ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spread First Beat Wings

    ลำดับตอนที่ #8 : 7

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 64


    13 นาฬิกา 27 นาที

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat แห่งราชอาณาจักร

    น้ำหนึ่งเดินตรงเข้ามายังทางเดินหน้าอาคารเรียนด้วยสีหน้าหงุดหงิด ชุดเกราะเต็มไปด้วยคราบเลือด รวมไปถึงชุดเกราะสีขาวของเจนนิษฐ์ที่เดินตามมาพร้อมกับวี

    ตาหวาน ไข่มุก ปูเป้ ผักขม มิวสิค แบมบูและนายกำลังจะคุกเข่าทำความเคารพน้ำหนึ่งก็ยื่นดาบสีทองส่งคืนตาหวานแล้วคุกเข่าอย่างรวดเร็วก่อนหันไปทางปูเป้

    “ไอ้เป็ด...ยัยหมึก...”

    “น้องไม่เป็นไรแล้วพี่ แต่แผลลึกอยู่ ตอนนี้ยังไม่ได้สติ”

    “ท่านหญิงประธานคะ...”

    ตาหวานเก็บดาบก่อนพยักหน้าให้น้ำหนึ่งที่ลุกขึ้นยืนแล้วถอนสายบัวก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

    “ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วยนะคะคุณเจนนิษฐ์ คุณวีรยา ไม่ได้รับบาดเจ็บกันใช่มั้ยคะ”

    “ไม่มีปัญหาค่ะท่านหญิงประธาน”

    “ทางนี้ก็ไม่ม...”

    “คิคิ...วี...เสื้อข...ไอ้บ้าไอ้บอ! เลือดไหลด้วยนะนั่น!”

    “อ้าว? โดนตอนไหนหว่า...จะว่าไป...ชักแสบแฮะ...”

    “เดี๋ยวให้ทางเราทำการรักษาให้แล้วกันนะคะ ท่านหญิงไข่มุกเดี๋ยวตามดิฉันไปที่ห้องทำงานหน่อยนะคะ ท่านหญิงปูเป้ด้วยนะคะ ส่วนคนที่เหลือแยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ”

    “พี่มิว...”

    “ไปหามิวเถอะแบ๊ม...ดูแผลที่แขนด้วยแล้วกลับไปนอนซะ...คุยกันหน่อยมั้ยล่ะยัยเต็น”

    เจนนิษฐ์ชักดาบออกมาสำรวจคราบเลือดที่ติดอยู่ที่ใบดาบก่อนจะสะบัดเล็กน้อยพร้อมกับยักไหล่แล้วเก็บดาบเข้าฝัก

    “ก็ที่มาตอนแรกก็กะจะมาคุยกับแกอยู่แล้ว”

    “ไปล้างหน้าล้างตาก่อนมั้ยล่ะ มีแต่คราบเลือดเต็มหน้าเลย”

    “ช่างเหอะ เดี๋ยวกลับไปค่อยล้างทีเดียว ทำแผลเสร็จแล้วก็รออยู่แถวๆ นี้ละกันนะวี ถ้าเจอพี่มินก็เรียกมาด้วยเลย”

    “เคฮะพี่สะใภ้”

    “คิคิ หน่วยแพทย์!”

    เปรี๊ยะ!

    “มาแล้วค่ะพี่ท่านหญิง...มีใครบาดเจ็บอะไร...รึเปล่าคะ”

    “อ้าว...หัวหน้าหน่วยแพทย์มาเองเลยเหรอท่านหญิงฟ้อนด์ คิคิ พาคุณอัศวินคนนี้ไปรักษาด้วยสิ”

    “ได้ค่ะ...รบกวนตามมาทางนี้เลยค่ะ”

    “เชิญท่านหญิงเลยครับ”

    เจนนิษฐ์และมิวสิคเดินคุยกันมาตามทางเดินของอาคารเรียน

    “แล้วยังไง เมื่อเช้าเพิ่งจะเจอกันไปเองไม่ใช่เหรอเต็น ทำไมถึงตามมาที่สถาบันได้ล่ะ”

    “เจอกันแต่ก็ไม่ได้คุยกันเลยนี่นะ ก็แกไปคุยกับนังเด็กปีนเกลียวนั่นนี่นา”

    “ยังไม่เลิกกวนประสาทแกอีกเหรอนังคุณหนูเคทน่ะ”

    “เฮอะ!”

    “ถึงยังไงเอ็งก็ไม่อยู่คุยกับข้าอยู่ดีปะ ห่วงไปเฝ้าผัวหนิ”

    “ยัยสิค...ก็นั่นผัวมั้ย!”

    “555 แล้วยังไง เป็นไงบ้างล่ะอาปังน่ะ”

    “ก็เดี้ยงสมบูรณ์แบบกระดูกหักยับเยิน คงขยับตัวไปไหนมาไหนไม่ได้อีกเป็นเดือน”

    “นิ้วไม่ขาดเนอะ”

    “อีนี่นี่แช่งผัวเพื่อนเหรอ!”

    “555”

    ทั้งสองคนคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยสักพักก่อนที่จู่ๆ เจนนิษฐ์จะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “นี่สิค”

    “หือ...ว่างัย”

    “ทำไมวันนี้เอ็งทำท่าทีแบบนั้นกับพี่เฌอ”

    “พี่เฌอ?”

