ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spread First Beat Wings

    ลำดับตอนที่ #1 : Introduction

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 53
      0
      30 ก.ค. 64

    อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

    มิได้มีเจตนาให้บุคคลใดได้รับความเสียหาย

    5 นาฬิกา 12 นาที

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกุล First Beat แห่งราชอาณาจักร (First Beat Prestige Royal Descendant Academy of Kingdom)

    Central Dormitory Castle

    หญิงสาวผมยาวตรงสีน้ำตาลสวมชุดเกราะสีเงินเดินมาตามทางเดินด้วยความเร่งรีบและหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะหยุดหน้าประตูทางเข้าที่มีหญิงสาวในชุดเกราะสีน้ำตาล 2 คนยืนเฝ้าอยู่

    “ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย”

    หญิงสาวทั้งสองคนถอนสายบัวให้กับหญิงสาวในชุดเกราะสีเงินที่พยักหน้าเล็กน้อย

    “ท่านหญิงรองประธานอยู่ที่หอรึเปล่า”

    “อยู่ค่ะ ท่านกลับมาที่หอเมื่อคืนตอนประมาณ 3 ทุ่มค่ะ”

    “ท่านหญิงประธานก็อยู่เช่นกันค่ะ”

    “อืม...ขอบใจมาก”

    พูดจบหญิงสาวชุดเกราะสีเงินก็เดินเข้าไปในตึก

    “เธอ…”

    “ว่าไง”

    “เธอว่าสีหน้าท่านหญิงดูแปลกๆ รึเปล่า”

    “นั่นสิ...กลัวท่านระเบิดลงจังเลย”

    ห้องประชุมหอพัก

    ปัง!!!

    ประตูห้องถูกถีบออกอย่างแรงจนเปิดกว้างโดยมีหญิงสาวชุดเกราะสีเงินยืนหน้าถมึงทึงอยู่ที่ประตู

    “ไอ้เป้!!! ”

    หญิงสาวผมยาวประบ่าอีกคนในชุดนอนเป็ดสีเหลืองอร่ามที่กำลังหลับอยู่บนโซฟากลิ้งตกลงมาจากโซฟาก่อนรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งที่ตายังปิดอยู่

    “เชี่ยๆๆๆ!!! ใคร! ใครวะ! ใครบุกปราสาท! ”

    “หมอนข้างที่มึงถืออยู่คงฟาดผู้บุกรุกตายห่าน่าดู! แหกขี้ตาแล้วคุยกับกูเดี๋ยวนี้! ”

    “อื๋อ...อือ...อ้าวพี่หนึ่ง...อะไรวะพี่ เป้กำลังหลับสบายเลยเนี่ย กี่โมงแล้ววะ”

    “ตี 5 ครึ่ง กูให้เวลามึงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้วกลับมาคุยกับกู 10 นาที กูเกลียดสีชุดนอนมึง!!! ”

    “รัยวะพี่ เป็ดมันก็ต้องสีเหลืองอยู่แล้วปะ ชุดนอนหมีพี่อะดิแปลก หมีบ้านพี่ตัวสีชมพูอ…”

    “กู...บอก...มึง...กี่รอบ...แล้ว...ว่า...อย่า...เอา...เรื่อง...ชุดนอน...กู...มาคุย...ข้างนอก…”

    เรเปียร์ยาวสีเงินถูกชี้มาทางเป้โดยที่ปลายแหลมของเรเปียร์ทิ่มอยู่ที่คอและมีเลือดซึมออกมา เป้ยกมือสองข้างเป็นท่าทียอมแพ้

    “โอเคพี่ โอเคเล้ย...เก็บเรเปียร์พี่ไปก่อนได้ปะ”

    เรเปียร์หายวับไปกลางอากาศพร้อมกับที่หญิงสาวนั่งลงที่โซฟา

    “เหลืออีก 9 นาที”

    “ไอ้สัสพี่หนึ่ง! มันต้องเริ่มนับหลังจากออกจากห้องไปแล้วไม่ใช่เหรอวะพี่! ”

    “สำหรับคนอื่นก็คงเป็นอย่างนั้นแต่สำหรับน้ำหนึ่งคนนี้เริ่มจับเวลาตั้งแต่เริ่มพูดออกไป และตอนนี้เหลือ 8 นาทีแล้ว”

    “โว้ย! ไอ้พี่หมีเหี้ย!!! จะบอกพี่หวานให้ตัดเบี้ยเลี้ยงพี่มึง! ”

