คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 การพานพบที่ไม่โสภา
บทที่ 1 : การพานพบที่ไม่โสภา
“ฮ้าว~~ ง่วงจังแฮะ” เด็กหนุ่มที่มีผมสีเทาอมเงิน มีนัยน์ตาสีแดงที่ฉายแววง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัด อายุราวๆ 17 ปี กำลังนั่งเกาหัวอยู่บนเตียงอย่างงัวเงีย และอ้าปากหาวเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ
ภายในห้องของเขา’เซรัน’ นั้นมีเตียงนอนขนาดนอนได้พอดีตัว ในห้องนั้นมืดมากเพราะมีผ้าม่านสักรมเทาปิดอยู่ เลยทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังลุกเดินโซเซเผลอสะดุดเข้ากับขาเตียงจนล้มหน้าคะมำกับพื้นอย่างแรง จนเผลอร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ
“ซุ่มซามแต่เช้าเลยแฮะเราเนี่ย” เซรันพูดพลางเอามือลูบหน้าฝากปอยๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บ แล้วจึงค่อยยันตัวลุกจากพื้น แล้วเดินไปดูนาฬิกาว่านี่กี่โมงแล้ว
“หกโมงครึ่ง...อืม..งั้น ไปทำอาหารเช้าให้พวกพี่ดีกว่าเรา ไหนๆก็ตื่นแล้วนี่นะ” พอพูดจบ เจ้าตัวก็ไปอาบน้ำ แล้วพับที่นอนก่อนออกจากห้องนอนของเขาไปด้วยใบหน้าที่สดใสเกินบรรยาย
ห้องครัวที่เปรียบเสมือนห้องนอนอีกห้องของเซรันในตอนนี้ระเกะระกะไปด้วยเหล่าอุปกรณ์และวัตถุดิบทำอาหารที่จะทำในเช้านี้ ในขณะนี้เซรันก็ลงมือทำแพนเค้กอย่างสนุกพลางฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข เพราะหน้าที่ทำอาหารนั้นเป็นของเขา เพราะภายในครอบครัวที่รับเขามาอยู่ในตอนนี้นั้นไม่มีใครทำอาหารได้อร่อยเท่าเขาอีกแล้ว เหตุนั้นแหละที่เขาถูกพวกพี่ชายขนานนามว่า’บุคคลที่พึ่งพาได้’
ตุบ!!! แคร้ง!!!!
“โอ๊ย!!! เจ็บๆ..” ในขณะที่เซรันกำลังทำอาหารอย่างสนุกและเพลิดเพลินต้องถูกขัดด้วยเสียงร้องโอดโอยของเด็กหนุ่มที่น่าจะอายุราวๆ 18-19 ปี มีผมสีน้ำตาลเข้มปนแดงโดยธรรมชาติ มีนัยน์ตาสีเขียวเข้มที่ดูแข็งกร้าว ซึ่ง ตอนนี้นอนหน้าคะมำอยู่กับพื้นแถมยังเลอะแป้งทั้งตัวอีกต่างหาก
‘หนุ่มโหดกับแป้งเป็นอะไรที่ชวนหัวเราะจริง’ เซรันคิดอย่างสนุกก่อนจะเดินไปสำรวจว่าพี่’ซาเรส’จอมโหดนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรมากก็เลยช่วยพยุงเขาลุกขึ้น แล้วเดินไปทำหน้าที่ที่ค้างอยู่ต่อโดยไม่สนว่าคนที่ตนช่วยพยุงลุกขึ้นนั้นส่งสายตาโกรธสุดๆมาให้ ที่ซาเรสต้องโกรธก็เพราะว่านี่มันใช่ครั้งแรกที่สะดุดจนแป้งเลอะตัวซะที่ไหนกันล่ะ
