ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic KHR X Laflora] revenge of the sun

    ลำดับตอนที่ #29 : Special 3 เรื่องราวของมาริโอน่า 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.43K
      49
      26 เม.ย. 60

    แหมะ...

    “หืม?  ฝนจะตกแล้วเหรอ?”

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาพร้อมกับพูดออกมาเบาๆ  แย่จัง  อุตสาห์คิดว่าจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะสักหน่อยแท้ๆเลย…
    แปล็บบ!

    “อึก! คงต้องรีบเข้าไปหลบฝนแล้วแฮะ”เด็กสาวเอามือข้างซ้ามมาจับแขนข้างขวาที่เกิดอาการปวดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่สะกดกลั้นความเจ็บปวดไว้อยู่  เธอรู้สึกปวดแขนข้างขวาทุกครั้งที่ขยับมันเพราะยังไม่ชิน  แล้วยิ่งมาโดนน้ำฝนที่ตกลงมาอีกมันจึงทวีคูณความเจ็บยิ่งกว่าเดิม

    นี่ก็ผ่าตัดมาตั้งเกือบปีแล้วแท้ๆเรายังไม่ชินอีก...  หรือว่าเราควรที่จะยอมแพ้แล้วกลับไปดีนะ?  แต่ถึงกลับไปมันก็ไม่มีที่ของเราอีกแล้วนี่?  เราสูญเสียทุกๆอย่างไปแล้ว  นี่ฉัน...เลือกทางผิดงั้นเหรอคุโรยูกิ?  ทั้งๆที่อยากจะถามเธอแต่เธอก็ไม่อยู่ที่นี่  ในตอนนี้…  หรือว่าฉันควรกลับไปดีนะ?
    เพียะะ...

    “ไม่ๆๆ!  เราจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว!  อย่าทำให้ความพยายามของยูกิต้องสูญเปล่าสิมาริโอน่า!”เด็กสาวตบหน้าตัวเองด้วยมือข้างซ้ายเพื่อเรียกสติก่อนที่จะฟุ้งซ่านไป  ซึ่งเธอก็รู้ดีว่ามันไม่ทันการเอาเสียแล้ว
    “เกะกะขวางทางจริงยัยเด็กนี่!!”ฉันได้ยินเสียงทุ้มเย็นๆของผู้ชายเข้าที่ข้างหลังทำให้หันไปมองด้วยความไม่พอใจ
    “หา?....!!!”เด็กสาวหันไปพูดเหมือนกับหาเรื่องก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้รู้ว่าใครคือคนที่พูด  เส้นผมสีเงินยาวสวยที่มีมาตั้งแต่เกิดอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับผมสีเทาออกขาวของเธอที่ได้จากการแพ้ยา  บุคคลอันตรายที่ฉันไม่น่าจะมีทางได้เจอ

    หากอยู่ในสังคมที่อันตรายแบบนี้มานานก็ย่อมต้องเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างว่าบุคคลอันตรายและไม่ควรเข้าใกล้มีใครบ้าง  ไม่ว่าจะนักฆ่า มาเฟียหรือแม้แต่คนธรรมดายังต้องรู้จักและกลัวเกรงยามเห็น

    แต่คิดเหรอว่าฉันจะกลัว?ไม่มีทางหรอก!!
    “หลบไปยัยเปี๊ยก!!”เขาตะคอกด้วยเสียงที่ดังกว่าคนปกติทั่วไปจนต้องเอามือมาปิดหู ใบหน้าของเขาที่มาริโอน่าเห็นดูจะรำคาญเธอเอามาก เพราะเธอเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมหลบทางให้
    ฉันไม่คิดหรอกนะว่าจะได้เจอกันกับเขา…  นักฆ่าอัจฉริยะที่สังกัดหน่วยลอบสังหารของวองโกเล่ แก๊งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการนี้  กลุ่มที่เต็มไปด้วยเหล่าอัจฉริยะที่ทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จทุกครั้ง  วาเรียควอริตี้อันโด่งดังและขึ้นชื่อเรื่องความโหด อันตราย ฉันในตอนนี้ที่มีตัวคนเดียว ไร้ซึ่งที่พึ่งและคนข้างหลังจึง...

    “มีที่ตั้งกว้างก็ไปเดินทางอื่นสิไอ้ผมยาว!! ไอ้แก่สูงโย่ง!!”

    อ่าห๊ะ... ฉันตะโกนใส่เขากลับอย่างโมโห  ก็น้า~ คิดเหรอว่าอดีตว่าที่บอสของแก๊งมาเฟียที่ยึดถือในศักดิ์ศรีอย่างฉันจะยอมให้โดนหยามกันฝ่ายเดียวล่ะ ยั๊วมาก็ต้องยั๊วกลับ!!(เดี๋ยวๆมาริโอน่า! นี่เธอยั๊วเพราะถูกหาว่ายัยเปี๊ยกเรอะ!//ไรต์ แน่สิ! ดูถูกเรื่องอื่นได้แต่อย่ามาดูถูกเรื่องความสูงนะ!//มาริโอน่า)
    “!? -ว่าไงนะ!  จะเอารึไงยัยเปี๊ยกตาสองสีนี่!!”

    อ๊ะ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแปลกใจพอดูที่เห็นว่าฉันจะต่อปากต่อคำกลับแต่สุดท้ายก็ดันมาท้าเด็กต่อยกันเนี่ยนะ…? มาริโอน่ารู้สึกสงสารวาเรียขึ้นมาทันทีที่มารู้เอาว่ามีผู้บัญชาการแบบนี้
    ฉึก!

    “จะเอาเรอะไอ้หงอกนี่! ถึงแกจะเป็นพวกวาเรียแต่อย่ามาดูถูกกันนะ!”

    เด็กสาวรู้สึกเหมือนถูกแทงใจดำเรื่องสีตาข้างใหม่ที่ได้รับมา ดวงตาสีเหลืองทองที่ไม่ใช่สีที่มีในมนุษย์แบบนี้ทำให้คนรอบข้างพากันหวาดกลัวทั้งๆที่ก็รู้กันดีแก่ใจว่านี่มันเป็นดวงตาเทียมที่ถูกสร้างขึ้นมาอยู่แล้วแท้ๆ… พอคิดแบบนั้นมันก็อดรู้สึกเจ็บไม่ได้ เจ็บที่หัวใจมากกว่าที่ร่างกายมากโขเลยล่ะ  ทั้งพ่อทั้งแม่ก็พยายามออกห่างเพราะเจ้าดวงตานี่ ไม่อยากยอมรับหรอกนะว่าตั้งแต่ที่น้องเกิดมาที่บ้านก็ไม่มีที่อยู่สำหรับตัวเองอีกแล้ว
    แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริงไป  ไม่คิดกันบ้างเหรอว่าความจริงมันมักโหดร้ายเสมอหน่ะ? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทิ-คุโรยูกิที่ถูกใส่ร้ายจนเปลี่ยนกลายเป็นคนละคน  หรือว่าจะความเป็นจริงของโลกใบนี้ที่ไม่ยอมรับคนอ่อนแอที่พิกลพิการแบบฉันก็ด้วย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ดันเกิดมาแบบนี้นี่นะ  คนไร้ประโยชน์แบบเราถ้าเกิดไม่ได้เจอคุโรยูกิก็ไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงกัน...

    แน่นอนว่าหลังจากถูกยั๊วพวกเราสองคนก็เข้าไปต่อยกันด้วยร่างกายโดยไม่ใช้อาวุธ แลกหมัดกันล้วนๆ! แต่ก็สมกับที่โตกว่าแล้วก็เป็นผบ.ของวาเรียจริงๆนั่นล่ะถึงจะบาดเจ็บอยู่ก็เถอะ...  เล่นซะ…(เบนสายตาไปมองรอบข้างที่เละไปจากการแลกหมัดกันก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ)

    “จำชื่อชั้นไว้ให้ดีล่ะไอ้ผมยาว! ชั้นมาริโอน่า  รินโอริน จะกลับมาเอาชนะนายให้ได้คอยดูเถอะ!!”

    ฉันจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นี้หรอกนะเฟ้ย! จนกว่าจะเอาชนะแกได้เตรียมตัวล้างคอรอได้เลย!! เด็กสาวเดินลากสังขารกลับไปห้องพักของตัวเองในสภาพสะบักสะบอมจากการต่อสู้ แขนกลข้างขวาก็ดันมาหักคงต้องโดนคุโรยูกิบ่นอีกยาวแน่ๆเลย  ทั้งๆที่แขนกลนี่ควรจะเจ็บเหมือนตลอดมาแต่กลับรู้สึกว่าขยับได้ดีขึ้นแถมยังไม่เจ็บอีก  เพราะอะไรกันนะ? แต่ก็ช่างมันเถอะ! ก็เพราะเราไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานมากแล้วนี่เนอะ  แต่ว่า...

