ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REI/RAN จิ้งจอกเก้าหางสุดป่วนกับแวมไพร์สุดบ้า

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 การพานพบที่ไม่โสภา

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 58


                                                                    บทที่   1 : การพานพบที่ไม่โสภา

                     “ฮ้าว~~ ง่วงจังแฮะ  เด็กหนุ่มที่มีผมสีเทาอมเงิน  มีนัยน์ตาสีแดงที่ฉายแววง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัด  อายุราวๆ  17  ปี  กำลังนั่งเกาหัวอยู่บนเตียงอย่างงัวเงีย  และอ้าปากหาวเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ

                   ภายในห้องของเขาเซรัน นั้นมีเตียงนอนขนาดนอนได้พอดีตัว  ในห้องนั้นมืดมากเพราะมีผ้าม่านสักรมเทาปิดอยู่  เลยทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังลุกเดินโซเซเผลอสะดุดเข้ากับขาเตียงจนล้มหน้าคะมำกับพื้นอย่างแรง จนเผลอร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ

                  “ซุ่มซามแต่เช้าเลยแฮะเราเนี่ย” เซรันพูดพลางเอามือลูบหน้าฝากปอยๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บ แล้วจึงค่อยยันตัวลุกจากพื้น แล้วเดินไปดูนาฬิกาว่านี่กี่โมงแล้ว

                   “หกโมงครึ่ง...อืม..งั้น ไปทำอาหารเช้าให้พวกพี่ดีกว่าเรา ไหนๆก็ตื่นแล้วนี่นะ” พอพูดจบ เจ้าตัวก็ไปอาบน้ำ แล้วพับที่นอนก่อนออกจากห้องนอนของเขาไปด้วยใบหน้าที่สดใสเกินบรรยาย

                             ห้องครัวที่เปรียบเสมือนห้องนอนอีกห้องของเซรันในตอนนี้ระเกะระกะไปด้วยเหล่าอุปกรณ์และวัตถุดิบทำอาหารที่จะทำในเช้านี้  ในขณะนี้เซรันก็ลงมือทำแพนเค้กอย่างสนุกพลางฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข เพราะหน้าที่ทำอาหารนั้นเป็นของเขา  เพราะภายในครอบครัวที่รับเขามาอยู่ในตอนนี้นั้นไม่มีใครทำอาหารได้อร่อยเท่าเขาอีกแล้ว  เหตุนั้นแหละที่เขาถูกพวกพี่ชายขนานนามว่า’บุคคลที่พึ่งพาได้

                               ตุบ!!!     แคร้ง!!!!

                     “โอ๊ย!!!  เจ็บๆ..” ในขณะที่เซรันกำลังทำอาหารอย่างสนุกและเพลิดเพลินต้องถูกขัดด้วยเสียงร้องโอดโอยของเด็กหนุ่มที่น่าจะอายุราวๆ  18-19 ปี  มีผมสีน้ำตาลเข้มปนแดงโดยธรรมชาติ   มีนัยน์ตาสีเขียวเข้มที่ดูแข็งกร้าว  ซึ่ง ตอนนี้นอนหน้าคะมำอยู่กับพื้นแถมยังเลอะแป้งทั้งตัวอีกต่างหาก

                    หนุ่มโหดกับแป้งเป็นอะไรที่ชวนหัวเราะจริงเซรันคิดอย่างสนุกก่อนจะเดินไปสำรวจว่าพี่ซาเรสจอมโหดนั้นเป็นอย่างไรบ้าง  ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรมากก็เลยช่วยพยุงเขาลุกขึ้น แล้วเดินไปทำหน้าที่ที่ค้างอยู่ต่อโดยไม่สนว่าคนที่ตนช่วยพยุงลุกขึ้นนั้นส่งสายตาโกรธสุดๆมาให้   ที่ซาเรสต้องโกรธก็เพราะว่านี่มันใช่ครั้งแรกที่สะดุดจนแป้งเลอะตัวซะที่ไหนกันล่ะ