“เซรัน..ฉันเคยบอกว่าอย่าวางแป้งไว้ตรงนี้เซ่ ไอ้น้องบ้า” เด็กหนุ่มโวยใส่เซรันอย่างหัวเสียสุดๆ เซรันที่กำลังทำอาหารเช้าก็แอบหัวเราะเบาๆก่อนหันมางทางซาเรส
“พี่ซาเรสเองก็ควรมองเวลาเดินหน่อยสิครับ ดูสิเลอะแป้งหมดแล้ว.. คิก..คิก” เซรันพูดกับซาเรสพลางกลั้นเสียงหัวเราะจนตัวสั่น พอซาเรสจับได้ว่าไอ้น้องสุดสวาท(ตรงไหน)ของมันกำลังแอบขำเขาอยู่ก็เริ่มหงุดหงิด
“เฮ้!นี่นายแอบหัวเราะฉันใช่มั๊ย...เซรัน” ซาเรสพูดขึ้นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางเซรัน จนคนที่หัวเราะเงียบแล้วยิ้มให้เขาอย่างใสซื่อสุดๆก่อนหันไปวุ่นอยู่กับการทำอาหารเช้าต่อ เพราะเขาไม่คิดที่จะกวนพี่ชายคนนี้สักเท่าไรนัก ซาเรสก็ยืนปัดแป้งที่เลอะอยู่ออกไปบ้างแล้วเดินเข้าไปหาน้องชาย จนทำให้เซรันสงสัย
“พี่ซาเรส เล่นอย่างนี้ผมกลัวนะพี่ และที่สำคัญผมก็ไม่ใช่พวกประเภทนั้นด้วยนะครับ” เซรันพูดพลางด้วยน้ำเสียงที่ระเเวง พร้อมกับท่าทางถอยห่างจากซาเรส ซาเรสงงกับคำพูดและท่าทีของเซรันจนกระทั่งนึกออกว่าที่พูดนั้นหมายความว่าอย่างไร แล้วตบหัวน้องชายซะเต็มรัก ทำให้เซรันต้องร้องโอ๊ยด้วยความเจ็บ
“เจ็บอ่ะ! ทำไมพี่ต้องตบหัวผมด้วยล่ะครับ!!” เซรันโวยวายเพราะเขายังไม่ได้ทำอะไรผิดสำแดงกับซาเรสเลย พอซาเรสได้ยินอย่างนี้ก็คิดว่า’เตะซ้ำอีกครั้งจะดีมั๊ยนะไอ้น้องบ้านี่น่ะ’
“เหอะ!จะบ้ารึไงพี่ไม่ใช่พวกชอบไม้ป่าเดียวกันหรอกโว้ย!!!ถึงจะใช่ฉันก็ไม่เอาแกหรอกว่ะ ฉันแค่จะมาบอกรายการอาหารเช้าเท่านั้นเอง”ซาเรสว่า เซรันก็ยิ้มแห้งๆให้ และปิดเตาแก็สและตักแพนเค้กใส่จานของพวกพี่น้องแต่ละคน พอตักเสร็จก็จะทำอาหารต่ออีกอย่างสองอย่าง
“ฉันขอไข่ดาวแบบไม่สุกไปและเนื้อไข่ต้องหนึบๆไม่เยิ้ม กาแฟก็ไม่ต้องใส่น้ำตาลแต่ใส่ครีมแทนเยอะๆด้วยล่ะ ส่วนขนมปังก็ขอแบบเกรียมๆแต่ไม่ไหม้นะ ทาเนยให้ทั่วด้วย อ้อ..ของสเต็กที่สุกกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไปนะ” ซาเรสบอกรายการอาหารเช้ากับเซรันเสร็จ เซรันก็หันมายิ้มให้ซาเรสจนทำให้เขาสงสัย
“พี่ครับ..พอดีว่าความจำของผมในช่วงเช้านั้นมันไม่ค่อยดี งั้นผมจะทำเท่าที่จำได้ก็แล้วกันนะครับ โอนะพี่” ซาเรสจำต้องพยักหน้ารับเพราะสายตาของน้องชายมันสื่อได้ว่า’ถ้าไม่ตกลง ก็เชิญมาทำเองได้เลย ผมไม่ขัดข้อง’ แม้ในใจอยากจะโวยก็เถอะอย่างน้อยๆแค่นี้ก็หรูแล้วสำหรับคนที่ไม่ฟังใครเลยนอกจากน้องสาว
“พี่น่ะ ผมว่าไปอาบน้ำเถอะครับ สภาพดูไม่ได้เลย” เซรันพูดพลางทอดไข่ดาวอยู่ ซาเรสพยักหน้าเห็นด้วยและเดินออกจากห้องครัวไป แต่ดูเหมือนจะสะดุดล้มตุบอีกแล้ว
