ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spread First Beat Wings

    ลำดับตอนที่ #2 : 1

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 64


    18 นาฬิกา 17 นาที

    สถาบันอัศวิน Anosia Spread Wings แห่งราชอาณาจักร (Anosia Spread Wings Knight Academy of Kingdom)

    Magic Forest

    ผีเสื้อสีแดงนับสิบตัวบินมายังบริเวณด้านหน้าป่าที่มีกลุ่มคนกำลังมุงอยู่จำนวนหนึ่งก่อนจะรวมตัวกันก่อร่างขึ้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง

    ผมยาวดำประกายน้ำตาลเล็กน้อยถูกถักเป็นเปียรวบตึงไว้ด้านหลัง ปลอกแขนสีดำประทับตราสัญลักษณ์ผีเสื้อสีทองที่แขนซ้ายพลิ้วไหวตามลมเล็กน้อย

    เกราะอกสีดำสนิทสะท้อนรับแสงจากดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าแต่ใบหน้าของหญิงสาวกำลังเดาอารมณ์ไม่ถูก

    หญิงสาวเดินตรงไปยังกลุ่มคนที่กำลังมุงดูรุมล้อมบางอย่าง

    “เกิดอะไรขึ้น!”

    สิ้นเสียงคำถามของหญิงสาวกลุ่มคนที่กำลังมุงดูหันกลับมาตามเสียงของหญิงสาวก่อนจะพร้อมใจกันโค้งหัวให้หญิงสาวอย่างพร้อมเพรียงกัน

    “ท่านหัวหน้าอัศวิน”

    หญิงสาวหันกลับไปมองที่พื้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งร่างกายบอบช้ำพร้อมกับกระอักเลือดออกมาทำให้หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่าหัวหน้าอัศวินกัดฟันแน่น

    “ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!”

    “ส...สัตว์เวทย์ขนาดใหญ่...หลุดออกมาจากแนวอาคมป้องกันของป่ามนตราค่ะ”

    “สัตว์เวทย์ขนาดใหญ่...”

    “โทรลล์ค่ะท่านหัวหน้าอัศวิน...”

    หญิงสาวเบิกตากว้างก่อนจะหันกลับเข้าไปมองด้านในป่าอย่างรวดเร็ว ผีเสื้อสีน้ำเงินฝูงหนึ่งบินมาด้านหลังของหัวหน้าอัศวินก่อนจะก่อตัวเป็นหญิงสาวร่างสูงที่มีผมยาวประกายสีม่วง

    “เฮ้ยๆๆ ...โทรลล์เลยเหรอ...นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนา...ปัญ”

    ท่านฝ้าย

    กลุ่มคนที่มุงอยู่รอบๆ โค้งหัวให้หญิงสาวที่เพิ่งปรากฎตัวใหม่ ปัญหันกลับมามองฝ้าย

    “พี่ฝ้าย รบกวนพี่หน่อยได้มั้ย”

    “ได้อยู่แล้ว หัวหน้าสั่งทั้งทีอะนะ อีกอย่างมันก็หน้าที่พี่อยู่แล้วด้วย”

    “ขอบคุณฮะ”

    ฝ้ายหันกลับมาออกคำสั่งกับคนที่มุงอยู่โดยรอบอย่างรวดเร็ว

    “นำคนเจ็บกลับไปห้องพยาบาลโดยเร็วที่สุด ประกาศให้เหล่าอัศวินทุกท่านทราบ จากนี้เขตพื้นที่ทางเข้าป่ามนตราในรัศมี 1 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ควบคุมภายใต้คำสั่งของคณะกรรมการอัศวิน”

    “ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นห้ามทุกคนยกเว้นเหล่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่เข้ามาในบริเวณนี้โดยเด็ดขาด อัศวินทุกท่านรับคำสั่ง!”

    “ครับ/ค่ะ!”

    กลุ่มคนที่มุงอยู่โดยรอบต่างช่วยกันพยุงและประคองคนเจ็บก่อนที่ทั้งหมดจะตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน

    Spread!!!

    กลุ่มคนทั้งหมดสลายตัวกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีเหลืองบินกลับไปทางปราสาทอย่างรวดเร็ว หลังจากสั่งการเสร็จฝ้ายก็แบมือซ้ายออกมา

    ผีเสื้อแสงสีน้ำเงินตัวขนาดเท่ากำปั้นปรากฎขึ้นกลางฝ่ามือปัญหันกลับมามองอีกรอบก่อนจะถามขึ้นมา

    “พี่จะกางอาณาเขตใช่มั้ย”

    “ช่ายยยยยย”

    ปัญพยักหน้าก่อนจะชี้นิ้วออกมา ผีเสื้อแสงสีแดงตัวเล็กตัวหนึ่งออกมาจากปลายนิ้วก่อนบินไปรวมตัวกับผีเสื้อสีน้ำเงินกลายเป็นผีเสื้อสีม่วง

    “ปัญใช้ซาวด์เทอร์เรียนะพี่”

    ฝ้ายส่งจุ๊บไปให้คนน้องด้วยท่าทีโปรยสเน่ห์จนปัญขนลุก

    “ขอบคุณนะคะหัวหน้า น่ารักที่สุด จุ๊บๆ”

    “พี่อย่ามาทำปัญขนลุก ถ้าเต็นมาเห็นเดี๋ยวปัญจะซวย หรือจะให้ปัญส่งจดหมายไปหาพี่ออมที่ส่วนกลางดีนะ...”

