ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pocky Game จูบแรกกับเกมป๊อกกี้ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : Kiss No. 4

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 57



    © simply theme


    Kiss No. 4

     

     

                ‘เจอกันตอนเที่ยงนะครับ

     

                คำบอกกล่าวของคนที่ชอบทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นปกติเสมอมา ได้เชิญชวนให้มาเที่ยวอีกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ตอนที่หมอนี่พูดออกมาว่า เหตุผลบ้าๆข้างในอกนี้ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดลึกลงมาข้างในจนร่างกายเหมือนจะสลาย ราวกับโดนมีดเล่มหนึ่งแทงลงมากลางหัวใจ พึ่งจะโดนหมอนี่พูดแบบนี้ออกมาเป็นครั้งแรกสินะ

     

                ผมที่กำลังดูโทรทัศน์ไปพลางเอาเรื่องเมื่อวานมาเข้าในสมองจนเหมือนจะเริ่มปวดหัว ก็ต้องสะดุ้งที่มีใครสักคนมาเคาะประตูเรียกให้ออกมาเปิดประตู ผมค่อยๆหมุดลูกบิดจากนั้นก็ดึงประตูออกมาและแล้วก็ได้มีร่างทั้ง 3 กระโจนออกมากอดผม จนรับน้ำหนักทั้ง 3 คน จัดได้ว่า หนักสุดๆ

     

                “ฮัน~ ฉันคิดถึงนายจัง ได้ข่าวว่าไปเดทกับ ดันเต้มาเหรอ?” เคนอุ้มผมพาไปนั่งบนโซฟา

     

                ก็ . . . ไม่ใช่เดทหรอก ก็แค่แบบรุ่นพี่รุ่นน้องน่ะผมค่อยๆนั่งดีๆ

     

                นายนี่แข็งแรงจังนะ เคน

     

                เอ๋?! แต่เชบอกว่าคบกันอยู่นี่นา

     

                เคนเอ่ยชื่อตัว ต้นเหตุที่บอกความจริงกับเขา ทำให้ผมต้องหันไปหาเจ้าของชื่อนี้แต่เจ้าของชื่อนี้ก็ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้ คอยดู . . . ฉันจะลงโทษนายเป็นคนแรกเลย

     

                ผมไปบอกว่าคบกันตอนไหนครับ?” ผมยิ้มให้เช

     

                ก็รุ่นน้องนายบอกเองนี่นาเขาเดินเข้ามานั่งข้างๆและกระตุกยิ้มกวนใส่

     

                ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ!!”

     

                นายนี่มัน . . . ‘ปากแข็งจังเลยนะเขาว่าจากนั้นก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆผม

     

                “อย่ามาแทงใจดะ . . .” และหอมแก้ม เฮ้ยยยย!!! . . . ขนลุกนะ!!”

     

                ทีรุ่นน้องยังยอมให้ หอมกับ จูบเลยนี่นาเขาทำสีหน้าเหมือนอิจฉานิดหน่อย

     

                จะ . . . จะบ้ารึไงกัน?! ฉันไม่ยอมให้หมอนั่นจูบหรอก!!”

     

                “เหรอ~?” เขาลากเสียง

     

                จริง!!”

     

                “แต่ว่า ท่าทีของนายมันเหมือน ปากแข็งนะบลูที่เอาแต่นั่งเงียบตอนนี้ได้เปิดปากพูดออกมา

     

                ปากแข็งครั้งที่ 2

     

                “นั่นสินะ เหมือนพวกผู้หญิงจะชอบพูดว่าอะไรนะ คำนั้นน่ะ . . .” เคนนั่งคิดจากนั้นก็นึกขึ้นได้ ซึนเดเระนี่เอง!!”

     

                “อะไรล่ะนั่นน่ะ?” ผมหันไปตามความสนใจ

     

                ก็พวก ปากแข็งไม่ยอมรับว่าตัวเอง รักหรือ ชอบคนคนนั้นอยู่น่ะ ทั้งๆที่ใจจริงนั้นออกจะตรงกันข้ามกันเลย

     

                “หือ~ . . .” เชเริ่มจับตามองผมไม่ละสายตาเลยสักนิด

     

                อะ . . . อะไร? มองทำไมเล่า!?” ผมมองคนที่จ้องจับผิด

     

                อา . . . เข้าใจแล้วล่ะเชพูดและเริ่มยืนขึ้น ฉันขอตัวก่อนนะ นัดใครสักคนไว้น่ะ

     

                “สาวอีกแล้วเหรอ?” บลูเดาไป

     

                ไม่ใช่หรอก คราวนี้เป็นคนรู้จักน่ะ

     

                “คนรู้จัก?” พวกเราทั้ง 3 คน มองคนที่กำลังจะไปไม่ละสายตา

     

                นิดหน่อยน่ะเชกระตุกยิ้มมองโทรศัพท์มือถือตัวเองแล้วโบกมือลาพวกเราไป

     

                เช . . . กำลังมีความรัก?!” เคนตกใจสุดๆ

     

                หา?!” ผมที่นั่งอยู่ข้างๆก็ตกใจด้วย

     

                อือ ดูท่าทางจะมีความสุขมากๆเลยนะบลูจับตามองคนที่พึ่งออกไป

     

                อิจฉารึไง?” เคนหันไปมองคนที่เปิดปากพูด

     

                “. . . ไม่หรอก ก็เพราะมีคนที่พิเศษอยู่เคียงข้างตลอดนี่นาพูดก็ยิ้มมีสุข

     

                หมอนี่ก็มีด้วยเหรอ?!