เออใช่เรายังไม่ได้เก็บแป้งเลยนี่นา’ เซรันคิดอย่างเพลินๆและทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่สนว่าซาเรสจะโวยวายไล่หลังเลยตัวเองเลยสักนิด
พอเซรันทำอาหารเช้าเสร็จทุกอย่างแล้วก็นำไปวางไว้ที่โต๊ะอาหารซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของห้องครัว ในระหว่างนั้นก็ปรากฏร่างบางของเด็กสาวที่มีผมสีดำราวรัตติกาลยาวถึงกลางหลัง มีตาสีดำกลมโตที่ฉายแววง่วงนอน อายุราวๆ 16 ปี มองไปทางเซรัน ที่กำลังจัดวางอาหารอยู่ เซรันที่รู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัว เขาก็รู้ได้เลยว่าคนที่พึ่งเข้ามาคือ’เซนะ’น้องสาวต่างสายเลือดนั่นเอง ก็อย่างว่าเซรันนั้นหาใช่มนุษย์ธรรมดาซะที่ไหน รวมไปถึงพวกพี่น้องต่างสายเลือดของเขาด้วย เซรันนั้นเป็นลูกครึ่งจิ้งจอกเก้าหางดำกับขาว และมนุษย์ ส่วนเซนะเป็นมนุษย์ที่น่ากินที่สุดสำหรับปีศาจ แน่นอนมันก็มีผลต่อเขาอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ถึงทำให้อยากกิน
“อ้าว เซนะตื่นแล้วเหรอ แล้วพี่เวเนสล่ะ” เซรันพูดพลางยกจานอาหารที่เหลือมาวางบนโต๊ะ และหันไปทางเซนะ
“พี่เวเนสล่ะก็..นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงโซฟานานแล้วล่ะค่ะ” เซนะตอบก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ เตรียมรอกินอาหารเช้าที่เซรันทำใหม่ๆ สักพักก็ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มร่างสูงที่มีผมสีดำแซมน้ำเงิน มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ดูเยือกเย็นที่อยู่ภายใต้กรอบแว่น เขา อายุพอๆกันกับซาเรส เป็นพี่ชายคนรองของบ้านหลังนี้ ‘เวเนส’ เดินเข้ามาพร้อมกับซาเรสที่อาบน้ำเสร็จแล้ว และทั้งสองก็มานั่งเก้าอี้เตรียมจัดการอาหารบนโต๊ะ แต่ถูกห้ามโดยเซนะ
“เดี๋ยวก่อนสิ รอพี่เซรันก่อน” เซนะพูดดุทั้งสองที่มาใหม่ก่อนหันไปยิ้มให้เซรัน ซึ่งกำลังถอดชุดกันเปื้อนสีน้ำตาลอ่อนตัวเก่งอยู่ และยิ้มให้เซนะที่ยังอุตส่านึกถึงเขาอยู่ ใช่!ความเห่อน้องสาวนี่มาจากการที่น้องเขาแคล์ตัวเองมากกว่าพี่ๆเป็นไหนๆ พอเซรันมานั่งเก้าอี้ ซาเรสไม่รอช้าที่จะลงมีจัดการมื้อเช้าของเขา
“เซรัน นายช่วยไปไล่พวก’ยาคุ’ ที่อยู่ในห้องฉันทีสิ” เวเนสพูดพลางจิบกาแฟสูตรพิเศษที่เซรันทำให้เวเนสโดยเฉพาะ
‘ยาคุ’ ที่ว่านี่คือ’สิ่งชั่วร้าย’ ถ้ารวมตัวกันมากๆก็จะกลายเป็น’เน็น’ หรือคือจิตนั่นเอง’
