คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5
10 นาฬิกา 27 นาที
สวนดอกไม้หน้าปราสาท
“แล้วช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะคุณกรภัทร์”
“นี่พี่มิว ไม่ใช่เวลางานนะพี่”
“555 ก็แค่หยอกน่ะหยอก แล้วเป็นไงบ้างล่ะเคทช่วงนี้”
“ก็เรื่อยๆ อะพี่ เรียนก็เรื่อยๆ ทำงานก็เรื่อยๆ ”
“ชีวิตแกนี่มันจะเรื่อยๆ เกินไปรึเปล่า”
“ก็มันไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นนี่พี่ ถ้าไม่นับเรื่องที่สัตว์เวทย์หลุดออกจากป่าต้องห้ามอะนะ...ละนี่มิวไปไหน? ”
“ก็ยืนคุยอยู่กับแกอยู่นี่ไง”
“ดิชั้นหมายถึงท่านหญิงนันท์นภัส สุธรรมพงษ์ไม่ใช่ท่านหญิงแพรวา สุธรรมพงษ์ค่ะ! ”
“โอ้โฮๆ เดี๋ยวนี้อาจหาญ แค่เรียกชื่อจริงแค่นี้ต้องเรียกชื่อนามสกุลเลยรึไงยะคุณกรภัทร์ นิลประภา”
“ทำไมมิวคนพี่ไม่น่ารักเหมือนมิวคนน้องเลยวะ”
“ฮะ! เมื่อกี้แกวะกับใครนะยัยเคท! ”
“ป๊าววววววว!!! ”
“เสียงต่ำมากกกกกกก!!! ”
“พี่มิวขาพี่มิว!!! ”
“อะไรค...มิว!!! ”
มิวสิคหันไปเห็นมิวนิคกำลังไล่จับแมลงตัวสีฟ้าเล็กๆ ฝูงหนึ่งก่อนจะทำตาโต
“มิวอย่าเล่นค่ะ! มาหาพี่! ”
“อะไรนะค...โอ๊ย!!! ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย! พิกซี่! มายังไงวะเนี่ย! ”
ฝูงพิกซี่นับสิบตัวจากตอนแรกที่บินวนหลอกล่อให้มิวนิคไล่จับตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นไล่กัดและทำร้ายมิวนิคแทน
“เพียวแลนซ์! ”
ทวนยาวสีขาวปรากฎขึ้นในมือของมิวสิคก่อนจะไล่แทงบรรดาเหล่าพิกซี่ที่กำลังรุมทำร้ายน้องสาวตัวเองอยู่
“ทวนพี่อันเบ้อเริ่ม พิกซี่ตัวเท่าแมลง มันจะแทงโดนมั้ยวะพี่! ”
“พูดมากอยู่ได้! ก็มาช่วยกันหน่อยสิ! เจ้ามิวแผลเต็มตัวแล้วนะ! มิว! ปิดหน้าเอาไว้ค่ะ! ”
“ซิลเวอร์เน็ต! ”
ตาข่ายเหล็กสีเงินถูกกางออกจากมือของเคทก่อนโยนไปคลุมฝูงพิกซี่จนร่วงลงมาจากพื้น เคทกับมิวสิครีบวิ่งไปหามิวนิคที่นั่งกุมหน้าอยู่ที่พื้น
“เป็นอะไรรึเปล่าคะมิว! ขอพี่ดูหน่อยค่ะ! ”
“น...หนูไม่เป็นไรมากค่ะ ไม่โดนที่หน้า แต่ว่าที่แขน ที่ไหล่...แผลเต็มไปหมดเลยค่ะ...”
“โอ๋ๆๆ ไม่เป็นไรนะคะ...เป็นแผลแบบนี้ก็แย่สิคะ กลับไปแบ๊มบ่นพี่แน่ๆ เลย...ทำอะไรเคท ช่วยพาไปห้องพยาบาลหน่อยสิ”
มิวสิคหันกลับไปเรียกเคทที่ยืนพิจารณาฝูงพิกซี่สิบกว่าตัวที่โดนจับอยู่ในตาข่ายพร้อมกับกัดเล็บไปด้วย
“แปลก...”
“อะไรแปลก”
“แปลกที่ว่า...มันน้อยเกินไปรึเปล่า”
“น้อยเหรอ...สิบกว่าตัวนี่ก็เยอะแล้วนะ”
“ปกติพิกซี่ฝูงหนึ่งจะรวมตัวไม่ต่ำกว่าร้อยน...”
“ช่างเรื่องพิกซี่ก่อน! มาช่วยพาเจ้าหนูมิวไปห้องพยาบาลก่อน!!! ”
เคทส่ายหัวก่อนจะลงไปช่วยมิวสิคพยุงมิวนิคขึ้นมา จู่ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มเล็กน้อยพร้อมกับเสียงกระพือปีกจำนวนมากดังขึ้นรอบๆ ตัว
มิวนิคแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะเบิกตากว้าง
“พี่มิว! พี่เคทคะ! ”
ทั้งสองคนหันกลับมองตามเสียงเรียกของมิวนิคก่อนจะหน้าซีด
“เคท...แกบอกพี่ว่าปกติพิกซี่ฝูงหนึ่งรวมกลุ่มกันอยู่ประมาณกี่ตัวนะ...”