    อยากเจออีกจังเลยนะ…

    และนั่นคือการพบกันครั้งแรกของมาริโอน่าในวัยสิบเอ็ดปีกับสควอโล่ในวัยสิบเก้าปี

    ซึ่งเป็นเวลาก่อนจะเริ่มศึกชิงแหวนในอีกสามปีต่อมา...


    3ปีหลังจากวันนั้น

    “เอ๋? ผู้พิทักษ์หิมะของวองโกเล่?อะไรล่ะนั่นยูกิ?”มาริโอน่ามองแหวนฮาฟวองโกเล่ในมืออย่างสงสัยพร้อมกับที่ถามเพื่อนสาวอย่างคุโรยูกิที่ตีหน้านิ่งไม่บอกอารมณ์

    ##30%##

    _____________________________________________________________________________
    ยังไม่จบน้า! ไรต์ยังเขียนไม่เสร็จแต่เอามาลงต้องขอโทษด้วย  อันนี้เป็นตอนพิเศษของมารินกับฉลามเพราะงั้นคิดว่าน่าจะเขียนยาวกว่าตอนปกติ ไม่รู้ว่าจะยาวขนาดไหนเพราะเขียนในโทรศัพท์นะ!
    ขออภัยอย่างสุดซึ้งที่ไม่ได้อัพตอนใหม่อย่างที่รอคอยกันจริงๆค่ะ!!

    ชั้นเลือกเธอเป็นผู้พิทักษ์หิมะ...เก็บของ...เราจะไปญี่ปุ่น....ว่าจบคุโรยูกิก็เดินออกไปจากห้องนั้นเพื่อปล่อยให้เด็กสาวอีกคนได้มีเวลาส่วนตัวและเก็บของทันที

    ให้ตายเถอะ...  ยังเหมือนเดิมเลยนะยูกิ

    มาริโอน่าบ่นกับตัวเองพลางส่ายหน้าให้กับท่าทางแบบนั้นของเพื่อนสาว  แม้จะถูกพูดใส่ด้วยท่าทางที่คล้ายกับสั่งของยูกิที่มันผิดแปลกจากนิสัยของเธอแต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทำไม  อะไรทำให้ยูกิร้อนรนได้ถึงขนาดนี้กัน?

    เอาไปแค่นี้ก็น่าจะพอล่ะมั้ง?  ไว้ค่อยไปซื้อใหม่เอาที่นู่นก็ได้  เด็กสาวมองกระเป๋าเป้ใบสีน้ำตาลเข้มของตัวเองขึ้นมาสะพายพลางสวมผ้าปิดตาสีดำมาปกปิดดวงตาข้างซ้ายที่มีสีอันโดดเด่น

    เสร็จแล้ว...?ยูกิถามมาริโอน่าด้วยน้ำเสียงสงสัยหลังจากที่เห็นว่าสิ่งที่เธอพกไปญี่ปุ่นมีเพียงกระเป๋าเป้ใบเล็กๆกับดาบประจำตัวที่ห่อไว้

    ไว้ค่อยไปซื้อที่นั่นเอา  ไปกันเถอะยูกิ

    มาริโอน่าตอบยูกิพร้อมๆกับที่จับมือ(ลาก)ไปยังสนามบินโดยที่เหลือบมองคนข้างหลังเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วง  แต่สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่ดันทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ออกมา  อารมณ์ภายในปั่นป่วนเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย  มีทั้งความโกรธ  ความเศร้า  ความรู้สึกผิด...

    ฝ่ามือเย็นเฉียบเหมือนกับว่าอยู่ในห้องแอร์มานานหรือว่าในวันที่มีอากาศหนาวทั้งๆที่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อน(มั่วเอานะ)ของอิตาลีแต่มือของยูกิกลับเย็นไม่สิ  ทั้งตัวของยูกิหน่ะเย็นหมดเลยนั่นล่ะ  ถึงปกติจะใช้วิธีสวมถุงมือหรือว่าใช้พลังของจุกนมเร่งความร้อนในร่างกายให้เท่ากับคนธรรมดาแต่วันนี้คงจะรีบจนเผลอล่ะมั้ง?  มันเป็นมาตั้งแต่วันนั้นรึเปล่าเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำไป

    แปะ...

    เอ้า  ลูบๆ  เลิกทำหน้าตาแบบนั้นซักทีน่า...ยูกิลูบหัวมาริโอน่าไม่กี่ครั้งพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นสบายน่าฟังพร้อมกับยกยิ้มบางๆอันหาได้ยาก

    น่าหมั่นไส้พอฉันพูดจบก็เข้าไปยืดแก้มของยูกิเล่นทันที

    อือ ~ ...อันเอ็บอะอาอิน....

    น่ารักจริงๆนั่นล่ะนะยูกิเนี่ย  คนที่เห็นด้านแบบนี้ก็คงมีแค่คนที่สนิทกันจริงๆอย่างพวกเราเท่านั้นล่ะ  คนที่จะแกล้งเล่นได้โดยไม่ถูกคว่ำไปซะก่อนในโลกนี้คงมีไม่ถึงสิบคนด้วยมั้ง?  ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงจะมีเยอะมากกว่านี้แท้ๆ

    มาแล้วสินะมาริโอน่า  รินโอริน

    เสียงเล็กแหลมของเด็กดังขึ้นทันทีที่มาริโอน่ามาถึงทางออกของสนามบิน  ร่างเล็กจิ๋วของทารกวัยสามขวบปีในชุดสูทสีดำ  เขานั้นสวมหมวกแถบสีส้ม  จอนม้วนอันเป็นเอกลักษณ์และกิ้งก่าคาเมลอนสีเขียวรวมถึงจุกนมสีเหลืองเหมือนกับของคุโรยูกิที่คออันเป็นจุดที่บ่งบอกถึงตัวตน

    อัลโกบาเลโน่จุกนมสีเหลือง  นักฆ่าสังกัดวองโกเล่  รีบอร์น...  ชื่อเสียงอันโด่งดังของเขาในหมู่มาเฟียและนักฆ่าใครๆก็ต้องรู้  ตัวของฉันได้พบกับเขาอยู่ครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงวันเกิดของน้องชายในวันเดียวกับที่ได้เจอกับคุโรยูกิอีกครั้ง  วันนั้นก็คงถือได้ว่าเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในรอบปีได้ด้วยซ้ำ

    ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะท่านรีบอร์น  เป็นเกียรติอย่างสูงจริงๆที่ได้พบกับท่านอีกครั้ง

    แม้ว่าจะตกใจอยู่บ้างกับการที่ได้พบกับนักฆ่าอันดับหนึ่งอย่างรีบอร์นที่นี่  แต่มาริโอน่าก็ยังคงรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นและย่อตัวลงถอนสายบัวทำความเคารพอย่างนอบน้อมต่อร่างเล็กตรงหน้าโดยไม่อายต่อสายตาของคนรอบข้างที่มองมาอย่างสนใจ

    สมกับที่คุโระเลือกมา  ชั้นจะพาไปแนะนำตัวกับสึนะไว้ก่อนแล้วกันรีบอร์นมองท่าทางแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มที่แสดงออกถึงความพึงพอใจออกมาแล้วจึงเดินนำไปยังสถานที่ฝึกของว่าที่บอสของมาริโอน่า

    สมกับที่คุโระเลือกมาเอง...  ไม่ว่าจะทักษะ  ความสามารถหรือแม้กระทั้งความมารยาทและความสงบเยือกเย็นก็มีครบ  ขึ้นอยู่กับแกแล้วล่ะนะว่าจะทำให้เธอคนนี้ยอมรับได้รึเปล่า  สึนะ...  รีบอร์นคิดพลางจับปีกหมวกที่ตัวเองสวมอยู่พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    ไปกับรีบอร์นเอง...มีธุระ...คุโรยูกิมาบอกกับมาริโอน่าก่อนจะได้รับคำตอบเป็นพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจจึงค่อยเดินไปอีกทางหนึ่ง

    ฉันลองมองดูรอบข้างระหว่างที่เดินตามทางที่ท่านรีบอร์นนำไป  ที่นี่เป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบสงบชวนให้ผ่อนคลายได้ไม่ใช่น้อยๆ  มันทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่าว่าที่บอสมาเฟียที่เติบโตมาในสถานที่อันสงบแบบนี้จะเป็นคนแบบไหน?