    “ประธานน่ะ...ทำไมเอ็งถึงชี้อาวุธใส่หน้าพี่เฌอแบบนั้น”

    มิวสิคชะงักก่อนหน้าจะเริ่มหงิกทันทีที่เพื่อนซี้เอ่ยถึงคนที่ตนรู้สึกเกลียดขี้หน้าอย่างบอกไม่ถูก

    “ไม่รู้!”

    พูดตอบเจนนิษฐ์ด้วยน้ำเสียงห้วนๆพร้อมกับจิ๊ปากด้วยความอารมณ์เสีย

    “สิค...ปกติเอ็งไม่ใช่คนแบบนี้นะ...”

    “ไม่รู้เต็น ข้าแค่หงุดหงิดมันบอกไม่ถูก แค่เห็นหน้าก็รู้สึกไม่ชอบอะ รู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง”

    เจนนิษฐ์ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อยแล้วเริ่มบ่น

    “เอาจริงๆ ข้าก็รู้สึกว่าบางทีข้าก็ไม่เข้าใจเอ็งทั้งๆ ที่ข้าเองก็สนิทกับเอ็งเหมือนกันนะ”

    “ไม่แปลกหรอก บางทีข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองในบางทีเหมือนกัน คนที่รู้จักข้าดีที่สุดบางทีอาจจะมีแค่หนูมิวล่ะมั้ง”

    “แต่ก็เอาเถอะ...ยังไงก็ตามข้าขอย้ำอีกทีนะสิค...ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในสังกัดของ Anosia และยังอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าอัศวินสูงสุด...”

    มิวสิคปรายตามองเพื่อนสนิทที่ชักดาบออกมาจากข้างเอวครึ่งฝักก่อนจะเสียบกลับเข้าฝักตามเดิม

    “ข้า...ไม่ชอบให้ใครเอาอาวุธมาชี้หน้าประธานของข้าหรอกนะ...”

    มิวสิคยิ้มมุมปากพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

    “พวกเราเองต่างก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ข้าเองก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีของสถาบันท่านหญิงค้ำคอ...คงไม่ยอมให้ใครมาดูถูกง่ายๆ เหมือนกันหรอกนะ”

    “หึๆ ...”

    “หึๆ ...”

    “แต่เรายังเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย”

    “แน่นอนสิพี่เต็น 555”

    ทั้งคู่ต่างคนต่างหัวเราะก่อนจะชนไหล่กับหมัดกันเล็กน้อย

    “นานๆ ทีจะเรียกพี่เต็นนะเนี่ย”

    “ไม่มีรีรันนะยะหล่อน!”

    “555 เออ!”

    “ไอ้หมา! เฮ้ย! จอนอ! มาไงวะนั่น!”

    “วิ่งมาไม่เข็ดใช่มั้ยพี่ใส พวกพี่ปลอดภัยกันดีใช่ปะพี่จี้”

    “ไม่เป็นไร พวกสัตว์เวทย์ไม่ได้หลุดเข้ามาในส...พิเต็น! ทำไมชุดเกราะกับหน้าพี่เปื้อนเลือดเต็มไปหมดเลยล่ะคะพี่!”

    เจนนิษฐ์ยักไหล่พร้อมกับชักดาบที่เอวออกมาให้ดูคราบเลือดที่แห้งกรังติดอยู่

    “ไปไล่ฆ่าแวร์วูล์ฟมาพอดีคันไม้คันมืออะ จะว่าไปทางสถาบันข้าเป็นกองทัพก็อบลินและแวร์วูล์ฟประปรายกับโทรลล์อีกตัวนึงว่าหนักแล้วนะ ทางเอ็งดันเป็นกองทัพแวร์วูล์ฟกับกริฟฟินอีกสองนี่น่าจะหนักพอควรเลยนี่นาสิค”

    “แต่คงไม่มีใครสาหัสเท่าอาปังที่โดนโทรลล์ฟาดลอยหรอกมั้ง”

    “พูดงี้มาต่อยกันปะใส”

    “ใจเย็นเรนจิ๊ด...ก็แค่หยอกน่ะหยอก”

    “ปากพี่นี่หาเรื่องให้ตัวเองตลอดเลยนะพี่ใส”

    “เออไอ้สิค”

    “ว่า?”

    “ข้าบอกเอ็งรึยังว่าสภาพหลังแนวกำแพงสถาบันเป็นยังไง”

    “ยังนะ ข้าก็มัวเพลินกับการปาทวนเลยไม่ได้ดูเหมือนกัน”

    “อะจริงสิ...ดอกนึงเฉียดหน้าข้าไปเลยนะไอ้หมา...”

    “โทดทีละกัน แต่อุตส่าห์ช่วยนะ”

    “เออ...จะบอกว...”

    เปรี๊ยะๆ!

    มิวนิคและแบมบูปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าทั้งสี่คนโดยที่แบมบูถูกพยุงตัวเอาไว้

    “คราวหน้าอย่าลากเค้าแบบนี้อีกนะมิว~~”

    “ก็ช่วยไม่ได้นี่คะ ก็แบ๊มไม่เหลือพลังเวทย์เลยนี่นา อ้าว! พี่ท่านหญิงน้ำใสกับพี่ท่านหญิงจีจี้ก็อยู่เหรอคะ พี่เจนนิษฐ์”

    “มีอะไรรึเปล่ามิว แล้วลากแบ๊มมาด้วยทำไมล่ะนั่น ไม่ให้ไปพักล่ะคะ”

    “หนูจะบอกว่าเมื่อกี้หนูกับแบ๊มเพิ่งไปเช็คหลังแนวกำแพงมานะคะ พื้นผิวระเบิดเละเทะเลยล่ะค่ะ คาดว่าที่น่าจะเป็นหลุมใหญ่ๆ น่าจะมีสัก 4-5 หลุมได้ รวมถึงต้นไม้ด้านหน้าป่ามนตราไหม้เกรียมไม่ต่ำกว่าสิบต้น ส่วนอีกสิบกว่าต้นถูกถอนรากออกมาค่ะ”

    มิวสิคเข่าอ่อนทันทีที่น้องสาวรายงานจบแต่จีจี้รับตัวไว้ได้ทัน

    “อ...อะไรกันล่ะเนี่ย...งบสำรองคลังคงต้องเอามาใช้จ่ายค่าซ่อมแซมเกลี้ยงแน่ๆ ...ฝีมือใคร...เต็น!”

    “ข้าไม่เกี่ยวนะไอ้หมา...พี่หนึ่งนู่น ใช้หอกชี้ตูมชี้ตูมอยู่คนเดียวเลย...”

    “แต่พี่กับพี่วีใช้ท่าทอร์นาโดถอนต้นไม้ออกมาไม่ใช่เหรอฮะพี่เจนนิษฐ์...”

    “ไอ้เต็น!!!”

    “ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้แล้วเชียวนะแบ๊ม...เออๆ ส่งบิลเรียกเก็บไปที่สถาบันด้วยก็ได้ แต่จ่ายแค่ส่วนที่ข้ากับวีทำพังนะเว้ย! ส่วนอื่นไปเก็บที่พี่หนึ่งเอาเอง”

    Medical Room

    “ไอ้หมึก!”

    น้ำหนึ่งเปิดประตูห้องพยาบาลเข้ามาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

    “พี่ท่านหญิงน้ำหนึ่งคะ นี่ห้องพยาบาลนะคะอย่าส่งเสียงดังสิคะ”

    “โทดทีสตางค์ เจ้าโมล่ะ”

    “เตียงซ้ายสุดด้านในค่ะ”

    “ขอบใจมาก”

    น้ำหนึ่งเดินผ่านเตียงของจ๋าและอรไปก่อนหันไปเห็นมินมินที่นั่งกุมมือนิวที่ยังไม่ได้สติอยู่

    “อ้าว...มาด้วยเหรอมิน”

    “พี่หนึ่ง...ก็แค่อู้งานเก็บซากพิกซี่มาเฉยๆ น่ะพี่ ไม่คิดว่าจะมาเจอเจ้าหนูในสภาพนี้”

    “น้องไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง”

    “ขอบคุณค่ะ”

    น้ำหนึ่งตบไหล่มินมินเบาๆ ก่อนจะเดินไปทางเตียงของโมบายล์ที่ยังคงนอนหลับหมดสติอยู่ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วลูบหัวคนน้องเบาๆ

    “ทำไมถึงได้ดื้อได้ซนแบบนี้นะลูก...คิดยังไงถึงได้พาน้องออกไปลุยกับพวกสัตว์เวทย์แบบนั้น...”

    โมบายล์ขยับตัวเล็กน้อยเหมือนจะรู้สึกตัวแต่ก็ไม่ตื่นพร้อมกับละเมอออกมาเล็กน้อย

    “งืมๆ ...ป๊าหมี~~ งืมๆๆ”

    น้ำหนึ่งยิ้มมุมปากก่อนจะเลื่อนมือไปลูบแขนโมบายล์ที่พันผ้าพันแผลเอาไว้อย่างแผ่วเบา

    <โชคดีที่ลูกสาวเจ้าโดนแค่แขนไม่เหมือนเจ้านะน้ำหนึ่ง>

    {ยังไม่ไปพักอีกเหรอคริม}

    <บอกให้ไปพักแต่ความจริงข้าก็อยู่ในตัวเจ้าแหละนะ>

    {จ้าๆ แต่เจ้าคิดเหมือนข้ามั้ยคริม ข้าว่าไอ้พวกไก่บินได้คราวนี้ดูอ่อนแอกว่าตัวคราวที่แล้วเยอะเลยนะ}

    <มันก็ผ่านมาตั้ง 2 ปีแล้วมั้ยล่ะ ข้าว่าเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากกว่า 2 ปีก่อนมากกว่า>

    {จะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะ ไปพักก่อนเถอะ}

    <อืม>

    แกร๊ก

    ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออก ฟ้อนด์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับวีที่เดินตามมาเงียบๆ สตางค์เดินเข้ามาถอนสายบัวให้ฟ้อนด์กับวีเล็กน้อย

