คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Kiss No. 3
Kiss No. 3
ก็แค่เด็ก ม. ปลาย ที่กำลังจะขึ้นมหาลัยและมีชีวิตธรรมดาทั่วๆไป . . . ชีวิตธรรมดาทั่วๆไป ทั่วๆไป แล้วคำว่า ‘ทั่วๆไป’ ของผมคนนี้หายไหนน่ะ ห๊า!?
ผมที่พึ่งอาบน้ำเสร็จมาใหม่ๆแถมผมยังเปียกอีก ถึงแม้เสื้อผ้าจะใส่เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ . . . ผมบนหัวยังเปียกอยู่เลย จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้นจนต้องเผลอทำผ้าขนหนูที่กำลังหยิบขึ้นมาขยี้เส้นผมบนหนังศีรษะให้แห้งหล่นลงบนเตียง จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงและเมื่อหยิบขึ้นมาดูชื่อเบอร์แต่ก็มีแค่จุดอย่างเดียว เหมือนโดนแกล้งจังเลยนะ
“. . . ใครนะ?” คิดพินิจดูก่อนที่จะรับสาย
หมอนั่นรึเปล่านะ?
“สวัสดีครับ นี่ใครเหรอครับ?” ผมถามไปตามมารยาท
‘โธ่ . . . รุ่นพี่ก็ . . . ผมอุตส่าห์ใส่จุดเพื่อให้เติมชื่อผมลงไปนะครับ’ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนรำคานใครสักคน
“ขี้เกียจเติมน่ะ แล้วนี่โทรมามีธุระอะไรไม่ทราบ?” ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง
‘พรุ่งนี้ตามนัดนะครับ เจอกันที่ร้านน้ำผึ้งน้อยเวลา 10 โมงนะครับ’
“. . . อา~ . . . อือ เข้าใจแล้ว”
‘ที่เงียบไปชั่วครู่กำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ?’
“เปล่า . . . แค่หาวนิดหน่อย”
ที่จริงคิดอยู่ว่าคงไม่ทำจริงๆล่ะนะ
‘งั้นเหรอครับ . . . แล้วรุ่นพี่ทำอะ . . .’
‘ดันเต้~ คุยกับใครอยู่เหรอคะ?’ จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งผมและคนที่โทรมาหาถึงกับเงียบ
‘อา . . . รุ่นพี่น่ะ มีอะไรเหรอ? น้ำหวาน’
น้ำหวาน . . . คงเป็นชื่อแฟนสินะ
. . .
นี่เราคิดอะไรอยู่เนี่ย?!
‘พอดีน้ำหวานอยากให้ดันเต้พาไปซื้อชุดที่กำลังออกมาใหม่ๆน่ะ’ เธอพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
‘อา . . . คงจะไม่ได้น่ะ พอดีวันพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับรุ่นพี่น่ะ’
‘อา~ . . . ที่แท้ก็แฟนใหม่สินะ!!’
‘. . . แฟนคนแรกต่างหาก’
ห๊ะ!? . . . พูดบ้าๆอะไรออกมาน่ะ?
‘ทั้งๆที่เราเป็น ‘คู่หมั้น’ กันนะ’
‘ใครบอก?’
‘ก็ฉันบอกนายไปแล้วว่า ‘เราจะแต่งงานกันนะ’ ไม่ใช่เหรอ?!’
‘ฉันตกลงตอนไหนว่าจะแต่งงานกับเธอ แถมเธอก็ยังแก่กว่าฉันไปตั้งกี่ปีน่ะ?’
‘อะ . . . อะไรกัน!! นี่นายไม่เคยสนใจสินะ’
‘คุณก็แค่เพื่อนของพี่สาว แล้วไปคิดผมเกินกว่าน้องเลยเหรอ?!’
‘. . . ก็ฉันบอกพี่นายไปแล้วนี่นา’
‘แล้วพี่ผมไม่ได้บอกมานี่นา พี่ผมยังไงซะก็ไม่ยอมให้แต่งงานกับใครง่ายๆหรอก แถมผมยังอายุน้อยๆอยู่ด้วย’ เริ่มใช้อารมณ์โดยคำสุภาพสินะ
‘ก็ได้!! ฉันจะไปแล้ว ขอตัวล่ะ!!’
. . . ปัง!?
เสียงประตูที่ดังซะจนเหมือนประชดประชัน (รึเปล่านะ?) ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าเธอกำลังจะบอกว่า ‘ให้ตามมาด้วย’ แต่ดันเต้ก็ยังคงคุยกับผมอยู่ดีเหมือนไม่สนที่จะตามเธอคนนั้นไปสักนิด แต่อารมณ์ของผมตอนนี้ก็เหมือนแอบหงุดหงิดที่มีเสียงผู้หญิงเข้ามา . . .
ผมเป็นอะไรไปครับ!?
“งั้นฉันขอวาง . . .”
‘รุ่นพี่ครับ . . .’ จู่ๆจะเรียกทำไม?
“มีอะไรเหรอ?”
‘. . . รุ่นพี่ว่าผมเป็นคนอย่างไงเหรอ?’
มาถามอย่างนี้ ผมจะรู้ไหม?
“ครั้งแรกที่ฉันเห็นนาย รู้ไหมว่านายน่ะ ‘สุขุม’ และ ‘น่าหลงใหล’ มากๆเลย” ผมอธิบายพลางยิ้มไปด้วย
‘. . .’ เงียบทำไมล่ะนั่น ‘ต่อสิครับ’
ยังจะเอาอีกเหรอ?
“เฮ่อ . . . นายนี่มัน . . .”
‘อะฮ่าฮ่าฮ่า!! . . . พูดอีกสิครับ ผมอยากได้ยินต่อนะครับ’
ยังพยายามที่จะให้พูดต่อเหรอ?! คอยดูนะ เจอเมื่อไหร่จะฆ่าเลยคอยดู
“ตั้งใจฟังนะ”
‘ครับ’
“พอฉันพึ่งมารู้ว่านายนิสัยเป็นอย่างนี้ . . .”
