ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The boy next door (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #2 : [Fic CB Kei X hyde] The boy next door II

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 49


    คุณเชื่อเรื่องพรมลิขิตไหม? เชื่อรึเปล่าว่าชีวิตของคนเราถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เราเกิดมาแล้ว ผมเชื่อมันนะ ผมคิดว่าบางทีการที่เราได้พบหรือเลือกอะไรบางอย่างมันเป็นเพราะพรหมลิขิต ทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้ว สิ่งที่ผมเลือกได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะพยายามหลีกหนีมันเท่าไหร่ สุดท้ายผลก็ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ดี


    ...แล้วกับเด็กคนนั้นล่ะ การได้พบกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตาด้วยรึเปล่า จนบัดนี้ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ...


    ผมเจอเขาในคืนวันหนึ่งในฤดูหนาว ขณะที่ผมเอาดอกไม้ไปไหว้น้องชายอย่างเคย วันนั้นเป็นวันครอบรอบ 6 ปีพอดี นับตั้งแต่เขาจากไป ฮายาโตะ – น้องชายฝาแฝดของผม- ซึ่งสุขภาพอ่อนแอลงเพราะโรคประหลาดที่ไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นอะไร เพราะเหตุนั้นจึงต้องนอนอยู่โรงพยาบาลตลอด


    ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่จะป่วยเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาราวกับเป็นเงาของกันและกัน แต่พอเขาป่วยเราทั้ง 2 ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก ช่วงนั้นผมรู้สึกเหงามาก เพราะไม่เคยอยู่ตามลำพังมาก่อน ผมจึงแอบไปเยี่ยมเขาบ่อยๆ ไปเล่าเรื่องต่างๆ ที่ผมได้เห็น หรือได้ทำมาให้เขาฟัง

    ฮาโตะจังก็นั่งฟังพร้อมกับหัวเราะไปกับเรื่องที่ผมเล่า ผมก็รู้สึกมีความสุขเหมือนเราได้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยกันอีกครั้ง ฮาโตะจังกับผม เรา 2 คนสัญญาว่าซักวันจะกลับไปปีนเขา ตกปลาที่แม่น้ำด้วยกันอีกครั้ง เป็นความหวังเล็กๆ ที่ผมหวังจะให้มันเป็นจริงมาโดยตลอด

    แต่แล้วความฝันนั้นก็กลายเป็นความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงไปตลอดกาล เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ที่อาการของโรคกำเริบมากขึ้นจนหมอไม่สามารถจะรั้งชีวิตน้อยๆ ของน้องผมเอาไว้ได้อีก พวกเราจึงจำใจต้องเสียเขาไปในวันที่อากาศสดใสในฤดูใบไม้ผลินั้นเอง ฮาโตะจังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เนื้อตัวเย็นเฉียบ หากแต่บนใบหน้าของเขาอิ่มเอมด้วยรอยยิ้มราวกับกำลังหลับฝันดี

    ภาพนั้นยังคงติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ ฮายาโตะคงกำลังรอผมอยู่ รอว่าซักวันผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาอย่างที่เคยเป็น

    ผมเองก็คิดถึงเขามากไม่แพ้กัน ดังนั้นทุกครั้งที่ผมไปเยี่ยมเขาที่สุสานก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึง วันนั้นก็เช่นเดียวกันผมพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายมันก็ยังไหลออกมาอยู่ดี ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่ามีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ จนเด็กคนนั้นเตรียมตัวจะเดินจากไปนั้นแหละผมจึงได้รู้

    จากใบหน้าด้านข้างของเขา ผมก็รู้สึกว่ามันคุ้นๆ หน้าอยู่เหมือนกันแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน จนกระทั่งมาพบจ้าของใบหน้านั้นอีกครั้ง ผมจึงได้รู้.....

