ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอสความรักครั้งสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #17 : แขก(ที่ไม่ได้)รับเชิญ

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 49




    ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับมืดราวกับจะเกิดสุริยคราส พระอาทิตย์เริ่มถูกเมฆดำบดบังรัศมี



    กลิ่นคาวเลือดฉุนกึกลอยมาตามลม เสียงคำรามของฝูงอะไรสักอย่างดังขึ้น



    ตามสัญชาตญาณเฟรินรู้ได้ทันทีว่านั่นคือใคร...



    “ท่านพ่อ”



    สิ้นเสียงเฟรินก็เกินการโกลาหลขึ้น ผู้คนต่างหวีดร้อง และวิ่งหนีคนละทิศละทาง



    เมื่อเหล่าปีศาจถือวิสาสะมาจับจองที่นั่งตามอำเภอใจ



    “เฟลิโอน่า กลับเดมอสกับพ่อ” เอวิเดสพูดขึ้น



    “ทำไมฮะ เอ๊ย เพคะ” เฟรินรีบเปลี่ยนคำแทนตัวเองทันทีที่เอวิเดสทำตาดุใส่



    “อย่าพึ่งถาม” เอวิเดสเอ่ยเสียงดุทำเอาเฟรินหน้างอเดินกระฟัดกระเฟียดไปหาผู้เป็นพ่อ



    “ช้าก่อนท่านเอวิเดส ข้าขอทราบเหตุผล” คาโลเอ่ย (เสียงเท่^^)



    จ้าวปีศาจปรายตามามอง แล้วพูดเสียงเย็นชาอันทรงอำนาจดังก้อง



    “เรื่องนี้คนนอกอย่างเอเดนไม่จำเป็นต้องรู้”



    “ท่านพ่อ” เฟรินกล่าวเตือน



    จ้าวปีศาจ (สุดหล่อ^^) เลยอุ้มเฟรินขึ้นบ่าเหมือนเด็กๆ ขึ้นมังกรตัวใหญ่สีดำ



    คิดหรอว่าคาโลจะอยู่เฉย แน่นอนเอวิเดสก็ไม่ยอมให้คาโลขัดขวางเช่นกัน



    จ้าวปีศาจร่ายเวทขังคาโลให้อยู่ในวงแหวนเวท (อ้างอิงจากฟูลเมทัล อัลเคมิสค่ะ)



    ถึงแม้คาโลจะใช้เวทได้อย่างเก่งกาจแต่ก็ไม่สามารถต่อต้านเจ้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้



    “ท่านพ่อ หยุดนะ” เฟรินเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ



    “พอเราถึงเดมอสเวทก็จะหายไปเอง” เอวิเดสบอกกับลูกสาว



    “ท่านพ่อใจร้าย นี่เจ้ามังกรบ้าบินเร็วๆ สิ” เฟรินหันไปด่ามังกร (พาลจริงๆ)



    “พ่อไม่ได้ใจร้ายซะหน่อย” เดวิเดสเถียง



    “ใจร้ายท่านพ่อทำคาโลทรมาร” เฟรินพูดเสียงแหลม



    “เจ้านั่นน่ะถ้าแค่นี่ทนไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นเพื่อนกับเจ้าแล้วเฟลิโอน่า” เอวิเดสเอ่ยขึ้น



    “เขาชื่อคาโลเพคะ คาโล วาเนบลี ไม่ใช่เจ้านั่น” เฟรินเถียงแก้มป่อง



    ‘แล้วเขาก็ไม่ใช่เพื่อนด้วย เขาเป็น...เขาเป็น...มากกว่าเพื่อน’ เฟรินเถียงต่อในใจ



    “เขาเป็นมนุษย์นะเพคะ”



    “อือจริงสิ พ่อลืมไป มนุษย์น่ะอ่อนแอนี่นา” เอวิเดสทำท่านึกได้ก่อนจะร่ายเวทคลายวงแหวนเวทออก