“อาๆ เดี๋ยวผมไปจัดการให้นะครับ” เซรันพูดอย่างสบายอารมณ์ พลางจิ้มชิ้นแพนเค้กเข้าปาก เพราะมันเป็นหน้าที่ประจำของเขาอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งแต่ก็เป็นปีศาจระดับสูงอยู่ล่ะนะ
“แล้วทำไมไม่ให้ฉันไล่มันเล่า! ” ซาเรสโวยใส่เวเนส เพราะเขาเองก็เป็นลูกครึ่งซาตานที่ระดับสูงกว่าเซรันเป็นไหนๆ เวเนสถอนหายใจพลางส่ายหัว เพราะเขาเคยขอซาเรส แต่เจ้านั่นไม่เคยคิดจะช่วยเลยด้วยซ้ำ จึงเปลี่ยนมาขอเซรันแทนซึ่งดีกว่ามาก ที่จริงเวเนสน่ะไล่เองได้ เพราะเขาเป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณกล้าแกร่ง เลยทำให้มองเห็นพวกนั้นได้ แถมยังมองอนาคตได้ด้วย แต่เพราะพอไล่เสร็จทีไรก็เหนื่อยจนแทบอยากจะสลบไสลทุกที
“ว่าแต่..เซรันวันนี้นายมีงานพิเศษรึเปล่าล่ะ” เวเนสพูดกับเจ้าน้องชายตัวดีที่แอบไปทำงานพิเศษ โดยที่ไม่บอกพวกเขาจนทำให้พวกเขาเป็นห่วง เซรันก็พยักหน้า
“กลับมาให้เร็วด้วยล่ะรู้มั๊ย!!” ซาเรสพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก แต่ในเวลานั้นเกิดขึ้นก็มีคนนี้แหละที่เป็นห่วงเซรันสุดๆ
“ว่าแต่พวกพี่ไมไปโรงเรียนกันหรอคะวันนี้น่ะ” เซนะพูดขึ้น ทำให้เหล่าพี่ๆนึกออกและรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันยกใหญ่ และพุ่งออกจากบ้านอย่างฉับไว ตามไปด้วยเสียงของน้องสาวอวยพรไล่หลัง ในบ้านนี้มีกฎอยู่ข้อหนึ่งคือห้ามเซนะออกไปไหนหากไม่ได้ลากพี่ๆไปด้วย เพราะเธอได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่วิเศษสุดสำหรับพวกปีศาจมาก ขอเน้นว่ามาก!!! ถ้าพูดถึงสรรพคุณล่ะก็...ดีเทียบเท่ากับยาวิเศษเลยล่ะ
ทางด้านของเหล่าพี่ๆ ที่ตอนนี้เข้าโรงเรียนทันอย่างฉิวเฉียด กำลังอยู่ในระหว่างพักทานอาหารกลางวันอยู่ เซรันก็ได้ถูกพี่ทั้งสองลากมากินข้าวกลางวันด้วยกันอย่างเป็นปกติ
“พี่ลากผมมาซะขนาดนี้มีอะไรหรอครับ?”เซรันเปิดประเด็นถาม เพราะทุกครั้งที่เขาถูกลากมาส่วนใหญ่มักจะมีแต่เรื่อง
“เซรันฉันอยากให้นายหยุดงานพิเศษวันนี้น่ะ แค่วันเดียวได้ไหม” เวเนสพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเซรันและซาเรสนั้นรู้ว่ามันแฝงไปด้วยความกังวลของเจ้าตัว ก่อนมองตาเซรันเพื่อคาดคั้นไม่ให้อีกฝ่ายไป เซรันก็ยิ้มและยักไหล่
“ไม่ล่ะครับ..เพราะผมยังอยากเป็นพนักงานดีเด่นอยู่น่ะครับ” เซรันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังปนเล่นๆจึงทำให้ซาเรสเริ่มปวดหัวกับนิสัยของน้องชาย ที่รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่เวเนสพูดอาจมีเรื่องไม่ดีแฝงอยู่ตลอดแต่ก็ยังทำเฉยได้