    เป้รีบหยิบหมอนข้างแล้ววิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

    5 นาฬิกา 41 นาที

    “ละสรุปพี่จะคุยอะไรกับเป้วะ”

    เป้ถามคนพี่พร้อมกับขยับชุดเกราะสีดำของตนให้เข้าที่เรียบร้อย

    “มึงมาช้าไป 1 นาที เท่ากับว่าต้องให้กูเขกกบาลมึงก่อน 1 ที”

    “เชี่ยรัยวะ! ก็พี่เล่นไม่ให้เป้ตั้งตัวเลยนี่หว่า น้ำยังไม่ได้อาบเลยเนี่ย! ”

    “ไม่รู้ล่ะ มึงยื่นหัวมารับกำปั้นกูซะดีๆ ”

    เป้บ่นพึมพำพร้อมกับยื่นหัวไปหาน้ำหนึ่งที่ส่งสายตาวาววับพร้อมกับเขกหัวเป้อย่างแรง

    โป๊ก!!!

    “โอ๊ยเชี่ย!!! มันต้องแรงขนาดนี้เลยเหรอวะพี่! ”

    “ใครใช้ให้มึงไปปรับผังการตรวจตราโรงเรียนที่กูเขียนเอาไว้!!! ”

    “อูยยยย...แม่งเอ๊ย! เจ็บชิบหาย! ”

    แกร๊ก

    ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวร่างเล็กในชุดนอนสีขาวเดินเข้ามา

    “ก็นึกว่าใครส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวายไปทั่วหอเลย ท่านหญิงน้ำหนึ่งกับท่านหญิงปูเป้นี่เอง”

    น้ำหนึ่งกับปูเป้หันกลับไปหาหญิงสาวร่างเล็กก่อนถอนสายบัวเล็กน้อย

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านหญิงประธาน ขออภัยด้วยนะคะ”

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ท่านหญิงตาหวาน”

    “แล้วนี่อะไรกันคะ มาส่งเสียงดังโวยวายอะไรกันในห้องประชุมของหอพักกันแต่เช้ามืดล่ะคะเนี่ย”

    “ก็เจ้าเป้น่ะสิคะ มาปรับแก้ผังการตรวจตราโรงเรียนของดิฉัน ก็เลยต้องมาเคลียร์นี่แหละค่ะ”

    “พี่ก็ฟังเป้อธิบายก่อนสิวะ!!! ”

    “อะไรนะคะท่านหญิงปูเป้? ”

    “เอ่อ...พี่ท่านหญิงน้ำหนึ่งก็ฟังเป้อธิบายก่อนสิคะ จู่ๆ พี่ก็มาอาละวาดรัวๆ อย่างนี้ดิฉันก็อธิบายไม่ทันสิคะ”

    “ไม่เป็นไรค่ะท่านหญิงปูเป้ ก็เพราะคนที่ให้ปรับแก้ผังตรวจตราโรงเรียนก็คือดิฉันเองนี่แหละค่ะ”

    “อะไรนะคะ ทำไมล่ะคะท่านหญิง หรือว่าแผนที่หนึ่งเขียนเอาไว้มีปัญหาเหรอคะ”

    “มันมีบางจุดที่ดิฉันคิดว่าท่านหญิงใช้คนในการตรวจตราบางจุดมากเกินไปค่ะ อย่างจุดที่มีคนพลุกพล่านมากเช่นบริเวณลานน้ำพุกลางหน้าปราสาท เราสามารถลดจำนวนคนตรงจุดนี้ได้ค่ะ”

    “แล้วเราก็สามารถปรับลดจำนวนคนตรงนี้ไปเพิ่มในส่วนของประตูทางเข้าของสถาบันและด้านหลังของสถาบันที่ติดกับป่าต้องห้ามได้อีกด้วยค่ะพี่ท่านหญิง”

    น้ำหนึ่งขมวดคิ้วพร้อมกับหลับตาลงแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงเห็นด้วย

    “แต่ถึงยังไงท่านหญิงก็ควรจะบอกดิฉันหรือเรียกประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียดให้ทราบก่อนนะคะ”

    “ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ดำเนินการไปโดยไม่ได้แจ้งท่านหญิงก่อน ตรงนี้เป็นข้อผิดพลาดของดิฉันเอง ต้องขออภัยอีกครั้งนะคะ”

    “ไม่เป็นไรมิได้ค่ะ”

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวกลับห้องพักก่อนนะคะ ไว้เจอกันที่ห้องประชุมตอนเช้าอีกที ถ้าจะคุยกันต่ออย่าเสียงดังนะคะรบกวนท่านหญิงคนอื่น”

