ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The boy next door (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #6 : [Fic CB Kei X hyde] The boy next door VI

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 49


    "หืม?....เป็นอะไรไปเคย์ตะคุง วันนี้เงียบจังเลยนะ" ช่างแต่งหน้าประจำตัวของชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น ขณะแต่งหน้าให้เคย์ตะก่อนถ่ายแบบเซตฤดูหนาว

    เคย์ตะมองหน้าคุณพี่ช่างหน้าพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยผ่านกระจกบานใหญ่เบื้องหน้าแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

    ก็จะให้ตอบอะไรได้ล่ะ จะให้บอกงั้นเหรอว่า

    "ตอนนี้ผมกำลังคิดเรื่องที่จูบกับไฮโดะซัง แห่งวง L'arc~en~ciel อยู่ครับ"

    ให้ตอบแบบนั้นไปเหรอ? ไม่มีทางเสียล่ะ

    เรื่องไฮโดะซังที่เขาปิดบังแม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดอย่างริวอิจิ หรือแม้แต่เรียวเฮย์คนที่เป็นห่วงเขาอยู่เสมอ

    ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ? เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ว่ายังไม่อยากให้ใครรู้ตอนนี้เท่านั้นเอง เก็บเอาไว้ตอนที่เขาได้คนคนนั้นมาก่อนแล้วค่อยบอกคงดีกว่า

    พอคิดมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากของตัวเองพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างลืมตัว เพราะเมื่อนึกถึงจูบแสนหวานที่คนคนนั้นฝากเอาไว้เมื่อคืน

    ริมฝีปากอวบอิ่มของไฮโดะซังช่างนุ่มนวลและอบอุ่น ปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ คล้ายยิ่งกระตุ้นให้อยากสัมผัสร่างบางมากขึ้นจนแทบห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาไม่รู้เหมือนกันว่า หากเมื่อวานไฮด์ไม่เป็นฝ่ายผละไปก่อน อะไรมันจะเกิดขึ้น

    ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กำลังมีอารมณ์แท้ๆ แต่ไฮด์กลับเลือกที่หยุดตัวเองไว้ เคย์ตะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมร่างถึงรังเกียจเขาขนาดนั้น ทำไมล่ะ เขามันไม่ดีตรงไหน? หรือเป็นเพราะเขาเป็น 'เด็ก' อย่างที่ไฮด์พยายามพูดตอกย้ำอยู่เสมอ

    'บางทีนะเคย์ตะคุง.....นายอาจจะเสีย 'อะไร' มากมาย......ที่จะรักชั้น....มากมายเสียจนนายเองก็จ่ายไม่ไหว' เสียงทุ้มหวานที่แฝงความเศร้าเอาไว้ในน้ำเสียงในค่ำคืนนั้น กลับมาดังอยู่ในหูเคย์ตะอีกครั้ง ข้อความที่ไฮโดะพยายามปฏิเสธเขานั้น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิด

    เคย์ตะจ้องมองเงาของตัวเองในกระจกเงา มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ผมสีน้ำตาลแดง ดวงตาเรียวอ่อนหวาน แต่แฝงความมุ่งมั่นและเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ สะท้อนอยู่ในนั้น ริมฝีปากเรียวได้รูปกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

    'ผมน่ะมันเป็นพวกพูดจริงทำจริงเสมอล่ะครับ ไม่กลัวคำขู่ของคุณหรอก ต่อให้ต้องจ่ายเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าต้องจ่ายด้วยชีวิตอย่างที่คุณว่าผมก็ไม่แคร์ ถ้ามันทำให้ผมได้ตัวคุณมาล่ะก็ จะจ่ายเท่าไหร่ผมก็จะจ่าย'

    "ตายแล้วววววว เรียวจังงง ไปทำอะไรมาเนี่ย ทำตามันถึงปวมปูดแบบนี้" เสียงคุณพี่ช่างแต่งหน้าประจำตัวเรียวเฮย์ ส่งเสียงโวยวายขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าเรียวสวยนั้น ที่ดวงตากลมโตสุกใสราวตากวางนั้นบัดนี้กลับแดงช้ำและปอมปูดราวกับผ่านการร้องไห้มาตลอดทั้งคืน

