ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Tale 2: Tsuki to Usagi !! 3
ตลอดบ่ายจนถึงค่ำวันนั้น.. ตารางเวลาของกัคคุโตะก็ถูกเซตเข้ากับตารางทัวร์ชิมอาหารของร่างบางไปโดยปริยาย เรียกว่าพอออกจากร้านอาหารจีนร้านนั้น เราก็ไปต่อกันที่ร้านโอโนมิยากิอีกทันที และหลังจากนั้นแล้วไฮโดะยังลากลูกทัวร์จำเป็นของเขาเข้าไปในร้านทาโกะยากิที่เห็นข้างทาง
แล้วยังจะงานวัดที่ศาลเจ้าที่บังเอิญขับรถผ่านไปเจออีก ซึ่งที่นั่นร่างบางก็ซื้อทั้งลูกชิ้น สายไหม น้ำแข็งไส และอะไรอีกหลายอย่างที่คนมองก็จำไม่ได้แล้ว กินไปตลอดทางที่พวกเขาเดินดูงานเทศกาลที่จัดขึ้น
มาถึงตอนนี้ ... พอมาคิดดูจริงๆ แล้วกัคคุโตะมักจะสงสัยระบบย่อยอาหารของร่างบางขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ทานอะไรต่อมิอะไรเข้าไปไม่น้อยเลย
แต่ดูเหมือนว่าภายใต้รูปร่างที่ผอมบางราวกับจะปลิวตามลมของไฮโดะจะมีกระเพาะที่สามารถยัดอะไรต่อมิอะไรเข้าไปได้อย่างไม่รู้จบ บางที่เขาก็สงสัยเหมือนว่าในท้องของร่างบางอาจจะไม่มีกระเพาะแต่เป็นหลุมดำซะมากกว่า ทั้งๆ ที่ทานเยอะออกขนาดนี้แต่กลับไม่อ้วนเลยซักนิดเดียว
“นี่ๆๆ กัจจัง เดี๋ยวไปต่อกันที่อาโอยามะนะ ฉันอยากกินเมลอนพุดดิ้ง” ไฮโดะกล่าวขึ้นมา หลังจากที่เขาเดินงานเทศกาลจนทั่วแล้วกลับมาขึ้นรถ ทำเอาคนที่มาด้วยให้อึ้งไปอีกรอบ
“ยังจะไปอีกเหรอ?” กัคคุโตะหันมาถามซ้ำด้วยน้ำเสียงตกใจ
... ท่าทางท้องของเขาคงจะเป็นหลุมดำจริงๆ ซะล่ะมั้ง...
“อย่าเพิ่งบ่นน่ากัจจัง เนี่ยที่สุดท้ายแล้ว ช่วงนี้ร้านเค้กแถวนั้นมีโปรโมชั่นลดราคานี่นา ได้ยินจากยุกกี้เมื่อวานนี้ วันนี้เลยคิดว่าจะไปกินให้ได้เลย” ไฮโดะกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวาววับ เมื่อนึกถึงบรรดาเค้กมากมายหลากหลายรูปแบบที่เรียงรายรอคอยเขาอยู่ในร้าน พอเห็นสายตาแบบนั้นแล้ว ใครกันจะขัดใจเขาได้
ถึงแม้จะคิดในใจว่าตัวเองกับร้านเค้กช่างเป็นสิ่งที่ดูขัดกันโดยสิ้นเชิง เพราะตัวเขาเป็นพวกที่ไม่ถูกกับของหวานๆ เอาเสียเลย ดังนั้นจึงไม่เคยคิดจะเหยียบเข้าร้านประเภทนี้เลยสักครั้ง แต่ถึงเป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่ร่างสูงก็ยังขับรถไปถึงอาโอยามะตามใจผู้โดยสารของเขาจนได้...
... ผู้ชายสองคนในร้านเค้ก คงน่าดูพิลึกเลยล่ะ ...