“ร้อยกว่าตัวพี่...”
“แล้วไอ้ที่บินอยู่มืดฟ้ามัวดินแบบนี้มันแปลว่าอะไร...”
“แปลว่าขนออกมาหมดป่าเลยล่ะมั้งพี่...”
“ท...ทำยังไงดีคะพี่มิว...พี่เคท”
“ทำใจแล้วล่ะมิว...เยอะขนาดนี้ฝ่าออกไปไม่ได้หรอก”
“พี่หญิงหนึ่ง...”
“พี่ท่านหญิงประธาน...”
“หลับตา! ปิดหู ปิดจมูกเดี๋ยวนี้ทั้งสามคน! ”
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังสิ้นหวังอยู่นั้นก็มีเสียงสั่งด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังดังมาจากด้านหลัง ทั้งสามคนรีบทำตามคำสั่งทันที
“แอร์...เดธฟิลด์...”
เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยมาตามลมพร้อมกับบรรยากาศอึมครึมที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณสวนดอกไม้
บรรดาพิกซี่นับร้อยนับพันตัวที่บินอยู่ในอากาศปีกหยุดนิ่งก่อนจะร่วงตกลงมาบนพื้นราวกับห่าฝนพร้อมกับวิญญาณที่ดับดิ้น
กลิ่นไอแห่งความตายอบอวลไปทั่วบริเวณพร้อมกับเสียงหัวเราะอันเย็นเยือกและแหลมสูงดังออกมาจากหญิงสาวร่างสูงที่สวมชุดเกราะสีดำทั้งชุด
เส้นผมสีดำยาวตรงปลิวสยายตามแรงลมเผยให้เห็นตราสลักรูปหัวกะโหลกสีเงินที่ติดอยู่ด้านหลังของชุดเกราะ
หญิงสาวกางแขนทั้งสองข้างออกก่อนสูดกลิ่นไอแห่งความตายรอบตัวพร้อมกับหัวเราะคิกคักก่อนจะลืมตาขึ้นมาด้วยดวงตาสีแดงฉานทั้งสองข้าง
“ค...ความรู้สึกนี้...พี่เฌอเหรอ...”
“มีอะไรยัยเคท...มันเกิดอะไรขึ้น...”
“ความรู้สึกน่าขนลุกสะพรึงกลัวนี่มันอะไรกันคะพี่เคท...พี่มิว...”
“เปิดตา เปิดหู เปิดจมูกได้แล้ว นักเรียนอัศวิน นักเรียนท่านหญิงทั้งสอง...”
ทั้งสามคนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนโดยที่มิวนิคและมิวสิคตาโตกับเศษซากพิกซี่ที่นอนตายเกลื่อนกลาดทับถมไปทั่วสวนดอกไม้
เคทรีบหันกลับไปหาผู้ที่มาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
“ประธ...!!! ”
เคทตาเหลือกพร้อมกับอ้าปากค้างก่อนจะเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้นอีกรอบ
“อะไรกัน...เจ้าเคทเองเหรอ...”
“ยัยเคท! เป็นอะไรไป! ”
“เกิดอะไรขึ้นคะพี่เคท! ”
มิวสิคและมิวนิคหันกลับไปหาหญิงสาวก่อนที่จะหน้าซีดและเข่าทรุดทั้งคู่ด้วยความกลัวต่อนัยน์ตาสีแดงนั้น
“ท...ท...ท่าน...เป็นใคร...คะ...”
“เฌอ...อยู่ไหน...”
“ถ...ถ...ถ้าคุณประธานอัศวิน...สูงสุด...คุณรองประธาน...ให้พากลับไปพักที่ห้อง...ล...แล้วค่ะ...”
“ขอบใจนะท่านหญิง...ซีเนียร์คิง สปรีด...”
ร่างของหญิงสาวเปลี่ยนกลับเป็นฝูงผีเสื้อสีดำที่มีปีกสีแดงบินกลับไปทางปราสาท ทั้งสามคนนอนแผ่หราไปกับพื้นสนาม
“น...น่ากลัวจังเลยค่ะ...”
มิวสิคลูบหัวน้องสาวตัวเองเบาๆ
“นั่นสิคะ...ดวงตานั่น...น่ากลัวจนก้าวขาไม่ออกเลย...เค้าคนนั้น...เป็นใครเหรอเคท...”
“...”
“เคท!!! ”
“ไม่ต้องตะโกนก็ได้พี่มิว...กำลังรวบรวมสติอยู่...การที่เผชิญหน้ากับเค้าคนนั้นแล้วไม่หมดสติ...แสดงว่า...เค้ายังเอาจริงไม่ถึงครึ่งสินะ...”
“ค...เค้าเป็นใครเหรอคะ...พี่เคท...”
