คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
“Anis เราเลิกกันเถอะนะ” เสียงทุ้มหวานของชายหนุ่มหน้าสวยกล่าวประโยคนี้ออกมาในค่ำคืนวันหนึ่ง หลังจากดินเนอร์สุดแสนโรแมนติกได้จบลง
ใบหน้าอ่อนกว่าวัยของชายหนุ่มนั้นเรียบเฉยราวกับมันเป็นเรื่องปกติ ต่างกันโดยสิ้นเชิงกันคนฟังที่นั่งอยู่ตรงข้าม ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินคำพูดทำนองนี้หลุดออกมาจากริมฝีปากเรียวสวยของคนรัก ก็เพราะมันไม่มีวี่แววมาก่อนเลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบลงง่ายๆ อย่างนี้ ทั้งๆ ที่ตลอด 3 เดือนที่คบกันมา พวกเขาทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะถึงขั้นรุนแรงซักครั้งเลย ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งวันนี้ แล้วทำไม?
ใบหน้าอ่อนกว่าวัยของชายหนุ่มนั้นเรียบเฉยราวกับมันเป็นเรื่องปกติ ต่างกันโดยสิ้นเชิงกันคนฟังที่นั่งอยู่ตรงข้าม ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินคำพูดทำนองนี้หลุดออกมาจากริมฝีปากเรียวสวยของคนรัก ก็เพราะมันไม่มีวี่แววมาก่อนเลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะจบลงง่ายๆ อย่างนี้ ทั้งๆ ที่ตลอด 3 เดือนที่คบกันมา พวกเขาทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะถึงขั้นรุนแรงซักครั้งเลย ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งวันนี้ แล้วทำไม?
Anis จ้องมองคู่สนทนาด้วยความตกใจระคนสงสัย ท่าทางเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินนัก ร่างบางจึงกล่าวซ้ำอีกครั้งเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจว่า เมื่อครู่นี้เขากล่าวมันออกไปจริงๆ
"เราเลิกกันเถอะ" ดวงหน้าหวานสวยของชายหนุ่มยังคงเรียบเฉยอยู่เช่นเดิม ไม่ได้รู้สึกรู้สากับความสัมพันธ์ที่กำลังจะจบลงเลยแม้แต่น้อย
"ทะ.....ทำไม?......ทำไมล่ะ Haido ที่ผ่านมาผมทำอะไรไม่ถูกใจคุณอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าผมมันไม่ดีพอ.....บอกผมสิHaido ผมจะเปลี่ยนตัวเอง คุณบอกผมสิว่าคุณไม่พอใจตรงไหน"
ดวงตาและน้ำเสียงของชายหนุ่มที่อ้อนวอนต่อชายหนุ่มร่างบางอย่างร้อนรนนั้นช่างดูน่าสงสาร เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ Hyde มากเกินกว่าจะถอนตัวกลับได้อีก เขายอมทำทุกวิถีทางที่จะรั้งตัวคนรักเอาไว้ ไม่ว่าร่างบางจะสั่งให้เขาทำอะไรเขาจะรีบทำโดยไม่ลังเล ขอเพียง hyde ไม่ทิ้งเขาไป เพียงเท่านี้จริงๆ
Hyde ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เดินตรงมายังเก้าอี้ของชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่ช้า ดวงตากลมโตดำขลับที่ Anis หลงใหลช้อนขึ้นมองมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวน นิ้วขาวเรียวยาว ปัดเส้นผมนุ่มสลวยเหมือนขนแมวที่ปรกหน้าผากอยู่ให้พ้นทาง ก่อนจะประทับริมฝีปากบางอวบอิ่มสีแดงสดลงบนหน้าผากของชายหนุ่ม Anis ตอบสนองการกระทำนั้นด้วยการรั้งเอวบางของ hyde มากอดเอาไว้ จนดูคล้ายว่า hyde จะขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของ anis ชายหนุ่มกอดเอวบางนั้นไว้แน่นราวกับหากปล่อยไปแล้วจะไม่มีวันได้กอดร่างบางเอาไว้เช่นนี้อีกเป็นครั้งที่ 2