                    “เซรัน..ฉันเคยบอกว่าอย่าวางแป้งไว้ตรงนี้เซ่  ไอ้น้องบ้า” เด็กหนุ่มโวยใส่เซรันอย่างหัวเสียสุดๆ  เซรันที่กำลังทำอาหารเช้าก็แอบหัวเราะเบาๆก่อนหันมางทางซาเรส

                  “พี่ซาเรสเองก็ควรมองเวลาเดินหน่อยสิครับ  ดูสิเลอะแป้งหมดแล้ว.. คิก..คิก” เซรันพูดกับซาเรสพลางกลั้นเสียงหัวเราะจนตัวสั่น  พอซาเรสจับได้ว่าไอ้น้องสุดสวาท(ตรงไหน)ของมันกำลังแอบขำเขาอยู่ก็เริ่มหงุดหงิด

                  “เฮ้!นี่นายแอบหัวเราะฉันใช่มั๊ย...เซรัน”  ซาเรสพูดขึ้นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางเซรัน  จนคนที่หัวเราะเงียบแล้วยิ้มให้เขาอย่างใสซื่อสุดๆก่อนหันไปวุ่นอยู่กับการทำอาหารเช้าต่อ  เพราะเขาไม่คิดที่จะกวนพี่ชายคนนี้สักเท่าไรนัก  ซาเรสก็ยืนปัดแป้งที่เลอะอยู่ออกไปบ้างแล้วเดินเข้าไปหาน้องชาย  จนทำให้เซรันสงสัย

                  “พี่ซาเรส  เล่นอย่างนี้ผมกลัวนะพี่ และที่สำคัญผมก็ไม่ใช่พวกประเภทนั้นด้วยนะครับ”  เซรันพูดพลางด้วยน้ำเสียงที่ระเเวง พร้อมกับท่าทางถอยห่างจากซาเรส   ซาเรสงงกับคำพูดและท่าทีของเซรันจนกระทั่งนึกออกว่าที่พูดนั้นหมายความว่าอย่างไร  แล้วตบหัวน้องชายซะเต็มรัก ทำให้เซรันต้องร้องโอ๊ยด้วยความเจ็บ

                  “เจ็บอ่ะ! ทำไมพี่ต้องตบหัวผมด้วยล่ะครับ!!” เซรันโวยวายเพราะเขายังไม่ได้ทำอะไรผิดสำแดงกับซาเรสเลย  พอซาเรสได้ยินอย่างนี้ก็คิดว่าเตะซ้ำอีกครั้งจะดีมั๊ยนะไอ้น้องบ้านี่น่ะ

                  “เหอะ!จะบ้ารึไงพี่ไม่ใช่พวกชอบไม้ป่าเดียวกันหรอกโว้ย!!!ถึงจะใช่ฉันก็ไม่เอาแกหรอกว่ะ ฉันแค่จะมาบอกรายการอาหารเช้าเท่านั้นเอง”ซาเรสว่า  เซรันก็ยิ้มแห้งๆให้ และปิดเตาแก็สและตักแพนเค้กใส่จานของพวกพี่น้องแต่ละคน  พอตักเสร็จก็จะทำอาหารต่ออีกอย่างสองอย่าง

                   “ฉันขอไข่ดาวแบบไม่สุกไปและเนื้อไข่ต้องหนึบๆไม่เยิ้ม  กาแฟก็ไม่ต้องใส่น้ำตาลแต่ใส่ครีมแทนเยอะๆด้วยล่ะ ส่วนขนมปังก็ขอแบบเกรียมๆแต่ไม่ไหม้นะ ทาเนยให้ทั่วด้วย อ้อ..ของสเต็กที่สุกกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไปนะ”  ซาเรสบอกรายการอาหารเช้ากับเซรันเสร็จ  เซรันก็หันมายิ้มให้ซาเรสจนทำให้เขาสงสัย