    เรียวเฮย์มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วก็หัวเราะแห้งๆ แล้วก็กล่าวขอโทษขอโพยคุณพี่ช่างแต่งหน้าเป็นการใหญ่

    "ขอโทษครับ เมื่อคืนไปนอนห้องเคย์ตะสงสัยจะแปลกทีก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ ขอโทษจริงๆนะครับ" เรียวเฮย์กล่าวขอโทษช่างแต่งหน้าด้วยคำโกหกที่คิดขึ้นมาอย่างกระทันหัน เพื่อปกปิดเรื่องจริงเอาไว้

    คุณพี่ช่างแต่งหน้าได้แต่ถอนใจแล้วก็กล่าวเตือนอย่างเอ็นดู
    "เอาเถอะๆ พี่ก็แค่เป็นห่วง อย่างทำอย่างนี้บ่อยก็แล้วกันมันเสียสุขภาพนะจ๊ะ"

    "ครับ ขอโทษครับ" ชายหนุ่มคนสวยของวงกล่าวขอโทษช่างแต่งหน้าอีกครั้ง ขณะที่ดวงตาแดงก่ำเหลือบไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งนั่งหน้าอยู่ห่างออกไป ชายหนุ่มผู้เป็นสาเหตุแห่งน้ำตาเมื่อคืนของเขา

    เมื่อคืนนี้ความจริงตัวเองหลับไปแล้ว แต่ก็ยังคงรับรู้ได้ถึงการลุกไปจากเตียงของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เรียวเฮย์รับรู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่กวาดมองตัวเขาและริวอิจิที่กำลังหลับออยู่ ก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียง

    "ครืด" เสียงประตูกระจกแบบเลื่อนถูกเลื่อนออกโดยชายหนุ่มเจ้าของห้อง ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของเรียวเฮย์โดยตลอด

    ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าดึกป่านนี้แล้ว เคตะยังออกไปไหนกันนะ? ทั้งๆ ที่เดือนนี้อากาศตอนกลางคืนยืนมาก ออกไปข้างนอกโดยไม่สวมเสื้อหนาวแบบนั้นเดี๋ยวเป็นหวัดขึ้นมาจะว่ายังไง

    เรียวเฮย์คิดพลางจะเดินออกไปตาม แต่พอเดินออกไปได้แค่ประตูกระจก เรียวเฮย์ก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำนุ้มนวลของเคตะกล่าวกับใครบางคนข้างนอกระเบียง

    ((วันนี้กลับดึกจังเลยนะครับ))

    ตอนนั้นเรียวเฮย์ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดว่าจะให้เคตะเห็นไม่ได้ก็เลยเดินไปซ่อนอยู่ข้างๆ ผ้าม่านสีเข้ม

    ((มีธุระอะไร?)) หลังจากเสียงของเตะจบลงไม่นาน ก็มีเสียงทุ้มหวานหูชวนฟังของใครอีกคนกล่าวตอบกลับมาอย่างเย็นชา เสียงนั้นทำให้เรียวเฮย์นึกสงสัยว่าใครกันนะ ที่กำลังคุยอยู่กับใครอยู่นะ?

    ยิ่งนานไปความอยากรู้ยิ่งมีมากขึ้นทุกที จนความอยากรู้นั้นมีมากกว่าความกลัวว่าเคย์ตะจะรู้ว่าเขามาแอบฟัง เรียวเฮย์จึงชะโงกหน้าออกไปดูที่ประตูเขาจึงได้เห็น

    ชายหนุ่มร่างเล็กในชุดขาว เรือนผมยาวประบ่า ใบหน้างดงามเหมือนหญิงสาวที่เงยหน้ามองเคตะอย่างเฉยชา ส่วนเคย์ตะก็ยิ้มอย่างร่าเริง ดวงตาเรียวคมคู่นั้นจ้องมองใบหน้าหวานสวยของผู้ชายคนนั้นอย่างอ่อนหวาน


    รอยยิ้มสดใสที่เคยมีให้กับเรียวเฮย์เท่านั้น
    แววตาอ่อนหวานที่เคยจ้องมองแต่เรียวเฮย์แต่เพียงผู้เดียว
    ดวงตาเรียวคมที่เคยสะท้อนแต่เงาของเรียวเฮย์คนนี้เท่านั้น

    แต่มาตอนนี้......................

