คำสัญญาของเด็กขายพวงมาลัย - คำสัญญาของเด็กขายพวงมาลัย นิยาย คำสัญญาของเด็กขายพวงมาลัย : Dek-D.com - Writer

    คำสัญญาของเด็กขายพวงมาลัย

    คำสัญญาของเด็กขายพวงมาลัย

    ผู้เข้าชมรวม

    821

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    821

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ค. 49 / 18:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เสียงผู้คนตะโกนโหวกเหวกดังลั่นมาจากอีกฝากหนึ่งของถนน ได้ปลุกสินและสรรให้ตื่นขึ้นจากความฝัน สะบัดหน้าหายง่วง มองหาทิศทางของต้นเสียงแล้วรีบวิ่งเข้าไปดู

        ณ สี่แยกไฟแดงใหญ่ เคยมีรถราวิ่งไปมาทั้งวันทั้งคืน ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ บัดนี้กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากรถประมาณสิบคันที่จอดคาอยู่

       เจ้าของรถเหล่านั้นต่างลงมาจับกลุ่มมุงดูอะไรบางอย่างพร้อมกับไทยมุงแถวนั้น

       สินพาน้องชายของตนเข้าไปดูเหตุการณ์ใกล้ๆ ตอนแรกก็ไม่เห็นอะไร แต่พอผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนบังอยู่เดินหลบออกมา

      ทั้งคู่จึงเห็นร่างเล็กๆของเด็กคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่...

       

       สินเป็นเด็กขายพวงมาลัยมานานแล้ว พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สินและสรรน้องชายจำเป็นต้องมาอาศัยอยู่กับลุงซึ่งเป็นญาติห่างๆของพ่อที่ชานเมือง โดยสินต้องหาเงินเพื่อความอยู่รอดของตนและน้องชาย เป็นเหตุให้สินเริ่มต้นอาชีพขายพวงมาลัยในเมือง ซึ่งระยะแรกๆสินขายพวงมาลัยได้ทีละพวงสองพวงต่อวันเท่านั้น เงินทุกบาททุกสตางค์เขาแบ่งให้น้องชายหมด และไม่ลืมที่จะเก็บออมไว้ส่วนหนึ่งด้วย  สินมีถุงใบเล็กๆสกปรกใบหนึ่งเอาไว้ใส่เงินออม ถุงใบนี้เป็นของต่างหน้าเพียงอย่างเดียวที่พ่อของเขาได้ให้ไว้ ก่อนที่ท่านทั้งสองจะจากสินและน้องไปอย่างไม่มีวันกลับ

       เมื่อสรรโตพอที่จะช่วยทำมาหากินได้แล้ว สินก็นำมาศึกษาวิธีการขายและกลเม็ดการดึงดูดลูกค้า และแม้ว่าสินจะขายพวงมาลัยไปได้น้อยนิดเพียงใด สินก็ไม่เคยโกงราคาลูกค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว  เพราะสินเห็นว่าอาชีพขายพวงมาลัยของเขานั้น ถึงจะดูไม่เป็นที่น่าสนใจ แต่ก็เป็นอาชีพที่สุจริต

       สินหวังว่าซักวันหนึ่งเขาและน้องจะมีบ้านเป็นของตนเองเพราะการเป็นเด็กขายพวงมาลัยที่ไม่มีใครเหลียวแลในเมืองใหญ่ เขาและน้องจำเป็นต้องอาศัยมุมตามตรอกซอกซอยเป็นที่ซุกหัวนอน แบบค่ำไหนนอนนั้น

        

           เด็กขายพวงมาลัยคนอื่นๆ ส่วนมากมีที่หลับนอนเป็นของตนเอง แต่เด็กเหล่านี้ไม่เคยหวงที่นอนของตน หากวันใดมีเด็กขายพวงมาลัยต่างถิ่นเข้ามาขออาศัยด้วย พวกเขาก็แบ่งปันให้ด้วยความเต็มใจ  เป็นหนึ่งในข้อดีของเด็กขายพวงมาลัยผู้สู้ชีวิตและไม่ยอมท้อถอยแม้ว่าอุปสรรคจะใหญ่เพียงใด

         ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า แสงอาทิตย์อัสดงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณสี่แยกไฟแดงอาถรรพ์  ดูราวกับเลือดที่ไหลออกมาจากร่างอันไร้ชีวิตของเด็กขายพวงมาลัย ซึ่งจบชีวิตอันสั้นลงที่นี่

      การจราจรติดขัดต่างจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ หากแต่เป็นการดีสำหรับอาชีพขายพวงมาลัยของสิน

       เสียงร้องขายพวงมาลัยของสินและสรรดังประสานเสียง ทั้งคู่ไม่เคยแยกออกจากกัน แม้ว่าสรรจะขอร้องพี่ชายไปขายพวงมาลัย ที่อีกฟากหนึ่งของถนน ก็ไม่เคยได้รับตำตอบจากพี่ชาย สินยังจำคำพูดของแม่ได้ดี ตอนที่ท่านทั้งสองจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด และก่อนการเดินทางที่ไม่มีวันกลับ แม่บอกเขาว่าสินดูแลน้องให้ดีๆนะ อย่าปล่อยให้น้องตกอยู่ในอันตราย รักษาตัวด้วย แม่สัญญาว่าจะกลับมาไวๆ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ สินไม่เคยลืมคำพูดสุดท้ายของแม่เลย และไม่ได้ผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียว

      ยิ่งคิดถึงแม่ทีไร น้ำตาก็เออขึ้นคลอเบ้าเป็นทุกครั้งไป เขาพยายามทำใจสู้ ในเมื่อวันนี้เขาและน้องไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด...

