แค่เพียงมีเทอหั้ยอุ่นจัย
>
ผู้เข้าชมรวม
169
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ขอบคุณครับ” คนขับรถรับเงินและจากไป หญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปตามถนนที่ลาดยาวไปไม่ไกลจากจุดหมายนัก ที่จริงเธอจะให้คนขับรถขับไปส่งถึงบ้านก็ได้ แต่หญิงสาวอยากเดินดูอะไรเรื่อยๆตามข้างทางมากกว่า บ้านที่ไม่ได้กลับมา 3 ปี ที่นี่มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหนอ สองข้างทางดูแปลกตาไปบ้าง มีบ้านหลังใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกหลายหลังแทนทุ่งหญ้าโล่งๆที่เคยรกร้าง เดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสบายๆไม่รีบร้อนนัก เด็กตัวน้อยๆกำลังวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานเป็นภาพที่น่ารักน่ามองนัก เมื่อตอนที่เธอยังเด็กก็เคยวิ่งเล่นแบบนี้
มัธกรเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแปลกแตกต่างจากคนอื่นๆ ผู้หญิงผมยาว หน้าตาธรรมดากับท่าทีที่เรียบเฉยนั่น ทำให้บางครั้งอาจดูเหมือนไร้ความรู้สึก แม้กระทั่งความรู้สึก...รัก เพราะการเติบโตตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ อะไรหลายๆอย่างสอนให้เธอรู้จักที่จะพึ่งพาตัวเองมากกว่าที่จะคิดพึ่งคนอื่น มัธกรใช้ชีวิตอยู่กับแม่ลำพังเพียง 2 คน ส่วนพ่อนั้นแยกทางไปตั้งแต่เธอยังเด็ก นั่นนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กสาวมีความคิดที่จะดูแลตัวเองและดูแลแม่
“มัธจะดูแลแม่เองค่ะ ถึง ไม่มีผู้ชายเราก็อยู่ได้” สาวน้อยบอกกับมารดาด้วยท่าทีที่มั่นใจแอบซ่อนความรู้สึกหวั่นไหวไว้ทุกครั้งที่นึกถึงพ่อ แม้จะรู้ว่าท่านทั้งสองจากกันด้วยดี มัธกรเคยไปหาพ่อแต่เมื่อเห็นพ่อกับครอบครัวใหม่หัวเราะยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุข เธอถึงกับพูดไม่ออก รู้สึกตัวเองเป็นเพียงส่วนเกิน และนับแต่นั้นเธอก็ไม่เคยไปหาพ่ออีก
“ทำไมความรักถึงไม่ลงเอยที่คนเพียงคนเดียวหนอ” สาวน้อยส่ายหน้าสลัดความรู้สึกในอดีตทิ้ง ไม่อยากรู้สึกอะไรอีก
“ความรักมันก็แค่ความรู้สึกเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ยั่งยืน และไม่มีจริง” มัธกรเคยบอกเพื่อนๆตอนที่คุยกันเรื่องนิยามความรักของแต่ละคน
“มัธ แกมองโลกแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า” นัฏฐาเพื่อนสาวคนสนิทบอกอย่างเป็นห่วง
“ก็แค่มองตามความเป็นจริง” มัธกรบอกอย่างที่รู้สึกเคยประสบมากับครอบครัวของตัวเอง
“ความรักไม่ได้จบด้วยการแยกทางจากกันเสมอนะ ไม่แน่บางทีแกกลับบ้านคราวนี้อาจเจอใครบางคนก็ได้” เพื่อนสาวกระเซ้าเข้าให้
“ไม่มีทางหรอกย่ะ ฉันไม่อยากรักใครทั้งนั้น” หญิงสาวบอกอย่างเชื่อมั่น
“ ฉันจะคอยดู” นัฏฐามองดูเพื่อนสาวจอมดื้อรั้นอย่างระอาใจ ภาวนาให้มีใครสักคนมาเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนชีวิตใหม่ให้เพื่อนรักมีความสุขทีเถอะ ผู้หญิงทะมัดทะแมงออกห้าวนิดๆคนนี้ ใครจะคิดบ้างว่าที่จริงแล้วมัธกรเป็นคนหวั่นไหวมากขนาดไหน นัฏฐารู้จักเพื่อนสาวดีเพราะคบกันมานาน ภายใต้ท่าทางทีที่เข้มแข็งนั่นมันซ่อนความอ่อนไหวไว้เสียมากมาย