    มันไม่ใช่ของเรียวเฮย์คนนี้เพียงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว



    อึก....เสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลเอ่อขึ้นในด้วงตากลมโตสุกใสเหมือนตากวาง หยาดน้ำใสๆ ที่มาพร้อมความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจให้เจ็บปวด

    อึก มันเจ็บเหลือเกิน เคย์ตะ เราเจ็บเหลือเกิน เคย์ตะจะรู้บ้างรึเปล่าว่ามันเจ็บนะ ที่เห็นเคย์ตะยิ้มให้คนอื่น มองคนอื่นด้วยแววตาเดียวกับที่ใช้มองเรา

    เจ็บ.......

    มันเจ็บจนหายใจไม่ออก เจ็บราวกับจะขาดใจ ทำไมเคย์ตะทำกับเราแบบนี้

    ทำไม.........

    ร่างบางทรุดตัวลงพิงกระกรอบประตูกระจก ศีรษะพิงกับกรอบประตูร้องไห้อยู่เงียบๆ ซุกตัวอยู่ในผ้าม่านที่สีมืดหม่นเหมือนหัวใจของเขาในเวลานี้
     
    น้ำตายังคงไหลงอาบแก้มขาวเนียนอย่างไม่ขาดสาย เวลานี้เรียวเฮย์ปล่อยให้ไหลลงมาอย่างไม่คิดจะห้ามอย่างทุกครั้ง ตอนนี้เขาหวังเพียงใช้น้ำใสๆ พวกนี้บรรเทาความเจ็บปวดในใจเขาก็พอ

    "นายโอเคนะ?" เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออวบอูมที่ทิ้งน้ำหนักลงบนบ่าของเรียวเฮย์อย่างอ่อนโยนเช่นเดียวกับน้ำเสียง

    เรียวเฮย์ละสายตาจากร่างสูงของนักร้องนำที่กำลังถ่ายแบบอยู่ แล้วหันกลับไปมองเจ้าของมือข้างนั้นแทน

    ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยของสามาชิกคนสุดท้ายของวง

    ...ผู้หนึ่งที่ร่วมรับรู้เรื่องเมื่อคืนนี้กับเขา......

    ขณะนี้ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกำลังจ้องตรงมาด้วยความห่วงใยมิผิดจากที่เคยมีให้เสมอมา

    ความรู้สึกที่ไม่มีวันตอบสนองได้ตลอดกาล เมื่อในใจของเขายังคงมีใครอีกคนนั่งอยู่ข้างใน แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดเพราะคนคนนั้นเพียงใด เรียวเฮย์ก็ยังคงยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนใจ

    "ขอบใจริวจัง เราไม่เป็นไรหรอก" เสียงหวานๆ ของเรียวเฮย์ตอบกลับมาพร้อมร้อยยิ้มสดใสเช่นเคย แต่หากตั้งใจสังเกตก็จะเห็นร่องรอยของความเศร้าสร้อยทุกระทมได้จากดวงตาสวยงามราวตากวางคู่นั้น

    อึก...อึก....อึก....

    เสียงสะอื้นไห้ของคนรักแม้แผ่วเบาแค่ไหน ริวอิจิคนนี้ก็มักได้ยินเสมอ ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นในคืนนั้น ด้วยเสียงร่ำไห้ที่แสนโศกเศร้านี้

    ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองผ่านความมืดเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนซุกอยู่ในผ้าม่าน เสียงสะอื้นไห้ดังแผ่วมาจากเงานั้นด้วย

    "เรียว? นั้นนายใช่รึเปล่า?" เขาลุกขึ้นจากฟูกที่นอนเดินเข้าไปใกล้เงาที่ผ้าม่านนั้น

    "ชะ....ชั้นเอง...." ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติเท่าไหร่ ริวอิจิก็รู้อยู่ดี ถึงความผิดปกติของเสียงนั้น ชายหนุ่มรีบสาวเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว

    "เรียวนายร้องไห้?" คิ้วเรียวของริวอิจิขมวดเข้าหากันด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้เห็นใบหน้าหวานสวยเปื้อนด้วยคราบน้ำตาเป็นทางอาบพวงแก้มขาวเนียน ดวงตาแสนสวยคู่นั้นเอ่อรื้นด้วยหยาดน้ำใสบริสุทธิ์ ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก

    "เกิดอะไรขึ้นเรียว! บอกชั้นสิเรียว นายร้องไห้ทำไม!!!" ริวอิจิกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ เขายังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสาเหตุของน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่นี้

    แต่เรียวเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมตอบ มือขาวเนียนยกขึ้นปาดร่องรอยบนใบหน้าอย่างลวกๆ แล้วลุกขึ้นจะเดินกลับไปที่เตียง

    "เปล่า เราไม่ได้ร้อง แค่นอนไม่หลับก็เลยไปนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วพอดีฝุ่นมันเข้าตาน่ะ" นันคือคำตอบของเรียวเฮย์ที่มีต่อเขา

    ริวอิจิส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด โกหก ไม่เก่งเอาซะเลยเรียวเฮย์ ทั้งๆ ที่นายร้องไห้จนตาปวมออกอย่างนี้แล้ว นายยังปฏิเสธว่าไม่ได้ร้องไห้อีกเหรอ? ชายหนุ่มคิดพลางมองหาเจ้าของห้องที่ควรจะนอนอยู่บนเตียง

    เมื่อมองไปที่เตียง บนเตียงนอนกลับว่างเปล่าแต่ประตูกระจกกลับเปิดกว้าง และนั้นทำให้ ริวอิจิรีบสาวออกไปนอกระเบียงทันที ตั้งใจคาดคั้นเอากับเคย์ตะที่อยู่ข้างนอกให้รู้เรื่อง เขาแน่ใจว่าไอ้หมอนั่นต้องรู้สาเหตุแน่ๆ เพราะมีแต่หมอนั่นเท่านั้นที่ทำให้เรียวต้องเสียน้ำตาเช่นนี้ มีมันคนเดียว!!!

    ทว่าภาพที่เห็นที่นอกระเบียงนั้นกลับได้คำตอบที่เจนเสียยิ่งกว่าคำพูดใดๆ

    ภาพของเคย์ตะกำลังจูบกับใครบางคนที่เขาเห็นหน้าไม่ถนัด รู้เพียงแต่ว่าเป็นคนร่างเล็กในชุดขาว คนทั้งคู่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องข้างๆ

    ภาพเพียงเท่านี้เขาก็เข้าใจสาเหตุแห่งความเจ็บช้ำเสียจนต้องร้องไห้ออกมาของเรียวเฮย์เป็นอย่างดี มือเรียวกำหมัดแน่น

    เพราะอย่างนี้เอง!!!~ ....เป็นเพราเรียวมาเห็นไอ้ผู้ชายไม่ได้เรื่องคนนั้น หลบมาพลอดรักกับคนข้างห้อง อย่างนี้เองสินะ เพราะไม่อยากให้รู้สินะ ก็เลยไม่อยากให้มา ฮึ่ม!!!!~ มันจะมากเกินไปแล้วนะ มันทำให้เรียวหลงรักมัน แล้วสุดท้ายก็ไปจูบกันคนอื่นต่อเรียว มันไม่เคยคิดเลยซักนิดว่า เรียวมาเห็นเข้าใจรู้สึกอย่างไร ฮึ่ม!!!

    ราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ มือขาวที่สั่นระริกของเรียวเฮย์ก็เอื้อมมาจับแขนเขาไว้ก่อนที่เขาจะวิ่งไปที่ระเบียงห้องข้างๆ เพื่อลากคอเคย์ตะมาชกเสียให้สมกับความเจ็บปวดที่มันทำไว้กับเรียว


    "อย่านะริวจัง" เรียวเฮย์เอ่ยขึ้นเบาๆ แล้วส่งสัญญาญให้กลับเข้าไปคุยกันในห้อง

    "ทำไมนายทำแบบนี้เรียวเฮย์!!~" ริวอิจิตะโกนออกมาอย่างสุดทน เมื่อกลับเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว สายตาชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่ก้มลงต่ำอย่างไม่เข้าใจ

    "ทั้งๆที่มัน......"

