ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spread First Beat Wings

    ลำดับตอนที่ #7 : 6

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 64


    12 นาฬิกา 13 นาที

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat แห่งราชอาณาจักร

    Transport Room

    แสงสว่างทั่วห้องดับลงก่อนที่จะปรากฎร่างของท่านหญิงทั้ง 5 ท่านอยู่กลางห้องโดยมีผักขมยืนหน้าตาตื่นรออยู่

    “พ...พี่ท่านหญิงประธาน! โอ๊ะ! มิวนิค! คิคิ ทำไมมีแต่ผ้าพันแผลทั้งตัวเลยล่ะ”

    “มีอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะพี่ท่านหญิงผักขม”

    “แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกันหมดล่ะคะท่านหญิงผักขม”

    “คิคิ กลับมาก็ดีเลยค่ะพี่ท่านหญิงประธาน พี่หญิงหนึ่ง ก่อนหน้านี้สัก 10 นาทีท่านหญิงรองประธานกับพี่ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเพิ่งแจ้งเข้ามาที่ศูนย์รับรายงานกลางของสถาบันค่ะ!”

    “เกิดอะไรขึ้นผัก!”

    “คิคิ มีการพยายามฝ่าออกนอกอาณาเขตป่าต้องห้ามของสัตว์เวทย์ขนาดกลางจำพวกแวร์วูล์ฟจำนวนหนึ่งล...ล...และ...”

    “และอะไรคะพี่ผัก!”

    “และกริฟฟินอีก 2 ตัวค่ะ...”

    “กริฟฟิน!!!”

    น้ำหนึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าตาหวานอย่างรวดเร็วพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองมาที่ตาหวาน

    “ขออนุมัติคำสั่งบัญชาการรบค่ะ ท่านหญิงประธาน”

    “โกลเด้น บีท ซอร์ด”

    ดาบเล่มยาวสีทองปรากฎขึ้นในมือของตาหวานก่อนจะถูกส่งให้กับน้ำหนึ่งที่รับมาแล้วลุกขึ้นยืน ท่านหญิงทุกคนคุกเข่าลงรวมถึงตาหวานเองก็คุกเข่าเช่นกัน

    น้ำหนึ่งนำดาบมาเหน็บไว้ข้างเอวก่อนเริ่มสั่งการ

    “ท่านหญิงนันท์นภัสรบกวนกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักฟื้น ท่านหญิงแพรวาชำระเวทย์อาวุธเรียบร้อยแล้วประจำการอยู่ที่หอคอยดูดาวกลางของสถาบันกับท่านหญิงอิสราภา คอยป้องกันการโจมตีจากทางอากาศ”

    “ท่านหญิงวรัทยากับท่านหญิงสิริกาญจน์คอยประสานงานและอพยพบรรดาท่านหญิงให้เข้ามาอยู่ในอาณาบริเวณของสถาบัน”

    “น้อมรับบัญชาท่านหญิงแม่ทัพเจ้าค่ะ”

    ทั้ง 5 คนตอบรับคำบัญชาของน้ำหนึ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่จะมีเสียงก้องดังไปทั่วสถาบัน

    “ไอ้ผักโว้ย! พวกพี่หวานกับพี่หนึ่งกลับมากันรึยังวะ! แวร์วูล์ฟแม่งไม่ใช่จำนวนหนึ่งแล้ว แม่งจำนวนร้อยชัดๆ! ไอ้พวกกริฟฟินแม่งก็ตั้งท่าจะเริ่มบินแล้วด้วย!”

    “อีพี่อรแขนขวาก็โดนตะปบตอนนี้ใช้ได้แค่แขนซ้ายเนี่ย! ถ้าไม่เป็นการรบกวนทิ้งเอกสารแล้วมาช่วยกันหน่อยโว้ย!”

    ตาหวานขยับตัวยุกยิกเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ได้ไปไหน น้ำหนึ่งหันกลับมาสั่งการต่อ

    “แยกย้ายปฏิบัติตามคำสั่งได้!”

    “Wave Beat Heart!!!”

    เกิดประกายไฟฟ้าสีชมพูทั่วห้องก่อนที่ท่านหญิงทั้ง 5 จะหายตัวไป น้ำหนึ่งหลับตาลงก่อนจะเปล่งเสียงสั่งการ

    “ท่านหญิงจิรดาภา ท่านหญิงพัศชนันท์ สภาท่านหญิงและกองกำลังที่กำลังต่อสู้อยู่ จงล่าถอยเข้ามาในอาณาเขตแนวกำแพงของสถาบันและตั้งรับป้องกันไว้ให้มั่นคง อย่าให้พวกสัตว์เวทย์รุกล้ำฝ่าแนวกำแพงสถาบันเข้ามาได้!”

    “น้อมรับบัญชาท่านหญิงแม่ทัพเจ้าค่ะ!”