     

                “ใครล่ะคนที่ว่าพิเศษสำหรับนายน่ะ?”

     

                ไม่บอกหรอก

     

                “ขี้งก!”

     

                ทำไมรู้สึกว่าบรรยากาศมันเลี่ยนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้แฮะ หรือว่าคิดไปเอง?

     

     

                ก็เป็นแบบนี้แหละ

                ผมบอกคนข้างๆที่กลั้นหัวเราะไม่หยุดแถมยังเกือบจะโขกหัวตัวเองไปด้านหน้าอีก วันนี้ก็ได้ทำตามสัญญากับรุ่นน้องคนนี้เอาไว้ว่า จะไปเยี่ยมคุณยายด้วยกัน เมื่อผมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเพื่อนๆของผมจบ ดันเต้ก็เข้ามากอดทันทีที่ผมคนนี้เริ่มพูดจบ

     

                นี่นายยังไม่หายเข็ดเลยรึไงกัน?” ผมดันหมอนี่ให้ออกไป

     

                นิดหน่อยเองครับ นะ . . . นิดเดียวเองจากนั้นก็เริ่มเข้ามาซบอกผม

     

                “กะ . . . ก็ได้ แค่นิดเดียวนะ

     

                “อื่อ!” และจากนั้นก็ยิ้มร่าใส่

     

                ฮึ อ้อนอย่างกับลูกสุนัข หมอนี่ก็มีส่วนที่ น่ารักเหมือนกันนี่นา

     

                รุ่นพี่ครับ

     

                คนที่นอนบนตักผมเรียกให้ก้มหน้าลงมาหา แค่เรียกแต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่ส่งรอยยิ้มที่หวานชื่นและเต็มไปด้วยความสุขมาให้ผม  มันทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย ใบหน้าเริ่มร้อนชามากขึ้น . . . มากขึ้นเมื่อเขาพูดแบบนี้ว่า อุ่นจังมันน่ารักมากๆ

     

                อุ่นก็หลับไป เจ้าบ้า

     

                “ครับ

     

     

    1ชั่วโมงผ่านไป

     

                ผมว่า . . . รุ่นพี่จะไหวเหรอครับ?”

     

                “ไหวน่า~ นายไม่ต้องห่วงหรอก

     

                “ครับ อาจจะรุนแรงนิดหน่อยนะครับ

     

                “ฉันทนได้น่ะ นายไม่ต้อง . . . อึก!?”

     

                เอ๊ะ?”

     

                เบาๆหน่อยสิ . . . รู้ไหมว่านายกำลังทำฉันเจ็บอยู่

     

                “นิดเดียวเองครับขยับมือเบาๆ

     

                “อึก! . . . ก็บอกว่า . . .” บ่นไปพลางขยับร่างกายนิดหน่อย แก้มัดดีๆหน่อยสิ!!”

     

                ตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้วกว่าจะถึงบ้านคุณยายผมก็นานพอสมควร เพราะมันอยู่ไกลมากๆแถมคุณยายยังมีสภาพร่างกายที่ถือว่าหนักการเอามากๆ คุณหมอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อาจจะเป็นสภาพจิตใจที่กำลังซึมเศร้า ไม่สามารถแก้ได้เลย มันยิ่งทำให้เป็นห่วง

     

                สักครู่ครับ โอ๊ะ . . . ได้แล้วพูดไปก็ยิ้มไป

     

                ขอบใจ แล้วบ้านคุณยายนายนี่ไกลจังนะ

     

                “ก็ . . . เพื่อไม่ให้ใครมาตามเจอยังไงล่ะครับ

     

                “ใครเหรอ?”

     

                “พวกที่หักหลังน่ะครับ คุณยายท่านเคยไว้วางใจทุกๆคนในกลุ่มมาเฟียตัวเองมากๆ แต่แล้วก็ได้มีกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาทำร้ายคุณตาโดยกระบอกปืนเก็บเสียง . . . พวกเขาเก่งมากเลยใช่ไหมครับที่ทำแบบนี้?” เมื่อคนข้างๆผมฟังแบบนี้ก็ทำสีหน้าเศร้า

     

                “. . . นั่นสินะ คนเราก็ต้องมีการหักหลังกัน แต่นาย . . . ไม่ต้องกังวลมากหรอก เดี๋ยวฉันจะช่วยปกป้องเอง

     

                ปกป้อง? . . . พูดอะไรออกมาน่ะ

     

                บ้า . . .”

     

                “อะไรกัน!? คนอุส่าห์ช่วย

     

                “รุ่นพี่บ้าที่สุด นึกว่าจะช่วยผมได้รึไงกัน?” ผมว่าคนตรงหน้า เป็นความคิดที่ไม่ดีเลยครับ

     

                “ก็ . . . ฉันไม่อยากให้นายเจ็บนี่นาเจ็บเหรอ?

     

                “. . .” ค่อยๆเอาหัวตนเองขึ้นและหันไปสบตามอง รู้ไหมครับ สิ่งที่ผมเจ็บปวดที่สุดคืออะไร?”