    “ทราบแล้วค่ะท่านหญิง”

    “ค่ะ พี่ท่านหญิงประธาน”

    ปูเป้และน้ำหนึ่งถอนสายบัวให้ตาหวานที่ถอนสายบัวให้ทั้งคู่แล้วเดินออกจากห้องไป หลังจากที่ประตูห้องปิดสองพี่น้องมองหน้ากันก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาพร้อมกับทำสีหน้าขนลุกขนพอง

    “ท่านหญิงปูเป้...หยึยยยยยย!!! ”

    “พี่ท่านหญิงน้ำหนึ่ง...แหวะ! เป้ขอไปอ้วกก่อนได้ป่าววะพี่! ”

    “กูก็ขนลุกไม่ต่างกับมึงหรอก! อึดอัดชิบหาย! ”

    “ละนี่เอาไงต่อวะพี่ จะคุยอะไรต่ออีกปะ”

    “คุยห่ารัยอีกล่ะ! ไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวกูต้องไปตรวจตรารอบสุดท้ายก่อนเอาเข้าที่ประชุมพรุ่งนี้เช้าเนี่ย! ”

    “ฮะ! พี่ปลุกเป้แค่นี้พี่เอาไปคุยพรุ่งนี้ก็ได้ป่าววะพี่! เสียเวลานอนชิบหาย! แล้วต้องเสียเวลาใส่เกราะอีกเนี่ย! พี่รู้มั้ยว่าเกราะนี่แม่งใส่ยากแค่ไหน! ”

    “จริงๆ แล้วมึงใส่ชุดธรรมดามาคุยกับกูก็ได้นะเป้ถ้ามึงหัดคิดดีๆ หน่อย กูบอกแค่ว่าเกลียดสีชุดนอนมึงไม่ได้บอกให้มึงใส่เกราะมาคุยกับกูสักนิด ไอ้น้องโง่! ”

    “โวะ! พี่แม่ง! ”

    “ละนี่ทำไมมึงไม่ไปนอนห้องตัวเอง ทำไมมานอนห้องประชุมของหอวะ”

    “มันยืดแข้งยืดขากลิ้งสะดวกกว่าอะพี่ เป้ยังไม่ได้จัดห้องทำความสะอาดใหม่เลย”

    “เออ งั้นกูไปก่อนละ ละมึงจะทำรัยต่อเนี่ย”

    “กลับห้องนอนต่อดิวะพี่ ถามแปลกๆ ”

    “เออ งั้นเจอกันที่ห้องประชุมตอน 8 โมง”

    “เคพี่”

    แกร๊ก

    “อุ้ย! ขอโทษทีค่ะพี่ท่านหญิงน้ำหนึ่ง พี่ท่านหญิงปูเป้ หนูนึกว่าไม่มีคนอยู่”

    “ไม่เป็นไรท่านหญิงมิวนิค พวกพี่กำลังจะไปกันแล้วล่ะ”

    “ว่าแต่มาทำอะไรที่ห้องประชุมหอพักแต่เช้าเหรอ”

    “หนูลงมาหาเอกสารค่ะพี่ท่านหญิงปูเป้ ว่าจะหยิบไปตั้งแต่เมื่อวานก็ลืม จะส่งรายงานให้พี่ท่านหญิงมิวสิคด้วยน่ะค่ะ”

    “บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกพี่เป้ก็พอ พี่ท่านหญิงปูเป้ฟังแล้วรู้สึกคันยิบๆ ”

    “พี่ด้วยนะมิวนิค”

    “ง่า...หนูไม่ชินนี่คะพี่ท่าน...เอ่อพี่หญิงหนึ่ง...ขอเป็นแบบนี้ได้มั้ยคะ อย่างน้อยหนูก็สะดวกใจที่จะเรียกแบบนี้มากกว่าน่ะค่ะ”

    “ตามใจเราแล้วกัน ถ้างั้นพวกพี่สองคนขอตัวก่อนแล้วกันนะ”

    “เจ้าค่ะ พี่หญิงหนึ่ง พี่หญิงเป้”

    น้ำหนึ่งมองหน้าปูเป้ที่ยักไหล่เป็นเชิงอะไรก็ได้ไม่ซีเรียส

    “อ้อ...อรุณสวัสดิ์นะหนูมิวนิค”

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่หญิงหนึ่ง พี่หญิงเป้”

    7 นาฬิกา 17 นาที

    Central Operating Building

    Auditorium

    ตาหวานในชุดเดรสยาวสีขาวเปิดประตูห้องเข้ามาก่อนจะเจอกับหญิงสาวผมยาวประบ่าในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนกำลังจัดเตรียมกาแฟวางบนโต๊ะตามจำนวนผู้ที่จะเข้าประชุม