กัคคุโตะอดคิดเช่นนั้นอยู่ในใจเพียงลำพังไม่ได้ เมื่อเดินเข้ามาในร้านเค้กที่ไฮโดะหมายตาเอาไว้แล้ว สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาก็คือคู่รักหนุ่มสาวมากมายที่นั่งอยู่ภายในร้าน เขาแอบเหลือบไปมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็ภาพตรงหน้าบ้าง
แต่ดูเหมือนว่าร่างบางกำลังมองหาที่ว่างอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ได้สนใจกับคู่หนุ่มสาวที่นั่งกันอยู่เต็มร้านเลยสักนิดเดียว ขณะนั้นเองก็มีพนักงานต้อนรับเป็นสาวน้อยในชุดเมดสีขาวออกมาเชิญพวกเขาเข้าไปนั่งที่ริมหน้าต่างที่เพิ่งว่างลง
“ร้านเลอโนทร์ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าจะสั่งอะไรดีคะ?” หญิงสาวกล่าวพลางส่งเมนูสองเล่มให้ทั้งคู่ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งรับเมนูมาวางบนโต๊ะแล้วสั่งกาแฟดำแก้วหนึ่งให้ตัวเอง
จากนั้นจึงนั่งมองคนที่มาด้วยกันที่ยังก้มหน้าก้มตามองดูเมนูเค้กด้วยท่าทางตื่นเต้น เหมือนสายตาของเขาตอนที่มองร้านค้าที่เรียงรายอยู่เต็มสองข้างทางของงานเทศกาลเมื่อครู่นี้ไม่ผิดเพี้ยน ภาพนั้นทำให้กัคคุโตะอดยิ้มออกมาไม่ได้กับความน่ารักของไฮโดะ
... เฮ้อ ... จะสี่สิบแล้วแน่เหรอเนี่ย? ...
ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ ขณะที่คิดเรื่อยเปื่อยไปถึงใครอีกคนที่อายุล่วงเข้าเลขสี่ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นคนคนนั้น เรื่องแบบไหนกันนะที่ดวงตาเรียวคมคู่นั้นจะฉายแววตื่นเต้นดีใจแบบนี้บ้าง เรื่องงานงั้นเหรอ? จะว่าไปชีวิตของคนคนนั้นก็มีแต่งานอยู่แล้ว
เรื่องที่จะได้ออกมาเที่ยวตระเวนเดินในเมืองแบบนี้.. แทบจะเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย เพราะนอกจากจะไม่มีเวลาแล้วคนคนนั้นมักจะโทรเรียกเชฟให้ทำอาหารให้ทานที่บ้านเสมอ ไม่ว่าอยากทานอะไรแค่ยกหูโทรศัพท์เท่านั้น ทุกอย่างก็เรียบร้อยตามต้องการ แล้วคนคนนั้นจะเสียเวลาออกมาเดินหาด้วยตัวเองทำไมกัน
อาจจะเป็นเพราะมัวแต่จมอยู่กับห้วงความคิดคำนึงของตัวเอง ดังนั้นกัคคุโตะจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน
... อีกแล้ว ...
... สายตาแบบนี้อีกแล้ว ...
ไฮโดะนึกอยู่ในใจอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะทันทีทีเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูแล้ว เห็นร่างสูงมองมองดูเหล่าคู่รักที่นั่งอยู่ในร้านด้วยแววตาเหม่อลอย ราวกับกำลังมองหาใครซักคนอยู่ มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
... ทำไมล่ะ ทั้งๆ ที่นายมากับฉัน ...
... นายกลับไม่มองฉัน ...
... นายมองอะไรอยู่ กัคคุโตะ ...
... จริงๆ แล้วนายกำลังมองหาใครอยู่กันแน่? ...
ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะรู้ตัวรึเปล่า ตอนที่ทำงานด้วยกันที่ไต้หวันก็เป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะคอยเอาใจ คอยดูแลเขาสารพัดก็ตาม แต่เวลาหมอนั่นอยู่คนเดียวตามลำพังทีไร สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเขาทุกครั้งก็คือ ... สายตาของหมั่นนั่นที่ทอดมองออกไปในที่ไกลๆ ราวกับกำลังมองหาใครบางคนอยู่
... ใครซักคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ...
และสายตาแบบนั้นมันทำให้เขาแน่ใจในเวลาต่อมาว่า ‘คนรัก’ ของหมอนั่นไม่ใช่เขาแน่นอน
.... ใครกันนะ? ...
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด พอหงุดหงิดมากๆๆ เข้า ก็ยิ่งพาลรู้สึกหิวขึ้นมาอีก ทำให้รายการเค้กนั้นไม่ได้จบเพียงแต่เมลอนพุดดิ้งอย่างที่ตั้งใจไว้เสียแล้ว
“.............ขอเมนูเค้กหน่อย..........ครับ” หลังจากพิจารณาเมนูเค้กอยู่นานพอสมควรไฮโดะก็เริ่มต้นสั่งรายการเค้กที่เขาต้องการ ซึ่งแม้ไม่ต้องฟังร่างสูงก็พอคาดเดาได้ว่ามันต้องยาวเป็นหางว่าวเช่นเดียวกับร้านอื่นๆ แน่นอน
แต่กัคคุโตะกลับไม่เคยรับรู้เลยว่าสาเหตุของรายการเค้กที่ยาวเหยียดนั้นมาจากตัวเขา
... เพราะความขุ่นเคืองใจเกี่ยวกับตัวเขา ...