    “ขอนั่งด้วยคนนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูดังขึ้นข้างตัว ทำให้ชายหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่ก่อนต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่

    เบื้องหน้าของไฮด์เป็นชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อสเวสเตอร์คอเต่าสีฟ้าสีหม่นกับกางเกงยีนส์ขายาว เขานั่งลงบนเก้าอี้เบาะกลมหน้าเคาเตอร์ข้างๆ ไฮด์ โดยไม่รอคำอนุญาต บนใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มระดับไว้ด้วยรอยยิ้มหวาน ดวงตาเรียวคมสีดำขลับจ้องมองร่างบางด้วยสายตาที่แฝงความหมายบางอย่างเอาไว้

    “คิก บังเอิญจังเลยนะ” ไฮด์มองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็นึกได้ว่าคนที่เจอที่สุสานเมื่อกว่า 2 อาทิตย์ก่อนคือชายหนุ่มคนนี้เอง พอคิดได้แบบนั้นก็อดนึกขำไม่ได้ว่าโลกมันกลมเสียจริง ที่ทำให้เกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้เกิดซ้ำกันอีกครั้ง

    “…อะ.... อะไรนะครับ?” เคตะ ถามกลับไปเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เมื่อกี้เขาได้ยินว่า ‘บังเอิญ’ ใช่ไหมนะ? ทำไมถึงพูดว่าบังเอิญล่ะ ก็ทั้งเขากับไฮโดะซังคนนี้น่ะ เพิ่งจะเคยพบกันจริงๆ ครั้งนี้เท่านั้นนี่นา ไฮโดะซังกำลังหมายถึงอะไรอยู่นะ?

    “ก็เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ?” ไฮด์กล่าวพลางยิ้มให้คู่สนทนาอย่างอ่อนหวาน ดวงตากลมโตดำขลับคู่นั้นจ้องตรงมา ด้วยสายตาเย้ายวนทำเอาคนมองใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไฮโดะซังตามปกติคงเป็นแบบนี้เองสินะ มีเสน่ห์ ลึกลับชวนให้ค้นหา ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ

    “เหรอครับ? ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อน”

    “ชั้นต่างหากที่ไม่รู้ว่ามีคนแอบมองอยู่ วันนั้นเลยทำให้ได้เห็นภาพที่ไม่น่าดู ต้องขอโทษด้วยนะทาจิบานะคุง” ไฮด์ตอบอย่างยิ้มๆ เช่นเดิม ช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงามนัก หากว่าครั้งแรกที่ได้เห็นเป็นใบหน้าที่ระดับด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ เห็นทีเขาคงจะยิ่งเป็นบ้าไปกว่านี้แน่ๆ

    เพราะว่ากำลังเคลิ้มไปกับรอยยิ้มแสนยั่วยวนนั้น ทำให้เคตะปล่อยคำพูดลอยผ่านไปเฉยๆ พอมาคิดได้อีกที ถึงความหมายของคำพูดนั้น มันเหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดกระชากตัวเขาจากความฝันอันแสนหวานให้กลับมาพบกับความจริงที่น่าอายอย่างกะทันหัน

    “เอ๋!!!? อะไรนะฮะ” พอตีความข้อความที่ได้รับเสร็จศัพท์ เคตะก็รู้ตัวทันทีว่าคืนนั้นที่เขาคิดว่าตัวเองวิ่งหนีออกมาก่อนไฮด์จะเห็นนั้น มันผิดโดยสิ้นเชิง มิน่า ตอนพบกันเมื่อกี้ไฮด์จึงทักเขาว่า ‘บังเอิญจัง’ โอยย ตายแล้ว ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย เคตะร้องโอดครวญอยู่ในใจ

    “เอ่อ.... ทางนี้ต่างหากล่ะครับ ที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษที่เสียมารยาท ผมไม่ควรแอบมองคุณอย่างนั้น ขอโทษนะครับ ทาคาราอิซัง” เคตะก้มหัวขอโทษไฮด์เป็นการใหญ่ ซึ่งร่างบางมองท่าทางเขินอายของชายหนุ่มเบื้องหน้าขณะขอโทษเขาแล้วอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ แทนที่ทางเขาต่างหากที่ควรจะอายเพราะดันร้องไห้ออกมาให้อีกฝ่ายเห็น แม้จะไม่ได้ใจก็เถอะ แต่พ่อหนุ่มคนนั้นกลับก้มหัวขอโทษของเสียงยกใหญ่ จะทำยังไงดีนะเนี่ย ไฮด์นึกอยู่ในใจ


    “เรียกไฮโดะก็ได้ ไม่ต้องเรียกนามสกุลหรอกมันยาว” ไฮด์กล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะหยิบเอาแก้วเหล้าที่วางอยู่บนเคาเตอร์ขึ้นมาจิบ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเคตะ ที่ปรากฏขึ้นเพียงแวบเดียวแล้วก็หายไปเหมือนกับเงาที่สะท้อนลงบนพื้นน้ำ