                   “พี่ครับ..พอดีว่าความจำของผมในช่วงเช้านั้นมันไม่ค่อยดี  งั้นผมจะทำเท่าที่จำได้ก็แล้วกันนะครับ โอนะพี่” ซาเรสจำต้องพยักหน้ารับเพราะสายตาของน้องชายมันสื่อได้ว่า’ถ้าไม่ตกลง ก็เชิญมาทำเองได้เลย ผมไม่ขัดข้อง แม้ในใจอยากจะโวยก็เถอะอย่างน้อยๆแค่นี้ก็หรูแล้วสำหรับคนที่ไม่ฟังใครเลยนอกจากน้องสาว

                  “พี่น่ะ ผมว่าไปอาบน้ำเถอะครับ  สภาพดูไม่ได้เลย” เซรันพูดพลางทอดไข่ดาวอยู่   ซาเรสพยักหน้าเห็นด้วยและเดินออกจากห้องครัวไป แต่ดูเหมือนจะสะดุดล้มตุบอีกแล้ว

                     เออใช่เรายังไม่ได้เก็บแป้งเลยนี่นา เซรันคิดอย่างเพลินๆและทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่สนว่าซาเรสจะโวยวายไล่หลังเลยตัวเองเลยสักนิด

                                      พอเซรันทำอาหารเช้าเสร็จทุกอย่างแล้วก็นำไปวางไว้ที่โต๊ะอาหารซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของห้องครัว  ในระหว่างนั้นก็ปรากฏร่างบางของเด็กสาวที่มีผมสีดำราวรัตติกาลยาวถึงกลางหลัง มีตาสีดำกลมโตที่ฉายแววง่วงนอน  อายุราวๆ 16 ปี  มองไปทางเซรัน ที่กำลังจัดวางอาหารอยู่   เซรันที่รู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัว เขาก็รู้ได้เลยว่าคนที่พึ่งเข้ามาคือเซนะน้องสาวต่างสายเลือดนั่นเอง  ก็อย่างว่าเซรันนั้นหาใช่มนุษย์ธรรมดาซะที่ไหน รวมไปถึงพวกพี่น้องต่างสายเลือดของเขาด้วย  เซรันนั้นเป็นลูกครึ่งจิ้งจอกเก้าหางดำกับขาว และมนุษย์  ส่วนเซนะเป็นมนุษย์ที่น่ากินที่สุดสำหรับปีศาจ   แน่นอนมันก็มีผลต่อเขาอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ถึงทำให้อยากกิน 

                   “อ้าว เซนะตื่นแล้วเหรอ  แล้วพี่เวเนสล่ะ” เซรันพูดพลางยกจานอาหารที่เหลือมาวางบนโต๊ะ และหันไปทางเซนะ 

                     “พี่เวเนสล่ะก็..นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงโซฟานานแล้วล่ะค่ะ” เซนะตอบก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ เตรียมรอกินอาหารเช้าที่เซรันทำใหม่ๆ  สักพักก็ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มร่างสูงที่มีผมสีดำแซมน้ำเงิน  มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ดูเยือกเย็นที่อยู่ภายใต้กรอบแว่น เขา อายุพอๆกันกับซาเรส เป็นพี่ชายคนรองของบ้านหลังนี้ ‘เวเนส เดินเข้ามาพร้อมกับซาเรสที่อาบน้ำเสร็จแล้ว และทั้งสองก็มานั่งเก้าอี้เตรียมจัดการอาหารบนโต๊ะ  แต่ถูกห้ามโดยเซนะ

                     “เดี๋ยวก่อนสิ  รอพี่เซรันก่อน” เซนะพูดดุทั้งสองที่มาใหม่ก่อนหันไปยิ้มให้เซรัน  ซึ่งกำลังถอดชุดกันเปื้อนสีน้ำตาลอ่อนตัวเก่งอยู่ และยิ้มให้เซนะที่ยังอุตส่านึกถึงเขาอยู่  ใช่!ความเห่อน้องสาวนี่มาจากการที่น้องเขาแคล์ตัวเองมากกว่าพี่ๆเป็นไหนๆ   พอเซรันมานั่งเก้าอี้ ซาเรสไม่รอช้าที่จะลงมีจัดการมื้อเช้าของเขา

                    “เซรัน นายช่วยไปไล่พวก’ยาคุที่อยู่ในห้องฉันทีสิ” เวเนสพูดพลางจิบกาแฟสูตรพิเศษที่เซรันทำให้เวเนสโดยเฉพาะ

