ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The boy next door (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #3 : [Fic CB Kei X hyde] The boy next door III

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 49




    “เอาล่ะ พักได้” เสียงหวานใสของหัวหน้าวงประกาศออกมาในตอนบ่ายของวันนั้น เหมือนเสียงสวรรค์ที่ทำให้ทุกคนยินดีกันทั่วหน้า หลังจากซ้อมหนักกันมาตั้งแต่แต่เช้า

    “โอยยย หิวจังเลย” ไฮด์บ่นออกมาเบาๆ ขณะเดินไปหยิบเอาน้ำมาดื่มแก้กระหาย

    “ก็บ่นเป็นอยู่คำเดียวนั้นแหละนายน่ะ” ถึงเสียงบ่นจะเบาแค่ไหน แต่ก็ไม่รอดพ้นจากหูแมวๆ ของเคนไปได้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากแซวนักร้องนำด้วยความหมั่นไส้ เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเห็นไฮด์ยัดซาละเปาใส่หมูลงท้องไปตั้งหลายลูก

    เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ ความจริงแล้วปริมาณอาหารที่ไฮด์ทานเข้าไปบางทีคงมากกว่าประมาณอาหารที่เขากับเทตสึทานรวมกันเลยล่ะมั้ง น่าสงสัยจริงๆ กินเก่งแบบนี้เอาไปไว้ตรงไหนหมดนะ

    ส่วนคนถูกแซวพอได้ยินก็หันขวับมาขว้างค้อนใส่เคนทันที
    “หนวกหูน่า ชั้นไม่จับลูกสาวนายมาทำมื้อเย็นก็ดีเท่าไหร่แล้ว”ไฮด์ตอกกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์

    “เฮ้!! เรื่องอะไรมายุ่งกับลูกสาวชั้น ก็ลองดูเซ่!! ถ้านายทำอย่างนั้นจริงๆ ชั้นยกเอาเหล่าแก้ว คริสตัลที่นายสุดหวงไปเลหลังขายแน่” เคนขู่ฟ่อเมื่อโดนอีกฝ่ายกล่าวพาดพิงถึงแมวสาวสุดสวยที่เขารักมันราวกับลูกแท้ๆ

    เทตสึเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินเข้ามาห้ามทัพก่อนศึกน้ำลายจะลุกลามไปมากกว่านี้ จะว่าไปวันนี้ไฮด์ก็อารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ตัวดีก็ไม่ยอมบอกว่ามันเป็นเพราะอะไร

    “ไม่เอาน่าไฮด์ ไอ้เคนมันก็แซวเล่นแบบทุกครั้งนั้นล่ะ นายอย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์เลย”

    “นั้นสิ ไฮโดะคุง วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ มีอะไรรึเปล่า?” ยุกกี้ที่เพิ่งไปหยิบโค้กกระป๋องมาจากตู้เย็นเดินมาร่วมวงสนทนาด้วยอีกคน ตั้งข้อสังเกตขึ้น ทีนี้สายตาทั้ง 3 คู่ของเพื่อนก็เลยมารวมอยู่ที่นักร้องนำร่างเล็กอย่างไม่ได้นัดหมาย

    “ทำยังกับเพิ่งทะเลาะกับคนข้างบ้านมายังงั้นแหละ” เคนตั้งข้อสังเกต แต่หารู้ไม่ว่านั้นนะ ข้อเท็จจริงเชียวล่ะ!!!

    ไฮด์พอได้ยินคำว่า ‘คนข้างบ้าน’ เท่านั้นอารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้วก็เดือดขึ้นมาทันที

    “หยุดนะเคนจัง!!! เคนจัง! นายอย่าพูดให้ชั้นนึกถึงเด็กบ้านั้นได้ไหม!!!” ไฮด์ตะโกนออกมาอย่างฉุนขาด ก่อนจะเดินออกจากห้องซ้อมไปทิ้งเพื่อน 3 คน ให้มองตามหลังไปด้วยความสงสัย

    “นี่มันเรื่องอะไรกันนะ เคนจัง” เทตสึถามขึ้นมาด้วยความงงงวย เพราะอารมณ์ที่บูดสนิทของเพื่อนตัวเล็ก มือเบสเดินเข้าไปยืนข้างๆ เคนด้วยความหวังว่าเคนคงจะพอรู้อะไรบางถึงพูดออกไปอย่างนั้น