หากเพียงเขามองเห็นแววตาเคืองขัดที่สะท้อนอยู่ในดวงตากลมโตเปี่ยมเสน่ห์ของไฮโดะที่จ้องมองเขาเมื่อครู่นี้ล่ะก็ ...
... ถ้าเขารู้สึกตัวเสียตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะก็ ...
แต่เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสะกิดใจในความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ร่างบางที่มาด้วยกันเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นจึงคิดว่ารายการสั่งที่ยาวเหยียดนี้ก็คงเป็นเพียงเรื่องปกติธรรมดาของร่างบางเท่านั้น
“สั่งเยอะขนาดนี้แน่ใจนะว่ากินคนเดียวหมด” กัคคุโตะอดไม่ได้ที่ต้องตั้งคำถามกับร่างบางทั้งๆ ที่ความจริงก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่หมดก็เอากลับบ้าน เผลอๆ เอาไว้ฝากยุกกี้ด้วยหมอนั่นรักของหวานประเภทนี้จะตาย” ไฮโดะกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่ส่งเมนูคืนพนักงานที่มารับออร์เดอร์ คล้อยหลังจากพนังงานสาวคนนั้นไม่เท่าไหร่ ก็มีพนักงานต้อนรับอีกคนหนึ่งถือพุดดิ้งสตอเบอร์รี่รูปหัวใจราดครีมสดมาวางบนโต๊ะพวกเขา
ชายหนุ่มทั้งคู่ต่างมองมันและเงยหน้าขึ้นมองพนักงานสาวที่นำมันมาด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่จะมีใครได้กล่าวอะไรออกไป เธอก็บอกกับพวกเขาว่า
“นี่เป็นของกำนัลพิเศษสำหรับคู่รักคู่ที่หนึ่งร้อยที่เข้ามาทานเค้กในร้านของเราค่ะ” คำตอบของหญิงสาวนั้นทำให้กัคคุโตะเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
ร่างสูงเหลือบตามองปฏิกิริยาจากไฮโดะที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดจนดูเหมือนมึนตึงขึ้นมาทันทีของหมอนั่นเมื่อฟังคำตอบของเธอจบลงแล้ว เขาแทบอยากหัวเราะออกมาดังๆ เสียเดี๋ยวนั้นเลย
“ขอโทษครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง” เสียงทุ้มหวานที่จงใจกดจนต่ำนั้น แสดงถึงอารมณ์ขุ่นมัวที่พยายามข่มเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้หญิงสาวต้องรีบก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่เข้าใจพวกเขาผิดเป็นแบบนั้นไป
กัคคุโตะมองเธอแล้วรู้สึกว่าเธอนั้นโชคดีนักที่เป็นผู้หญิง หากมีผู้ชายมาพูดแบบนี้กับไฮโดะล่ะก็ เจ้าของร่างบางอาจจะลุกขึ้นไปต่อยปากกับคนพูดแล้วก็เป็นได้
จะว่าไปแล้วไฮโดะก็สวยยิ่งกว่าผู้หญิงมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แม้ว่าหลังจากแต่งงานไป เจ้าตัวจะพยายามทำตัวให้ดูแมนมากขึ้นเท่าไหร่ก็ตาม แต่ด้วยรูปร่างซึ่งผอมบางกว่าผู้ชายทั่วไป ดวงตากลมโตทรงเสน่ห์ที่มักฉายแววซุกซนเหมือนเด็กๆ
อีกทั้งใบหน้าอันอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงหลายเท่านั้น ยังคงดูงดงามไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าอายุจะเพิ่มขึ้นทุกปีก็ตาม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่าเป็นผู้หญิง ซึ่งเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปมด้อยอีกอย่างที่เจ้าตัวกลุ้มใจอยู่เสมอ
“ไม่ตลกเลยนะกัจจัง นายไม่ใช่คนถูกทักนี่ถึงหัวเราะอยู่ได้แบบนี้” เสียงบ่นกระเง้ากระงอดดังมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ซึ่งเวลานี้ใบหน้าอันเรียวสวยนั้นงอง้ำจนเกือบจะกลายเป็นม้าหมากรุกในอีกไม่ช้านี้แล้ว
‘โว้ยยย หงุดหงิดโว้ยยย ไอ้เราออกจะแมนขนาดนี้แท้ๆ ผู้หญิงอะไรตาถั่วชะมัด อย่างผมเนี่ยมันมีตรงไหนเหมือนผู้หญิงไม่ทราบครับ ทั้งๆ ที่แค่ตัวเล็กไปน้อยเท่านั้นเอง หน้าอกก็ไม่มี เสียงรึก็ออกจะห้าวขนาดนี้ แถมผมแต่งงานมีลูกแล้วด้วยนะ อย่างผมเนี่ยมีตรงไหนเป็นผู้หญิงเหรอครับ’ ไฮโดะตะโกนอย่างแสนจะฉุนขาดอยู่ในใจ แค่นี้ร่างบางเองก็โมโหมากพออยู่แล้ว
ยิ่งพอมีเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่มาด้วยกันดังแว่วมาให้ได้ยิน ยิ่งทำให้ฟิวส์ขาดไปกันใหญ่
... หัวเราะ หัวเราะเข้าไป เดี๋ยวฉันช่วยส่งไปหัวเราะต่อในนรกดีไหมล่ะกัจจัง ...