    น้ำหนึ่งลืมตาขึ้นก่อนจะแบมือขวาออกมา

    “ดริลล์สเปียร์”

    หอกด้ามยาวสีขาวแกะสลักลายเถาวัลย์สีทองปรากฎขึ้นในมือขวาพร้อมกับที่มือซ้ายยื่นกางไปตรงหน้า

    “อาชาสวรรค์ผู้เป็นอิสระเหนือกฎเกณฑ์ใด สหายร่วมศึกผู้ตรากตรำและโรมรันมาบนเส้นทางแห่งการนองเลือด จงปรากฎกายเบื้องหน้าเพื่อร่วมเผชิญชะตากรรมไปพร้อมกับข้า...คริมซาโนกาซัส!!!”

    เกิดแสงสว่างขึ้นตรงหน้าของน้ำหนึ่ง ทันทีที่แสงสว่างดับลงก็ปรากฎร่างของเพกาซัสสีดำสนิทแต่มีปีกสีแดงสวมชุดเกราะเต็มอัตราอยู่ตรงหน้า

    “คริม...”

    <เรียกข้าออกมาแบบนี้แสดงว่ามีศึกสินะน้ำหนึ่ง>

    “ต้องขอบอกว่าเป็นศึกที่น่าเบื่อนิดหน่อยนะเพราะมันไม่ใช่ในสมรภูมิเหมือนๆ ที่นายเคยผ่านมาหรอกนะ”

    <เรียกออกมาทำเรื่องน่าเบื่อชัดๆ เจ้าหลานของเจ้านายคนก่อนของข้า>

    “เอาน่า...แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่คุ้นเคยนะปู่คริม”

    <การที่ข้าเป็นพาหนะของปู่เจ้าหมายได้หมายความว่าเจ้าจะมาเรียกข้าว่าป...เดี๋ยวนะ เจ้าว่าสถานการณ์คุ้นเคยงั้นเหรอ>

    “ไม่มีเวลาจะมามัวคุยนานกว่านี้นะคริม คราวนี้กริฟฟิน 2 ตัวเชียวนะ”

    คริมตาแดงวาบกระทืบเท้าพร้อมกับกระพือปีกไปด้วย

    <ไอ้พวกไก่บินได้พวกนั้นอีกแล้วเหรอ ครั้งที่แล้วข้าพลาดจนเจ้าเกือบตาย ครั้งนี้ไม่มีพลาดอีกแล้ว ขึ้นมาเลยเจ้านาย! >

    “บอกกี่ทีแล้วว่าเป็นสหายไม่ใช่เจ้านาย”

    น้ำหนึ่งขึ้นขี่หลังคริมก่อนจะควบออกไปจากอาคารแล้วทะยานบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

    แนวกำแพงด้านนอกสถาบัน

    ปูเป้ทิ้งดาบไว้ข้างตัวพร้อมกับนอนแผ่อยู่ที่พื้นหอบหายใจด้วยความลำบาก

    “ยังไหวอยู่ป่าววะไอ้เป็ด”

    “ก่อนจะถามเป้พี่ถามตัวเองก่อนดีกว่ามั้ยวะพี่อร แขนขวาพี่แม่งไม่ตอบสนองแล้วนะ...เชี่ยเอ๊ย! โคตรเหนื่อย”

    “ไม่เหนื่อยก็แปลกแล้วล่ะท่านรอง ถอยจากป่าต้องห้ามมาแนวกำแพงด้วยความเร็วสูงสุดของ wave beat ขนาดนี้ คลื่นหัวใจทำงานหนัก อัตราการเต้นของหัวใจรัวยับ อย่างน้อยก็ต้องพักสัก 5 นาทีอย่างต่ำแหละฮะ”

    “รู้แล้วน่าเจ้านาย...แบ๊ม! แบ๊มโว้ย! อยู่ไหนวะ!”

    “อยู่นี่ฮะรอง! ไปพาหน่วยแพทย์มาเสริม!”

    “พี่ท่านหญิงรองประธานคะ!”

    “ข้ามพี่ไปก่อนเลยฟ้อนด์ สตางค์ ไปดูไอ้พี่อรก่อนเลยแขนไม่ตอบสนองแล้วน่ะ”

    “แต่แขนซ้ายกูยังจับค้อนไหวอยู่นะไอ้เป้”

    “อยู่นิ่งๆ ก่อนค่ะพี่ท่านหญิงอร หนูจะรักษา”

    “ขอบใจฟ้อนด์”

    “พี่ท่านหญิงนายคะ”

    “ไม่เป็นไรสตางค์ ส่วนใหญ่พี่โดนแค่ข่วนๆ ...ท่านรองฮะ ท่านหญิงแม่ทัพสั่งถอยแบบนี้พวกแวร์วูล์ฟที่หลุดออกมาจะไม่ขยายวงโอบล้อมสถาบันเหรอฮะ”

    “เออว่ะ...จริงด้วยไอ้แบ๊ม แกยังพอใช้เวทย์หลอกล่อต้อนพวกมันให้เข้าโจมตีจุดเดียวได้มั้ยวะ”

    “ขอลองแป๊บนะฮะ...ธันเดอร์วูล์ฟ”

    สุนัขสายฟ้าสีเหลืองกระโดดออกมาจากมือของแบมบู แต่ออกมาเพียงแค่ตัวเดียวและมีขนาดเท่าลูกหมาวิ่งวนไปมารอบตัว

    “แบ๊กๆๆ!!! แง่งๆ!”