    “ชั้นก็อยากจะถามเหมือนกันว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา” เคนส่ายหน้าอย่างปลง ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องที่นักร้องนำร่างเล็กของพวกเขาเพิ่งเดินจากไป


    ฮึ่ม!!! ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ไอ้เด็กบ้านั่น กล้าดียังไงมาทำกับชั้นแบบนี้!!!ถ้าคิดจะล้อเล่นล่ะก็มันเกินไปแล้ว!!! ไฮด์คิดอยู่ในใจอย่างหัวเสีย เดินกระแทกส้นเท้าปังๆ ไปตามทางเดินเหมือนเป็นการระบายความหงุดหงิดขัดใจของตัวเอง

    เมื่อคืนนี้หลังจากออกมาจากร้านเหล้าร้านนั้นแล้ว เขาก็ตรงกลับไปที่คอนโด พอกลับมาถึงเขาก็จัดการกับตัวเองเรียบร้อยและตั้งใจว่าจะเข้านอนเลยเพื่อจะได้ตื่นทันซ้อมเช้าวันพรุ่งนี้

    “เฮ่อ! สบายตัวจริง” ชายหนุ่มในชุดขาวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมด้วยผ้าเช็ดผม ใบหน้าสวยหวานอมยิ้มเล็กน้อยด้วยความสบายใจ อากาศหนาวๆ แบบนี้ไม่มีอะไรดีกว่าการได้นอนแช่ในน้ำอุ่นอีกแล้ว

    นิ้วเรียวเล็กใช้ผ้าขนหนูเช็ดซับไปตามเรือนผมสีดำสนิทนุ่มสลวยเหมือนขนแมวของตน ขณะที่สายตามองออกไปนอกประตูกระจกที่กั้นระหว่างพื้นที่ส่วนที่เป็นห้องกับระเบียงด้านนอกเอาไว้ คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์ดวงกลมโตสีเหลืองนวลลอยเด่นอยู่กลางเวิ้งฟ้ายามราตรีกว้างใหญ่ไร้เมฆหมอก

    พระจันทร์ดวงโตที่น้องชายของเขาชอบนักหนา ขนาดฝันว่าวันหนึ่งจะเป็นอย่างเจ้าหญิง คางูยะในนิทาน

    ไฮด์วางผ้าเช็ดผมพาดไว้กับเก้าอี้ แล้วสาวเท้าออกไปที่ระเบียงด้านนอกเพื่อชมจันทร์ พร้อมกับนึกใครบางคนไปพลางๆ

    ในอดีตเด็กชายตัวน้อย 2 คนที่เหมือนกันราวกับเงาสะท้อนของกันและกัน มักแอบออกนั่งมองพระจันทร์อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านด้วยกันเสมอ มองไปก็ส่งเสียงพูดคุยกันเบาๆ เพราะกลัวจะปลุกให้พ่อแม่ตื่นขึ้นมารู้ว่าพวกเขายังไม่เข้านอน

    ‘นี่ๆ ฮาโตะจัง นายว่าเจ้าหญิงคางูยะที่อยู่บนดวงจันทร์จะมีความสุขไหม?’ เด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

    ‘ต้องมีความสุขสิ พระจันทร์สวยออกอย่างนั้น ถ้าเป็นชั้นนะ ฮิโตะจัง ถ้าได้ขึ้นไปอยู่บนนั้นชั้นคงมีความสุขมากๆเลยล่ะ’ เด็กชายอีกคนตอบคำถามอย่างร่าเริง

    ความทรงจำอันแสนสุข ไม่ว่านึกถึงอันไหนความทรงจำเหล่านั้นมักมีฮาโตะจังอยู่ด้วยเสมอ แม้แต่ตอนนี้ชั้นก็รู้ว่านายังอยู่ ยังคอยอยู่ข้างๆ ชั้น บางครั้งชั้นก็คิดว่านายคงเฝ้ามองชั้นอยู่จากดวงจันทร์ดวงนั้น

    ไฮด์คิดอยู่ในใจ พลางเดินออกไปยืนเท้าแขนลงกับราวโลหะที่กั้นระเบียงเอาไว้ ใบหน้าเรียวสวยมีรอยยิ้มระบายอยู่บางๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

    “บังเอิญจังนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มนวลที่คุ้นหูดังมาจากห้องข้างๆ เรียกเอาความคิดของชายหนุ่มร่างบางให้กลับมาปัจจุบันอีกครั้ง ด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติไฮด์จึงหันไปมองเจ้าของคำพูดประโยคนั้น แม้ว่าจะรู้สึกคุ้นๆ กับคำพูดประโยคนั้นก็ตาม เมื่อได้เห็นเห็นคนข้างหน้าเต็มตา ดวงตากลมโตคู่งามก็เบิกกว้างกว่าปกติด้วยความตกใจ

    เพราะชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงห้องข้างๆ ห้องเขานั้น คือทาจิบานะ เคย์ตะที่เพิ่งเจอที่ร้านเหล้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง ได้ยินจากเจ้าของคอนโดเหมือนกันว่าจะมีคนย้ายมาอยู่ข้างๆ ห้องเขา แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจะเป็นเด็กคนนี้

    โอ้ย! นี่ชั้นโดนโชคชะตาเล่นตลกเอารึไงกัน ทำไมคนที่ย้ายมาใหม่ต้องเป็นเด็กคนนี้ด้วย!!!

    ไฮด์บ่นอยู่ในใจขณะมอง ‘เพื่อนบ้านคนใหม่’ ที่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของตัวเอง
    เด็กคนนั้นเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างสมส่วนและสูงโปร่ง เหมือนเด็กหนุ่มสมัยนี้ทั่วๆ ไป ใบหน้าคมเข้มที่เรียกได้ว่าหล่อเหลามีรอยยิ้มอ่อนหวานระบายอยู่ ดวงตาเรียวคมที่เหมือนกำลังยิ้มอยู่ด้วยนั้นฉายแววมุ่งมั่น แต่ก็แฝงความเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจเอาไว้ด้วย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวได้รูป ดูรวมๆ แล้วเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่ง สมแล้วที่เป็นไอดอลที่กำลังดัง


    ถึงจะไม่ค่อยได้สนใจเพลงของเด็กพวกนี้เท่าไหร่ เพราะไม่ใช่แนวเพลงที่ชอบ แต่เรื่องราวของวงบอยแบนด์ที่กำลังดังวงนี้ก็แว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ ตามสื่อต่างๆ ก็ลงรูปรวมทั้งเรื่องราวของW- inds อยู่บ่อยครั้ง ตัวเขาก็เลยพอจะรู้จักหน้าตาของเด็กๆ พวกนี้อยู่บ้างเหมือนกัน ตอนแรกที่เห็นอย่างใกล้ชิดที่ร้านเหล้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรนอกเสียจากว่าเป็นคนในวงการเดียวกันเท่านั้น ไม่เคยคิดซักนิดว่าพรหมลิขิตจะเล่นตลกกันเขาได้ แสดงว่าการพบกันของพวกเขาทั้ง 2 ครั้งไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ

    “เจอกันอีกแล้วนะครับ ผมไม่นึกมาก่อนเลยนะครับว่าผมจะมาอยู่ข้างๆ ห้องไฮโดะซังได้” เคตะกล่าวอย่างอารมณ์ดี

    “อ่า.... นั้นสินะ” ไฮด์ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่แห้งแล้งเต็มที เมื่อนึกถึงว่าตัวเอง ‘เล่น’ อะไรเอาไว้กับชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้ว เขาก็แทบจะยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว หวังว่าเคตะคงไม่ได้คิดอะไรกับ ‘เรื่องเล่น’ ของเขาหรอกนะ

    “… เอ่อ.... ทาจิบานะคุง...” แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ถ้ายังไม่ได้รับคำยืนยัน ไฮด์จึงพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

    “เรียกเคตะ ก็ได้ครับ ไฮโดะซัง” ชายหนุ่มกล่าวพลางปีนข้ามระเบียงห้องของตัวเองมายังระเบียงห้องข้างๆ อย่างรวดเร็ว สร้างความตกใจให้กับไฮด์ไม่น้อย ร่างบางยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปต่อว่าเคตะที่ปีนข้ามระเบียงมา

    คนหนุ่มก็เป็นอย่างนี้ ใจเร็ว บ้าบิ่น ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนจะทำอะไร คิดบ้างรึเปล่าว่ากว่าจะโตมาขนาดนี้ พ่อแม่ต้องเสียอะไรไปเท่าไหร่ แล้วถ้าตกลงตายขึ้นมาจะมีใครเสียใจแค่ไหน คงไม่เคยคิดถึงเลยสินะ