                                  ยาคุที่ว่านี่คือสิ่งชั่วร้าย ถ้ารวมตัวกันมากๆก็จะกลายเป็นเน็น หรือคือจิตนั่นเอง

                    “อาๆ เดี๋ยวผมไปจัดการให้นะครับ” เซรันพูดอย่างสบายอารมณ์ พลางจิ้มชิ้นแพนเค้กเข้าปาก  เพราะมันเป็นหน้าที่ประจำของเขาอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งแต่ก็เป็นปีศาจระดับสูงอยู่ล่ะนะ

                   “แล้วทำไมไม่ให้ฉันไล่มันเล่า! ” ซาเรสโวยใส่เวเนส  เพราะเขาเองก็เป็นลูกครึ่งซาตานที่ระดับสูงกว่าเซรันเป็นไหนๆ   เวเนสถอนหายใจพลางส่ายหัว เพราะเขาเคยขอซาเรส แต่เจ้านั่นไม่เคยคิดจะช่วยเลยด้วยซ้ำ จึงเปลี่ยนมาขอเซรันแทนซึ่งดีกว่ามาก   ที่จริงเวเนสน่ะไล่เองได้ เพราะเขาเป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณกล้าแกร่ง เลยทำให้มองเห็นพวกนั้นได้  แถมยังมองอนาคตได้ด้วย  แต่เพราะพอไล่เสร็จทีไรก็เหนื่อยจนแทบอยากจะสลบไสลทุกที

                   “ว่าแต่..เซรันวันนี้นายมีงานพิเศษรึเปล่าล่ะ”  เวเนสพูดกับเจ้าน้องชายตัวดีที่แอบไปทำงานพิเศษ โดยที่ไม่บอกพวกเขาจนทำให้พวกเขาเป็นห่วง   เซรันก็พยักหน้า

                  “กลับมาให้เร็วด้วยล่ะรู้มั๊ย!!” ซาเรสพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก แต่ในเวลานั้นเกิดขึ้นก็มีคนนี้แหละที่เป็นห่วงเซรันสุดๆ

                   “ว่าแต่พวกพี่ไมไปโรงเรียนกันหรอคะวันนี้น่ะ” เซนะพูดขึ้น ทำให้เหล่าพี่ๆนึกออกและรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันยกใหญ่ และพุ่งออกจากบ้านอย่างฉับไว  ตามไปด้วยเสียงของน้องสาวอวยพรไล่หลัง   ในบ้านนี้มีกฎอยู่ข้อหนึ่งคือห้ามเซนะออกไปไหนหากไม่ได้ลากพี่ๆไปด้วย  เพราะเธอได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่วิเศษสุดสำหรับพวกปีศาจมาก  ขอเน้นว่ามาก!!!  ถ้าพูดถึงสรรพคุณล่ะก็...ดีเทียบเท่ากับยาวิเศษเลยล่ะ

                                 ทางด้านของเหล่าพี่ๆ ที่ตอนนี้เข้าโรงเรียนทันอย่างฉิวเฉียด  กำลังอยู่ในระหว่างพักทานอาหารกลางวันอยู่   เซรันก็ได้ถูกพี่ทั้งสองลากมากินข้าวกลางวันด้วยกันอย่างเป็นปกติ

                   “พี่ลากผมมาซะขนาดนี้มีอะไรหรอครับ?”เซรันเปิดประเด็นถาม  เพราะทุกครั้งที่เขาถูกลากมาส่วนใหญ่มักจะมีแต่เรื่อง

                    “เซรันฉันอยากให้นายหยุดงานพิเศษวันนี้น่ะ  แค่วันเดียวได้ไหม” เวเนสพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเซรันและซาเรสนั้นรู้ว่ามันแฝงไปด้วยความกังวลของเจ้าตัว  ก่อนมองตาเซรันเพื่อคาดคั้นไม่ให้อีกฝ่ายไป  เซรันก็ยิ้มและยักไหล่