     

                ฉะ . . . ฉันไม่รู้หรอก!!” เขาทำหน้ายอมรับ

     

                “. . . สิ่งที่ผมเจ็บปวดที่สุดน่ะ . . .” เว้นช่วงนิดหน่อยแต่ปลายนิ้วค่อยๆขยับขึ้นไปแตะแก้มเนียนนุ่ม คือการได้เห็นรุ่นพี่รู้สึกไม่ดี กับการ ตายต่อหน้าต่อตาผม รู้ไหมครับว่าความรู้สึกแบบนี้มันหายากมากๆเลยนะโน้มหัวเข้าไปซบอกเบาๆ

     

                ดัน . . . เต้เรียกและหน้าแดง ขอบคุณนะ ที่ห่วงน่ะ

     

                “. . .” เห็นหน้าแบบนี้ก็ไม่ทนแล้วล่ะครับ “. . . รุ่นพี่

     

                “หือ?” ทำหน้าสงสัยอีกแล้ว

     

                รักนะครับ รุ่นพี่

     

                “ยะ . . . อย่ายิ้มสิ รู้แล้วว่ารักน่ะทำไมจะยิ้มไม่ได้ล่ะครับ?

     

                ผิดเหรอครับ ที่ผมทั้งรักทั้งหลงแบบนี้น่ะ . . . โอ๊ะ! อีกอย่างหนึ่งรุ่นพี่ยอมให้ผม . . . เข้าไปในใจแล้วเหรอ?”

     

                ถามแบบนี้คุณคงจะเข้านะครับ รุ่นพี่

     

                ใบหน้าของคนตรงหน้าผมเริ่มแดงจนเหมือนมะเขือเทศแดงสด พอเอาหูไปแนบบริเวณที่ใกล้ๆอกหน่อยก็ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนกับว่ารุ่นพี่กำลัง . . . อา ทำไมถึงได้ . . .

     

                มะ . . . ไม่ใช่ซะหน่อย!!”

     

                น่ารักชะมัด

     

                รุ่นพี่ยังคงปากแข็งเหมือนเดิมนะครับผมว่าไป ก็แอบกอดเขาข้างๆ

     

                นะ . . . นาย!! เอามือออกนะ!!” และก็มาตีมือผม

     

                ไม่ครับ

     

                “เจ้าบ้า!! ไปตายซะไป๊!!”

     

     

                คุณยายท่านมักจะชอบปลูกดอกลิลลี่ ทั้งๆที่เป็นดอกไม้พันธุ์เปราะบาง แค่ตัด เผา ทำลายมันก็หายไปได้พริบตาเดียว แต่ท่านก็ยังคงพยายามที่จะปลูกมันต่อไป ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันที่ท่านจะพัก

     

                ส่วนท่านตาก็ . . . โดนกลุ่มมาเฟียของท่านหักหลัง เพราะความต้องการของเงินมากขึ้นถึงขั้นฆ่าท่านตา รวมกับคนบางส่วนที่เข้าไปยุ่งด้วย พ่อกับแม่เมื่อมาเจอแบบนี้ก็เกือบจะโดนฆ่าแต่ถ้าตำรวจมาไม่ทันก็คงจะ . . . โดนฆ่าไปแล้ว

     

                แต่ผมกลับโดนคนรับใช้จับยัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า และก็ไม่ยอมให้ออกไปข้างนอกห้องหรือในห้องเด็ดขาด ปีนั้นแหละ . . . เป็นปีที่ผมเกลียดที่สุด

     

                ดันเต้ นายเหม่ออะไรอยู่น่ะ?”

     

                “อ๊ะ . . . !”

     

                ตอนนี้อย่ามาคิดเรื่องพรรค์นั้นเลยจะดีกว่า แถมปัจจุบันเราก็ได้มีชีวิตสนุกๆกับคนแบบนี้ คนที่ปากแข็ง แต่พอโดนจูบ . . . ร่างกายอ่อนไหวไปหมด ยอมให้เข้าไปข้างในหัวใจได้อย่างง่ายดาย เป็นคนที่ไม่ป้องกันตัวเองซะเลย น่าหัวเราะจังนะ ที่เอาแต่คิดมาก

     

                ผมก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า ประตูใหญ่เข้าๆถูกเปิดออกโดยคนรับใช้ส่วนตัวของผมเอง เมื่อเข้าไปภายในบ้านนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ส่วนรุ่นพี่นั้นก็ . . . สมงสมองไปหมดแล้ว ตกใจรึไงครับ? ที่ได้มาเจอของหรูหราแบบนี้น่ะ สงสัยเราประเมินเขาคนนี้ผิดไปมากๆเลยสินะ

     

                นะ . . . นาย . . .” มาแล้วสินะ คำถามแบบนี้ รวยมากไปรึเปล่า?!”

     

                กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้

     

                ก็ไม่นี่ครับ . . . ทั้งหมดนี้เป็นเงินของคุณตากับคุณยายที่ช่วยกันน่ะครับ

     

                “งะ . . . งั้นเหรอ?” ยังไม่เชื่ออีกเหรอครับ? “แต่ว่าฉัน . . .”

     

                ไม่เคยเห็นเหรอครับ?”

     

                ห๊ะ?!”

     

                ของหรูหราแบบนี้น่ะครับ?”