    หึหึหึหึ...เด็กสาวเผลอตัวจับแขนข้างขวาเมื่อนึกถึงเรื่องการต่อสู้ที่เพื่อนสาวบอกมาก่อนคร่าวๆ  ริมฝีปากบางยกขึ้นจนเป็นการแสยะยิ้ม  ดวงตาฉายแววความกระหายและอาฆาต  ออร่าสีม่วงๆแผ่ออกมาบางๆแต่ไม่น่าเข้าใกล้

    จะเป็นศึกชิงว่าที่บอสวองโกเล่หรืออะไนก็ช่างประไรจะแสดงผลของการฝึกฝนตลอดสามปีให้แกดูเองสเปลบี  สควอโล่!!  จะเอาให้ไม่มีวันลืมชื่อเลยคอยดูเถอะ!

     

    มาดูทางฝั่งวาเรียกันบ้าง.....

    ฮัดชิ้ว!!จู่ๆสควอโล่ก็จามออกมาเหมือนกับว่าถูกใครคิดถึงอยู่(ก็มารินไงจะใครล่ะ  เจ้าตัวท่าจะชอบสควอโล่มากถึงขนาดแทบอยากจะฆ่าเลยเชียว//ไรต์  มาริน? มันใครล่ะโว้ยยย!?//ฉลามขาว(?)สควอโล่  ฆ่ามันให้ตายไปเลยนะมารินจัง!! (=_=***)(โทษฐานที่กล้าลืม(ว่าที่)คนรัก)//ไรต์)

    ชิชิชิชิชิ  เป็นหวัดเหรอสควอโล่?เบลเฟกอลส่งเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์(ที่ไม่มีใครเหมือน)  เขาถามสควอโล่ด้วยความเป็นห่วงในหลายๆฐานะ

    ไม่ได้เป็นโว้ยยยยย!!!สควอโล่ตะโกนตอบกลับเบลเฟกอลด้วยเสียงที่ดังลั่น

    งั้นก็ดีแล้ว  ถ้าขืนป่วยก็ต้องเสียเงินค่ายาอีก...ปล่อยมาม่อน(จอมงก)ไปเถอะเนอะ

    กินยาซักหน่อยเถอะนะคะปะป๋า  ถ้าเกิดเป็นหวัดขึ้นมาจริงๆจะแย่เอานะ....เดลฟีโน่หรือเดลเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง

    ปะป๋าไม่เป็นไรหรอกนะเดล  นอนต่อไปเถอะนะสควอโล่บอกลูกสาว(บุญธรรม)สุดรักสุดหวงด้วยเสียงที่เบาลงจากปกติจนเท่ากับคนธรรมดาเวลาพูดกัน

    เข้าใจแล้วคะ  ราตรีสวัสดิ์อีกครั้งนะคะทุกคนเดลบอกกับทุกคนก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ(ใส่ที่อุดหู+ที่ปิดหูแล้ว)

    ชิชิชิ  สองมาตรฐานเหมือนเลวี่ชะมัดสควอโล่  เดลฟี่ดูคุณปะป๋าสิ ~ เบลพูดพร้อมกับเข้าไปนัวเนียกอดเดล(เนียนเนอะ//ไรต์)

    อย่ามาพาดพิงกับชั้นสิ!  บอสครับ...บอสอยากทานอะไรรึเปล่าครับ?เลวี่ตะโกนใส่เบลเฟกอลที่พาดพิงถึงตัวเองก่อนจะเข้าไปเอาอกเอาใจบอสของตัวเอง(จนน่ารำคาญ)ต่อ

    ใครมันจะไปเหมือนไอ้หน้าปลาดุกนี่ล่ะฟร่ะ!!   อย่ามาเรียกชั้นว่าปะป๋านะไอ้เจ้าเบลเฟกอลมือหน่ะปล่อยด้วย!!สควอโล่ทนไม่ไหวตะโกนใส่เบลเฟกอลด้วยความไม่ชอบใจ

    หุบปากไอ้สวะ!!  อยู่เงียบๆไปซะ!เมื่อทุกคนได้ยินบอสสั่งก็จึงกลับมาเงียบเช่นเดิม


    ##50%##


    __________________________________________________________________
    กลับมาแล้วจ้าาา ~ !  ในที่สุดไรต์ก็แต่งต่อได้แล้ว!  หลังจากที่หัวตันมานาน(แต่ต้องทำใจกันหน่อยนะเพราะว่าเรื่องหลักคงอีกซักพัก)  เหลืออีก50%นะเพราะตอนนี้ก็มาถึงตอนที่สควอโล่จังใกล้จะออกมาเจอกับมารินแล้ว
    ยังไงก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยที่ทิ้งฟิคไปนานมากแบบนี้  เราจะรีบลงบทนี้ให้จบไวๆ(แต่ถ้าตันจริงๆอาจจะแต่งตอนต่อจากบทที่24)
    ปล. บอกไว้ก่อนว่าสควอโล่ไม่รู้จักมารินจริงๆนะ  
    ปลล.แถมด้วยเพราะเดลเคยลองถามเลียบๆเคียงเกี่ยวกับมารินแต่สควอโล่บอกว่าจำไม่ได้ว่าเคยเจอเลยเป็นสาเหตุที่เจ้าตัวอยากฆ่า


    ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ  ดิชั้นมาริโอน่า  รินโอรินตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะมาเป็นผู้พิทักษ์ให้กับคุณคะทันทีที่มาถึงฉันก็เริ่มแนะนำตัวต่อคนที่จะเป็นบอสของฉันทันที

    อะ-เอ่อ...ผมซาวาดะ  สึนะโยชิครับ  จะเรียกว่าสึนะก็ได้นะมาริโอน่าซังสึนะโยชิทำท่าทางลนลานก่อนจะแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ยังติดความงงงวยอยู่ไม่ใช่น้อยๆ

    แม้ว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทไปบ้างกับการที่ไม่ตอบรับอะไรแต่สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการพิจารณาดูในหลายๆด้านของ(ว่าที่)บอสคนนี้ว่าเหมาะสมกับการที่จะรับใช้หรือไม่เสียก่อน  เพราะเขาจะเป็นคนที่เธอต้องฝากฝังชีวิตและปกป้องจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก

    ขอประทานโทษด้วยจริงๆนะคะท่านสึนะโยชิ...

    ปังงง!  เคร้ง...

    ในช่วงเวลาที่มาริโอน่ากำลังพุ่งเข้าใส่สึนะโยชิก็ถูกยิงโดยรีบอร์นจนล้มลงไป  แต่มาริโอน่าก็ไม่ได้ชะงักค้างเพราะตกใจแต่พุ่งตรงเข้าไปฟาดดาบเข้าใส่ร่างนั้น  ก่อนที่จะถูกสะกัดกั้นไว้ด้วยมือที่สวมถุงมือทั้งสองที่ยกขึ้นมาป้องกันไว้ตามสัญชาตญาณ

    อ๊ะ!มาริโอน่ามองสภาพที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนของสึนะโยชิด้วยความรู้สึกตกใจพร้อมกับกระโดดม้วนตัวถอยหลังออกไปแล้วตั้งการ์ดเตรียมรับการโจมตีที่ใส่เข้ามาอย่างไม่ยั้งมือของสึนะโยชิ

    ท่าทางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน  ถุงมือที่มีตราวองโกเล่รุ่นที่สิบอย่างชัดเจน   เปลวไฟสีส้มนั่น  เป็นอย่างนี้นี่เอง...  นี่คือสิ่งที่ยูกิบอกไว้สินะ

    นี่คือโหมดดับเครื่องชนกับกระสุนดับเครื่องชนที่ว่าสินะคะท่านรีบอร์น?

    ใช่แล้ว  เธอตรวจดูความเหมาะสมให้ดีๆล่ะ

    ขอบคุณสำหรับความเมตตาในครั้งนี้นะคะท่านรีบอร์น

    ระหว่างที่คุยกับรีบอร์นอยู่มาริโอน่าก็สู้กับสึนะในโหมดดับเครื่องชนด้วยท่าทางสบายๆไม่ได้แสดงความลำบากอะไร  เอาแต่ตั้งรับการโจมตีอย่างเดียวด้วยดาบที่ชักออกมาพร้อมๆกับที่วิเคราะห์ความเหมาะสมของการเป็นบอสในตัว

    ฟู่ ~ ....

