คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Underestimated
Largo Love: A1
“แม่!”
“แม่!”
... เสียงของผมที่เรียกแม่ดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะบุคคลที่ผมเรียกเค้าไม่มีสัญญาณตอบรับ แต่ผมก็เรียกบุพการีของผมต่อไปเพราะผมไม่ได้เก็บของเตรียมไปค่ายสุดที่รักของผม ค่ายสุดที่รักก็คือค่ายสุดที่รัก (จะอธิบายให้กวนประสาทเล่นทำไม แต่ผมก็รักค่ายนี้หนิ) ผมกำลังหาชุดสูทตัวเก่งของผมแต่ผมหาไม่เจอครับ ค่ายที่ผมกำลังจะไปนั้น เป็นสิ่งที่แม่ของผมเองรบไม่ได้เหมือนกันที่ตัวผมเองจะหายไป 2 เดือน โดยที่ไม่ได้เกี่ยวของกับการเรียน
“แม่! อ่าว.. แม่ไม่ช่วยหนู หาสูทหน่อยหรอ หนูสายละนะ” ผมเงียบเสียงลงเพราะ ผมเจอเป้าหมายที่แหกปากร้องลั่นบ้าน แต่ผมกลับช็อคท่าทางของพระมารดาของผมมันช่างชิล สบายเกินกว่าที่ผมจะรับได้
“แม่ว่าหนูจะไปทำไม แม่ไม่เห็นด้วย” แม่ทำหน้าไม่พอใจระดับที่ไม่รุนแรง
“แต่หนูแอบเอาเงินแม่ไปจ่ายละนะแม่ แม่ขอเหอะ หนูทำขนาดนี้ละ” ผมค้านแบบยียวนให้สีหน้าแม่เปลี่ยน
“...” แม่ทำหน้าเอือมเหมือนว่าจะตามใจผมมากเกินไป แต่ผมไม่ยอมหรอก
“ J ” ผมยิ้มเพื่อหวังให้แม่เปลี่ยนใจ
ทันใดนั้นเอง ..
“ J ” แม่ยิ้มตอบครับ โห.. นึกว่าไม่ให้ไปสุดท้ายก็ให้ไปจนได้ ผมดีใจรักแม่จังเลย
“ NO! WAY! ” … WTF อะไรฟะ แม่ดันตอบกลับแบบนี้ ทำไงดีอ่ะ สายตกรถแน่เลย ถ้าไม่รีบ …
“คุณแม่ครับ สวัสดีครับ!” พรึบ! ผมลากกระเป๋าเป้ที่อยู่ข้างหลังผม เพราะผมรู้ดีว่าถ้ายืนเถียงอยู่แบบนี้จะเสียเวลาแล้วตกรถรอบที่จะไปถึง ค่าย JAZZ Boast Camp ที่โรงเรียนดนตรีอาจารย์เล็ก นักแต่งเพลงชื่อดัง ที่จังหวัดเชียงใหม่ :3
ผมวิ่งออกไปที่ถนนแล้วโบกรถสาธารณะที่บังเอิญผ่านมา ขึ้นบนรถ แม่ทำท่าโกรธมาก พอรถออกผมโบกมือ หยอยๆ เพื่อทำให้แม่ที่ช็อคว่าลูกชายสุดรักของตนกำลังหนีจากแม่ไปนั้น แต่จริงๆเหมือนการเยิ้ยหยันมากกว่าในสายตาแม่ เสียใจอ่ะ .. แม่จึงอวยพรไล่หลังว่า “ลูกเวรนี่ ไม่ฟังแม่เลย แม่อยากให้เป็นวิศวะไม่ใช่ไปเต้นกินรำกิน”
ผมรู้ดีครับ ว่าแม่อยากให้ผมเป็นอะไร แต่ผมคิดเสมอว่ากรอบมันมากเกินไปสำหรับผม..
ผมรู้ดีครับ ว่าแม่หวังดี อยากให้ผมมีเงินใช้ ทำงานมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
ผมรู้ดีครับ...
...แต่สำหรับผมแล้ว ผมต้องการมีสิ่งที่อยู่ได้แล้วมีความสุขตลอด...