พอเห็นใบหน้าแบบนั้นของร่างบางแล้ว ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความชอบใจ แต่ยังอยากให้หงุดหงิดยิ่งกว่านี้เขาจึงแกล้งหยอกกลับไปอีกที
“ไม่เอาน่าไฮโดะ ถูกหาว่าเป็นคนรักของฉันมันแย่มากขนาดนั้นเชียว?”
แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดนั้นมันทำให้ปีศาจน้อยที่ใกล้กลายร่างเป็นมินิก๊อตจิ ชะงักปิดสวิทดับไฟโทสะในตัวลงทันที จริงๆ แล้วเหมือนมีใครเอาน้ำเย็นมาสาดโครมใส่เขาเลยมากกว่า
‘คนรักงั้นเหรอ? พูดออกมาได้นะกัคคุโตะ ทั้งๆ ที่นายเองก็มีคนอื่นอยู่แล้วแท้ๆ’ พอนึกถึงความจริงข้อนี้แล้ว มันช่างขมขื่นฝาดคอเสียนี่กระไร ไม่หรอกมันไม่มีทางเป็นไปได้ เรื่องของเราน่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ไม่มีทางเป็นเป็นไปได้หรอก
ถึงแม้จะรู้สึกขมขื่นใจเพียงไร แต่สิ่งที่อีกฝ่ายจะได้เห็นจากเขามีเพียง ...
“ยี้ๆๆๆ แหวะ พูดออกมาได้นะนาย เรื่องหลงตัวเองน่ะยกให้เลย นี่ฉันหลงผิดมาคบกับคนหลงตัวเองอย่างนายได้ไงเนี่ย” ไฮโดะกล่าวพลางแลบลิ้นใส่ร่างสูงด้วยความหมั้นไส้ ท่าทางเด็กๆ ของเร่างบางทำให้กัคคุโตะยิ่งหัวเราะร่วนขึ้นไปอีกด้วยความเบิกบาน
............................................................
“ไปล่ะ กัจจังขอบคุณมากที่ไปเป็นเพื่อนฉันวันนี้นะ” ไฮโดะกล่าวขอบคุณกัคคุโตะด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่ออกมาจากร้านเค้กเขาก็อาสาขับมาส่งร่างบางที่บ้าน
“ไม่เป็นไร” ร่างสูงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นทัวร์บริโภคที่ดูวุ่นวายไปหน่อย แต่มันก็สนุกดีไม่น้อยเลย
“อ้อ .. เกือบลืมกัจจัง เมื่อวานตอนคุณนักข่าวคนนั้นมาสัมภาษณ์ฉัน เราคุยกันเรื่องโยชิกิซังด้วยล่ะ ดูเหมือนว่าตอนนี้โยชิกิซังไม่สบายต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่นะ” ก่อนไฮโดะจะเปิดประตูลงจากรถเขาก็หันกลับมาหาคนในรถเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
"อย่างนั้นเหรอ ขอบใจนะ" เขาพยักหน้ารับพลางกล่าวขอบคุณกับข่าวสารที่นำมาให้ จากนั้นความมืดของยามค่ำคืนก็ดูดกลืนเอาร่างของของหมอนั่นให้หายไปจากสายตาทีละน้อย ร่างบางยืนมองรถเคลื่อนจากไปจนลับตาแล้วจนเดินกลับเข้าบ้าน ...
....................................................................
ดวงจันทร์ยังคงส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าเช่นเดียวกันทุกวัน ส่วนคุณกระต่ายสีขาวเองก็ยังคงเฝ้ามองดวงจันทร์เช่นเดียวกับทุกคืน เพียงแต่คืนนี้คุณกระต่ายแหงนมองพระจันทร์อยู่ทั้งคืน คอยเฝ้ามองดวงจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนตัวหายลับไปจากท้องฟ้า
เวลานั้นคุณกระต่ายได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างเศร้าสร้อย
“ถ้านายเองไม่ได้เฝ้ามองแต่คนอื่น ส่วนฉันเองยังไม่มีใคร เรื่องของเราคงไม่กลายเป็นแบบนี้ ... เป็นคนรักของนาย ... ถ้าเป็นไปได้มันจะสุขซักแค่ไหนกันนะ?”
