ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิค Short fic 2ne1 bigbang VOL.3

    ลำดับตอนที่ #17 : 2 Heart & Triangle of LOVE : Part 3

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 56


    กลับมาแล้วจ้าพร้อมกับความรู้สึกหน่วงเว่อร์T^T ฟิคเรื่องนี้ทำให้เราสงสารป้าบอมสุดๆ แงๆๆ

    และอยากที่บอกไปว่ายังหาข้อสรุปของตัวละครที่แน่ชัดไม่ได้(ตัดสินใจลำบาก) ไม่แน่ว่าตอนหน้าจะมีให้โหวตแล้ว ยู้ฮู้ววววว^^

    เพราะงั้นอยากให้ทุกคนเปิดใจดูว่าจะเลือกแบบไหนถ้าเป็นตัวเราเอง^^ เยิ้บๆทุกคนเลย ม๊วฟฟฟฟ
     
     
     
     
     
     
            ตากลมโตคู่สวยที่เคยมีแววสดใสกำลังเหม่อมองท้องฟ้ากว้างกลางเมืองหลวงของกรุงโซลอย่างเลื่อนลอย   แสงไฟมากมายกลางเมืองใหญ่กลบความงดงามของท้องฟ้ายามราตรีได้เกือบหมด  แต่ก็ยังมีแสงสว่างเล็กๆของดวงดาวที่มองเห็นประปรายส่องสว่างท้าแสงไฟของเมืองกรุง ยกมุมปากเป็นรอยยิ้มเล็กๆกับบรรยากาศรอบตัวแต่นัยต์ตาสวยกลับมีแววเศร้าหมองและเจ็บปวดปะปนอยู่  ความรู้สึกของเธอคงไม่ต่างจากคนที่กำลังจมดิ่งสู่ใต้ผืนน้ำที่ลึกจนขาเหยียบพื้นไม่ถึง ทั้งอึดอัด หายใจไม่ออก ทรมานและดำมืด  
     
     
     
     
     
     
     
            สำหรับคนอื่นความรักอาจจะเป็นเรื่องของคนแค่สองคนแต่สำหรับความรักของเธอมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน เคยได้ยินคนพูดเหมือนกันว่า 'ถ้าความรักก่อให้เกิดความเจ็บปวด มันย่อมไม่ใช่ความรัก' แต่สำหรับเธอแล้วความรักของเธอและพวกเค้าคือ 'ความเจ็บปวด' ดีๆนี่เอง  จะปล่อยไปก็ไม่ได้จะเก็บไว้ก็ไม่ดีแต่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไง 'ท็อป' คือคนที่เธอรู้สึกผูกพันมากกว่าคนอื่นๆแต่ความรักของเธอและเค้าก็กำลังลดน้อยลงไป 'จียง' คือผู้ชายที่เธอสามารถพูดได้ว่ากำลังรู้สึกรักแต่ยังไม่ได้ผูกพันกันเพราะความสัมพันธ์เพิ่งเริ่มพัฒนา  แต่ความรู้สึกเดียวที่เธอมีให้ทั้งสองคนเหมือนกันคือ 'ขาดไม่ได้' เพราะคนหนึ่งก็เคยมีเวลาดีๆร่วมกันส่วนอีกคนก็ช่างดีกับเธอเหลือเกิน
     
     
     
     
     
     
    "ทำไมมานั่งตากน้ำค้างตรงนี้ ฮึ!ยัยเด็กดื้อ" เสียงทุ้มต่ำที่ออกแนวดุน้อยๆแบบไม่ใส่ใจแต่กลับเจือไปด้วยความเป็นห่วงดังขึ้นด้านหลังก่อนที่เจ้าของเสียงจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างริมระเบียงข้างๆเธอ มือหนาขยี้ผมเธอแผ่วเบาเหมือนอย่างเคยและนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจได้ไม่ยาก
     
     
     
     
     
    "มานั่งเป็นนางเอกมิวสิคไง^^"
     
     
     
     
     
    "ยัยบ๊องเอ้ย!อย่างเธอเนี้ยไปนั่งแทะข้าวโพดเหมือนเดิมเถอะ^_^"
     
     
     
     
     
