นอันดับหนึ่งอีกครั้งก่อนแล้วจะบอกผู้บริหารให้เผื่อเขาจะพิจารณาผู้จัดการส่วนตัวบอกแล้วส่งกระเป๋าของยูอิจิให้ ไปกลับ
    ยูอิจิรับกระเป๋ามาถือแล้วเดินตามผู้จัดการส่วนตัวของตนออกไปทันที เขาอยากกลับห้องพักไว ๆ เพื่อจะได้พักผ่อนเสียที
    *********************************

    ร่างบางนั่งพับเสื้อผ้าของตัวเองและของคนรักอย่างบรรจงก่อนจัดใส่กระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเองซึ่งก่อนหน้านี้ได้ใส่เสื้อผ้าที่หอบมาจากบ้านเพื่อมาอยู่ร่วมชายคากับคนร่างหนาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน คนร่างหนาที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและกลับเข้ามาในห้องนอนถึงกับมองร่างบางตาโต ก็เสื้อผ้ามากมายที่ร่างบางรื้อออกมาวางอยู่บนเตียงจนไม่มีที่ให้เขาได้ทิ้งตัวลงนั่งนั่นนะสิ
    ทำอะไรเนี่ยะคาซึยะเอ่ยถามแล้วเลื่อนกองผ้าออกไปเพื่อตนเองจะได้นั่งลงบนเตียงข้างร่างบาง
    จัดกระเป๋าไงถามแปลก ๆ ร่างบางตอบ
    จะขนไปหมดเลยเหรอ ไปแค่4-5วันเองจินเอ่ยถาม
    ของจินน่ะแค่ชุดเดียวเพราะว่าจินกลับบ้านของจินที่เซ็นไดนี่ ส่วนที่เหลือนั่นนะของฉันร่างบางตอบ
    อย่างนั้นก็เถอะทำไมเอาไปเยอะจังจินยังไม่คลายสงสัย
    ก็ฉันจะได้ไปบ้านเกิดของจิน ได้ไปรู้ว่าก่อนหน้าที่เราจะได้อยู่ด้วยกันจินใช้ชีวิตยังไง พ่อ-แม่ พี่สาว เพื่อน ๆ แล้วก็สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ฉะนั้นฉันก็ต้องดูดีไว้ก่อนร่างบางตอบ
    จินได้ฟังก็คลี่ยิ้มยื่นมือไปลูบผมร่างบาง กดดันหรือไง ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกน่า พ่อ-แม่ฉันใจดี
    ไม่ได้กดดัน แต่ก็อยากให้ใคร ๆ ได้เห็นว่าฉันนะ....ร่างบางพูดค้างไว้ก่อนหันหน้ามามองจิน น่ารักเหมาะสมแล้วที่เป็นคนรักของจิน
    ขอบคุณนะที่ใส่ใจจินกล่าวแล้วจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มร่างบาง
    ร่างบางยิ้มหวานให้ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหุบลงว่าแต่พ่อ-แม่ของจินจะไม่รังเกียจเหรอ ที่ฉันเป็นผู้ชาย
    ไม่หรอกจินบอกแล้วโอบไหล่ร่างบางออกแรงรั้งให้มาซบที่อกของตน ฉันเล่าให้ท่านฟังแล้ว
    ร่างบางผละออมามองหน้าจินตาโต จริงอ่ะ....จินนี่เกิดคาด
    ก็อยากให้สบายใจทุกฝ่ายไง อีกอย่างก็อยู่ด้วยกันแล้วฉันก็ควรจะให้เกียรติ์นายด้วยจินบอก
    ร่างบางมองตาจินก่อนยิ้มกว้างให้ จิน~~~~ รักจังเลย….ขอจูบทีสิ
    ห๋า!!!!จินร้องเสียงหลง
    จูบไง ขอจูบจินที นะ ๆร่างบางออดอ้อน
    ป่านนี้แล้วยังจะขออีกจินถามกลับแล้วจุมพิตเบา ๆ ลงบนริมฝีปากร่างบางทันทีคราวหน้าพาฉันไปบ้านนายบ้างนะ อยากรู้เหมือนกันว่านายเติบโตมายังไงถึงได้.....กวนขนาดนี้
    ร่างบางหน้าตูม โหย~~~~ อะไรเนี่ยกำลังซึ้งได้ที่หมดกัน
    ล้อเล่นน่าจินกล่าวแล้วโอบเอวร่างบาง
    ร่างบางสะบัดตัวออก ไม่ งอน!!!บอกพลางหันหน้าไปทางอื่น

    จินคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มร่างบางแล้วเปลี่ยนไปหลายที่ไม่ว่าจะริมฝีปาก จมูก เปลือกตา ใบหูหรือว่าซอกคอ ดีกันนะ~~~” เอ่ยเบา ๆ ที่ข้างหู
    ร่างบางอมยิ้มซ่อนความชอบใจนั้นไว้แทบไม่อยู่ ก็ได้ร่างบางตอบถ้าไม่ติดว่าต้องจัดกระเป๋าให้เสร็จแล้วพรุ่งนี้ออกแต่เช้านะ จะงอนให้จินง้อแบบนี้ทั้งคืนเลย
    ร่างหนาฟังคำก็หน้าแดง บ้า~~~” เอ่ยบอกพลางจับหน้าร่างบางส่ายไป-มา
    ร่างบางหัวเราะร่วนพอแล้วจะจัดกระเป๋า....เกิดมายังไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้เลยนะจะบอกให้ จินนะโชคดีสุด ๆ
    ขอบคุณครับ ฉันเองก็เหมือนกันไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้แล้วก็ไม่คิดจะรักใครได้มากอย่างนี้เหมือนกัน
    จินบอกความรู้สึกแก่ร่างบาง
    ร่างบางสบสายตาตอบซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดเสียแล้ว เขาคว้าเสื้อยืดที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาปิดหน้าจิน พอแล้ว เดี๋ยวไม่เสร็จ
    จินจับมือร่างบางแล้วหยิบเสื้อในมือมาวางบนที่นอน ช่วย
    ร่างบางยิ้มให้ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันพับเสื้อผ้าและจัดกระเป๋าเดินทางกันจนเสร็จ
    ****************************
    รถไฟจอดเทียบชานชาลาของสถานนีในตัวเมืองเซ็นได จินก้าวเดินนำออกมาจากขบวนรถมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเสื้อผ้าส่วนอีกข้างนั้นจับกับมือของร่างบางเอาไว้ ผู้คนที่เดินสวนเพื่อเข้าไปในขบวนรถจนหมดทำให้ชานชาลาดูไม่พลุกพล่านเหมือนอย่างสักครู่ ชายหนุ่มผมดำร่างเล็กจนดูผอมกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากกระโดดตัวลอยเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินตรงมาใกล้
    ไอ้จินโว๊ย~~~~~~”
    จินมองไปยังต้นเสียงแล้วส่งยิ้มกว้างให้ก่อนหันหน้าไปมองร่างบางที่ส่งสายตาอย่างมีคำถามให้เขาเพื่อนแถวบ้าน สงสัยแม่จะบอกว่าฉันกลับมา
    อ๋อร่างบางรับทราบ
    ว่าไงทัตซึยะจินเอ่ยทักเพื่อนตั้งแต่วัยเยาว์ก่อนหันไปมองร่างบาง นี่อูเอดะ ทัตซึยะเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ
    ร่างบางส่งยิ้มก่อนจะค้อมศีรษะให้สวัสดีฮะ คาเมะนาชิ คาซึยะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
    ทัตซึยะยิ้มให้ไม่ต้องมากพิธีหรอกคาเมะจังเขาพูดจาอย่างเป็นกันเองแล้วมองไปที่จินเข้าใจเลือกนี่หว่าน่ารักชะมัด ทีแรกแม่นายบอกว่านายจะพาแฟนที่เป็นผู้ชายมา ฉันก็นึกว่าจะเตี้ยล่ำ ปากย้อยมาเสียอีก