“เซรัน..แกต้องเชื่อที่มันบอกนะโว้ย!!ที่สำคัญนะแค่ขาดไปวันเดียวก็ไม่น่ามีผลกระทบกับสิ่งที่แกพูดเท่าไรเลยนี่!!”ซาเรสพูดอย่างหัวเสีย จนเวเนสต้องตบไหล่เพื่อให้ซาเรสใจเย็นลง
“พวกพี่นี่กังวลมากไปแล้วครับ..ผมไม่เป็นไรหรอเชื่อสิ”เซรันพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เหล่าพี่ๆสบายใจ ก่อนไปจับมือพี่ทั้งสองเพื่อแสดงความเชื่อใจเขา และไม่ต้องคิดมาก และไม่ทันที่เวเนสจะได้พูดเซรันก็กลับขึ้นอาคารเรียนไปเสียก่อน ปล่อยให้ทั้งสองนั่งเป็นห่วงเขาอยู่อย่างนั้น
เวลาเลิกเรียนก็ได้มาถึง เซรันขอแยกตัวจากพวกพี่ๆเพื่อไปทำงานพิเศษตามปกติ แต่ครั้งนี้กลับไม่ปกติสำหรับซาเรสและเวเนส ในขณะนั่งรถกลับบ้านพวกเขาก็เป็นห่วงเซรันตลอดทางจนถึงบ้าน เวเนสคงได้แต่ภาวนาขออย่าให้เรื่องที่ตนเห็นในอนาคตเกิดขึ้นกับน้องชายของเขา
ทางด้านเซรันที่ตอนนี้ก็ได้เวลาเลิกงาน ซึ่งดูเหมือนวันนี้จะดึกมาไปหน่อย เด็กหนุ่มมองที่นาฬิกาข้อมือที่ข้างซ้ายของตน
“สี่ทุ่มครึ่ง...เห็นทีคงต้องรีบกลับแล้วสิ”เซรันพูดพึมพำกัยตัวเองสักครู่ก่อนเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อพนักงาน เพื่อเปลื่อนเป็นชุดนักเรียนที่เขาใส่มา เพราะเขาคงไม่อยากที่จะใส่ชุดทำงานพิเศษกลับบ้านเท่าไร พอเปลี่ยนเสร็จก็ทำหน้าที่เวรปิดร้านก่อนเดินออกไปจากที่นี่เพื่อไปขึ้นรถ ที่จริงแล้วแค่เขาแปลร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหางแค่วิ่งแป๊ปเดียวก็ถึงบ้าน แต่คงไม่เหมาะสำหรับในตอนนี้ล่ะนะ เซรันก็เดินคนเดียวบนถนนแถวๆนั้นที่ตอนนี้มืด แถมเงียบจนผิดปกติอีกต่างหาก เด็กหนุ่มเริ่มเอะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ฉึก!!!! เสียงของมีคมที่แทงด้นหลังของเซรันดังขึ้น ก่อนชายปริศนาจะดึกดาบออกเลือดของเซรันได้สาดกระเซ็นไปโดนหน้าของอีกฝ่าย ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง และล้มลงกับพื้นและถูกเสียบเข้าที่หลังซ้ำอย่างไม่ปราณี เด็กหนุ่มที่ตอนนี้เสื้อนักเรียนถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ที่ดูสวยงามเกินกว่าสิ่งไหนๆได้หยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว
“แกนี่เข้ากับสีแดงของเลือดจริงๆซะด้วย อา..ช่างงดงามเหลือเกิน แย่จังนึกว่าจะสนุกกว่านี้ซะอีก”ชายหนุ่มปริศนาที่มีผมสีดำยาวที่ถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง มีนัยน์ตาสีม่วงอ่อน พูดอย่างเสียดาย และเดินออกจาที่นั่น