    "ฮั้ล!!!พูดดีไปเถอะยะ-_-" ถึงเธอจะแกล้งงอนแต่ก็อยากจะให้เค้าง้อนะไม่ได้มาขำเธอเอาเป็นเอาตายแบบนี้
     
     
     
     
    "ฮ่าๆๆๆ😄"
     
     
     
     
    "พอใจหรือยัง-_-"
     
     
     
     
    "โอเคๆไม่แกล้งแล้วก็ได้ แล้วจะบอกได้หรือยังว่ามานั่งทำอะไรตรงนี้^_^"
     
     
     
     
     
    "เปล่า ก็แค่รู้สึกว่าไม่ได้แหงนหน้ามองฟ้ามานานแค่ไหนแล้ว^^"  พูดจบบอมมี่ก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างที่บอกกับคนข้างๆไปรอยยิ้มอ่อนบางที่เคยเห็นบ่อยๆกับใบหน้าด้านข้างทำเอาชายหนุ่มไม่อาจละสายตาไปมองฟ้าอย่างที่อีกคนบอกได้
     
     
     
     
     
    "นี่ ท็อป"
     
     
     
     
    "หืม"
     
     
     
     
     
    "ฉันรู้สึกเหมือนเราไม่ได้อยู่แบบนี้มานานมากแล้วเนอะ" อยู่แบบที่ยังคงยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ อยู่แบบสบายใจแม้ว่าไม่ต้องมีบทสนทนาต่อกันก็รู้สึกอบอุ่น อยู่แบบท็อปกับบอมมี่ที่ไม่มีความรู้สึกอื่นๆเข้ามาแทรก อยู่ด้วยกันแบบตัดขาดจากทุกอย่างรอบตัวเหลือเพียงแค่เค้าและเธอ  ท็อปยกยิ้มขึึ้นมาน้อยๆก่อนจะลากสายตาคมดุของตัวเองให้มองไปยังผืนฟ้ามืดมิดยามราตรี
     
     
     
     
    "นั้นซิน่ะ ทั้งๆที่เรายังเจอกันแต่ฉันรู้สึกเหมือนว่านานมากที่ไม่ได้อยู่กับเธอแบบนี้" เพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าสถานะของพวกเค้าไม่ได้เหมือนเดิมพอที่จะมานั่งด้วยกันแบบนี้ ถ้าไม่อึมครึมใส่กันก็คงจะเมินเฉยกันไปเลยไม่มีมาคุยเล่นแบบนี้หรอก
     
     
     
     
     
    "ฉันขออยู่แบบนี้ต่อไปเถอะนะ" ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ดวงตากลมโตของเธอที่มองท้องฟ้ามันวูบไหวจนน่าใจหายแบบนี้ น้ำเสียงออดอ้อนติดจะขอโอกาสในทีของผู้ชายชื่อชเวซึงฮยอน บอมมี่เชื่อว่าทั้งชีวิตนี้เธอจะไม่ได้ยินมันแน่นอนแต่ดูเหมือนว่าวันนี้เค้าจะพูดมันให้เธอฟังแล้ว  อาจเพราะบรรยากาศเบาสบายที่พร้อมรองรับอารมณ์หนักหนาเหล่านั้นหรืออาจจะถึงขีดจำกัดของเค้าก็ไม่อาจทราบได้
     
     
     
     
     
    "รู้ไหมท็อป ทุกครั้งที่ฉันขอให้นายปล่อยมือจากฉันไป"
     
     
     
     
     
    "...."
     
     
     
     
    "จริงๆแล้วใจฉันบอกให้คว้ามือนายกลับมาทุกครั้ง"
     
     
     
     
    "...."
     