    “ขอรายงานผลคนเจ็บหน่อยนะคะพี่ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยแพทย์”

    ฟ้อนด์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนหันกลับไปคุยกับวี

    “ดิฉันขอรับรายงานสักครู่ รบกวนคุณอัศวินช่วยรอสักหน่อยได้รึเปล่าคะ”

    “เชิญตามสบายครับท่านหญิง”

    “เชิญค่ะท่านหญิงตริษา”

    “ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนแขนขวาเป็นบาดแผลลึก ทำให้เสียเลือดไปมาก เราได้ทำการถ่ายเลือดสำรองเรียบร้อยตอนนี้ให้นอนพักยังไม่ได้สติค่ะ”

    “ท่านหญิงณปภัช ท่านหญิงชัญญาภัค มีบาดแผลฟกช้ำเล็กน้อย และมีการกระแทกที่ศีรษะนิดหน่อย อีกสักพักคงได้สติ”

    “ท่านหญิงพิมรภัสมีแผลฟกช้ำตามตัวเล็กน้อย แต่ที่แขนถูกกรงเล็บจนลึกพอสมควรคาดว่าคงใช้การแขนซ้ายไม่ได้ซักระยะหนึ่งค่ะ”

    “ถ้าใช้การไม่ได้สักระยะนี่...ความลึกของบาดแผลประมาณไหนคะ”

    “ก็ลึกเกือบถึงกระดูกเลยค...”

    น้ำหนึ่งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับเรียกเรเปียร์ออกมา

    “เอ่อ...พี่ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยคะ...”

    “ขอโทษทีฟ้อนด์...ได้ยินแล้วมันโมโห ยังไงพี่ฝากเจ้าหมึกไว้ก่อนนะ จะไปเลาะกระดูกไก่บินก่อน”

    “เอ่อ...ค่ะ...ไก่บิน...นั่นสัตว์เวทย์ขั้นสูงนะคะพี่ท่านหญิง...” (พึมพำ)

    น้ำหนึ่งเดินถือเรเปียร์ออกจากห้องไปโดยแวะมาคุยกับวีพร้อมกับมองสำรวจเล็กน้อย

    “หลบไม่พ้นเหรอ เห็นลิบๆ นึกว่าหลบพ้นแล้วซะอีก”

    “ปลายเล็บเฉี่ยวๆ น่ะพี่หนึ่ง”

    “เสื้อขาดขนาดนี้กูว่าไม่เฉี่ยวล่ะมั้ง...อ้อ...เลือดเริ่มหยดลงมาที่พื้นแล้วนะ อย่าลืมเช็ดด้วยล่ะ ไปละ”

    วีขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเห็นว่าเลือดของตนเริ่มหยดจากเสื้อลงมาที่พื้นตามที่น้ำหนึ่งบอกพร้อมกับเริ่มรู้สึกตึงๆ ที่หลัง

    “สตางค์ พี่ขอใช้ห้องทำแผลห้องหนึ่งแล้วกันนะคะ อย่าให้ใครมารบกวน ในห้องมีอุปกรณ์พร้อมใช่มั้ยคะ”

    “มีครบค่ะ”

    “เฮ้ยวี...ทำไมเอ็งพลาด”

    “แค่ไม่ทันมองเองน่าพี่มิน อ้อ พี่เจนนิษฐ์บอกว่าถ้าวีทำแผลเสร็จแล้วค่อยไปเจอกันที่หน้าห้องเคลื่อนย้ายนะพี่”

    “เคๆ”

    “เชิญทางนี้เลยค่ะคุณอัศวิน”

    “นำทางเลยครับท่านหญิง”

    13 นาฬิกา 34 นาที

    กองกำลังรักษาความปลอดภัยส่วนกลางประจำราชอาณาจักร (Central Security Forces of Kingdom)

    นิ้งกำลังเดินมาตามทางเดินของอาคารพร้อมกับบ่นพึมพำและลูบหูตัวเองไปด้วย

    “คุณเจนใจร้ายแค่ตีมือก็พอทำไมต้องดึงหูด้วย หูยานหมดแล้วมั้งเนี่ย~~”

    “อ้าวนิ้ง!”

    “อ้าวพี่แคนดีนี่ ว่าไงคะ”

    “ไปไหนมาคะพี่ วันนี้ไม่เห็นทั้งวันเลย”

    “ไป Anosia มาน่ะ เอายาถอนคำสาปเคิร์สแอโรไปให้เจ้าจิ๊บกับพี่เฌอ”

    “ฮะ!? ละเอ็งยิงเคิร์สแอโรใส่พี่เฌอกับจิ๊บทำไมวะ”

    “ไม่ได้อยากยิงหรอกค่ะพี่ ถึงได้โดนคุณเจนดึงหูมานี่ไงคะ ก็พี่หนึ่งขอมานี่คะ”

    “อ่า...กูเก็ทละ”

    “ละนี่พี่กับดีนี่ไปไหนกันมาเหรอคะ”

    “เพิ่งมาจากโรงอาหาร เจอฌานด้วย เห็นมันบอกว่าพี่แจนก็ไปที่นู่นเหมือนกัน เอ็งเจอพี่แจนปะ”

    นิ้งหัวเราะแหะๆ พร้อมกับยิ้มแหยๆ

    “เจอสิคะ...หวิดตายด้วย ถ้าพี่เฌอกับพี่แก้วไม่ห้ามไว้หนูคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาถึงนี่หรอกค่ะ”

    “ก็พี่เล่นไปยิงเคิร์สแอโรใส่น้องชายสุดรักของพี่เค้านี่คะพี่นิ้ง”

    “เออ ละนี่กินข้าวมาย...แคต! จะวิ่งไปไหน!”