    ทั้งหมดมองเจ้าลูกหมาสายฟ้าที่กำลังวิ่งและเห่าอย่างน่ารักไปมา

    “เอ่อ...พลังเวทย์หมดเกลี้ยงแล้วฮะพี่...ได้แค่นี้แหละฮะ”

    “ถ้าฝูงหมาป่าสายฟ้าเพชฌฆาตจะกลายเป็นลูกหมาแบบนี้ก็เรียกกลับไปเหอะแบ๊ม เก็บพลังเวทย์ที่เหลือไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า”

    “ได้ทีเอาใหญ่นะฟ้อนด์นะ รักษาพี่อรไปเหอะ!”

    “อย่าเพิ่งทะเลาะกันเอ็งลองชะโงกไปดูดิ๊แบ๊มว่าพวกมันมาถึงไหนกันละ”

    “เคฮะพี่อร”

    แบมบูชะโงกหน้าออกไปตรงช่องกำแพงก่อนจะตาเหลือก

    “เฮ้ยพี่...เหมือนมันจะออกมาเพิ่มเรื่อยๆ แล้วขยายการครอบคลุมเป็นวงกว้างแล้วว่ะพี่!”

    “เมื่อไหร่หวานหวานจะมา~~ อย่างน้อยราโกซิสของหวานก็ช่วยจำกัดขอบเขตได้”

    “พี่หมีแม่งทำอะไรอยู่วะ ไม่สั่งการเพิ่มเติมสักที”

    “อ้าว? ไม่ใช่ว่าพี่หวานเป็นคนสั่งการเหรอคะพี่ท่านหญิงอร”

    “ไม่หรอกสตางค์...พวกเด็กๆ คงยังไม่รู้กัน...ทันทีที่คำสั่งบัญชาการรบถูกอนุมัติ ผู้ที่สั่งการและควบคุมบัญชาการรบของสถาบันจะกลายเป็นอำนาจของท่านหญิงแม่ทัพทันที”

    “คำสั่งของท่านหญิงแม่ทัพถือว่าเด็ดขาดและสั่งการได้แม้กระทั่งประธานสูงสุดของสภาท่านหญิงและคนที่รับหน้าที่นั้นก็คือพี่หนึ่งนั่นล่ะ”

    “โหว...พี่ท่านหญิงหนึ่งสุดยอดไปเลย”

    ฟรึ่บ! ครืนๆๆ แกร๊กๆๆ

    กำแพงไฟ กำแพงดินและกำแพงน้ำแข็งปรากฏขึ้นตรงหน้าฝูงแวร์วูล์ฟที่กำลังเคลื่อนขบวนกระจัดกระจายตีวงโอบล้อมเข้ามาในสถาบันให้รวมเข้ามาโจมตีเป็นจุดเดียว

    “ใครมันบ้าออกไปลุยข้างหน้าวะ!”

    ปูเป้รีบชะโงกหน้าออกไปดูด้านนอกช่องกำแพงทันที

    “ท่านรองๆ นั่นมัน...พี่โมบายล์ น้องนิว แล้วก็น้องจ๋าไม่ใช่เหรอฮะ”

    “ไอ้โม! ไอ้นิว! ไอ้จ๋า! ใครใช้ให้พวกแกออกไป๊! กลับเข้ามาเด๋วนี้โว้ยยยยย!!!”

    โมบายล์ที่ร่ายเวทย์กำแพงดินต่อเนื่องอยู่ด้านล่างหันกลับไปมองตามเสียงบนกำแพงก่อนจะตะโกนกลับขึ้นไป

    “ไม่ได้พี่เป้! ถ้าพวกเราไม่จำกัดวงการบุกของพวกมันให้มาอยู่จุดเดียวพวกเราจะตั้งรับลำบาก! ยังไหวมั้ยนิว...จ๋า...”

    “นิวยังไหวอยู่ค่ะพี่ท่านหญิงโมบายล์”

    “แต่พลังเวทย์หนูจะหมดแล้วพี่หญิงโม...”

    “หลบมาอยู่ข้างหลังพี่ เตรียมป้องกันเปลี่ยนเป็นโจมตีสายกายภาพ...นิวบีบวงกำแพงไฟจากด้านซ้ายเข้ามา เดี๋ยวพี่บีบพวกมันจากด้านขวาเองค่ะ”

    นิวร่ายเวทย์กำแพงไฟบีบเข้ามาจากด้านซ้ายตามคำสั่งคนพี่ส่วนจ๋าถอยกลับมาหลบอยู่ด้านหลังของโมบายล์พร้อมกับเรียกพลองเหล็กยาวมาไว้ในมือ

    “ตอนนี้เน้นป้องกันไว้ก่อน หน้าที่โจมตีไว้ให้พวกพี่ท่านหญิงบนกำแพงจ...”

    กริฟฟิน 2 ตัวคำรามเสียงดังสนั่นพร้อมกับกระพือปีกอันใหญ่โตใส่กำแพงไฟและกำแพงดินจนกำแพงดินเริ่มร้าว

    ไฟจากกำแพงไฟถูกพัดย้อนมาทางที่ทั้งสามคนอยู่พร้อมกับการโจมตีต่อเนื่องจากกริฟฟินทั้งสองตัว

    “พ...พี่หญิงโม...อ...เอาไงต่อดีคะ”

    “จะเอาไง...ก็เตรียมสู้ประชิดสิคะ!”