    หวะ-เหวออ!!?  ข-ขะ-ขอโทษจริงๆนะครับมาริโอน่าซัง!!”ทันทีที่กลับมาจากโหมดดับเครื่องชน  สึนะก็ก้มหัวขอโทษด้วยความจริงใจทันทีแม้จะอยู่ในสภาพที่ใส่เพียงกางเกงในบ๊อกเซอร์ตัวเดียวก็ตาม

    ไม่เป็นไรหรอกคะท่านสึนะโยชิ  เพราะชั้นวู่วามเผลอตัวอยากทดสอบความสามารถของคุณมากไปหน่อยทำให้ไม่ได้ถามความเห็น....  ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ!!”พอเห็นท่าทางแบบนั้นของว่าที่บอสวองโกเล่แล้วมาริโอน่าก็อดโบกมือไปมาพร้อมเหงื่อตกด้วยความร้อนรนไม่ได้  ก่อนที่สุดท้ายจะก้มหัวขอโทษสุดชีวิตด้วยความรู้สึกผิด

    ภายในใจของเธอถือว่ายอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นบอสไปได้เกือบหมดแล้วหลังจากที่เห็นท่าทางลนลานและความจริงใจของอีกฝ่าย  ตอนแรกที่มาริโอน่ายอมมาก็เพราะเพื่อนสาวคนสนิทอย่างยูกิที่ลากมาโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรแต่พอได้เห็นว่าเพื่อนสนิทดูร่าเริงขึ้นมาได้เพราะภารกิจครั้งนี้ก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะตอบรับไป

    ถ้าหากเป็นคนที่ทำให้ยูกิร่าเริงขึ้นได้ก็น่าลองเสี่ยงดู นั่นเป็นความคิดในหัวที่ทำให้ยอมรับอีกฝ่ายเป็นบอสไปเพียงเสี้ยวหนึ่งก่อนที่จะได้เห็นท่าทางจริงใจผสมกับความลนลานนั่นก็อดทำให้เธอเห็นภาพซ้อนทับกับใครซักคนไม่ได้  ถึงแม้ว่านี่อาจจะเป็นครั้งเดียวที่ไดเห็นภาพซ้อนทับนี้จากคนตรงหน้าก็ตามแต่เธอก็ยอมรับเขาไปเกินครึ่งแล้ว  ความเหมาะสมในการเป็นบอสของวองโกเล่เธอก็ไม่รู้หรอกนะ  แต่ถ้าเป็นคนๆนี้คงจะเป็นบอสที่ดีได้แน่นอน

    ยูกิ...คุโรยูกิสำหรับบอสแล้วเธอเป็นคนยังไงงั้นเหรอค่ะ?เธอถามออกไปหลังจากปรับความเข้าใจและพูดคุยเล็กๆน้อยๆกับบอสของตัวเอง

    สึนะเลิกพยายามที่จะให้มาริโอน่าเลิกเรียกว่าบอสแล้วเหมือนกับโกคุเดระเพราะทั้งคู่หัวดื้อเหมือนกันไม่มีผิด  ถึงมาริโอน่าจะดูท่าทางเป็นมิตรกับคนรอบข้างแต่มันก็น่าอายเกินไปอยู่ดี....  สึนะคิดพลางถอนหายใจกับนิสัยของแต่ละคนก่อนจะเอ่ยปากตอบคำถามของเพื่อนคนใหม่

    คุโระจังหน่ะเหรอ?  ก็ดูเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดนะ  ถึงจะเหมือนเย็นชาแต่ก็ทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังผล  ชอบเป็นห่วงคนอื่นแล้วก็เป็นคนอ่อนโยนล่ะมั้ง?  แต่ยังไงช่วงนี้ก็ดูเหมือนจะร่าเริงขึ้นบ้างแล้ว

    มาริโอน่าเผลอมองรอยยิ้มนั้นอย่างคิดถึงด้วยความเหม่อลอย  ถึงจะเหมือนกับเธอคนนั้นแค่บองส่วนแต่ถ้าเทียบในหลายๆด้านแล้วคล้ายกันไม่ใช่น้อย  รอยยิ้มจริงใจและท่าทางแบบนั้นของสึนะโยชิทำให้มาริโอน่าอดคิดไม่ได้เลยว่ามันจะดีแค่ไหนที่คุโรยูกิจะกลับมาเป็นแบบนั้นบ้าง

    ยังไงก็ไว้พบกันใหม่แล้วกันนะคะบอสหลังจากบอกลาสึนะแล้วมาริโอน่าก็เดินไปยังที่พักของยูกิที่บอกให้ไปอยู่

     

     

    ณ  เวลานี้มาริโอน่ากำลังสิ้นหวังคะ...  ฉันกำลังสิ้นหวังสุดๆเลยด้วย...  อุตส่าห์ฝึกมาตลอดสามปีเพื่อเอาชนะหมอนั่นแต่มันก็ดันลืม  ก็เคยได้ยินมาจากปากของเดลอยู่หรอกนะว่ามันดันลืมไปแล้วแต่พอมาได้ยินเองนี่ช็อคสุดๆ  บอกตามตรงว่าแทบจะเข้าไปขอท้าประลองกับไอ้หมอนั่นเลยด้วยซ้ำถ้าไม่ติดที่ว่ามันยังนั่งรถเข็นอยู่แบบนั้น  จะว่าไปยังไม่ได้บอกเลยสินะ  ตอนนี้ศึกชิงแหวนจบแล้วโดยที่มีพวกเราเป็นฝ่ายชนะ  แต่ทุกคนก็ต้องเข้าโรงพยาบาลกันระนาวเลยล่ะ 

    เฮ้อ ~ ....สุดท้ายก็ยังต้องมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกสินะ

    มาริโอน่ามองแขนข้างขวาของตัวเองที่ได้ยูกิมาผ่าตัดติดตั้งแขนเทียมให้ใหม่  การผ่าตัดพึ่งเสร็จไปไม่กี่วันทำให้ยังมีเจ็บๆอยู่บ้างเวลาขยับ  เธอเดินไปที่ห้องพักของเดลฟีโน่ที่อยู่ไม่ไกลมากเพื่อไปดูอาการด้วยความเป็นห่วงตามประสาเพื่อน

    แผลเป็นไงบ้างเดล?

    ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องมาริโอน่าก็ถามเดลทันที  สภาพของมาริโอน่าหากเทียบกับเดลฟีโน่แล้วดูดีกว่ามาก  เดลยังลุกออกจากห้องไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะแผลยังหายไม่หมดแต่เอาจริงๆก็เพราะหมอสั่งห้าม(เห็นพยาบาลกับหมอน้ำตาแทบไหลที่เห็นว่าเดลเชื่อฟังอย่างดี)

    สบายๆน่ามาริน  แต่ว่าไม่มีของฝากหน่อยเหรอ?จู่มาริโอน่าก็รู้สึกอยากจะต่อยเดลซักทีที่ได้ยินคำถามแบบนั้นก่อนจะยื่นอะไรออกไปให้

    ว่าจะให้ตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสซักที  เจ้านี่หายากมากๆเลยนะว่าพร้อมกับยื่นกล่องให้กับเดลที่ทำหน้าสงสัย  แต่พอเปิดดูเท่านั้นแหละ

    นะ-นะ-นะ-นี่มัน....!!เดลมองของในกล่องด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง  อ้าปากเหวอดูน่าขำดีนะ  แต่ว่าหน้าดูอึ้งสุดๆเลยแฮะ...

    ก็ชอบมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วไม่ใช่รึไง?  ถือเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังไปเลยก็แล้วกัน

    กรี้ดดดด ~ !”หวาๆ...หน้าดูฟินสุดๆเลยนี่หว่า

    ปังงง!!

    เดลเป็นอะไรรึเปล่า!? / เกิดอะไรขึ้นเดล!!?  แกมาทำอะไรที่นี่!?