‘. . .’
“นายมันโครตน่า ‘ฆ่า’ มากๆเลยนะ”
‘. . .’ เงียบอีกทำไมเนี่ย ‘รุ่นพี่ . . .’
“อะไร?”
‘เหมือนรุ่นพี่จะสนใจเรื่องของผมจังนะครับ’
“อะ . . . ไอบ้า!!”
‘ฮึๆ รุ่นพี่นี่น่ารักจังนะครับ’
“น่ารักบ้านนายสิ นี่ฉันพูดจริงๆนะเนี่ย?! หัดสำนึกบ้างสิ”
‘หึ . . . ทำไมผมต้องสำนึกล่ะครับ?’
“ห๊าาาาาาา”
‘ก็เพราะว่า . . .’ ค่อยๆกระซิบออกมาเบาๆ ‘ถ้าผมไม่ทำก็คงไม่ได้เห็นใบหน้าหลากอารมณ์ที่แสนน่ารักของรุ่นพี่หรอก~ครับ!’
“ไอ้โรคจิต!!”
ฉึก!?
เหมือนได้ยินเสียงแทงใจดำแฮะ
‘รุ่นพี่นี่ชอบแทงใจดำรึไงครับ?’
“ก็นายมาแกล้งฉันก่อนทำไมกัน?”
‘ก็เพราะรุ่นพี่น่ารักไงครับ’
. . .
. .
.
เงียบสิครับ เล่นพูดอย่างนี้ก็ . . .
“ไอ้โรคจิต!!”
ปิ๊บ!!
ด่าเจ้ารุ่นน้องเสร็จสมใจไปแล้วและตัดสินใจวางสายไปได้หน้าตาเฉย แถมอารมณ์ตอนนี้ขอบอกว่า ‘อยาก - ฆ่า - คน’ ขึ้นมาทันที จู่ๆก็ได้มีเสียงส่งข้อความในโทรศัพท์มือถือที่ได้รับมาดังขึ้น ผมก็รู้เลยว่าต้องเป็นเจ้าจอมป่วนนั่นแน่ๆ
ผมหันไปมองโทรศัพท์มือถือจากนั้นก็ลองแอบดูข้อความที่ได้รับมาสดๆใหม่ๆ อยากรู้จริงว่าหมอนี่จะส่งอะไรมา พอเปิดออกมาดูข้อความเพราะความอยากรู้อยากเห็นก็กลายเป็น ‘ความหงุดหงิด’ ขึ้นมา
‘รุ่นพี่อายเหรอครับ ที่ผมพูดแบบนั้นน่ะ?’
. . .
ฉันจะฆ่านายยยยยย!!
ผมรีบหารายชื่อ ‘จุด’ ที่ไม่ได้เขียนชื่อรุ่นน้องแสนป่วนนั่นเลยสักนิด รีบค้นหาไปเรื่อยๆพอเจอก็กดโทรไปหาทันที รอเวลาที่หมอนั้นจะรับเท่านั้นก็แค่นั้น แต่ถ้ารับเมื่อไหร่ . . . จะด่าให้หูชาซะเลย
‘สวัสดีครับ~รุ่นพี่!’
ยังมาทำน้ำเสียงสดใสอีกนะ
“ไม่ใช่อายซะหน่อย!!”
‘ไม่ได้อายแต่ทำน้ำเสียงแบบนี้ . . . เขินเหรอครับ?’
อย่ามากวนได้ไหม~?
“นายนี่พูดไม่รู้เรื่องเลย!! คอยดูนะ เจอเมื่อไหร่จะเข้าไปชกหน้าเลย”
‘ครับ~ . . . ผมยอมให้รุ่นพี่ชกคนเดียวเลยนะ’
“ไอ้โรคจิต!!”
‘ด่าอีกแล้ว ก็รุ่นพี่น่าแกล้งนี่นา’
“ฮึย!! แค่นี้แหละ ราตรีสวัสดิ์”
‘ราตรีสวัสดิ์ครับ ที่รัก’
“อือ ราตรี . . . ไอ้บ้า!!”
‘ฮึๆ ขอให้หลับฝันดีนะครับ’
“ขอบใจ แต่นายขอให้หลับฝันร้ายซะล่ะ”
‘ดีสิครับ จะได้เจอหน้ารุ่นพี่’
“นี่แกล้งฉันอีกแล้วนะ!!”
‘ฮ่าฮ่าฮ่า!! ผมไปนอนก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ รุ่นพี่’
“อะ . . . อือ”
‘ราตรีสวัสดิ์ด้วยสิครับ~’
“อือ ราตรีสวัสดิ์”
‘อื่อ!! ตอนนี้ผมมีความสุขแล้วล่ะ’
“มีความสุขก็เรื่องของนายสิ”
‘ก็รุ่นพี่ทำให้ผมมีความสุขเองนะ’
“อะ . . . ไอ้บ้า!!”
“อะ . . . ไอบ้า!!”
แล้วและก่อนที่รุ่นพี่จะวางโทรศัพท์มือถือก็ต้องด่าผม เพื่อให้อารมณ์ของเขาหายหงุดหงิด หรือหงุดหงิดกว่าเก่านะ ทุกๆคนก็คงจะเห็นว่าผมชอบแกล้งรุ่นพี่ด้วยคำพูดเลี่ยนๆและพยายามที่จะเข้าใกล้รุ่นพี่เพื่อให้เขาหันมามอง ก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมรู้สึกอย่างไร . . . แต่อยากให้เขาคนนี้หันมามองผมคนเดียว ไม่อยากให้ไปเข้าใกล้ชิดใครเลย
ก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดเมื่อไหร่ แค่เผลอสบตามองรุ่นพี่คนนี้หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ แถมยังไปเล่นเกมป๊อกกี้เพราะอยากสัมผัสริมฝีปากนั้นดู อา . . . ความรู้สึกนี้มัน ‘หลงใหล’ หรือ ‘รัก’ หรืออย่างอื่นนะ
ระหว่างที่ผมกำลังคิดไปนั้น . . . ก็ได้มีผู้หญิงที่ผมเผลอไปคุยด้วยจนเธออยากคบกับผมเข้ามาในบ้านโดยที่พี่สาวผมโดนหลอกว่าเป็น ‘เพื่อน’ เธอยิ้มหวานใส่ผมจากนั้นก็เดินเข้ามาคร่อมบนตัวผม
“ออกไป . . .” ผมไล่เธอเพราะรู้ว่ามันไม่ดีแน่
“ทำไมล่ะ นายไม่ชอบมันเหรอ?” ค่อยๆยื่นหน้ามาหาพลางกระซิบข้างหู “หรือว่านายไม่มีอารมณ์?”