    อ๋อ~~~ นี่ตั้งใจมาดูก่อนใช่ไหม นึกว่ามีน้ำใจมารับเสียอีกจะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถจินตอบกลับ
    แหม ๆ มันก็ต้องมีบ้าง ยังไงก็ตั้งใจมารับอยู่แล้วล่ะน่ะทัตซึยะบอก ไปเถอะ ต้องนั่งรถอีกนานกว่าจะถึงบ้านเอ่ยเร่งแล้วก็เดินนำทางไป
    จินหันไปยิ้มให้ร่างบางแล้วพาเดินออกจากสถานี ทัตซึยะขับรถกระบะซึ่งมีเพียงสองที่นั่งมารับ เขาทั้งสองคนจึงต้องนั่งเบียดกันบนเบาะตัวเดียวตลอดทาง
    ถึงแล้ว~~~~” จินบอกกับร่างบางเมื่อทัตซึยะมาจอดรถที่หน้าบ้าน
    ร่างบางมองแล้วคลี่ยิ้มออกมาบ้านจินอยู่ติดทะเลเลยเหรอ ดีจัง
    บ้านฉันก็ติดทะเลเหมือนกันนะคาเมะจังทัตซึยะบอก อย่าเพิ่งเปิดประตูนะ เดี๋ยวไปเปิดให้
    ไม่ต้องก็ได้ทัตจังร่างบางเอ่ยปราม
    รถคันนี้ประตูด้านนั้นมันเปิดออกจากด้านในไม่ได้นะทัตซึยะบอกเหตุผล
    ไม่เอาไปซ่อมสักทีว่ะจินถามคนที่กำลังเดินลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูให้เขาทั้งสองคน
    ซ่อมแล้วเว้ย แล้วมันก็กลับมาเป็นอีกทัตซึยะบอกเมื่อเปิดประตูให้ทั้งสองคนแล้ว
    ร่างบางเดินออกมาจากรถแล้วหันกลับไปฉุดแขนร่างหนาให้ลุกออกตามมา
    เข้าบ้านเถอะ ป่านนี้แม่นายคงรอดูหน้าสะใภ้ใจจดใจจ่อแล้วทัตซึยะเร่งเร้าแล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน
    จินอย่างคุ้นเคย
    ร่างบางมองตามร่างนั้น เชื่อแล้วว่าเพื่อนจินตั้งแต่เกิด
    มันก็อย่างนี้แหละ สนิทกับคนอื่นง่ายจินบอกแล้วหยิบกระเป๋าบนกระบะรถมาถือก่อนจูงมือร่างบางเดินเข้าบ้านเพื่อไปแนะนำให้แม่ของเขาได้รู้จักกับคนรักของตน
    ********************
    ออกมากับฉันแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอทัตซึยะเอ่ยถามเมื่อจินนั่งรถออกมาจากบ้านพร้อมกับเขาแล้วปล่อยให้ร่างบางอยู่ที่บ้านกับแม่ของจิน
    ไม่เป็นไรหรอก ฉันกับคาซึยะไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้น อีกอย่างเขาคงกำลังสนุกอยู่ด้วยที่แม่สอนทำกับข้าวนะจินตอบ
    ดีจริงเว้ย แม่ผัวลูกสะใภ้เข้ากันได้ดีทัตซึยะเอ่ยชม
    โชคดีที่พ่อกับแม่ฉันใจกว้างด้วยแหละจินตอบตามความรู้สึก
    แต่ฉันว่าตัวคาเมะจังเองก็มีส่วน เขาหน้าตาดีแล้วทำตัวน่ารักด้วยแม่นายไม่รักก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วทัตซึยะบอก
    จินยิ้มบาง ๆ อย่างนั้นเหรอ

    ทัตซึยะละสายตาจากการมองถนนมามองฉันชมคาเมะจังไม่ได้ชมนายนะเว้ยแต่ก็ช่างเถอะยังไงก็คนคนเดียวกัน
    อีกหน่อยนายมีแฟนก็จะเข้าใจเองแหละ ว่าถ้าเขาเข้ากับครอบครัวเราได้มันดีขนาดไหนจินบอก
    อย่าพูดแบบนี้นะเว้ย ช้ำใจทัตซึยะบอก
    ขอโทษลืมไปจินกล่าวเมื่อรู้ว่าคำพูดทำให้เพื่อนเสียใจ
    นายจะไปเยี่ยมมิซูรุวันไหนทัตซึยะเอ่ยถาม
    คิดว่าพรุ่งนี้ แม่กับคาซึยะก็ไปด้วยนายจะไปด้วยหรือเปล่าจินถามกลับ
    ไป ๆ งั้นดีเลยไปเอาของเสร็จแล้วไปตลาดกันจะทำของไปเยี่ยมมิซูรุทัตซึยะเอ่ยชวนแล้วไอ้บ้านั่นมันมาเยี่ยมมิซูรุบ้างเปล่า
    จินหันหน้ามามองยิ้ม ๆ มาบ้างแหละ ยูอิจิมันทำงานในวงการไม่ค่อยมีเวลาหรอก
    ชิ หลงแสงสีแล้วก็สาวสวย ๆ ในวงการล่ะสิ ทัตซึยะคาดเดา มิซูรุไม่น่าไปรักมันเลย
    แหะ ๆ จินหัวเราะแห้ง ๆ ขืนเขาพูดอะไรออกไปตอนนี้คงไม่เข้าหูเพื่อนแน่ ๆ หันหน้าไปมองทิวทัศน์ข้างทางที่ไม่ได้เห็นเสียนาน
    มีคนมาถ่ายหนังที่นี้ด้วยเหรอจินเปรยขึ้นเมื่อเห็นกองถ่ายอยู่บนริมหาดไกล ๆ
    ทัตซึยะหันไปมอง เรียนถ่ายภาพมาได้ไงว่ะ นั่นเขาถ่ายแบบต่างหาก ว่าแต่ทำไมมาถ่ายแถวนี้ว่ะที่อื่นสวย ๆ นักท่องเที่ยวไปกันเยอะ ๆ ไม่ไปถ่าย
    จินไม่แสดงความคิดเห็นมองวิวไปเรื่อย ๆ ตลอดทางที่ทัตซึยะขับรถออกจากบ้านเขาเพื่อไปเอาของอีกหมู่บ้านหนึ่งก่อนจะมาจอดรถไม่ไกลจากตลาดสด
    นั่นพวกตะกี้ที่เราเห็นที่หาดเปล่าเนี่ยทัตซึยะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นกองถ่ายกำลังถ่ายภาพอยู่โดยที่มีชาวบ้านและวัยรุ่นแถวนั้นล้อมวงกันยืนดูอย่างสนอกสนใจส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปทั่ว
    สงสัยมีดารามามั๊งจินคาดเดา
    ดาราบ้าอะไรมาถ่ายรูปแถวนี้ว่ะทัตซึยะเอ่ยถามก่อนจะเดินนำไปซื้อของที่ร้านข้าง ๆ กับที่คนมุ่งดูอยู่
    โอเค!!!! ขอบคุณมากนากามารุคุงช่างถ่ายภาพเอ่ยขอบคุณนายแบบ
    ยูอิจิยิ้มให้แล้วโค้งตัวก่อนจะเดินออกจากหน้าร้านมา เขามีเวลาอิสระอีกเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนจะต้องกลับไปโตเกียวขอทำอะไรตามใจที่บ้านเกิดสักหน่อยก็แล้วกัน