    หญิงสาวตัวเล็กผมยาวคนหนึ่งวิ่งมาพร้อมกับม้วนจดหมายชะงักเล็กน้อยก่อนหันกลับมาหาทั้ง 3 คน

    “อ้าว พี่แคน พี่นิ้ง ดีดี้”

    “หนูชื่อดีนี่ค่ะพี่คิตแคต

    “อ่า...นั่นล่ะค่ะมีอะไรรึเปล่าคะ แคตต้องรีบเอาจดหมายด่วนไปให้พี่ออมน่ะค่ะ พี่มายบอกให้หนูเอาไปให้พี่ออมด่วนน่ะค่ะ”

    “จดหมายด่วน? จากที่ไหนเหรอคะแคต”

    “จาก First Beat ค่ะพี่นิ้ง เพิ่งส่งมาสักครู่นี่เอง”

    “อะไรนะคะ แต่ว่าพี่เพิ่งแยกจากพวกพี่ตาหวานมาเมื่อตอนก่อนเที่ยงนี่เองนะคะ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่นั่นรึเปล่า”

    นิ้งมองไปที่จดหมายที่ประทับตราคลื่นหัวใจสีชมพูและประทับตราด่วนในมือคิตแคตพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย

    “จะมีเรื่องอะไรหรือไม่มีก็ให้น้องเอาจดหมายไปให้พี่ออมก่อนเถอะ ถ้าอยากรู้ก็ตามน้องไปด้วยกันนี่ล่ะ จะไปด้วยรึเปล่าดีดี้”

    “หนูบอกว่าชื่อดีนี่! ไปด้วยค่ะ”

    “เออๆ โทดที ติดเจ้าหนูแคตมาน่ะ”

    “ถ้างั้นนิ้งขอล่วงหน้าไปรอที่ห้องขนส่งแล้วกันนะคะ shock wave heart”

    เปรี๊ยะ!!!

    “อิจฉาพวกท่านหญิงกับพวกอัศวินก็แบบเนี้ย ฝั่งนึงก็รวดเร็วเหมือนคลื่นสายฟ้า อีกฝั่งก็แปลงร่างบินได้”

    “อย่าเพิ่งบ่นเลยค่ะพี่แคน หนูต้องรีบเอาจดหมายไปให้พี่ออมนะคะ”

    ออมใช้นิ้วชี้กรีดตามรอยตราประทับของจดหมายออกแต่ก่อนที่จะอ่านก็ปรายตามามองทั้งสามคนที่ยืนรอลุ้นอยู่

    “ก็คือดูสนใจมากกว่าพี่กันอีกนะเจ้าพวกนี้ หนูแคตกลับไปทำงานแล้ว พวกแกไม่มีงานทำกันรึไง!”

    “วันนี้นิ้งขอลางานไว้ไงคะพี่ออม”

    “หนูว่างแล้วค่ะ”

    “แคนก็ว่างเหมือนกันฮะพี่ เอาน่าพี่ออมอ่านจดหมายเหอะ อยากรู้แล้วว่าพี่หวานมีเรื่องด่วนอะไร”

    “ชิ!”

    ออมคลี่ม้วนจดหมายออกก่อนจะเริ่มอ่านจดหมาย

    เรียน คุณปุณยวีร์ จึงเจริญ

    หัวหน้าหน่วยประสานงานระหว่างสถาบันและส่วนกลาง

    กองกำลังรักษาความปลอดภัยส่วนกลางประจำราชอาณาจักร

    ทางเราขอแจ้งรายงานสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นที่สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat เนื่องจากมีการบุกรุกของสัตว์เวทย์ขนาดกลาง ระบุประเภทแวร์วูล์ฟจำนวนมาก รวมถึงสัตว์เวทย์ขนาดสูงระบุประเภทกริฟฟินจำนวน 2 ตัว ทำให้ทางเราต้องประกาศเข้าสู่ภาวะบัญชาการรบ โดยท่านหญิงมิลิน ดอกเทียนได้บัญชาการและนำคนของสภาท่านหญิงทำการต่อสู้ป้องกันสถาบัน

    ทั้งนี้ทางเราได้รับความช่วยเหลือจากอัศวินของสถาบันอัศวิน Anosia Spread Wings แห่งราชอาณาจักรจำนวน 3 ท่าน ได้แก่รองหัวหน้าอัศวินสูงสุด คุณเจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ หัวหน้าอัศวินฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีและวิทยาการ คุณวีรยา จาง และ รองหัวหน้าอัศวินฝ่ายจัดการสถานที่ คุณรชยา ทัพพ์คุณานนต์ ทำให้การป้องกันสถาบันประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีและสถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติเรียบร้อยแล้ว