    “มาแต่เช้าเหมือนเดิมเลยนะคะท่านหญิงไข่มุก”

    “อุ้ย! อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ท่านหญิงประธาน ไม่รับกาแฟแต่เป็นชาร้อนเหมือนเดิมใช่มั้ยคะ”

    “ขอบคุณนะคะ”

    “ไม่เป็นไรมิได้ค่ะ เดี๋ยวจะไปเตรียมมาให้นะคะ”

    “เดี๋ยวค่ะ ยังไม่มีใครมาที่ห้องประชุมเลยเหรอคะ”

    “ท่านหญิงมิวสิคกับท่านหญิงมิวนิคมาแล้วค่ะ แต่เหมือนจะลืมของไว้ที่ห้องพักเลยกลับไปเอาค่ะ”

    “แล้วคนอื่นๆ ล่ะคะ”

    “พี่ท่านหญิงน้ำหนึ่งเอารายงานเวรยามเมื่อคืนมาวางบนโต๊ะแล้วขอตัวกลับไปอาบน้ำก่อนค่ะ ท่านหญิงรองประธานมาแล้วค่ะแต่อ่านเอกสารอยู่ในห้องเอกสาร ส่วนท่านหญิงคนอื่นๆ ยังไม่พบค่ะ”

    “อ่อ...ขอบคุณนะคะ”

    “ค่ะพี่ท่านหญิง”

    ตาหวานเดินไปทางห้องเก็บเอกสารที่อยู่ด้านหลังห้องประชุมแล้วปิดประตูอย่างแผ่วเบา ไข่มุกชำเลืองตามองก่อนจะขยับนิ้ววาดกลางอากาศ ปรากฎอักขระแสงสีทองกลางอากาศก่อนจะลอยวิ่งไปยังห้องเก็บเอกสาร ทันทีที่ตัวอักษรสีทองกระทบกับประตูก็สลายกลายเป็นฝุ่นละอองสีทองไป

    ไข่มุกหน้าซีดก่อนจะเริ่มแทะนิ้วตัวเองด้วยอาการร้อนรน

    “แย่แล้วคุณรองประธาน…”

    “ราโกซิสเมดิคาร์โนเอล...ถ้าหวานๆ ร่ายบทนั้นก็ช่วยอะไรเจ้าเป้ไม่ได้แล้วล่ะมุก”

    “อุ้ย! ท่านญ…”

    “มุก…”

    “ค่ะคุณอร มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย ท่านหญิงมิวสิคกับท่านหญิงมิวนิคเองก็กลับมาแล้วด้วย”

    “มาพร้อมกับน้องเมื่อกี้นี่เองแหละ”

    “พี่อรคะพี่อร”

    “ว่าไงคะมิวนิค”

    “ราโกซิสเมดิคาร์โนเอลที่พี่พูดถึงเมื่อกี้คืออะไรเหรอคะ”

    “เวทย์ปิดตายเฉพาะตัวของหวานๆ เค้าแหละ เป็นเวทย์ที่ร่ายวงเวทย์แนวกลม 3 ชั้น ทับด้วยแนวขนานอีก 3 ชั้น แล้วก็ทับด้วยแนวดิ่งอีก 4 ชั้น”

    “เดี๋ยวนะพี่อร นั่นเท่ากับว่าร่ายเวทย์ 7 ชั้นเลยไม่ใช่เหรอคะ เร็วมากนะคะนั่นน่ะ”

    “พี่ถึงบอกว่าเป็นเวทย์ปิดตายเฉพาะตัวของหวานๆ เค้าไงสิค รู้รึเปล่าว่าหวานๆ สามารถร่ายบทนี้จบได้ในเวลา 5 วินาที”

    “ห...ห้าวินาที! พี่ท่านหญิงตาหวานจะเก่งเกินไปแล้ว! ”

    “คิคิ จริงๆ คือ 4.782 วินาทีนะคะพี่อร อรุณสวัสดิ์จ้ะเด็กๆ พี่ๆ ”

    “ตีเลขคร่าวๆ ก็ได้มั้ยล่ะผักขม พี่ไม่ได้แม่นเรื่องตัวเลขและการคำนวณเหมือนเราขนาดนั้นนี่นา”

    “แล้วผลของเวทย์นี้คืออะไรเหรอคะ”