    ไฮด์คิดในใจด้วยความหงุดหงิด และยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อได้เห็นว่าใบหน้าของเคตะไม่ได้มีความสำนึกถึงเรื่องที่เขาคิดเลยซัดนิด ชายหนุ่มยังยิ้มร่าเริงอยู่ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาล่ะอยากภาวนาให้ปีนตกลงไปเสียจริง จะได้รู้ซะบ้างว่าการกระทำของตัวเองมันเสี่ยงตายแค่ไหน

    “อย่ามายิ้มนะ เด็กบ้านี่! รู้บ้างรึเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ นี่มันชั้นที่เท่าไหร่เคยคิดบ้างไหม นี่ถ้า......” เสียงทุ้มหวานของไฮด์ขาดหายไป เมื่อริมฝีปากบางของเขาถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากเรียวได้รูปของเคตะที่กดลงมาอย่างหนักหน่วง วงแขนแกร่งของชายหนุ่มที่โอบหลวมๆ อยู่เอวในตอนแรก ยิ่งรัดแน่นขึ้นตามแรงปรารถนาและการบดเบียดริมฝีปากของชายหนุ่ม

    ดวงตากลมโตของไฮด์เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมด้วยความตกใจ ไม่ใช่ว่าเขาจะใหม่กับเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ารู้สึกอย่างไรกับเขา เพียงแต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า อีกฝ่ายจะรุกรวดเร็วขนาดนี้คนอะไรไวไฟเป็นบ้า

    ฮึ่มๆๆๆๆ!!!!~ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นไอ้เรารึก็เห็นว่าเป็นคนในวงการเดียวกัน เห็นว่าเป็นรุ่นน้องก็เลยไม่ทันระวัง ไอ้เด็กบ้านั่น มันเห็นชั้นเป็นอะไร แค้นใจตัวเองชะมัดที่ปล่อยให้ไอ้เด็กเมื่อวันซืนนั้นขโมยจูบไปง่ายๆ แบบนี้ ฮึ่มๆๆๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดโว้ยยยยย ไฮด์เริ่มเข้าโหมดอาระวาดเป็นรอบที่ 10 เมื่อนึกถึงเรืองเรื่องเมื่อคืน


    ....................................................................................................................................


    ผิดกันโดยสิ้นเชิงกับใครอีกคนที่นั่งอมยิ้มมาตั้งแต่เช้า เคย์ตะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ อารมณ์เสียจนน่าสงสัย

    “เฮ่อ! เอาเข้าไปเพื่อนชั้นบ้าไปซะแล้ว น่าเศร้าจริงๆ W-inds ต้องจบกันแค่นี้แล้วเหรอเนี่ย” เสียงล้อเลียนของเพื่อนร่างท้วมดังขึ้นข้างๆ ตัว
     
    “ไม่เอาน่าริวจัง อย่าไปล้อเคย์ตะนักเลย บางทีเคย์ตะอาจมีเรื่องต้องคิดก็ได้” เสียงหวานใสของคอรัสคนสวยของวงเดินมานั่งข้างๆ เคย์ตะ
     
    “ว่าแต่วันนี้เคย์ตะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ มีอะไรดีๆรึเปล่า?” เรียวเฮย์เองก็สงสัยไม่แพ้กัน

    “นิดหน่อยน่ะ” เคย์ตะตอบยิ้มๆ แล้วก็จมลงสู่ห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง

    เมื่อคืนเป็นครั้งที่ได้เห็นคนข้างห้องเต็มๆ ตา ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะย้ายมาอยู่ข้างๆ ห้องของคนที่ใฝ่ฝันอยู่ได้ ตอนนั้นเขาดีใจมากเสียจนทนอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ ความปรารถนาที่จะสัมผัสคนคนคนนั้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกที ทุกๆ อย่างที่เป็นไฮโดะซังคนนั้น

    ทั้งเส้นผมดำขลับที่หนานุ่มเหมือนแพรไหม ใบหน้าเรียวงาม ดวงตากลมโตที่ดูลึกลับ ลำคอยาวระหง ช่วงไหล่ที่บอบบาง ลำแขนที่เรียวเล็ก ช่วงเอวที่เล็กแคบ ผิวขาวเนียนเรียบลื่นเหมือนผ้าต่วนเนื้อดี ทุกอย่างเขานึกอยากทำให้มันกลายเป็นของเขาเพียงคนเดียว

    ดังนั้นที่เขาขโมยจูบริมฝีปากอวบอิ่มของไฮโดะซังเมื่อวานนี้ เขาจึงไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียว ถึงจะถูกปฏิเสธอีกครั้ง หรือจะทำให้ไฮโดะซังโกรธก็ตาม