    แค่ครึ่งชั่วโมงนะผู้จัดการส่วนตัวเดินมาบอกย้ำแล้วส่งกระเป๋าเป้ให้ก่อนจะหันไปบอกกับคนที่มายืนมุงครับขอเวลาไพรเวทให้นากามารุคุงด้วยนะครับ
    ชาวบ้านที่ยืนมุงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีต่างแยกกันไปทำกิจวัตรของตนเหมือนเดิม ยูอิจิยิ้มให้กับแฟนคลับของตนเองที่เรียกชื่อเขาอย่างเขินอายก่อนเขาจะเดินออกไปทางร้านข้าง ๆ ที่มีคนคุ้นตายืนเลือกของแห้งอยู่
    เฮ้ย!!! ไอ้จิน ทัตซึยะยูอิจิเอ่ยทักอย่างดีใจไม่คิดว่ามาทำงานที่บ้านเกิดคราวนี้จะได้เจอเพื่อนเก่า
    จินยิ้มตอบ นึกว่าดาราดังที่ไหนเสียอีก
    ทัตซึยะไม่ได้สนใจเขายื่นของให้กับแม่ค้าที่ร้าน จินมองเพื่อนตัวเล็กก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ ให้ยูอิจิ
    ไงทัตซึยะยูอิจิเอ่ยทักแล้วฟาดมือลงบนไหล่ของเพื่อนที่บึ้งตึงใส่ตน
    ทัตซึยะปลายตามามองรู้จักกันเหรอ จำได้ว่าไม่ได้มีคนรู้จักเป็นดารา
    ทัตซึยะ!!!จินเอ่ยปราม
    ช่างเถอะ ฉันรู้ว่าทัตซึยะยังโกรธอยู่ยูอิจิบอกอย่างปลง ๆ
    ทัตซึยะหันหน้ากลับมามองทันที ไม่ได้โกรธเว้ย....แต่ฉันเกลียดนาย!!!!
    เรื่องตั้งสองสามปีมาแล้วยังไม่ลืมอีกเหรอไงยูอิจิถาม
    ฆ่าได้หยามไม่ได้ถ้านายไม่มาตีท้ายครัวป่านนี้ฉันคงแต่งงานกับมิซูรุไปแล้วทัตซึยะตอบพลางส่งสายตาแค้นเคือง
    ยูอิจิกลืนน้ำลายลงคอเขาคงทำให้เพื่อนโกรธมากจริง ๆ กับการที่พี่สาวของจินเลือกที่จะคบเขามากกว่าทัตซึยะที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กและยังเรียนห้องเดียวกันมาตลอดแถมความสนิทสนมที่มีให้กันมากจนใคร ๆ ต่างคิดว่ามิซูรุและทัตซึยะคบหากัน จนเมื่อเกือบสามปีก่อนนั่นแหละที่ทัตซึยะเพิ่งจะรู้สถานะตนเองในใจมิซูรุว่าเป็นเพียงเพื่อนสนิทเท่านั้นแต่เขาก็ยังทำใจรับกับมันไม่ค่อยได้อยู่ดี
    พอเถอะ ๆ จินเอ่ยห้ามทัตซึยะ อยู่ค้างที่บ้านหรือเปล่าเขาเอ่ยถามยูอิจิ
    ไม่ว่ะเดี๋ยวก็กลับแล้วมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ไปหาอะไรกินแล้วคุยกันเหอะว่ะเวลามีค่ายูอิจิเอ่ยชวน ไปนะทัตซึยะ
    ทัตซึยะปลายตามามองแล้วเดินนำไปร้านขายขนมใกล้ๆ จินยิ้มให้ยูอิจิเขารู้ดีว่าทัตซึยะไม่ได้เกลียดยูอิจิจริง ๆ อย่างที่ปากพูดหรอก ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิมองดูคนทั้งสามห่าง ๆ ก่อนที่เขาจะหยุดให้ความสนใจแล้วเดินซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับโตเกียว
    ****************************************

    ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิยืนรอยู่ที่รถส่วนตัว เขาส่งสายตามายังยูอิจิให้รู้ตัวว่าควรจะรีบร่ำลาเพื่อนทั้งสองคนเสียทีซึ่งยูอิจิก็เข้าใจดี
    ต้องไปแล้วว่ะยูอิจิบอกเพื่อนทั้งสอง
    ก็น่าจะไปตั้งนานแล้วทัตซึยะกอดอกตอบ
    เอาน่าทัตซึยะ นาน ๆ เจอมันทีนะเว้ยพูดกันดี ๆ หน่อยสิจินเอ่ยขอร้อง
    ช่างเถอะจินยูอิจิปรามไปก่อนนะถ้าว่างแล้วฉันจะกลับมานอนที่บ้านแล้วเราค่อยนัดเจอกันนะเว้ย
    เออ ตั้งใจทำงานเถอะจินบอก
    ยูอิจิยิ้มให้ก่อนจะเดินจากไปแต่เสียงหนึ่งก็รั้งให้เขาหันหน้ากลับมา
    ไม่ต้องห่วงมิซูรุนะทัตซึยะบอก ฉันจะดูแลให้เอง หึหึหึ
    ยูอิจิยิ้มให้ขอบใจว่ะ ฉันเชื่อใจนาย
    ยูอิจิรักษาเวลาด้วยผู้จัดการส่วนตัวตะโกนเร่ง
    ยูอิจิถอนหายใจบาง ๆ แล้ววิ่งกลับไปยังรถส่วนตัวที่จอดรอ ผู้จัดการส่วนตัวปิดประตูรถให้ยูอิจิก่อนจะเดินมาด้านคนขับเขามองกลับมายังจินและทัตซึยะชั่วครู่แล้วเลิกให้ความสนใจ
    ดูมันมองทัตซึยะบอกกับจิน เหม็นหน้าว่ะไม่ถูกชะตาด้วยเลย
    คิดมากน่า กลับบ้านเถอะจินเอ่ยชวนแล้วลากคอทัตซึยะกลับไปยังรถกระบะเพื่อเดินทางกลับบ้าน
    ผู้จัดการส่วนตัวของยูอิจิขับรถเลี้ยวไปอีกทางซึ่งไม่ใช่ทางที่จะมุ่งหน้าสู่โตเกียว ยูอิจิหันหน้ามามองด้วยความฉงน
    ไม่ต้องแปลกใจ เห็นว่ามาเซ็นไดทั้งทีนายควรจะแวะตรวจสุขภาพเสียหน่อยผู้จัดการบอกเหตุผล
    ยูอิจิเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจก็เขาจะได้แว่บไปเจอมิซูรุได้นะสิถึงแม้จะแค่หนึ่งนาทีก็ตาม
    ยิ้มอะไร ดีใจหรือไงที่จะได้หาหมอผู้จัดการเอ่ยถาม
    เปล่าครับยูอิจิตอบ แล้วจะเข้าไปด้วยกันหรือเปล่าครับ
    ไม่ล่ะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาล ฉันจะไปรอที่คอฟฟี่ชอปเหมือนเดิมแล้วกันผู้จัดการบอก
    แล้ว....ไม่เสียเวลาเหรอครับยูอิจิถามอย่างกังวลวันนี้ยังมีงานอีกหนึ่งชิ้นที่เขาต้องรีบกลับไปทำให้ทันที่โตเกียว
    ฉันโทรไปที่โรงพยาบาลแล้วก็ใช้อภิสิทธิ์ชื่อของนายลัดคิวให้เรียบร้อยแล้วผู้จัดการบอกหน้าตาเรียบเฉย
    ยูอิจิมองผู้จัดการของตนตาค้างอย่างนี้ผมไม่โดนคนไข้คนอื่นที่เขาป่วยจริง ๆ สาปแช่งเอาเหรอครับเนี่ย

    ช่างปะไร อันนั้นมันก็ช่วยไม่ได้คนธรรมดากับคนชนชั้นอภิสิทธิ์แบบนายมันไม่เหมือนกันอยู่แล้วผู้จัดการบอก
    ยูอิจิชักสีหน้าเขาไม่ค่อยชอบเวลาที่ผู้จัดการส่วนตัวพูดจาแบบนี้เลย ทำงานมาด้วยกันสองปีแล้วอย่างอื่นก็ดีหมดติดแต่ตรงนี้ที่ไม่รู้จักเปลี่ยนเสียที
    ฉันรู้นะว่านายไม่พอใจแต่มันก็คือเรื่องจริง อย่าลืมว่าตอนนี้นายคือนากามารุ ยูอิจิ ไอดอลชื่อดัง เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ต้องรักษาภาพพจน์หน่อยผู้จัดการกล่าวย้ำสถานะ
    ทราบแล้วคร้าบ~~~~” ยูอิจิรับคำ
    พูดถึงตั้งแต่ฉันทำงานเป็นผู้จัดการศิลปินมาก็มีนายนี่แหละที่ว่านอนสอนง่ายที่สุดแล้วก็ไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาด้วย นอกนั้นพอดังสักพักก็มั่วทั้งหญิงทั้งยาสุดท้ายก็อนาคตดับวูบ อย่าเป็นแบบพวกนั้นล่ะยูอิจิ อย่าทำให้ความหวังที่ฉันทุ่มเทไว้กับเธอมันหมดไปผู้จัดการส่วนตัวกล่าวน้ำเสียงจริงจัง
    ครับยูอิจิรับคำเสียงหนักแน่นอีกครั้งเพื่อให้ผู้จัดการสบายใจแต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจแทน
    **********************************
    !!!!!ปั่ง ปั่ง ปั่ง!!!!! เสียงเคาะประตูห้องรัวขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ คนสองคนที่นอนหลับใหลบนฟูกผืนเดียวกันงัวเงียตื่นขึ้นด้วยความจำใจ คนร่างหนาหาวปากกว้างก่อนจะเดินเอามือขยี้ผมของตัวเองจนฟูกว่าเดิมแล้วลุกไปเปิดประตูห้องนอนออก
    “Good morring~~~~” อูเอดะ ทัตซึยะเอ่ยทักเพื่อนของตนก่อนมองลอดพื้นที่ว่างเข้าไปด้านใน “morring คาเมะจังตื่นได้แล้ว
    ร่างบางที่นั่งหลับคอพับคออ่อนสะดุ้งตัวแล้วคลี่ยิ้มให้ก่อนจะล้มตัวลงนอนแผ่หลาเช่นเดิม
    ทำไมนอนขี้เซากันจังทั้งคู่เลยทัตซึยะเอ่ยถาม
    นายนั่นแหละมีอะไรว่ะมาแต่เช้าจินถามแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง
    ทัตซึยะเดินตามเข้ามาโดยที่ไม่ลืมปิดประตู เขามาทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ คนทั้งสองก่อนวางถุงใบใหญ่ลงกับพื้น
    อะไรนะจินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
    รองเท้าที่เมื่อวันก่อนไปเอามาด้วยกันไงทัตซึยะตอบแล้วเปิดถุงเทออกมาเหลืออีก10คู่ยังลงสีไม่เสร็จเลยช่วยหน่อยเด่ะ เดี๋ยวไม่ทันขายตลาดนัดตอนบ่าย
    ร่างบางสนใจกับสิ่งที่ทัตซึยะนำมาจึงชันตัวขึ้นมามอง จะทำอะไรกันเหรอ
    เพ้นท์รองเท้า รายได้พิเศษของทัตซึยะมันจินบอก
    ร่างบางคลี่ยิ้ม เหรอ~~~ น่าสนุกจังฉันช่วยนะ
    นั่นแหละคือคำตอบที่ฉันอยากได้ยินที่สุดทัตซึยะกล่าวแล้วหยิบสีน้ำออกมาจากกระเป๋าที่สะพายพาดบ่ามา