“Anis_kun” เสียงทุ้มหวานเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน นิ้วมือเรียวไล้ไปตาม ใบหน้า ลำคอระหงของชายหนุ่ม Anis จึงขว้าเอามืออันซุกซนของร่างบางมาจูบเบาๆ ที่นิ้วขาวเรียวสวยนั้น
“อย่าแกล้งทรมานผมเลย Haido ผมรู้
..เมื่อก่อนผมอาจไม่เคยสนใจ แต่ตอนนี้ผมอยู่ไม่ได้นะถ้าไม่มีคุณ ได้โปรด ขอเพียงคุณบอกมาผมพร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเป็นอย่างที่คุณต้องการ อย่าจากผมไปเลย” Anis กล่าวพลางซบหน้าลงบนไหล่บอบบางของ hyde
“อย่าแกล้งทรมานผมเลย Haido ผมรู้ ..เมื่อก่อนผมอาจไม่เคยสนใจ แต่ตอนนี้ผมอยู่ไม่ได้นะถ้าไม่มีคุณ ได้โปรด ขอเพียงคุณบอกมาผมพร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเป็นอย่างที่คุณต้องการ อย่าจากผมไปเลย” Anis กล่าวพลางซบหน้าลงบนไหล่บอบบางของ hyde
“ไม่เลย Anis_kun ตลอดเวลาที่คบกันนายดีต่อชั้นมาก ชั้นชอบนายอย่างที่นายเป็นอย่างนี้แหละ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรหรอก” ใบหน้าเรียวสวยของ hyde มีรอยยิ้มระบายๆ อยู่บางๆ ขณะที่พูดถึงชายหนุ่ม นิ้วเรียวงามขยี้เรือนผมของ Anis เล่นอย่างสนุกมือ
คำตอบที่ได้รับแม้ว่าจะน่าพอใจแต่กลับไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจของเขาได้เลย Anis เงยหน้าขึ้นมอง hyde อย่างไม่เข้าใจ ก็ในเมื่อไม่มีอะไรอยากให้เปลี่ยน ไม่มีอะไรเลยที่ไม่ชอบใจ แล้วทำไมล่ะ ทำไมต้องเลิกกันด้วย “เพราะมัน ‘ไม่ใช่’ น่ะสิ” เมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนกับกำลังตั้งคำถามของ Anis รอยยิ้มที่ระบายอยู่ก็ถูกลบเลือนออกจากใบหน้าอ่อนเยาว์ของร่างบาง ขณะที่ผละออกจากวงแขนของร่างสูงออกมายืนอยู่ข้างๆ แทน เสียงทุ้มหวานตอบคำถามออกมาอย่างเลื่อนลอย ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเหม่อออกไปนอกหน้าต่างราวกำลังมองหาใครบางคนอยู่
Anis มองตามสายตาของ hyde ด้วยความเจ็บปวด เขารู้แล้วว่าคงต้องเสียร่างบางไปแน่ๆ เพราะดูจากท่าทางของร่างบางเหมือนคนกำลังคิดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขาอยู่ แต่กระนั้นยังไม่ละความพยายามที่จะรั้งตัว hyde ไว้ ตอนนี้เขาหวังเพียงได้ยืดจุดจบออกไปแม้เพียงเล็กน้อย เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นกระทันหันเกินกว่าจะทำใจรับได้ทัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขายังไม่พร้อมที่จะเสียร่างบางไป
คำตอบที่ได้รับแม้ว่าจะน่าพอใจแต่กลับไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจของเขาได้เลย Anis เงยหน้าขึ้นมอง hyde อย่างไม่เข้าใจ ก็ในเมื่อไม่มีอะไรอยากให้เปลี่ยน ไม่มีอะไรเลยที่ไม่ชอบใจ แล้วทำไมล่ะ ทำไมต้องเลิกกันด้วย