“เธอมันผู้หญิงน่ารังเกียจ” ผมมองคนตรงหน้าที่กำลังค่อยๆปลดกระดุมออก
“ด่าไปเถอะ ก็นายเข้ามาทักฉันก่อนนี่นา” และยื่นหน้าเข้ามาจูบปากเบาๆ
“ถ้าเธอจะทำ . . . ก็ไปทำกับผู้ชายคนอื่นสิ” ผมดันหน้าเธอให้ออกไป “อย่านึกว่าที่เธอจูบมันจะเป็นจูบแรกนะ”
“เอ๋? . . . แต่นายบอกว่า ‘จูบแรก’ น่ะ ไม่เคยโดนขโมยไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันน่ะ เอาให้คนที่รักไปแล้วล่ะ . . . เสียใจด้วย” ผมแสยะยิ้ม
“แต่ร่างกายนายก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงสินะ?” เธอตอกย้ำเรื่องเดิมๆที่ผมเคยไปมีอะไรกับผู้หญิง
“อันนั้นมันอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว”
“นายมันใจร้ายจังนะ ทั้งๆที่ฉันก็รักนายก่อนใครแท้ๆ”
“ตอนนั้นเธอยังเด็กเลยนี่นา” ผมนอนตะแคง
“ก็นะ ดันเต้นี่ . . . คอยเยียวยาพวกผู้หญิงสินะ” เธอค่อยๆยืนขึ้น
“ก็คงงั้น . . .”
“ฉันไปล่ะ แต่ก็คงไม่ยอมแพ้ที่จะเอานายมาแน่ๆ”
“ไปตายซะไป”
“ไล่อย่างนี้เจ็บชะมัดเลย”
“จะไปก็ไปสิ”
“ค่ะๆ”
จากนั้นเธอก็ออกไปจากห้องผมและผมก็ค่อยๆจ้องมองโทรศัพท์ที่อยู่ตรงข้ามกับผม ส่งข้อความไปแกล้งดีไหมนะ? จากนั้นผมก็ส่งข้อความไปหาโดยมีคำลงท้ายเลี่ยนๆด้วย รู้สึกมีความสุขจังเลยนะ
“จะดูไหมนะ?” ผมบ่นพึมพำเบาๆ
รอสักน่าจะ 5 นาที จู่ๆก็มีเสียงข้อความดังขึ้นและผมก็รีบดูข้อความนั้นอย่างรีบร้อน เมื่อเปิดดูก็เป็นข้อความ ‘ด่า’ ทั้งนั้นแถมรุ่นพี่ยังเขียนว่า ‘นายนอนไปเลย ไม่งั้นฉันโทรไปหาแน่’ ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ คนๆนี้ . . . ทำให้เราได้รู้อะไรมากมายเลยนะ
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ รุ่นพี่”
‘ฉันมาถึงแล้ว เร็วๆ’
ผมมาตามนัดที่ดันเต้บอกไว้แต่หมอนี่กลับมาสายแค่ 5 นาทีเอง มันทำให้ผมคิดอย่างเดียวว่า ‘คนที่นัดนี่เป็นแบบนี้รึไง?’ เมื่อส่งข้อความเสร็จจู่ๆก็ได้มีบางสิ่งบางอย่างมาปิดตาทั้งสองข้างของผมจากนั้นก็บอกว่า ‘ทายสิ’ แถมยังดัดเสียงอีก แล้วคนที่ปิดตาผมมันเป็นใครล่ะเนี่ย?
“. . .” ลองคิดอยู่นิดหน่อยและค่อยๆแตะหลังมือนี้ดู “ดันเต้ . . . เหรอ?”
“อา~ . . . โดนจับได้อีกแล้ว” ผมหันไปหาคนที่แกล้งผม “นาย . . .”
ผมมองหัวจรดเท้าคนตรงหน้าและทำหน้าอึ้งสุดๆ แบบว่าผมก็เคยเห็นคนหล่อๆแต่งตัวแล้วมันดีแบบสุดๆเลยนะ แต่พอรุ่นน้องคนนี้ใส่เสื้อลายตรงขาวกับกางเกงสีดำล้วน แต่ร้องเท้าสีดำแบบนี้ . . . มันทำให้ดูเด่นแบบแปลกๆ แค่ทรงผมที่เซ็ตมาก็ . . . เท่เอามากๆ
“รุ่นพี่ . . .”
“อะ . . . อะไร?” ผมรีบจับมือเจ้าตัวให้มานั่ง “นั่งได้แล้ว”
“คะ . . . ครับ” ประหม่างั้นเหรอ?
“มีอะไรจะพูดล่ะ?” ผมถามพลางดูดน้ำส้มไปด้วย
“ผม . . .”
“ขอโทษที่แทรกระหว่างคุยกันนะคะ คุณลูกค้าจะรับอะไรเหรอคะ?” พนักงานหญิงเดินเข้ามาถามดันเต้ที่กำลังจะพูดกับผม
“อา . . . งั้นผมเอากาแฟเย็นครับ”
“ค่ะ แล้วคุณลูกค้าทั้งสองจะสั่งเค้กด้วยกันไหมคะ?”