    หางานให้ทำก่อนกลับแต่เช้าเชียวนะจินพูดประชดไปอย่างนั้นยังไงเขาก็ช่วยเพื่อนทำอยู่ดี
    ทัตซึยะจัดแจงเขียนลายลงบนรองเท้าอย่างชำนาญแล้วส่งให้เพื่อนทั้งสองช่วยกันลงสีจนเสร็จด้วยเวลาไม่กี่ชั่วโมง
    เหลืออีกห้าคู่ไม่ลงลายล่ะร่างบางเอ่ยถามเมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบเปล่า ๆ ยังเหลืออยู่
    ทัตซึยะยิ้มให้แล้วหยิบรองเท้ามาสองคู่ยื่นให้เพื่อน อ่ะให้ เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยฉันลงสีรองเท้าที่เหลือจนเสร็จ
    เฮ้ย!!! ได้ยังไงของซื้อของขายจินปฏิเสธในความมีน้ำใจ
    เอาไปเถอะฉันให้ คิดเสียว่าเป็นของขวัญแต่งงานจากเพื่อนแล้วกันทัตซึยะเอ่ยยิ้ม ๆ
    จินยื่นมือไปรับมาถือไว้ทั้งสองคู่ ฉันไปช่วยขาย
    ไม่ต้อง ๆ ที่มันแคบ พวกนายอยู่นี่แหละทัตซึยะบอกแล้วลุกขึ้นไปหยิบรองเท้าที่เพ้นท์เสร็จใส่ถุงดังเดิมใช้สีเสร็จแล้วเก็บให้เรียบร้อยด้วยล่ะ ตอนเย็นฉันจะแวะมาเอาแล้วก็จะไปส่งพวกนายที่สถานีด้วยเขาเอ่ยบอกแล้วยกถุงขึ้นมาถือ ไปล่ะ
    จินและร่างบางมองส่งทัตซึยะที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยและก็แว่บหายไปอย่างรวดเร็ว
    เพื่อนจินคนนี้นี่ทำอะไรรวดเร็วดีจังร่างบางกล่าว
    อย่างนี้แหละอีกคนก็เร็ว อีกคนก็อืดจินบอกแล้วให้ความสนใจกับรองเท้าที่ได้มา
    อีกคนที่อืดหมายถึงจินนะสิ ฉันก็ว่าจริงแหละร่างบางเห็นด้วย
    จินนิ่งไปชั่วครู่เขาไม่ได้หมายความถึงตัวเองสักหน่อยแต่ร่างบางจะเข้าใจไปอย่างนั้นก็ช่างเถอะ เขาหยิบพู่กันเบอร์ศูนย์ขึ้นมาจุ่มสีดำแล้ววาดภาพลงบนรองเท้าผ้าใบอย่างตั้งอกตั้งใจ ร่างบางเอนตัวลงนอนคว่ำกับพื้นท้าวคางมองจิน
    วาดรูปอะไรนะร่างบางเอ่ยถามอย่างสงสัย
    ลูกเบสบอลจินตอบ
    ร่างบางคลี่ยิ้มก่อนลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบรองเท้าอีกคู่ที่ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกันมาไว้ตรงหน้า หยิบพู่กันจุ่มหมึกสีดำแล้ววาดลงบนรองเท้าเช่นกัน คนร่างหนาหันหน้ากลับมามองยิ้มให้กับคนร่างบางที่วาดรูปลูกฟุตบอลอย่างตั้งอกตั้งใจ
    อ่ะให้คนทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแล้วยื่นรองเท้าผ้าใบในมือให้กัน
    ขอบคุณนะร่างหนาเอ่ยจากใจแล้วยื่นมือไปรับไม่ต่างจากร่างบาง
    ใส่กลับโตเกียวกันนะจินร่างบางเอ่ยชวน
    ตามใจ แต่ว่าตอนนี้ไปอาบน้ำเตรียมเก็บข้าวของกันดีกว่าจินบอก
    ร่างบางพยักหน้ารับก่อนจะหยุดให้ความสนใจกับรองเท้าคู่ใหม่แล้วจัดการเรื่องของตนเองให้เรียบร้อย อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาจะเดินทางกลับโตเกียวกันแล้ว
    *******************************

    ทัตซึยะมองคนทั้งสองหลังจากก้มดูรองเท้าของทั้งคู่อีกครั้งซึ่งสลับข้างกันใส่ เมื่อเขามายืนส่งเพื่อนกลับโตเกียวที่หน้าสถานีรถไฟในตัวเมืองเซ็นไดดีนะที่พวกนายจะกลับโตเกียว ถ้าใส่รองเท้าแบบนี้ที่นี่คนคงหาว่าบ้าแน่
    อินเทรนจะตาย~~~ฉันคิดเองร่างบางบอกแล้วก้มลงมองรองเท้าของตนซึ่งข้างหนึ่งเป็นลายลูกเบสบอลส่วนอีกข้างเป็นรูปลูกฟุตบอลไม่ต่างกับจิน
    ทัตซึยะยกมือทั้งสองข้างขึ้นประนม โอม~~~ขอให้มันฮิต ฉันจะได้ทำขายอีกตอนตลาดนัดคราวหน้า
    ร่างบางหัวเราะร่วนกับท่าทางของเพื่อนใหม่ ทัตซึยะวางมือลงแล้วล้วงเข้าไปในถุงใบย่อมที่ตนเองถือติดมือมาด้วย
    อ่ะไอ้จิน ฝากให้มันด้วยเขายื่นรองเท้าอีกคู่ซึ่งมีลวดลายของดวงดาวอยู่บนนั้นให้กับจิน
    ไม่รับฝากเว้ยเอาไปให้มันเองเด่ะจินแกล้งตอบ
    ทัตซึยะชักมือกลับแล้วเดินไปที่ถังขยะใกล้ ๆ ทำทีจะเขวี้ยงของในมือลงไปในนั้นแต่ก็ยั้งมือไว้ถ้าอย่างนั้นก็จะทิ้งมันไว้ที่นี่แหละ
    จินรีบเดินตามมาแล้วยื่นมือไปรับไว้ล้อเล่นน่า มันคงดีใจที่นายยังนึกถึง
    ทัตซึยะนำรองเท้าใส่ถุงเช่นเดิมแล้วยื่นให้ กลับ ๆ กันไปได้แล้ว ฉันจะได้กลับบ้านนอน
    ขอบใจนะที่มาส่งจินเอ่ยขอบคุณแล้วหันกลับไปเรียกร่างบาง
    ร่างบางเดินมาหาแล้วเอ่ยลาทัตซึยะก่อนจะเดินเข้าไปในสถานีพร้อมกับจิน ทัตซึยะมองส่งจนลับตาจากนั้นจึงหันหลังให้ก้มมองรองเท้าตนเองที่เพนท์เป็นรูปตัวการ์ตูนที่ชื่อด็องกี้ซึ่งเขาว่ามันเหมาะกับบุคคลิกเขาที่สุดแล้วเดินไปยังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกล
    จินมีเพื่อนเป็นคนบ้านเดียวกันที่โตเกียวอีกเหรอร่างบางเอ่ยถามเมื่อรถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีพักใหญ่
    อืม...จินตอบ
    เหรอ...อย่าลืมแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างนะร่างบางเอ่ยขอ
    จินยิ้มบาง ๆ ให้ไว้สักพักแล้วกัน เพื่อนคนนี้เจอตัวยากนะ
    ร่างบางพยักหน้าพลางยื่นมือไปคล้องแขนจินแล้วซบหน้าลงบนอกอุ่นก่อนหลับตาพริ้มลง
    **********************************
    !!!!!ตื๊ด ตื๊ด!!!!! เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ร่างบางที่กำลังถูพื้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนทิ้งไม้ม๊อบในมือแล้วรีบวิ่งไปหยิบเครื่องสื่อสารโดยด่วน
    เบอร์ที่บ้านนี่หว่าเขาเปรยกับตนเองก่อนกดรับสาย
    คุณหนูคะปลายสายกรอกเสียงทันที
    ร่างบางถอนหายใจบาง ๆ เขาจำได้ดีว่านี่คือเสียงคนรับใช้ในบ้าน มีอะไร บอกแล้วไงว่ายังไม่กลับ