    “ปิดตายอาณาเขตรอบตัวสมบูรณ์รัศมี 3 กิโลเมตรจากตัวผู้ร่าย ป้องกันการแทรกแซงทั้งกายภาพและจินตภาพ ก็นั่นแหละ ฮ...ฮ้าววววว!!! ”

    “พี่หนึ่ง”

    “พี่หญิงหนึ่ง”

    “อาบน้ำเปลี่ยนชุดไวเหมือนกันนะพี่”

    “ก็กะจะรีบมาประชุมรายงานผลเช้าจะได้รีบกลับไปนอน แต่ดันมีไอ้ตัวขี้เซามาทำให้เวลาการประชุมต้องเลื่อนออกไปอีกนี่ล่ะนะ”

    “ขอโทษทีนะคะพี่หนึ่ง”

    “ไม่เป็นไรหรอกมุก เมื่อเช้าพี่ไปขัดจังหวะการนอนของมันเองแหละ ก็เลยยังไม่ครบเวลาการนอนของมันนั่นแหละ”

    “พี่ท่านหญิงน้ำหนึ่งคะ”

    “ว่าไงนิค”

    “พี่อรหนูพอเข้าใจที่รู้เรื่องเวทย์ของพี่หญิงประธานนะคะ แต่พี่เองทำไมถึงรู้ด้วยล่ะคะ”

    “อืม...พี่เองก็เป็นเพื่อนกับคุณตามาตั้งแต่เด็กนะอย่าลืมสินิค...ส่วนที่ว่าทำไมถึงรู้นั้น...เป็นความลับ บอกไม่ได้จ้า”

    “พี่ก็บอกไปดิว่าพี่เป็นหนูทดลองเวทย์บทนี้ของหวานเป็นคนแรก”

    “ไอ้อุ๋ง...ปากมึงเนี่ยนะ…”

    “555”

    “เอ๋? ”

    “คิคิ ตอนที่พี่ท่านหญิงประธานคิดเวทย์บทนี้ได้ตอนนั้นพี่ท่านหญิงน้ำหนึ่งกำลังระเบิดลงน่ะค่ะท่านหญิงมิวนิค”

    “ด่ากราดทุกคนไม่สนหน้าใครทั้งนั้นแถมอาละวาดพังข้าวของด้วย”

    “เบาได้เบานะมึงนะไอ้อุ๋งนะ กูก็แค่ขุดพื้นสนามหญ้าออกมานิดหน่อยเอง”

    “คิคิ...ใช่เลยค่ะนิดหน่อยขนาดที่ว่าหน้าดินหายไปทั้งสนามเลยค่ะ คิคิ”

    “เน่~~เจ้าผัก นิดหน่อยจริงๆ น้า~~”

    “พี่ท่านหญิงน้ำหนึ่งน่ากลัวจัง ????”

    “ผลสุดท้ายโดนหวานๆ ใช้เวทย์ปิดตายกักตัวเอาไว้...กี่วันนะพี่”

    “2 วันเต็มๆ! เชี่ยเอ๊ย! โคตรทรมาน ออกไปไหนก็ไม่ได้ ใครเข้ามาก็ไม่ได้! ”

    “พี่ท่านหญิงประธานใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

    “ไม่ใช่หรอกสิค ตอนนั้นหวานๆ ยังไม่รู้วิธีคลายเวทย์ตัวเองน่ะ ต้องรอให้พลังเวทย์หมดไปเอง”

    “เพิ่งจะมารู้ตอนที่ไอ้เป้มันโดนว่าแค่ให้คุณตาเป็นคนพูดคลายแค่นั้นเวทย์ก็คลายแล้ว”

    “อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง ปกติหนูไม่เคยเห็นพี่ท่านหญิงประธานใช้เวทย์นี้น่ะค่ะเลยไม่รู้”

    “คิคิ คนที่โดนเวทย์นี้เจ้าประจำก็มีอยู่แค่ 5 คนในสถาบันนี้แหละค่ะท่านหญิงมิวนิค”

    “ใจเย็นเจ้าผัก...ไม่ต้องบอกน…”

    “ก็มีพี่ท่านหญิงน้ำหนึ่ง คุณอร ท่านหญิงรองประธาน ท่านหญิงน้ำใส กับท่านหญิงจีจี้น่ะค่ะ”

    “ไข่มุก~~”

    น้ำหนึ่งกับอรกุมขมับพร้อมกับส่ายหัวพร้อมกัน

    “ยังพูดกับเจ้าผักไม่ทันจบดีเลย”

    “คิคิ ก็อย่างที่พี่ท่านหญิงไข่มุกบอกมานั่นล่ะเด็กๆ ”