     

                “กะ . . . ก็เคยนะ แต่เฉพาะในทีวีกับคอมพิวเตอร์น่ะ

     

                “ถ้าอย่างนั้น . . .” ผมหันซ้ายขวาจากนั้นก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาให้รุ่นพี่ถือดู ลองถือสิครับ

     

                “มะ . . . ไม่เอาหรอก! ของแพงๆแบบนี้ถึงฉันจะมีที่บ้าน . . . แต่ไม่อยากจับของคนอื่นน่ะเขาบอกแบบนี้แต่ผมก็ยังคงให้จับอยู่ดี

     

                นิดหน่อยเองครับ

     

                “มะ . . . ไม่เอา นายบ้ารึเปล่าให้คนแปลกหน้า . . . มาจับของบ้านนายแบบนี้เนี่ย?”

     

                ก็ไม่แปลกนี่ครับยังคงพยายามให้จับต่อไป

     

                แปลกสิเฟ้ย!!” ดันออกไป

     

                ไม่หรอกครับยังคงให้จับต่อ

     

                เจ้าบ้า!! ก็บอกว่า . . . อ๊ะ!?”

     

                จู่ๆแก้วไวน์ที่ผมถือไว้ดีก็ต้องหลุดมือไปเพราะรุ่นพี่เอาแต่ดันและดันออก จะว่าใครผิดดีล่ะ . . . น่าจะเป็นผมมากกว่าเสียอีกที่เอาแต่จะให้เขามาจับแก้วไวน์ รุ่นพี่รีบคว้าแก้วไวน์เอาไว้แต่คนคนนี้ลื่นพื้นบ้านอีก ทำให้ร่างกายกำลังเอนลงไปด้านหลัง

     

                ผมรีบคว้าตัวคนที่กำลังล้มเอาไว้ แต่ก็กลายเป็นว่าเผลอ ลื่นพื้นกับรุ่นพี่ไปด้วย ทีจริงคนที่ลื่นก่อนอย่างรุ่นพี่ควรจะอยู่ด้านล่าง แต่เพราะผมตัดสินใจว่าจะไม่ให้คนคนนี้ได้รับบาดเจ็บจึงสลับที่กับเขาทันที

     

                ตุบ!!

     

                นั่นคือเสียงที่เรียกว่า ของตกรึเปล่านะ?

     

                จะ . . . เจ็บชะมัด!” ผมเผลอร้องออกมา

     

                นาย!! มะ . . . ไม่เป็นอะไรนะ?!”

     

                “มะ . . . ไม่เป็นอะไรคะ . . . ครับ

     

                “โอ๊ะ! / อา . . .”

     

                สภาพแบบนี้ เป็นท่าที่ดูยั่วยวนและน่าอายมากๆ ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้าคงเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก รุ่นพี่ทีมีสีหน้าเขินอาย ดวงตาเริ่มสั่นคลอเพราะทำตัวไม่ถูก มือที่ซ้อนทับจนเหมือนว่ากำลัง จับมือด้วยกันอยู่ ความรู้สึกว่าหัวใจมันอึดอัดแถมยังเต้นไม่เป็นจังหวะ . . . มากขึ้นและมากขึ้นอีก อา . . . ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว

     

                 แล้วรุ่นพี่ล่ะครับ ตอนนี้น่ะ? . . . รู้สึกอย่างไงกันนะ ทำตัวไม่ถูก เริ่มจะหวั่นไหว หรือว่า . . . อยากจะทำขึ้นมา (ไอคำว่า ทำนายกำลังลามกอยูใช่ไหม?!) ริมฝีปากได้รูปนี้กำลังพึมพัมอะไรสักอย่างเหมือนกับว่า . . . จะพูดอะไรดี? ควรทำอย่างไงดี? สงสัยมีแต่คำถามไปหมด . . .

     

                รุ่นพี่ . . .” ทั้งๆที่คนคนนี้น่าจะยื่นหน้ามา แต่ต้องให้ผมยื่นไปหาเนี่ย . . . อยากจะแกล้งให้เยอะๆจังเลยนะ รุ่นพี่ . . .” ค่อยๆใช้มือซ้อนใบหน้าเขาและจูบแก้มเบาๆ

     

                ดะ . . . ดันเต้! ตะ . . . ตรงนี้มัน . . .” รีบลุกขึ้นแต่ผมก็ยังคงจับเอาไว้ นะ . . . นี่นาย?!”

     

                “ฮึๆ รุ่นพี่นี่น่าแกล้งจังเลยนะครับ เห็นท่าทีแบบนี้ทีไรก็อยากแกล้งตลอดเลยจากนั้นก็พลิกกลับให้ตนเองนั้นขึ้นคร่อมแทน แบบนี้น่าจะถนัดนะครับ

     

                “ถนัดบ้านนายสิ!! ปล่อยนะ!!”

     

                ฮึๆ รุ่นพี่ . . . ชอบนะครับ

     

                “อ๊ะ . . .”

     

                ฉ่าาาาาา!!

     

                หน้าแดงแล้วนะครับ

     

                “มะ . . . ไม่ใช่นะ!!”

     

                รุ่นพี่ . . .” ค่อยๆยื่นหน้าไปหาคนตรงหน้า

     

                ดะ . . . เดี๋ยวกะ . . .”

     

                “ตายแล้ว~ พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอจ้ะ?”