    “หยุดเลยไอ้ปัญ หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ได้...บล็อคเอ็กซ์โพลไกเซอร์...”

    ผีเสื้อสีม่วงในมือเปล่งแสงเข้มก่อนจะระเบิดออกเป็นคลื่นแสงสีม่วงกระจายเป็นวงกว้างรอบๆ อาณาเขต

    “เรียบร้อย เอาไงต่อดีล่ะหัวหน้า”

    “คงต้องตรวจสอบแนวอาคมป้องกันเบื้องต้นก่อนแหละพี่ ถ้าสัตว์เวทย์ขนาดใหญ่หลุดออกมาได้ แสดงว่ามันต้องมีปัญหาที่ตัวอาคมป้องกัน”

    “อ่า...ก็ต้องดูอีกว่ามันมีปัญหาจากด้านนอกหรือด้านใน ถ้ามันเกิดจากด้านนอกคาดว่าคงตามตัวสาเหตุได้ไม่ยาก แต่ถ้ามันเกิดจากด้านในล่ะก็...”

    “นั่นล่ะปัญหาใหญ่ของจริงเลยล่ะพี่”

    “มันเป็นปัญหาใหญ่ตั้งแต่ที่มีนักเรียนอัศวินบาดเจ็บหนักในเขตโรงเรียนแล้วล่ะปัญ”

    มีเสียงหญิงสาวอีกคนดังมาจากด้านหลังของปัญกับฝ้ายที่หันกลับไปมอง ฝูงผีเสื้อสีขาวก่อตัวเป็นหญิงสาวรูปร่างสันทัดในชุดเกราะสีขาว

    ผมยาวดำพลิ้วไสวไปตามลมแต่คิ้วกำลังขมวดจนแทบชนกันพร้อมกับสายตาที่มองไปที่กองเลือดของผู้บาดเจ็บ

    “โอ๊ะโอ๋”

    “ไม่ได้อยู่ลาดตระเวนปราสาทกับหอพักเหรอเต็น”

    “ก็กำลังลาดตระเวนอยู่ แต่มีนักเรียนมาแจ้งข่าวก็เลยฝากให้เปี่ยมลาดตระเวนต่อให้ก่อนน่ะ”

    “อืม...”

    “แล้วยังไงคะปัญ พี่ฝ้าย”

    “หัวหน้าบอกว่าจะไปตรวจสอบแนวอาคมป้องกันน่ะท่านรองหัวหน้าอัศวิน”

    “อยู่กันแค่นี้เรียกแบบธรรมดาก็ได้ค่ะพี่ฝ้าย”

    “อ่าเค จะไปด้วยกันเลยมั้ยล่ะเจนนิษฐ์

    “มาถึงที่ขนาดนี้ก็ต้องไปดูล่ะค่ะ”

    ทั้งสามคนเดินเข้าไปบริเวณด้านหน้าป่ามนตราก่อนที่ปัญจะหันซ้ายหันขวามองหาสิ่งที่ต้องการ

    “ทางนี้ค่ะปัญ”

    เจนนิษฐ์ชี้หมุดศิลาสีดำที่ฝังอยู่ที่พื้นดินโดยมีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมเล็กน้อย

    “ขอบคุณครับเต็น”

    ปัญเดินไปที่หมุดศิลาก่อนจะนั่งลงแล้วใช้มือแตะที่ตัวหมุดแล้วหลับตาลง

    “รีลีฟ...”

    ปัญลืมตาขึ้นแล้วเอามือออกก่อนที่หมุดจะลอยขึ้นจากพื้นดินโดยที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ

    “ซีคลูด”

    หมุดศิลาเปล่งแสงเล็กน้อยก่อนจะแยกตัวออกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ 6 ส่วน

    “ช่วยกันตรวจสอบหน่อยเต็น พี่ฝ้าย”

    “ได้ค่ะ”

    “งั้นเดี๋ยวพี่ดูชิ้นส่วนแนวอาคมป้องกันด้านนอกละกัน ปัญกับเจนนิษฐ์เช็คชิ้นส่วนแนวป้องกันด้านในละกัน”

    “เคพี่”

    ฝ้ายโบกมือเล็กน้อย ชิ้นส่วน 3 ชิ้นก็ลอยมาทางตนส่วนอีก 3 ชิ้นที่เหลือปัญและเจนนิษฐ์ต่างช่วยกันตรวจสอบ

    “รีเช็ค”

    “รีเช็ค”

    “รีช...”

    ยังไม่ทันที่เจนนิษฐ์จะตรวจสอบ ชิ้นส่วนหมุดศิลาชิ้นหนึ่งก็สั่นเล็กน้อยพร้อมกับแตกสลายไป ปัญกับเจนนิษฐ์มองหน้ากันอย่างรวดเร็ว

    “ชิ้นส่วนแนวป้องกันภายนอกไม่มีปัญหาอะไรนะ ทางนั้นล...”