    "ช่างเถอะริวจัง เคย์ตะไม่ผิดหรอก ชั้นเอง......เพราะชั้นเป็นคนเลือกเขาเอง...." พอกล่าวมาจนถึงตรงนี้ น้ำตาที่แห้งไปในตอนแรกก็เริ่มไหลรินลงมาอีกครั้ง

    คราวนี้ริวอิจทนที่จะยืนมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้อีกต่อไป ชายหนุ่มรวบเอาร่างบางของเรียวเฮย์เข้ามากอดไว้แน่นเหมือนพยายามจะถ่ายทอดความเจ็บปวดจากเรียวเฮย์ให้ถ่ายทอดมาที่เขาบ้าง

    หากเป็นไปได้ เขานึกอยากเป็นคนเจ็บปวดแทน เขาเคยไม่เสียใจหากเรียวเฮย์จะรักเคย์ตะแล้วไม่ตอบสนองความรักจากเขา หากเพื่อนทั้ง 2 รักกัน เขายอมเจ็บเพียงคนเดียวดีกว่า เพราะสิ่งที่เขาทนไม่รับไม่ได้มากที่สุดก็คือการเห็นน้ำตาของเรียวเฮย์อย่างในวันนี้

    "อึก......ริวจัง......ฮือ........ริวจัง....." น้ำตาของเรียวเฮย์เปียกอกเสื้อของของริวอิจิจนชุ่มโชก ขณะที่เขากอดร่างบางที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นไห้

    เรียวเฮย์.....นายจะรู้บ้างไหม? ว่าเวลาเห็นนายเจ็บ ริวอิจคนนี้เจ็บยิ่งกว่านายเป็นพันเท่า...

    "นายไม่เป็นไรแน่นะ" ริวอิจิยังคงถามย้ำด้วยความไม่แน่ใจ ก็เมื่อคืนเห็นร้องไห้ไปขนาดนั้น
     
    เรียวเฮย์เห็นท่าทางริวอิจิยังเป็นห่วงไม่เลิก เขาก็ยิ้มแล้วเอามือขยี้ผมเพื่อนรุ่นน้องด้วยความเอ็นดู

    "แน่สิ เราไม่เป็นไรแล้วจริงๆ อย่าเป็นห่วงเราเลยนะ วันนี้ตั้งใจทำงานอย่าให้โดนดุเอาได้นะ" เรียวเฮย์ยิ้มหวานให้ราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องเมื่อคืนมาก่อนเลย

    บางครั้งริวอิจิก็นึกสงสัยเหมือนกันว่า เรียวเฮย์ทำไมยังยิ้มให้ทุกคนได้ ทำไมตัวทำร่าเริงเหมือนเดิมได้ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนยังร้องไห้เสียจนหลับไปแท้ๆ รึว่าแท้ที่จริงแล้ว รุ่นพี่เขาคนนี้พยายามทำเป็นร่าเริงเพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้?


    ...................................................................................................................................



    "ครืด......" เสียงประตูกระจกเปิดเปิดดังมาจากห้องข้างๆ ทำให้ไฮด์ต้องเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือที่ตั้งอยู่ที่ระเบียง มองใครบางคนที่เดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับทุกครั้งที่เจอ

    "หมู่นี้เราเจอกันบ่อยจังนะครับ" เคตะเอ่ยทักขึ้นอย่างร่าเริง

    แต่ไฮด์ตอบสวนกลับมาอย่างไร้เยื่อใย
     
    "ชั้นคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วซะอีกนะ เธอนี่น่ารำคาญจริง" พูดไปว่ารำคาญแต่ก็ยังไม่เห็นว่าร่างบางใจลุกนี้เคย์ตะไป

    ชายหนุ่มจึงอดอมยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ เพราะอย่างน้อยๆ ไฮด์ก็ยังไม่ได้ตัดรอนเขาจนเกินไปนัก