“ขอให้กลับบ้านคราวนี้ มีคนมาดูแลหัวใจดวงน้อยๆของนางสาวมัธกรทีเถ๊อะ สาธุ” นัฏฐาอวยพรก่อนมัธกรจะกลับบ้าน
“รอไปเถอะย่ะ แม่นัฏฐายาหยี บอกแล้วไงฉันดูแลตัวเองได้” มัธกรค้อนให้ทีเล่นทีจริงก่อนจากมา
“แค่เพียงมีเธอให้อุ่นใจ อุปสรรคมากมายสักเพียงไหน
จับมือกันไว้ แล้วเราจะเดินไปด้วยกัน”
เสียงร้องเพลงของใครบางคนดังมาแว่วๆปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากความคิด ใครกันนะช่างมีความสุขเสียจริง มัธกรคิดในใจแล้วก็บังเอิญหันไปสบตากับคนที่ร้องเพลงนั่นเข้าพอดิบพอดี ผู้ชายผมซอยแค่บ่า ผิวออกขาว คิ้วเข้มๆกับสายตาคมๆนั่น มัธกรตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับและรีบเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็วออกมาจากตรงนั้น
“แล้วเราจะหลบทำไมกันนะ” คิดหลังจากกลับมาถึงบ้านและความคิดนั้นก็เลือนหายไปเมื่อเจอกับแม่ที่รออยู่หน้าบ้าน
“ไม่ได้กลับมานานคิดถึงจังเลยค่ะ” หญิงสาวเข้าสวมกอดมารดาซึ่งเดินทางมาถึงก่อนอาทิตย์หนึ่งได้
“คุณแม่จะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่อีกเหรอคะ” แม่ลูกเดินคลอเคลียกันมาที่ห้องนั่งเล่น
“จ๊ะ แม่ชอบที่นี่เลยคิดว่าจะย้ายกลับมาอยู่ที่เดิมนี่แหล่ะ” แม่ลูบผมที่ยาวสลวยของลูกสาวอย่างเอ็นดู
“ถ้าเรียนจบมัธจะมาอยู่กับแม่ เราอยู่กันแค่สองคนแม่ลูกนะคะ” หญิงสาวพูดไปพลางถือวิสาสะหนุนตักแม่แทนหมอน
“มัธ ลูกไม่คิดที่จะมีใครบ้างเหรอ” ผู้เป็นแม่ถามอย่างเป็นห่วงที่เห็นลูกสาวเข็ดขยาดกับความรัก ไม่คิดว่าครอบครัวที่แตกสลายลงจะมีผลกับจิตใจลูกมากถึงเพียงนี้
“ไม่ล่ะค่ะ มัธอยากอยู่กับแม่ ไม่จำเป็นต้องมีใครก็ได้นี่คะ”
“ลูกยังฝังใจเรื่องแม่กับพ่ออยู่อีกเหรอ” มัธกรนิ่งเงียบไม่ตอบ ยอมรับว่ากลัวจริงๆที่ผ่านมาเธอพยายามที่จะสร้างกำแพงกับตัวเองตลอด
“มัธจ๊ะ แม่อยากให้หนูเข้าใจนะว่าแม่กับพ่อไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ” แม่ลูบผมลูกสาวที่นอนฟังเงียบที่ตัก
“บางทีคนที่รักกันอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ด้วยกันก็ได้” แม่ถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาความรักที่ไม่ได้ลงเอยด้วยการอยู่ด้วยกันของเธอและพ่อของมัธกร
“เมื่อวันนึงเราได้พบกับคนที่ใช่กว่าและเกิดมาเพื่ออยู่ด้วยกันกับเรา พ่อกับแม่เองก็เป็นแบบนั้น ถึงแยกกันแล้วแต่ความรู้สึกดีๆมันไม่ได้หายไปไหนนี่จ๊ะ ถึงตอนนี้แม่ก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้ ” แม่อธิบายยืดยาวให้ลูกสาวเข้าใจ
“ เหมือนอย่างที่พ่อเจอเขาคนนั้นใช่ไหมคะ” ผู้เป็นลูกตัดพ้อ
“ สักวันหนึ่งเมื่อลูกเจอใครที่ลูกรักจริงๆลูกจะเข้าใจในสิ่งที่แม่พูด” แม่มองหน้าลูกสาวที่นอนหลับตานิ่งบนตักด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“ มัธจะพยายามเข้าใจค่ะแม่” หญิงสาวตอบอ้อมแอ้มแล้วก็หลับไปในตักอุ่นๆนั้น
“กริ๊งๆๆ” เสียงมือถือดังขึ้นปลุกแต่เช้า หญิงสาวคว้ามากรอกเสียงลงไปตามสายอย่างงัวเงีย
“ฮัลโหล”