“เพราะมัน ‘ไม่ใช่’ น่ะสิ” เมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนกับกำลังตั้งคำถามของ Anis รอยยิ้มที่ระบายอยู่ก็ถูกลบเลือนออกจากใบหน้าอ่อนเยาว์ของร่างบาง ขณะที่ผละออกจากวงแขนของร่างสูงออกมายืนอยู่ข้างๆ แทน เสียงทุ้มหวานตอบคำถามออกมาอย่างเลื่อนลอย ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเหม่อออกไปนอกหน้าต่างราวกำลังมองหาใครบางคนอยู่
Anis มองตามสายตาของ hyde ด้วยความเจ็บปวด เขารู้แล้วว่าคงต้องเสียร่างบางไปแน่ๆ เพราะดูจากท่าทางของร่างบางเหมือนคนกำลังคิดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขาอยู่ แต่กระนั้นยังไม่ละความพยายามที่จะรั้งตัว hyde ไว้ ตอนนี้เขาหวังเพียงได้ยืดจุดจบออกไปแม้เพียงเล็กน้อย เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นกระทันหันเกินกว่าจะทำใจรับได้ทัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขายังไม่พร้อมที่จะเสียร่างบางไป
Anis มองตามสายตาของ hyde ด้วยความเจ็บปวด เขารู้แล้วว่าคงต้องเสียร่างบางไปแน่ๆ เพราะดูจากท่าทางของร่างบางเหมือนคนกำลังคิดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขาอยู่ แต่กระนั้นยังไม่ละความพยายามที่จะรั้งตัว hyde ไว้ ตอนนี้เขาหวังเพียงได้ยืดจุดจบออกไปแม้เพียงเล็กน้อย เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นกระทันหันเกินกว่าจะทำใจรับได้ทัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขายังไม่พร้อมที่จะเสียร่างบางไป
“ได้โปรดเถอะ haido ผมไม่อยากเสียคุณไป บอกผมสิว่าทำอย่างไรถึงจะ ‘ใช่’ อย่างที่คุณต้องการ” Anis ลุกจากเก้าอี้แล้วดึงตัว hyde เข้ามากอดไว้อีกรอบ เหมือนว่านี่จะเป็นทางเดียวที่เขาจะสามารถรั้งร่างบางเอาไว้ได้
Hyde เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผู้ลุ่มหลงในตัวเขาแล้วแอบถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทำไมหนอคนเราถึงปล่อยตัวเองให้หลงใหลอะไรบางอย่างได้มากมายขนาดนี้ ว่ากันว่า ‘จิตใจที่คอยแต่คิดถึงคนคนเดียว มีจิตใจที่ป่วยเท่านั้นที่ทำได้’ หากเป็นเช่นจริงเขาก็คงป่วยอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ก็ไม่เคยลบเขาคนนั้นออกไปจากใจได้ ไม่ว่าคบกับใครก็มักเอาไปเปรียบเทียบกับคนคนนั้นเสมอ คนที่น่าสมเพชจริงๆ คงเป็นตัวเขาเองกระมัง
Hyde เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผู้ลุ่มหลงในตัวเขาแล้วแอบถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทำไมหนอคนเราถึงปล่อยตัวเองให้หลงใหลอะไรบางอย่างได้มากมายขนาดนี้ ว่ากันว่า ‘จิตใจที่คอยแต่คิดถึงคนคนเดียว มีจิตใจที่ป่วยเท่านั้นที่ทำได้’ หากเป็นเช่นจริงเขาก็คงป่วยอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ก็ไม่เคยลบเขาคนนั้นออกไปจากใจได้ ไม่ว่าคบกับใครก็มักเอาไปเปรียบเทียบกับคนคนนั้นเสมอ คนที่น่าสมเพชจริงๆ คงเป็นตัวเขาเองกระมัง
‘จิตใจที่คอยแต่คิดถึงคนคนเดียว มีจิตใจที่ป่วยเท่านั้นที่ทำได้’ หากเป็นเช่นจริงเขาก็คงป่วยอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ก็ไม่เคยลบเขาคนนั้นออกไปจากใจได้ ไม่ว่าคบกับใครก็มักเอาไปเปรียบเทียบกับคนคนนั้นเสมอ คนที่น่าสมเพชจริงๆ คงเป็นตัวเขาเองกระมัง
ความคิดเห็น