    ดูเหมือนเสียงกรี้ดของเดลที่ได้ขอเก่าของโบราณจะดังไปหน่อยจนเรียกเจ้าสองตัว(คน)นี้มา  คนแรกคือเบลเฟกอลที่เข้ามาถามทั้งๆที่สภาพร่อแร่แต่มีดนี่มาพร้อมเชียว  ส่วนคนที่สองก็สควอโล่ที่มาพร้อมเสียงดังลั่นและดาบที่แขนท่าทางก็ดูร้อนรนสุดๆแถมยังมาตวาดใส่ฉันที่นั่งมองเดลด้วยสีหน้าอึ้งๆอีก 

    ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!  ก็อยากจะพูดตอบอยู่หรอกแต่พอหันไปมองท่าทางแบบนั้นมันก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ยัยคลั่งของเก่านี้เป็นแบบนี้  แถมดูเหมือนความเป็นห่วงมันจะไม่จำเป็นแล้วด้วย  เพราะภาพตรงหน้าของทั้งสองคนมันคือเดลที่มีสายตาเคลิบเคลิ้ม  น้ำลายไหลจ้องของในมืออย่างไม่สนใจอะไร  แต่นี่มันก็น่าละเหี่ยใจจริงๆเลยล่ะนะ...(=_=)

    ส่วนที่ว่าทำไมเจ้าสควอโล่ถึงถามว่าฉันมาทำอะไรที่นี่?  ก็เพราะฉันดันถูกเดลฟันแขนเทียมขาดเลยต้องกลับมารักษาตัวที่อิตาลีที่โรงพยาบาลในเครือของวองโกเล่โดยมียูกิเป็นคนรักษา  แต่ยูกิก็มาดูอาการไม่นานก็กลับไปทำหน้าที่ต่อที่ญี่ปุ่น

    ว่าแต่เธอมาทำอะไรห๊ะ!?!  ตอบมาเลยนะยัยเปี๊ยกนี่!!!สควอโล่กระชากคอเสื้อของมาริโอน่าขึ้นมาเขย่ารัวๆเพื่อเค้นเอาคำตอบ  แต่แค่ตะโกนมาหูก็แทบแตกแล้วด้วย

    ผั๊วะะะ!

    มาหาเพื่อนนี่มันผิดใช่มั้ยไอ้แก่สูงโย่งเอ้ย!!  ผ่านมาสามปีแล้วแกก็ยังมาบอกว่าชั้นเปี๊ยกอีกเรอะ!?  อีกอย่างชั้นสูงพอๆกับเดลนั่นแหล่ะโว้ยยย!  ถึงจะจำไม่ได้แต่ยังไงก็มาต่อยกันต่ออีกซักรอบมั้ยห๊ะ!!หลังจากที่ต่อยสควอโล่ไปซักหมัดมาริโอน่าก็คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายที่นอนราบอยู่กับพื้นแล้วตะโกนใส่ด้วยความหงุดหงิด

    (ท่ามันดูส่อๆนะ  ว่างั้นป่ะ?//ไรต์)

    เอาอีกแล้วๆพอถูกเรียกว่าเปี๊ยกแล้วมันก็ดันมาฟิลขาดตลอดเลยแฮะ...  แต่มันก็ยอมไม่ได้อีกนั่นล่ะที่ถูกหาว่าเปี๊ยก  แต่แสบคอแล้วอ่ะ  ไอ้หมอนี่มันทำยังไงถึงตะโกนได้ทั้งวันเลยเนี่ย?  มาริโอน่าได้คิดสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในใจ

    ห๊าาา!!?  แล้วใครมันบอกว่าจำแกไม่ได้ล่ะยัยตาสองสี!?สควอโล่โวยวายทันทีที่ได้ยินที่มาริโอน่าบอกว่าตัวเองจำไม่ได้

    ก็แกไง!....เอ๊ะ?เดี๋ยวนะ?  งั้นก็แปลว่าจำได้??มาริโอน่าเผลอตะโกนตอบกลับไปก่อนจะนิ่งค้างไปแล้วจึงทวนคำถามอีกครั้งในใจ  จนเผลอทำหน้าเหลอหลาออกไป

    ก็เออสิว่ะ!!  คิดว่ามันมีซักกี่คนที่มาท้านักฆ่ามีชื่อเสียงอย่างชั้นมาต่อยเพราะถูกเรียกว่าเปี๊ยกนอกจากแกล่ะว่ะ!  คิดว่ารอแกมาล้างแค้นตอนนั้นมากี่ปีล่ะฮะ!!?

    แปร๊ดดดดด!

    พอได้ยินคำตอบกลับแบบนั้นหน้าของมาริโอน่าก็แดงขึ้นทั้งหน้าเลยทันที  เธอค่อยๆลุกแล้วเดินไปเกาะเดลฟิโน่ที่เลิกสนใจของในมือมาจ้องพวกเธอที่ตะโกนแข่งกัน(?)  มาริโอน่าซุกหน้าลงไปที่ผ้าห่มด้วยความรู้สึกหลากหลายแบบที่มีทั้งอับอายและดีใจ

    ฮึก...กะ-ก็ไหนเดลบอกว่าสควอโล่จำไม่ได้ไง...  มันก็เลย....โฮฮฮฮ ~ !พอมารินอายมากๆเข้าก็เริ่มหลุดมาด(หรือเรียกง่ายๆก็เก๊กแตกนั่นล่ะ//ไรต์  หุบปากไปเถอะยัยไรต์!//มาริน)เข้าไปกอดเดลทั้งน้ำตา

    เอาจริงๆก็คือไอ้ท่าทางสง่างาม  มีมารยาทและสุขุมเยือกเย็นพวกนั้นหน่ะเก๊กนะ   นิสัยจริงๆก็โผล่ออกมาตอนถูกยั่วโมโหหรือว่าร้องไห้เนี่ยล่ะ  ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะออกมาเพราะเธอดันเก๊กจนเป็นนิสัย(ที่แยกไม่ออกว่าอันไหนคือนิสัยจริงๆกันแน่)

    ก็ตอนนั้นปะป๋าตอบมาว่าไม่รู้จักจริงๆนี่  หนูก็เลยบอกมารินไปว่าปะป๋าดูเหมือนจะจำไม่ได้แล้วว่าไปต่อยกับใครเดลโบ้ยความผิดไปให้สควอโล่ที่ทำหน้าอึ้งๆกับนิสัยที่เปลี่ยนไปของมาริโอน่า

    กะ-ก็ตอนนั้นใครมันจะไปบอกกันล่ะว่าไปต่อยกับเด็กผู้หญิงมา  แถมยังมารอเอาคืนอีก....สควอโล่ตอบพร้อมกับหันหน้าหนีด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีนิดๆ  ประโยคสุดท้ายสควอโล่พูดเบาๆไม่ให้ใครได้ยิน  แต่เพราะทั้งห้องเงียบมากจึงได้ยินกันหมด

    มาริโอน่าเผลอยิ้มกว้างด้วยท่าทางดีใจออกไป  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมาดหลุดรึเปล่าสควอโล่ถึงเห็นว่ารอบๆตัวของเด็กสาวปรากฏออร่าวิ้งๆเป็นประกาย  แต่พอขยี้ตาดูซักสองสามทีมันก็หายไปซะแล้ว

    สงสัยจะตาฝาดไปเอง...

     

     

    (ตั้งแต่ช่วงนี้ไปอีกซักพักจะเป็นความคิดของมาริโอน่าซักส่วนใหญ่  เล่าถึงความรู้สึกและอดีตนะคะ  เอาจริงๆก็จะเขียนความรู้สึกไปจนถึงตอนเจอกับฉลามเลยเพราะงั้นจะยาวพอดู//ไรต์)

    หลังจากจบศึกชิงแหวนมาได้ไม่นานฉัน  มาริโอน่ารวมถึงอีกหลายๆคนก็ได้ความทรงจำจากอนาคตมาคะ  ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่ไม่ได้ไปร่วมสู้กับพวกบอสแต่ไม่ว่ายังไงแหวนธาตุหิมะก็ถูกพัฒนาเช่นเดียวกับพวกผู้พิทักษ์คนอื่นๆเพราะยูกิเป็นผู้รักษาการแทนฉันที่แยกตัวมาจัดการภาระหน้าที่ที่คั่งค้างไว้  แต่เพราะดูเหมือนจะจบเรื่องทั้งหมดแล้วถึงได้ส่งแหวนกลับมาให้ที่วาเรีย

    เอ๊ะ?  อ่า...ใช่แล้วล่ะคะอ่านไม่ผิดหรอกที่วาเรียหน่ะ  เพราะว่าตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาก็ได้รับหน้าที่ควบคุม  ดูแลรวมถึงจับตามองพวกวาเรียจากรุ่นที่เก้าจึงได้มาอยู่ที่นี่มาได้ซักพักแล้วล่ะ  ถึงตอนแรกๆจะไม่ชินกับนิสัยของแต่ละคนที่สุดโต่งกันจริงๆแต่ก็ยังดีที่ได้ผู้ช่วยมา(ไม่ขอบอกหรอกนะคะว่าใคร  แต่หลายๆคนต้องน่าจะพอเดาได้//มาริน)