    ฝ้ายยังพูดไม่ทันจบชิ้นส่วนอีก 2 ชิ้นที่เหลือที่อยู่ตรงหน้าปัญก็แตกสลายทันที

    ทั้ง 3 คนยืนมองหน้ากันไปมาโดยที่ฝ้ายแอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย

    “ปัญคะ...”

    “แหลกคาตาเลยว่ะพวกเอ็ง...”

    บรรยากาศรอบตัวเริ่มอึมครึมเล็กน้อยพร้อมกับมีเสียงขู่คำรามดังออกมาจากด้านในป่ามนตรา

    ปัญยกนิ้วชี้ขึ้นมาก่อนที่เล็บจะยืดยาวออกจากนั้นก็ใช้เล็บกรีดฝ่ามือของตัวเองจนมีเลือดไหลออกมาจำนวนหนึ่ง

    “ดีเฟนด์ คริสโต บลัด”

    เลือดค่อยๆ จับตัวเป็นก้อนก่อนจะแยกตัวออกเป็นหยดขนาดเท่าชิ้นส่วนที่แตกสลายไปของหมุดศิลาจำนวน 3 ชิ้น

    “ปัญคะ...”

    “หัวหน้า...”

    “เต็น พี่ฝ้าย แจ้งอาจารย์กับคณะกรรมการอัศวิน แล้วก็พี่เฌอให้ด้วย เดี๋ยวปัญจัดการทางนี้เอง”

    หยดเลือดทั้ง 3 หยดกลับมารวมตัวกับชิ้นส่วนอีก 3 ชิ้นที่เหลือกลายเป็นหมุดศิลาเหมือนเดิม ต่างไปตรงที่สีทีกลายเป็นสีแดงคล้ำเท่านั้น

    “แต่ว่าปัญคะ...”

    “เดี๋ยวนี้!”

    “รับคำสั่งท่านหัวหน้าอัศวิน”

    ฝ้ายก้มหัวคำนับปัญก่อนจะดึงตัวเจนนิษฐ์ออกไป

    Spread!!!

    ฝูงผีเสื้อสีขาวและสีน้ำเงินรีบบินกลับตรงไปยังปราสาทอย่างรวดเร็วโดยที่ปัญใช้หางตามองตามกลับไปเล็กน้อยแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย

    “ชอบดื้อจริงๆ เลยนะเต็น เค้าไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ หรอกนะ...แฮนด์ เดสทรัค”

    สนับมือสีดำถูกสวมเข้าที่มือทั้งสองข้างก่อนจะปล่อยให้หมุดศิลาฝังตัวกลับไปที่ตำแหน่งเดิมโดยที่ตัวเองยืนเผชิญหน้าเข้าหาทางเข้าของป่ามนตรา

    “เอาล่ะ...มาลองกันสักตั้ง คราวนี้จะเป็นสัตว์เวทย์ประเภทไหนกันนะ เข้ามาเลย ไม่ได้ออกกำลังมานานแล้วเหมือนกัน!”

    โถงกลางปราสาท

    ผีเสื้อสีขาวและสีน้ำเงินก่อตัวเป็นฝ้ายและเจนนิษฐ์โดยที่เจนนิษฐ์มีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย

    “พี่พาหนูกลับมาทำไม ทำไมพี่ถึงทิ้งปัญไว้คนเดียวคะพี่ฝ้าย!”

    “เจนนิษฐ์ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ได้มั้ย คำสั่งของปัญมันชัดเจนอยู่แล้วนะ อีกอย่าง เราไม่เชื่อใจเจ้าปัญเหรอ”

    “...”

    “ตอนนี้เราต้องทำหน้าที่ของเราก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้รีบไปช่วยปัญกัน”

    เจนนิษฐ์หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะยังคงขัดใจอยู่จนฝ้ายต้องเตือนอีกครั้ง

    “เจนนิษฐ์...”

    “จิ๊! เรดูเอคโครัส!”

    เจนนิษฐ์ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาก่อนจะแตะไปที่ลำคอของตัวเอง

    “นี่คือเสียงรายงานจากเจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ รองหัวหน้าอัศวิน แจ้งเตือนรหัสสีส้ม ขอย้ำ แจ้งเตือนรหัสสีส้ม คณะกรรมการอัศวินกรุณามารวมตัวกันที่ห้องโถงปราสาทกลาง”

    “ขอรายงานคณาจารย์หน่วยป้องกันแนวป่ามนตรา หมุดศิลาแนวอาคมป้องกันภายในถูกทำลายแล้ว ขอรบกวนคณาจารย์หน่วยป้องกันแนวป่ามนตราทุกท่านด้วยค่ะ”

    เจนนิษฐ์ปล่อยนิ้วออกจากลำคอของตัวเองหลังจากจบรายงานเสียงไปทั่วสถาบัน ฝ้ายตบไหล่เจนนิษฐ์เบาๆ

    “ทำถูกแล้วล่ะเจนนิษฐ์ ทีนี้ก็รออีกสักพักละกันนะ”

    “หนูไม่ชอบการรอเท่าไหร่เลยค่ะพี่ฝ้าย”

    ฝูงผีเสื้อสีน้ำเงินนับสิบบินกรูเข้ามาในห้องโถงกลางก่อนจะกลายร่างเป็นคนทั้งหมด 13 คนยืนเรียงกันด้วยสีหน้าแตกตื่น

    “หมุดแนวป้องกันป่าถูกทำลายงั้นเหรอพี่เจนนิษฐ์!”