    “ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ได้ครับ ไฮโดะซัง”
    ตอนแรกเคตะก็กลัวแทบตายว่าไฮโดะซังจะโกรธเอาที่เขาเสียมารยาทขนาดนั้น ก็เลยรีบหนีออกมาก่อน แต่สุดท้ายไฮโดะซังก็ยังเห็นเขาอยู่ดี ร่างบางไม่เพียงไม่โกรธยังอนุญาตให้เขาได้เรียกชื่อด้วย เอ....แบบนี้จะเรียกว่าก้าวหน้าขึ้นได้ไหมเนี่ย

    “ที่นี่บรรยากาศดีนะครับ ไฮโดะซังคงมาบ่อยสินะครับ” เคตะพยายามชวนคุย สายตาชายหนุ่มกวาดมองไปรออบร้าน ซึ่งใช้แสงเทียนแทนแสงไฟตั้งไว้ตามโตะต่างๆ บนเวทีนักดนตรีกำลังบรรเลงเพลง Classic ฟังสบายๆ ไม่ขัดหู ที่เปิดไฟสว่างมีเพียงเคาเตอร์ที่พวกเขานั่งอยู่เท่านั้น

    “เปล่าหรอก วันนี้แค่ผ่านมาน่ะ เห็นว่ามันใกล้คอนโดที่พักอยู่พอดีเลยแวะมาน่ะ แล้วทาจิบานะคุงล่ะ?” ไฮด์ถามต่อตามมารยาท ขณะที่หันหน้าออกไปมองนักดนตรีที่เล่นอยู่บนเวที ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยชอบเพลงพวกนี้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกลียดมัน สำหรับเพลงพวกนี้ มันอยู่ในขั้นที่ ‘ฟังได้’ เท่านั้น ก็เพราะมีเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่งชอบฟังเพลงพวกนี้ เขาก็เลยเคยฟังผ่านหูมาบ้างก็เท่านั้นเอง

    “เพิ่งเคยมาน่ะครับ ผมเองก็เพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้เหมือนกัน” เคตะตอบกลับไปขณะที่ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นจิบบ้าง ช่างบังเอิญจริงๆ ที่คอนโดที่ไฮโดะซังพักอยู่มาอยู่เมืองเดียวกันกับเขา วันนี้เขาก็เลยโชคดีได้พบกับไฮโดะซัง อยากรู้จังเลยอยู่ที่ไหนนะ

    “อ้อ” ไฮด์พยักหน้ารับ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาติดผนังที่อยู่หลังเคาเตอร์ซึ่งบอกเวลาจะเที่ยงคืนแล้ว ได้เวลากลับเสียที พรุ่งนี้มีซ้อมเช้าด้วยขืนไปสายโดนเทตจังสวดยับแน่ๆ เขาจึงรีบกระดกของเหลวสีอำพันในแก้วลงคอไปทั้งหมด วางแก้วลงบนที่รอง แล้วล้วงเอาเงินวางบนเคาเตอร์เตรียมตัวจะกลับ

    เคตะเห็นอีกฝ่ายกำลังจะกลับจึงพยายามจะรั้งเอาไว้ ก็สำหรับเขาแล้ว เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นานเอง ยังอยากคุยกับไฮโดะซังมากกว่านี้ อยากรู้เรื่องทุกๆ อย่างของคนคนนี้ มือเรียวยาวจึงเอื้อมออกไปคว้าข้อมือเรียวเล็กของไฮด์เอาไว้

    ไฮด์ที่ถูกคว้าข้อมือเอาไว้จึงหันมามองชายหนุ่มที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกครั้ง ด้วยสายตาที่แสดงความไม่เข้าใจ สงสัยต่อการกระทำของร่างสูง

    “ความเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เลยนะครับ ผมรู้สึกตัวโชคดีมากที่ได้พบคุณวันนี้ บอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าเมื่อไหร่เราจะพบกันอีก?” เคตะยังยึดข้อมือเล็กไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

    ไฮด์เงยหน้าขึ้นสบดวงตาเรียวคมของชายหนุ่ม ทั้งดวงตา สีหน้าและคำพูดที่กล่าวออกมามันแสดงออกมาให้เห็นชัดเจนว่า เคตะรู้สึกอย่างไรและกำลังคิดทำอะไรอยู่
     