                    “ไม่ล่ะครับ..เพราะผมยังอยากเป็นพนักงานดีเด่นอยู่น่ะครับ”  เซรันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังปนเล่นๆจึงทำให้ซาเรสเริ่มปวดหัวกับนิสัยของน้องชาย  ที่รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่เวเนสพูดอาจมีเรื่องไม่ดีแฝงอยู่ตลอดแต่ก็ยังทำเฉยได้

                    “เซรัน..แกต้องเชื่อที่มันบอกนะโว้ย!!ที่สำคัญนะแค่ขาดไปวันเดียวก็ไม่น่ามีผลกระทบกับสิ่งที่แกพูดเท่าไรเลยนี่!!”ซาเรสพูดอย่างหัวเสีย  จนเวเนสต้องตบไหล่เพื่อให้ซาเรสใจเย็นลง

                     “พวกพี่นี่กังวลมากไปแล้วครับ..ผมไม่เป็นไรหรอเชื่อสิ”เซรันพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เหล่าพี่ๆสบายใจ ก่อนไปจับมือพี่ทั้งสองเพื่อแสดงความเชื่อใจเขา และไม่ต้องคิดมาก  และไม่ทันที่เวเนสจะได้พูดเซรันก็กลับขึ้นอาคารเรียนไปเสียก่อน   ปล่อยให้ทั้งสองนั่งเป็นห่วงเขาอยู่อย่างนั้น

                                      เวลาเลิกเรียนก็ได้มาถึง  เซรันขอแยกตัวจากพวกพี่ๆเพื่อไปทำงานพิเศษตามปกติ  แต่ครั้งนี้กลับไม่ปกติสำหรับซาเรสและเวเนส  ในขณะนั่งรถกลับบ้านพวกเขาก็เป็นห่วงเซรันตลอดทางจนถึงบ้าน  เวเนสคงได้แต่ภาวนาขออย่าให้เรื่องที่ตนเห็นในอนาคตเกิดขึ้นกับน้องชายของเขา

                                      ทางด้านเซรันที่ตอนนี้ก็ได้เวลาเลิกงาน ซึ่งดูเหมือนวันนี้จะดึกมาไปหน่อย  เด็กหนุ่มมองที่นาฬิกาข้อมือที่ข้างซ้ายของตน

                       “สี่ทุ่มครึ่ง...เห็นทีคงต้องรีบกลับแล้วสิ”เซรันพูดพึมพำกัยตัวเองสักครู่ก่อนเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อพนักงาน เพื่อเปลื่อนเป็นชุดนักเรียนที่เขาใส่มา เพราะเขาคงไม่อยากที่จะใส่ชุดทำงานพิเศษกลับบ้านเท่าไร  พอเปลี่ยนเสร็จก็ทำหน้าที่เวรปิดร้านก่อนเดินออกไปจากที่นี่เพื่อไปขึ้นรถ  ที่จริงแล้วแค่เขาแปลร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหางแค่วิ่งแป๊ปเดียวก็ถึงบ้าน  แต่คงไม่เหมาะสำหรับในตอนนี้ล่ะนะ   เซรันก็เดินคนเดียวบนถนนแถวๆนั้นที่ตอนนี้มืด แถมเงียบจนผิดปกติอีกต่างหาก  เด็กหนุ่มเริ่มเอะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น 

                                          ฉึก!!!!  เสียงของมีคมที่แทงด้นหลังของเซรันดังขึ้น  ก่อนชายปริศนาจะดึกดาบออกเลือดของเซรันได้สาดกระเซ็นไปโดนหน้าของอีกฝ่าย  ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง  และล้มลงกับพื้นและถูกเสียบเข้าที่หลังซ้ำอย่างไม่ปราณี      เด็กหนุ่มที่ตอนนี้เสื้อนักเรียนถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน  ที่ดูสวยงามเกินกว่าสิ่งไหนๆได้หยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว

                     “แกนี่เข้ากับสีแดงของเลือดจริงๆซะด้วย  อา..ช่างงดงามเหลือเกิน  แย่จังนึกว่าจะสนุกกว่านี้ซะอีก”ชายหนุ่มปริศนาที่มีผมสีดำยาวที่ถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง มีนัยน์ตาสีม่วงอ่อน  พูดอย่างเสียดาย และเดินออกจาที่นั่น