“ผม . . .” ผมกำลังจะพูดแต่ก็โดนเจ้ารุ่นน้องบ้าแทรก
“เอาเค้กช๊อคโกแลตลาวาสองที่ครับ” พูดจบก็ส่งรอยยิ้มด้วย
“ค่ะ เอ่อ . . . คือพวกคุณเป็น . . . แฟนกันรึเปล่าคะ?”
ถะ . . . ถามตรงไปไหม? เล่นซะผมเกือบสำลักน้ำ
“ไม่ใช่หรอกครับ” จู่ๆคนตรงหน้าผมก็รีบตอบก่อนที่ผมจะพูดแทน
ขอบคุณนะ ที่บอกให้น่ะ
“แต่ผมกำลังจีบเขาอยู่”
“อึก . . . อะแค่กๆ!!”
ไอ้บ้า คนเขาอุตส่าห์ขอบคุณนะเนี่ย?!
“งั้น . . . ฉันขอตัวนะคะ”
เมื่อคุณพนักงานหญิงเดินออกไปจากโต๊ะนี้ ก็เริ่มมีสายตาบางคนจ้องมาที่ผม . . . รู้แล้วว่าเป็นใครบ้างล่ะ รุ่นน้องคนตรงหน้าผมที่เอาแต่ยิ้มส่วนผมก็รีบเอาผ้ามาเช็ดปากพลางทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ใส่คนตรงหน้า
“ใครสั่งให้นายพูดแบบนั้นออกมาน่ะ?” ผมยิ้มหวานใส่
“ก็มันเรื่องจริงนี่ครับ แถมรุ่นพี่ยังบอกอีกว่า . . . ‘ฉันจะทำให้นายมารักฉันแทนต่างหาก’ รุ่นพี่พูดแบบนั้นเองนะครับ” พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
ไอ้เจ้าเล่ห์เอ๋ย!!
“ยังจำได้อีกรึไง?”
“พูดแบบนั้นใครจะจำไม่ได้ล่ะครับ?”
“ชิ . . . เอ้า! เค้กกับกาแฟที่นายสั่งมาถึงแล้วนะ” ผมชี้ไปที่พนักงานชายที่เดินเข้ามา
“ขอโทษที่ทำให้รอครับ” พนักงานชายยิ้มให้ตามมารยาทและวางเค้กกับกาแฟตามที่ดันเต้สั่งไว้
“ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มให้
“ขอตัวก่อนนะครับ” เขายิ้มให้ผมจากนั้นก็เดินออกไป
เมื่อได้เค้กกับกาแฟที่ดันเต้ได้สั่งไว้ ผมก็ค่อยๆหยิบเค้กขึ้นมาวางตรงหน้าตัวเองแต่ . . . กลับโดนคนที่นั่งตรงข้ามผมแย่งไปต่อหน้าต่อตาและทำหน้าทำตาหงุดหงิดนิดหน่อย
“ทำไมนายแย่งเค้กไปล่ะ? นั่นมันของฉันนะ” ผมชี้เค้ก
“ก็รุ่นพี่ยิ้มให้พนักงานชายนี่นา” เขาพูดพลางจิ้มเค้กผมขึ้นมากิน
ใจร้ายชะมัด
“ก็ฉันยิ้มตามมารยาทนี่นา”
“ไม่เอา มันทำให้ผม . . .” จากนั้นคนตรงหน้าผมก็เงียบไปทันที
“. . . เงียบทำไมล่ะ?”
“เปล่าครับ ช่างเถอะ รุ่นพี่ครับ” ดันเต้เรียกผมแล้วตักเค้กแสนอร่อยยื่นมาให้ผม “ทานสิครับ”
“หะ . . . หา?!”
“ก็ผมกำลังจีบรุ่นพี่อยู่ . . . ก็ต้องทำให้สมกับการที่คบกันสิครับ”
“นาย . . . พยายามจังเลยนะ” ผมมองเค้กที่หมอนี่ยื่นมาให้
“ก็ . . . คุณเป็นคนพูดเองนะ”
“อา . . . ก็ได้ ฉันยอมแค่วันนี้นะ” ผมพูดจบก็ยอมกินเค้กที่หมอนี่เอามาให้
“อา . . . ครับ”
“ฮึ อร่อยชะมัด” ผมเผลอยิ้มให้ดันเต้
“. . . รุ่นพี่ครับ”
“หือ?”
“อย่ายิ้มสิครับ ผม . . . เดี๋ยวผมก็กินเค้กไม่ลงซะหรอก”
“หือ? แต่มันอร่อยมากๆเลยนะ”
ผมสบตามองคนตรงหน้าเพื่อให้รีบกินเค้กกับกาแฟเย็นนี้ซะ แต่ก็กลายเป็นว่าเขาเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเขียนอะไรสักอย่าง และแล้วเมื่อกดเสร็จจู่ๆเสียงข้อความของผมก็ดังขึ้นจากนั้นผมก็รีบดูข้อความที่ใครบางคนส่งมา
“หือ?” แล้วเงยหน้ามองคนตรงหน้า และตั้งใจอ่าน
‘ที่ผมพูดว่ากินไม่ลงน่ะ เพราะรุ่นพี่ยิ้มแล้วมัน ‘น่ารัก’ จนอารมณ์ตอนนี้จะทนไม่ได้แล้วนะครับ มันทำให้ผมอยาก ‘กิน’ รุ่นพี่มากๆเลยครับ’
เมื่อผมคนนี้อ่านข้อความจบทุกๆวรรค ทุกๆความหมายแล้ว ก็ค่อยๆแสยะยิ้มน่ารักใส่โดยที่ตักเค้กยื่นมาให้คุณดันเต้กิน
“คุณดันเต้ครับ ถ้าเกิดอยากจะกิน . . . ก็ให้กินเค้กไปก่อนนะครับ”
“เอ๋ . . . ถ้างั้นเมื่อผมกินเค้กเสร็จก็ ‘กิน’ ได้สินะครับ”
ค่อยๆกินเค้กที่อยู่บนช้อนพลางกระตุกยิ้มสบายๆให้ แต่เต็มไปด้วยออร่าความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาบริเวณรอบๆโต๊ะนี้
ผมน่าจะเตรียมปอกคอสุนัขมาด้วยนะ
ร่างบอบบางที่เดินนำหน้าคนด้านหลังผู้มีรูปร่างสูงใหญ่และเด่น ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต้องแอบหันมาจ้องราวกับต้องมนตร์ ร่างสูงใหญ่ค่อยๆเอื้อมมือไปแตะที่บ่าของคนตรงหน้าเพื่อให้หันมาหา
“มีอะไรเหรอ?” ฮันหันมาเพราะร่างสูงเรียกพลางทำหน้าสงสัยนิดหน่อย
“ผม . . . อยากถ่ายรูปกับรุ่นพี่จะได้ไหมครับ?”