    จากผลการต่อสู้ป้องกันรักษาสถาบันในครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งดังต่อไปนี้

    คุณวีรยา จาง

    รองประธานสภาท่านหญิงจิรดาภา อินทจักร

    ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนพัศชนันท์ เจียจิรโชติ

    ท่านหญิงรองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนภัทรนรินทร์ เหมือนฤทธิ์

    ท่านหญิงรองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจณิสตา ตันศิริ

    นักเรียนท่านหญิงพิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค

    นักเรียนท่านหญิงชัญญาภัค นุ่มประสพ

    นักเรียนท่านหญิงณปภัช วรพฤทธานนท์

    โดยท่านหญิงทุกท่านได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยยกเว้นท่านหญิงพัศชนันท์กับท่านหญิงพิมรภัสที่เจ็บหนักเพราะโดนกรงเล็บของกริฟฟินโดยตรง ส่วนคุณวีรยาได้รับบาดเจ็บจากกรงเล็บของแวร์วูล์ฟแต่บาดแผลไม่ลึกมาก

    จึงขอรายงานการสรุปสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ ที่นี้มาให้ท่านรับทราบ

    ขอแสดงความนับถือ

    อิสราภา ธวัชภักดี

    ประธานสภาท่านหญิงสูงสุด

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat แห่งราชอาณาจักร

    “อืม...เรื่องใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย”

    “พี่นาย...”

    “ยัยตัวเล็ก...”

    “กริฟฟิน...”

    “เลิกบ่นพึมพำงึมงำกันได้แล้ว เดี๋ยวพี่คงต้องไปที่ First Beat ประเมินสถานการณ์คร่าวๆ แล้วกลับมารายงานหัวหน้าก...”

    “ไปด้วยครับ/ค่ะพี่!!!”

    ทั้งแคนและดีนี่ตะโกนสวนออมขึ้นมาพร้อมๆ กันด้วยเสียงดังจนออมต้องแคะหูเล็กน้อย

    “พวกแกจะตะโกนกันทำไม! พูดเฉยๆ ก็ได้ยินอยู่แล้วมั้ยล่ะอยู่ใกล้กันแค่นี้! แล้วที่จะไปเนี่ยไม่ได้ไปช่วยพี่ทำงานแน่ๆ เพราะรายชื่อที่แจ้งมาในจดหมายเนี่ยมันมีชื่อแฟนแกสองคนอยู่ในนั้นใช่มั้ย!”

    “นะพี่ ให้พวกเรา 2 คนไปด้วยนะพี่ สัญญาจะไม่วุ่นวายรบกวนงานพี่แน่นอนแค่จะไปดูอาการเจ้าหนูนะครับพี่ออม”

    “นะคะพี่”

    “เฮ่ย! จริงๆ เล้ย! แล้วเราล่ะนิ้ง จะไปด้วยมั้ย”

    “แล้วแต่พี่เลยค่ะพี่ออม นิ้งยังไงก็ได้ค่ะ”

    “งั้นไปด้วยกันนี่ล่ะ พี่ต้องการคนช่วยทำงานด้วย”

    “ให้นิ้งไปตามพี่รินะมาด้วยมั้ยคะ”

    “ไม่ต้องล่ะ ไปแค่เท่าที่มีนี่ก็พอ จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ ไปรอที่ลานศิลาเลยเดี๋ยวพี่ต้องแจ้งบอกเจ้าผักก่อน จะได้รอรับ”

    ฟ้อนด์หันไปเตรียมอุปกรณ์ทำแผลบนโต๊ะ ส่วนวียืนหันมองไปรอบๆ ห้อง

    “ยืนทำอะไรล่ะคะ ไปนอนรอที่เตียงแล้วถอดเสื้อด้วยค่ะ ดิฉันจะได้เตรียมทำแผล”

    “อ่า...ครับ”

    วีเดินไปที่เตียงก่อนจะถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วหยิบขึ้นมากางออกดู

    “อืม...ขาดขนาดนี้คงเย็บไม่ได้ ทิ้งไปเลยละกัน” (พึมพำ)

    “ขอโทษนะครับท่านหญิง มีถังขยะหรือเปล่าครับ”

    “คะ?”

    “พอดีว่าจะทิ้งเสื้อไปเลยน่ะครับ คงไม่น่าจะเย็บได้แล้ว คงรวมเสื้อตัวในด้วย”

    “ถ้าคุณทิ้งเสื้อแล้วคุณจะเอาอะไรใส่กลับล่ะคะ”

    “ไม่เป็นไรครับ รบกวนท่านหญิงช่วยใช้ผ้าพันแผลพันตัวผมไว้แล้วกันนะครับ”

    พูดจบวีก็ถอดเสื้อตัวในออกจนฟ้อนด์หันหลังกลับแทบไม่ทัน

    “ไอ้พี่วี!!!”

    วีขยุ้มเสื้อไปกองที่ปลายเตียงก่อนหันกลับไปหาคนน้องที่ยืนหันหลังให้

    “มีอะไรรึเปล่าครับท...เมื่อกี้...เรียกพี่วีใช่รึเปล่า...ฟ้อนด์...”