    พูดจบโมบายล์ก็เรียกทอนฟาเหล็กสีเงินเข้ามาจับไว้แน่นส่วนนิวก็เรียกกริชคู่สีเงินออกมา

    ปูเป้ที่สังเกตการณ์อยู่ด้านบนก็หัวเสียทันทีเตรียมปีนลงจากช่องกำแพง

    “พี่ท่านหญิงรองประธาน! จะทำอะไรคะ!”

    “จะไปช่วยน้องโง่ 3 ตัวนั้นไงสตางค์! หนอยแน่ไอ้เด็กเมื่อวานซืน! ริอาจไปสู้กับสัตว์เวทย์ระดับสูง 2 ตัวงั้นเหรอ! เดี๋ยวก็ไม่ได้ตายดีหรอก!”

    “ทำเหมือนว่าเอ็งไปช่วยแล้วอะไรมันจะดีขึ้นมางั้นแหละไอ้เป็ด”

    “พวกมากก็ไม่แน่ว่ะพี่อุ๋ง เพราะงั้นพี่ต้องไปกับเป้ด้วยโว้ย!”

    พูดจบปูเป้ก็ลากคออรเตรียมกระโดดลงไปด้านล่าง

    “พี่จะทำอะไรก็รีบทำ! น้องมันแย่แล้วนะพี่!”

    แบมบูตะโกนพร้อมชี้ให้ดูด้านล่างที่ตอนนี้เหลือเพียงโมบายล์ที่ยังรับมือกับกริฟฟินทั้ง 2 ตัวอย่างยากลำบาก

    ส่วนจ๋าและนิวถูกจัดการจนสลบแล้วถูกโยนไปทางฝูงแวร์วูล์ฟกระหายเลือดที่กำลังรุกคืบเข้ามาใกล้

    กริฟฟินตัวหนึ่งใช้กรงเล็บกระชากทอนฟาของโมบายล์ปลิวไปหนึ่งท่อนพร้อมกับกรงเล็บี่จิกเข้าไปในแขนเป็นทางยาวจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด

    “กรี๊ดดดดด!!!”

    “ไอ้หมึก!!!”

    เสียงกรี๊ดของโมบายล์ทำให้กริฟฟินทั้ง 2 ตัวเสียการทรงตัวไปเล็กน้อยก่อนจะตั้งหลักบินเข้ามาหมายปลิดชีพ

    ขณะเดียวกันฝูงแวร์วูล์ฟก็กำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้ร่างของนิวกับจ๋าเรื่อยๆ

    “เชี่ย!!!!”

    เฟี้ยว! ฉึก!!! ปึง! เอ๋งๆ!!!

    หอกสีขาวปักเฉียดหน้ากริฟฟินทั้ง 2 ที่รีบบินถอยหลังไปตั้งหลักพร้อมกับแวร์วูล์ฟที่กำลังจะวิ่งมาทำร้ายนิวกับจ๋าพุ่งเข้ากระแทกกำแพงคริสตัลสีทองอย่างจังจนหงายหลัง

    “หวานหวานเหรอ! อยู่ไหน!?”

    ทั้งหมดที่อยู่บนกำแพงมองหันซ้ายหันขวาก่อนจะได้ยินเสียงกระพือปีกดังอยู่บนหัวของพวกตน

    “โหว!!! เพกาซัสสีดำ!!!”

    “ไอ้เป็ด...มันคุ้นๆ ป่าววะ...”

    “เชี่ยพี่อร! นั่นท่านหญิงแม่ทัพไม่ใช่เหรอวะ!”

    “พี่ท่านหญิงหนึ่ง!”

    น้ำหนึ่งที่อยู่บนหลังของคริมมีสีหน้าโกรธจัดเป็นอย่างมาก

    “กล้ามากนะไอ้ไก่บินได้! คราวที่แล้วก็เล่นน้องกูกับกูซะยับเยินคราวนี้ลูกสาวกูงั้นเหรอ!”

    “ไอ้เป็ด”

    “ว่าไงพี่อร...”

    “สบายใจละ ลงไปเก็บ 3 คนนั้นขึ้นมาก่อนเหอะ กูว่างานนี้เละตุ้มเป๊ะแน่ๆ”

    “เออจริงว่ะพี่...หมีผอมโซโกรธแล้วว่ะ...ฟ้อนด์ สตางค์ ลงไปช่วยพี่เก็บเจ้าสามคนนั้นขึ้นมาข้างบนหน่อย”

    “ค่ะ”

    มีประกายแสงสีขาวพุ่งตรงมาจากยอดหอคอยดูดาวพร้อมกับพุ่งชนกำแพงคริสตัลสีทองจนกำแพงคริสตัลถูกเคลือบด้วยสายฟ้าก่อนที่กำแพงจะขยายวงกว้างออกกระจายครอบคลุมพื้นที่

    บรรดาแวร์วูล์ฟที่พุ่งชนกำแพงถูกช็อตจนไหม้เกรียมเป็นตอตะโก นายยกมือขึ้นส่องไปทางยอดหอคอย

    “มาจากทางยอดหอคอยดูดาวนู่นแหนะ”

    “งั้นพี่ท่านหญิงประธานกับพี่มิวคงประจำการอยู่ที่นั่นแหละฮะพี่”

    “ว่าแต่เพียวธันเดอร์ของมิวขว้างมาได้ไกลขนาดนี้เลยเหรอแบ๊ม”

    “ปกติก็ไม่ได้ไกลมากขนาดนี้หรอกฮะพี่นาย สงสัยพี่สะใภ้คงกำลังหงุดหงิดหรือโมโหอะไรอยู่แน่ๆ แต่เรื่องที่ทำให้พี่มิวโมโหก็ไม่น่ามีน...หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ามิว!!!”

