ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Largo love : รักนักนักแต่งเพลง

    ลำดับตอนที่ #2 : No, you don't.

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 57


    Largo Love: A2

    ผมลืมไปว่าคุณมองไม่เห็น ผมเปิดประตูให้ครับเขาเดินกลับมาจากทางที่เขาเดินจากไป ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังโดนหลอกครับ ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ ที่พาผมกลับขึ้นสวรรค์

    ขอบใจผมตั้งใจหันไปทางใบหน้าของเขาครับ แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงสีหน้าตกใจ

    อ่าว! ตามึงไม่ได้บอดหรอ! ไอ้สัด! มึงหลอกกูหรอ!” เหมือนว่าการกระทำที่ผมไปเมื่อสักครู่มัน ส่งผลร้ายต่อผมครับ เขาเหมือนจะโกรธผม ผมตกใจมาก ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลยครับ ทุกคนก็หันหน้ามามองเราทั้งคู่ เพราะเสียงเอะอ่ะ ก่อนไอ้บ้านั่นจะสังเกตว่ารบกวนคนที่นั่งรอในห้องแล้วอยู่ แล้วเดินกลับไปยังทางเดิมปล่อยให้ผมรับชตากรรมความอายกำลังสองผ่านทะลุประตูเข้าไปนั่งรวมกับพวกเขาปั้นหน้าราวกับเมื่อกี้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    แม่งหน้าอายที่สุดในโลกเลย กูไม่ได้หลอกมึงเล๊ยยยยย กูไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ

     

    ในขณะที่อาจารย์เล็กชื่อดังกำลังพูดเข้าเรื่อทฤษฎีในการร้อง ผมกลับคิดเรื่องนี้ ...

    แล้ว ผมกลับสงสัยว่าทำไม ... ผมหน้าแดงทำไม ... ทำไมผมไม่พูดอะไร ... ชั่งเหอะตั้งใจเรียน

    ผมกลับมามีสมาธิตั้งใจฟังอีกครั้งก่อนสักพักนึกอาจารย์คนดังจะเริ่มให้พวกวอร์มเสียงและเริ่มฝึกการแอดลิป การด้นสดนั่นเอง การร้องของผมมันประหลาดจากผู้ชายทั่วไปครับ เสียงของผมมันหวานไพเราะ เหมือนขนามสายไหม เทคนิกการร้องที่ผมเน้นการควบคุมความดังเบาหรือไดนามิกให้นิ่มนวนยิ่งขึ้น ผมว่ามันโอเคทีเดียว สำหรับแจ๊ส มันเป็นหนังคนละม้วนครับ มันยากเกินกว่าเด็ก ม.3 อย่างผมจะเข้าใจแต่ผมคิดว่าก่อนจะเปิดเทอมขึ้น ม.4 ผมควรจะมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนา อะไรมาขึ้นครับ ฮึบๆ สู้!

    จะมีนักดนตรีมาเล่นดนตรีประกอบช่วยนะ เราจะฝึกร้องแอดลิปด้นสด ไปตามดนตรีอาจารย์เค้าเริ่มเบิกตัวนักดนตรีเหมือนเบิกเครื่องประหารหัวสุนัขในสารไคฟง ครับเ พื่อให้เราลองร้องด้นสดมากจริงๆ หลังจากที่เราวอร์มเสียงกับเปียโน และส่งเสียงสัตว์บ้าๆบอๆที่ละคนแล้ว แต่นักดนตรีที่เดินเข้ามากีต้าคุ้นมาก หน้านี่ยิ่งคุ้นใหญ่เลย เค้ายิ้มเจ้าเล่ห์มาทางผมพร้อมกับแนะนำตัวเองก่อนจะเซ็ตกีต้า

    ปาดับปาดี๊ดีดา ปาดับปาผมร้องด้นสดแอดลิป ... มันก็เพี้ยนเห้ใช้ได้ครับแต่เอาน่า

     

    ***

     

    ในค่ายนี้มีทุกอย่างอาหารน้ำดื่ม น้ำหวานฟรี ขนมตอนเบรค แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวันหลังจากช่วงสายๆเราได้ เรียนอะไรไปบ้างเล็กน้อย เราจึงรับประทานอาหารร่วมกัน จากที่เค้าเตรียมเป็นบุฟเฟ่สุดอะลังการ เดี่ยว... หมุกระเทียม แกงจืด อะลังยังไงก็อาหารทั่วไป ตกแต่งหลอกตากันหนิ นึกว่าโต๊ะไปบุฟเฟ่นานาชาติ :/

     

    ทุกคนต่างแยกย้ายไปตามโต๊ะของเพื่อนตัวเอง แต่ผมมีสี่คนครับ โต๊หนึ่งจึงไม่ได้มีแต่เพื่อนกลุ่มเรา..