“แหมๆ เล่นชมกับแบบนี้ผมก็เขินแย่น่ะสิ คุณปีศาจเงา..”เสียงที่ดังจากข้างหลังของเขา ทำให้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยหันกลับไปดู ก็ปรากฏร่างของเซรันที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนและกำลังยิ้มให้เขา
บ้าน่ะ!เมื่อกี้เราฆ่ากับมือไปแล้วนี่!!’ ชายหนุ่มคิด พลางมองไปทางศพอีกรอบก็พบว่ามันเป็นแค่ใบไม้เท่านั้น
“ก็นะ...เรื่องอะไรที่ผมจะไม่ระวังตัว ก็ได้กลิ่นฉุนขนาดนั้นแล้วแท้ๆ อ้อ!นั่นมันก็แค่มนต์พื้นฐานของการเอาตัวรอดของจิ้งจอกเก้าหางน่ะนะ” เซรันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนพุ่งไปหาหาฝ่ายนั้นพลางเรียบดาบออกมาฟันไปที่ศัตรู แต่เขารับดาบของเซรันได้และจอมตีอย่างแรงจนส่งผลให้ทั้งคู่กระเด็นออกจากกัน เซรันที่มีแค่แผลถากๆบริเวนต้นคอ ส่วนทางฝ่ายนั้นก็โดนถากๆที่ใบหน้า
“ผมชื่อเซรัน แล้วคุณล่ะครับ...คุณปีศาจเงา”เซรันแนะนำตัวก่อนถามชื่ออีกฝ่ายพร้อมกับเอาดาบชี้หน้าอีกฝ่าย
“ฉันชื่อ’คาเงะ’”คาเงะตอบพร้อมกับพุงเข้ามาหาเซรัน เด็กหนุ่มรับดาบได้ทัน แล้วเคลื่อนไหวโต้กลับอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความที่เป็นแค่ครึ่งมนุษย์ของเซรัน ทำให้คาเงะได้เปรียบมากกว่าตรงที่การเคลื่อนไหว
ฉัวะ!!!! เสียงของดาบที่ฟันโดนแขนของเด็กหนุ่ม จนเป็นรอยทางยาวพร้อมกับเลือดสีแสงสดที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย เซรันที่รู้ว่าท่าไม่ดีจึงวิ่งออกจากตรงนี้ เพราะมีโอกาสโดนเสียบแน่ๆ พอคาเงะเห็นท่าทีของเด็กหนุ่มก็พุ่งมาเพื่อหมายจะปริชีพ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นไอของปีศาจในระดับพอๆกัน แต่ถ้าจะต่อกรกับเจ้านั้นคงจะเสี่ยงเกินไป คาเงะจึงเลือกที่จะถอยออกมาและปล่อยเด็กหนุ่มหนีไปในทางที่มีกลิ่นไอนั่น
‘ยังไงก็ไม่รอดหรอก’เจ้านั่น’คงจะฆ่าเด็กหนุ่มแน่ๆ’ คาเงะคิดก่อนที่จะถอนหายใจว่าภาระในครั้งนี้คงจบแล้ว
“แฮก....แฮก... คงจะเลิกตามมาแล้วล่ะมั้ง” ทางด้านของเซรันในตอนนี้อยู่ในสภาพที่ยับเยินสุดๆ กำลังยืนหอบด้วยความเหนื่อย และพยายามห้ามเลือดที่ไหลไม่หยุดของตัวเอง ก่อนจะนึกได้ว่าเขาต้องกลับบ้าน!! แน่นอนเมื่อเซรันนึกได้ก็รีบวิ่งไปอย่างเร่งรีบโดยไม่ดูทาง เพระเขารู้ว่าถ้ากลับช้ากว่านี้ล่ะก็ได้โดนรุมประชาทัณฑ์แน่ๆ แค่คิดก็สยองแล้ว!! แต่ด้วยความที่วิ่งโดยไม่ได้ดูทาง เลยไปชนคนคนหนึ่งเข้าอย่างจังจนล้มทั้งสองฝ่าย เซรันประคองตัวเองลุกอย่างช้าๆ ส่วนอีกฝ่ายดูเหมือนจะถูกเขาทับอยู่ พอเห็นดังนั้นเซรันก็รีบลุกออกจากตัวคนนั้นโดยทันที