    คุณผู้หญิงโทรกลับมาอีกแล้วคะ ดิฉันโกหกต่อไปไม่ได้แล้วนะคะท่านสงสัยสาวใช้รายงาน
    โหย~~~~ ก็บอกแม่ไปสิว่าฉันออกไปไหนก็ได้อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาร่างบางแนะ
    บอกจนไม่รู้จะบอกว่าให้ไปไหนอีกดีแล้วคะสาวใช้ตอบกลับคุณหนูกลับมานอนค้างบ้านสักคืนไม่ได้เหรอคะ คุณผู้หญิงโทรมาจะได้ไม่เป็นห่วงว่าหายไปไหนอีก
    ถ้ามันกลับง่าย ๆ ก็กลับไปนานแล้วร่างบางตอบ
    ทำไมละคะ คุณหนูอยู่ที่ไหนคะเนี่ยสาวใช้เอ่ยถาม
    ยุ่งน่ะร่างบางเอ่ยว่าแล้วตัดสายลงทันทีก่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นยกมือขึ้นท้าวคางจะครบเดือนแล้ว
    เหรอเนี่ย ถ้าแม่กลับมาจะทำยังไงดีว่ะร่างบางเอ่ยถามตนเองกลับไปอยู่บ้าน???? โหย~~~ไม่เอา อยากอยู่กับจินร่างบางเริ่มคิดไปเรื่อยหรือว่าจะพาจินเข้าบ้านดี????” เอ่ยถามตนเองอีกครั้งแล้วลุกพรวดพราดขึ้น แม่ฮะ นี่จินลูกเขยแม่ฮะร่างบางทำท่าแนะนำคนรักกับแม่อย่างยิ้มแย้มแจ่มใสก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหุบลงเมื่อจินเปิดประตูห้องเข้ามา
    ทำอะไรของนายคาซึยะจินเอ่ยถามใบหน้างุนงง
    ร่างบางยิ้มแห้ง ๆ ถูห้องไงบอกแล้วเดินไปหยิบไม้ม๊อบที่วางอยู่กับพื้นขึ้นมา
    จินไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเขาเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ร่างบางมองตามคนที่หาอะไรอยู่ในนั้น ถุงของเพื่อนจินฉันวางไว้ใต้โต๊ะหนังสือร่างบางบอก
    จินได้ฟังก็เดินกลับไปยังโต๊ะแล้วก้มลงหยิบถุงซึ่งข้างในมีรองเท้าผ้าใบคู่ที่ทัตซึยะฝากมาให้ยูอิจิ เขาถือมันไว้ในมือแล้วเดินมาหาร่างบาง อยู่ได้นะ
    ร่างบางยิ้มให้สบายมาก....แต่รีบกลับมานะ~~~~” เอ่ยเสียงอ้อนในตอนท้าย
    จินหอมลงบนแก้มใสนั่นก่อนจะเดินออกจากห้องไป เสียงประตูหน้าห้องปิดลงร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอีกครั้งนี่ฉันมีความลับกับจินแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ~~~~”
    ************************
    นากามารุ ยูอิจิ เดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ อย่างระแวดระวัง ถึงเขาจะใส่แว่นดำและหมวกเพื่อบังหน้าตาที่แท้จริงไว้แล้วแต่ก็อย่าประมาทจะเป็นดีที่สุด ร้านคอฟฟี่ชอปเล็ก ๆ ไม่ไกลจากบ้านพักของเขามากนักคือที่หมายของเขา เปิดประตูร้านเข้าไปแล้วกวาดสายตามองหา คนร่างหนาคุ้นตาคลี่ยิ้มทักทายให้เขาจึงตรงดิ่งไปหาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที
    เฮ้อ~~~~” ยูอิจิถอนหายใจเสียยาว กว่าจะได้หายใจทั่วท้อง

    ดาราใหญ่ก็อย่างนี้แหละจินเอ่ยแล้วเลื่อนถุงบนโต๊ะให้กับยูอิจิ
    ยูอิจิถอดหมวกออกวางรวมทั้งแว่นกันแดดด้วยก่อนจะหยิบถุงมาแล้วล้วงมือเข้าไปโห!!!! ทัตซึยะวาดให้เองเลยเหรอ
    ไม่ใช่แค่วาด ลงสีให้ด้วยจินบอกฉันบอกแล้วว่ามันไม่ได้โกรธนายจริง ๆ หรอก แค่ไม่อยากแพ้นายก็เท่านั้นเลยวางฟอร์มมาจนถึงป่านนี้
    ยูอิจิมองรองเท้าในมืออย่างชื่นชอบแล้วสวมใส่มันทันทีโดยไม่ได้เหลือเยื่อใยให้กับรองเท้ามียี่ห้อราคาแพงที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้านั้นเลยของนายก็มีนี่หว่ามากันเป็นแก๊งค์เลยหรือไงเขาเอ่ยถามเมื่อตอนสวมรองเท้าเสร็จสายตาก็เลยไปเห็นรองเท้าของจินว่าแต่ทำไมมันสลับลายกันแบบนั้นละ
    อ่อ ~~~ ตั้งใจนะ ไอเดียของคาซึยะเขาจินตอบ
    ยูอิจิเงยหน้าขึ้นมามอง แหม ๆ อิจฉาเว้ยเขาเอ่ยแซว
    จินหน้าแดงขึ้นมาเฉย ๆ บ้าน่ามาแซวกันเอง อีกหน่อยนายก็ได้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้แล้วหละ อดทนหน่อยแล้วกัน
    อีกตั้งสามปียูอิจิบอกถ้าหมดสัญญาแล้วคงมีเงินมากพอที่จะทำอะไรได้ดั่งใจสักทีนะ
    ถามจริง ไม่เสียดายเหรอชื่อเสียงนะจินถาม
    ชื่อเสียงอะไรนั่นฉันไม่เสียดายหรอก ถ้าเสียดายก็คงเป็นความรู้สึกของแฟน ๆ ที่มีให้ฉันต่างหากยูอิจิตอบตามความรู้สึกแต่ว่าฉันก็เอาเปรียบความรู้สึกของมิซูรุไว้มากเหมือนกัน
    พี่สาวฉันไม่คิดมากแบบนั้นหรอกน่าจินบอก เอ่อ!!! นี่ที่อยู่ใหม่ฉันจินยื่นนามบัตรที่เพิ่งทำมาใหม่ให้
    ยูอิจิรับมามอง อะไรว่ะ ไม่มีแฟ็กซ์
    มันไม่จำเป็นนี่หว่าจินตอบ
    อะไร พูดอย่างนี้ทำอย่างกับจะไม่ถ่ายรูปฉันแล้วอย่างนั้นแหละยูอิจิเอ่ยถาม
    ฉันก็คิดว่าจะไม่ทำแล้วจินบอก ไม่อยากหากินกับเพื่อนอีกแล้วว่ะ
    นายไม่ได้หากินกับฉันสักหน่อย จะว่าไปฉันบังคับให้นายทำเองมากกว่ายูอิจิบอกหาเงินได้มากพอแล้วเหรอถึงจะเลิก
    ยังหรอก แต่ฉันจะสอบทุนให้ได้มันจะได้ทุ่นค่าใช้จ่ายแล้วก็หางานพิเศษทำที่มันเป็นกิจจะลักษณะมากกว่านี้จินบอกตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วเลยต้องทำอะไรที่มันเป็นหลักเป็นแหล่งหน่อยล่ะ
    ยูอิจิคลี่ยิ้มให้ เท่ว่ะ
    อะไรวะจินถามกลับอย่างงง ๆ
    ก็ดูนายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเพราะคาเมะจังนั่นใช่ไหม....รักมากเลยล่ะสิยูอิจิถาม

