ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kuro Sora || BGY(ฉบับมิคาสึกิ)

    ลำดับตอนที่ #2 : กระบองห้องเกษตร

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 50


           ตีห้าครึ่ง..บัดนี้ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าน่านน้ำอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาขึ้นมาเต็มดวงแล้ว.. 

            มิคาสึกิ หรือเจ้ามิกของเราวางซากจักรยานไว้หน้าห้องประจำชั้น ห้อง ม.สาม-จัสมิน (มันก็มะลิไม่ใช่เรอะ) แล้วเดินเข้าไปในห้องซึ่งมีโต๊ะนักเรียนเรียงเป็นระเบียบอยู่ภายใน.. มิกเดินไปวางกระเป๋าตรงโต๊ะติดหน้าต่างริมซ้ายของห้อง ซึ่งเป็นโต๊ะที่สองของแถวถ้านับจากโต๊ะหลังมา 

            พอหมดเป้าหมาย(จองโต๊ะ)แล้ว มิกก็เดินออกมาแบก ซากจักรยานออกจากอาคารไปทั้งๆที่ยังหอบอยู่ไม่หาย ..เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาวางตรงหน้าห้องเล็กๆ ที่ล้อมรอบไปด้วยแปลงผัก มีป้ายทำจากกระดาษแข็งที่ถูกแปะอย่างลวกๆ ไว้เหนือประตูทางเข้า ถูกเขียนด้วยปากกาเมจิค และ ลายมือที่พยายามจะบรรจงแต่ไม่สำเร็จ 

    " ชมรมพลอง / กระบอง "

         มิกหยิบกุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมาไขประตูห้องชมรมแล้วเข้าไปหยิบกล่องอุปกรณ์ซ่อมออกมาซ่อมจักรยาน ..ถึงจะบอกว่าเป็นซากแต่จริงๆ มันก็แค่ส่วนล้อหลัง โซ่ เบาะนั่งท้าย และแฮนเดิ้ลหลุดออกมาเท่านั้นเอง (แค่?)

          สำหรับเจ้านี่แล้ว การซ่อมจักรยานมันก็เป็นเพียงเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเฉลี่ยวันเว้นวันเท่านั้น.. 

    ---

          ต่อมา...คู่กรณีอุบัติเหตุก็แบกซากจักรยานสีดำเดินเข้ามาวางในบริเวณใกล้เคียงกัน แล้วมิกก็เริ่มทักทาย 

    "โย่..มิยะ ..ไม่ได้เจอกันซะนาน"

    มิยาซากิทักตอบ 

    "ฮายมิก เออเมื่อเช้าเพิ่งเจอกันไม่ใช่เรอะ"

    มิก"อ้าวเหรอ..ลืมไปแล้ว"

    เวรกรรม นี่มันคิดว่ามันต้องนั่งซ่อมจักรยานเพราะดันไปชนกับใครเล่าหา    
     
     มิยะ "เออนี่.. ปีนี้นายอยู่ห้องไหนหนะ "

    มิก "ห้องจัสเตอร์รึอะไรซักอย่างนี่แหละมั้ง จำได้ว่ามัน จั๊ดๆ"
    มิยะ "จั๊ดๆ งั้นเหรอ นึกไม่ออกแฮะ แต่ฉันอยู่ห้องทัมโปโปะน่ะ(แดนดีไลออน)"

          ไอ้นี่ก็พอกันเลย สายชั้นนึงมันมีแค่สี่ห้องยังจำชื่อห้องกันไม่ครบอีก ทั้งๆ ที่เจ้าพวกนี้ยังไม่ถึงวัยอัลไซเมอร์ แท้ๆ  พอดีพวกนี้เป็นพวกไม่ค่อยสนใจอะไรที่ไม่คิดว่าจำเป็นต้องใส่ใจ ตัวไอ้มิกเองยังไม่ค่อยจะจำว่าตัวเองเป็นหญิงเล้ยยยย

         เวลาผ่านไปเรื่อยๆ กับการซ่อมจักรยานของทั้งคู่ จนกระทั่งถึงเวลาเจ็ดโมง แล้วก็มีเด็กชายมอสามอีกคนเดินมายังห้องชมรมกระบอง เขามีผมสีกรมท่ายาวรุงรัง(ชมรมนี้ไม่มีใครหัวเรียบเชื่อเหอะ) ดวงตาสีเงิน
     
    "หวัดดีมิยาซากิ หวัดดีมิคุซากิ  โห.. ฉันว่าฉันมาเช้าแล้วนะ พวกนายมากันกี่โมงเนี้ย!! " 

    แล้วไอสองตัวนั่นก็ตอบพร้อมกัน

    "ตีห้า~"
    "จำม่ายด้าย~"

    แน่นอนว่าคนที่พูดคำตอบอันหลังคือมิกซึ่งชีวิตนี้ไม่คิดจะจำอะไรกับชาวบ้านเขา

          แล้วมิยะก้อถามคำถามยอดฮิตวันเปิดเทอม

    "อยู่ห้องอะไรน่ะเอฟ"

    ใช่..เอฟ ..มันเป็นชื่อที่เรียกกันโดยย่อจากชื่อ เอวาชิ 

    เออแล้วไอ้นี่แหละที่เที่ยวตั้งชื่อเล่นให้ชาวบ้าน อยางมิคาสึกิก็กลายเป็นมิคุซากิ ส่วนมิยาซากิก็จริงๆ แล้วชื่อมิซากิ (งงใช่ปะ) 

    "พวงครามว่ะ เออแต่ห้องพวกนายฉันดูมาละไม่ต้องบอก"

    นี่สิ คนปกติ นึกว่าจะไม่จำอะไรกันทุกคนซะละ    

    "พวกเราอยู่คนละห้องกันหมดเลยว่ะ มีไอ้คัตเตอร์กะเรียวแหละ อยู่กาสะลองด้วยกัน"
     
    เอฟตอบพร้อมพูดถึงเพื่อนพ้องอีกสองหน่อที่เหลือ   มิกกับมิยะฟังไปซ่อมรถไป พยักหน้าเป็นเชิงว่าฟังอยู่ไปด้วย



           แล้วเอฟซึ่งมองเพื่อนซ่อมจักรยานกัน อยู่พักนึงก็ชักเซ็งกะชีวิต
     
    "เว้ย..พอเหอะน่าจักรยานพวกนายมันเจ๊งตลอดเวลาอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ ไปซ้อมกันดีกว่าน่า เปิดเทอมทั้งที"    

    มิสะ   "นั่นสิเนาะ.. เปิดเทอมแล้ว.. เมื่อไรจะปิดเทอมอีกว้า..."   

    มิก"ซ้อมเหรอ ก้อดีนะแต่ว่าสองคนนั่นไม่อยู่ทั้งทีเล่นแคชบอลดีก่า" 

    เอฟชักเห็นด้วย"จริงด้วยแฮะ ซ้อมทีหลังละกันเนาะ เล่นแคชบอลดีฝ่า"
         
    ...
    ว่าแล้วทุกคนก็เล่นแคชบอล(เวรกรรม)


    ..ชมรมกระบอง  เทียบกับชมรมอื่นๆแล้วค่อนข้างจะแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านอยู่หลายอย่าง มีสมาชิกเพียงห้าคนด้วยเหตุผลบางประการ  ไม่มีครูที่ปรึกษาประจำชมรม ชุดชมรมแบบโรงฝึกย้อนยุค ห้องชมรมที่เดิมเป็นห้องเกษตร และอะไรอีกหลายๆ อย่าง ที่น่าแปลกใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×