     

    ผมตักอาหารมาอย่างเมามันของฟรีต้องจัดให้คุ้มครับ แต่ผมสัมผัสจากรังสีอำมะหิตจากข้างๆขณะกำลังสนุกสนานที่เม้าท์มอยไอ้กรีน มือกีต้าแจ๊สเมื่อสักครู่ทานข้าวอยู่ข้าวผม

                   

    คนอะไรทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ขอโทษสักคำก็ไม่มี…”

    หมอนั่นบ่นขึ้นมาน้ำเสียงแบบยียวนกวนประสาทระดับสุดครับ ทำให้บรรยากาศความสนุกของโต๊ะผมหมดไป ผมหันหน้าไปมันกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาใส่หูครับ ประโยคคำพูดเมื่อสักครูมันทำให้ผมคันๆ แสบๆ แต่แก๊งวงผมสงสายตาทำหน้าไม่พอใจไปทางเดียวกันจนผมต้องพูดว่า

    เออ… นายตะ ...ผมพยายามที่จะขอโทษในแบบฉบับของผมแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม

    พรึบ!

    หมอนั่นลุกครับ เอออ...ให้มันได้อย่างนี้สิ

                    …

     

                    ในช่วงบ่ายนั้นอากาศภายนอกค่อนข้างร้อน แต่เราก็มีการเรียนการสอนแบบสนุกสนาน แบบลืมเวลามาจนถึงเย็นเราก็เริ่มรับประทานอาหารเย็นกันอีกครั้ง คนที่ผมก็ไม่รู้ใคร หายไปตั้งแต่บายครับ ผมมองหาแต่ไม่เห็นวี่แวว

    ผมนั่งคุยแก๊งวงของผมว่าคืนนี้ระหว่างทานข้าวเสร็จเรามีแพลนจะออกไปท่องราตรีแสงสีกันครับ แต่อายุก็ไม่มีใครเข้าได้เราจึงต้องทำการประชุมกันอย่างหนักว่าจะระดมกำลัง ส่งสายลับ หาฐานทัพลับยังไง (เหมือนไปออกรบยังไงนะ)

    เฟิร์น แมทว่าเราไม่ควรจะไปนะ ถ้าเราไปกันเองอะไรคือการที่แมทปอด

    “K-ยแมท มึงนี่อะไรเนี่ยถ่อมาถึงที่นี่ ไม่พาเด็กๆไปเที่ยวหน่อยวะรักเจ๊เฟิร์นมากรู้ใจวัยรุ่นอย่างผมมาก

    ไอ้เห้ก็อตละมึง โกหกยังไงก็ไม่เนี่ยน แม่งจะขึ้นมอสาม ตัวก็กระเปี๊ยกเดียวพี่แมทแย้งเสียงแข็ง

    อยากไปหรอ...” … เสียงเราทะเลาะกันดังมากจนบุคคลที่เรียกว่าพี่สต๊าฟสาวสุดสวยได้เข้าเทคโอเว่อร์กิจการของเรซะแล้ว อดครับอด

    วันนี้วันเกิดพี่แหละจะไปเลี้ยงที่ Rude Bar ใกล้ๆนี่เอง ไปป่ะ ปิดร้านเลี้ยงโอ้วพระเจ้า ไม่น่าเชื่อประโยคนี้

    ไปสิครับ!!” พี่แมทตอบแบบตื่นเต้น ตาโต ยิ้มร่า (เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก)

     

     

    ***

     

                    หลังจากเก็บของเข้าที่พักอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเรา แก๊งวงของเรากับพี่สตาร์ฟก็พากันไป Rude Bar โดยรถแดงฟรุ้งฟริ้งแบบเดียวกับที่เรานั่งมาที่แคมป์ ซึ่งเมื่อเรามาถึงปลายทางพบว่าร้านเป็นร้านที่อบอุ่นเหมือนร้านกาแฟมากกว่าที่จะเป็นสถานที่อโคจร แต่เมื่อเข้าไปนั้นข้างในก็เป็นร้านที่มีบบรรกาศ เหมาะสำหรับการสังสรรค์ เฟอร์นิเจอร์วินเทจบาร์ไม้ไฮโซ มีสระน้ำพุย้อมๆ

    หลังจากที่เข้ามาพี่ซินดี้ พี่สตาร์ฟแสนสวยใจดีก็หายไปทักทายเพื่อนๆ ผมแก๊งของผมเลยไปจับจองมุมๆหนึ่งของร้านที่บรรยากาศอบอุ่น ทำให้ไม่เคอะเขินกับการทำตัวตามสบายแม่จะไม่รู้จักใคร

    พวกมึง กูว่ามันโอเคเลยเจ๊เฟิร์นกล่าวยอที่นี่แบบเท่ๆ

    เออ ถึงจะไม่ตื้ดๆ เท่าไหร่ แต่แบบนี้ก็สบายใจดีพี่แมทพูดพรางหลิวตามาทางน้องก๊อตที่กำลังดีใจ

    แกว่าไง แนนครับ ... ผมกำลังคิดว่าที่นี่สวยดีครับ ผมกำลังศึกษาการตกแต่งของที่นี่

    เจ๋งอ่ะพี่ ไอ้กรีนน่าจะมาด้วยคิดถึงมันเหมือนกันแหะ ว่าแต่มันก็ไม่โทรมาเลย ป่านนี้อาการดีขึ้นบ้างยัง ผมกะว่าจะหยิบมือถือ เอ็นซีรี่ย์ของผมโทรไปหามันเพื่อเยาะเย้ย

    แต่ความคิดนี้ก็ต้องถูกตัดไปด้วยใบหน้าที่น่าที่หล่อเหล่าพิมพ์นิยมของคนที่ผมก็ไม่รู้ว่าใครครับ เขาปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าผมขณะยืนคุยกับพี่ซินดี้ เหมือนว่าสองคนจะคุยพรางเล่นหัวกันไปพรางเค้าน่าจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันมานาน ...