    Transport Room

    ปี๊บๆๆๆๆ

    เสียงแจ้งเตือนรายงานดังขึ้นบนโต๊ะทำงานพร้อมกับตราสัญลักษณ์ผีเสื้อสีทองสว่างขึ้น แต่ภายในห้องทำงานตอนนี้ไม่มีใครประจำการอยู่สักคนเดียว

    แสงส่องสว่างเจิดจ้าขึ้นบริเวณลานศิลากลางห้องก่อนจะดับลงพร้อมกับหญิงสาวสามคนปรากฎตัวขึ้นมากลางห้อง

    “ไม่มีใครอยู่สักคน ถึงว่าทำไมส่งสัญญาณแจ้งมาก็ไม่มีใครตอบกลับมาเลย”

    “อาจจะเข้าประชุมกันอยู่รึเปล่าเรนจิ๊ด”

    “ก็อาจจะ...ว่าแต่พี่จะตามหนูกับวีมาทำไมเนี่ยพี่มิน!”

    “น่าๆ เรนจิ๊ด...”

    “หนูชื่อเจนนิษฐ์!”

    “จะนิษฐ์จะจิ๊ดจะติ๊ดมันก็แกนั่นล่ะ พี่ก็แค่หลบเลี่ยงหน้าที่กำจัดเศษซากพิกซี่เองน่า...ขี้เกียจอะ”

    “พี่จะมาหาน้องนิวก็บอกเหอะพี่มิน”

    “แกอย่ามาทำรู้ดีหน่อยเลยวีรยา ช่วยทำตัวจางๆ ให้เหมือนนามสกุลแกหน่อยเหอะ”

    “กลับไปหนูจะฟ้องพี่เนยว่าพี่อู้งานนะพี่มิน”

    “ใจเย็นเต็นนิด...”

    “แล้วนี่พี่จะไปหาพี่สิคเลยรึเปล่าฮะพี่สะใภ้”

    “ก็เดี๋ยวคงต้องส่งข้อความไปก่อนแล้วค่อยไปหา เราจะตามพี่ไปด้วยรึเปล่าล่ะวี”

    “ไม่ล่ะฮะ วีขออยู่รอพวกพี่อยู่แถวๆ นี้ละกันฮะ”

    เจนนิษฐ์และมินมินแบมือออกก่อนปล่อยผีเสื้อสื่อสารขนาดเล็กออกมาจากมือกันคนละตัว

    “จะว่าไปนะ...เหมือนพี่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังออกมาจากนอกห้องนะ เต็นกับวีได้ยินรึเปล่า”

    “จะว่าไปก็ได้ยินอยู่นะพี่ ที่นี่เค้ามีงานอะไรกันรึเปล่าฮะ”

    “ออกไปดูนอกห้องกันหน่อยมั้ยล่ะ”

    “แล้วแต่เราเลยละกัน”

    เจนนิษฐ์ มินมินและวีเดินไปเปิดประตูออกจากห้องขนส่งก่อนจะเจอกับเหล่าบรรดาท่านหญิงวิ่งวุ่นวายกันอยู่ด้านนอก

    “เอ๋...มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย”

    “พี่ถามใครล่ะพี่มิน หนูก็มาด้วยกันกับพี่ละหนูจะรู้มั้ยล่ะ”

    “เรนจิ๊ด...”

    “เอาน่าพี่สะใภ้พี่มิน อย่าเพิ่งตีกันเองสิฮะ ลองถามท่านหญิงสักคนดูมั้ยฮ...”

    “คิคิ...อพยพเข้ามาในอาคารเรียนกันหมดแล้ว พยายามเคลื่อนย้ายกลับไปยังหอพักอย่างเป็นระเบียบด้วยนะคะ!”

    “ผัก!”

    “พี่มิน! เจนนิษฐ์ วี! คิคิ มากันได้ยังไงคะเนี่ย!”

    “ก็ส่งสัญญาณแจ้งเตือนมาหลายรอบก็ไม่มีคนตอบกลับสักที เกิดอะไรขึ้นทำไมวุ่นวายกันแบบนี้ล่ะ”

    “พอดีว...”

    เปรี๊ยะ!

    “ท่านหญิงผ...อ้าว! พวกคุณ! มายังไงกันคะเนี่ย!”