คุณกระต่ายหันหลังกลับไปมองท้องฟ้าดำมืดที่ว่างเปล่าอีกครั้ง ก่อนที่จะกลับไปในห้องพักในตัวเรือ เพื่อเตรียมตัวเริ่มต้นวันใหม่ต่อไป
~Tale 2 END~
แล้วยังจะงานวัดที่ศาลเจ้าที่บังเอิญขับรถผ่านไปเจออีก ซึ่งที่นั่นร่างบางก็ซื้อทั้งลูกชิ้น สายไหม น้ำแข็งไส และอะไรอีกหลายอย่างที่คนมองก็จำไม่ได้แล้ว กินไปตลอดทางที่พวกเขาเดินดูงานเทศกาลที่จัดขึ้น
มาถึงตอนนี้ ... พอมาคิดดูจริงๆ แล้วกัคคุโตะมักจะสงสัยระบบย่อยอาหารของร่างบางขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ทานอะไรต่อมิอะไรเข้าไปไม่น้อยเลย
แต่ดูเหมือนว่าภายใต้รูปร่างที่ผอมบางราวกับจะปลิวตามลมของไฮโดะจะมีกระเพาะที่สามารถยัดอะไรต่อมิอะไรเข้าไปได้อย่างไม่รู้จบ บางที่เขาก็สงสัยเหมือนว่าในท้องของร่างบางอาจจะไม่มีกระเพาะแต่เป็นหลุมดำซะมากกว่า ทั้งๆ ที่ทานเยอะออกขนาดนี้แต่กลับไม่อ้วนเลยซักนิดเดียว
“นี่ๆๆ กัจจัง เดี๋ยวไปต่อกันที่อาโอยามะนะ ฉันอยากกินเมลอนพุดดิ้ง” ไฮโดะกล่าวขึ้นมา หลังจากที่เขาเดินงานเทศกาลจนทั่วแล้วกลับมาขึ้นรถ ทำเอาคนที่มาด้วยให้อึ้งไปอีกรอบ
“ยังจะไปอีกเหรอ?” กัคคุโตะหันมาถามซ้ำด้วยน้ำเสียงตกใจ
... ท่าทางท้องของเขาคงจะเป็นหลุมดำจริงๆ ซะล่ะมั้ง...
“อย่าเพิ่งบ่นน่ากัจจัง เนี่ยที่สุดท้ายแล้ว ช่วงนี้ร้านเค้กแถวนั้นมีโปรโมชั่นลดราคานี่นา ได้ยินจากยุกกี้เมื่อวานนี้ วันนี้เลยคิดว่าจะไปกินให้ได้เลย” ไฮโดะกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวาววับ เมื่อนึกถึงบรรดาเค้กมากมายหลากหลายรูปแบบที่เรียงรายรอคอยเขาอยู่ในร้าน พอเห็นสายตาแบบนั้นแล้ว ใครกันจะขัดใจเขาได้
ถึงแม้จะคิดในใจว่าตัวเองกับร้านเค้กช่างเป็นสิ่งที่ดูขัดกันโดยสิ้นเชิง เพราะตัวเขาเป็นพวกที่ไม่ถูกกับของหวานๆ เอาเสียเลย ดังนั้นจึงไม่เคยคิดจะเหยียบเข้าร้านประเภทนี้เลยสักครั้ง แต่ถึงเป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่ร่างสูงก็ยังขับรถไปถึงอาโอยามะตามใจผู้โดยสารของเขาจนได้...
... ผู้ชายสองคนในร้านเค้ก คงน่าดูพิลึกเลยล่ะ ...
กัคคุโตะอดคิดเช่นนั้นอยู่ในใจเพียงลำพังไม่ได้ เมื่อเดินเข้ามาในร้านเค้กที่ไฮโดะหมายตาเอาไว้แล้ว สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาก็คือคู่รักหนุ่มสาวมากมายที่นั่งอยู่ภายในร้าน เขาแอบเหลือบไปมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็ภาพตรงหน้าบ้าง
แต่ดูเหมือนว่าร่างบางกำลังมองหาที่ว่างอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ได้สนใจกับคู่หนุ่มสาวที่นั่งกันอยู่เต็มร้านเลยสักนิดเดียว ขณะนั้นเองก็มีพนักงานต้อนรับเป็นสาวน้อยในชุดเมดสีขาวออกมาเชิญพวกเขาเข้าไปนั่งที่ริมหน้าต่างที่เพิ่งว่างลง
“ร้านเลอโนทร์ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าจะสั่งอะไรดีคะ?” หญิงสาวกล่าวพลางส่งเมนูสองเล่มให้ทั้งคู่ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งรับเมนูมาวางบนโต๊ะแล้วสั่งกาแฟดำแก้วหนึ่งให้ตัวเอง
จากนั้นจึงนั่งมองคนที่มาด้วยกันที่ยังก้มหน้าก้มตามองดูเมนูเค้กด้วยท่าทางตื่นเต้น เหมือนสายตาของเขาตอนที่มองร้านค้าที่เรียงรายอยู่เต็มสองข้างทางของงานเทศกาลเมื่อครู่นี้ไม่ผิดเพี้ยน ภาพนั้นทำให้กัคคุโตะอดยิ้มออกมาไม่ได้กับความน่ารักของไฮโดะ
... เฮ้อ ... จะสี่สิบแล้วแน่เหรอเนี่ย? ...
ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ ขณะที่คิดเรื่อยเปื่อยไปถึงใครอีกคนที่อายุล่วงเข้าเลขสี่ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นคนคนนั้น เรื่องแบบไหนกันนะที่ดวงตาเรียวคมคู่นั้นจะฉายแววตื่นเต้นดีใจแบบนี้บ้าง เรื่องงานงั้นเหรอ? จะว่าไปชีวิตของคนคนนั้นก็มีแต่งานอยู่แล้ว
เรื่องที่จะได้ออกมาเที่ยวตระเวนเดินในเมืองแบบนี้.. แทบจะเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย เพราะนอกจากจะไม่มีเวลาแล้วคนคนนั้นมักจะโทรเรียกเชฟให้ทำอาหารให้ทานที่บ้านเสมอ ไม่ว่าอยากทานอะไรแค่ยกหูโทรศัพท์เท่านั้น ทุกอย่างก็เรียบร้อยตามต้องการ แล้วคนคนนั้นจะเสียเวลาออกมาเดินหาด้วยตัวเองทำไมกัน
อาจจะเป็นเพราะมัวแต่จมอยู่กับห้วงความคิดคำนึงของตัวเอง ดังนั้นกัคคุโตะจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน
... อีกแล้ว ...
... สายตาแบบนี้อีกแล้ว ...
ไฮโดะนึกอยู่ในใจอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะทันทีทีเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูแล้ว เห็นร่างสูงมองมองดูเหล่าคู่รักที่นั่งอยู่ในร้านด้วยแววตาเหม่อลอย ราวกับกำลังมองหาใครซักคนอยู่ มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
... ทำไมล่ะ ทั้งๆ ที่นายมากับฉัน ...
... นายกลับไม่มองฉัน ...
... นายมองอะไรอยู่ กัคคุโตะ ...
... จริงๆ แล้วนายกำลังมองหาใครอยู่กันแน่? ...
ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะรู้ตัวรึเปล่า ตอนที่ทำงานด้วยกันที่ไต้หวันก็เป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะคอยเอาใจ คอยดูแลเขาสารพัดก็ตาม แต่เวลาหมอนั่นอยู่คนเดียวตามลำพังทีไร สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเขาทุกครั้งก็คือ ... สายตาของหมั่นนั่นที่ทอดมองออกไปในที่ไกลๆ ราวกับกำลังมองหาใครบางคนอยู่
... ใครซักคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ...
และสายตาแบบนั้นมันทำให้เขาแน่ใจในเวลาต่อมาว่า ‘คนรัก’ ของหมอนั่นไม่ใช่เขาแน่นอน
.... ใครกันนะ? ...
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด พอหงุดหงิดมากๆๆ เข้า ก็ยิ่งพาลรู้สึกหิวขึ้นมาอีก ทำให้รายการเค้กนั้นไม่ได้จบเพียงแต่เมลอนพุดดิ้งอย่างที่ตั้งใจไว้เสียแล้ว
“.............ขอเมนูเค้กหน่อย..........ครับ” หลังจากพิจารณาเมนูเค้กอยู่นานพอสมควรไฮโดะก็เริ่มต้นสั่งรายการเค้กที่เขาต้องการ ซึ่งแม้ไม่ต้องฟังร่างสูงก็พอคาดเดาได้ว่ามันต้องยาวเป็นหางว่าวเช่นเดียวกับร้านอื่นๆ แน่นอน
แต่กัคคุโตะกลับไม่เคยรับรู้เลยว่าสาเหตุของรายการเค้กที่ยาวเหยียดนั้นมาจากตัวเขา
... เพราะความขุ่นเคืองใจเกี่ยวกับตัวเขา ...
หากเพียงเขามองเห็นแววตาเคืองขัดที่สะท้อนอยู่ในดวงตากลมโตเปี่ยมเสน่ห์ของไฮโดะที่จ้องมองเขาเมื่อครู่นี้ล่ะก็ ...
... ถ้าเขารู้สึกตัวเสียตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะก็ ...