    “อืม...”

    “เรื่องใหญ่ชิบหายเลยนะเนี่ย!”

    “แลวทอนนี้มีครายอยู่รับมือแนวป่ามนตราล่ะ”

    “ปัญ ตอนนี้ใช้ดีเฟนด์คริสตัลบลัดทดแทนอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะรั้งไว้ได้นานแค่ไหนเหมือนกัน”

    “ไปช่วยพี่ปัญกันเลยมั้ยอ่า”

    “เดี๋ยวก่อนเคท...แล้วตอนนี้ท่านประธานอัศวินสูงสุดอยู่ที่ไหน เรายังต้องรอคำสั่งก่อนนะ”

    “พี่เห็นมั้ยพี่เจน

    “ม่ายเห็นอ่า”

    “ถ้าเรามัวแต่รอพี่เฌอป่านนี้พี่ปัญไม่แย่แล้วเหรอพี่แก้ว

    “พี่เข้าใจว่าเราเป็นห่วงปัญนะวี แต่ยังไงเราก็ต้องทำตามขั้นตอน ทุกคนในที่นี้ก็ห่วงปัญกันทั้งนั้นแหละ แต่อาจารย์ก็น่าจะตามไปสมท...”

    กลุ่มผีเสื้อสีดำกลุ่มหนึ่งบินผ่านหน้าทุกคนไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงทิ้งท้ายไว้ด้วย

    “ไม่ต้องรอคำสั่งอะไรแล้ว ทุกคน ตามเฌอไปช่วยปัญเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

    Magic Forest

    ปัญกำลังสู้กับเหล่าก็อบลินนับสิบตัวที่กรูกันออกมาจากป่ามนตราเรื่อยๆ โดยมีท่าทีอ่อนแรงเล็กน้อย

    “ให้ตายสิ ออกมาไม่มีหยุดหย่อน จะไม่ให้พักเลยรึไงวะ เหนื่อยนะเนี่ย!”

    ปัญบ่นไปเรื่อยแต่มือกับเท้ายังคงโจมตีเหล่าก็อบลินที่ดาหน้าเข้ามาเรื่อยๆ

    “บ่นไปก็ไม่ได้อะไรนี่หว่า ดีนะที่ยังเป็นสัตว์เวทย์ระดับต่ำพวกก็อบลิน แต่บางทีจำนวนมันก็เยอะไปนะเนี่ย”

    ปัญไล่ต่อยและเตะพวกก็อบลินไปเรื่อยๆ จู่ๆ ฝูงก็อบลินก็หยุดการโจมตีพร้อมกับขยับตัวถอยออกจากปัญกันอย่างช้าๆ

    “หือ? ถอดใจกันแล้วเหรอวะไอ้พวกนี้...”

    พลั่ก!!!

    ไม้กระบองขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงเข้าตัวปัญอย่างจังจนร่างของหญิงสาวลอยกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างจัง

    “อัก! ค่อก! แค่กๆ!”

    ปัญกระอักเลือดออกมาพร้อมกับมึนหัวและตาลายก่อนพยายามยันตัวเองเพื่อทรงตัวและปรับสายตา

    “อ...โอย...อะไรวะ...แค่กๆ!”

    ปัญพยายามปรับสายตามอง ก็พบกับอสูรกายร่างสูงดำทะมึนขนาดใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยถือไม้กระบองใหญ่ขนาดเกือบเท่าต้นไม้ไว้ในมือ

    “ท...โทรลล์...ไอ้เหี้ยเอ๊ย...”

    โทรลล์คำรามเสียงดังสนั่นก่อนจะฟาดกระบองลงมายังปัญที่หลบได้อย่างเฉียดฉิวแต่ต้นไม้แหลกละเอียดไปในทันที

    “โอ๊ะ...”

    ปัญเสียหลักสะดุดก้อนหินจนล้มหน้าคะมำไปกับพื้น โทรลล์ที่เห็นดังนั้นก็เงื้อไม้กระบองเตรียมฟาดลงมาเต็มที่

    “ไม่รอดแล้วมั้งเรา...เต็น...ขอโทษนะ...”

    ปัญหลับตาลงนอนแผ่กับพื้นเตรียมรับแรงฟาดอย่างทำใจ

    “คิลแมมมอธสปรีด!!!”

    ผีเสื้อสีดำนับสิบตัวบินเข้าจู่โจมโทรลล์ที่ด้านหลังอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นระเบิดขนาดย่อม

    ตูมๆๆๆ!!!

    โอ๊กกกกกกกก!!!

    โทรลล์คำรามลั่นด้วยความเจ็บปวดจนเผลอปล่อยกระบองออกจากมือ ปัญลืมตาขึ้นด้วยอาการตาลายเล็กน้อย

    “ปัญ! ปัญ!”

    “หัวหน้า!”

    “เฮ้ยพี่ปัญ!”