     
     
     
    "อาจจะดูว่าฉันเห็นแก่ตัว โลเล หรืออะไรก็ตาม"
     
     
     
     
    "แต่ฉันไม่เคยปล่อยนายไปได้จริงๆ" เป็นครั้งแรกที่เธอยอมสารภาพเรื่องนี้กับคนตรงหน้า ตาคู่สวยที่หันมาสบสายตาคมดุดูหวั่นไหวและเจ็บปวดแต่ก็มั่นคงให้รู้ว่าทุกคำที่พูดไปคือเรื่องจริงทั้งสิ้น
     
     
     
     
     
    "ฉันเข้าใจและจะไม่ว่าเธอ ขอแค่เธออย่าตัดฉันไปจริงๆก็พอ" มืออุ่นๆจากคนข้างตัวเลื่อนมาลูบหัวเธอเบาๆก่อนที่จะกดศีรษะที่รู้สึกว่าแบกเรื่องต่างๆมาจนหนักอึ้งให้ซบลงกับบ่าแข็งแรง มืออีกข้างเอื้อมมาลูบหลังเธอแผ่วเบาเหมือบกับจะบอกว่าเค้าเข้าใจและเชื่อเธอทุกอย่าง
     
     
     
     
     
     
     
    🎵~
     
     
     
     
     
     
            เสียงเพลงเรียกเข้าที่เธอตั้งไว้เฉพาะกับคนๆหนึ่งดังขึ้นจนต้องผละตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นนั่นเล็กน้อย มือเรียวสวยหยิบไอโฟนขึ้นมาดูหน้าจอเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตาคู่โตที่มีแวววูบไหวมองสบตาคมดุของคนตรงหน้า ราวกับเป็นคำขออนุญาตซึ่งสำหรับท็อปแล้วมันเป็นการขอที่เจ็บปวดสิ้นดี
     
     
     
     
    "ฉันต้องรับนะ" ถึงเธอจะรู้ว่าเค้ารู้สึกยังไงแต่คนปลายสายเธอก็ให้ความสำคัญกับเค้าไม่แพ้กัน  ท็อปเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อบอกบอมมี่กลายๆว่าเค้ายอมให้เธอรับสายสำคัญนั้นได้แต่จะไม่รับรู้เรื่องราวที่เธอคุยกับอีกคนเพื่อความเป็นส่วนตัวสำหรับเธอและเค้าคนนั้น
     
     
     
     
     
    "ว่าไงจียงอ่า~"  อ่า แค่ได้ยินเสียงหวานๆเรียกชื่อคนอื่นเหมือนที่เคยเรียกเค้าแล้วทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บเหมือนจะขาดใจแบบนี้กันนะ
     
     
     
     
    (เธอนอนหรือยัง?)
     
     
     
     
     
    "ถ้านอนแล้วฉันจะรับสายได้ไหมละถามแปลกๆ-_-"
     
     
     
     
     
    (เดี๋ยวนี้กล้าเถียงเหรอหะ!)
     
     
     
     
    "แน่นอน คิคิ^^"
     
     
     
     
    (แล้วทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่นอนอีก?) ประโยคคำถามของปลายสายทำให้บอมมี่หันกลับมามองคนที่นั่งเบืินหน้าหนีไปอีกทาง
     
     
     
     
    "ฉัน..."
     
     
     
     
    (หืม?)
     
     
    "ฉันกำลังนั่งคุยกับท็อปอยู่นะ"
     
     
     
     
    (....) ดูเหมือนว่าคำตอบของเธอจะทำให้ปลายสายชะงักบทสนทนาได้ทันที พวกเค้ารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะพูดโกหกแต่ดูเหมือนว่าเรื่องบางเรื่องถ้าโกหกไปซะอีกฝ่ายคงจะสบายใจกว่า 
     
     
     
     
            นานหลายอึดใจที่บทพูดถูกเว้นว่างจนนิ่งเงียบ ปลายสายไม่พูดเพราะกำลังพยายามกลั้นน้ำเสียงที่จะแสดงออกถึงความไม่พอใจ หึงหวง หรือแม้กระทั้งความน้อยใจออกไป เธอก็ไม่ยอมพูดเพราะกำลังกล่ำกลืนก้อนสะอื้นระรอกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาจนตืบตันอยู่ที่ลำคอเอาไว้เนื่องจากรู้ว่าพูดออกไปมันต้องมีหลายคนที่จะเจ็บปวด ท็อปนั่งนิ่งหลับตาและขบสันกรามแน่นขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่าหญิงสาวต้องเสียใจกับเรื่องราวของพวกเค้าแค่ไหน 
     
     
     
     
    "จ จียงอ่า" สุดท้ายแล้วเสียงหวานที่เบาหวิวก็ส่งไปเรียกปลายสายที่กำลังระงับสติตัวเองให้คงที่
     
     
     
     
    (ฉันรักเธอนะบอมมี่)
     
     
     
     
    "เห?"
     