    “หวัดดีค่ะพี่ไข่มุก”

    “ไว้คุยกันทีหลังแล้วกันค่ะ ท่านหญิงผักขม ช่วยไปรับตัวท่านหญิงโมบายล์ ท่านหญิงจ๋าแล้วก็ท่านหญิงนิวจากแนวหน้ากำแพงได้มั้ยคะ”

    “คิคิ ทำไม 3 คนนั้นไปอยู่นู่นล่ะคะ”

    “เหมือนจะพยายามไปช่วยต้อนฝูงแวร์วูล์ฟค่ะ แต่โดนกริฟฟินจัดการมากันราบค...”

    มินมินตาวาววับเตรียมพุ่งออกไปแต่เจนนิษฐ์คว้าคอเสื้อเอาไว้ก่อน

    “ห้ามพี่ทำไมวะเจนนิษฐ์! พี่จะไปช่วยเจ้าน...”

    “นักเรียนอัศวินรชยา ทัพพ์คุณานนต์...หน้าที่ของคุณคืออะไรคะ...”

    “พี่มิน...”

    มินมินกำหมัดแน่นก่อนก้มหัวให้เจนนิษฐ์เล็กน้อย

    “ขออภัยค่ะท่านรองหัวหน้าอัศวินสูงสุด...”

    เจนนิษฐ์หันกลับมาหาไข่มุกกับผักขมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

    “ขอสรุปรายงานสถานการณ์โดยรวมคร่าวๆ ให้หน่อยได้มั้ยคะท่านหญิงสิริกาญจน์ ท่านหญิงวรัทยา”

    ไข่มุกกับผักขมมองหน้ากันพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันมาถอนสายบัวให้เจนนิษฐ์

    “ตอนนี้สถาบันของเราเข้าสู่ระบบบัญชาการรบแล้วค่ะ ท่านหญิงมิลินรับตำแหน่งท่านหญิงแม่ทัพบัญชาการเต็มรูปแบบ”

    “เนื่องจากเกิดสถานการณ์สัตว์เวทย์ระดับกลางแวร์วูล์ฟจำนวนมากบุกออกมาจากป่าต้องห้ามรวมถึงสัตว์เวทย์ระดับสูงกริฟฟินอีก 2 ตัว”

    “ตอนนี้ดิฉันและท่านหญิงสิริกาญจน์รับคำสั่งท่านหญิงแม่ทัพให้ควบคุมดูแลอพยพบรรดาท่านหญิงอยู่ภายในปราสาทอาคารเรียน”

    “ส่วนท่านหญิงประธานและท่านหญิงแพรวารับหน้าที่เฝ้าระวังและป้องกันการโจมตีระยะไกลและทางอากาศอยู่ที่หอคอยดูดาว”

    “ท่านหญิงจากสภาท่านหญิงคนอื่นๆ ตั้งรับอยู่บนกำแพงแนวหน้าที่ทางเข้าป่าต้องห้ามโดยที่ท่านหญิงแม่ทัพตามไปสมทบแล้วค่ะ”

    เจนนิษฐ์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการรับทราบพร้อมกับครุ่นคิดเล็กน้อย

    “อัศวิน Spread Knight แห่ง Anosia รับคำสั่ง”

    มินมินและวีคุกเข่าลงพร้อมกับก้มหัวให้เจนนิษฐ์อย่างรวดเร็ว

    “คุณรชยาให้ตามท่านหญิงสิริกาญจน์และท่านหญิงวรัทยาไปช่วยเหลือท่านหญิงท่านอื่น คุณวีรยา ตามดิฉันไปสมทบแนวป้องกัน”

    “รับทราบครับ/ค่ะท่านรองหัวหน้าอัศวินสูงสุด”

    Spread!

    เจนนิษฐ์และวีสลายตัวเป็นฝูงผีเสื้อบินออกไปทางด้านหน้าปราสาทส่วนมินมินก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหาไข่มุกกับผักขม

    “ไปกันเลยเถอะผัก ไข่มุก”

    ยอดหอคอยดูดาว

    ตาหวานกางแขนควบคุมวงเวทย์เล็กสีทองด้านหน้าของตนพร้อมกับกวาดสายตามองไปด้วยโดยที่มิวสิคยืนส่องไปทางด้านป่าต้องห้าม

    “โอเคแล้วค่ะพี่ท่านหญิงประธาน ท่านหญิงทั้งสามคนปลอดภัยแล้ว ตอนนี้กำลังทำการช่วยเหลือออกมาแล้วค่ะ”

    “ดีค่ะ พี่จะได้บีบวงกำแพงเข้ามาเลย”

    “ค่ะ...หนูเองก็จะได้โจมตีสนับสนุนได้ด้วย”

    มิวสิคพูดพร้อมกับเรียกทวนเข้ามาในมือก่อนจะเล็งแล้วเขวี้ยงไปปักร่างของแวร์วูล์ฟด้วยความแรงก่อนจะเรียกทวนกลับมาใหม่

    ตาหวานปรายตามองคนน้องที่เขวี้ยงทวนด้วยความหงุดหงิดก่อนจะถอนหายใจและส่ายหัวเล็กน้อย

    ‘แบบนี้ดูท่าคงกำลังโมโหพี่เฌอไม่หายแน่ๆ’

    ขณะที่ตาหวานกำลังควบคุมวงเวทย์ของกำแพงคริสตัลและมิวสิคกำลังเขวี้ยงทวนอย่างเมามันส์อยู่นั้น

    ผีเสื้อตัวสีขาวตัวเล็กตัวหนึ่งบินเข้ามาเกาะไหล่มิวสิคก่อนจะสลายตัวไป

    “หือ?”