    เจนนิษฐ์ ฝ้าย และอีกสองคนวิ่งมาทางปัญอย่างรวดเร็ว เจนนิษฐ์รีบประคองปัญอย่างรวดเร็ว

    “อัก! อ๊าก!!!”

    “ปัญคะ! เป็นอะไรคะปัญ!”

    “เจนนิษฐ์หยุด! อย่าขยับตัวปัญ!”

    “พี่แก้ว...”

    แก้วพิจารณาสภาพของปัญอย่างละเอียดก่อนจะหลับตาลง

    “สแกดิโนสเฟียร์ รีเช็ค”

    แก้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับดวงตาที่เปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีเขียวมรกต

    “กระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่ ไหล่ซ้ายหลุด กระดูกข้อมือขวาร้าว อวัยวะภายในบอบช้ำ มีเลือดออกในช่องท้อง ข้อเท้าขวาหัก...ให้ขยับตัวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ”

    “เอาไงต่อดีล่ะพี่แก้ว”

    “วีอยู่ตรงไหน...ก่อน

    ก่อนหันมองรอบๆ ก่อนจะเจอเป้าหมายแล้วหันกลับมาบอกแก้ว

    “รอซัพพอร์ตจากจุดหลังอยู่น่ะพี่”

    “วี!”

    หญิงสาวที่รอซัพพอร์ตอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งได้ยินเสียงเรียกจากแก้วก็สลายร่างกลายเป็นผีเสื้อบินฝ่าฝูงก็อบลินมาอยู่ด้านข้าง

    “มาแล้วพ...เฮีย!”

    “อย่าเพิ่งโวยวาย พี่ชายแกไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่ถ้าไม่รีบรักษาก็แย่เหมือนกัน ให้ขยับตัวมากก็ไม่ได้ เพราะงั้นต้องพึ่งอุปกรณ์แกในการเคลื่อนย้ายแล้วล...”

    แก้วยังพูดไม่ทันจบวีก็ล้วงหมุดเหล็กสีดำ 4 แท่งออกมาจากกระเป๋าก่อนจะปักไปที่ตำแหน่ง 4 จุดรอบตัวปัญ

    บึ้ม! แกว๊กกกกก!!!!

    ก็อบลินที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีทั้ง 6 คนก็โดนระเบิดเวทย์จากมือของก่อนระเบิดใส่หน้าจังๆ จนลอยปลิวไป ฝ้ายหักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บ

    “ต่อเลยวี เดี๋ยวพี่กับก่อนจัดการตัวเกะกะเอง”

    “งั้นเดี๋ยวก่อนรับทางซ้ายเองละกันนะพี่ฝ้าย”

    “เค งั้นพี่รับทางขวาเอง”

    หลังจากที่ฝ้ายกับก่อนแยกกันไปรับมือก็อบลินที่คอยมาก่อกวน วีก็มีสมาธิทำงานต่อมากขึ้น

    “ใครจะไปกับพี่ปัญบ้างฮะ”

    “พี่!”

    “งั้นเต็นไปพร้อมกับพี่เลยละกัน”

    “งั้นพวกพี่สองคนประจำตำแหน่งในหมุดที่วีปักไว้เลยฮะ”

    แก้วและเจนนิษฐ์เข้าประจำจุดโดยที่เจนนิษฐ์คอยจับมือปัญเอาไว้ด้วย

    “ฝากพี่ชายวีด้วยนะฮะพี่แก้ว พี่เจนนิษฐ์”

    ทั้งคู่พยักหน้าก่อนที่วีจะประสานมือแล้วร่ายเวทย์

    “ทรานส์โพเทเลสคริปชั่น!”

    ร่างของแก้ว ปัญ และเจนนิษฐ์หายวับไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว วีถอนหมุดที่ปักออกเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ

    “วี! มาช่วยทางนี้หน่อย! มันเยอะเกินไปแล้ว!”

    “แป๊บนึงพี่มิน! กำลังไปแล้วฮะ!”

    “แม่งเอ๊ย! ออกมาอะไรกันเยอะแยะนักหนาวะเนี่ย!”

    “อย่าบ่นเลยพี่เปี่ยม นี่ยังดีแค่เป็นพวกก็อบลิน พี่เฌอน่ะรับมือโทรลล์เลยนะคะ หนูยังไม่อยากคิดว่าถ้ามีอะไรออกมาอีกมันจ...”

    นิกี้!!! อย่าพูดนะลูกอย่าพูด!!!”

    “อะไรเหรอคะพี่เนย

    “เค้าว่ากันว่าถ้าพูดอะไรมันจะเป็นอย่างนั้นค่ะ เพราะงั้นหนูอย่าเพิ่งพูดนะคะนิกี้”

    “พี่เนย...”

    “อะไรคะเปี่ยม”

    “เปี่ยมว่าไม่ทันแล้วพี่...”

    เปี่ยมพูดพร้อมกับชี้ไปทางป่ามนตรา เนยและนิกี้หันกลับไปมองก่อนที่จะหน้าซีดกันทั้งคู่

    “ไม่นะ...”

    “แวร์วูล์ฟ...”

    “เหี้ย!!!!”

    “ไอ้จิ๊บ!!!”

    “มันไม่ใช่เวลาด่าเรื่องคำหยาบแล้วพี่เจน! แวร์วูล์ฟเป็นสิบเลยนะพี่!!!”