       หนูๆอาขอพวงหนึ่งเสียงเรียกของลูกค้ารายใหม่ดังแทรกเสียงเครื่องยนต์ขึ้นมา

      ครับคุณอา พวงละห้าบาทครับสินตอบพร้อมยื่นมือส่งพวงมาลัยให้เจ้าของคนใหม่ และมืออีกข้างแบมือรับเงินค่าพวงมาลัย

      ขอบใจจ๊ะ หนูเอานี่ยี่สิบบาท ไม่ต้องทอน ลูกค้าเอ่ย

      ขอบคุณมากครับคุณอา นี่ครับของแถมสินยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมส่งลูกอมประมาณห้าเม็ดให้กับลูกค้าใจบุญของเขา

      ขอบใจจ๊ะลูกค้าเอ่ยตอบพร้อมรับลูกอมจากมือของสิน

      โชคดีนะครับสินรีบเอ่ยเมื่อเห็นสัญญาณไฟแดงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

      ลูกค้าใจบุญยิ้มตอบพร้อมขับรถจากไป

      สินยืนมองไล่หลังรถคันนั้นและยิ้มอย่างเป็นสุข ที่ได้ตอบแทนคนที่ได้เมตตาเขา เวลาใครให้สิ่งของต่อเขา ไม่ว่าจะหวังสิ่งตอบแทนหรือไม่ เขาก็จะมีของติดไม้ติดมือให้แก่ผู้นั้นตลอด เขาคิดว่าการเป็นผู้ให้มีความสุขมากกว่าการเป็นผู้รับแต่เพียงฝ่ายเดียว

      เขายืนนิ่งอยู่นาน จนตะวันตกเกือบมิด เหลือเพียงแสงสีแดงสลัวๆ  ราวกับเลือดสดๆ เขายืนคิดถึงเด็กขายพวงมาลัยผู้น่าสงสารอยู่นาน และทันใดนั้นพวงมาลัยพวงหนึ่งก็ร่วงลงจากมือเขา หล่นสู่พื้นสกปรกเบื้องหน้า เขาพึมพำเบาๆตำหนิตัวเอง ก่อนจะก้มลงเก็บพวงมาลัยพวงนั้น  แล้วบางสิ่งก็วาบเข้ามาในหัวเขา ละความสนใจจากพวงมาลัย แล้วเริ่มออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังอีกฝากหนึ่งของถนนโดยไม่สนใจผู้คนที่ร้องเรียกเขา ในใจเขาคิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ สรรอยู่ที่ไหน!!!

       

       

         เขาเร่งฝีเท้าจนมาถึงสี่แยกไฟแดงอาถรรพ์ ร่างของสรรน้องชาย ยืนอยู่ริมขอบถนน สินถอนใจอย่างโล่งอก

      แต่ในนาทีนั้น เสียงร้องเรียกเด็กขายพวงมาลัยดังมาจากอีกฟากของถนน

      ด้วยความดีใจที่หาลูกค้าคนแรกได้ในวันนี้ ทำให้สรรออกวิ่งไปหาต้นเสียง โดยไม่สนใจเสียงห้ามของพี่ชาย

      สรรวิ่งไปเกือบถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้ว เงินก้อนแรกของวันนี้ปิดล้อมจิตของเขาไว้สิ้น จนไม่ทันสังเกตดวงไฟที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆข้างตัว

      เสียงล้อเบรกเสียดสีกับถนนดังไปทั่วบริเวณสี่แยก สรรรู้สึกว่ามีบางอย่างมาชนตัวเขา สิ่งนั้นหาใช่ส่วนหนึ่งของรถยนต์ไม่ หากแต่เป็นมือของสินพี่ชายที่เข้ามาโอบตัวของเขาไว้ในออมแขน

       ในวินาทีนั้นสรรรู้สึกว่าอ้อมกอดของพี่ชายตน ช่างอบอุ่นเหลือเกิน แต่ความรู้สึกนั้นหายไปในทันที และถูกแทนที่ด้วยการผลักอย่างรุนแรงที่ทำให้ร่างของสรรกระเด็นขึ้นไปอยู่บนฟุตบาท เขายันตัวเองขึ้นแล้วหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว เพื่อเห็นภาพที่เขาจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต

       ในขณะเดียวกันเมื่อได้ผลักน้องของตนให้พ้นจากอันตรายแล้ว สินได้ยินเสียงหนึ่ง เสียงที่เขาไม่ได้ยินมาเป็นเวลากว่าห้าปีแล้วแม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะสิน ที่ลูกรักษาสัญญาที่ให้กับแม่ไว้ และแม่เสียใจที่แม่ไม่สามารถรักษาสัญญาของแม่ได้ แล้วเราจะพบกันจ๊ะสิน แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา...

      ในเสี้ยววินาทีนั้นสินได้เห็นร่างของผู้ให้กำเนิดเขาอย่างลางๆ ท่านทั้งสองส่งยิ้มให้ ก่อนโบกมืออำลา แล้วร่างทั้งสองก็ค่อยๆจางหายไป และแทนที่ด้วยแสงไฟเจิดจ้าที่พุ่งเข้ามา

       สินหลับตา และรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่ไหลรินลงมาตามแก้ม ก่อนที่สติของเขาจะดับลง                

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×