“ไงจ๊ะ แม่มัธกรคนเก่ง กลับบ้านเป็นไงบ้าง” เสียงนัฏฐาเพื่อนรักดังมาตามสายเจื้อยแจ้ว
“อืม ก็ดี แม่บอกว่าจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“เหรอจ๊ะ แล้วกลับบ้านตั้งอาทิตย์กว่าเจอใครที่เข้าตาบ้างยังเอ่ย” เพื่อนสาวถามอย่างมีเลศนัย
“ไม่นี่ กลับมาก็ไม่ได้ออกไปไหน อยู่แต่ในบ้านตลอด”
“โห นี่หล่อนกะจะไม่ชายตาแลใครบ้างเลยเหรอยะ”
“เหรอ...จ๊ะ ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้วไม่หนาวใจบ้างเหรอจ๊ะ” นัฏอดที่จะลากเสียงยาวล้อเลียนไม่ได้
“ไม่เลยสักนิด ฉันสบายดีย่ะ แล้วเธอล่ะเป็นไงบ้าง เที่ยวกับพี่บิวสนุกไหม”
“สนุกสิจ๊ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ จะไปอาบน้ำแต่งตัวไปเที่ยวกับพี่บิวก่อนล่ะ”
“ตามสบายเถอะจ๊ะ แม่คนไม่โสด” น้ำเสียงแกมหมั่นไส้ของเพื่อนสาวทำให้นัฏฐาหัวเราะคิกคักก่อนวางสายไป หลังจากนัฏฐาวางสายไปแล้ว มัธกรเองจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวบ้าง วันนี้อากาศดี กะว่าจะไปเดินเล่นเสียหน่อย ที่สนามเด็กเล่นใกล้ๆทุ่งหญ้ากว้างนั่นที่เธอเคยไปวิ่งเล่นบ่อยๆตอนเป็นเด็กจนเมื่อย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย
หญิงสาวขี่จักรยานไปตามถนนสายเล็กมุ่งหน้าไปยังสนามเด็กเล่นที่คุ้นเคยนึกถึงต้นไม้ที่เธอเคยมาหลบร่มนอนหลับเมื่อสมัยมัธยม ป่านนี้จะโตแค่ไหนแล้วนะ นึกคิดถึงอย่างดีใจแล้วรีบปั่นจักรยานให้ถึงจุดมุ่งหมายโดยเร็ว
“โอ้โห ไม่เจอตั้งนาน โตขึ้นเยอะเลย” มัธกรเอ่ยอย่างดีใจเมื่อเห็นต้นไม้ที่เคยผูกพันมาตั้งแต่เด็กซึ่งเธอเป็นคนนำมาปลูกไว้เองกับมือตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ตอนนี้มันเติบโตขึ้นจากเมื่อก่อนมาก หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปใกล้ๆอย่างดีใจและก็พบว่ามีคนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นเหมือนกัน
“สวัสดี ได้เจอกันอีกแล้ว” เขายิ้มทักทาย แต่มัธกรเฉยๆกับท่าทีของเขา และไม่รอให้เขาได้พูดอะไรต่อ เธอหันหลังกลับเดินตรงไปที่จักรยานที่จอดไว้ใกล้ๆ
“มัธจำเราไม่ได้เหรอ” มัธกรหยุดกึกและหันหลับมามอง ภาพเด็กชายตัวน้อยที่เคยเล่นด้วยกันที่นี่เป็นประจำค่อยๆผุดขึ้นในความทรงจำ ใช่แล้วล่ะ เขานั่นเองเขาที่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก หลังเลิกเรียนมักจะชวนกันมาที่นี่บ่อยๆและต้นไม้นั่นก็เธอกับเขานี่แหละที่ช่วยกันปลูก เด็กทั้งสองเล่นด้วยกันทุกวัน มือเล็กๆที่เกี่ยวก้อยสัญญากันนั่นอีก มัธกรจำได้ดีไม่เคยลืม มิตรภาพทุกอย่างน่าจะดำเนินไปด้วยดี ถ้าวันนั้น...หญิงสาวชะงักความคิดไว้แค่นั้นไม่อยากนึกถึงมันอีก
“มัธกลับมาไม่เห็นบอกกันบ้างเลย” น้ำเสียงและแววตาเขาตัดพ้อจนมัธกรรู้สึกผิดได้แต่นิ่งเงียบแทนคำตอบปล่อยให้เขาพูดไปเรื่อยๆ
“อยากถามมานานแล้วว่ามัธเป็นอะไร จู่ๆก็หลบหน้าไม่ยอมพูดกับเรา ไม่ยอมมาเล่นด้วยกันที่สนามเด็กเล่นนี่ เรารอมัธทุกวันเลยนะ แล้วพอเอนส์ติดก็ไม่เห็นบอกกันสักคำ” นพนันท์พรั่งพรูความรู้สึกผ่านคำพูดออกมาจนหมด