แต่เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสะกิดใจในความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ร่างบางที่มาด้วยกันเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นจึงคิดว่ารายการสั่งที่ยาวเหยียดนี้ก็คงเป็นเพียงเรื่องปกติธรรมดาของร่างบางเท่านั้น
“สั่งเยอะขนาดนี้แน่ใจนะว่ากินคนเดียวหมด” กัคคุโตะอดไม่ได้ที่ต้องตั้งคำถามกับร่างบางทั้งๆ ที่ความจริงก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่หมดก็เอากลับบ้าน เผลอๆ เอาไว้ฝากยุกกี้ด้วยหมอนั่นรักของหวานประเภทนี้จะตาย” ไฮโดะกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่ส่งเมนูคืนพนักงานที่มารับออร์เดอร์ คล้อยหลังจากพนังงานสาวคนนั้นไม่เท่าไหร่ ก็มีพนักงานต้อนรับอีกคนหนึ่งถือพุดดิ้งสตอเบอร์รี่รูปหัวใจราดครีมสดมาวางบนโต๊ะพวกเขา
ชายหนุ่มทั้งคู่ต่างมองมันและเงยหน้าขึ้นมองพนักงานสาวที่นำมันมาด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่จะมีใครได้กล่าวอะไรออกไป เธอก็บอกกับพวกเขาว่า
“นี่เป็นของกำนัลพิเศษสำหรับคู่รักคู่ที่หนึ่งร้อยที่เข้ามาทานเค้กในร้านของเราค่ะ” คำตอบของหญิงสาวนั้นทำให้กัคคุโตะเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
ร่างสูงเหลือบตามองปฏิกิริยาจากไฮโดะที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดจนดูเหมือนมึนตึงขึ้นมาทันทีของหมอนั่นเมื่อฟังคำตอบของเธอจบลงแล้ว เขาแทบอยากหัวเราะออกมาดังๆ เสียเดี๋ยวนั้นเลย
“ขอโทษครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง” เสียงทุ้มหวานที่จงใจกดจนต่ำนั้น แสดงถึงอารมณ์ขุ่นมัวที่พยายามข่มเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้หญิงสาวต้องรีบก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่เข้าใจพวกเขาผิดเป็นแบบนั้นไป
กัคคุโตะมองเธอแล้วรู้สึกว่าเธอนั้นโชคดีนักที่เป็นผู้หญิง หากมีผู้ชายมาพูดแบบนี้กับไฮโดะล่ะก็ เจ้าของร่างบางอาจจะลุกขึ้นไปต่อยปากกับคนพูดแล้วก็เป็นได้
จะว่าไปแล้วไฮโดะก็สวยยิ่งกว่าผู้หญิงมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แม้ว่าหลังจากแต่งงานไป เจ้าตัวจะพยายามทำตัวให้ดูแมนมากขึ้นเท่าไหร่ก็ตาม แต่ด้วยรูปร่างซึ่งผอมบางกว่าผู้ชายทั่วไป ดวงตากลมโตทรงเสน่ห์ที่มักฉายแววซุกซนเหมือนเด็กๆ
อีกทั้งใบหน้าอันอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงหลายเท่านั้น ยังคงดูงดงามไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าอายุจะเพิ่มขึ้นทุกปีก็ตาม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่าเป็นผู้หญิง ซึ่งเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปมด้อยอีกอย่างที่เจ้าตัวกลุ้มใจอยู่เสมอ
“ไม่ตลกเลยนะกัจจัง นายไม่ใช่คนถูกทักนี่ถึงหัวเราะอยู่ได้แบบนี้” เสียงบ่นกระเง้ากระงอดดังมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ซึ่งเวลานี้ใบหน้าอันเรียวสวยนั้นงอง้ำจนเกือบจะกลายเป็นม้าหมากรุกในอีกไม่ช้านี้แล้ว
‘โว้ยยย หงุดหงิดโว้ยยย ไอ้เราออกจะแมนขนาดนี้แท้ๆ ผู้หญิงอะไรตาถั่วชะมัด อย่างผมเนี่ยมันมีตรงไหนเหมือนผู้หญิงไม่ทราบครับ ทั้งๆ ที่แค่ตัวเล็กไปน้อยเท่านั้นเอง หน้าอกก็ไม่มี เสียงรึก็ออกจะห้าวขนาดนี้ แถมผมแต่งงานมีลูกแล้วด้วยนะ อย่างผมเนี่ยมีตรงไหนเป็นผู้หญิงเหรอครับ’ ไฮโดะตะโกนอย่างแสนจะฉุนขาดอยู่ในใจ แค่นี้ร่างบางเองก็โมโหมากพออยู่แล้ว
ยิ่งพอมีเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่มาด้วยกันดังแว่วมาให้ได้ยิน ยิ่งทำให้ฟิวส์ขาดไปกันใหญ่
... หัวเราะ หัวเราะเข้าไป เดี๋ยวฉันช่วยส่งไปหัวเราะต่อในนรกดีไหมล่ะกัจจัง ...