ดันเต้ใช้นิ้วชี้ไปที่ฉากรูปต้นซากุระที่ร่วงลงมา แถมยังมีการจัดม้านั่งกับดอกไม้ต่างๆนาๆมาตกแต่งเพื่อความสวยงามในการถ่ายรูปอีก เมื่อฮันฟังแบบนั้นก็มองฉากนิดหน่อยพลางยิ้มให้และพยักหน้าเพื่อตกลง
ตากล้องที่ยืนรอพวกเขาทั้ง 2 คน ที่เดินเข้ามาและยิ้มตามมารยาทไปด้วย ฮันไม่รอช้าก็ลากดันเต้ให้มานั่งบนม้านั่งสีขาวสะอาดนี้ เขาเริ่มรู้สึกว่า ‘มีความสุข’ ที่ได้มาเที่ยวกับหมอนี่เพราะเมื่อวานก็กัดกันจะตาย แต่ทำไม . . . ? ตอนนี้ถึงรู้สึกว่าเขา ‘ยิ้ม’ ไม่หยุดเลยนะ
“ดันเต้ . . .” เขาเรียกชื่อคนข้างๆถึงกลับทำให้ตกใจ “ตกใจอะไรกัน?”
“ก็รุ่นพี่ . . . พึ่งเรียกชื่อผมนี่ครับ” และคนข้างๆเขาก็ทำสีหน้าเขินนิดหน่อย
นี่อายแค่เรียกชื่อเหรอเนี่ย?
“อายทำไมล่ะ? แค่เรียกชื่อเท่านั้นเอง”
“ก็รุ่นพี่พึ่งเรียกผมนี่ครับ ทุกๆครั้งผมก็ต้องเป็นฝ่ายเรียกเสมอเลย”
พูดอย่างนี้เขาก็เบิกตาเล็กน้อยและหันหน้าไปทางอื่นเพื่อเปลี่ยนเรื่อง จู่ๆตากล้องชายก็แซวทันทีว่า ‘อย่ามาจู้จี้กันตรงนี้สิครับ เดี๋ยวมดก็ขึ้นหรอกครับ’ และทั้งสองก็รีบตั้งตัวในการถ่ายรูป แต่เขาก็โดนคนนั่งข้างๆแกล้งโดยหยิกแก้ม กอดเอว จับมือ เอามงกุฎดอกไม้มาใส่ให้บ้าง
ร่างบางตีมือดันเต้ที่เอาแต่มาเกาะแกะแขนเป็นบางช่วง จนเขาทนไม่ไหวก็กอดซะเลย ตากล้องชายก็ถ่ายไปด้วยยิ้มไปด้วย เหมือนว่ากำลังสนุกกับคู่รักคู่นี้มากๆ
“ขอบคุณนะครับ”
เขาขอบคุณและขอรูปถ่ายทั้งหมดที่ตากล้องคนนี้มีแอบถ่ายตอนกำลังตั้งตัวด้วย ร่างบางหันไปมองเขาแล้วจากนั้นก็ . . . ขโมยรูปที่เขาเผลอเอาออกมา
“รุ่นพี่อย่าแย่งเอาไปสิครับ~” เขาลากเสียง
“ก็นายเอาไปหมดเลยนี่นา แถมฉันยังไม่มีสักกะรูป . . .” ระหว่างที่กำลังจะพูดจบก็โดนใครสักคนชนจนเกือบล้ม
“ขะ . . . ขอโทษคะ . . . เฮ้ย!! ฮันนี่นา มาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
น้ำเสียงที่ร่างบางรู้ตัวรีบหันไปหาและยิ้มให้ทันทีที่แย่งรูปจากดันเต้เกือบหมด
“เช!? นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ?” ฮันถามและเหลือบไปเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ
“ก็มาเดทกับสาวน่ะ แล้วนาย . . .” จ้องมองหน้าดันเต้แล้วมองต่ำลงมาที่รองเท้า “นายก็ใช้ได้นี่ฮัน ได้รุ่นน้องผู้ทรงเสน่ห์ . . . น่าชื่นชมจริงๆ”
“ไอ้บ้า!! ฉะ . . . ฉัน . . .” ก่อนจะพูดจบก็โดนแทรกอีกครั้ง
“น่าดีใจใช่ไหมล่ะครับ ที่ผมได้มาคบกับรุ่นพี่น่ะ” และกอดคอฮันเอาไว้ “รุ่นพี่ก็รีบๆหลงรักผมเร็วๆนะครับ”
“นี่ก็อีกคน!! บ้ากันทั้งสองคนเลยให้ตายสิ!!”
ฮันโวยวายใส่ทั้งสองคนและก็ได้โดนรุ่นน้องคนนี้ลากให้ออกไปได้แล้วเพราะเดี๋ยวได้มีเรื่องทะเลาะกันอีกพลางบอกมือลาคู่รักอีกคนไปได้ด้วย
ผ่านไปได้ 3 – 4 ชั่วโมง คู่รักคู่นี้ก็ได้นั่งพักที่สวนคู่รัก ที่เต็มไปด้วยคู่รักหวานแหววทั้งนั้น ร่างบางนั่งเหยียดขาพลางเปิดตะกร้าปิกนิกเอาอาหารออกมาที่ทางพนักงานเป็นคนจัดมาให้
“อันนี้น่ากินนะ นายว่าไหม?” ชูมาการองขึ้นมาให้ดู
“มาการองนี่ครับ! ป้อนผมให้กินบ้างสิครับ” ร่างสูงบอกราวกับคำสั่ง “ถ้าไม่ป้อนผมจะ ‘จูบ’ นะครับ”
ไอตัวต่อลอง . . .