    อ่าวนั่นไง อยู่นี่เอง น้องๆ นี่ฝากน้องชายพี่หน่อยดิพี่ซินดี้เอาน้องชายมาฝากว้ที่โซฟาที่ว่างข้างๆผม ก่อนจะโดนเพื่อนๆ มหาวิทยาลัยลากไปเล่นเหล้าป๊อก

    เด๋วพี่มาน้า น้องเคน อย่าลากสิพวกบ้า!@#$R%^&*(” อ่อชื่อเคนนี่เอง หึหึ

    หวัดดี เคนผมไม่อยากให้บรรยากาศโต๊ะเงียบไปเลยชิงทักก่อน

    ทำหน้าคุ้นๆจังวะพี่แมทถาม ขณะนั้นเองไอ้น้องก๊อตก็หยิบค็อกเทลจากโต๊ะ แล้วดื่มลงคอดั่งน้ำเปล่า

    อ้า! แสบคออ่ะพี่แนนฉิบหาย มึงนี่ก็กินไม่ดูเหี้ยไรเลยกุมขมับ

    มึงทำเหี้ยไรเนี่ย แดกเข้าไปอย่างน้ำเปล่าผมตอกกลับแบบไร้เยื่อไย (เด็กเปรตแอบกินเองสมน้ำหน้า)

                    ทุกคนเริ่มเอาแอลกอฮอเข้าปากตัวเองแบบไม่คิดชีวิตเพราะมันฟรีครับ นายเคนตะ เคนหมวย เคนกระดวยอะไรนั่นก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะผูกสัมพันธ์กับพวกเราครับ เราก็เฮฮาไม่สนใจเค้าเหมือนกัน ห้าๆๆๆ จนทุกคนเริ่มเคลิ้ม แตกต่างจากนายเคนที่กินเข้าไปแบบไม่สะบทสะท้าน จนพี่แมทเริ่มมีการแลคเช่อร์วิชาประวัติศาสตร์ครับ :0

                    ผู้หญิ งก็ เห มื อ นกั น หม ด พอได้ … ”

    หืม ได้? ได้อะไร? ยังไงผมตอบแบบตกใจ ผมเคลิ้มๆแต่ยังไม่ราน้ำ

    มึงว๊าป ล ะ ห ร อวะ ไอ้ แม ทเจ๊เฟิร์นก็น่าจะเคลิ้มไปไกลกว่าผม

     “น้องก๊อตหลับหรอตื่นๆๆๆๆๆผมหันเพิ่งสังเกตว่าน้องหลับไป เลยเขย่าไหลปลุก โอ๊ยย สองศพขากลับกลับยังไงเนี่ยบาทเจ็บสาหัดหนึ่

    เราขับรถไปส่งกับพี่ซินเอง” ... เสียงที่นุ่มนวลลงของหมอนั่น ... โอเค กู รอดละ

    นายชื่อตาไม่บอด นายชื่อแนนหรอเสียงนุ่มๆ พร้อมมือที่กระดกแก้วเหล้าเข้าปากหลังจบประโยค

    อื้ม ไม่ได้หลอกนะ ทึกทักเอาเองแหละผมพูดน้ำเสียนุ่มนวลเพราะเขาดูสุภาพมากขึ้น

    ร้องเพลงเจ๋งว่ะ เสียงแบบนี้เจ๋งแน่นอนสิครับผม ทั้งหล่อทั้งสียงดี

    นายก็กีต้าเจ๋งเหมือนกัน เรียนชั้นไหนละผมถามเพราะผมรู้สึกอายุเราไม่ห่างกันสักเท่าไหร่

    เปิดนี่ ม.4 ละว่ะ

    “’งั้นก็เท่ากันแหละ

    นี่คือบทสนทนาสุดท้ายของเราในคืนนั้น เราแบกศพและผู้บาดเจ็บกลับมาที่พักห้องของผู้ชาย น้องก๊อตที่กูแบกหนักมาก แต่พี่แมทก็หนักไม่แพ้กันสังเกตจากที่เคนเขายืนทุบหลัง พิซินดี้ก็พาเจ๊เฟิร์นเข้าห้องนอนหญิงซึ่งอยู่ห้องถัดไป ผมก็เมาใช้ได้จึงเพลอหลับไปที่เบาะเตียงของผมเอง

     

    เช้าวันต่อมา

     

    เห้ย ... มานอนตรงนี้ได้ไงวะ!!”

     

     

    ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×