คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 11 จดหมายจากต่างแฟมิลี่
Midori ~ tanabiku ~
namimoriyo ~
“โทษทีนะขอรับโทรศัพท์หน่อย”
คุโระมองชื่อคนที่โทรมาแวบนึงก่อนจะกดรับไปโดยเปิดลำโพง
“ใช้เพลงโรงเรียนนามิโมริเสียงฮิเบิร์ดมาเกือบ6ปีแล้วนะ พวกเธอนี่รักนามิโมริกันชะมัด
เปิดลำโพงแบบนี้คงเป็นสึนะสินะ...”
เอสบ่น
“คุโระจังแย่แล้วล่ะครับ!
คุณเคียวยะไม่ยอมมาประชุมช่วยเปิดโหมดห้องประชุมที่เครื่องให้คุณเคียวยะที!
ทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินอย่าหนีงานแล้วไปจู๋จี๋กับแฟนกันสิครับทุกคนก็ต้องมาประชุมด้วยนะครับ! เจ้าพวกนั้นเราจะเริ่มกวาดล้างกันแล้วนะ!”
“....เตรียมโต๊ะประชุมด้วยนะเรนี่ ดูเหมือนพวกนั้นจะเคลื่อนไหวแล้ว...”
คุโระพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแล้วไปทำอะไรที่คอมพิวเตอร์ซักพัก
“ทราบแล้วคะ ทุกท่านกรุณาไปนั่งที่โต๊ะประชุมได้เลย”
เรนี่กดปุ่มที่ผนังแล้วก็ที่นั่งของทุกคนก็มาต่อกันส่วนตรงกลางก็เป็นโต๊ะยาวแบ่งได้3ฝั่งคือวาเรีย มิลฟีโอเล่และวองโกเล่
ภาพโฮโลแกรมถูกฉายปรากฏร่างของผู้พิทักษ์ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
“กะ
เกิดอะไรขึ้นกันเจ้าคะ ทำไมจู่ๆทุกคนก็ดูเคร่งเครียดกันขนาดนั้น?”
ยูริพูดอย่างกลัวๆ
“ครูก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะเลดี้ยูริ
แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสุดๆเลยล่ะคะ” ครูมารี
“แต่ครูรู้นะจ๊ะ
เลดี้ยูกิบอกมาก่อนแล้วว่าเป็นเรื่องของพวกแฟมิลี่ที่จ้องจะยึดอำนาจของวองโกเล่และมิลฟีโอเล่
แล้วยังฆ่าคนของทั้ง3ฝ่ายไปหลายคนเลยต้องมาประชุมจัดการกันแบบนี้ใช่มั้ยจ๊ะเลดี้เอสเมอรันด้า?” ผอ.
“ไม่นึกว่าคนที่ไม่ใช่คนของโลกเบื้องหลังอย่างผอ.จะพูดเรื่องพวกนี้ได้น่าระรื่นแบบนี้เลยนะคะ แถมดูจะรู้เรื่องมากซะด้วยสิ คงติดต่อกับยูกิมานานแล้วสินะคะ”
เรนี่ที่มาเสริฟน้ำและขนมพูดขึ้น
“ก็ติดต่อกันบ่อยๆเลยละจ๊ะ
เพราะเลดี้ยูกิชอบให้ส่งคลิปวิดีโอของเลดี้ไลลาไปให้แล้วคุยกันหลายๆเรื่องแต่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย”
“จริงเหรอคะผอ.!
ทำไมถึงไม่บอกดิชั้นเรื่องเลดี้ยูกิบ้างเลยล่ะค่ะ! รู้มั้ยคะว่าดิชั้นเป็นห่วงเธอมากๆ”
ครูมารีพูด
“เธอคนนั้นไม่ค่อยอยากให้ใครที่อยู่ในโลกเบื้องหน้ารับรู้การกระทำของเธอหรอกนะ
เพราะเธอเป็นดั่งน้ำแข็งที่คอยแช่แข็งภัยร้ายของแฟมิลี่และเปรียบดั่งหิมะที่แสนนุ่มนวลและอ่อนโยนยิ่งกว่าอะไร
คอยปกป้องแฟมิลี่ด้วยความเยือกเย็น ภายใต้หนาวเหน็บไม่ให้ศัตรูเข้ามาย่างกรายได้
เพราะเธอคือผู้พิทักษ์ธาตุเหมันต์แบบต้นตำรับของอัลโกบาเลโน่...”
เอสเข้ามาพูดอย่างชื่นชม
“และเพราะพวกเราเปื้อนเลือดมากเกินกว่าจะกลับไปได้อีกแล้ว…
เธอต่อสู้ถวายชีวิตเพื่อวองโกเล่”
เรนี่พูดต่อ
ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจการประชุมที่พวกคุโระกำลังคุยอยู่เลย…
ปัง!!