    “นอนคว่ำไปบนเตียงเลยค่ะ ดิฉันจะได้ทำแผล”

    วีลุกขึ้นเดินไปหาคนน้องช้าๆ ก่อนจะแตะไหล่คนน้องเบาๆ

    “ฟ้อนด์...”

    “จะมาให้เห็นหน้าอีกทำไมคะ! ไม่อยากเห็นหน้าหนูนักไม่ใช่เหรอ! แล้วพี่จะมาให้ตัวเองต้องเห็นหน้าหนูคนที่พี่ไม่ชอบทำไมคะ!”

    ฟ้อนด์ระเบิดทุกอย่างที่กลั้นไว้ในใจออกมาพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา

    “ขอโทษละกันที่หนูเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตพี่มากเกินไป! รอนี่แหละค่ะเดี๋ยวหนูไปตามคนอื่นมาทำแผลให้!”

    ฟ้อนด์กำลังจะเดินออกจากห้องแต่วีก็คว้าข้อมือคนน้องพร้อมกับดึงตัวคนน้องมากอดเอาไว้จากด้านหลังพร้อมกับซบหน้าลงที่ไหล่คนน้อง

    “มันเรื่องตั้งแต่สมัยไหนกันล่ะครับนั่น...”

    “จะสมัยไหนหนูก็เป็นแค่ตัวน่ารำคาญของพี่อยู่ดี...ปล่อยหนูน...”

    “ขอโทษ...”

    ฟ้อนด์ที่กำลังดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของคนพี่ชะงักกับคำขอโทษของคนพี่ไปชั่วขณะ

    “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดกับเราแบบนั้น เราไม่เคยเป็นคนน่ารำคาญสำหรับพี่เลย เพราะว่าเรา...สำคัญสำหรับพี่มากๆ เลยนะฟ้อนด์...”

    ร่างของคนน้องสั่นไปทั้งตัวด้วยแรงสะอื้นทำให้คนพี่ปล่อยกอดแล้วหันหน้าคนน้องให้มาเผชิญหน้ากับตนก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากดวงตาคู่สวยของคนน้อง

    “พี่ชอบเรานะฟ้อนด์ ชอบมากๆ และชอบมาตลอด ให้โอกาสคนปากพล่อยที่พูดอะไรไปโดยไม่คิดคนนี้อีกครั้งได้มั้ยครับ”

    “ฮึกๆ ...ฮือๆๆ ...”

    “อ...อ้าว...ไม่ร้องสิครับคนเก่ง...หนูร้องไห้แบบนี้พี่จะทำยังไงล่ะครับ”

    “ฮือๆๆ ...พี่วี...แงๆๆ ...”

    “เอ๋า...ชิบหายละกู ร้องหนักกว่าเดิมอีก...”

    วีเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกมองซ้ายมองขวารอบตัวก่อนจะตัดสินใจจูบไปที่ริมฝีปากของคนน้องทันที

    “อึก...อื๊อ!!! อื้อ!!!”

    ฟ้อนด์พยายามดิ้นให้หลุดจากตัวคนพี่แต่วีก็ใช้มือจับล็อคศีรษะคนน้องให้อยู่นิ่งๆ เอาไว้จนเริ่มสังเกตว่าคนน้องเริ่มหายใจไม่ออกจึงปล่อยริมฝีปากของตนออกจากริมฝีปากของคนน้อง

    “ฮ...แฮ่กๆๆ ...”

    วีประคองฟ้อนด์ที่เริ่มเข่าอ่อนพร้อมกับยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ

    “ว่าไงครับ จะยกโทษให้พี่รึเปล่าครับฟ้อนด์”

    ฟ้อนด์หอบหายใจถี่ๆ พร้อมกับหน้าที่แดงจัดก่อนจะเริ่มทุบไหล่คนพี่ด้วยความโมโห

    “ไอ้บ้า! ไอ้พี่วีบ้า! ทำอะไรเนี่ย! จูบแรกของหนูนะ!”

    “ดีจังที่จูบแรกของเราเป็นพี่นะ เพราะจูบแรกของพี่ก็คือเราเหมือนกัน”

    “แง...ขี้โกงอะ! ไปนอนที่เตียงเลย! หนูจะได้ทำแผลพี่จะได้กลับไปสักที!”

    “เอ้าๆ พี่ยังไม่ได้คำตอบเลยนะครับ”

    “รู้ตัวมั้ยว่าไม่ได้ใส่เสื้ออยู่น่ะไอ้พี่บ้า! ไปนอนที่เตียงเลยนะ! ทำไมชอบโชว์นักนะ! ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วไม่รู้จักอายบ้างรึไง!”

    “ก็มีแค่เราคนเดียวที่ได้เห็นนี่ครับ...อืม...ไม่นับเฮียปัญนะ”

    “ไปนอนเตียง!”

    “แล้วคำตอบล่ะครับ”

    “ทำแผลเสร็จแล้วค่อยคุยกัน!”

    “สัญญาแล้วนะ ห้ามหนีพี่ไปไหนนะครับ เพราะต่อให้หนีพี่ไปไหนคราวนี้พี่จะตามเราไปทุกที่เลยนะค...”