พอเห็นใบหน้าแบบนั้นของร่างบางแล้ว ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความชอบใจ แต่ยังอยากให้หงุดหงิดยิ่งกว่านี้เขาจึงแกล้งหยอกกลับไปอีกที
“ไม่เอาน่าไฮโดะ ถูกหาว่าเป็นคนรักของฉันมันแย่มากขนาดนั้นเชียว?”
แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดนั้นมันทำให้ปีศาจน้อยที่ใกล้กลายร่างเป็นมินิก๊อตจิ ชะงักปิดสวิทดับไฟโทสะในตัวลงทันที จริงๆ แล้วเหมือนมีใครเอาน้ำเย็นมาสาดโครมใส่เขาเลยมากกว่า
‘คนรักงั้นเหรอ? พูดออกมาได้นะกัคคุโตะ ทั้งๆ ที่นายเองก็มีคนอื่นอยู่แล้วแท้ๆ’ พอนึกถึงความจริงข้อนี้แล้ว มันช่างขมขื่นฝาดคอเสียนี่กระไร ไม่หรอกมันไม่มีทางเป็นไปได้ เรื่องของเราน่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ไม่มีทางเป็นเป็นไปได้หรอก
ถึงแม้จะรู้สึกขมขื่นใจเพียงไร แต่สิ่งที่อีกฝ่ายจะได้เห็นจากเขามีเพียง ...
“ยี้ๆๆๆ แหวะ พูดออกมาได้นะนาย เรื่องหลงตัวเองน่ะยกให้เลย นี่ฉันหลงผิดมาคบกับคนหลงตัวเองอย่างนายได้ไงเนี่ย” ไฮโดะกล่าวพลางแลบลิ้นใส่ร่างสูงด้วยความหมั้นไส้ ท่าทางเด็กๆ ของเร่างบางทำให้กัคคุโตะยิ่งหัวเราะร่วนขึ้นไปอีกด้วยความเบิกบาน
............................................................
“ไปล่ะ กัจจังขอบคุณมากที่ไปเป็นเพื่อนฉันวันนี้นะ” ไฮโดะกล่าวขอบคุณกัคคุโตะด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่ออกมาจากร้านเค้กเขาก็อาสาขับมาส่งร่างบางที่บ้าน
“ไม่เป็นไร” ร่างสูงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นทัวร์บริโภคที่ดูวุ่นวายไปหน่อย แต่มันก็สนุกดีไม่น้อยเลย
“อ้อ .. เกือบลืมกัจจัง เมื่อวานตอนคุณนักข่าวคนนั้นมาสัมภาษณ์ฉัน เราคุยกันเรื่องโยชิกิซังด้วยล่ะ ดูเหมือนว่าตอนนี้โยชิกิซังไม่สบายต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่นะ” ก่อนไฮโดะจะเปิดประตูลงจากรถเขาก็หันกลับมาหาคนในรถเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
"อย่างนั้นเหรอ ขอบใจนะ" เขาพยักหน้ารับพลางกล่าวขอบคุณกับข่าวสารที่นำมาให้ จากนั้นความมืดของยามค่ำคืนก็ดูดกลืนเอาร่างของของหมอนั่นให้หายไปจากสายตาทีละน้อย ร่างบางยืนมองรถเคลื่อนจากไปจนลับตาแล้วจนเดินกลับเข้าบ้าน ...
....................................................................
ดวงจันทร์ยังคงส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าเช่นเดียวกันทุกวัน ส่วนคุณกระต่ายสีขาวเองก็ยังคงเฝ้ามองดวงจันทร์เช่นเดียวกับทุกคืน เพียงแต่คืนนี้คุณกระต่ายแหงนมองพระจันทร์อยู่ทั้งคืน คอยเฝ้ามองดวงจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนตัวหายลับไปจากท้องฟ้า
เวลานั้นคุณกระต่ายได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างเศร้าสร้อย
“ถ้านายเองไม่ได้เฝ้ามองแต่คนอื่น ส่วนฉันเองยังไม่มีใคร เรื่องของเราคงไม่กลายเป็นแบบนี้ ... เป็นคนรักของนาย ... ถ้าเป็นไปได้มันจะสุขซักแค่ไหนกันนะ?”
คุณกระต่ายหันหลังกลับไปมองท้องฟ้าดำมืดที่ว่างเปล่าอีกครั้ง ก่อนที่จะกลับไปในห้องพักในตัวเรือ เพื่อเตรียมตัวเริ่มต้นวันใหม่ต่อไป
~Tale 2 END~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น