ถึงว่าทำไมล้มแล้วไม่เจ็บ..เฮ้ย!!มันใช่เวลาที่จะคิดอย่างนี้ซะที่ไหนกัน!!! แต่ที่แน่ๆ ตูซวยแล้ว!!!’ เซรันคิดอย่างสับสนสุดๆ จนอีกฝ่ายลุกขึ้นนั่งพร้อมกับลูปหัวปอยๆ นั่นล่ะทำให้เซรันแทบจะขอขมาเขาเลย คนนั้นก็เงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ชนเขาด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ นั่นทำให้เซรันสดุ้งเฮือกอย่างช่วยไม่ได้
“นาย...”ไม่ทันที่เขาจะได้พูด เซรันก็รีบพุ่งมาจับนู่นจับนี่ อย่างควบคุมสติไม่อยู่และตบท้ายคุกเข่าขมา เล่นทำเอาคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ
“ผมขอโทษด้วยครับที่วิ่งมาชนแถมทับคุณอีกต่างหาก!!”เซรันพูดพร้อมพนมมือไหว้ จนอีกฝ่ายที่เรียกสติได้ก็ลุกขึ้นก่อนจับแขนของเด็กหนุ่มมาดู
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ที่สำคัญฉันว่าคนที่ต้องห่วงคือนายต่างหาก” เขาพูดเสียงราบเรียบราวกับเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา เซรันก็เงยหน้ามองคนพูดว่าเขาเป็นใคร เพราะมันมืดซะจนมองไม่ค่อยออกสำหรับเขาที่เสียเลือดไปมาก คนที่เขาวิ่งชนไปเมื่อครู่นั้นมีผมสีดำสนิท มีนัยนตาสีเทา ดูโดยรวมอายุน่าจะพอๆกัน ทันทีที่เซรันได้กลิ่นจากเขา เด็กหนุ่มก็ชักมือกลับอย่างเร็ว
“ นาย..เป็นปีศาจแวมไพร์....สินะ” เซรันพูดด้วยเสียงที่พอจะทำให้เขาได้ยิน คนนั้นก็หัวเราะอย่างสนุก จนทำให้เซรันทำหน้าไม่พอใจ
“ใช่! นายคงเป็นลูกครึ่งจิ้งจอกเก้าหางที่พวกนั้นกำลังตามจับอยู่สินะ จริงด้วยฉัน’เรย์’ เป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ แล้วนายล่ะเจ้าหมาน้อยพันธุ์ทาง” พอได้ยินประโยคนี้จากปากเรย์ เซรันก็เริ่มรู้สึกจากไม่พอใจจะกลายเป็นเหม็นขี้หน้า
“ฉัน เซรัน เป็นลุกครึ่งจิ้งจอกเก้าหางทั้งสองสายพันธุ์และมนุษย์ และที่สำคัญไม่ต้องมาเน้นตรงพันธุ์ทางก็ได้” เซรันตอบอย่างหัวเสียก่อนเดินจากไปจากเรย์ แต่ก็ถูกรั้งแขนไว้จนทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมองอย่างไม่พอใจ
“มีปัญหาไรอีกล่ะ ฉันก็ขอโทษนายแล้วไงเล่า” เซรันถามพลางกระชากมือกลับอย่างไม่ยินดีสุดๆ ก่อนหันหน้าไปมองหน้าคู่อริที่พึ่งเป็นไปหมาด
“ไม่มีใครกล้าเมินฉัน”เรย์พูดกดเสียงต่ำจนทำให้อีกฝ่ายเสียวสันหลังช่วงหนึ่ง ก่อนปรับอารมณ์ให้เหมือนเดิม
