คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : No, you don't.
Largo Love: A2
“ผมลืมไปว่าคุณมองไม่เห็น ผมเปิดประตูให้ครับ” เขาเดินกลับมาจากทางที่เขาเดินจากไป ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังโดนหลอกครับ ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ ที่พาผมกลับขึ้นสวรรค์
“ขอบใจ” ผมตั้งใจหันไปทางใบหน้าของเขาครับ แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงสีหน้าตกใจ
“อ่าว! ตามึงไม่ได้บอดหรอ! ไอ้สัด! มึงหลอกกูหรอ!” เหมือนว่าการกระทำที่ผมไปเมื่อสักครู่มัน ส่งผลร้ายต่อผมครับ เขาเหมือนจะโกรธผม ผมตกใจมาก ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลยครับ ทุกคนก็หันหน้ามามองเราทั้งคู่ เพราะเสียงเอะอ่ะ ก่อนไอ้บ้านั่นจะสังเกตว่ารบกวนคนที่นั่งรอในห้องแล้วอยู่ แล้วเดินกลับไปยังทางเดิมปล่อยให้ผมรับชตากรรมความอายกำลังสองผ่านทะลุประตูเข้าไปนั่งรวมกับพวกเขาปั้นหน้าราวกับเมื่อกี้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘แม่งหน้าอายที่สุดในโลกเลย กูไม่ได้หลอกมึงเล๊ยยยยย กูไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ’
ในขณะที่อาจารย์เล็กชื่อดังกำลังพูดเข้าเรื่อทฤษฎีในการร้อง ผมกลับคิดเรื่องนี้ ...
แล้ว ผมกลับสงสัยว่าทำไม ... ผมหน้าแดงทำไม ... ทำไมผมไม่พูดอะไร ... ชั่งเหอะตั้งใจเรียน …
ผมกลับมามีสมาธิตั้งใจฟังอีกครั้งก่อนสักพักนึกอาจารย์คนดังจะเริ่มให้พวกวอร์มเสียงและเริ่มฝึกการแอดลิป การด้นสดนั่นเอง การร้องของผมมันประหลาดจากผู้ชายทั่วไปครับ เสียงของผมมันหวานไพเราะ เหมือนขนามสายไหม เทคนิกการร้องที่ผมเน้นการควบคุมความดังเบาหรือไดนามิกให้นิ่มนวนยิ่งขึ้น ผมว่ามันโอเคทีเดียว สำหรับแจ๊ส มันเป็นหนังคนละม้วนครับ มันยากเกินกว่าเด็ก ม.3 อย่างผมจะเข้าใจแต่ผมคิดว่าก่อนจะเปิดเทอมขึ้น ม.4 ผมควรจะมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนา อะไรมาขึ้นครับ ฮึบๆ สู้!
“จะมีนักดนตรีมาเล่นดนตรีประกอบช่วยนะ เราจะฝึกร้องแอดลิปด้นสด ไปตามดนตรี” อาจารย์เค้าเริ่มเบิกตัวนักดนตรีเหมือนเบิกเครื่องประหารหัวสุนัขในสารไคฟง ครับเ พื่อให้เราลองร้องด้นสดมากจริงๆ หลังจากที่เราวอร์มเสียงกับเปียโน และส่งเสียงสัตว์บ้าๆบอๆที่ละคนแล้ว แต่นักดนตรีที่เดินเข้ามากีต้าคุ้นมาก หน้านี่ยิ่งคุ้นใหญ่เลย เค้ายิ้มเจ้าเล่ห์มาทางผมพร้อมกับแนะนำตัวเองก่อนจะเซ็ตกีต้า
“ปาดับปาดี๊ดีดา ปาดับปา” ผมร้องด้นสดแอดลิป ... มันก็เพี้ยนเห้ใช้ได้ครับแต่เอาน่า…
***
ในค่ายนี้มีทุกอย่างอาหารน้ำดื่ม น้ำหวานฟรี ขนมตอนเบรค แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวันหลังจากช่วงสายๆเราได้ เรียนอะไรไปบ้างเล็กน้อย เราจึงรับประทานอาหารร่วมกัน จากที่เค้าเตรียมเป็นบุฟเฟ่สุดอะลังการ เดี่ยว... หมุกระเทียม แกงจืด อะลังยังไงก็อาหารทั่วไป ตกแต่งหลอกตากันหนิ นึกว่าโต๊ะไปบุฟเฟ่นานาชาติ :/
ทุกคนต่างแยกย้ายไปตามโต๊ะของเพื่อนตัวเอง แต่ผมมีสี่คนครับ โต๊หนึ่งจึงไม่ได้มีแต่เพื่อนกลุ่มเรา..