    คงเหมือนนายกับพี่นั่นแหละจินตอบ เฮ้ย!!!!เขาร้องขึ้นมาเมื่อมีแสงแฟลชสะท้อนกับกระจกของร้านตรงโต๊ะที่พวกเขานั่งกันอยู่
    ยูอิจิถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อย ๆ นึกว่าจะรอดแล้วเชียว
    โทษทีว่ะ ไม่น่านัดนายออกมาเลยจินสำนึก
    ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ปล่อยเขาถ่ายไปเถอะยูอิจิไม่ได้ใส่ใจเขายังคงนั่งคุยกับจินอย่างปกติ ปล่อยให้ปาปารัซซี่ถ่ายรูปของเขาจนพอใจแล้วก็จากไปเอง
    ขอบใจมากนะไอ้จิน ไว้ว่าง ๆ เจอกันใหม่ยูอิจิบอกเมื่อเดินออกมานอกร้านคอฟฟี่ชอปแล้ว
    ไม่เป็นไรเพื่อนกัน อีกอย่างคนที่นายน่าจะขอบใจมากกว่าฉันคือไอ้ทัตซึยะมันนะจินบอก
    อันนั้นฉันไม่ลืมอยู่แล้ว ไปละกลับบ้านดี ๆ ล่ะยูอิจิขอตัวแล้วเดินแยกไปอีกทาง
    จินมองส่งเพื่อนสักครู่แล้วเดินแยกไปอีกทาง เขาถือกล่องขนมซึ่งข้างในมีเค้กติดมือกลับไปฝากร่างบางที่บ้านด้วย เดินไปเรื่อย ๆ อย่างอารมณ์ดีแต่เสียงฝีเท้าที่ดังตามขึ้นมาทำให้เขารู้สึกเอะใจ รีบเดินเร็ว ๆ เมื่อรู้สึกว่าตนเองไม่ปลอดภัยกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาจนกระทั่งประชิดด้านหลัง
    เฮ้ย!!!! ตามมาทำไมวะจินร้องถามเสียงลั่น กำหมัดแน่นหันกลับมาหวดใส่ใครก็ไม่รู้
    บุคคลลึกลับยื่นมือไปกำหมัดของจินไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้หน้าหงายไปแล้วแน่ ๆใจเย็นสิน้องชาย
    จินดึงมือของตนเองกลับมองผู้ชายแก่วัยกว่าตนไม่มากนักที่มีกล้องคล้องคออย่างไม่ค่อยพอใจมีอะไร
    ชายแก่วัยกว่าเหยียดยิ้มให้ รบกวนหน่อยนะ มีเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจจะคุยด้วย
    ธุรกิจอะไรกัน ผมเป็นแค่นักศึกษาธรรมดา ๆ ไม่ได้เป็นนักธุรกิจสักหน่อย พี่ชายคงทักคนผิดแล้วจิน
    บอกปัดการสนทนา
    แต่ก็เป็นคนรู้จักของนากามารุ ยูอิจิ ไอดอลชื่อดังไม่ใช่เหรอชายแก่วัยเอ่ยถาม
    จินหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยพอใจนายคือคนที่ถ่ายรูปเมื่อกี้ล่ะสิ
    สมแล้ว....ที่ทำอาชีพเดียวกันชายแก่วัยตอบ
    นาย!!!!จินตะเบ็งเสียง
    ฉันจำนายได้ ทีนี้สนใจจะคุยธุรกิจด้วยกันหรือยังล่ะชายแก่วัยกว่าเอ่ยถามย้ำแล้วเหยียดยิ้มให้ จินมองตอบอย่างไม่สบอารมณ์ คนตรงหน้านี้ไว้ใจไม่ได้จริง ๆ
    ****************************************

    ไปไหนมายูอิจิคุงผู้จัดการส่วนตัวยืนกอดอกถามเมื่อยูอิจิเปิดประตูห้องกลับเข้ามา
    ยูอิจิมองตอบอย่างไม่สนใจแล้วก้มลงถอดรองเท้า
    ฉันถามก็ช่วยตอบหน่อยคุณไอดอลอันดับหนึ่งของประเทศผู้จัดการเอ่ยประชด
    ไปหาข้าวกินมาครับยูอิจิตอบ
    ทำไมไม่โทรสั่งมาผู้จัดการเอ่ยถาม
    ผมก็อยากออกไปเดินดูอะไรบ้างสิครับ จะให้อยู่ในห้องทั้งวันก็เบื่อแย่ไหน ๆ วันนี้ก็ได้หยุดวันหนึ่งยูอิจิตอบแล้วเดินผ่านเข้าไปในบ้าน
    ผู้จัดการหนุ่มเดินตามเข้าไปทันทีฉันรู้ว่ามันน่าเบื่อแต่อย่าลืมว่าตอนนี้บริษัทคู่แข่งต้องการทำลายชื่อเสียงเธออยู่นะ
    ช่างเขาสิฮะ อยากทำอะไรก็เชิญยูอิจิตอบ
    ผู้จัดการได้ฟังก็ฉุดกึกเขายื่นมือไปรั้งไหล่ยูอิจิให้หันหน้ากลับมาแล้วต่อยที่ใบหน้านั่นอย่างแรงจนยูอิจิทรุดตัวลงไปกองกับพื้นเพราะไม่ทันตั้งตัวบวกกับแรงหมัดที่ปล่อยมาไม่ยั้งมือ
    กว่าจะมีวันนี้ได้หมดกับนายไปตั้งเท่าไหร่ อย่าเห็นแก่ตัวแบบนี้อีกผู้จัดการเอ่ยว่าน้ำเสียงเข้ม
    ยูอิจิหน้าสลดยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากที่ไหลซิบ ๆ ออกมา ขอโทษครับ ผมเหนื่อยไปหน่อย
    ผู้จักการได้สติแต่ก็ไม่เอ่ยคำขอโทษออกมาจะโทรไปยกเลิกงานถ่ายแบบของวันพรุ่งนี้กับมะรืนให้แล้วกัน นายคงต้องการพักผ่อนจริง ๆ บอกเสร็จก็เดินอออกจากห้องพักส่วนตัวของยูอิจิไปทันทีโดยที่เขาเตะรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ของยูอิจิกระเด็นไปคนละทาง
    ยูอิจิมองร่างที่เต็มไปด้วยอารมณ์ระอุอย่างไม่คิดโกรธตอบแต่อย่างใด เขาค่อย ๆ ชันตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบรองเท้าผ้าใบที่เพื่อนทำให้มากอดเอาไว้แนบออกแล้วทรุดตัวลงนั่งฉันจะอดทน อีก3ปีเท่านั้น
    *********************************
    คนร่างหนาเปิดประตูห้องเข้ามาเงียบ ๆ แต่เสียงนั่นก็ทำให้ร่างบางที่นั่งดูโทรทัศน์ได้ยินและลุกเดินมาที่หน้าประตู
    จินกลับมาแล้วเหรอร่างบางเอ่ยทักแล้วส่งยิ้มกว้าง
    ร่างหนาฝืนยิ้มตอบกลับมาแล้วจ้าเขายื่นกล่องขนมในมือให้ มีเค้กนะฉันซื้อมาฝาก