    “พี่ท่านหญิงน้ำใสกับท่านหญิงจีจี้สิคพอเข้าใจค่ะว่าตัวป่วน แต่พี่ด้วยเหรอคะพี่อร…”

    “เอ่อ…”

    “เวลาไอ้อุ๋งมันอารมณ์เสียก็บ้าพลังๆ พอๆ กับพี่นั่นล่ะสิค ด่าไม่สนใครเหมือนกัน ปากจัดกว่าพี่อีกนะขอบอก”

    “เฮ้ยไอ้พี่หมี...อย่าเผากันต่อหน้าน้องดิวะพี่”

    “ทำไมอะ ทีมึงยังเอาเรื่องที่กูเป็นหนูทดลองของคุณตามาเล่าให้น้องฟังได้เลย”

    “อ้าวๆๆ พี่จะมีเรื่องชะ? ”

    “ก็มาดิค้าบ!!! ”

    “เอ่อ…”

    “อ่า…”

    “พ...พี่ท่านหญิงน้ำหนึ่ง พี่ท่านหญิงอร…”

    น้ำหนึ่งเรียกเรเปียร์มาไว้ในมือส่วนอรเรียกค้อนด้ามยาวมาไว้ในมือ

    “คิคิ ใจเย็นๆ กันก่อนค่ะพี่ท่านหญิงทั้งสอง ถ้าพี่ท่านหญิงประธานออกมาพวกพี่จะซวยก…”

    แกร๊ก

    ประตูห้องเอกสารถูกเปิดออกพร้อมกับตาหวานที่โยนปูเป้ในสภาพหูแดงแป้ดออกมาด้วย เรเปียร์ในมือน้ำหนึ่งและค้อนในมืออรหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่ทั้งหมดถอนสายบัวให้กับตาหวาน

    “ท่านหญิงประธาน/พี่ท่านหญิงประธาน”

    ตาหวานทำมือปัดฝุ่นก่อนจะหันมาหาทุกคนแล้วย่อตัวถอนสายบัวเล็กน้อย

    “มากันครบแล้วเหรอคะ แล้วยืนรวมตัวทำอะไรกันเหรอคะ”

    “ไม่มีอะไรค่ะท่านหญิงประธาน ก็แค่คุยกับน้องๆ ทักทายกันตามปกติน่ะค่ะ”

    “อ๋อค่ะ...ท่านหญิงไข่มุกคะ”

    “เจ้าค่ะท่านหญิงประธาน”

    “เก็บขึ้นไปทีค่ะ”

    พูดพร้อมกับพยักเพยิดไปทางปูเป้ที่ยังคงนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น

    “เจ้าค่ะ”

    “ขยับตัวลุกได้แล้วค่ะท่านหญิงปูเป้ อย่าทำกริยาประหนึ่งว่าจะตายนะคะ ดิฉันแค่บิดหูคุณไม่ได้ฆ่าให้ตายค่ะ”

    “ค้าบบบบ...โอ๊ยๆๆๆ!!! ”

    ตาหวานเดินไปหยิกปากปูเป้ซ้ำอีกรอบ

    “พ...พี่ท่านหญิงคะ ท่านหญิงรองประธานช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วมั้งคะ”

    “อย่าตามใจให้มากเลยค่ะท่านหญิงไข่มุก แค่นี้ไม่เป็นไรง่ายๆ หรอกค่ะ ท่านหญิงเองก็ทราบดีใช่มั้ยคะ”

    “ค่ะ”

    “ท่านหญิงปูเป้...เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะคะ” (ถามเสียงเย็น)

    “ซ...ทราบแล้วค่ะพี่ท่านหญิงประธาน…”

    “ก็เท่านั้นแหละค่ะ เอาล่ะทุกคนประจำโต๊ะกันได้แล้วค่ะจะได้เริ่มประชุมกัน เดี๋ยวจะได้แยกย้ายไปเรียนไปพักผ่อนกันค่ะ”

    “เจ้าค่ะท่านหญิง/พี่ท่านหญิงประธาน”

    “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ประชุมเท่านี้แล้วกันนะคะ ท่านหญิงน้ำหนึ่งคะ แล้ววันนี้ใครเป็นหัวหน้าเวรตรวจตราเหรอคะ เพราะคุณเพิ่งจะออกเวรเมื่อเช้านี่เอง”

    “วันนี้เป็นเวรของอ...ท่านหญิงอรค่ะท่านหญิงประธาน”

    “อ่อค่ะ”