    “หนูบอกให้พี่ไปนอนที่เตียง!”

    “เฮ้ย!”

    ฟ้อนด์จับตัววียกขึ้นจนตัวลอยก่อนโยนไปที่เตียงอย่างแรง

    โครม!

    “แอ้ก! ...จ...เจ็บ...”

    ฟ้อนด์หันกลับไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลก่อนหันกลับมาพร้อมกับเข็มและด้ายพร้อมสายตาวาววับจนวีกลืนน้ำลาย

    “ฟ...ฟ้อนด์...ไม่ใช้ยาชาก่อนเหรอครับ”

    “กับพี่มันต้องเย็บสดๆ แบบนี้แหละ หุบปากแล้วอยู่นิ่งๆ ไปซะ!”

    “ช...ชิบหายแน่ๆ กู...”

    Transport Room

    ปี๊บๆๆๆ

    สัญญาณแจ้งเตือนบนโต๊ะทำงานดังขึ้นผักขมหันกลับไปมองเสียงแจ้งเตือน

    “คิคิ จากส่วนกลาง น่าจะมาประเมินสถานการณ์กันล่ะมั้ง”

    ผักขมกดตอบรับสัญญาณก่อนนั่งรอสักพัก แสงสว่างส่องแสงไปทั่วห้องก่อนจะดับลงพร้อมกับร่างของหญิงสาว 5 คนปรากฎตัวขึ้นกลางห้อง

    “อืม...ดูไม่มีบาดแผลอะไร แสดงว่าไม่ได้ออกไปซนที่ไหนมา”

    “พ...พี่เค้ก...คิคิ”

    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีชื่อเจ้าผักในจดหมายที่แจ้งมา จะตามมาทำไมเนี่ย!”

    “เอาน่าเจ้อย่าบ่นดิ นั่นแฟนเค้กนะ แถมฌานอนุญาตแล้วด้วย”

    “คิคิ ที่ดูๆ นี่มีแต่คนไม่เกี่ยวข้องกับงานพี่ทั้งนั้นเลยนะคะพี่ออม”

    “ผัก...เจ้าจ๋า...”

    “ห้องพยาบาลค่ะพี่แคน”

    “พี่นายล่ะคะ”

    “น่าจะหอพักนะดีนี่”

    แคนกับดีนี่รีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังเสียงโวยวายของออมด้วยซ้ำ

    “มีเวลาให้แค่ครึ่งชั่วโมงนะไอ้พวกนี้นี่! ไม่ฟังกันเลยว้อย!”

    “ใจเย็นๆ ค่ะพี่ออม”

    “ฮึ่ย! ตามพี่ไปหาหวานเถอะนิ้ง เดี๋ยวเราต้องไปดูที่เกิดเหตุกับประเมินสถานการณ์ต่อ เอ็งอยู่กับผักไปนั่นแหละเค้ก แต่ถ้าอยากไปช่วยงานก็ไม่ว...”

    “ไม่ไปฮะ”

    “ตอบไวมาก!”

    “บ๊ายบาย เชิญไปทำงานเลยเจ้”

    ออมเดินฟึดฟัดออกจากห้องไปนิ้งถอนสายบัวให้ผักขมเล็กน้อยก่อนจะตามออมออกไป เค้กหันกลับไปหาผักขมก่อนอ้าแขนออกก่อนที่คนน้องจะกระโดดเข้ากอดคนพี่เอาไว้อย่างรวดเร็ว

    “คิคิ คิดถึงพี่จังเลยค่ะพี่เค้ก”

    “คิดถึงเหมือนกันค้าบเจ้าเด็กดื้อ”

    “หนูไม่ดื้อสักหน่อย คิคิ ว่าแต่พี่มาได้ไงล่ะคะ ไม่ได้อยู่กับพี่แจนแล้วก็ฌานที่ชายแดนเหรอคะ”

    “หัวหน้ามีธุระที่ Anosia น่ะพี่กับรองหัวหน้าเลยแวะมาเที่ยวที่ส่วนกลาง แล้วได้ยินว่ามีเรื่องที่นี่ก็เลยตามเจ้ออมมาด้วยน่ะ”

    “งืมๆ ...”

    “ทิ้งงานชั่วคราวก่อนได้มั้ย อยากกอดเรานานกว่านี้อะ”

    “คิคิ...แป๊บนึงนะคะ”

    ผักขมใช้นิ้วแตะขมับตัวเองพร้อมกับหลับตาลง

    {คิคิ ซัทจังคะ}

    {คะพี่ท่านหญิงผักขม}

    {มาประจำการที่ห้องเคลื่อนย้ายแทนพี่ชั่วคราวก่อนได้มั้ยคะ คิคิ พอดีพี่มีธุระด่วนน่ะค่ะ}

    {ได้ค่ะ อีกไม่เกิน 5 นาทีหนูจะไปถึงค่ะ}

    {ขอบใจมากจ้ะ คิคิ}

    “โอเคเรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวรอคนมาทำงานแทนอีกแป๊บนึงนะคะ คิคิ”

    “ค้าบบบบบ”

    To be continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×