    “อะไรเหรอคะท่านหญิงมิวสิค”

    มิวสิคถือทวนค้างไว้ในมือก่อนเอียงคอสงสัยเล็กน้อย

    “ผีเสื้อสีขาว...ยัยเต็นเหรอ!?!?”

    “คะ? คุณเจนนิษฐ์เหรอคะ?”

    แนวกำแพงด้านนอกสถาบัน

    ปูเป้ อร นายน์และแบมบูกำลังต่อสู้กับกองทัพแวร์วูล์ฟที่ถูกจำกัดเส้นทางด้วยกำแพงคริสตัลให้เข้ามาเป็นแนวตรงในจำนวนไม่มากนัก

    ด้านบนน้ำหนึ่งที่ขี่เพกาซัสสีดำก็กำลังโจมตีกริฟฟินทั้ง 2 ตัวที่กำลังบินโฉบไปมา

    “ท่านรอง...”

    “อะไรแบ๊ม”

    “เริ่มยกแขนไม่ขึ้นแล้วฮะ...พี่อรเองเลือดก็เริ่มไหลออกมาอีกแล้วด้วย”

    ปูเป้หันกลับไปมองอรที่นั่งหอบหายใจด้วยความเหนื่อยพร้อมกับเลือดชุ่มทั่วแขนขวา

    “เฮ้ยพี่! ถอยไปพักก่อนมั้ย เลือดจะหมดตัวแล้วมั้งน่ะ”

    “ถอยเชี่ยรัย! แขนซ้ายยังใช้ได้เว้ย!”

    “อีกอย่างถ้าถอยตอนนี้พวกแวร์วูล์ฟก็บุกเข้ามาเรื่อยๆ นะฮะท่านรอง”

    “รู้น่านาย! แต่สภาพแต่ละคนตอนนี้ก็คือโคตรโทรมเลยนะเว้ย! พลังเวทย์ก็แทบไม่เหลือ พลังกายก็ใกล้จะม...”

    “Spread quick kill!!!”

    ร่างสองร่างพุ่งผ่านหน้าทั้ง 4 คนไปอย่างรวดเร็วและออกไปยังด้านนอกกำแพงคริสตัลก่อนจะปรากฎฝูงผีเสื้อสีขาวและสีน้ำเงินขนาดใหญ่กระจายตัวรอบฝูงแวร์วูล์ฟ

    “นั่นมัน...”

    “ผีเสื้อสีขาวนั่นเจนนิษฐ์แน่ๆ แต่อีกคนน่ะใคร”

    “Spread wind”

    “Spread crazy”

    “Double combo spread tornado!”

    ลมพายุสลาตันขนาดย่อมก่อตัวพัดฝูงแวร์วูล์ฟกระเด็นถอยหลังออกไปไกล แวร์วูล์ฟบางตัวถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อน

    หลังจากลมสงบก็ปรากฎร่างของเจนนิษฐ์และวียืนอยู่ตรงหน้าฝูงแวร์วูล์ฟที่หยุดการโจมตีและชะงักกันไปเล็กน้อย

    “เจนนิษฐ์! วี! มาไงวะเนี่ย!”

    “อย่าเพิ่งโวยวายเลยพี่เป้ พวกพี่ถอยไปรักษาตัวก่อนเหอะ ทางนี้หนูกับวีจัดการเอง วี...ลงมือ!”

    “ฮะ?”

    ปูเป้หันไปมองเห็นหมุดเหล็กสีดำที่ปักอยู่รอบตัวพวกตนก็ตาเหลือกก่อนหันกลับไปหาวีอย่างรวดเร็ว

    “ไอ้ว...”

    “บ๊ายบายฮะพี่เป้...ทรานส์โพเทเลสคริปชั่น!”

    ร่างของปูเป้ อร แบมบู และนายหายวัยไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ววีเรียกเก็บหมุดเหล็กเข้ามาในมือส่วนเจนนิษฐ์แหงนมองขึ้นไปบนฟ้า

    “จะให้ทำยังไงกับแวร์วูล์ฟพวกนี้ดีคะท่านหญิงแม่ทัพ!”

    แคว้กกกกก!!! ก๊าซซซซซ!!!