    “อย่าลืมรายงานการเตรียมตัวให้ก่อนเข้าเวรด้วยนะคะท่านหญิงอร”

    “ทราบแล้วค่ะพี่ท่านหญิงน้ำหนึ่ง”

    “ก่อนจะปิดการประชุมมีท่านหญิงคนไหนจะสอบถามหรือรายงานอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ”

    น้ำหนึ่งยกมือขึ้นมาเป็นเชิงขออนุญาตโดยที่ตาหวานพยักหน้าเล็กน้อย

    “เมื่อคืนดิฉันได้รับรายงานจากหน่วยตรวจตราด้านหลังโรงเรียนมาค่ะ”

    “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

    “เหมือนว่าจะมีการฝ่าอาณาเขตป้องกันของพวกสัตว์เวทย์ออกมาจากด้านในป่าต้องห้ามค่ะ”

    “จำนวนมากหรือเปล่าคะ แล้วเป็นสัตว์เวทย์ประเภทไหน”

    “จำนวนไม่มากเท่าไหร่ แต่ว่าเป็นสัตว์เวทย์ขนาดกลางค่ะ”

    ภายในห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบทันที

    “ส...สัตว์เวทย์ขนาดกลางเหรอคะพี่ท่านหญิงน้ำหนึ่ง”

    “อืม...ใช่แล้วค่ะท่านหญิงมิวนิค”

    “พอจะระบุประเภทได้รึเปล่าคะท่านหญิงน้ำหนึ่ง”

    “จากรายงานที่ได้รับมาเหมือนจะมีแวร์วูล์ฟด้วยค่ะท่านหญิงประธาน”

    “เชี่ย! แวร์วูล์ฟมันสัตว์เวทย์ระดับกลางค่อนไปทางสูงเลยนะพี่หนึ่ง! ”

    “ท่านหญิงปูเป้…”

    “ข...ขออภัยค่ะ…”

    ตาหวานนั่งท้าวคางพร้อมกับหลับตาลงครุ่นคิดไปด้วยก่อนจะลืมตาขึ้นมา

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ดิฉันคงต้องรายงานสภาอาจารย์จอมเวทย์ให้รับทราบแล้วตรวจสอบพร้อมกับเตรียมการรับมือโดยทันที มีใครจะรายงานเรื่องอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าคะ”

    น้ำหนึ่งและอรหันมามองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ เล็กน้อยเป็นการรับทราบ

    “ถ้าไม่มีอะไรกันแล้วก็ขอปิดประชุมแล้วก็แยกย้ายกันได้ค…”

    น้ำหนึ่งจับช่องว่างของเกราะที่คอของปูเป้อย่างแน่นและมั่นคง

    “เฮ้ย! อะไรว…”

    “เอาเลยพี่หนึ่ง! ”

    น้ำหนึ่งโยนปูเป้ขึ้นไปบนโต๊ะประชุมตรงหน้าตาหวานพร้อมกับที่เสียงแหวกอากาศและวัตถุปริศนาพุ่งทะลุกระจกห้องประชุมเข้ามา

    เพล้ง!!!

    “เชี่ยรัยวะพี่หนึ่ง! พี่อร! ”

    เกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้นในห้องประชุมพร้อมกับที่ตาหวานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

    “ชิราโนริ อาชูร่า”

    วัตถุลึกลับพุ่งกระแทกเข้ากลางหลังปูเป้โดยที่มีม่านพลังสีทองคอยกั้นและลดความเร็วของวัตถุนั้นเอาไว้ผ่านไปสักพักความเร็วของวัตถุปริศนาก็หยุดลงก่อนกลิ้งตกลงมากองบนโต๊ะ

    “พี่! เป้ไม่ใช่โล่นะพี่! จู่ๆ ก็โยนขึ้นมารับกันแบบนี้ถ้าตายขึ้นมาจะทำไงวะ! ”

    “บ่นรัยนักหนาวะเป้ ยังไงคุณตาก็ร่ายชิราชูร่ากันไว้ให้แล้วไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย”

    “น...นี่มันอะไรกันคะเนี่ย พี่ท่านหญิง”

    ผักขมชะเง้อคอมองขึ้นไปบนโต๊ะที่วัตถุปริศนากลิ้งตกอยู่

    “ลูกธนู...คิคิ ไม่มีอะไรหรอกค่ะท่านหญิงมิวนิค ก็แค่จดหมายน่ะค่ะ”

    “จดหมายเหรอค…”

    น้ำหนึ่งตวัดนิ้วกลางอากาศพร้อมกับที่ลูกธนูที่ผูกม้วนกระดาษบางอย่างมาด้วยลอยไปหาตาหวานช้าๆ