“หัวหน้าหน่วยที่ 1 กองกำลังพิทักษ์ชายแดนแห่งราชอาณาจักร...อดีตประธานอัศวินสูงสุดแห่งสถาบันอัศวินคุณเจตสุภา อารีย์กุลหรือพี่แจนสามีของรองประธานอัศวินคนปัจจุบัน พี่สาวแท้ๆ ของประธานอัศวินสูงสุดคนปัจจุบัน...อัศวินเจ้าของฉายารอยยิ้มแห่งมัจจุราช...”
•
Patient Room
“ยังไงก็หายไวๆ แล้วกันนะคะเจ้าปัญ งานประลองที่ไม่มีเราเจ้าอุ๋งคงกร่อยไปเหมือนกันค่ะ”
“หะๆ บอกพี่อรนะฮะว่าปัญขอแก้มือปีหน้า ส่วนปีนี้รับมือเต็นไปก่อนแล้วกันนะฮะ”
“โอ้โห...ถ้าส่งเจนนิษฐ์มาทางพี่จะรับมือยังไงล่ะคะ...”
“555”
แก้วที่กำลังยืนขำอยู่ที่ข้างหน้าต่างหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เดธฟิลด์...หรือว่า...” (พึมพำ)
“มีอะไรรึเปล่าคะรองประธาน”
“ฝ้าย กลับไปสมทบกับเจนนิษฐ์...ทำยังไงก็ได้ให้ประธานฟื้นให้เร็วที่สุด เลี่ยงพื้นที่ตรงสวนดอกไม้ก็ดีนะ”
“ทราบแล้วค่ะ สปรีด! ”
“มีอะไรรึเปล่าฮะพี่แก้ว...”
“เดธฟิลด์...”
“หะ! แต่พี่เฌอหมดสติอยู่...งั้น...”
“อืม...แจนมา...”
“พี่แจนมาเหรอคะ! ”
“ตาหวาน ไข่มุก ใครติดต่อนิ้งได้ลองขอให้นิ้งมาอยู่ที่นี่ที เดี๋ยวพี่ต้องไปหาแจนก่อน...ควีนสปรีด! ”
“ปัญว่ารีบหน่อยก็ดีนะฮะพี่หวาน ถ้าพี่แจนเจอนิ้งก่อนพี่แก้วล่ะยุ่งแน่ พี่มุกลองติดต่อพี่หนึ่งด้วยก็ดีนะฮะ”
“ไข่มุกคะ”
“ค่ะพี่ท่านหญิงประธาน”
“เดี๋ยวพี่ติดต่อคุณหนึ่งเอง หนูติดต่อไปที่เจ้า 2 มิวนะคะว่าให้มารวมกันที่นี่ก่อนค่ะ”
“ได้ค่ะ”
ปัญพยายามขยับคอตัวเองให้ยกขึ้นพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองให้เลือดไหลออกมาก่อนจะร่ายคาถา
“อีเมอร์เจ็นซีแมสเสจ...เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ กุลจิราณัฐ อินทรศิลป์...”
ปัญพึมพำข้อความก่อนสะบัดหัวเล็กน้อย หยดเลือดที่ไหลออกมาเปลี่ยนเป็นผีเสื้อสีแดงสองตัวแล้วบินออกไปทางหน้าต่าง
•
Knight Dormitory
“ดูแลตัวเองดีๆ อย่าเล่นบ้าๆ อะไรอีกล่ะ หวังว่าเคิร์สแอโรว์คราวนี้จะทำให้แกเข็ดบ้างนะเจ้าน้องชาย”
“แค่กๆ ไม่ต้องห่วงเลยพี่ชายจิ๊บให้พี่เฌอเขียนจดหมายไปฟ้องท่านแม่เรียบร้อยแล้ว”
“อะไรนะ! เอ็งให้พี่เฌอเขียนเหรอ! ”
“ถ้าเขียนเองท่านแม่ก็ไม่เชื่ออะดิ”
“หนอยแน่ไอ้น้องเวรนี่! ”
“คิกคักๆ ”
“หนูขำอะไรพี่ค...”
{คุณหนึ่งคะ...}
“เดี๋ยวก่อนนะคะ”
น้ำหนึ่งหลับตาลงพร้อมกับใช้มือแตะไปที่ขมับตัวเอง
{ครับคุณตา มีอะไรรึเปล่าครับ}
{เรียกนิ้งกลับมาอยู่กับคุณแล้วกลับมารวมที่ห้องพยาบาลด่วนเลยนะคะ}
{หืม...เกิดเรื่องเหรอครับ}
{พี่แจนมาที่สถาบันค่ะ...ดูเหมือนจะใช้เดธฟิลด์แล้วด้วย}
{ทราบแล้วครับ เดี๋ยวจะรีบไปสมทบทันทีครับ}
น้ำหนึ่งลืมตาขึ้นก่อนจะมีสีหน้าเครียดเล็กน้อย
“มีอะไรรึเปล่าคะพี่หนึ่ง”
“ค่ะ ปัญหาใหญ่ซะด้วยสิคะ...พี่แจนมา...”
“อย่าบอกนะพี่ชาย...”
“ใช้เดธฟิลด์แล้ว...นิ้ง...”