    “ฉีบห้ายคองจิ้งเลยล่า แคโทรลล์ทีพี่เฌอร้าบมือยู่กอว่ายากแล้ว นี่ยังแวร์วูล์ฟอีกเป้นสิบ จาราบมือยางงายดี”

    “ฝ่าไปรวมกลุ่มกันก่อนดีกว่ามั้ย”

    “เคทเห็นด้วยกับพี่แพนด้าค่ะ”

    “งั้นเอาง...”

    “ทั้งหมดมารวมศูนย์กลาง! วีประจำจุดศูนย์กลางหลัก นิกี้ เปี่ยม เนย สามจุดรอบวี มายยู เจน เคท แพนด้า มิโอริ จิ๊บ กรอบฐาน 6 เหลี่ยม ฝ้าย เข่ง ก่อน มินมิน กรอบล็อคมุมสุดท้าย ทั้งหมดประจำจุดอยู่หลังพี่ 200 เมตร สปรีด วิง เซ็ท!”

    เฌอปรางที่กำลังสู้กับโทรลล์ตะโกนออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังก้องไปทั่วสนาม ทุกคนที่ได้ยินคำสั่งรีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว

    “ชักจะหงุดหงิดแล้วนะ...เป็นแค่สัตว์เวทย์แท้ๆ แต่คิดจะฝ่าออกมาจากเขตป่ามนตราเพื่อรุกรานมนุษย์งั้นเหรอ...ไม่มีวันซะหรอก”

    “พี่ๆ คะ...”

    “ว่าไงนิกี้”

    “หนูว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวพี่เฌอดูแปลกๆ นะคะ”

    ฝ้ายหันกลับไปมองที่เฌอปรางตามที่นิกี้บอกก่อนจะเบิกตากว้าง

    “ทุกคนเคลื่อนย้ายรูปแบบอย่างเป็นระเบียบ! ถอยห่างออกจากพี่เฌอเดี๋ยวนี้! 200 เมตรไม่พอแน่ๆ ปรับรูปแบบเป็นโหมดตั้งรับเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์!”

    “อะไรอะพี่ฝ้าย”

    “อย่าเพิ่งถามตอนนี้เปี่ยม ทำตามที่พี่บอกก่อน ทุกคนใช้เอ็กซ์ตร้าดีเฟนด์ชิลด์กันด้วยนะ แล้วประสานเวทย์แสงลงไปด้วย! เดี๋ยวนี้!”

    ทั้ง 14 คนถอยห่างออกจากตัวเฌอปรางที่ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นเหนือท้องฟ้า ใบหน้านิ่งเรียบสนิท

    “เอ็กซ์ตร้าดีเฟนด์ชิลด์!”

    “ไลท์ดีเฟนด์!”

    โล่แสง 3 ชั้นค่อยๆ ครอบคลุมตัวทั้ง 14 คนเอาไว้

    “ความรู้สึกนี้มัน...”

    “ไม่ได้เห็นพี่เฌอในมุมนี้มานานแล้วนะคะเนี่ย”

    เฌอปรางค่อยๆ หลับตาลง ปีกผีเสื้อสีดำสยายออกมาจากกลางหลัง ที่พื้นดิน ใต้เท้าปรากฎวงเวทย์สีดำขนาดใหญ่ค่อยๆ แผ่ขยายกินวงกว้างไปทั่วสนาม

    วงเวทย์สีดำเมื่อสัมผัสกับโล่แสงก็หลบออกจากตำแหน่งที่สัมผัสก่อนที่จะแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ

    “อย่าลดการป้องกันกันเชียวนะ พยายามรักษาเสถียรภาพของเวทย์แสงให้นานและมากที่สุด!”

    “นี่มันเวทย์อะไรกันคะพี่ๆ ...หนูได้กลิ่น...ความตายจากเวทย์นี้ด้วยค่ะ”

    “ดูไปก่อนนิกี้...นี่แหละ...ความน่ากลัวของคิงเฌอปราง...อย่าให้ท่านประธานคณะกรรมการอัศวินสูงสุดได้โกรธเป็นอันขาดเชียว...”

    “นรกบนดินดีๆ นี่เอง...”

    ฝูงผีเสื้อสีดำนับร้อยนับพันตัวค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากวงเวทย์สีดำที่ขยายไปทั่วพื้นที่ก่อนจะบินไปเกาะบรรดาก็อบลิน แวร์วูล์ฟ และ โทรลล์

    “หึๆๆๆๆ ...ฮ่าๆๆๆ ...”

    เฌอปรางเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะดังไปทั่วสนาม

    “คิง สปรีด แฟนธอม...เดธฟิลด์...”