ผมตักอาหารมาอย่างเมามันของฟรีต้องจัดให้คุ้มครับ แต่ผมสัมผัสจากรังสีอำมะหิตจากข้างๆขณะกำลังสนุกสนานที่เม้าท์มอยไอ้กรีน มือกีต้าแจ๊สเมื่อสักครู่ทานข้าวอยู่ข้าวผม
“คนอะไรทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ขอโทษสักคำก็ไม่มี…”
หมอนั่นบ่นขึ้นมาน้ำเสียงแบบยียวนกวนประสาทระดับสุดครับ ทำให้บรรยากาศความสนุกของโต๊ะผมหมดไป ผมหันหน้าไปมันกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาใส่หูครับ ประโยคคำพูดเมื่อสักครูมันทำให้ผมคันๆ แสบๆ แต่แก๊งวงผมสงสายตาทำหน้าไม่พอใจไปทางเดียวกันจนผมต้องพูดว่า
“เออ… นายตะ ...” ผมพยายามที่จะขอโทษในแบบฉบับของผมแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม
พรึบ!
หมอนั่นลุกครับ เอออ...ให้มันได้อย่างนี้สิ
…
ในช่วงบ่ายนั้นอากาศภายนอกค่อนข้างร้อน แต่เราก็มีการเรียนการสอนแบบสนุกสนาน แบบลืมเวลามาจนถึงเย็นเราก็เริ่มรับประทานอาหารเย็นกันอีกครั้ง คนที่ผมก็ไม่รู้ใคร หายไปตั้งแต่บายครับ ผมมองหาแต่ไม่เห็นวี่แวว
ผมนั่งคุยแก๊งวงของผมว่าคืนนี้ระหว่างทานข้าวเสร็จเรามีแพลนจะออกไปท่องราตรีแสงสีกันครับ แต่อายุก็ไม่มีใครเข้าได้เราจึงต้องทำการประชุมกันอย่างหนักว่าจะระดมกำลัง ส่งสายลับ หาฐานทัพลับยังไง (เหมือนไปออกรบยังไงนะ)
“เฟิร์น แมทว่าเราไม่ควรจะไปนะ ถ้าเราไปกันเอง” อะไรคือการที่แมทปอด
“K-ยแมท มึงนี่อะไรเนี่ยถ่อมาถึงที่นี่ ไม่พาเด็กๆไปเที่ยวหน่อยวะ” รักเจ๊เฟิร์นมากรู้ใจวัยรุ่นอย่างผมมาก
“ไอ้เห้ก็อตละมึง โกหกยังไงก็ไม่เนี่ยน แม่งจะขึ้นมอสาม ตัวก็กระเปี๊ยกเดียว” พี่แมทแย้งเสียงแข็ง
“อยากไปหรอ...” … เสียงเราทะเลาะกันดังมากจนบุคคลที่เรียกว่าพี่สต๊าฟสาวสุดสวยได้เข้าเทคโอเว่อร์กิจการของเรซะแล้ว อดครับอด
“วันนี้วันเกิดพี่แหละจะไปเลี้ยงที่ Rude Bar ใกล้ๆนี่เอง ไปป่ะ ปิดร้านเลี้ยง” โอ้วพระเจ้า ไม่น่าเชื่อประโยคนี้
“ไปสิครับ!!” พี่แมทตอบแบบตื่นเต้น ตาโต ยิ้มร่า (เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก)
***
หลังจากเก็บของเข้าที่พักอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเรา แก๊งวงของเรากับพี่สตาร์ฟก็พากันไป Rude Bar โดยรถแดงฟรุ้งฟริ้งแบบเดียวกับที่เรานั่งมาที่แคมป์ ซึ่งเมื่อเรามาถึงปลายทางพบว่าร้านเป็นร้านที่อบอุ่นเหมือนร้านกาแฟมากกว่าที่จะเป็นสถานที่อโคจร แต่เมื่อเข้าไปนั้นข้างในก็เป็นร้านที่มีบบรรกาศ เหมาะสำหรับการสังสรรค์ เฟอร์นิเจอร์วินเทจบาร์ไม้ไฮโซ มีสระน้ำพุย้อมๆ
หลังจากที่เข้ามาพี่ซินดี้ พี่สตาร์ฟแสนสวยใจดีก็หายไปทักทายเพื่อนๆ ผมแก๊งของผมเลยไปจับจองมุมๆหนึ่งของร้านที่บรรยากาศอบอุ่น ทำให้ไม่เคอะเขินกับการทำตัวตามสบายแม่จะไม่รู้จักใคร
“พวกมึง กูว่ามันโอเคเลย” เจ๊เฟิร์นกล่าวยอที่นี่แบบเท่ๆ
“เออ ถึงจะไม่ตื้ดๆ เท่าไหร่ แต่แบบนี้ก็สบายใจดี” พี่แมทพูดพรางหลิวตามาทางน้องก๊อตที่กำลังดีใจ
“แกว่าไง แนนครับ ... ” ผมกำลังคิดว่าที่นี่สวยดีครับ ผมกำลังศึกษาการตกแต่งของที่นี่
“เจ๋งอ่ะพี่ ไอ้กรีนน่าจะมาด้วย” คิดถึงมันเหมือนกันแหะ ว่าแต่มันก็ไม่โทรมาเลย ป่านนี้อาการดีขึ้นบ้างยัง ผมกะว่าจะหยิบมือถือ เอ็นซีรี่ย์ของผมโทรไปหามันเพื่อเยาะเย้ย
แต่ความคิดนี้ก็ต้องถูกตัดไปด้วยใบหน้าที่น่าที่หล่อเหล่าพิมพ์นิยมของคนที่ผมก็ไม่รู้ว่าใครครับ เขาปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าผมขณะยืนคุยกับพี่ซินดี้ เหมือนว่าสองคนจะคุยพรางเล่นหัวกันไปพรางเค้าน่าจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันมานาน ...