    กริฟฟินตัวหนึ่งถูกน้ำหนึ่งแทงด้วยหอกเข้ากลางหน้าผากพร้อมกับที่คริมใช้เท้ากระชากร่างออกเป็นชิ้นๆ

    “สุดแล้วแต่พวกคุณแล้วกันค่ะคุณรองหัวหน้าอัศวินสูงสุด ระวังระเบิดด้วยแล้วกันนะคะ”

    พูดพร้อมกับชี้ปลายหอกไปทางกริฟฟินอีกตัวที่บินหลบพร้อมกับลำแสงสีขาวพุ่งออกมาจากปลายหอก

    เจนนิษฐ์เอี้ยวคอหลบลำแสงไปทางซ้ายเล็กน้อยพร้อมกับที่พื้นระเบิดสนั่นหวั่นไหวก่อนจะชักดาบจากข้างเอวออกมา

    “ได้ยินที่ท่านหญิงแม่ทัพว่าแล้วใช่มั้ยวีรยา อาละวาดให้เต็มที่ไปเลย...ไม่สิขอพี่ก่อนละกันนะ”

    “ตามที่พี่ปรารถนาเลยครับท่านรองหัวหน้าอัศวินสูงสุด”

    ลานหน้าอาคารเรียนรวมกลาง

    ปูเป้ อร นายและแบมบูปรากฎตัวขึ้นกลางลานโดยที่ปูเป้กลิ้งไปเล็กน้อย แบมบูช่วยประคองนายเอาไว้ส่วนอรฟุบหน้าลงกับพื้น

    “เราอยู่ไหนเนี่ยแบ๊ม...”

    “ถ้าจำไม่ผิดตรงนี้เหมือนจะเป็นลานหน้าอาคารเรียนรวมนะพี่นาย”

    “พี่ท่านหญิง! แบ๊ม!!!”

    ฟ้อนด์และสตางค์ที่หิ้วกระเป๋าปฐมพยาบาลออกมาจากอาคารเรียนรีบวิ่งมาหาทั้ง 4 คนทันที

    “ไอ้วี! ไอ้เชี่ยเอ๊ย!”

    ปูเป้แหกปากตะโกนด้วยความโมโหก่อนจะลุกขึ้นเตรียมวิ่งออกไปนอกสถาบัน

    “จะไปไหนคะท่านหญิงรองประธาน!”

    เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังทำให้ปูเป้ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเก็บดาบคู่ใจทั้งสองเล่มเข้าฝักที่เอวแล้วนั่งลงขัดสมาธิกับพื้นพร้อมกับนั่งกอดอก

    “ก็ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย...” (พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย)

    “ดีมากค่ะ รู้สภาพร่างกายตัวเองก็ดี”

    แบมบูกับนายกอดคอกันกระซิบกระซาบเบาๆ

    “ไม่ยักรู้ว่าท่านรองจะยอมฟังที่คนอื่นพูดนะพี่”

    “นั่นใครล่ะแบ๊ม...นั่นพี่ท่านหญิงไข่มุกเลยนะ...ต่อให้ท่านรองจะเก่งกล้ามาจากไหน เจอคำสั่งเมียก็หงออยู่ดี...ก็เหมือนที่พี่อรหงอให้กับพี่ท่านหญิงประธานนั่นล่ะ”

    “แบ๊มว่าแบ๊มเข้าใจอยู่นะพี่ เวลาเจ้ามิวโกรธน่ากลัวกว่าพี่มิวอยู่เหมือนกันฮะ...”

    “พวกเอ็ง 2 คนซุบซิบอะไรกัน!!!”

    “ปูเป้!!!”

    “ค้าบบบบ อยู่นิ่งๆ เฉยๆ แล้วคับพี่มุก...”

    “พี่ท่านหญิงฟ้อนด์คะ พี่ท่านหญิงอรหมดสติไปแล้วค่ะ ดูท่าจะเสียเลือดมากเกินไป”

    “พาไปที่ห้องพยาบาลด่วนเลยค่ะ อย่าลืมเบิกเลือดสำรองมาด้วยนะคะสตางค์”

    “ทราบแล้วค่ะ”

    สตางค์ค่อยๆ พยุงร่างของอรให้ลุกขึ้นยืนอย่างระวังก่อนหายตัวไป

    เปรี๊ยะ!!!

    มิวนิคปรากฎตัวขึ้นก่อนหันมาหาไข่มุกที่กำลังดูอาการปูเป้อยู่

    “เป็นยังไงกันบ้างคะพี่ท่านหญิงไข่มุก”

    “มิว! ทำม...”

    “ไว้ก่อนนะคะแบ๊ม”

    “สภาพแต่ละคนก็คือเรียกได้ว่าหมดสภาพค่ะ ทั้งพลังเวทย์ พลังกายหมดเกลี้ยง...ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะท่านหญิงมิวนิค ท่านหญิงแม่ทัพสั่งให้ไปพักไม่ใช่เหรอคะ”

    “หนูเป็นห่วงสถานการณ์น่ะค่ะ เลยขอมาดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรร้ายแรง”

    “ไม่น่ามีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะนิค ข้างนอกท่านหญิงแม่ทัพ เจนนิษฐ์แล้วก็ไอ้วีคงกำลังบรรเลงอยู่นั่นล่ะ”

    “อะไรนะคะพี่หญิงเป้? คุณเจนนิษฐ์กับคุณวีมายังไงล่ะคะนั่น”

    “พี่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเดี๋ยวสถานการณ์ก็คงกลับเป็นปกติเร็วๆ นี้นี่แหละ”

    ทั้งหมดหันกลับไปมองทิศที่ทั้ง 3 คนด้านนอกกำลังต่อสู้กันอยู่ เสียงระเบิดและเสียงคมดาบฟาดฟันดังสนั่นเข้ามาถึงภายในเขตของอาคารเรียนเป็นระยะๆ

    To be continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×