“ก็ได้ครับ ผมจะป้อนคุณ . . .”
“งัม!”
ดันเต้เข้ามางับมาการองสีเขียวเพื่อเอามากิน แต่ก็โดนผู้เป็นรุ่นพี่แย่งไปต่อและก็กินมาการองนี้จนหมด ผู้ที่มีชัยชนะก็กระตุกยิ้มใส่พลางหัวเราะหึๆไป
“แต่ผมว่า . . . ผมชนะนะครับ” ยื่นหน้ามาหาแล้วหอมแก้มเบาๆ
“นาย!! . . . ไม่อายรึไงน่ะ?!” โวยวายก็ปามาการองใส่
“แต่ตรงนี้มันแถวๆพุ่มไม้นี่ครับ?” รับมาการองที่โดนขวางมา “ใครกันนะที่ขออยู่ตรงนี้”
“ชิ! ขอโทษก็แล้วกันที่ฉันมันเป็นคนขี้อาย”
“ฮึ ก็รุ่นพี่น่ารักแบบนี้อยู่แล้วล่ะครับ” ใช้นิ้วไล่ใบหน้า “เฮ่อ~ . . . ผมชักง่วงแล้วสิ”
“ก็นอนไปสิ”
“ตักรุ่นพี่ได้ไหมครับ?”
“ไม่เอา” พูดปฏิเสธแล้วแต่กลับนอนบนตักต่อหน้าต่อตา “ก็บอกว่าไม่เอาไง!!”
“นิดหน่อยเองครับ โอ้ . . . มองตรงนี้แล้วเป็นมุมที่น่ารักมากๆเลยล่ะครับ”
“อย่ามาแซวนะ!!”
และแล้วรุ่นน้องคนนี้ก็โดนรุ่นพี่ฮันด่าและเอามาการองยัดปากทันที
‘หากแม้ต้องจากเธอนานมากเท่าไหร่’
‘ฉันก็จะรอเธอเสมอ’
ผมอ่านข้อความที่เขียนบรรยายกันเล่นๆบนกระดานโดยให้คู่รักมาบรรยายเกี่ยวกับความรู้สึกที่อยากบอกกับอีกฝ่าย ผมก็ไปหยิบปากกาเคมีมาเขียนบรรยายเหมือนกัน
‘ผมรู้สึกว่ากับการรักคนคนหนึ่งนี้มันยากเหมือนกัน
เพราะผมไม่เคยรักใครมาก่อน จนมาพบกับเขา
กว่าเขาคนนี้จะรักผมก็คงนาน
ตอนนี้ผมก็เดทกับเขาอยู่ แต่ก็พึ่งรู้ได้ว่าเขาเป็นคนอารมณ์หวั่นไหวมาก
ยังไง . . . ผมก็จะรอ ‘คำตอบ’ จากเขาสักที ผมจะรอนะครับ รุ่นพี่’
“เขียนอะไรอยู่น่ะ ดันเต้?”
น้ำเสียงหวานใสที่ผมจำได้ดี ตอนนี้โผล่มาจากด้านหลังและถือน้ำผลไม้ไว้อยู่ รู้สึกว่ารุ่นพี่จะกินน้ำผลไม้ตั้งแต่เช้าแล้วนะ ผมส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้คนตรงหน้ามาอ่านข้อความแสนน่าอายของผมคนนี้
“แล้วพวกเราจะไปไหนต่อล่ะครับ?” ผมถามและลากรุ่นพี่ให้มาด้วยกัน
“อือ ถ้ามืดๆแบบนี้ . . . ชิงช้าสวรรค์ไหม? ถึงแม้จะเป็นฉากน้ำเน่าไปนิดหน่อยนะ”
น้ำเน่าเลยเหรอครับ?
“ก็ดีนี่ครับ”
“ดีจริงๆเหรอ?”
“ดีสิครับ”
“ตกลง . . . ไปกันเถอะ!”
“ครับ”
รุ่นพี่มักจะชอบกัดกับผมเสมอ แต่วันนี้วันเดียวเท่านั้นที่คนตรงหน้าผมได้แสดงสีหน้าหลากหลายอารมณ์ จนผมอดยิ้มไม่ได้เลยสักนิด แค่ตอนนี้ก็จับมือกันและยิ้มให้กันก็ . . . มีความสุขมากๆเลย
“รุ่นพี่ครับ” ผมเรียกระหว่างที่จะขึ้นชิงช้าสวรรค์
“มีอะไรเหรอ?” เขาหันมาหาผม
“. . . เปล่าครับ รีบขึ้นกันเถอะครับ”
“อื่อ!”
เมื่อรุ่นพี่กับผมขึ้นบนชิงช้าสวรรค์แล้วก็รู้สึกได้ว่าดวงตาคู่สวยนี้ได้เผลอจับตามองผมที่เอาแต่หันไปมองข้างๆ เมื่อผมรู้ตัวก็รีบหันไปมองคนที่มองไม่หยุด ทำให้รุ่นพี่สะดุ้งและรีบหันหน้าหนี
“จะ . . . จู่ๆมามองทำไมเล่า?!”
“ก็รุ่นพี่มองผมก่อนนี่นา” ผมกระตุกยิ้ม
“ปะ . . . เปล่าซะหน่อย!”