    เสียงที่เอ่ยออกมาจากลำคอราวกับเสียงกระซิบที่เยือกเย็นและอำมหิต ก่อนที่ฝูงผีเสื้อสีดำจะแผลงฤทธิ์

    เหล่าสัตว์เวทย์เริ่มเปล่งเสียงโหยหวนพร้อมกับร่างที่ค่อยๆ หลอมละลายกลายเป็นของเหลว ก่อนที่จะค่อยๆ ระเหยกลายเป็นกลุ่มควันสีดำก่อตัวเป็นรูปร่างของหัวกะโหลก

    เสียงกรีดร้องของบรรดาเหล่าสัตว์เวทย์ที่พยายามกระเสือกกระสนหลบหนีกลับเข้าไปในป่ามนตราดังระงมไปทั่วสนาม แต่ก็ไม่มีสัตว์เวทย์ตัวใดหนีพ้นไปจากเงื้อมมือของฝูงผีเสื้อสีดำได้สักตัว

    นัยน์ตาของเฌอปรางตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีดำสนิททั่วทั้งดวงตามองไปทั่วสนามพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะคิกคักแข่งกับเสียงกรีดร้องของเหล่าบรรดาสัตว์เวทย์ที่กำลังทยอยล้มตายไปเรื่อยๆ

    “น...น่ากลัว...พี่เฌอน่ากลัวเกินไปแล้ว...”

    “แฟนธอมเดธฟิลด์...พื้นที่แห่งความตาย เวทย์มนต์ทมิฬเฉพาะตัวของพี่เฌอ ทั้งสถาบันมีคนใช้เวทย์สายเวทย์ทมิฬแค่พี่เค้าคนเดียว...นี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของพี่เค้าที่ใช้เวทย์นี้คว้าตำแหน่งประธานคณะกรรมการอัศวินสูงสุดของสถาบันมาตั้งแต่เข้าเรียนปีแรก...”

    “ขอค้านนิดหน่อยนะเนย เวทย์ทมิฬไม่ใช่เวทย์เฉพาะตัวของพี่ แต่เป็นเวทย์เฉพาะตัวของตระกูลอารีย์กุลของพี่นะคะ”

    ทุกคนที่กำลังคุยกันอยู่สะดุ้งกันเล็กน้อยที่จู่ๆ เฌอปรางก็ปรากฎตัวขึ้นในอาณาเขต

    “ป...ประธาน...”

    “ตกใจอะไรฝ้าย จัดการหมดเรียบร้อยแล้ว ปลดโล่ได้แล้วล่ะ”

    โล่แสงสามชั้นค่อยๆ สลายตัวไปช้าๆ ก่อนที่เฌอปรางจะสอดส่ายสายตามองหาไปรอบๆ

    “ว้า...เละไปหมดเลย อยู่ไหนล่ะเนี่ย”

    “เอ่อ...ประธานคะ”

    “ว่าไงมายยู”

    “แล้วจะทำอะไรต่อล่ะคะ”

    “ก็รออาจารย์หน่วยป้องกันแนวป่ามนตรามาจัดการต่อ...อ๊ะ...ตรงนั้นเอง...รีลีฟ”

    หมุดศิลาสีแดงคล้ำลอยขึ้นมาจากพื้นก่อนจะลอยเข้ามือเฌอปราง

    “ซีคลูด”

    ชิ้นส่วนหมุดศิลาแยกออกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ 4 ชิ้น

    “อืม...ดีเฟนด์คริสตัลบลัดของปัญสินะ...แตกไปสองเลยเหรอ...มิน่าแวร์วูล์ฟ ถึงได้เยอะขนาดนั้น”

    “ประธานคะ อาจารย์มาแล้วค่ะ”

    ฝูงผีเสื้อสีม่วงรวมตัวกันเป็นกลุ่มอัศวินในชุดเกราะประมาณ 5 - 6 คน เฌอปรางรวบชิ้นส่วนหมุดศิลาก่อนจะเดินเข้าไปหา

    “เละเทะขนาดนี้ฝีมือคุณสินะคุณประธาน”

    “ขออภัยด้วยค่ะอาจารย์ โทรลล์หนึ่ง แวร์วูล์ฟอีกเป็นสิบ กับก็อบลินอีกเป็นร้อย ถ้าไม่รีบจัดการแล้วหลุดไปข้างนอกได้มีปัญหาใหญ่แน่ๆ ค่ะ”

    “แล้วนี่...”

    “หมุดอาคมป้องกันค่ะ ที่มีปัญหาคือชิ้นส่วนแนวป้องกันภายในที่แตกไปทั้งสามชิ้น แต่หัวหน้าอัศวินใช้ดีเฟนด์คริสตัลบลัดทดแทนไปแล้ว แต่ก็ยังแตกไปอีก 2 อยู่ดีค่ะ”

    “อืม...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกอาจารย์รับหน้าที่ต่อเองละกัน มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรกันรึเปล่า”

    “มีแค่หัวหน้าอัศวินที่โดนโทรลล์เล่นงานสาหัสค่ะ แต่ตอนนี้ส่งตัวไปทำการรักษาแล้ว นอกนั้นก็น่าจะมีแค่รอยขีดข่วนนิดหน่อย”

    “อืม...ถ้างั้นก็แยกย้ายเถอะ”

    “ทราบแล้วค่ะ อาจารย์”

    “ยังไงต่อคะประธาน”

    “แยกย้ายไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มันต่อละกัน คืนนี้ใครเป็นเวรตรวจตราที่นี่เหรอฝ้าย”

    “ท่านหัวหน้าอัศวินค่ะ”

    “อ่า...เดี้ยงพอดี งั้นยกเลิกเวรตรวจตราที่นี่ไปก่อนละกัน อาจารย์จะได้ทำงานกันได้สะดวกแล้วเจ้าเต็นล่ะ”

    “พี่เจนนิษฐ์วันนี้ไม่มีเวรออกตรวจค่ะ พี่แก้วด้วย”

    “งั้นให้ สองคนนั้นอยู่ดูอาการเจ้าปัญไปละกัน”

    “ประธานฮะ...”