นิ้งปรากฎตัวขึ้นในห้องก่อนคำนับให้น้ำหนึ่งแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขึม
“ทราบเรียบร้อยค่ะพี่หนึ่งเมื่อกี้ปัญเพิ่งส่งข่าวมาบอกเจนเหมือนกันค่ะ...ว่าแต่...จะให้นิ้งออกไปหาพี่แจนเลยมั้ยคะพี่หนึ่ง”
น้ำหนึ่งแสยะยิ้มก่อนดีดหูนิ้งไปทีหนึ่ง
“ที่พี่ช่วยชีวิตแกไม่ได้หมายความว่าให้แกต้องมาตายเพราะฝีมือพี่แจนนะ...ตามพี่มา เราจะกลับกันแล้ว ไว้เจอกันที่งานนะไอ้น้องเวร...ไม่เป็นไรค่ะหนู พี่รู้ว่าห้องพยาบาลไปทางไหน ฝากดูแลไอ้น้องบ้าของพี่ไปพักหนึ่งแล้วกันนะคะ”
กระแสไฟฟ้าสีชมพูไหลไปทั่วตัวของน้ำหนึ่งส่วนของนิ้งเป็นกระแสไฟฟ้าสีดำ
“ไว้เจอกันที่ First Beat นะคะ Wave Beat Heart! ”
“Shock wave heart! ”
ร่างของน้ำหนึ่งและนิ้งหายไปจากห้อง จิ๊บแลบลิ้นส่งท้ายไปให้
“บรัยส์ พี่เวร! ”
“แล้วไม่พูดต่อหน้าไปเลยล่ะคะจิ๊บ”
“ขืนพูดต่อหน้าก็โดนเรเปียร์พี่หนึ่งแทงคอสิฮะพี่เนย พี่ไปช่วยทางนู้นรับมือพี่แจนเถอะฮะ ถ้าพี่แจนใช้เดธฟิลด์แสดงว่าพี่เค้ากำลังอารมณ์ไม่ดีมากๆ ”
“จะให้พี่เข้าไปตายรึไงคะจิ๊บ”
“คนที่เป็นมือหนึ่งทางด้านเวทย์แสงแบบพี่ต่อให้เป็นเดธฟิลด์พี่ก็ไม่ตายง่ายๆ หรอกนะฮะ...The Smile of Goddess”
“จิ๊! ไม่น่าเผลอให้เห็นเลย นอนพักไปล่ะ อย่าซนนะคะ ไม่งั้นพี่นี่แหละจะเป็นคนจัดการเราแทนพี่หนึ่งเอง...สปรีด! ”
จิ๊บมองตามกลุ่มผีเสื้อที่บินออกไปจากห้องก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“หลงสเน่ห์ไอ้พี่บ้านั่นไปแล้วสินะ...แต่ว่า...ถ้าได้คุณเป็นพี่สะใภ้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะฮะ...คุณเทพี...”
•
ระหว่างทางไปตึกพยาบาล
น้ำหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วมาตามทางเดินโดยมีนิ้งตามมาติดๆ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามอย่าทำอะไรทั้งนั้น อยู่ข้างหลังพี่ ถือว่าพี่ขอร้องนะนิ้ง”
“แต่ว่าเรื่องที่เกิดมันเพราะเคิร์สแอโรว์ของนิ้งนะคะ”
“แต่มันก็เพราะคำขอของพี่ไม่ใช่รึไง นั่นล่ะ ถือว่าพี่ขอแล้วก...”
น้ำหนึ่งชะงักเล็กน้อยก่อนยกสัญญาณมือให้หยุดเคลื่อนไหว กลิ่นอายของความตายลอยโชยออกมาจากหัวมุมของทางเดิน
หญิงสาวผมยาวในชุดเกราะสีดำสนิทเดินออกมาจากหัวมุมทางเดินพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก
“พี่หนึ่ง...”
“เออ...จ๊ะเอ๋จนได้...”
“คิกคักๆ อะไรกันหนึ่ง ไม่คิดจะทักทายพี่ซักหน่อยเหรอ นี่เพิ่งกลับมาจากชายแดนเลยนะเนี่ย”
น้ำหนึ่งเรียกเรเปียร์มาไว้ในมือพร้อมกับกระชับแน่นแล้วยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าเจื่อนๆ เล็กน้อย
“ถ้าเป็นเวลาปกติก็อยากทักทายอยู่นะพี่ แต่เวลาพี่โกรธ หนึ่งไม่อยากคุยกับพี่เลยว่ะให้ตายสิพี่แจน”
“คิกๆๆ ส่งตัวนิ้งมาให้พี่เดี๋ยวนี้...นี่ขอกันดีๆ เลยนะเนี่ย”
“คนที่ขอให้นิ้งยิงเคิร์สแอโรว์คือหนึ่ง เพราะงั้นเกรงว่าจะส่งให้พี่ไม่ได้ง่ายๆ หรอกว่ะ”
แจนแสยะยิ้มพร้อมกับที่นัยน์ตาสีแดงฉายแสงเล็กน้อยก่อนยื่นนิ้วออกมาตรงหน้า
“เดธล...”