    แล้วตัวเขาเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะพักการรุกไว้ซักหนึ่ง เพื่อรอดให้ไฮด์ไว้วางใจเขามากกว่านี้ก่อนแล้วจึงค่อยรุกต่อ

    เมื่อเป็นดังนี้จึงกลายเป็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับเคตะจึงเหมือนจะกลายเป็นการเป็นการสื่อสารทางเดียวไป

    เพราะเมื่อไหร่ที่ได้พบกันที่ระเบียงแห่งนี้ ชายหนุ่มก็จะยืนอยู่ที่ระเบียงห้องตัวเอง แล้วเล่าเรื่องต่างๆ ที่ได้พบให้ฟังเรื่อยๆ

    ส่วนตัวเขาเองนั้น ก็นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวโปรดที่นอกระเบียงนั้นพร้อมกับฟังเรื่องเล่าที่บางครั้งเป็นเรื่องไร้สาระ บางครั้งก็เป็นเรื่องตลกที่เคย์ตะขนมาเล่าให้ฟังทุกครั้งที่เจอกัน

    นับจากวันนั้นมา เวลาก็ผ่านไปกว่า 2 เดือนแล้ว


    "ก๊อกๆ" เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากบานประตูห้องทำงานที่เปิดทิ้งไว้ เสียงนั้นเรียกความสนใจของคนที่ทำงานอยู่ในห้องให้เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาเยือน

    และเมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร บนใบหน้าหวานสวยของร่างบางก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบางๆ

    "กัจจัง ลมอะไรหอบล่ะวันนี้ ทำไมมาหาชั้นถึงที่นี่ได้น่ะ" ไฮด์ยกมือข้างหนึ่งเท้าค้างมองหน้าชายหนุ่มร่างสูงในชุดสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางขายาวสีดำที่ยืนพิงบานประตูด้วยรอยยิ้ม

    "ลมแห่งความคิดถึงล่ะมั้ง" คู่สนทนาก็ตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ดวงตาคู่งามเบื้องหลังแว่นกันแดดสีมองร่างบางอย่างนึกสนุกเพราะรู้ว่า ไฮด์คงจะตอกลับมาแรงแน่ๆ แต่เขาก็สนุกที่ได้ยั่วร่างบางเล่น

    "หึ น้ำเน่าจริง ไม่เข้าใจคนที่พูดคำพูดพวกนี้ออกมาอย่างหน้าเฉยอย่างนายเลยจริงๆ ทำได้ไงเนี่ย" ไฮด์ส่ายหน้าไปมาอย่างเซ็งๆ

    "หืม? อารมณ์ดีจังนะวันนี้ นึกว่าจะตอกกลับมาแรงๆ อย่างทุกทีเสียอีก" คิ้วเรียวสวยของกัคคุโตะยกขึ้นด้วยความแปลกใจ ขณะเดินเข้าไปหาร่างบางที่ยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ

    "เปล่านี่นา ชั้นก็ปกติดี วันนี้ก็เหมือนทุกวันไม่เห็นมีอะไรซักหน่อย" ไฮด์ปฏิเสธขณะที่หยิบเอาโน้ตขึ้นมานั่งดู

    "ว่าแต่นายดีกว่ามาหาชั้นมีธุระอะไร?" แล้วดวงตากลมโตคู่นั้นก็ละจากแผ่นกระดาษในมือไท่ใบหน้าของกัคคุโตะที่เดินเข้ามาใกล้

    "วันนี้ชั้นว่าง ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยมาหานาย ก็เท่านั้น" กัคคุโตะกล่าวเรียบๆ

    "กำลังยุ่ง?" ถามหยั่งเชิงไฮด์ไปในตัว

    "ชั้นกำลังหิวเลยน่ะ ก็เลยคิดว่าถ้ามีใครเลี้ยงก็คงจะดีเนอะ" ดวงตากลมโตของไฮด์ที่จ้องกลับมาเป็นประกายสดใส น้ำเสียงยั่วเย้าเหมือนพยายามหยั่งเชิงเขาไปในตัวเหมือนกัน กัคคุโตะหัวเราะเบาๆ กับท่าทางนั้น

    "ก็ได้นายชนะ วันนี้ชั้นจะเลี้ยงนายเอง.."
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×