                   “แหมๆ เล่นชมกับแบบนี้ผมก็เขินแย่น่ะสิ  คุณปีศาจเงา..”เสียงที่ดังจากข้างหลังของเขา ทำให้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยหันกลับไปดู  ก็ปรากฏร่างของเซรันที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนและกำลังยิ้มให้เขา

                        บ้าน่ะ!เมื่อกี้เราฆ่ากับมือไปแล้วนี่!! ชายหนุ่มคิด พลางมองไปทางศพอีกรอบก็พบว่ามันเป็นแค่ใบไม้เท่านั้น

                   “ก็นะ...เรื่องอะไรที่ผมจะไม่ระวังตัว ก็ได้กลิ่นฉุนขนาดนั้นแล้วแท้ๆ อ้อ!นั่นมันก็แค่มนต์พื้นฐานของการเอาตัวรอดของจิ้งจอกเก้าหางน่ะนะ”  เซรันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนพุ่งไปหาหาฝ่ายนั้นพลางเรียบดาบออกมาฟันไปที่ศัตรู  แต่เขารับดาบของเซรันได้และจอมตีอย่างแรงจนส่งผลให้ทั้งคู่กระเด็นออกจากกัน  เซรันที่มีแค่แผลถากๆบริเวนต้นคอ  ส่วนทางฝ่ายนั้นก็โดนถากๆที่ใบหน้า

                   “ผมชื่อเซรัน แล้วคุณล่ะครับ...คุณปีศาจเงา”เซรันแนะนำตัวก่อนถามชื่ออีกฝ่ายพร้อมกับเอาดาบชี้หน้าอีกฝ่าย

                  “ฉันชื่อ’คาเงะ”คาเงะตอบพร้อมกับพุงเข้ามาหาเซรัน  เด็กหนุ่มรับดาบได้ทัน แล้วเคลื่อนไหวโต้กลับอย่างรวดเร็ว  แต่ด้วยความที่เป็นแค่ครึ่งมนุษย์ของเซรัน ทำให้คาเงะได้เปรียบมากกว่าตรงที่การเคลื่อนไหว

                                                   ฉัวะ!!!!   เสียงของดาบที่ฟันโดนแขนของเด็กหนุ่ม จนเป็นรอยทางยาวพร้อมกับเลือดสีแสงสดที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย   เซรันที่รู้ว่าท่าไม่ดีจึงวิ่งออกจากตรงนี้ เพราะมีโอกาสโดนเสียบแน่ๆ   พอคาเงะเห็นท่าทีของเด็กหนุ่มก็พุ่งมาเพื่อหมายจะปริชีพ  ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นไอของปีศาจในระดับพอๆกัน  แต่ถ้าจะต่อกรกับเจ้านั้นคงจะเสี่ยงเกินไป  คาเงะจึงเลือกที่จะถอยออกมาและปล่อยเด็กหนุ่มหนีไปในทางที่มีกลิ่นไอนั่น

                  ‘ยังไงก็ไม่รอดหรอกเจ้านั่นคงจะฆ่าเด็กหนุ่มแน่ๆ  คาเงะคิดก่อนที่จะถอนหายใจว่าภาระในครั้งนี้คงจบแล้ว

                 “แฮก....แฮก... คงจะเลิกตามมาแล้วล่ะมั้ง” ทางด้านของเซรันในตอนนี้อยู่ในสภาพที่ยับเยินสุดๆ   กำลังยืนหอบด้วยความเหนื่อย และพยายามห้ามเลือดที่ไหลไม่หยุดของตัวเอง  ก่อนจะนึกได้ว่าเขาต้องกลับบ้าน!!  แน่นอนเมื่อเซรันนึกได้ก็รีบวิ่งไปอย่างเร่งรีบโดยไม่ดูทาง  เพระเขารู้ว่าถ้ากลับช้ากว่านี้ล่ะก็ได้โดนรุมประชาทัณฑ์แน่ๆ  แค่คิดก็สยองแล้ว!!   แต่ด้วยความที่วิ่งโดยไม่ได้ดูทาง เลยไปชนคนคนหนึ่งเข้าอย่างจังจนล้มทั้งสองฝ่าย   เซรันประคองตัวเองลุกอย่างช้าๆ   ส่วนอีกฝ่ายดูเหมือนจะถูกเขาทับอยู่   พอเห็นดังนั้นเซรันก็รีบลุกออกจากตัวคนนั้นโดยทันที