    ส่วนในช่วงที่มาจับตามองวาเรียมาริโอน่าก็ไม่มีอะไรทำอย่างอื่นนอกจากขอท้าดวลสควอโล่ในเวลาที่เจ้าตัวว่างเว้นจากภารกิจ  เดิมทีแล้วหน้าที่ของเธอกีแค่เขียนรายงานเรื่องต่างๆส่งไปในรุ่นที่เก้านอกนั้นก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก

    แต่เพราะเดิมทีเธอก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดาอยู่แล้วถึงได้ทำเรื่องนอกเหนือจากหน้าที่ไป(แน่นอนว่าขออนุญาตไปก่อนแล้ว)  มาริโอน่าเคยอยู่ในตำแหน่งว่าที่บอสคนต่อไปจึงเคยทำงานของแฟมิลี่ในหลายๆตำแหน่ง  แม้แต่การดูแลแฟมิลี่ในตอนที่บอสป่วยก็ยังเคยด้วยซ้ำไป

    แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็แตกต่างจากว่าที่บอสคนอื่นๆที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก  เธอไม่ได้มีนิสัยหยิ่งยโส  เอาแต่ใจหรือว่าชอบโวยวาย  มารินเป็นตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำไป  นิสัยของเธอดูห่ามๆคล้ายกับผู้ชาย  เคารพต่อผู้อาวุโสกว่าและเคารพในการตัดสินใจของคนอื่นๆที่ด้อยกว่า  นอบน้อมแต่ก็ไม่ได้ดูตกต่ำเกินไปอยู่ในความพอดี  เคร่งครัดในกฏระเบียบและนอกเหนือจากนันคือตั้งใจฝึกฝนในการเป็นว่าที่บอส  แม้จะถูกเลี้ยงดูมาเหนือคนอื่นแต่เด็กสาวก็ไม่เคยเหยียดหยามใครที่มองจากภายนอก

    แต่เพราะตำแหน่งที่สูงจนน่ารังเกียจนั่นทำให้มาริโอน่าโดดเดี่ยวและรู้สึกด้อยค่า  คนอื่นต่างก็เข้าหาเธอด้วยผลประโยชน์ไม่ใช่ที่ตัวเองทำให้ต้องสวมหน้ากากไว้จนเคยชินเสียจนแทบจะลืมเลือนไปด้วยซ้ำว่านิสัยจริงๆเป็นยังไง  เด็กสาวไม่เคยมีอะไรที่ได้มาด้วยตัวเองเลยซักนิดเดียว  เธอมีแต่เดินตามรอยที่ผู้ใหญ่วางไว้จนกลายเป็นมาริโอน่าที่เป็นว่าที่บอสที่น่ายกย่องและชื่นชม

    ไม่ว่าจะฝึกมากเท่าไหร่หรือเรียนเก่งมากเท่าไหร่ก็ถูกบอกเสมอว่าสมกับที่เป็นว่าที่บอส  หรือไม่ก็มาบอกว่าเป็นเพราะแขนเทียมนั่นถึงได้ทำให้เก่งขนาดนี้บ้างล่ะ   พอลับหลังก็มานินทาเรื่องปมของคนอื่นเขาไปทั่ว  ฉันพิการแล้วมันผิดรึไง?  ใส่แขนเทียมกับตาบอดแค่นี้แล้วมันยังไง?  ฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนกันไม่ใช่รึไง?  เธอไม่เคยเอ่ยความคิดพวกนี้ออกไปและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าถึงจะเป็นแบบนี้แต่ก็เหนือกว่าคนอื่นๆได้

    แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิมอยู่ดี...

    ทุกๆคนเอาแต่มองด้วยสายตาที่ชื่นชมปนสงสารและก็ยังมีความเคลือบแคลงใจ  ไม่มีใครที่มองความสามารถจริงๆเอาแต่มองไปที่เรื่องนี้  เอาแต่พูดกันอยู่ได้ว่าทั้งๆที่ไม่มีแขนหรือว่าพิการ  โง่กันนักรึไงถึงได้คิดกันอยู่ได้ว่าที่เรียนเก่งหรือว่าทำอะไรก็ดีไปหมดมันเป็นเพราะแขนนี่  คิดว่าสมัยนีมันจะมีเรื่องบ้าๆแบบนั้นรึไง?  ถึงมีฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก  แล้วอย่ามามองด้วยสายตาสงสารแบบนั้นสิ  สมเพชเหรอ?  ถ้าจะทำแบบนั้นก็ไปทำสายตาเหยียดหยามยังให้ความรู้สึกดีมากกว่าอีก!

    ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็เหมือนกันหมด...ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ลาฟลอร่า....ก็ไม่เห็นจะมีใครมองฉันด้วยความสามารถเลย...  แต่เพราะเจอแบบนี้มาตลอดถึงได้ชิน  ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีใครเข้าใจเลยเลิกฝึกและเลิกตั้งใจเรียน

    พอรู้ตัวอีกทีก็ได้มาอยู่ที่คลาสCซะแล้ว?  ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรแต่ก็รู้ว่าพ่อกับแม่ผิดหวังกับเรื่องนี้มาก  ก็สายตาพวกนั้นเล่นมองกันแบบเย็นชาซะขนาดนั้นนี่  แต่พอเข้าคลาสนี้ได้ซักพักถึงรู้สึกเลยว่าดีจัง  เพราะในที่สุดก็ได้เจอคนที่มองฉันเองจริงๆ  ชื่นชมฉันด้วยสายตาที่ไม่ใช่ใจในเรื่องปมด้อย  เป็นสายตาที่ทำให้อดร้องไห้ไม่ได้  เพราะว่ามันทั้งซื่อตรงเสียเหลือเกิน  แต่ในวันที่ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์นั้นเธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน  ตัวฉันที่รู้สึกโดดเดี่ยวได้ถูกเธอช่วยเหลืออีกครั้งแต่เศษเสี้ยวตะกอนในใจพวกนั้นก็ยังไม่หายไปอยู่ดี

    แต่ว่า...  หลังจากที่ได้พบกับหมอนั่น  สควอโล่กลับแตกต่างออกไป... 

    ตอนที่ได้ยินเรื่องของหมอนั่นจากยูกิถึงกับทำหน้าแปลกๆออกไปเลย  ประมาณว่ามีคนแบบนี้จริงๆเหรอ?  ถึงขนาดที่ว่ายอมตัดแขนออกเพื่อเข้าใจถึงเพลงดาบ  ทั้งๆที่เป็นร่างกายแต่กลับตัดมันทิ้ง?  ในตอนนั้นสเปลบี  สควอโล่ในสายตาของฉันก็เป็นเหมือนกับคนที่แปลกๆที่ไม่มีทางหาได้จากที่ไหนและเผลอคิดไปว่าไม่ชอบคนๆนี้เลยจริงๆ  ก็เป็นคนที่มีร่างกายสมบูรณ์พร้อมแต่ก็ตัดแขนของตัวเองออกไปนี่?  เป็นคนน่าอิจฉาที่ไม่เหมือนกับคนพิการแบบฉัน  ไม่ต้องพยายามให้คนเห็นค่าอะไรเหมือนฉัน

    ทั้งๆที่คิดไว้แบบนั้น...แต่พอได้เจอกันจริงๆถึงได้รู้ถึงความจริง  สควอโล่คนนั้นแข็งแกร่ง  แข็งแกร่งกว่าใครๆเป็นเหมือนกับฉลามที่บ้าเลือดสมฉายา  ทั้งๆที่คิดว่าเป็นคนที่ไม่ชอบมากแท้ๆแต่ว่าพอได้เห็นมือนั่นแล้วก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้  ถึงจะอยู่ในสภาพไร้แขนอีกข้างแต่กลับแข็งแกร่ง  ถึงจะไม่มีดาบอยู่ในมือแต่ก็ยังต่อสู้ได้ดี  ถึงจะบอกว่าตัวเองฝึกมาอย่างหนักแต่พอได้จับมือนั้นก็ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายฝึกมามากกว่า  ฝึกหนักกว่าไม่รู้กี่เท่า  เพราะเป็นเด็กและยังเป็นผู้หญิงคนอื่นถึงโอนอ่อนให้  พอเป็นแผลก็ถูกรักษาทันทีจนมันหยาบกระด้างกว่ามือของผู้หญิงคนอื่นนิดเดียว

    ทำไมถึงมีแต่คนกลัวทั้งๆที่มีแขนเพียงข้างเดียว?  ทำไมถึงยอมตัดแขนเพื่อดาบ?  ความสงสัยทั้งหมดหายไปทันทีที่ได้พบกันจริงๆ  เพราะแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครถึงได้ถูกกลัวเกรง  เพราะใฝ่หาความแข็งแกร่งถึงเลือกทิ้งแขนเพื่อให้เก่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม  ทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายอย่างซื่อตรงและจริงจัง 

    ราวกับได้ถูกเติมเต็มในการต่อสู้ครั้งนั้น.... 