    “มนุษย์อ่อนแอแต่คาโลไม่อ่อนแอเพคะ” เฟรินแก้ตัว



    “มนุษย์ก็เหมือนกันนั่นแหละ” เอวิเดสเถียง



    “คาโลไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เฟรินโวยวาย



    จนเจ้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ยอมแพ้



    “อ่ะ ไม่ใช่ก็ไมใช่”



    “แล้วเมื่อไหร่ท่านพ่อจะบอกซะทีว่าพาหม่อมฉันมาทำไม” เฟรินเริ่มซักไซ้



    “ให้ท่านอาลูน่าบอกดีกว่านะ” เอวิเดสบ่ายเบี่ยง



    เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง และพูดมากไปหน่อยเฟรินเลยผล็อยหลับไปบนตักของบิดา



    เอวิเดสค่อยๆ ลูบผมธิดาด้วยความรัก ห่วงไย และคิดถึง...



    มังกรสีดำตัวใหญ่ถลามาเกาะที่บริเวณริมระเบียงของปราสาทเดมอส



    เฟรินยังคงหลับไหลอยู่ต่อไปหากแต่



    “ท่านเจ้าและเจ้าหญิงเฟลิโอน่ากลับมาแล้ว” เจ้าคนแคระเขากวางโกโดม โคมุสตะโกนลั่นเมื่อเห็นมังกรยักษ์



    ทำเอาเฟรินสะดุ้งตื่นทันที



    โป๊ก!!



    กำปั้นใหญ่ๆ เขกลงบนหัวของโกโดมโทษฐานทำลูกสาวสุดที่รักตื่น



    “เจ้าหญิงๆๆทรงกลับมาแล้ว” โกโดมก้มทำความเคารพต่ำเสียจนแทบกราบเท้าเฟริน



    “ท่านอาลูน่าอยู่ไหน” เฟรินเอ่ยถาม



    “ในสวนน้ำพุกระหม่อม” โกโดมตอบอย่างนอบน้อม



    “พาไปหน่อยสิ หม่อมฉันขอตัวนะเพคะท่านพ่อ” เฟรินพูดกับโกโดมแล้วหันมาลาเจ้าปีศาจ



    “ด้วยความยินดีกระหม่อม” โกโดมเอ่ยและวิ่งเวอร์ชั่นกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจนำหน้าหญิงสาว







    เสียงน้ำไหลดังแว่วมาชวนผ่อนคลาย ไม่เคยคิดว่าเดมอสจะมีที่ที่วิเศษณ์สวยงามเช่นนี้



    เมื่อทั้งคู่มาถึง อิสตรีที่มาอยู่ก่อนแล้วค่อยๆ หันมาเผยให้เห็นใบหน้าขาวผ่องดุจไข่มุก



    ดวงตากลมโตแฝงไปด้วยความอ่อนโยน และลึกลับน่าค้นหา ผมยาวสยายพลิ้วไปตามลม



    ร่างกายที่ดูเมื่อไหร่ก็อ่อนเยาว์เสมอ



    “เฟลิโอน่า” ราชินีจันทราทักหลานสาวด้วยความยินดี



    “ท่านอา ท่านพ่อไปรับหลานมาจากเอดินเบิร์กอย่างกะทันหันหลานอยากทราบเหตุผลเพคะ” เฟรินเอ่ย



    ราชินีจันทรายิ้มก่อนจะพูดว่า



    “ทำไมหลานไม่ไปถามท่านพ่อเองล่ะ”



    “ท่านพ่อบอกให้มาถามท่านอาเพคะ” เฟรินพูด



    หญิงสาวผู้มีอายุมากกว่าหัวเราะอย่างขบขัน เฟรินได้แต่มองดูเฉยๆ อย่างไม่เข้าใจ



    “ท่านอา?”