             ถึงว่าทำไมล้มแล้วไม่เจ็บ..เฮ้ย!!มันใช่เวลาที่จะคิดอย่างนี้ซะที่ไหนกัน!!! แต่ที่แน่ๆ ตูซวยแล้ว!!!’  เซรันคิดอย่างสับสนสุดๆ  จนอีกฝ่ายลุกขึ้นนั่งพร้อมกับลูปหัวปอยๆ  นั่นล่ะทำให้เซรันแทบจะขอขมาเขาเลย  คนนั้นก็เงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ชนเขาด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์  นั่นทำให้เซรันสดุ้งเฮือกอย่างช่วยไม่ได้

                  “นาย...”ไม่ทันที่เขาจะได้พูด  เซรันก็รีบพุ่งมาจับนู่นจับนี่  อย่างควบคุมสติไม่อยู่และตบท้ายคุกเข่าขมา  เล่นทำเอาคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ

                  “ผมขอโทษด้วยครับที่วิ่งมาชนแถมทับคุณอีกต่างหาก!!”เซรันพูดพร้อมพนมมือไหว้ จนอีกฝ่ายที่เรียกสติได้ก็ลุกขึ้นก่อนจับแขนของเด็กหนุ่มมาดู

                  “ไม่ต้องขอโทษหรอก  ที่สำคัญฉันว่าคนที่ต้องห่วงคือนายต่างหาก” เขาพูดเสียงราบเรียบราวกับเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา  เซรันก็เงยหน้ามองคนพูดว่าเขาเป็นใคร  เพราะมันมืดซะจนมองไม่ค่อยออกสำหรับเขาที่เสียเลือดไปมาก   คนที่เขาวิ่งชนไปเมื่อครู่นั้นมีผมสีดำสนิท  มีนัยนตาสีเทา ดูโดยรวมอายุน่าจะพอๆกัน ทันทีที่เซรันได้กลิ่นจากเขา เด็กหนุ่มก็ชักมือกลับอย่างเร็ว

                  “ นาย..เป็นปีศาจแวมไพร์....สินะ” เซรันพูดด้วยเสียงที่พอจะทำให้เขาได้ยิน  คนนั้นก็หัวเราะอย่างสนุก จนทำให้เซรันทำหน้าไม่พอใจ

                  “ใช่! นายคงเป็นลูกครึ่งจิ้งจอกเก้าหางที่พวกนั้นกำลังตามจับอยู่สินะ  จริงด้วยฉันเรย์เป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์  แล้วนายล่ะเจ้าหมาน้อยพันธุ์ทาง”  พอได้ยินประโยคนี้จากปากเรย์   เซรันก็เริ่มรู้สึกจากไม่พอใจจะกลายเป็นเหม็นขี้หน้า   

                   “ฉัน เซรัน เป็นลุกครึ่งจิ้งจอกเก้าหางทั้งสองสายพันธุ์และมนุษย์  และที่สำคัญไม่ต้องมาเน้นตรงพันธุ์ทางก็ได้” เซรันตอบอย่างหัวเสียก่อนเดินจากไปจากเรย์  แต่ก็ถูกรั้งแขนไว้จนทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมองอย่างไม่พอใจ

                    “มีปัญหาไรอีกล่ะ ฉันก็ขอโทษนายแล้วไงเล่า” เซรันถามพลางกระชากมือกลับอย่างไม่ยินดีสุดๆ  ก่อนหันหน้าไปมองหน้าคู่อริที่พึ่งเป็นไปหมาด