    จากความโกรธที่ต้องการกลับมาเอาคืนจากที่แพ้ไปก็เปลี่ยนไปเป็นความชื่นชมและกลายเป็นเป้าหมาย  แต่พอได้ยินจากเดลมาว่าถูกลืมก็ถึงกับทำให้โกรธและไม่พอใจจนกลบทับความรู้สึกพวกนั้น  พอนึกย้อนไปดูก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้  ก็เพราะตอนนั้นเล่นเอาฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนจนยูกิลากไปทำงานของนักฆ่าไว้ฝึกสู้กับคนจริงๆในช่วงที่หยุดจากลาฟลอร่า  แล้วนานๆทีก็ถึงจะได้ฝึกกับยูกิ

    ก็รู้ล่ะนะว่ายูกิเก่ง  แต่ว่ายังไงๆเป้าหมายของเธอก็คือสควอโล่อยู่ดี  ยูกิหน่ะเก่งเกินไปเลยไม่คิดจะเอาเป็นเป้าหมายหรอก  เพราะคิดว่ายังไงๆก็ไม่น่าจะตามทันแถมยังไม่ได้ว่างตลอดเพราะติดเรียนอีก  อีกอย่างการที่มาจับตามองวาเรียได้แบบนี้ก็เพราะที่โรงเรียนปิดเทอมอยู่

    (มาริโอน่ายังเรียนอยู่ที่ลาฟลอร่าแต่เพราะแยกตัวจากบ้านมาช่วงแรกๆเลยได้ยูกิช่วยเหลือเรื่องเงิน  มารินเลยรู้สึกว่ายูกิเป็นเหมือนผู้มีพระคุณมากกว่าเพื่อน....//ไรต์  มันผิดรึไงที่คิดแบบนั้น!?  ลองเจอแบบชั้นบ้างมั้ยล่ะ!?//มาริน  ม่ายเอาหรอก ~ ถ้าขืนติดหนี้บุญคุณกับยูกิจังเข้ามีหวังชาตินี้ก็ไม่มีวันลืม//ไรต์  เฮอะ! ถ้ารู้แบบนั้นก็อย่าพูดงั้นสิ//มาริน)

     

     

    ชนะแล้ว!!  ในที่สุดก็ชนะนายได้แล้ว!!

    มาริโอน่าตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความสุขพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างร่าเริง  มันก็น่าดีใจสุดๆอยู่หรอกนะ  ก็หลังจากที่มาอยู่วาเรียได้ราวๆสามเดือน  ท้าสู้กับสควอโล่ไปสี่สิบเก้าครั้ง  แพ้ไปยี่สิบเอ็ดครั้ง  เสมอไปสิบแปดครั้ง  ในที่สุดครั้งที่ห้าสิบก็ชนะ ได้ซักทีนี่

    ชิ้ง....

    โว้ยยย!!!  อย่าคิดว่าเอาชนะแค่ครั้งเดียวแล้วจะชนะครั้งต่อไปได้อีกนะยัยมาริน!!?สควอโล่ชี้ดาบใส่มารินพร้อมโวยวายเสียงดังลั่น  ซึ่งไม่มีใครคิดจะสนใจเท่าไหร่เพราะมันเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับวาเรียที่มีลำโพงเดินได้อย่างสควอโล่

    หยุดแหกปากซักทีเหอะ  มันปวดหูนะสควอโล่มารินบ่นด้วยความรำคาญก่อนจะเอามือที่ยกขึ้นมาปิดหูลงแล้วก้มลงไปหยิบดาบที่วางแหมะอยู่ที่พื้น

    ช่างเถอะ...  เท่านี้ชั้นก็คงจะไปได้โดยไม่ค้างคาอะไรอีกแล้วมารินคว้ากระเป๋าสะพายแบบแฟชั่นใบเล็กๆสีขาวเหลือบดำขึ้นมาใส่ก่อนจะเอาดาบเก็บเข้าฝักแล้วใส่มันลงไปในซองผ้าสำหรับใส่ดาบสีดำ(ที่เป็นแบบสะพาย)

    (แต่ว่านะ...ทำไมพูดเหมือนจะไปตายงั้นล่ะมาริน//ไรต์  เธอเขียนบทเองนี่!//มาริน  ....//ไรต์  อย่ามาทำเงียบนะ!!//มาริน)

    กึก!

    “!?จู่ๆก็ถูกจับแขนทำให้มารินชะงักค้างก่อนจะหันกลับไปมองทางสควอโล่อย่าสงสัยและงงงวย

    เธอ...จะไปไหน...?สควอโล่กัดฟันพูดด้วยระดับเสียงปกติที่คนธรรมดาพูดกัน  แต่ดูจากน้ำเสียงที่เย็นผิดปกติแล้วเหมือนกำลังจะโกรธอยู่ยังไงอย่างงั้น

    ห๊ะ?  ชั้นขออนุญาตรุ่นที่เก้าว่าขอยกเลิกภารกิจจับตามองพวกนายแล้วนะ?  อีกอย่างเพราะรุ่นที่เก้าก็เห็นว่าพวกนายสงบกันดีเลยยอมรับเรื่องนี้แล้ว  วันนี้เลยเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ที่นี่...  แล้วก็ปล่อยซักที!?  ชั้นต้องรีบไปตามนัดดูตัวก่อนแล้วนะ!เด็กสาวมองสควอโล่อย่างไม่เข้าใจและรีบร้อนก่อนจะสะบัดมือไปมาให้อีกฝ่ายปล่อยมือที่กำซะแน่น  ฉันว่าฉันก็บอกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะหมอนี่เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย!?

    เธอนัดกับใครไว้!?  ตอบมาสิ!!สควอโล่ตะโกนใส่มารินด้วยความไม่พอใจแล้วกระชากมารินให้เข้ามาใกล้เพื่อเค้นเอาคำตอบ

    แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยล่ะเนี่ย!?  โอ้ยชั้นต้องรี-อุ๊บ!

    เธอตะโกนใส่สควอโล่ด้วยความไม่พอใจเมื่อถูกขัดเวลารีบ  เธอต้องรีบไปหาคนที่ถูกคุณพ่อคุณแม่บังเกิดเกล้าที่อุตส่าห์ตัดความสัมพันธ์ด้วยไปแล้วพามาดูตัวที่ร้านอาหารใกล้ๆเพื่อตอบปฏิเสธและตัดความสัมพันธ์กันจริงๆแล้วรีบหนีขึ้นเครื่องบินมุ่งตรงไปลาฟลอร่าทันที 

    แต่ดูเหมือนว่าคำว่าดูตัวที่มารินพูดดูเหมือนจะกระตุ้นต่อมโมโหของสควอโล่ให้พุ่งทะลุจนเขาเผลอบีบมือของมารินให้แรงขึ้นก่อนจะทำอะไรไม่ยั้งคิดอย่างจูบออกไป

    “)#$%@#$%^&*()_+_)(*&^%!?ทันทีที่มาริโอน่าผละออกจากสควอโล่  เธอก็ชี้นิ้วไปที่อีกฝ่ายพร้อมพูดออกมาไม่เป็นภาษาด้วยใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความรู้สึกอาย

    ปละ...ปล่อยชั้นลงเดี๋ยวนี้นะสควอโล่! ไอ้ฉลามงี่เง่าปล่อยชั้นลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!เด็กสาวทั้งดิ้นทั้งโวยวายทั้งๆที่ใบหน้ายังแดงอยู่เมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกจับพาดบ่า

    ระหว่างทางที่สควอโล่อุ้มมารินไปมันไม่มีเสียงอะไรหลุดรอดออกมาเลย  ไม่ว่าเด็กสาวจะพูดอะไรก็ได้คำตอบเป็นเงียบจนเธอต้องเป็นฝ่ายเลิกปล่อยให้อุ้มโดยไม่พูดอะไรหรือโวยวายอะไรออกมา  เธอได้แต่เพียงมองใบหน้าของสควอโล่ที่อุ้มเธอด้วยความไม่เข้าใจ

    เด็กสาวไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เอาแต่โวยวายไม่ยอมเงียบ(นอกจากเวลานอน  เวลาอยู่เฉยๆ)อย่างสควอโล่ถึงได้ไม่ยอมพูดอะไรออกมา?  เธอไม่เข้าใจว่าทำไมสควอโล่ถึงโกรธ?  ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ทำแววตาแบบนั้น?และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้จูบเธอกัน?  ไม่เข้าใจอะไรเลยทั้งนั้น  มาริโอน่าไม่เข้าใจถึงเหตุผลของทุกๆการกระทำของสควอโล่มีเกิดขึ้นเมื่อกี้เลย...