    “ไม่นะ!ปล่อยชั้น!” ไฮด์ออกแรงผลักร่างสูงของเคย์ตะออกไปเต็มแรง ส่งผลให้ชายหนุ่มล้มไปกับพื้น เปิดโอกาสให้ไฮด์ถอยหนีไปจนชิดผนัง ใบหน้าขาวเนียนแดงระเรื่อด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า แต่ดวงตากลมโตคู่งามกลับจ้องมองเคตะด้วยแววตาแสนแค้นเคือง

    ผิดรึเปล่าที่เคตะกำลังคิดว่าสีหน้าที่แสดงความโกรธเคืองของไฮโดะนั้นดูสวยเหลือเกิน ช่างแตกต่างสีหน้าต่างๆ ที่เขาเคยเห็นมาโดยสิ้นเชิง เอ.....หรือเขาจะคิดไปเองกันน้า

    “นะ.... นายไม่มีสิทธิ์ทำกับชั้นแบบนี้” ไฮด์ตะโกนใสหน้าเคตะ ราวกับจะกล่าวย้ำให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขาไม่เคยคิดอย่างที่เคตะคิดเลยซักนิดเดียว และถึงแม้ว่าจะโดนไฮด์ปฏิเสธมาอีกครั้ง เคตะก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร ชายหนุ่มยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ติดชุดของเขาแล้วปีนกลับไปที่ระเบียงห้องของตัวเองเช่นเดียวกับขามา ก่อนกลับเข้าห้องไปยังมีอารมณ์บอกราตรีสวัสดิ์กับคนข้างห้องอีกด้วย

    “คืนนี้ดึกแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อน ดีใจที่รู้ว่าคุณเป็นห่วงนะครับ ไฮโดะซัง” แล้วเคย์ตะก็เดินหายเข้าไปในห้องของตัวเอง และคงด้วยความดีใจนั้นก็ยังคงส่งผลมาจนถึงเช้าวันนี้ ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

    “เฮ้! นั่งอมยิ้มมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ ไม่ใช่แค่ ‘นิดหน่อย’ แล้วมั้ง มีอะไรดีๆ บอกมานะ!!~” ริวอิจิซึ่งทนเก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหว กระโดดเข้ามาล็อคคอเคย์ตะไว้ ดวงตาที่ฉายแววใคร่รู้จ้องมองเคย์ตะอย่างคาดคั้น เคย์ตะเห็นท่าทางของเพื่อนแล้วก็หัวเราะออกมาโดยไม่ยอมตอบ เหมือนยั่วให้ริวอิจิยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก จนเกิดการวิ่งจับกันขึ้นระหว่าง 2 หนุ่ม โดยที่เรียวเฮย์ยืนหัวเราะกับภาพตรงหน้าอยู่เงียบๆ
     
    “แค่นี้เองไอ้เคย์ เราเป็นเพื่อนกัน บอกหน่อยไม่ได้รึไง?” ริวอิจิวิ่งไปตะโกนไล่หลังเพื่อนไป

    “เรื่องสิ ใครจะบอกนายง่ายๆ เรื่องแบบนี้ให้ตายก็ไม่บอกหรอก” เคย์ตะที่กำลังวิ่งหนี ก็วิ่งไปตะโกนยั่วแกล้งริวอิจิไปเช่นกัน

    “ฮะฮะฮะ ว่าแต่เคย์ตะ เรารู้มาว่าเคย์ตะเพิ่งย้ายบ้านใช่ไหม? ทำไมถึงย้ายล่ะบ้านเก่าก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” เรียวเฮย์ที่ยืนหัวเราะอยู่นานแล้ว ตะโกนถามขึ้นบ้างหวังว่าจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ

    สนใจของริวอิจิ เพราะคาดว่าข่าวนี้เพื่อนร่างท้วมของเขายังไม่รู้แน่ๆ ขนาดตัวเขาเองยังเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี่เอง แต่ก็แอบน้อยใจอยู่บ้างเหมือนกันที่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเคตะไม่เคยบอกพวกเขาเลย

    “หือ? นายย้ายบ้านเหรอเคย์ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมนายถึงรู้ล่ะเรียว?”
    แล้วก็เป็นจริงตามคาด พอได้ยินเรื่องนี้ริวอิจิก็หยุดวิ่งไล่เคย์ตะ ชายหนุ่มหันมามองเรียวเฮย์ด้วยความสนใจ

    “ก็อีกไม่กี่วันจะคริสต์มาสแล้วใช่ไหมล่ะ เราเลยคิดว่าจะไปจัดงานที่บ้านเคย์ตะก็เลยไปคุยให้ผู้จัดการฟัง ก็เลยรู้มาน่ะ” เรียวเฮย์ตอบรับพร้อมรอยยิ้มแสนสดใส

    “แล้วทำไมนายถึงย้ายซะล่ะ?”