“เปล่านี่ ตอนนั้นเรียนหนักต้องอ่านหนังสือสอบน่ะ” หญิงสาวยกเรื่องสอบมาอ้าง เธอและเขาสนิทกันมากจนใครๆต่างอิจฉา ทั้งคู่เรียนโรงเรียนประถมและมัธยมต้นที่เดียวกัน จนเข้าชั้นมัธยมปลายที่มัธกรย้ายไปเรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนโดยที่ไม่บอกเขาด้วยเหตุผลบางอย่างพยายามหลบเลี่ยงเขาตลอดจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และย้ายไปเรียนต่อที่อื่นพอดีกับที่ตอนนั้นแม่ของเธอตัดสินใจที่จะย้ายไปทำงานที่อื่นด้วย หญิงสาวจึงไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลยตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้ข่าวว่า นพนันท์เองก็สอบเข้าที่อื่นได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงคิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีกแน่ๆบางทีเขาอาจจำเธอไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ยังจำได้ แอบดีใจนิดหนึ่งที่เขายังไม่ลืม
“ไม่เจอกันนานเลย มัธสบายดีไหม”
“ก็เรื่อยๆ” ตอบแบบไม่มองหน้า ไม่อยากเห็นแววตาหม่นๆคู่นั้นของเขา รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนเข้มแข็งนัก
“มัธโกรธเราเรื่องอะไร บอกได้ไหม เรารู้สึกค้างคาใจมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสได้คุยกับมัธเลย หลายปีมานี้เรากลับมาที่นี่ทุกปีตามที่เราเคยสัญญากันไว้ แต่กลับไม่เคยได้เจอมัธเลย” เขาน้อยใจเธอเหมือนกันที่อยู่ๆเธอก็หลบหน้าเขาทั้งๆที่ไม่ยอมบอกสาเหตุ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกนึกย้อนถึงภาพในวันนั้นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่อยากเจอกับเขาอีก
มัธกรมองหน้าสบตากับเขาตรงๆ นพนันท์เองถึงกับนิ่งอึ้งพูดไม่ออก เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเลี้ยงที่เขานับถือนักหนานั้นจะเป็นพ่อแท้ๆของมัธกร ถึงแม้จะสนิทกันแต่เขาก็ไม่เคยพบพ่อของเธอเลยสักครั้ง ด้วยมัธกรเคยบอกว่าพ่อและแม่เธอแยกทางกัน
“เราเคยไปหาพ่อครั้งนึงและเจอนายที่นั่นด้วย ไม่นึกว่าครอบครัวใหม่ของพ่อจะเป็นนาย” น้ำเสียงของเธอหยันอย่างเจ็บปวด
“มัธ คือ เรา เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ” เขาพยายามที่จะอธิบายแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับไม่ฟังเสียงเธอผลักเขาออกและจากไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปนานเป็นอาทิตย์ในที่สุดนพนันท์จึงตัดสินใจไปหาเธอที่บ้าน เขายกมือไหว้และกล่าวสวัสดีแม่ของเธอที่เดินมาเปิดประตูให้ พร้อมกับแนะนำตัวแม่ของเธอจำเขาได้เพราะตอนเด็กๆเขาเคยมาหามัธกรบ่อยๆ
“มัธอยู่ข้างบน เดี๋ยวแม่ไปตามให้นะ”
“ผมขอคุยกับคุณแม่ก่อนได้ไหมครับ” เขาเอ่ย ผู้สูงวัยกว่ารู้ดีว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร เธอหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้อีกด้านหนึ่ง
“คุณแม่รู้เรื่องของพ่อกับแม่ของผมไหมครับ” เขาถามหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“แม่รู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่ไม่ได้บอกมัธ” คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มพูดอะไรต่อไม่ออก เหมือนเดาความคิดเขาได้เธอจึงพูดต่อว่า