    “ตรานั่น! Anosia Spread Wings!!! ”

    มิวนิคชี้ไปที่ตราสัญลักษณ์รูปผีเสื้อสีทองที่ประทับอยู่กับม้วนกระดาษด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย ส่วนน้ำหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย

    “ยิงแบบใส่กำลังมาสุดแรงขนาดนี้เจ้าน้องเวรนั่นแน่ๆ ”

    “แต่ทุกทีก็ฝีมือเจ้าจิ๊บอยู่แล้วไม่ใช่เหรอพี่หนึ่ง”

    “ก็จริงอย่างที่เอ็งว่านะอร...ยังไงดีคะท่านหญิงประธาน ไว้แจ้งเรื่องนี้ทีหลังหรือจะแจ้งเลยล่ะคะ”

    ตาหวานหยิบลูกธนูที่ลอยอยู่หน้าตัวเองมาพร้อมกับถอนหายใจ

    “ถ้าถามว่าความคิดใครก็คงไม่พ้นพี่เฌออีกแน่นอน ไว้ค่อยคุยทีหลังละกันค่ะ ตอนนี้แยกย้ายกันก่อน...ลงมาจากโต๊ะได้แล้วค่ะท่านหญิงปูเป้”

    “ค่าาาาาาา”

    ไกลออกไป

    หญิงสาวสองคนอยู่บนยอดปราสาทสีดำ คนหนึ่งยืนพิงกำแพงหลับตาทั้งสองข้างพร้อมกับแย้มรอยยิ้มอันอบอุ่น ส่วนอีกคนถือคันธนูแสงสีทองใช้เท้ายันช่องว่างกำแพงเอาไว้พร้อมกับลืมตาข้างหนึ่งมองขึ้นไปบนฟ้าสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย

    หญิงสาวที่ยืนพิงกำแพงลืมตาขึ้นก่อนเดินมาหาหญิงสาวอีกคนที่สลายคันธนูออกไปจากมือด้วยท่าทีหงุดหงิด

    “ยังไงบ้างจิ๊บ”

    “ไม่ถึงเป้าหมายอะพี่ กำแพงมายามนตรามากั้นไว้ก่อน ก่อนหน้านี้ไม่รู้ใครส่งอะไรมากั้นไว้ก่อนด้วย ถ้าให้จิ๊บเดา ไม่พี่หนึ่งก็พี่อรแน่ๆ ”

    “555 ไม่เป็นไรหรอกจิ๊บ นั่นชิราโนริ อาชูร่าของตาหวานเชียวนะ ถ้ายิงทะลุได้ก็สุดยอดแล้ว กลับลงข้างล่างกันเถอะ ไม่รู้ว่าทางนู้นจะส่งคำตอบกลับมาอีกทีเมื่อไหร่ ลงไปเตรียมรอรับมือกันดีกว่า”

    “ก็ถ้าพี่นิ้งยังอยู่ก็คงรับมือยากอะพี่ แต่พี่นิ้งถอนตัวกลับไปส่วนกลางแล้วไม่ใช่เหรอพี่เฌอ”

    “ถอนตัวแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะขอความช่วยเหลือไม่ได้นี่ รู้นิสัยพี่เราดีไม่ใช่เหรอ”

    “พี่หนึ่งน่ะพวกผูกใจเจ็บซะด้วย งั้นเดี๋ยวจิ๊บไปหาพี่วีเตรียมรับมือก่อนดีกว่า พี่เองก็ต้องมานะพี่เฌอ เพราะจดหมายตอบกลับน่ะมาที่พี่แน่ๆ ”

    “อืม เดี๋ยวพี่ตามไป ที่ห้องทำงานวีใช่มั้ย”

    “อ่าฮะ”

    “ไว้เจอกัน”

    “Spread! ”

    ร่างของจิ๊บสลายกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีน้ำเงินนับสิบตัวบินลงไปด้านล่างของปราสาท รอยยิ้มของหญิงสาวจางลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึม

    “หวังว่าคงจะเข้าใจความหมายที่ซ่อนไปในจดหมายนะหวาน”

    หญิงสาวลูบปลอกแขนสีดำข้างซ้ายของตัวเองที่มีตราสัญลักษณ์ผีเสื้อสีทองสวมมงกุฎสามครั้ง

    “King Spread”

    ร่างของหญิงสาวสลายตัวไปกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีดำก่อนที่จะบินหายไปจากยอดปราสาท

    To be Continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×