จู่ๆเสียงตบโต๊ะเสียงดังสนั่นในห้องที่เงียบกริบทำให้ทุกๆต้องหันมามองเป็นตาเดียว
“มันจะมากไปแล้วนะ!! ไอพวกนั้นมันจะหยามวองโกเล่ไปถึงไหนกัน!!
แค่ชั้นอุตสาห์ละเว้นไว้เพราะพวกมันเป็น1ในพันธมิตรก็เหิมเกริมกันขนาดนี้!! เรนี่ตอนนี้น่าจะอยู่แถวๆอิตาลี่แล้วเปิดประตูหลังเครื่องบินซะ!!”
คุโระตะโกนอย่างเหลืออดก่อนจะหันไปสั่งเรนี่
“ทราบแล้วคะ แต่ก่อนไปกรุณาใส่ชุดคลุมก่อนด้วยนะค่ะยูกิ
เพราะแถวนี้มันหนาวกว่าที่อื่น
ถึงคุณจะต้านทานความหนาวได้มากขนาดไหนแต่แรงเสียดสีของอากาศก็ยังเยอะอยู่ดี”
เรนี่ส่งชุดคลุมให้คุโระแล้วเปิดประตูเครื่องบิน
“คุณยูกิจะทำอะไรหน่ะเจ้าค่ะ!! ถ้ากระโดดลงไปแบบนั้นก็ตายหรอก!!”
ยูริพยายามห้ามเมื่อเห็นว่าคุโระกำลังจะกระโดดลงไป
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะยูริ ชั้นไม่เป็นไรหรอก แบล็ค….แคมบิโอฟอม่า...”
ยูกิเปิดกล่องสัตว์ของตัวเอง
“แกว็ก!!!”
อีกาสีดำรวมกับร่างของคุโระที่มีหูและหางอยู่แล้ว ปีกสีดำทั้ง2ข้างที่กลางหลังมีเปลวไฟสีขาวและส้มจากๆอยู่ที่ปลายขน ปีกพวกนั้นขยับราวกับแขนขาทำให้ดูงดงามมากๆ
“ไปก่อนน้า ~ ไว้ขากลับจะไปรอที่ฐานลับนะ ~
”
ฟุบ!
คุโระโบกมือบ๊ายบายก่อนจะกระโดดลงไป
“หิมะสีแดง… ยูกิกำลังโกรธอยู่นี่….”
มารินมองที่พื้นที่คุโระเคยยืนอยู่ก่อนจะกระโดดไปที่ย้อมไปด้วยหิมะสีแดงที่ทั้งดูงดงามและน่ากลัวไปพร้อมๆกัน
“กล้องที่ติดไว้กับยูกิถ่ายอยู่นะ
จะดูกันมั้ยละ?”
เดลเสนอ
“ฉายโลด!! ยูกิโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแบบนี้หายากนะ แถมฉายเดี่ยวแบบนี้ด้วย!!”
เอสและวาเรียออกความเห็น
“น่า...สยดสยองเกินไปรึเปล่า? ในนี้มีพวกคนจากโลกข้างหน้ามาด้วยนะ”
มารินและเรนี่พูดขึ้นอย่างกังวล
“พวกเราของดูด้วยนะจ๊ะ”
ผอ.พูด
“ยูริอยากเห็นคุณยูกิตอนนี้เจ้าคะ
ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรรึเปล่าเห็นกระโดดลงไปแบบนั้น”
ยูริพูดอย่างกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกน่ายูริ ยูกิหน่ะทำแบบนี้มาหลายปีแล้วนะ
พวกเรายังเคยเลยถ้ามีปีกแบบยูกินะ อ๊ะ! ยกเว้นเอสที่ฝีมือกระจอกนะ”
เดลพูด
“โทษทีแล้วกันนะที่กระจอกหน่ะ!”
เอสพูดอย่างหงุดหงิดแต่เถียงไม่ได้เพราะตัวเองกระจอกจริง
เนื้อหาการประชุม….