“แต่แม่ไม่ได้คิดอะไรหรอก เราจากกันด้วยดีจ๊ะ” ผู้เป็นแม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ทำให้เขาโล่งใจไปได้
“แม่คิดว่านันท์คงอยากจะคุยกับมัธให้เข้าใจ เดี่ยวแม่ไปตามให้นะ” เธอหายไปสักพักมัธกรก็เดินหน้าหงิกบอกบุญไม่รับลงมา
“ไปคุยกันข้างนอก” หญิงสาวบอกน้ำเสียงห้วนๆก่อนเดินนำออกไป เขาไหว้แม่เธอแล้วรีบเดินตามออกมา
“เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ มัธหายโกรธเราได้ไหม” เขาพูดหลังจากเดินมาถึงที่สนามเด็กเล่นแล้ว ไม่มีเสียงออกมาจากปากเธอ มัธกรเดินไปนั่งใต้ต้นไม้มองหน้าเขานิ่ง
“เราผิดด้วยหรือ ที่พ่อของมัธแต่งงานใหม่กับแม่ของเรา” เขานั่งลงใกล้ๆและจ้องลึกเข้าไปในแววตาเย็นชาคู่นั้น มัธกรหลบสายตาเฉมองไปทางอื่น
“เราอยากให้มัธเข้าใจนะว่าท่านทั้งสองจากกันด้วยดี พ่อเคยเล่าเรื่องลูกสาวของท่านให้เราฟังบ่อยๆจนเรายังเจอเด็กคนนั้นเลย ไม่นึกว่าจะเป็นมัธ พ่อคิดถึงมัธนะ” เขาพูดยืดยาว สีหน้าเธอดูขึ้นกว่าเดิมหน่อย หยาดน้ำใสๆคลอที่ดวงตา เขายื่นมือไปกุมมือเธอไว้
“ไปหาพ่อด้วยกันนะ ไปกับนันท์ พ่อต้องดีใจมากแน่ๆ” หญิงสาวนิ่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจนเขาใจคอไม่ค่อยดี ลุ้นสุดตัวว่าเธอจะยอมใจอ่อนลงหรือไม่ มัธกรพยักหน้าแทนคำตอบ เขาค่อยโล่งใจยกภูเขาออกจากอกได้หน่อยจึงถือโอกาสพูดต่อ
“นันท์คิดถึงมัธเสมอเลยนะ ไม่เคยลืมเด็กผู้หญิงผมเปียที่เคยเล่นด้วยกันคนนั้นเสียที” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนมือที่เกาะกุมกันไว้นั้นแสนอบอุ่น ความรู้สึกคลุมเครือที่ค้างคามานานกระจ่างในวันนี้นี่เอง เธอเองก็ไม่เคยลืมเขาเช่นเดียวกัน สายลมพัดมาเอื่อยๆเธอนั่งหลับตาพริ้มพิงศีรษะที่บ่าของเขา นึกย้อนอดีตที่เคยเล่นด้วยกันจนก่อเกิดเป็นความผูกพันเล็กๆขึ้น เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอถึงไม่เคยสนใจใครเลย เพราะที่แท้เธอยังมีเขาอยู่ในใจเสมอนี่เอง เขาที่เป็นความอบอุ่นในใจเสมอ แค่มีเขาข้างๆเธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว มัธกรเข้าใจในความรู้สึกของพ่อและแม่ดีแล้ว
“เราไปหาพ่อกันนะ” เขาลุกขึ้นและส่งมือให้เธอ ทั้งคู่เดินเคียงคู่กันไปเขาหยุดและหันกลับไปมองที่ต้นไม้ เธอมองตาม
“นันท์รักคนที่ปลูกต้นไม้ต้นนี้กับนันท์เมื่อตอนที่เรายังเด็กๆ” เขาบอกและยิ้ม เธอก้มหน้าอายๆ เขาจึงจับมือเธอและเดินจูงมือกันไปเพื่อไปหาพ่อของทั้งสองคน
“พ่อต้องแปลกมากแน่ๆ” เธอเอ่ย
“ที่เห็นนันท์เดินมากับลูกสาวของพ่อน่ะหรือ คงยิ่งตกใจมากกว่าที่ลูกสาวของพ่อจะมาเป็นคนรักของลูกเลี้ยง” เขาบอกยิ้มๆ เธออายจนหน้าแดงแต่ก็อดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงสีหน้าพ่อตอนที่จะได้เจอกัน พ่อจะว่าอย่างไรบ้างนะ เธอคิดขณะที่เดินมาถึงหน้าบ้านเขาและชายวัยกลางคนที่เธอคุ้นหน้าเป็นอย่างดีกำลังเดินมาเปิดประตูให้
ผลงานอื่นๆ ของ F!nO_o ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ F!nO_o
ความคิดเห็น