    และดูเหมือนเรียวเฮย์จะทำสำเร็จในการเบี่ยงเบนความสนใจ เพราะตอนนี้ริวอิจิเลิกสนใจ ‘เรื่องดีๆ’ ของเคย์ตะแล้ว ชายหนุ่มกำลังสนใจกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รับมามากกว่า

    “มันสะดวกกว่าน่ะ ไปไหนมาไหนมาไหนสะดวกดีก็เลยย้ายมาเท่านั้นเอง” เคย์ตะตอบเรียบๆ

    “แล้วคนข้างห้องเป็นไงบ้าง? เป็นพี่สาวคนสาวแบบในละครเปล่าวะ” ริวอิจิพูดติดตลกหวังเรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆ ส่วนเคย์ตะกลับคิดว่าเดาแม่นชะมัด ผิดอยู่นิดเดียว คนสวยข้างห้องเขาไม่ใช่ ‘พี่สาว’ แต่เป็น ‘พี่ชาย’ ต่างหาก
     
    “ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ชั้นว่าแกดูละครมากไปแล้วพวก” เคย์ตะหัวเราะไปกับมุขตลกของริวอิจิเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม หัวเราไปก็แกล้งเอามือผลักหัวริวอิจิเล่นอย่างสนุกสนาน

    “อ้าว! ทำไมล่ะ ถ้าคิดแบบนั้นมันน่าสนุกออกจะตาย ดีล่ะ คืนนี้ชั้นไปบ้านแกดีกว่า .....นะ .. เรียวนะ คืนนี้เราไปห้องใหม่ไอ้เคย์ มันดีกว่า ชั้นอยากเห็นคนข้างห้องมันอ่ะ” ริวอิจิรีบหันไปชวนเรียวเฮย์ให้มาเป็นแนวร่วมของตัวเองทันที

    “เฮ้ๆๆ พวกนายมาตัดสินกันเองแบบนี้ได้ไง ชั้นพูดเมื่อไหร่ว่าอนุญาตให้พวกนายไปห้องชั้นน่ะ” เคย์ตะโวยวายออกมาบ้าง เมื่อเพื่อนดูเหมือนจะตกลงกันเองโดยไม่ถามความเห็นจากเจ้าของห้องอย่างเขาเลยซักนิด โวยวายไปสายตาก็เหลือบมองเรียวเฮย์ไปพลางเพราะเขารู้ว่าเรียวเฮย์มักอยู่ข้างเขาเสมอเวลาเขากับริวอิจิมีข้อขัดแย้งกัน

    “เอาน่าเคย์ตะ เมื่อก่อนพวกเราก็ไปค้างบ้านนายอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ? วันนี้พวกเราก็ไปฉลองห้องใหม่ของนายไง เนอะริวจัง รู้ล่ะ เย็นนี้ไปจ่ายตลาดกันดีกว่า เราจะทำหม้อร้อนฉลองเสียหน่อย หนาวๆ อย่างนี้กินหม้อร้อนเนี่ยแหละเหมาะที่สุด”

    แต่สำหรับวันนี้มันต่างออกไป เนื่องจากเรียวเฮย์ก็ดูสนใจห้องใหม่ของเคย์ตะไม่แพ้ริวอิจิเลย ดังนั้นคอรัสคนสวยจึงเปิดไฟเขียวสนับสนุนความคิดนี้สุดตัว แถมยังมีการคิดล่วงหน้าไปถึงรายการอาหารมื้อเย็นแล้วด้วย

    เคย์ตะมอง 2 หนุ่มที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้วส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ ยังไงเขาก็คงไม่ทางห้ามเพื่อนได้แล้วด้วย คนที่เคยคิดว่าจะช่วยห้ามก็ดันไปแปรพรรคเสียนี่ เฮ่อ! ทั้งๆ ที่คิดว่าจะเก็บเรื่องของไฮโดะซังเอาไว้อีกซักหน่อย สงสัยว่าคงปิดต่อไปไม่ได้อีกแล้วมั้งเนี่ย ขอให้คนคนนั้นไม่อยู่ด้วยเถอะนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×