    ร่างบางยื่นมือไปรับมองดูคนรักที่ไม่สดใสเอาเสียเลย ร่างหนานั่นยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนลูบเส้นผมเขาเบา ๆ แล้วเดินผ่านไป คนร่างบางเดินตามไปติด ๆ วาดวงแขนโอบรอบเอวหนาเอาหนาซุกแผ่นหลังทันที
    ไม่สบายใจอะไรอยู่ใช่ไหมร่างบางเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย บอกฉันได้นะ
    จินหมุนตัวกลับมาหาหลังจากนิ่งไปชั่วครู่ ก้มหน้าลงมาใกล้ร่างบางแล้วจุมพิตที่ริมฝีปากบาง เขาคงบอกไม่ได้ว่ากลุ้มใจเรื่องอะไรแต่ขอระบายความอึดอัดใจนั้นให้ร่างบางรับรู้และหวังว่าร่างบางจะปลอบประโลมเขาผ่านภาษากายเช่นเดียวกับตน
    *****************************************
    ร่างบางลืมตาตื่นท่ามกลางแสงสลัวจากดวงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางช่องว่างของม่านหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท เขาค่อย ๆ ขยับกายเพราะเกรงว่าคนร่างหนาที่โอบกอดตนอยู่จะรู้สึกตัวตื่น ใบหน้ายามหลับใหลซึ่งยังทิ้งความกังวลใจให้เห็นทำเอาร่างบางพลอยไม่สดใสไปด้วย ร่างบางใช้แขนท้าวกับหมอนเพื่อพยุงน้ำหนักของตัวเองเพื่อมองหน้าคนรักที่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมบอกอะไรแก่ตน ก่อนจะก้มลงใกล้ ๆ แล้วจุมพิตลงบนแก้มของคนที่พักกายเพื่อผ่อนใจ
    อืม~~~” ร่างหนารู้สึกตัวเมื่อได้รับสัมผัสละมุน เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมองร่างบางที่ส่งยิ้มละไมให้
    ขอโทษนะที่ทำให้ตื่น จินหลับต่อเถอะร่างบางบอก
    จินยิ้มบางตอบ ไม่หละ นายล่ะทำไมถึงไม่ยอมนอน
    นอนไม่หลับร่างบางตอบ
    ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะจินเอ่ยถามพลางใช้นิ้วมือเกลี่ยผมร่างบางเล่น
    ร่างบางจับมือของจินที่เล่นผมของตนเองไว้ก่อนจะเลื่อนมาไว้ตรงริมฝีปากของตนแล้วจุมพิตลงเบา ๆ จินมองร่างบางอย่างไม่เข้าใจแต่การกระทำนั้นก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย
    ยังไม่ตอบฉันเลย ว่าทำไมนายถึงนอนไม่หลับจินถามย้ำอีกครั้ง
    ที่นอนไม่หลับก็เพราะว่าจินนอนไม่หลับนั่นแหละร่างบางตอบฉันคิดว่าจินคงไปเจอเรื่องอะไรมาแล้วไม่สบายใจมาก ๆ มากจนจินคนที่หัวถึงหมอนแล้วนอนหลับเป็นตายตื่นกลางดึกแล้วบอกว่าไม่อยากหลับต่อได้ร่างบางพูดต่อพลางใช้มือเกลี่ยผมคนร่างหนาไปด้วยฉันเลยตั้งใจจะกล่อมให้คืนนี้จินนอนหลับ

    คนร่างหนาคลี่ยิ้มให้นายทำแบบนี้แล้วฉันรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็นเด็กเลยแหะ
    อย่างนั้นเหรอ ถ้าจะอ้อนแล้วก็เอาแต่ใจแบบเด็ก ๆ ฉันก็ไม่ว่านะร่างบางตอบ
    ถ้าอย่างนั้น....กอดฉันหน่อยจินเอ่ยขอ
    ร่างบางกระเทิบตัวเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิมแล้วสวมกอดคนร่างหนาเอาไว้แน่น รั้งศีรษะคนที่ทำตัวเป็นเด็กแนบบนแผ่นอกบางของตนแล้วลูบไล้เลือนผมสีอ่อนเบา ๆ
    ร่างหนาหลับตาลงแล้วคลี่ยิ้มออกมา ผมรักคุณ~~~”
    อันนั้นมันของแน่อยู่แล้วนี่ร่างบางตอบเสียงกลั้วหัวเราะก่อนก้มหน้าไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูร่างหนาหลับฝันดีนะที่รักของฉัน
    ร่างหนาไม่ตอบอะไรเขากระชับกอดตอบคนร่างบางให้แน่นขึ้น คนในอ้อมกอดของเขาไม่เซ้าซี้ที่จะต้องถามอะไรมากมายก็รับรู้ความรู้สึกของเขา คำปลอบประโลมที่ไม่มีหลุดออกจากปากร่างบางแต่การกระทำที่มอบให้มันมีค่ามากกว่าและมากพอที่จะทำให้เขาหลับตาลงนอนอีกครั้งด้วยความสบายใจ
    ***************************
    จบตอนที่5แล้วจ้า ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่ติดตามอ่านนะคะ ยังไงอย่าลืมเม้นท์บอกกันด้วยนะว่าเป็นอย่างไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×