“ก่อนอื่นเลยนะครับ ทางฟิโอเล่แฟมิลี่เริ่มแข็งข้อกับพวกเราและส่งคนมาจัดการลูกน้องระดับต่ำของวองโกเล่ไป
50 คน วาเรียไป 50 คน ส่วนมิลฟีโอเล่ไป
50 คน โดยทั้งสิ้นในวองโกเล่คนที่โดนจัดการไปเป็นคนของหน่วยพิเศษไป
10 คนและหน่วยอัสนี 20 คน หน่วยพิรุณกับอรุณอย่างละ 5 คนและคนของผู้ดูแลนอกแก๊ง 10 คน ของวาเรียเป็นคนของหน่วยอัสนี 20 คน หน่วยวายุไป 10 คน หน่วยพิรุณ 3 คน หน่วยเมฆา 2 คน และหน่วยอรุณไป 15
คน
ส่วนมิลฟีโอเล่เป็นคนของหน่วยวายุและอัสนีอย่างละ 25
คนพอดีครับ
ข้อมูลอื่นๆได้ส่งไปในแทปเล็ตของทุกคนแล้วครับ”
สึนะบอกจำนวนคนที่โดนจัดการไปกับทุกๆคน
“ไอ้สวะพวกนี้คิดจะหาเรื่องกันรึไง”
ซันซัสอ่านข้อมูลอย่างอารมณ์เสีย
“เพราะทางนั้นประกาศสงครามกับเรามาแบบนี้ก็คงต้องจัดการซะแล้วใช่มั้ยสึนะโยชิคุง?”
เบียคุรันยิ้มแล้วถามบอสวองโกเล่ที่เคยเป็นศัตรูกัน
“แน่นอนครับ ตอนนี้ผมรู้หมดแล้วว่าฐานลับทั้ง 3 ของฟิโอเล่อยู่ที่ไหนบ้าง
แต่ทางนั้นก็ส่งจดหมายท้ามาอย่างน่าโมโหเมื่อตอนที่พวกคุณไม่อยู่กัน ทาเคชิคุงอ่านให้ทีนะครับ...”
สึนะบอกกับเพื่อสนิทที่ใจเย็นที่สุดไป
“ฮะๆๆ
ไม่อยากอ่านให้ตัวเองอยากฆ่าเลยแฮะ...
ถึงบอสวองโกเล่รุ่นที่10
เราได้ยินมาว่าวองโกเล่รุ่นที่10ยังเป็นแค่เด็กนักเรียนที่ยังเรียนไม่จบ
ทางเราฟิโอเล่แฟมิลี่จึงอยากขอถอนการเป็นพันธมิตรกับวองโกเล่ที่มีบอสเป็นเด็กไม่เอาไหน เฮ้อ...
วองโกเล่นี่คงตกต่ำลงไปมากสินะถึงให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาเป็นรุ่นที่10 แต่เราได้ยินมาว่าบอสของวาเรียอย่างซันซัสแพ้ให้พวกคุณนี่ เพราะงั้นหากพวกคุณต้องการขอเป็นพันธมิตรกับเราต่อก็ช่วยมาเจอพวกเราที่โรงแรมXXX เวลาXX.XX วันที่XX
เดือนXX ด้วย
แล้วขอร้องพวกเราแล้วกราบแทบเท้าพวกเราซะ... วองโกเล่เดชิโม่ผู้ไม่เอาไหน
จากบอสฟิโอเล่ รุ่นที่ 2”
ยามาโมโตะอ่านจบก็ขย้ำกระดาษนั่นทิ้งอย่างไม่ใยดีด้วยความโกรธ
“น่าโมโหชะมัด....
ไอ้สวะนั่น...
อ่อนแอขนาดนั้นยังกล้าหือได้อีกนะ!”
ซันซัสฟังอย่างโกรธแล้วปล่อยเพลิงพิโรธออกมา
“จดหมายของทุกๆคนก็คล้ายๆแบบนี้แหล่ะครับ
แต่ของคุโระจังกับรีบอร์นก็มีจดหมายส่งมาด้วย ไว้เปิดตอนประชุมเสร็จนะครับ....”
สึนะพูดอย่างหวาดๆ
“ได้สิ...”
คุโระพูดด้วยเสียงที่หงุดหงิดเต็มที
“เราบุกโจมตีพร้อมกันทั้ง3แห่งตามที่ส่งข้อมูลไปให้นะ
แต่เพราะพวกวาเรียส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียนเก่าของคุโระจังกันหมดจะให้รีบมาถึงขนาดไหนก็คงไม่ทัน
ส่วนคุณเบียคุรันก็ช่วยเลือกหน่วยที่จะไปจัดการทางนั่นหน่อยนะครับ”
สึนะพูด
“พวกนั้นแค่คิเคียวก็พอแล้วล่ะ
เนอะคิเคียวคุง ~ ”
เบียคุรันเลือกคิเคียว
“ฮะฮ่า!
น้อมรับคำสั่งครับท่านเบียคุรัน
จะไปเตรียมการให้เดี๋ยวนี้ละครับ”
คิเคียวก้มหัวลงแล้วออกไปจากการสนทนาไป
“ส่วนทางพวกผมก็เตรียมการเรียบร้อยแล้วด้วย เลยคิดว่าคุโระจังคงจะไปวิธีลัดเอาเลย.... อย่าบอกนะครับว่าแอบอ่าน!”