    “อนุญาต ก็นั่นพี่เราอะนะ แต่ให้ได้แค่ครึ่งชั่วโมงนะวี”

    “ขอบคุณฮะประธาน”

    “เอาล่ะ แยกย้ายกันก่อนละกัน พรุ่งนี้ขอให้มาประชุมกันตั้งแต่ 6 โมงเลยนะ คงต้องรายงานสถานการณ์ทางนี้ให้ตาหวานกับเป้รู้ด้วย จะได้เตรียมการรับมือเรื่องอื่นและปรับแผนเรื่องการเตรียมงานด้วย...คิงสปรีด!”

    เฌอปรางสลายร่างตัวเองกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีดำบินกลับไปทางปราสาท ส่วนคนอื่นๆ กลายเป็นฝูงผีเสื้อสีน้ำเงินบินตามกลับไป

    วันต่อมา

    Central Operating Building

    Auditorium

    “งั้นเอาเป็นว่าสรุปตามที่ประชุมนี้กันก่อนละกันนะคะ ไว้ทางนู้นตอบกลับมายังไงค่อยคุยกันอีกที ถ้างั้นเลิกประชุมเท่านี้ก่อนค่ะ”

    ทุกคนลุกขึ้นยืนก่อนจะคำนับและถอนสายบัวให้กับเฌอปรางที่ยืนอยู่ที่หัวโต๊ะและถอนสายบัวกลับมาเช่นกัน

    “คุณสุชญา ดอกเทียนคะ”

    “ค้าบ ว่าไงค้าบประธาน”

    “เดี๋ยวตามพี่ไปที่ยอดปราสาทด้วยนะคะ จะให้ส่งจดหมายไปให้ตาหวานหน่อยน่ะ”

    แก้วที่ยืนอยู่ข้างๆ เฌอปรางหันขวับกลับมามองอย่างรวดเร็ว

    “คุณประธานคณะกรรมการอัศวินสูงสุดเฌอปราง อารีย์กุลคะ”

    “ว่ายังไงคะคุณรองประธาน”

    “เครื่องส่งเอกสารระยะไกลที่เชื่อมกับส่วนกลางก็มีนะคะ ทำไมไม่ใช้”

    “พี่แก้ว...พี่เคยเห็นเฌอใช้ไอ้เครื่องนั่นรึเปล่าล่ะคะ”

    “ไม่ค่ะ ก็ถึงได้บอกให้ใช้ให้เป็นนี่ไงคะ! เอะอะก็ยิงเอะอะก็ยิงตลอด!”

    “เอาน่าพี่สะใภ้ คลายเครียดไงคลายเครียด ตามมาไวๆ นะจิ๊บ คิงสปรีด!”

    “หนีอีกแล้วนะเฌอ!”

    “เอ่อ...งั้นจิ๊บตามประธานไปก่อนนะฮะ ขอตัวฮะ...สปรีด!!!”

    “เอาน่าๆ พี่แก้ว พี่เฌอก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่คะ”

    “เหอะ! ใครมีเรียนก็แยกย้ายไปเรียนก็แล้วกัน พี่จะไปดูอาการเจ้าปัญซะหน่อย ควีนสปรีด!”

    ร่างของแก้วสลายกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีเขียวบินออกจากห้องไป

    “ให้เขียนจดหมายไปบอกพี่แจนมั้ยคะว่าพี่แก้วอารมณ์เสีย”

    “อย่าเลยค่ะนิกี้ ถึงพี่แจนจะตามใจพี่แก้วขนาดไหนก็ตาม แต่พี่แจนน่ะ ตามใจพี่เฌอกับสปอยล์พี่เฌอมากกว่าพี่แก้วอีกนะคะ”

    “สามพี่น้องอารีย์กุล...สปอยล์กันเก่งงงงงง”

    “เรื่องปกติของพี่น้องมั้ยล่ะฝ้าย”

    “ข้าก็มีน้องชาย แต่ข้าไม่เคยสปอยล์น้องตัวเองนะมิน”

    “แกเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องเองรึเปล่าล่ะ...สปรีด!”

    “ไอ้! กลับมาให้ด่าเดี๋ยวนี้นะนังเหยิน! สปรีด!”

    “ปวดหัวกับพี่แก้วกับพี่เฌอไม่พอ ยังต้องมาปวดหัวกับพี่ฝ้ายพี่มินอีกเหรอเนี่ย”

    “เหมือนกันเลยค่ะพี่เนย”

    “ด้ามียาแก้ปวด เอามั้ยพี่เนย นิกี้”

    “พี่เนยกับน้องเค้าแค่เปรียบเปรยน่ะพี่ด้า”

    “อ้าว...นึกว่าปวดหัวจริงๆ ซะอีก”

    “โอยยยยยยยย”

    To be continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×