    แต่ว่านะเราเพิ่งพบกันไม่เท่าไหร่ ก็มาหว่านเสน่ห์ใส่ชั้นซะแล้ว มันจะมากไปหน่อยล่ะมั้ง ทาจิบานะคุง เอาเถอะ ถ้าอยากเล่นนักล่ะก็ ชั้นเล่นด้วยก็ได้ แล้วภาวนาให้เราอย่าได้เจอกันอีกเลย สำหรับชั้นตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ รัก หรือ ตอบรับใครหรอกนะ แค่นี้ก็ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว ไม่อยากหาปัญหาใส่ตัวจนมันยุ่งไปกว่านี้หรอก

    ไฮด์ใช้มือข้างที่เหลือดึงเอาดอกกุหลาบประดิษฐ์ซึ่งทำด้วยผ้าที่ใส่ไว้ในแจกันแก้วทรงสูงมายื่นให้เคตะ พอร่างสูงรับไป ไฮด์ก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

    “เมื่อกุหลาบดอกนั้นเหี่ยวเฉาน่ะสิ ดึกแล้ว ชั้นคงต้องขอตัวเสียทีล่ะ ลาก่อน ทาจิบานะคุง” ไฮด์กล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มแสนหวานแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้เคตะ นั่งมองตามหลังร่างบางจนลับจากสายตาไป

    ‘เมื่อกุหลาบดอกนี้เหี่ยว?’

    เคตะก้มลงมองดอกกุหลาบผ้าในมือ พร้อมกับคิดทบทวนถึงคำพูดของไฮด์ที่ทิ้งท้ายเอาไว้

    ดอกไม้ที่ทำจากผ้าพวกนี้อยู่ทนนานเป็นปีๆ ไม่มีทางเหี่ยวอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นที่ไฮด์พูดถึงคงหมายความว่า ‘เราไม่มีวันได้พบกันอีก’ สินะ

    “ฮึ... ฮะฮะฮะฮะ.... ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” พอรู้ความหมายของสิ่งที่ไฮด์ซ่อนไว้ในดอกกุหลาบดอกนั้น เคตะก็อดจะหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้ นี่แสดงว่าเขาถูกปฏิเสธเสียแล้ว เป็นการปฏิเสธที่มีชั้นเชิงนัก ไฮด์ไม่อยากยุ่งกับเขา แต่ไม่อยากบอกเอง เลยใช้ดอกไม้นี่บอกแทน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์อะไรอย่างนี้นะ แต่เขาไม่ละความพยายามแค่นี้หรอก นี้มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองไฮโดะซัง มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ซักวันผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้!!

    “เรียวๆ นายดูนั้นสิ” ริวอิจิสะกิดเรียกเรียวเฮย์ที่นั่งพักหลังจากซ้อมเต้นกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า

    “หือ? อะไรเหรอริวจัง?” เรียวเฮย์หันมาตามที่ถูกเรียก แล้วสายตาของ 2 หนุ่มก็โฟกัสไปจุดเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ภาพของร้องร้องนำประจำวงนั่งมองดอกกุหลาบปลอมในแจกันที่ตั้งอยู่ที่มุมห้องแล้วยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ อยู่คนเดียว นับเป็นภาพที่แปลกประหลาดและชวนขนลุกไปพร้อมๆ กัน

    “นายเห็นอย่างที่ชั้นเห็นรึเปล่าเรียว” ริวอิจิถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยที่สายตายังจ้องภาพชวนขนลุกอย่างไม่วางตา

    “ชั้นคิดว่าชั้นเห็นอย่างที่นายเห็นนั้นแหละริว” เรียวเฮย์พยักหน้ารับกับคำถามของเพื่อนอย่างรวดเร็ว แล้วหนุ่มๆ ทั้ง 2 จึงเริ่มเปิดประชุมวิสามัญเป็นการด่วน

    “ชั้นว่ามันแปลกๆ มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ” ริวอิจิเปิดประเด็นขึ้นมาเป็นคนแรก
    “นั้นสินะ เราว่าเช้านี้เคตะ ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลย แถมตอนนี้มานั่งยิ้มกับดอกไม้คนเดียวแบบนี้ เราว่ามันเหมือน....” ส่วนเรียวเฮย์กล่าวสนับสนุนคู่สนทนาเต็มที่แถมมีการตั้งข้อสงสัยใหม่ขึ้นมาด้วย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าบุคคลที่เห็นหัวข้อของการสนทนาได้เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยแล้ว