“อ่าวนั่นไง อยู่นี่เอง น้องๆ นี่ฝากน้องชายพี่หน่อยดิ” พี่ซินดี้เอาน้องชายมาฝากว้ที่โซฟาที่ว่างข้างๆผม ก่อนจะโดนเพื่อนๆ มหาวิทยาลัยลากไปเล่นเหล้าป๊อก
“เด๋วพี่มาน้า น้องเคน อย่าลากสิพวกบ้า!@#$R%^&*(” อ่อชื่อเคนนี่เอง หึหึ
“หวัดดี เคน” ผมไม่อยากให้บรรยากาศโต๊ะเงียบไปเลยชิงทักก่อน
“ทำหน้าคุ้นๆจังวะ” พี่แมทถาม ขณะนั้นเองไอ้น้องก๊อตก็หยิบค็อกเทลจากโต๊ะ แล้วดื่มลงคอดั่งน้ำเปล่า
“อ้า! แสบคออ่ะพี่แนน” ฉิบหาย มึงนี่ก็กินไม่ดูเหี้ยไรเลยกุมขมับ
“มึงทำเหี้ยไรเนี่ย แดกเข้าไปอย่างน้ำเปล่า” ผมตอกกลับแบบไร้เยื่อไย (เด็กเปรตแอบกินเองสมน้ำหน้า)
ทุกคนเริ่มเอาแอลกอฮอเข้าปากตัวเองแบบไม่คิดชีวิตเพราะมันฟรีครับ นายเคนตะ เคนหมวย เคนกระดวยอะไรนั่นก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะผูกสัมพันธ์กับพวกเราครับ เราก็เฮฮาไม่สนใจเค้าเหมือนกัน ห้าๆๆๆ จนทุกคนเริ่มเคลิ้ม แตกต่างจากนายเคนที่กินเข้าไปแบบไม่สะบทสะท้าน จนพี่แมทเริ่มมีการแลคเช่อร์วิชาประวัติศาสตร์ครับ :0
“ผู้หญิ งก็ เห มื อ นกั น หม ด พอได้ … ”
“ หืม ได้? ได้อะไร? ยังไง” ผมตอบแบบตกใจ ผมเคลิ้มๆแต่ยังไม่ราน้ำ
“มึงว๊าป ล ะ ห ร อวะ ไอ้ แม ท” เจ๊เฟิร์นก็น่าจะเคลิ้มไปไกลกว่าผม
“น้องก๊อตหลับหรอตื่นๆๆๆๆๆ” ผมหันเพิ่งสังเกตว่าน้องหลับไป เลยเขย่าไหลปลุก โอ๊ยย สองศพขากลับกลับยังไงเนี่ยบาทเจ็บสาหัดหนึ่
“เราขับรถไปส่งกับพี่ซินเอง” ... เสียงที่นุ่มนวลลงของหมอนั่น ... โอเค กู รอดละ
“นายชื่อตาไม่บอด นายชื่อแนนหรอ” เสียงนุ่มๆ พร้อมมือที่กระดกแก้วเหล้าเข้าปากหลังจบประโยค
“อื้ม ไม่ได้หลอกนะ ทึกทักเอาเองแหละ” ผมพูดน้ำเสียนุ่มนวลเพราะเขาดูสุภาพมากขึ้น
“ร้องเพลงเจ๋งว่ะ เสียงแบบนี้เจ๋ง” แน่นอนสิครับผม ทั้งหล่อทั้งสียงดี
“นายก็กีต้าเจ๋งเหมือนกัน เรียนชั้นไหนละ” ผมถามเพราะผมรู้สึกอายุเราไม่ห่างกันสักเท่าไหร่
“เปิดนี่ ม.4 ละว่ะ”
“’งั้นก็เท่ากันแหละ”
นี่คือบทสนทนาสุดท้ายของเราในคืนนั้น เราแบกศพและผู้บาดเจ็บกลับมาที่พักห้องของผู้ชาย น้องก๊อตที่กูแบกหนักมาก แต่พี่แมทก็หนักไม่แพ้กันสังเกตจากที่เคนเขายืนทุบหลัง พิซินดี้ก็พาเจ๊เฟิร์นเข้าห้องนอนหญิงซึ่งอยู่ห้องถัดไป ผมก็เมาใช้ได้จึงเพลอหลับไปที่เบาะเตียงของผมเอง
เช้าวันต่อมา …
“เห้ย ... มานอนตรงนี้ได้ไงวะ!!”
***
ความคิดเห็น