“เดธสไตรค์!!! ”
เปรี้ยง!!!
คลื่นพลังสีดำถูกเขวี้ยงมาระเบิดตรงหน้าแจนพร้อมกับควันรูปหัวกะโหลกลอยขึ้นมาจากตำแหน่งที่ระเบิด
“เฮ้ยพี่...มาทำอะไรที่สถาบัน...จะก่อเรื่อง...รึไง...”
แจนหันกลับไปด้านหลังของตนก็เจอกับเฌอปรางที่นัยน์ตาเป็นสีดำสนิทยืนมองมาทางตนอยู่โดยมีเจนนิษฐ์นั่งคุกเข่ารอคำสั่งอยู่ด้านข้าง
“น้องชาย...มีคนส่งข่าวไปบ...”
“ข่าวบ้าบอ...อะไรวะพี่ เฌอก็ยืนอยู่หน้าพี่นี่ไง...ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...”
เจนนิษฐ์คอยชำเลืองมองเฌอปรางที่มีเหงื่อผุดรอบใบหน้าและหอบหายใจเล็กน้อยด้วยท่าทีระแวง
“สบายดีงั้นเหรอ...แต่หน้าแกมันดูซีดๆ ไปนะ...”
“ก็แค่นอนน้อย...น่าพี่...เลิกก่อ...ความวุ่นวายสักที...เถอะ...”
“แค่พูดก็ลำบากแล้วแท้ๆ ...ยังจะฝืนย...”
ฝูงผีเสื้อสีน้ำเงินบินเข้ามาด้านข้างแจนก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นเนยเข้ามากอดแขนแจนเอาไว้
“พี่แจน~~ คิดถึงจังเลย~~”
“เจ้าหนูเนย! ”
น้ำหนึ่งตกใจที่จู่ๆ เนยก็เข้าไปกอดแขนแจนด้วยความไม่ระมัดระวัง เนยแอบส่งสัญญาณจุ๊ปากเบาๆ ให้น้ำหนึ่งเล็กน้อย
“Crumble Death...ว่ายังไงครับเนย เจ้าน้องชายพี่ใช้งานเราหนักรึเปล่า”
ดวงตาของแจนเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำตาลก่อนจะลูบหัวและยิ้มให้เนยบางๆ เนยยิ้มกว้างก่อนผละออกจากตัวแจนเล็กน้อย
“งานที่พี่เฌอให้หนูทำสบายสุดๆ เลยค่ะ มีเวลานอนเยอะกว่าพี่เฌออีก...ระวังหัวนะคะ ????”
“ฮะ? ”
โป๊กกกก!!!
หนังสือเล่มหนาถูกฟาดเข้ากลางหัวแจนจนล้มหน้าทิ่มไปกับพื้น
“ใครสั่งใครสอนให้ใช้โหมดเดธในพื้นที่อาคารเรียนของสถาบันคะแจน!!! ”
เฌอปรางถอนหายใจพร้อมกับหลับตาลงแต่เซเล็กน้อยเจนนิษฐ์รีบเอามือพยุงหลังเอาไว้
“Crumble Death...ขอร้องนะพี่แจน...พี่สะใภ้...จะตีกัน...ไปตีกัน...ที่บ้าน...ได้มั้ย...”
แจนกระเสือกกระสนยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นก่อนหันกลับไปหาแก้วที่ยืนกอดอกคิ้วขมวดถือหนังสือเล่มหนาอยู่
“คุณภรรยาที่แสนเคารพรักครับ...กะฟาดให้ตายกันเลยรึยังไงครับ”
“มันใช่เรื่องใช่มั้ยล่ะคะ! เคยบอกไปหลายทีแล้วนะคะทั้งคุณ ทั้งเจ้าฌานแล้วก็เราน่ะนะประธาน...เป็นคนออกกฎเองแท้ๆ นะคะ! ”
“แต่มัน...ฉุกเฉินนี่นา...พี่...สะใภ้...”
“ถ้าอย่างงั้นหนึ่งกับนิ้งขอตัวกลับก่อนละกันนะฮะ พี่ออมบอกไว้ว่าให้พานิ้งกลับไปก่อนบ่ายโมงเพราะมีประชุม”
“คราวนี้ถือว่าปล่อยไปก่อนนะหนึ่ง นิ้ง...”
น้ำหนึ่งเก็บเรเปียร์พร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“พี่บอกพี่เฌอละกันพี่แจน ถ้าไม่ใช้ให้ไอ้จิ๊บยิงอะไรหาคุณตาอีกก็น่าจะไม่มีเรื่องหรอกนะฮะ Wave Beat Heart! ”
นิ้งคำนับให้กับทุกคนก่อนจะหายตัวตามน้ำหนึ่งไป
“ที่หนึ่งพูดหมายความว่าไงเจ้าน้องชาย...”