“หึ รุ่นพี่ครับ ผมมีอะไรจะให้ . . . สำหรับรุ่นพี่อีกครั้ง”
“อะไรอีกล่ะนั่น?” รุ่นพี่หันมาและทำหน้าหงุดหงิดใส่
“มาใกล้ๆสิครับ”
รุ่นพี่ย้ายที่นั่งมานั่งข้างๆผม และผมก็ได้ฉวยโอกาสนี้ในการแกล้งคนข้างๆที่ไม่ระวังตัวสักนิด ผมเอากล่องป๊อกกี้รสสตรอเบอร์รี่ออกมา แล้วหยิบแท่งป๊อกกี้ใส่ปากตัวเอง
“นี่นาย?! . . .” รุ่นพี่หน้าแดงทันทีที่รู้ว่าผมจะทำอะไร
“หรืออยากเอาปากผมแทน” ผมขยับคิ้วกวนใส่
“มะ . . . ไม่เอา ยอมเล่นก็ได้”
รุ่นพี่ค่อยๆเคี้ยวป๊อกกี้ไปส่วนผมก็รออยู่เฉยๆเท่านั้น เมื่อจมูกชนกันแล้ว . . . คนตรงหน้าเริ่มขึ้นสีและสบตามอง ผมเห็นแบบนี้ก็แกล้งโดยเขยิบปากไปใกล้ๆ
“อือ~ . . . !” รุ่นพี่ขมวดคิ้วไม่พอใจที่ผมเขยิบเข้ามา
“หึๆ”
ส่วนผมก็หัวเราะในลำคอ สภาพแบบนี้รุ่นพี่ไม่กล้าขยับร่างกายทุกส่วนเลย แต่ผมก็ค่อยๆเข้ามาใกล้ๆเพื่อที่จะลองลิ้มรสหวานหอมกลิ่นสตรอเบอร์รี่ และแล้วรุ่นพี่ก็ค่อยๆปิดตาทั้งคู่ลงเพื่อให้ผมคนนี้ . . . เข้ามาสัมผัสความนุ่มนิ่มของริมฝีปาก
ไม่ไหวแล้วสิ ควบคุมร่างกายกับอารมณ์ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว
เมื่อได้สัมผัสริมฝีปากนี้แล้วก็ต้องพบว่า ‘คนคนนี้’ จูบตอบกับผมด้วย ค่อยๆโอบเอวร่างบางนี้เอาไว้ให้ใกล้ชิดกัน ส่วนร่างบาง . . . เผลอยอมกอดคอให้ใกล้กว่าเก่า เมื่อจูบนี้อยู่อย่างเนินนานก็เริ่มที่จะสัมผัสปลายลิ้นที่ร้อนรุมและนุ่มจนความคิดที่อยากจะแกล้งมากกว่านี้มันหายไปหมด
“อือ . . .” ร่างบางนี้ครางออกมาเหมือนจะหายใจไม่ออก เพราะการกอดที่รัดแน่นมากขึ้น “ดะ . . . ดันเต้”
เรียกอย่างนี้ก็ต้องค่อยๆถอนริมฝีปากแล้วเปลี่ยนเป็นจูบหน้าผากเบาๆ รุ่นพี่ค่อยๆซบกับอกของผมพลางพูดออกมาไม่อายกับคำพูดของตัวเองเลยสักนิด แต่ทำให้ผมอายและมีความสุขมากๆ
“ดันเต้ . . . มีความสุขมากๆเลย” คนตรงหน้าผมก้มหน้าปกปิดใบหน้าที่กำลังแสดงสีหน้า
“. . .” เล่นซะเงียบไปสักพักก็จับใบหน้าให้มาจูบอีกครั้ง “รุ่นพี่ . . . ยอมให้ผมเข้าไปข้างในจิตใจแล้วเหรอครับ?”
“อ๊ะ . . .” ผมพูดแบบนี้ออกไปรุ่นพี่ก็ได้สติทันที “มะ . . . ไม่ใช่ซะหน่อย!!”
“ปากแข็งแต่ร่างกายมันตรงข้ามเลยนะครับ”
“มะ . . . ไม่ใช่นะ!! ก็ . . . ก็นาย . . .” พูดไม่ออกปากก็เงียบทันที
“ก็ผม . . . ก็ผมอะไรเหรอครับ? หรือว่านี่เป็นครั้งแรกทั้งหมดของรุ่นพี่น่ะ” ผมถามออกมาโดยไม่รู้ว่าเขาจะย้ายที่ไปนั่งตรงข้ามผม
“ฉัน . . . ฉันไม่รู้หรอก ความรู้สึกนี้น่ะ . . . ความจริงก็ . . .” มองไปทางอื่นเอามือมาปิดปากตัวเอง “เป็นครั้งแรกนี่แหละ”
น้ำเสียงที่สั่นคลอแบบนี้ . . . เหมือนกับว่ารุ่นพี่กำลังจะร้องไห้ อา . . . ไม่ยุติธรรมเลยนะรุ่นพี่ เอาความรู้สึกล้วนๆออกมาแบบนี้ ไม่ยุติธรรมเลยนะครับ มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกอดร่างนี้ให้อยู่ในอ้อมอกตัวเอง
“รุ่นพี่ . . . กำลังร้องไห้เหรอครับ?” ผมคลี่ยิ้มให้คนตรงหน้า
“ไม่ใช่ซะหน่อย!! ฉันกำลังสับสนต่างหาก” รุ่นพี่ยอมให้ผมกอดและเขาก็ดันอกผมนิดหน่อย
“สับสน? . . . กับผมงั้นเหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ?!” รุ่นทำหน้าหงุดหงิด
“. . . ถ้าหลงรักผม ผมจะรับผิดชอบทั้งหมดเลยครับ”
“ฉันจะเชื่อได้อย่างไง? ในเมื่อนายก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงเนี่ย?”
“รุ่นพี่? . . . ไปรู้เรื่องนั้นได้อย่างไงครับ!!”
“มันเป็นข่าวที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า ‘เคยมีอะไรกับดันเต้’ น่ะ”
“แต่ผม . . . ไม่เคยรักใครมาก่อนนี่นา”
“รัก?! . . . กับฉัน?”