ผมทะเลาะกับพ่อและแม่ของผมบ่อยครั้งจนนับครั้งไม่ถ้วน ทุกเย็นหลังกลับจากการซ้อมดนตรีของโรงเรียนผม แม่ผมมารับผมทุกวัน แต่ก็แกล้งให้ผมรอจนดึกจนดื่น แต่ก็มีพี่ๆในวงที่น่ารักค่อยให้ผมเด็ก ม.3 กลับบ้านก่อนทุกวัน ... ทุกคนในโรงเรียนสหประจำจังหวัดลำปางแห่งนี้ ล้วนชื่นชอบในความสามารถของผม แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นกับพ่อและแม่ของผมเลย ... ท่านไม่เคยมาดูแม้กระทั่งงานคอนเสิร์ตร้องเดี่ยวที่ของเรียนดนตรีเดี่ยวที่จัดประจำปี มันน่าเศร้าใจมาก ... ยิ่งตอนที่พวกเขาสองคนชอบพูดเรื่องของผมแบบไม่เข้าใจมันเจ็บจนน้ำตาไหล
แล้วน้ำตาของผมมันก็ไหล...
ผมนั่งกอดฟุบไปที่กระเป๋า จนรถถึงสถานีขนส่งประจำจังหวัด
“เฮ้ย! มาแล้วๆ แนน มาแล้ว” เสียงเจื่อยแจ้วเรียกชื่อของผมของนักกีต้าตัวแสบวงผมครับ ทำให้ผมลงรถและเปลี่ยนอารมณ์จากตอนเมื่อกี้ เจ๊แกเป็นชะนีที่เพรียบพร้อมทั้งการเรียนและกิจกรรม เป็นที่ชื่อชอบของสาวๆในโรงเรียนและต่างโรงเรียนแถวนั้นที่เข้าใจว่าเจ๊แกเป็นทอม แต่หารู้ไม่ว่าเจ๊แกยังแอบชอบผู้ชายอยู่ คือมือกลองของผมเองไอ้แมทที่ผมต้องแอบเอาช็อคโกแลตไปให้เมื่อวันวาเลนไทน์
“เหยดเจ๊ ตัดผมรับค่ายเลยหรอ” ผมทำท่ากวนประสาทถาม ผมเจ๊เฟิร์นมันช่างสั้นเปรี้ยวเยี่ยวพุ่ง
“มึงมาสายนะ ไอ้เห้ แต่ก็สายสู้ไอ้ก็อตไม่ได้หรอก นี่ยังไม่โพล่หัวมาเลย” พี่แมท มือกลองสุดหล่อขวัญใจสาวๆเช่นกันบ่นหาถึงก็อตมือเบสของเราอยู่ไม่ขาดปาก ไอ้ก็อตน้องเล็กม.2 ก็โผลมา แต่สมาชิกวงเรามีห้าคนครับ อีกคนคือคีย์บอร์ด ไอ้กรีน ครับมันหายไปไหนของมัน
“ไอ้กรีนอ่ะ พี่แมท” … ผมไม่ควรจะถามหาเพื่อนร่วมชั้นผมกับรุ่นพี่ ม.5 แบบนี้เลย
“ขืนรอมันต่อนะ สายลงทะเบียนไม่ทันแน่เลย” พี่แมทหัวเสียกุมขมับหน้าแดง ในขณะที่ผมกับเจ๊
“ฮัลโหล ครับ ... ครับ ได้ครับ ... เออ... พี่กรีนบอกมาไม่ไหวครับ! ท้องเสีย...” ไอ้เห้น้องก็อตแอบรับโทรศัพท์กรีน จึงตะโกนบอก ... ทุกคนทำหน้างง ไปต่อไม่ถูกอย่างสังเกตได้ชัดครับ
“…”
“…”
“…”
“…”
“ชั่งหัวเพื่อนมึงเหอะแนน ไปเรียนทำเพลง เพื่อนมึงไหวอยู่ละ ไปได้ละ ขึ้นรถๆๆๆๆ” พี่แมทกล่าวพลางเกาหัว
ผมรู้สึกเสียดายเงินแทนไอ้เห้กรีนครับ แต่ทำไงได้ ... แต่บ้านมันก็รวยอยู่ เรื่องเงินมันคงไม่เดือดร้อนหรอก แต่โอกาสนี้ไม่ได้มีบ่อยครับ ผมเองรู้สึกแบบนั้นจึงไลน์ไปถามมันว่าดีขึ้นแล้วรึยัง แต่มันก็ไม่อ่านผ่านไปสองชั่วโมง เราจึงนั่งรถแดงของเชียงใหม่ต่อจนไปถึงรีสอร์ทค่าย
วงของเราเป็นวงที่ฟอร์มขึ้นโดยบังเอิญ เพราะมีงานหมวดภาษาอังกฤษครับ สั่งให้ร้องเพลงภาษาอังกฤษ แต่เสียงตอบรับมันค่อนข้างดีเลยทำกันต่อไป โดยพี่แมทเป็นพี่ที่อยู่วงโยฯของโรงเรียน ผมเองได้มีโอกาศเรียนร้องเพลงที่เดียวกับที่พี่แมทสอนตีกลองครับ สกิลกลองพี่แกแน่อยู่แล้ว