“ขอตัวกลับไปพักก่อนนะฮะ ง่วงนอนนิดหน่อย ช่วงนี้นอนน้อยด้วย...คิง สปรีด”
ฝูงผีเสื้อสีดำบินออกไปอย่างรวดเร็วโดยบินต่ำระพื้นเล็กน้อย เจนนิษฐ์รีบเปลี่ยนร่างเป็นฝูงผีเสื้อสีขาวบินตามไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าฌ...”
“คุณสามีคะ...ไม่ต้องตามประธานไปเชียวนะคะ ทีนี้ลองอธิบายเหตุผลของการใช้เดธให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”
“ไม่เอาน่าแก้ว...”
“แจน...”
“คร้าบๆๆ ที่สวนดอกไม้หน้าปราสาทมีซากศพพิกซี่ตายเกลื่อนอยู่ น่าจะหลุดออกมาจากป่า แต่มันหลุดมาเยอะไปมั้ย แจนเห็นพวกมันกำลังรุมโจมตีเจ้าเคทกับท่านหญิงอีก 2 คนน่ะเลยใช้เดธจัดการ”
“ทางอาจารย์น่าจะเพิ่มการป้องกันแล้วนี่! ทำไมยังมีหลุดออกมาอีกล...”
“อะไรนะแก้ว...”
“ม...ไม่มีอะไรค่ะ ไปกับแก้วหน่อยค่ะแจนแก้วจะไปด...”
“หลุดออกมาอีกหมายความว่ายังไงแก้ว...”
แก้วถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปพูดกับเนย
“ฝากจัดการส่งแขกด้วยนะเนย...ไปกับแก้วค่ะเดี๋ยวแก้วจะเล่าเรื่องให้คุณฟังทั้งหมดเอง”
แก้วกำลังจะดึงแขนแจนแต่แจนยกมือห้ามไว้ก่อนก่อนหันไปกระซิบกับเนยเบาๆ
“ที่มาอยู่ตรงนี้...จงใจจะมาหยุดพี่โดยเฉพาะเลยรึเปล่าเจ้าหนูรอยยิ้มแห่งเทพี”
“อะไรคะพี่แจนหนูก็แค่ผ่านมาแถวนี้แล้วเจอพี่เฉยๆ เอง”
“อ่อเหรอ...แต่ร่างแปลงบัตเตอร์ฟลายสปรีดเรามันมีขอบสีทองแว้บๆ มาด้วยนะ...”
เนยหันกลับมามองแจนด้วยสาตานิ่งๆ เล็กน้อยพร้อมกับมีประกายแสงสีทองปรากฎแวบหนึ่งในดวงตาก่อนจะเดินผ่านแจนไปแล้วพูดพึมพำเบาๆ
“ชีวิตคนไม่ใช่เรื่องที่จะมาตัดสินกันด้วยอารมณ์โกรธเพียงชั่ววูบนะคะคุณพี่รอยยิ้มมัจจุราช...สปรีด! ”
“ให้ตายสิ...ไม่ได้นุ่มนิ่มตามชื่อเลยน้า...เจ้าหนู” (พึมพำ)
“มีอะไรรึเปล่าคะแจน”
“ไม่มีอะไรค้าบ ไปกันเถอะแก้ว คุณมีเรื่องต้องเล่าให้แจนฟังเยอะแยะเลย แล้วก็...คิดถึงนะครับที่รัก ????”
“ชิ! ????”
•
Science Laboratory
“ต้องขออภัยด้วยนะฮะที่เกิดเรื่องขึ้น”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะวีพี่เข้าใจ แสดงว่าทางคณาจารย์ยังจัดการเรื่องแนวป้องกันยังไม่เสร็จดีสินะ”
“ก็คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ เลยล่ะฮะพี่หวาน”
เปรี๊ยะๆ!
“มาล...นิค! ทำไมแผลเต็มตัวแบบนั้น! ไอ้วี...”
“โอ๊ะโอ๋...วีไม่เกี่ยวนะพี่หนึ่ง”
“หนูไม่เป็นไรค่ะพี่หญิงหนึ่ง พิกซี่น่ะค่ะ”
“ขออนุญาตนะคะท่านหญิงมิวนิค...พิกซี่ไม่น่าจะเป็นแผลมากมายขนาดนั้นได้นะคะ”
พรึ่บ!
ฝูงผีเสื้อบินเข้ามาก่อนเปลี่ยนร่างกลับเป็นเนยแล้วตอบคำถามของนิ้ง
“ก็ถ้าพวกมันไม่ขนกันออกมามืดฟ้ามัวดินจนแทบหมดป่าอะนะนิ้ง”
น้ำหนึ่งลืมตัวเดินไปจับแขนเนยและสำรวจรอบๆ ตัว
“หนู! ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ! จู่ๆ ก็โผล่ไปแบบนั้นพี่ตกใจนะคะ! ”
เนยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงพร้อมกับหลบตาคนพี่ที่จ้องตนอยู่
“อะแฮ่มๆ ...ท่านหญิงมิลิน...”
น้ำหนึ่งรู้สึกตัวก่อนจะปล่อยมือออกจากคนน้องพร้อมกับหน้าที่เริ่มแดงเล็กน้อยเหมือนกัน
“ขอโทษครับคุณตา พี่ขอโทษนะคะหนู...”