    ตุบ!

    มาริโอน่าถูกโยนใส่เตียงขนาดคิงไซส์ในห้องของสควอโล่จนเกิดเสียง  ยังดีที่มันไม่ได้แรงอะไรและเตียงมันนุ่มทำให้ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร 

    เธอห้ามไปเด็ดขาด...

    นี่คือประโยคแรกที่เขาเอ่ยออกมาหลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น  ฉันมองไปยังสควอโล่ที่ยืนอยู่ด้วยความสับสนไม่เข้าใจแต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกกลัวเขาในตอนนี้มากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ  มันไม่ใช่ความกลัวแบบกลัวตายหรืออะไรพวกนั้นเพียงแต่พอจ้องมองสควอโล่ในตอนนี้ก็อดที่รู้สึกแบบนั้นไม่ได้

    สควอโล่...นาย...เป็นอะไรไป...?มารินเอ่ยถามอย่างยากลำบากขณะที่ยังคงจ้องไปยังสควอโล่  จิตสังหารที่ถูกปล่อยออกมาทำให้เด็กสาวรู้สึกอึดอัด  แต่มันก็มีได้ไม่นานเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะรู้ตัวจนหยุดปล่อยมันไปแล้วเปลี่ยนเข้ามากอดเธอไว้

    ขอร้องล่ะ...อย่าหายไปอีกเลย...สควอโล่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขณะที่ยังคงกอดมาริโอน่าอยู่

    ....เด็กสาวพูดอะไรไม่ออกแต่ก็กอดตอบ  สัมผัสเปียกชื้นที่ไหล่ทำให้รู้ว่าเขาร้องไห้  ถึงเธอจะไม่เข้าใจเหตุผลแต่ก็ทำได้แค่กอดเท่านั้น

    ขอโทษ...ขอโทษเรื่องเมื่อกี้ด้วยจริงๆ...ถึงจะรู้ว่าเธออาจจะเกลียดชั้นไปแล้วที่ทำไปโดยไม่ยั้งคิด  แต่อย่าหายไปเลย  อย่าหายไปเหมือนกับเมื่อสามปีก่อนอีกเลย....สควอโล่พูดขณะที่กำลังกอดมารินอยู่ด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกผิดและเว้นวอน  พอคิดไปว่าเธอจะต้องหายไปเป็นของคนอื่นมันก็รู้สึกแทบคลั่ง

    เขาสลัดคราบของฉลามคลั่งแห่งวาเรียทิ้งไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  ขอโทษและขอร้องมาริโอน่าโดยไม่สนใจว่าภาพลักษณ์ของตัวเองจะเป็นยังไง  สควอโล่ไม่เคยขอโทษใครหรือขอร้องใครมาก่อนแม้แต่กับบอสหรือว่าใครก็ตามแต่เขากลับมาทำมันกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

    เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยซักครั้งตั้งแต่ที่เกิดมา  หัวใจเต้นแรงเวลาเข้าใกลเธอหรือจับมือกัน  รู้สึกดีใจที่ได้คุยและได้ทำอะไรร่วมกับเธอ  รู้สึกไม่พอใจที่เห็นเธอไปพูดจาสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นและรู้สึกโกรธที่ได้ยินคำว่าดูตัวจากปากของเธอ  เขาเป็นพวกแสดงออกไม่เก่งเลยจบลงด้วยการทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งแต่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่อะไรแต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่จนเจ้าลุสซูเรียมาบอก

    ชั้นรักเธอ...ชั้นรักเธอ...ชั้นรักเธอ....รักเธอ...มาริโอน่าสควอโล่เอ่ยออกไปเพื่อบอกกับมารินซ้ำๆขณะที่ยังกอดเธออยู่ด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี

    ช่วยเป็นคนรักให้กับชั้นด้วยเถอะเขาบอกกับมาริโอน่าด้วยสีหน้าจริงจังหลังจากที่ผละออกมา

    พอมาริโอน่าได้ยินแบบนั้นใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นก่อนที่เธอจะก้มหน้างุดเอามือปิดหน้าเพื่อปกปิดความเขินของตัวเอง  เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงต่อดีเพราะจู่ๆก็พึ่งถูกสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตจึงได้แต่เงียบเท่านั้น

    จะ-จู่ๆก็มาพูดกันแบบนี้มัน...  ตะ...แต่ว่าจะเป็นคนรักของนายให้ก็ได้นะ...เด็กสาวพูดเสียงเบาก่อนจะหันหน้าหนีบอกคำตอบไปเมื่อถูกจ้องด้วยสายตาจริงจังของสควอโล่

    ถึงจะไม่ถึงกับเป็นคำว่ารักแต่ก็คิดว่าชอบหน่ะนะ...มาริโอน่าพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะหลับตายกยิ้มอย่างมีความสุขออกมาเมื่อถูกกอดเข้าอีกครั้งจากสควอโล่

    ความรู้สึกอบอุ่นถูกส่งผ่านเข้ามาผ่านทางอ้อมกอด  พอถูกกอดแบบนั้นแล้วมันก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวอีกแล้วจนเผลอร้องไห้ออกมาจนสควอโล่ต้องมาปลอบแล้วสุดท้ายก็หัวเราะออกมากันทั้งคู่  สุดท้ายก็ไม่ได้ไปจริงๆสินะ  แต่ว่ามันอาจจะดีแล้วก็ได้ล่ะมั้ง?  เด็กสาวมองเวลาที่นาฬิกาในโทรศัพท์ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วยิ้มบางๆกับตัวเองเรื่องเกี่ยวกับนัดดูตัว

     

     

    ณ  สนามบิน(อิตาลี)

    ไว้เจอกันใหม่หลังปิดเทอมอีกรอบแล้วกันนะสควอโล่มาริโอน่าโบกมือลาสควอโล่ที่มาส่งที่สนามบินก่อนจะขึ้นเครื่องไปหาคนที่ขึ้นไปรอบนเครื่องก่อนตั้งนานแล้ว

    ช้าคะ...เจ้าของเสียงเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจทันทีที่มาริโอน่าขึ้นมานั่ง

    โทษทีๆ  พอดีเกิดเรื่องอะไรนิดหน่อยหน่ะนะมารินรีบขอโทษขอโพยพร้อมบอกเหตุผลไปทันทีที่คนข้างๆล้วงกระเป๋าเหมือนจะหยิบอะไรบางอย่าง  เธอล่ะกลัวจริงๆว่าคนตรงหน้าจะหยิบมีดมาแทงข้อหาที่ช้าแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่

    เอาชุดไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำได้แล้วค่ะชุดนักเรียนลาฟลอร่าสีส้มที่บอกได้ว่าเธออยู่ในคลาสอะไร

    ขอบใจนะเด็กสาวกล่าวก่อนจะรีบหยิบชุดไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำของเครื่องบินทันทีอย่างเร่งรีบพร้อมหวีและหนังยางอีกนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนทรงผมจากปล่อยยาวมาเป็นทรงทวินเทลเหมือนปกติเวลากลับไปเรียน  หลังกลับมานั่งที่ถึงสวมผ้าปิดตา

    100%!!!

     ________________________________________________________________________________________

    ครบแล้ว!!  ในที่สุดก็แต่งได้ครบแล้วล่ะคะ!  ไรต์ไม่นึกเลยว่ามันจะยาวขนาดนี้  เท่านี้ก็จะได้เขียนตอนต่อได้ซักที...  เขียนไปเขียนมารู้สึกหดหู่แปลกๆเพราะตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์ความรักเลยแถมคาแร็กเตอร์แต่ละตัวก็ยังดูแปลกๆอีก...ขอโทษจริงๆน้าาา~! (T^T)

      แปะรูปให้แทนคำขอโทษที่ทำใหรอกันนานมากๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×