สึนะมองคุโระที่แผ่รังสีอำมหิตออกมา
ปัง!!
จู่ๆเสียงตบโต๊ะเสียงดังสนั่นในห้องที่เงียบกริบทำให้ทุกๆต้องหันมามองเป็นตาเดียว
“มันจะมากไปแล้วนะ!! ไอ้พวกนั้นมันจะหยามวองโกเล่ไปถึงไหนกัน!! แค่ชั้นอุตส่าห์ละเว้นไว้เพราะพวกมันเป็น1ในพันธมิตรก็เหิมเกริมกันขนาดนี้!!
เรนี่ตอนนี้น่าจะอยู่แถวๆอิตาลี่แล้วเปิดประตูหลังเครื่องบินซะ!!”
เนื้อหาในจดหมายของคุโระคือ
ถึงอดีตอัลโกบาเลโน่แห่งธาตุเหมันต์
พวกเราฟิโอเล่ทราบมาอย่างดีว่าคุณเป็นอัลโกบาเลโน่ธาตุพิเศษ พวกเราต้องการให้คุณมาเข้าร่วมกับพวกเราเพราะที่วองโกเล่ยังอยู่ได้มาจนถึงตอนนี้ก็คงเป็นเพราะคุณแน่ๆ
เลิกติดตามไอ้พวกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างวองโกเล่ที่น่าสมเพชแบบนั้นแล้วมาเข้าร่วมกับพวกเราเถอะครับ
จากบอสฟิโอเล่รุ่นที่2
มันน่ามั้ยล่ะ!!! คุโระคิดอย่างโกรธสุดๆ
………………………………………………………………………………….
……………………………………………………….
…………………………………..
……………….……..
…………….
…….
..
“ชิชิชิ คุโระยังโหดไม่เปลี่ยนเลยนะ
เห็นแล้วเจ้าชายนึกถึงตอนเด็กๆเลย...”
เบลเฟกอลพูดอย่างปกติยกเว้นพวกคนธรรมดา3คนที่อยู่อีกมุม
“ตอนที่นายเคยเล่าว่าฆ่าคนในวังจนหมดแม้แต่แฝดของตัวเองแล้วมาเข้าวาเรียสินะ เป็นเจ้าชายประสาอะไรก็ไม่รู้ บ้าเลือดชะมัด...”
เอสแขวะ
“ชิชิชิ
ชมกันแบบนี้เจ้าชายก็เขินแย่สิ ชักอยากลงไปร่วมวงแล้วสิ
ไปถึงไปสู้กับเจ้าวางระเบิดนั่นอีกดีกว่า”
“ไอ้เจ้าชายโรคจิต!! เธอไปคบกับหมอนี่ได้ยังไงเนี่ยเดล!!”
เอสหงุดหงิด
“เบล...เท่...”
เดลพูดอย่างอายๆแล้วปิดใบหน้าที่แดงไว้
“...จะ
เจ้าหญิงพูดแบบนี้เจ้าชายก็เขินเหมือนกันนะ....”
แล้วก็ต่างคนต่างอาย
“ชิ… พวกนั้นมันอ่อนชะมัด
เสียดายไม่ได้เห็นยัยคุโระ ว่าจะเก็บภาพไปขายต่อซะหน่อย...”
มาม่อน
“เคลื่อนไหวน้อยมาก…
เดินเข้าไปแล้วฟันดาบอย่างรวดเร็ว… ยัยนั่นเร่งความเร็วโดยใช้ธาตุอรุณกระตุ้นก่อนจะใช้ไฟพิรุณใส่ศัตรูทำให้ช้าลงสุดๆแล้วพุ่งไปฟันสินะ...”
สควอโล่พึมพัมอย่างพึงพอใจและยกย่อง
“เก่งชะมัด...เมื่อไหร่จะตามทันละเนี่ย...”
มารินและเอสพูด
ไปดูทางด้านยูริ
“คะ
คุณยูกิเหนือมนุษย์ไปแล้วเจ้าค่ะ”
ยูริพูดอย่างตกใจ
“เลดี้ยูกิขนาดสู้ยังดูสง่างาม...
ถึงจะดูไม่น่าเชื่อว่าจะสง่างามได้ทั้งๆที่ฆ่าคนอยู่ก็เถอะ...”
ครูมารีพูดอย่างตกใจปนชื่นชม เด็กคนนั้นโตขึ้นมากเลยนะ...
เธอนำความโกรธและเกลียดชังมาส่งเสริมตัวเองจนเป็นแบบนี้ได้ช่างน่าภูมิใจจริงๆ.....
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย? สนุกมั้ย? อัพล่วงหน้าไว้นะ
ความคิดเห็น