     

                น้ำเสียงที่ทักพวกผมนั้นไม่ใช่คุณยาย แต่เป็นคุณแม่ซะมากกว่า ถึงแม้จะอายแต่ . . . มันก็ชินแล้วอะนะ(นี่อายแล้วเหรอ?!) รุ่นพี่รีบผลักผมให้ออกไปจากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วทำเป็นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อกี้คุณแม่ผมก็เห็นไปซะแล้วล่ะครับ หลบไม่ทันหรอก

     

                สวัสดีครับ คุณแม่ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินไปหาผู้เป็นแม่

     

                คะ . . . คุณแม่?! . . . อะเอ่อ . . . สะ . . . สวัสดีครับส่วนรุ่นพี่ก็ยกมือไหว้

     

                สวัสดีจ้า แล้วเธอเป็นใครเหรอจ้ะ?”

     

                รุ่นพี่ครับ / แฟนครับเอ๊ะ? . . . ทำไมรุ่นพี่พูดแบบนั้นล่ะ?

     

                อา . . . ตกลงเป็นอะไรกันแน่จ้ะ?”

     

                “รุ่นพี่ครับ! / คนรักครับรุ่นพี่ . . . ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ?

     

                “นี่นาย!! . . . ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ!!” รุ่นพี่โวยวายใส่ผม

     

                แต่พวกเราก็ . . .”

     

                “เจ้าบ้า!! อย่าพูดเรื่องนั้นนะ!!”

     

                “ฮึๆ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะจ้ะ แต่ว่า . . . ดันเต้อยากจะมาหาคุณยายสินะ

     

                “ครับ

     

                “เข้ามาสิจ้ะ เดี๋ยวก็ปล่อยให้อยู่ด้วยกันซะเลย

     

                “คะ . . . ครับ~~!”

     

                พวกเราทั้งสองคนรีบเดินตามหลังแม่ของผม รุ่นพี่มีท่าทีที่เกร็งเอามากๆ จนผมคนนี้ทนไม่ไหวก็จับมือของคนคนนี้เอาไว้พลางบอกเบาๆว่า ทำตัวตามสบายเถอะครับพูดแบบนี้และจับมือไปด้วย . . . รุ่นพี่ก็หายเกร็งทันที แต่แก้มทั้งสองข้างกลับขึ้นสีจนผมเกือบทนไม่ได้ที่จะแกล้งรุ่นพี่

     

                รุ่นพี่ครับ เมื่อไหร่รุ่นพี่จะยอมรับตัวผมซะทีนะ?

     

     

                จะ . . . เจ้าบ้า บ้า บ้า!! ทำบ้าอะไรของนายตั้งแต่ตอนขึ้นรถแล้วแถมพอมาถึงบ้านหมอนี่ หมอนี่ก็ยังจะทำอะไรบ้าๆโดยไม่ดูรอบๆข้างก่อนเลย น่าอายชะมัดที่ . . . โดนเห็น แถมยังโดนบอกว่าเป็น แฟนอีก แล้วทำไม . . . เราต้องไปสนด้วยล่ะเนี่ย?!

     

                อยากจะไปตายไกลๆจากหมอนี่ชะมัด ผมเดินตามหลังแม่ของดันเต้แต่ก็ . . . เกร็งจังเลยนะ อา . . . นี่ผมมาอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย? บ้านตัวเองก็ไม่ใช่ . . .

     

                หมับ!?

     

                อ๊ะ . . .”

     

                จู่ๆความรู้สึกเหมือนมีใครสักคนมาจับมือ ทำให้ผมหันไปหาคนข้างๆที่ยิ้มให้แล้วยื่นหน้ามาหาพลางกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำนิดหน่อยแต่กลับอ่อนโยนทำให้หัวใจที่เต้นตึกตักอยู่แล้วต้องมาเป็นหนักกว่าเก่า

     

                ทำตัวตามสบายเถอะครับ

     

    อะ . . . อื่อ!”

     

                ความรู้สึกโล่งใจนี้ ทำให้เราอยากหัวเราะออกมาจัง เพราะคนข้างๆคอยกุมมือนี้เอาไว้แน่นโดยไม่ยอมเปล่า แบบนี้แหละ . . . ที่เราชอบที่สุด

     

                ถึงแล้วล่ะครับ ห้องของคุณยาย . . .”

     

                ดันเต้หยุดเดินแล้วชี้ไปที่ประตูบานใหญ่สีขาวสะอาดและเริ่มลากผมเข้าไปข้างในห้องนั้นโดยที่ไม่กล่าวอะไรเลย ถึงหน้าประตูก็เคาะตามมารยาทจากนั้นก็หมุนลูกบิดเข้าไป ภายในห้องนี้ตกแต่งด้วยสิ่งของธรรมดา ไม่แพงมากนัก แต่เตียงมีม่านปิดนี่แพงน่าดู

     

                ร่างของวัยชราตรงหน้าผมนี้มีใบหน้าที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยรอยยิ้มดูเป็นมิตร ค่อยๆเดินมาหาพวกเราทั้งสอง เขาค่อยๆยื่นมือมาหาคนข้างๆผมจากนั้นก็ลูบใบหน้าอย่างรักใคร่มองบรรยากาศรอบๆห้องที่เริ่มเพิ่มความอบอุ่นเป็น 2 เท่า จึงรู้ว่าทั้งสองต่างก็คิดถึง ห่วงใยซึ่งกันและกัน ส่วนผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปในเขตหวงห้ามนี้เลย

     

                สวัสดีครับ คุณยายดันเต้ยกมือไหว้งามๆ คุณยายสบายดีนะครับ?”