“ม...ไม่เป็นไรค่ะ”
“ว่าแต่จากหอพักมาที่นี่ก็ไม่น่าใช้เวลานานขนาดนี้นะคะคุณหนึ่ง สำหรับคนที่ได้ฉายาท่านหญิงลมกรดของสถาบันเรามาถึง 4 ปีซ้อนแบบคุณน่ะ”
“ก็ถ้าไม่ต้องจ๊ะเอ๋กับพี่แจนหนึ่งก็คงมาถึงเร็วกว่านี้แหละครับคุณตา แถมเป็นพี่แจนในโหมดเดธด้วย...”
“ถ้าไม่ได้พี่เฌอกับพี่แก้ว พี่หนึ่งกับเจ้านิ้งอาจแย่ก็ได้ค่ะ”
“หืม? พี่เฌอได้สติแล้วเหรอคะเนย”
“ใช่ค...”
“พี่ก็ไม่ได้เป็น...อะไรสักหน่อยนี่หวาน...ต้องขออภัยด้วย...ที่ทำให้ท่านหญิงน้อยท่านนี้...ต้องเจ็บตัวด้วยนะคะ”
เฌอปรางเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเจนนิษฐ์แล้วโค้งหัวเล็กน้อยให้มิวนิคที่รีบถอนสายบัวให้เฌอปราง
“ไม่เป็นไรค่ะคุณประธานอัศวินสูงสุดน...ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่มีแผลเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะ”
“เหอะ...เป็นประธานประสาอะไรแค่ตัวเองยังดูแลไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...” (พูดลอยๆ)
“พี่มิว!!! ”
“ท่านหญิงแพรวา...”
เฌอปรางหันกลับไปมองมิวสิคที่ยืนอยู่ข้างมิวนิคแล้วมองมาที่ตนเหมือนไม่พอใจก่อนจะเชิดหน้าไปทางอื่น
“พี่อย่าไปใส่ใจเลยน่าพี่เฌอ น้องก็แค่ห่วงน้องตัวเองน่ะ หวังว่าคราวหน้าหนึ่งจะไม่ต้องใช้บริการนิ้งอีกนะพี่ เออ...แล้วขอเหอะพี่...คราวหน้าวิ่งหนีสักหน่อยก็ดีนะพี่”
“เหอะ...วิ่งหนีแล้วลงไปนอน...ชักดิ้นชักงอกับพื้นเหมือนน้องแกอะนะหนึ่ง...พี่ขอบายดีกว่า...”
“วันนี้ตัวเองก็หมดสติคาห้องประชุมเหมือนกันนั่นแหละ...” (พูดลอยๆ อีกแล้ว)
“พี่มิ๊ว!!! ”
“ไอ้หมา...ข้าว่าเอ็งพูดลอยๆ มากไปแล้วนะ...”
“จอนอ! ”
“ปกติเอ็งไม่ปากเสียง่ายๆ แบบนี้นะสิค...วันนี้เป็นอะไรว...”
“เจนนิษฐ์...”
“ค่ะประธาน...”
เจนนิษฐ์หยุดพูดก่อนถอยไปอยู่ด้านหลัง เฌอปรางค่อยๆ เดินมาหามิวสิคช้าๆ
“พี่เฌอค...”
เฌอปรางยกมือขึ้นมาห้ามตาหวานที่นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มให้มิวสิคเล็กน้อย
“ท่านหญิงคนนี้...ปากสมกับที่เจนนิษฐ์...เรียกหมาจริงๆ ด้วย...สินะ...”
“เอ๊ะ! คุณประธานนี่! ”
มิวนิคพยายามดึงตัวพี่สาวที่จะพุ่งเข้าไปหาเรื่องเฌอปรางทันที
“พี่มิวคะ! พี่เป็นฝ่ายเริ่มนะคะ หยุดก่อนค่ะ! ”
“มิวปล่อยพี่นะ! ”
“แต่ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้...น่าจะเป็นลูกหมารึเปล่านะ...”
[หนูว่าพี่เฌอก็ปากหมาพอๆ กัน พี่ว่าไงคะพี่เนย]
[จุ๊ๆๆ อย่าให้พี่เฌอรู้เชียวนะคะว่าแอบนินทาน่ะเต็น]
“ทนไม่ไหวแล้วนะ! คำก็หมาสองคำก็หมา! จะเอายังไงคะคุณประธาน! ”
มิวสิคเรียกทวนประจำตัวออกมาก่อนชี้ไปตรงหน้าเฌอปราง
“พี่มิ๊ว!!! ”
“ท่านหญิงมิวสิคค้า!!! ”
“เอ่อ...พี่ฮะ...”
ดาบยาวสีขาวถูกชักออกมาจากเอวของเจนนิษฐ์พร้อมกับตั้งรับทวนสีขาวของมิวสิคอย่างรวดเร็ว
“ยัยเต็น...”
“ต่อให้เอ็งเป็นเพื่อนข้าก็ไม่ได้หมายความว่าเอ็งจะหันอาวุธใส่ประธานได้นะไอ้สิค...”