     
     
     
    (ฉันรักเธอจริงๆนะบอมมี่ เธอเข้าใจใช่ไหม) น้ำเสียงที่แม้จะพยายามไม่ให้มันสันไหวแล้วแต่ก็ยังเคลือบไปด้วยความเว้าวอนและเสียงใจอยู่ในที่ยิ่งทำเอาบอมมี่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ สุดท้ายความพร่ามัวในดวงตาคู่สวยก็เริ่มหนักขึ้นแม้จะไร้เสียงสะอื้นแต่ก็ร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่ดี
     
     
     
     
    (ฉันไม่ได้อยากให้เธอลำบากใจ แต่ก็แค่อยากจะบอกว่ารัก รักเหลือเกิน) ปลายเสียงเบาหวิวจนแทบหายไปกับอากาศทำเอาริมฝีปากอิ่มของเธอเม้มเข้าหากันแน่น มือเรียวข้างที่ว่างเอื้อมไปกุมมือหนาของท็อปที่กำแน่นให้คลายออกก่อนที่เจ้าของมืออุ่นๆจะเบนสายตามามองเธอ สายตาที่มีแต่ความสับสน ว้าวุ่น ไม่มั่นใจ
     
     
     
     
    "ฉันรักนาย" คำพูดของเธอไม่ได้พูดให้แค่จียงฟังเพราะสายตาของเธอก็จับจ้องมองตาคมที่สั่นไหวของท็อปเช่นกัน ความรู้สึกของเธอเหมือนคนที่อยู่กลางเขาวงกตที่ทั้งสับสนและหาทางออกไม่เจอ ท้ายที่สุดก็ทำได้แค่วิ่งวนไปมาเพื่อหาทางออกไปจากมัน 
     
     
     
     
     
     
           บางทีแล้วคนที่เจ็บปวดและน่าสงสารที่สุดอาจจะไม่ใช่ทั้งท็อปและจียงหรอก จริงๆแล้วเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างบอมมี่ต่างหากที่ต้องแบกรับความรู้สึกผิดและเจ็บปวดไว้ตลอดเวลาเพื่อแลกกับการที่จะไม่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนที่สำคัญไปทั้งสองคน
     
     
     
     
     
    "เธอไม่เป็นไรนะบอมมี่?"  หลังจากที่วางสายจากจียงเธอก็เอาแต่นั่งนิ่งเสียจนน่ากลัว เป็นเพราะความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวด้วยซ้ำ รู้สึกเหมือนกับว่าถ้าขยับแม้เพียงแค่นิดเดียวเธออาจจะทรุดลงไปก็ได้  มืออุ่นๆของคนข้างๆเกลี่ยมือนุ่มๆของเธอไว้แผ่วเบาเหมือนต้องการปลอบโยนและแบ่งเบาความรู้สึกที่หนักหนาของเธอไว้
     
     
     
     
     
    "ฉันหามันไม่เจอ" ท็อปได้แต่นั่งนิ่งเงียบเพื่อที่จะฟังหญิงสาวข้างตัวได้ระบายความรู้สึกออกมาบ้าง อย่างน้อยถ้ามันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นแม้เพียงแค่ซักเล็กน้อยก็ยังดี
     
     
     
     
     
    "ฉันหาทางออกให้เรื่องของพวกเราไม่เจอซักที"
     
     
     
     
     
    "นายว่าจะมีทางไหนไหม ที่จะไม่ทำให้เราต้องเสียใจ"  
     
     
     
     
     
    "มันต้องมีซักทางซิ"  แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่พวกเค้าก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นจริงได้ อยากน้อยๆเรื่องนี้ก็ต้องมีซักหนึ่งคนที่เผชิญกับความเสียใจนั้นเพียงลำพัง หรือซ้ำร้ายกว่านั้นพวกเค้าสามคนอาจจะเผชิญหน้ากับความรู้สึกนั้นพร้อมๆกันก็ได้
     
     
            
     
     
            
     
     
     
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×