    “เหมือนอะไรเหรอ?” เคตะถามด้วยความสงสัย เพราะพอหันมาอีกทีก็เห็นเพื่อนทั้ง 2 สุมหัวคุยอะไรบางอย่างอยู่ ท่าทางซีเรียสเชียว ด้วยความอยากรู้เขาจึงเข้าไปร่วมวงด้วย

    “ก็เหมือนคนกำลังมีความรักน่ะสิ” เรียวเฮย์กล่าวต่อโดยไม่หันไปมองคนถามเพราะคิดว่าเป็นสมาชิกในองก์ประชุม แต่พอหันไปมองจะถามความเห็น ก็รู้สึกผิดปกติ เพราะริวก็อยู่ข้างๆ นี่นา แล้วเสียงเมื่อกี้มันมาจากข้างหลังได้ไงล่ะ พอคิดอย่างนั้นใบหน้าหวานสวยที่เริ่มซีดหน่อยๆ ของเรียวเฮย์ก็ค่อยๆ หันไปมองข้างหลัง ก็ไปเจอกับใบหน้าอันหล่อเหลาของนักร้องนำเข้าพอดี

    “ฮะฮะฮะ ไง เคตะ” คอรัสคนสวยหัวเราะแห้งๆ เมื่อเห็นหน้าเคตะยืนอยู่ข้างหลัง

    “ไง พวกนายเอาชั้นมานินทากันสนุกเลยนะ” เคตะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมให้กับเพื่อนๆ ทั้ง 2

    “ว๊ากกกกก เคตะ” ริวอิจิร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วการประชุมครั้งนี้ก็จบลงเพราะเหล่าผู้เข้าประชุมวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง ทิ้งให้เคตะยืนอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมกับขำในท่าทางตื่นตกใจของเพื่อน นี่คิดว่าเขาจะทำอะไรรึไง ทำไมถึงได้ตกใจกันขนาดนั้น ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดี ใครจะนินทายังไงก็ไม่โกรธอยู่แล้ว (แสยะ)

    เคตะหันไปมองกุหลาบปลอมที่ตั้งอยู่ในแจกันอีกครั้ง ริมฝีปากเรียวได้รูปเผลอคลี่ออกมาโดยไม่ตั้งใจ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้

    หลังจากแยกกับไฮโดะซังที่ร้านเหล้าแล้ว เขาก็รู้สึกหมดสนุกลงไปกะทันหัน เมื่อไม่มีไฮโดะซังอยู่แล้ว ร้านที่เคยดูว่าบรรยากาศดี ก็กลับดูน่าเบื่อไปถนัดใจ เขาจึงจ่ายเงินค่าเหล้าแล้วกลับไปที่คอนโด บนห้องชุดสุดแสนสะดวกสบายบนคอนโดหรูชั้นที่ 50 วันนี้เคตะเพิ่งสังเกตว่าห้องข้างๆ ที่ปิดไฟเงียบมาหลายวัน วันนี้ไฟหน้าห้องกลับถูกเปิดสว่างเป็นสัญลักษณ์ของการกลับมาของเจ้าของห้อง

    เคตะได้แต่นึกสงสัยอยู่ในใจเล่นๆ ว่าคนข้างๆ ห้องจะเป็นอย่างไงกันน้า แต่ถึงยังไงคนที่จะมาซื้อคอนโดแบบนี้ได้ก็คงต้องเป็นคนที่มีร่ำรวยพอตัวอยู่ล่ะ เพราะลำพังแค่ค่าเช่าก็ต้องจ่ายเป็นล้านแล้ว แต่จะว่าไปแล้วไฮโดะซังคนนั้นก็ดังไม่ใช่น้อย เงินที่ได้การทำงานคงพอที่จะซื้อคอนโดแบบนี้ทั้งชั้นได้สบายๆ เลยล่ะมั้ง เห็นว่าอยู่แถวๆ นี้ด้วยนี่นา บางทีเจ้าของห้องข้างๆ อาจเป็นเขาก็ได้ เคตะคิดเรื่อยเปื่อยขณะใช้การ์ดรูดเปิดประตูห้อง แต่พอคิดแล้วก็ส่ายๆ หัวไล่ความคิดนั้นออกไป มันดูมันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว โชคคงไม่เข้าข้างเขาขนาดนั้น(มั้ง?)

    เคตะรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะวางกุหลาบผ้าไว้ที่หัวเตียงอย่างทะนุถนอม

    “เฮ่อ!” เคตะทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดใหญ่ที่อ่อนนุ่ม ชายหนุ่มหยิบเอากุหลาบผ้านั้นมามองอยู่นาน มองไปก็นึกถึงใบหน้าหวานสวยของคนให้ไปด้วย

    ใบหน้าขาวเนียนที่มีริ้วรอยบ่งบอกให้อยู่ว่าเลยวัยเด็กหนุ่มมานานแล้ว แต่ถึงกระนั้นใบหน้านั้นก็คงอ่อนว่าอายุจริงหลายปีอยู่ดี ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ยากจะเดาอายุที่แท้จริงออก แต่ถ้าคำนวณจากเวลาที่ทำงานอยู่ในวงการก็พอเดาได้ว่า ร่างบางคงมีอายุพอสมควรแล้ว พอคิดได้แบบนั้นเคตะก็ลุกขึ้นนั่งทันที

    ชายหนุ่มนั่งมองนับตัวเองคำนวณอายุของไฮด์อย่างคราวๆ เคยได้ยินว่าตอนเข้าวงการมาใหม่ๆ อายุรุ่นเดียวกับเรียวเฮย์หรือกว่าจะแก่กว่านิดหน่อย เดี๋ยวนะ ถ้าเท่ากับเรียว ปีนี้เรียว 20 ก็หมายความว่า......

    ตัวเลขที่ไม่เชื่อผุดขึ้นเต็มสมอง เคตะเหลือบมองกุหลาบดอกนั้นเหมือนเป็นตัวแทนของไฮด์ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนคนนั้นจะขึ้นเลข 4 ในไม่กี่ปีนี้แล้ว อายุขนาดนั้นถ้าเทียบกับตัวเขาแล้ว คงเป็นรุ่นลูก ไม่ก็หลานซะล่ะมั้ง หรือเป็นเพราะสาเหตุที่ทำให้ไฮด์ปฏิเสธเขา? เพราะเขาอายุน้อยกว่าอย่างนั้นเหรอ?

    คิดไปก็ยิ่งฟุ้งซ่านไม่อาจสงบใจให้หลับลงได้เลย ถึงจะรู้ดีว่าพรุ่งนี้จะมีตารางงานสุดโหดรอเขาอยู่ก็ตาม สุดท้ายเคตะก็หมดความอดทนในการข่มตานอน ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินออกไปที่ระเบียง บางทีรับลมเย็นๆ อาจช่วยให้สมองปลอดโปร่ง แล้วช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้นกระมัง

    แต่วินาทีที่ได้เห็นคนข้างห้องเต็มๆ ตา ไฟแห่งความหวังที่เคยทำให้ดับมอดลงไปกลับมาลุกโชติช่วงอีกครั้ง

    ชายหนุ่มร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวสะอาดตากับกางเกงทรงปล่อยสีเดียวกัน ถึงจะดูรุ่มร่ามไปหน่อย เพราะคนใส่เป็นคนตัวเล็ก แต่ก็เป็นภาพที่ชวนมองอยู่ไม่น้อย เรือนผมสีดำสนิทที่ซอยเข้ารูปยาวประบ่า ซึ่งยังมีละอองน้ำเกาะอยู่ตามเส้นผมบ้างเล็กน้อยบอกให้รู้ว่าเจ้าของเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ใบหน้าอ่อนเยาว์ขาวเนียนไร้ไฝฝ้าให้รำคาญสายตา ดวงตากลมโตแสนมีเสน่ห์และลึกลับคู่นั้นมองเหม่อออกไปวิวเบื้องหน้า จมูกโด่งเป็นสันราวกับมาคนมาวาดเอาไว้ ริมฝีปากเรียวบางสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มเหมือนสบใจกับอะไรบางอย่าง

    ภาพอันสวยงามสะกดสายตาเบื้องหน้า เคตะไม่อยากเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริง ตาฝาดแน่ๆ เขาขยี้ตาก็แล้ว ภาพนั้นก็ไม่หายไป ร่างบางเดินไปเท้าคางกับราวโลหะเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×