“รองหัวหน้าอัศวินสูงสุด...เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ เก็บอาวุธของคุณไป...เรามีมารยาทมากพอ...ที่จะไม่หันอาวุธเข้าใส่แขก...ผู้มีเกียรติหรอกนะ...”
เจนนิษฐ์เก็บดาบเข้าฝักที่เอวอย่างรวดเร็วก่อนถอยไปคุกเข่าอยู่ด้านหลัง
“ขออภัยค่ะท่านประธาน”
“จะบอกว่าดิฉันไร้มารยาทงั้นเหรอคะคุณประธาน”
เฌอปรางหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีดำสนิทจนมิวสิคชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วแตะปลายทวนของมิวสิคจนปลายทวนเริ่มโดนกัดกร่อนไปทีละน้อย
มิวสิครีบเก็บทวนของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าตัวมิวนิคถอยห่างออกจากเฌอปรางอย่างรวดเร็ว
“ดิฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะคะ ท่านหญิงเป็นคนพูดเองนะคะ ไว้เจอกันวันงานกระชับความสัมพันธ์ก็แล้วกันนะคะท่านหญิงแพรวา...คิงสปรีด...”
“เอ็งนี่นะไอ้สิค หาเรื่องผิดคนแล้วนะเอ็ง เดี๋ยวว่างๆ ต้องคุยกันสักแมตซ์หน่อยละมั้ง...ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะคะพี่เนย ถ้าเสร็จงานแล้วพี่อยู่กับปัญนะวี”
“ได้ค่ะคุณรองหัวหน้าอัศวินสูงสุด”
“เคฮะพี่สะใภ้”
“สปรีด! ”
“พี่มิว! พี่ทำอะไรลงไปคะเนี่ย! ”
“ไม่ต้องมาเอ็ดพี่เลยนะคะมิว! พี่ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าแค่นั้นเอง! ”
แปะๆๆๆ
เนยปรบมือพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้มิวสิคแล้วหันไปหาน้ำหนึ่ง
“ท่านหญิงคนนี้สุดยอดเลยค่ะพี่หนึ่ง ไม่เคยมีใครกล้าหันอาวุธใส่ประธานซึ่งๆ หน้ามาก่อนนอกจากรองประธาน พี่แจนแล้วก็เจ้าฌานเลยนะคะเนี่ย”
“ปกติเจ้าหนูสิคไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนขนาดนี้หรอกค่ะ คงน่าจะไม่ชอบขี้หน้าพี่เฌอจริงๆ ”
“แต่ว่านะคะท่านหญิง...มิวสิค...ใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ”
“ขอเตือนนิดหน่อยนะคะ อาวุธของท่านหญิงเป็นอาวุธสายกายภาพเฉยๆ หรือว่าควบคู่กับสายเวทย์เหรอคะ”
“เพียวแลนซ์ของดิฉันเป็นอาวุธสายกายภาพที่ใช้ประสานร่วมกับกาโจมตีเวทย์ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะพี่”
“ถ้างั้นก่อนจะใช้อาวุธในครั้งต่อไปรบกวนช่วยนำอาวุธไปชำระเวทย์หน่อยก็ดีนะคะ”
“ทำไมเหรอคะ”
“เพราะอาวุธของท่านหญิงโดนเวทย์กัดกร่อนของประธานไปน่ะค่ะ ถ้าใช้โดยไม่ชำระเวทย์มันจะทำให้อาวุธของท่านหญิงโดนกัดกร่อนไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าที่ดิฉันเรียกเก็บอาวุธไปจะทำให้ผลของเวทย์ถูกหักล้างไปเหรอคะ”
“เวทย์ของประธานไม่ใช่แค่เวทย์กัดกร่อนธรรมดาค่ะ แต่เป็นเวทย์ประสานกับสายเวทย์ทมิฬ...”
“เวทย์ทมิฬเหรอคะ! ”
มิวนิคตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ
“ข...ขอโทษค่ะ”
“ใช่แล้วค่ะท่านหญิงน้อย เวทย์ทมิฬเป็นเวทย์ที่ไม่ได้มีสอนทั่วไป แต่เป็นเวทย์เฉพาะตัวประจำตระกูล การจะลบล้างผลของเวทย์ทมิฬจึงจำเป็นจะต้องทำการชำระเวทย์ด้วยเวทย์แสงค่ะ”
มิวสิคเม้มปากพร้อมกับกัดฟันด้วยความขัดใจก่อนจะหันไปถอนสายบัวให้เนย
“ขอบคุณที่แนะนำนะคะพี่เนย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้านึกไม่ออกก็ใช้เวทย์ของพี่ท่านหญิงประธานช่วยแก้ให้ก็ได้นะฮะพี่สิค”
“ขอบใจวี”
“เอาล่ะ กลับสถาบันกันเถอะค่ะท่านหญิงทุกท่าน กลับไปถึงแล้วจะได้เรียกประชุมสภาท่านหญิงด้วย”
•
•
•
•
•
•
•
To be continue
ความคิดเห็น