    “ท่านพี่นี่ช่างเอาตัวรอดเก่งได้จริงๆ” ลูน่าเอ่ยอย่างชื่นชม (หรือเปล่า)



    “รู้ตัวมั่งมั๊ยว่าอยู่ที่เอเดนอยู่ๆตัวเองก็เนื้อหอมขึ้นมา” ลูน่าเริ่ม



    “ฮะ เอ๊ย เพคะ”



    “มันเป็นคำสาป รู้มั๊ย ที่ๆ ปลอดภัยที่สุดก็คือเดมอสพ่อเจ้าทำถูกแล้ว”



    “เนื้อหอมแล้วจะไม่ดีตรงไหนหรอเพคะท่านอา” เฟรินถาม



    “อืม...ขึ้นชื่อว่าคำสาปมันไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นก็คือช่วงระยะเวลานั้น



    พวกเราจะเหลือพลังเวทอ่อนมาก แล้วผลที่ตามมาอาจถึง ชีวิต” ลูน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย



    “พวกเรา?” เฟรินถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ



    “ใช่ มีเจ้า อา อาเกรเซอร์ พ่อของเจ้า พวกเชื้อพระวงศ์น่ะ”



    “แล้วระยะเวลาที่ท่านอาว่า...”



    “อาทิตย์เดียวเท่านั้นแหละ พวกเราจะมาแช่น้ำเพื่อป้องกันพลังหายไปจากร่างจนหมด คืนนี้จะเป็นการเริ่มพิธี



    บวงสรวง เจ้าไปเตรียมตัวเถอะนี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว” ลูน่าบอก



    เมื่อแยกจากลูน่าแล้วเฟรินก็หันมาบ่นกับโกโดมเป็นการใหญ่



    “นี่เจ้ากวางรู้มั๊ยท่านพ่อน่ะเอาแต่ใจที่สุดเลย อยู่ๆ ก็บอกให้กลับเดมอส



    ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะมาแต่ท่านพ่อก็อุ้มฉันขึ้นมังกรมาเฉยเลย



    ท่านพ่อเป็นราชาที่เอาแต่ใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักเลยนะ แกเชื่อมะ”



    “แต่ท่านจ้าวทรงเป็นห่วงเจ้าหญิงนะกระหม่อม” โกโดมค้าน



    “เป็นห่วงร่างกายก็น่าจะเป็นห่วงจิตใจมั่งนะ” เฟรินเถียง



    “เจ้าหญิงนั่นแหละทรงไม่เป็นห่วงท่านจ้าว รู้มั๊ยท่านเจ้าเหงาขนาดไหนทรงเลี้ยงสุนัขชื่อเฟริน ทรงให้นอนด้วย



    ในห้องบรรทมเลยนะกระหม่อม เห็นมั๊ยท่านจ้าวทรงคิดถึงเจ้าหญิงขนาดไหน” โกโดมสาธยาย



    เฟรินนิ่งไปใช้นิ้วไล้ที่แผลเป็นใต้ตาซ้ายอย่างเคยชิน



    “แกว่าฉันจะทำอะไรเพื่อท่านพ่อได้มั่ง เจ้ากวาง” เฟรินเอ่ย โกโดมฉีกยิ้มกว้างอย่างถูกใจในคำพูดของหญิงสาว



    “มาอยู่ที่เดมอสสิเจ้าหญิง” โกโดมเสนอ



    “ไม่ เอาอย่างอื่น” เฟรินปฏิเสธ



    “งั้น อีก 3 เป็นวันเกิดท่านจ้าว เจ้าหญิงก็ทรงจัดงานให้ท่านจ้าวสิกระหม่อม” โกโดมเสนออีก



    คราวนี้เฟรินยิ้มร่า



    “งั้นตกลง”



    “แต่ตอนนี้ได้เวลาลงไปร่วมพิธีบวงสรวงแล้วแล้วกระหม่อม”โกโดมเอ่ยขึ้น



    เฟรินเลยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาร่วมพิธีที่สวนน้ำพุ



    มีจ้าวปีศาจเอวิเดส ราชินีจันทราลูน่า ราชายักษ์เกรเซอร์ รออยู่ก่อนแล้ว



    เมื่อเฟรินมาถึงพิธีจึงเริ่มขึ้นทันที





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×