     

                “สบายดีจ้า แล้วหลานพาใครมาด้วยล่ะเนี่ย?” คุณยายของดันเต้หันมาหาผม

     

                สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของดันเต้ชื่อ ฮันครับผมยกมือไหว้เสร็จก็ส่งยิ้มให้

     

                อ่อนน้อมดีจริงๆรุ่นพี่คนนี้ ยายดีใจนะที่หลานมีคนที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอมาน่ะ

     

    ร่างของสาววัยชราส่งรอยยิ้มแสนอบอุ่นให้รุ่นน้องผม ความรู้สึกเริ่มเข้าใจความรักระหว่างหลานกับสาววัยสูงอายุที่มีให้กันแล้ว ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนจนต้องเผลออมยิ้มไม่หยุด คุณยายของดันเต้ทั้งอ่อนโยนตามอายุที่เหมาะสมกับนิสัยวัยนี้ ถึงวัยนี้จะขี้บ่นก็ตามแต่ความอบอุ่นนี่แหละ...ที่ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ ดันเต้ยิ้มหวานพลางใช้ลูกตาดำๆทั้ง 2 หันมาทางผม

     

    จะมองทำไมครับ?!

     

    แล้วพวกเธอ 2 คน...เริ่มเอ่ยถามบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมแทบอยากจะเอาหัวทิ่มกับพื้น จะค้างที่นี่กันไหม?”

     

    คำถามนี้เล่นหัวสมองผมสั่งการต้องชะงักทันทีส่วนรุ่นน้องผมก็รีบส่ายหน้าไปมาพลางยื่นหน้าไปใกล้ๆกับใบหูของคุณยายและกระซิบกระซาบอะไรสักอย่างจนคนที่ฟังเริ่มยิ้มแป้นไม่หยุด

     

    เดี๋ยวพวกผมขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะครับ คุณยายดันเต้รีบเดินมาหาผม

     

    จ้ะ ถ้าเกิดหิวข้าวขึ้นมาก็มาหาก็ได้นะ

     

    ขอบคุณครับ!”

     

    เมื่อกล่าวคำขอบคุณเสร็จคุณยายของดันเต้ก็ยิ่งรู้สึกพออกพอใจราวกับว่าถึงแม้เธอจะเริ่มมีอายุไขที่เยอะแล้ว แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะช่วยเหลือใครสักคนอยู่ ช่างเป็นคนที่มีจิตอ่อยโยนซะจริง ระหว่างที่ผมกับดันเต้กำลังออกไปนั้นจู่ๆก็ได้มีร่างหญิงสาว รูปร่างสูงหน้าตาจัดได้ว่า สวยจนเหมือนนางแบบ เธอเดินเข้าหาคนข้างๆผมจากนั้นก็

     

    หมับ!

     

    “Hello boy~!”

     

    กอดรุ่นน้องผมและกล่าวคำทักทายด้วยภาษาอังกฤษ พอเจ้าตัวโดนแบบนี้ก็กอดกลับแล้วกล่าวคำทักทายเช่นกันแถมยังเรียกว่า พี่สาวอีก โอ้...พี่น้องหน้าตาดีทั้งคู่เลย ชักอิจฉาแล้วสิ...ทั้งคู่รีบผละออกจากกันจากนั้นพี่สาวของดันเต้ก็เริมหันมามองผมพลางสำรวจมองจากหัวลดลงมาถึงปลายเท้าและ...กระตุกยิ้มแบบพอใจ

     

    พี่สาวดันเต้เข้ามาใกล้ๆผมและถามว่าเป็นใครแถมยังใช้ภาษาไทยพูดอีก(พูดคล่องด้วยนะ)

     

    ผมชื่อ ฮันเป็นรุ่นพี่ของดันเต้ครับ

     

    “Oh~…ฮัน...Honey(ที่รัก)?” เธอชี้ไปที่ดันเต้ทันทีที่พูดจบ

     

    “”มะไม่ใช่ครับ!” ผมรีบปฏิเสธก่อนที่จะคิดไปไกล

     

    โอ๊ะอุฮุฮุฮุ!” พี่สาวของดันเต้หัวเราะออกมาเบาๆจากนั้นก็ยิ้มหวาน “Sorry, I don’t know”

     

    ไม่เป็นไรครับ

     

    จ้าฉันน่ะชื่อ เดียร์ยินดีที่ได้รู้จักนะยื่นมือมาหา

     

    ครับ คุณเดียร์ผมรีบจับมือตอบ

     

    แล้วดันเต้มาทำอะไรที่นี่น่ะ? มาหาพี่ใช่ไหม?”