                   “ไม่มีใครกล้าเมินฉัน”เรย์พูดกดเสียงต่ำจนทำให้อีกฝ่ายเสียวสันหลังช่วงหนึ่ง  ก่อนปรับอารมณ์ให้เหมือนเดิม

                    “แล้วไงถ้าผมจะเป็นหนึ่งในนั้นน่ะครับ” เซรันพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่ราบเรียบจนอาจทำให้คนที่ได้ยินนั้นขนลุกได้  และยิ้มอย่างเย็นเหยียบ

                    “นี่นายกวนฉันรึไง” เรย์พูดก่อนเดินไปกระชากปกเสื้อนักเรียนเซรันอย่างแรง  แต่เด็กหนุ่ก็ยังทำหน้ายิ้มเหมือนเดิม ในขณะที่เรย์เริ่มหงุดหงิดใบหน้ายิ้มของเซรันสุดๆ  จนอยากจะซัดหน้าซะให้หนำใจสักหมัด และจู่ๆรอยยิ้มของเซรันก็หุบลง  จากแววตาที่หยอกล้อเมื่อครู่กลับกลายเป็นแววตาเอาจริง  ซึ่งนั่นทำให้เรย์ถึงกับขนลุกกับจิตสังหารของเด็กหนุ่มตรงหน้าครู่หนึ่ง  ก่อนจะข่มอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม  และผละมือออกจากคอเสื้อของอีกฝ่าย

                    “ทำไม..ไม่หาเรื่องผมต่อรึไงครับ..เรย์” เซรันพูดพร้อมยิ้มให้เรย์อย่างกวนๆ

                    “ไม่ล่ะฉันไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ

                   “คิดเหมือนกันเลยนะครับ ผมเองก็ไม่อยากรับมือกับคนที่ผมเกลียดตั้งแต่เจอหน้าเหมือนกันครับ” เซรันพูดจบก็ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างไร้เดียงสาต่างจากประโยคที่พูดออกมาสุดๆ

                    “มีใครบ้างที่กล้าพูดว่า’เกลียดได้หน้าตาเฉยแบบนายได้บ้างเนี่ย”เรย์พูด พร้อมมองคนที่พูดว่า'เกลียด'กับตัวเองอย่างตะลึงนิดๆ ในความกล้าพูดของเขา
                                                 
                     "แหมๆผมน่ะเป็นพวกซื่อตรงต่อความคิดนี่นะทำไงได้ล่ะครับ"เซรันพูดพลางทำกิริยาถ่อมตัวเหมือนพวกคุณชายที่ต้องถ่อมตัวเวลาอยู่ต่อหน้าเหล่าแขกทั้งหลายยังไงยังงั้น และนั่นทำให้เร์หมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดตะหงิด
                     "ไอ้คนหน้าหมั่นไส้เอ๊ย!!!" เรย์สบทและเดินออกจากตรงนั้นทันที ก่อนที่ความกวนของเซรันจะทำให้เขาเผลอฆ่าไปซะก่อน พอลองหันกลับไปมองเซรัน ก็เห็นว่าเซรันกำลังยิ้มพร้อมโบกมือเซย์กู๊ดบายอย่างเต็มภาคภูมิ และในชั่วพริบตาที่เขามองหน้าสุดหมั่นไส้ชวนเตะนั่น ปากของเซรันก็ขยับแบบไม่มีเสียงว่า
                                                 
                     'บ๊ายบายตลอดกาลนะครับ...คนที่ผมเกลียด'เรย์ที่อ่านปากของเด็กหนุ่มออก ก็รีบจ้ำอ้าวไปอย่างเร็วก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหันกลับไปกระทีบเด็กหนุ่มแทน
                                                 
                     "เจ้าบ้าโรคจิต!!ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เซรัน!!!" เรย์พูดตะโกนก่อนจะหายลับไป ท่าทางของเรย์นั่นทำให้เขาขำ แต่สักพักเจ้าตัวก็นึกออกได้ว่าต้องรีบกลับบ้าน!!!!
                                                 
                      "ตายแน่...ตายแน่.." เซรันพูดเบาๆและวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×