ส่วนเจ๊เฟิร์นเธอดังอยู่แล้วครับแต่พี่แมทไปเห็นเธอเข้าในยูทูปที่เล่นกีต้าเลยชวนเข้ามา แต่ฝีมือเจ๊ยังอ่อนมากตอนนั้น แต่เธอชอบพี่แมทครับผมรู้เธอจึงไปเรียนมาเพิ่มหลังจากงานนั้น เรียนไวจนพี่แมทตลึกไปเลยทีเดียว
ส่วนกรีนคือ ตอนนั้นผมนึกไม่ออกครับว่าจะให้ใครเล่นคีย์บอร์ด แต่กรีนมันเคยเล่นอยู่กับวงเก่าตอนนั้นผมจึงชวนมันมาช่วยหน่อย หลังจากนั้นเหมือนเพื่อนของมันก็โกรธมันครับวงมันเลยแตก :P
ส่วนน้องก็อตคือวงเราขาดมือเบสครับ ช่วงที่เราจะส่งวงประกวดงานโรงเรียนเราหาใครไม่ได้เลย พี่แมทกำลังคุยกับผู้ปกครอที่เห็นว่าน้องก็อตติดเกมเลยจะพาเรียนดนตรีแต่ไม่รู้จึเรียนอะไรพี่แมทเลยสวมรอยเข้าไปแนะนำว่าเบสดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่น้องเค้าเรียนรู้ได้เร็วมากครับทันงานเลย แถมไม่เคยมีพลาดด้วย(อัจฉริยะเกิน)
เรื่องความป็อปไม่ต้องพูดถึง เหมือนเกิดการจราจนย่อมๆทั้ง แฟนคลับพี่แมทสุดเท่ แฟนคลับเจ๊เฟิร์นสุดจ๊าบ แฟนคลับไอ้เห้กรีนสุดหล่อ ของผมสองสามคน(เพื่อนในห้องครับ) และแม่ยกคุณครูของน้องก๊อตเด็กเนิร์ต รวมกันก็ทะหล่มทะลายใช้ได้
หลังจากลงทะเบียนพร้อมระบุเครื่องดนตรีเสร็จ
ก็เป็นการอบรมณ์แยก section ต่างๆ โดยตอนลงทะเบียนสตาร์ฟก็บอกให้ทุกคนแยกไปนั่งรอที่ห้องต่างๆ
เครื่องเคาะจังหวะ
เครื่องเป่าลมไม้
เครื่องเป่าทองเหลือง
กีตาร์และเบส
…
แต่ ... Voice ไปไหน ... :/
ทุกคนแยกไปแล้วครับ ปล่อยให้ผมนักดนตรีฟ้าประทานเครื่องดนตรีเป็นอวัยวะใกล้คอหอยอย่างผมกลับเหมือนตกสวรรค์
“นายๆ ไม่ไปแยก กลุ่มอ่ะครับ ยืนอยู่ทำไม” ชายหนุ่ม สูง หุ่นบางปรากฏตัวด้านหน้าหลังจากผู้คนได้ทะยอยเดินไปตามห้องต่างๆ เขาสะพายกีต้ามาด้วย ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้าอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเพราะกลัวว่าผมจะหน้าแตกหากบอกว่าผมมาเรียนแต่มันไม่มีสอน...
“นายว๊อยซ์หรอ ใช่มั๊ยครับ” เขาพูดหลังมองไปรอบๆ ตัวผมเพราะผมไม่ได้แบกอะไรมา
“…” หน้าแดงและเงียบไปพร้อมกั..
“อ่อ ต้องแบบนี้แน่เลย ว๊อยส์เค้า บอกกลุ่มนี้เรียนชั้นสองครับ” อะไรนะ อะไรนะ เขาจูงมือผม แต่ผม ผม อึ้งครับ
“คงจะลำบากมากแน่เลยนะครับ มองไม่เห็น ไม้เท้าก็ไม่มี สตาร์ฟที่นี่ก็จริงๆเลย ว๊อยซ์ย้ายที่เรียนก็บอกไม่ครบ”
เขาคนนั้นจูงมือผมพาไปยังหน้าห้องประชุมสถาบันดนตรีห้องหนึ่งก่อนเข้าจะเดินจากไป
ขณะที่กำลังเอื่อมมือของผมไปเปิดประตูทันใดนั้นเอง
ผมกำลังคิดว่า ผมกำลังได้กลับสวรรค์แล้วผมยิ้มร่า แต่
“ผมลืมไปว่าคุณมองไม่เห็น ผมเปิดประตูให้ครับ”
***
ความคิดเห็น