     

    เปล่าครับ อย่าหลงตัวเองสิผู้เป็นพี่สาวทำท่าจะกอดอีกครั้งแต่พอน้องชายกล่าวคำท้ายเสร็จก็ทำให้คนที่กำลังกอดหยุดทันที

     

    ใจร้ายจัง แล้วตกลงมาหาคุณยายสินะ

     

    กล่าวพูดออกมาแค่ชื่อ คุณยายดันเต้ก็ยิ้มบางๆและมีสีหน้าที่เศร้านิดหน่อย เมื่อเดียร์เห็นแบบนี้ก็ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเขา

     

    เข้าใจแล้วครับ

     

    ร่างสูงพยักหน้าตอบกลับจากนั้นก็ขอตัวพาผมไปเดินเล่นข้างนอก ระหว่างที่เดินออกมาท่าทีของคนข้างๆผมก็เริ่มเงียบนิดหน่อย มันทำให้ผมสงสัยจึงตัดสินถามออกมาจากใจจริงๆของผม ตั้งแต่ที่พี่สาวหมอนี่กระซิบกระซาบคุยเรื่องอะไรสักอย่าง

     

    นายมีอะไรอยากระบายรึเปล่า?”

     

    การตั้งคำถามของผมทำให้ร่างสูงเบิกตาโตและสะดุ้งอีก มันทำให้ผมรู้แล้วว่าต้องมีอะไรแน่ๆที่คนคนนี้ปกปิดไว้อยู่ เมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ผมจึงรีบคว้ามือของร่างสูงมากุมเอาไว้แน่นๆแล้วเริ่มยิ้มปลอบโยนใส่

     

    ถ้านายไม่อยากพูด ฉันก็ไมว่าหรอกแต่ฉันไม่อยากให้นายต้องแบกรับเอาไว้ บอกมาเถอะ ขอร้อง

     

    คนตรงหน้าก้มหน้าก้มตาลงและค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผมพลางซบสายตาทั้งคู่ให้จ้องมองมานานๆ ค่อยๆยื่นหน้ามาหาแล้วจากนั้นก็เริ่มใช้ริมฝีปากกระซิบข้างๆใบหูของผม ความรู้สึกร้อนๆหนาวๆบริเวณใบหน้าทำให้ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ ยิ่งร่างกายที่เกือบแนบชิดติดกันยิ่งเพิ่มความร้อนมากขึ้นไปอีกเป็น 2 เท่า และฝ่ามือที่ผมเผลอกุมไปไปเป็น 3 เท่าอีก

     

    อ๊ากกกก!!...ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ล่ะ?

     

    ตึกตัก…!

     

    แถมหัวใจมัน

     

    ตึกตัก…!

     

    “…รุ่นพี่พวกเรา 2 คนไปหาที่ที่ไม่มีคนมาพบเห็นดีกว่า

     

    ดันเต้ที่ทำสีหน้าจริงจังกับผมที่ทำสีหน้าแปลกๆแบบนี้มันเหมือนกับว่าตัวผมเองที่รู้สึกแบบนี้คนเดียวไม่ใช่เหรอ?

     

                อะอือ!”

     

    ตึกตัก…!

     

                “ไปกันเถอะครับ!”

     

                “หวาาา?!”

     

                เสียงหัวใจที่เต้นตึกตักซะเสียจนผมอยากจะร้องอ๊ากออกมา แต่ดีที่รุ่นน้องอย่างดันเต้กระชากมือที่กุมไม่ปล่อยนี้ให้รีบออกมาจากบริเวณที่พวกเรา 2 คน ยืนใกล้ชิดกันจนหัวใจของผมเต้นตึกตักไม่หยุดอยู่คนเดียว

     

    ราวกับคนบ้าคนหนึ่ง

     

     

    ผมจะเล่าตั้งแตต้นจนจบเลยดีไหมครับ?”

     

    ระหว่างที่คนตรงหน้ากำลังยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ผมก็รีบถามทันทีที่เขาจะได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานของใบชา รุ่นพี่แทบจะสำลักที่ผมเผลอทักเขาจากนั้นก็ทำสีหน้าจะฆ่าผมให้ตายอีก

     

    ยังคงน่ารักเหมือนเดิมนะ…”

     

    อะไรน่ารักเหรอ?” เมื่อได้ยินก็รีบถามผม

     

    เปล่าครับ แค่พูดลอยๆก็เท่านั้น

     

    “…”

     

    ถึงกับเงียบเลยรึไงครับ? ผมนึกสงสัยก็เริ่มคิดที่จะแกล้งคนตรงหน้าให้หน้าแดง(อีกแล้ว) แต่ก็วันนี้ขอปล่อยให้รอดไปก่อนก็แล้วกัน(จะจริงรึ?) รุ่นพี่รีบทักผมให้เริ่มเล่าเรื่องราวของคุณยายที่กำลังจะพูดตอนนี้ ผมถอนหายใจแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆร่างบางเพื่อไม่ให้ใครสักคนมาได้ยินเรื่องแบบนี้

     

    เอาตรงๆพอเข้าไปใกล้คนตรงหน้าก็เริ่มหน้าแดงอยู่ดี ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย

     

    คือคุณยายท่านมีอาการที่ไม่ถูกกับโลกภายนอก แถมยังต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองและโรคประจำที่ยังรักษาไม่หายตั้งแต่เด็กๆจนถึงปัจจุบัน คุณยายมักจะชอบปลอบโยนตัวเองอยู่เสมอมาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว…” หยุดพักหายใจก่อนที่จะเล่าต่อ

     

    แต่พอเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาจนจะลืมกันไปหมดก็กลับมาอีกครั้ง ฝ่ายมาเฟียที่ไม่ถูกกับครอบครัวผมได้ส่งจดหมายมาว่า ส่งตัวลูกชายมาให้แต่งงานกับลูกสาวของตัวเอง ไม่อย่างงั้นจะก่อเรื่องเหมือน 4 ปีก่อนเมื่อคุณยายได้รับมาอ่านและพิจารณาดูจึงรีบตัดสินใจอย่างรอบครอบก่อนที่จะส่งจดหมายไปว่า ขอพิจารณาดูก่อนเมื่อทางฝ่ายนั้นได้รับจดหมายจึงกำหนดเวลาก่อนที่จะถึงวันแต่งงาน

     

    “…แล้วนายจะแต่งงานไหม?”