“ครับ”
“แต่ . . .” คนตรงหน้าผมค่อยๆเงยหน้ามาสบตากับผม “ฉันรักนายไม่ได้ ฉันเป็นผู้ชาย . . . นายก็เป็นผู้ชาย”
“แต่เดี๋ยวนี้ความรักมันไม่จำกัดเรื่องเพศนะครับ”
“ฉันไม่สนหรอก ฉันต้องขอโทษจริงๆ . . . เพราะว่านายก็มีอนาคตที่ดีนี่นา นายเป็นมาเฟียแถมได้ข่าวว่าเงินก็เยอะนี่ ส่วนฉันมันก็แค่เด็กเรียนเก่งและบ้านก็ไม่ใช่ว่าจะรวยด้วย โลกของฉันกับนายมันแตกต่างกันมากๆ”
“ผมไม่สน ผมไม่สนกับเหตุผลบ้าๆของรุ่นพี่หรอกครับ อะ . . .”
นี่ผมพูดอะไรออกไป!? เหตุผลบ้าๆงั้นเหรอ?
“นาย . . .”
“ผมขอโทษคือว่าผม . . .”
“ไม่ต้องหรอก ช่างมันเหอะ” รุ่นพี่ค่อยๆยิ้มให้ผม “โอ๊ะ . . . กำลังจะถึงแล้วนะ”
ผมมองรุ่นพี่ที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้ชิงช้าสวรรค์ที่พวกเรานั่งอยู่กำลังจะถึงตาพวกเราที่จะลงไป เมื่อลงมาได้ผมก็ค่อยๆกุมมือแสนเย็นแล้วก้มหน้าสำนึกผิดที่พูดไม่ดีออกไป ส่วนรุ่นพี่ก็มองผมแบบงงๆก็ค่อยๆยิ้มให้แล้วลูบหัวผมเบาๆราวกับเด็กที่กำลังสำนึกผิด
“ผมขอโทษ . . . รุ่นพี่” ผมยังคงเอ่ยคำขอโทษออกมา
“ไม่เป็นไร แค่นี้นายก็ . . . ไม่ผิดหรอกนะ” ค่อยๆกุมมือนี้แน่นมากขึ้น
“ผม . . .”
“นี่ดันเต้”
“คะ . . . ครับ”
“. . . ขอกอดหน่อยสิ นายชอบกอดไม่ใช่เหรอ?”
“คือผม . . . ก็นิดหน่อยน่ะครับ”
“งั้น . . . มากอดสิ วันนี้ก็วันสุดท้ายสำหรับการเดทไม่ใช่เหรอ?”
“. . . นั่นสินะครับ”
ผมค่อยๆกอดร่างบอบบางนี้เอาไว้ให้แน่นที่สุด ส่วนคนคนนี้ก็หัวเราะออกมาจนผมต้องแกล้งคนคนนี้ต่อและเมื่อแกล้งเสร็จก็โดนด่าอีก แบบนี้แหละนะสมที่เป็นรุ่นพี่
“ผมไปส่งนะครับ”
“ไม่เอาหรอก ลำบากนายเปล่าๆ”
“ไม่หรอกครับ เป็นคนรักกันก็ต้องไปส่งอยู่แล้วนี่นา”
“นาย . . . บ้าชะมัด”
“ฮึๆ”
หากแม้รุ่นพี่จะทำหน้าเศร้าเพียงใดแต่ก็ยังคงยิ้มให้ ส่วนผมก็จะคอยมอบความอบอุ่นนี้โดยกอดเสมอ ถึงแม้วันนี้ผมอาจจะพูดแรงไปก็ตาม . . . ผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งหนึ่งนะครับรุ่นพี่ และขอบคุณสำหรับการให้อภัยและทุกๆอย่างที่ทำให้ผมคนนี้มี ‘ความสุข’
ผมน่ะ รักรุ่นพี่นะครับ แล้วรุ่นพี่ . . . รักผมบ้างไหม? ยอมที่จะให้ผมคนนี้เข้ามาในชีวิตคุณไหม?
“ดันเต้ นายเหมออะไรน่ะ” น้ำเสียงรุ่นพี่ทักผมขึ้นจนผมเห็นว่าคนรับใช้ส่วนตัวของผมแอบหัวเราะอยู่
เดี๋ยวก็หักเงินเดือนซะเลยนิ
“นิดหน่อยครับ รุ่นพี่ครับ พรุ่งนี้ผมกะว่าจะพารุ่นพี่ไปหาคุณยายซะหน่อยครับ จะมาไหมครับ?”
“ให้ไปทำไมล่ะ? ให้ไปดูที่ว่า ‘แฟน’ ของนายรึไง?” รุ่นพี่แซวผม
“ไม่ใช่ซะหน่อยครับ รุ่นพี่นี่ชอบคิดไปไกลจังนะครับ”
“เปล่าซะหน่อย ก็แค่ลองเดาดูน่ะ”
“หือ? คนปากแข็ง” ผมด่าคนข้างๆ
“อะไรเล่า ไอหมาป่าในคราบลูกแกะ”
เจ็บจริง . . . ~
“อา . . . รุ่นพี่อย่ามากระตุ้นต่อมแกล้งของผมสิครับ” และแล้วมือของผมก็ค่อยๆเข้าไปจับหลังมือของคนข้างๆ “เดี๋ยวก็ ‘จูบ’ ตรงนี้ซะเลย”
“จะบ้ารึไง?! คุณตาของนายยังขับรถอยู่เลยนะ”
คุณตาเลยเหรอครับ?
“นั่นคนรับใช้นะครับ”
“จะคนรับใช้อะไรก็ช่าง นายหัดมีกาลเทศะซะบ้างสิ เจ้าบ้า!!”
“ครับ ครับ”
“อย่ามาตอบแบบนี้นะ!!”
รุ่นพี่ . . . ถ้าเกิดผมทนไม่ไหวขึ้นมาอย่าว่าผมเลยนะครับ อารมณ์ผมตอนนี้จัดว่าขั้นถึงจะสูงสุดกับการอดทนแล้วสินะ ไว้พรุ่งนี้แกล้งหนักกว่าทุกทีดีกว่า
ความคิดเห็น