“แล้วไงถ้าผมจะเป็นหนึ่งในนั้นน่ะครับ” เซรันพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่ราบเรียบจนอาจทำให้คนที่ได้ยินนั้นขนลุกได้ และยิ้มอย่างเย็นเหยียบ
“นี่นายกวนฉันรึไง” เรย์พูดก่อนเดินไปกระชากปกเสื้อนักเรียนเซรันอย่างแรง แต่เด็กหนุ่ก็ยังทำหน้ายิ้มเหมือนเดิม ในขณะที่เรย์เริ่มหงุดหงิดใบหน้ายิ้มของเซรันสุดๆ จนอยากจะซัดหน้าซะให้หนำใจสักหมัด และจู่ๆรอยยิ้มของเซรันก็หุบลง จากแววตาที่หยอกล้อเมื่อครู่กลับกลายเป็นแววตาเอาจริง ซึ่งนั่นทำให้เรย์ถึงกับขนลุกกับจิตสังหารของเด็กหนุ่มตรงหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะข่มอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม และผละมือออกจากคอเสื้อของอีกฝ่าย
“ทำไม..ไม่หาเรื่องผมต่อรึไงครับ..เรย์” เซรันพูดพร้อมยิ้มให้เรย์อย่างกวนๆ
“ไม่ล่ะฉันไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“คิดเหมือนกันเลยนะครับ ผมเองก็ไม่อยากรับมือกับคนที่ผมเกลียดตั้งแต่เจอหน้าเหมือนกันครับ” เซรันพูดจบก็ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างไร้เดียงสาต่างจากประโยคที่พูดออกมาสุดๆ
“มีใครบ้างที่กล้าพูดว่า’เกลียด’ได้หน้าตาเฉยแบบนายได้บ้างเนี่ย”เรย์พูด พร้อมมองคนที่พูดว่า'เกลียด'กับตัวเองอย่างตะลึงนิดๆ ในความกล้าพูดของเขา
"แหมๆผมน่ะเป็นพวกซื่อตรงต่อความคิดนี่นะทำไงได้ล่ะครับ"เซรันพูดพลางทำกิริยาถ่อมตัวเหมือนพวกคุณชายที่ต้องถ่อมตัวเวลาอยู่ต่อหน้าเหล่าแขกทั้งหลายยังไงยังงั้น และนั่นทำให้เร์หมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดตะหงิด
"ไอ้คนหน้าหมั่นไส้เอ๊ย!!!" เรย์สบทและเดินออกจากตรงนั้นทันที ก่อนที่ความกวนของเซรันจะทำให้เขาเผลอฆ่าไปซะก่อน พอลองหันกลับไปมองเซรัน ก็เห็นว่าเซรันกำลังยิ้มพร้อมโบกมือเซย์กู๊ดบายอย่างเต็มภาคภูมิ และในชั่วพริบตาที่เขามองหน้าสุดหมั่นไส้ชวนเตะนั่น ปากของเซรันก็ขยับแบบไม่มีเสียงว่า
'บ๊ายบายตลอดกาลนะครับ...คนที่ผมเกลียด'เรย์ที่อ่านปากของเด็กหนุ่มออก ก็รีบจ้ำอ้าวไปอย่างเร็วก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหันกลับไปกระทีบเด็กหนุ่มแทน
"เจ้าบ้าโรคจิต!!ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เซรัน!!!" เรย์พูดตะโกนก่อนจะหายลับไป ท่าทางของเรย์นั่นทำให้เขาขำ แต่สักพักเจ้าตัวก็นึกออกได้ว่าต้องรีบกลับบ้าน!!!!
"ตายแน่...ตายแน่.." เซรันพูดเบาๆและวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น