     

    ร่างบางถามผมแบบนี้ยิ่งเพิ่มความรู้สึกแปลกๆออกมา ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องเจ็บ ผิดหวัง หรือเศร้าเสียใจ เพราะไม่ว่าอย่างไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานง่ายๆหรอก

     

    ถึงจะมีคนที่ชอบแล้วก็ตาม

     

    ไม่ครับ แต่ถ้าแต่งงานจริงๆผมก็จะพยายามทำให้อีกฝ่ายหย่ากับผมให้ได้

     

    นายนี่เป็นพวกชอบวางแผนสินะ?” รุ่นพี่พูดแบบนี้ก็เริ่มทำให้ผมยิ้มออกมาโดยไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังเผลอทำอะไรสักอย่างลงไป

     

    ใช่ครับ~! แล้วแผนของผมไม่เคยผิดพลาดไปเลยสักนิด

     

    รวมทั้งการใช้ความหล่อในการหว่านเสน่ห์พวกสาวๆสินะ

     

    พูดอีกก็ถูกอีกครับผมพยักหน้าตอบรับ

     

    แล้วฉันล่ะ?”

     

    อา…”

     

    รู้สึกโดนแทงที่อกเลยแฮะ

     

    คนตรงหน้าถามออกมาตรงๆด้วยความสงสัยที่ซื่อสุดๆ ผมก็เคยบอกไปแล้วนิว่าจริงจังกับรุ่นพี่คนเดียวน่ะ เมื่อกลายเป็นแบบนี้จึงตัดสินใจโอบเอวคนข้างๆให้มาใกล้ชิดผมนิดหน่อยและยื่นหน้าเข้าไปซบอกทันที

     

    ปะเป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย?!” รุ่นพี่โวยทันที

     

    ผมขออ้อนหน่อยไม่ได้เหรอ?”

     

    อ้อนบ้าบออะไรของนายเล่า! แต่ถ้าจะอ้อนจริงๆฉันไม่ว่าหรอกรุ่นพี่หน้าแดงไม่หยุดกับคำพูดของตัวเองที่กล่าวออกมารวมทั้งผมด้วย

     

    ตกลงจะให้อ้อนไหมเนี่ย?

     

    ถ้างั้นผมก็ขอนอนซบอกไปก่อนแล้วกันนะพูดจบก็เริ่มหลับตาลง

     

    เมื่อคืนนอนไม่หลับรึไง?”

     

    อือ มัวแต่คิดถึงคุณยายน่ะ รวมทั้ง…” ผมยื่นมือไปหาคนตรงหน้าแล้วจับใบหน้าเนียนเบาๆ คุณอีกด้วยว่าจะแกล้งอย่างไงให้หน้าแดงได้ตลอดเวลาน่ะ

     

    นายมัน…”

     

    ครับ~ ผมมันบ้ามากๆที่มาชอบรุ่นพี่น่ะ

     

    ผมรีบหลับตาลงเพื่อที่จะให้คนตรงหน้าหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศอยู่คนเดียว แต่รู้ไหมว่าผมคนนี้ก็อีกคนหนึ่งชักจะเหมือนรุ่นพี่แล้วสิ

     

     

    แล้วพวกเราจะทำอย่างไงกับลูกสาวของทางฝ่ายนั้นล่ะคะ? คุณยาย

     

    ร่างหญิงชราค่อยๆหันมาหาเดียร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเธอเอง เธอยิ้มหวานแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยและหนักแน่นนิดหน่อย

     

    พวกเรามีแผนใช่ไหม?”

     

    ค่ะ และดันเต้ก็ให้ความร่วมมืออีกด้วย

     

    เข้าใจล่ะ เจ้าเด็กแสบคนนี้นี่แผนสูงจริงๆ

     

    แล้วทำอย่างไงกับรุ่นพี่ของดันเต้ดีล่ะคะ หนูไม่อยากให้เข้ามาพัวพันกับเรื่องมาเฟียเลยสักนิด เพราะดูท่าทางแล้วดันเต้คงจะ…”

     

    เรื่องนั้นยายก็รู้แล้วล่ะ เด็กคนนั้นเป็นคนดีมากๆเพราะเหมาะสมกับดันเต้อีก

     

    ซาตานกับนางฟ้ารึไงคะ?”

     

    ฮึๆ อย่าพูดแบบนั้นสิ ซาตานน่ะก็อยากได้ความรักที่แท้จริงเหมือนกันนะ

     

    นั่นสินะคะ

     

    เอาล่ะ ได้เวลาอาหารว่างแล้วสิ

     

    ร่างหญิงวัยชราหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่แล้วสั่งให้คนรับใช้เตรียมอาหารว่างสำหรับตัวเธอและหนุ่มๆกำลังเข้าสู่ห้วงแห่งความรักที่เต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทั้ง 2 คน ยังไม่รู้อะไรมากมายเลย

     





     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×