ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spread First Beat Wings

    ลำดับตอนที่ #6 : 5

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 64


    10 นาฬิกา 27 นาที

    สวนดอกไม้หน้าปราสาท

    “แล้วช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะคุณกรภัทร์”

    “นี่พี่มิว ไม่ใช่เวลางานนะพี่”

    “555 ก็แค่หยอกน่ะหยอก แล้วเป็นไงบ้างล่ะเคทช่วงนี้”

    “ก็เรื่อยๆ อะพี่ เรียนก็เรื่อยๆ ทำงานก็เรื่อยๆ ”

    “ชีวิตแกนี่มันจะเรื่อยๆ เกินไปรึเปล่า”

    “ก็มันไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นนี่พี่ ถ้าไม่นับเรื่องที่สัตว์เวทย์หลุดออกจากป่าต้องห้ามอะนะ...ละนี่มิวไปไหน? ”

    “ก็ยืนคุยอยู่กับแกอยู่นี่ไง”

    “ดิชั้นหมายถึงท่านหญิงนันท์นภัส สุธรรมพงษ์ไม่ใช่ท่านหญิงแพรวา สุธรรมพงษ์ค่ะ! ”

    “โอ้โฮๆ เดี๋ยวนี้อาจหาญ แค่เรียกชื่อจริงแค่นี้ต้องเรียกชื่อนามสกุลเลยรึไงยะคุณกรภัทร์ นิลประภา”

    “ทำไมมิวคนพี่ไม่น่ารักเหมือนมิวคนน้องเลยวะ”

    “ฮะ! เมื่อกี้แกวะกับใครนะยัยเคท! ”

    “ป๊าววววววว!!! ”

    “เสียงต่ำมากกกกกกก!!! ”

    “พี่มิวขาพี่มิว!!! ”

    “อะไรค...มิว!!! ”

    มิวสิคหันไปเห็นมิวนิคกำลังไล่จับแมลงตัวสีฟ้าเล็กๆ ฝูงหนึ่งก่อนจะทำตาโต

    “มิวอย่าเล่นค่ะ! มาหาพี่! ”

    “อะไรนะค...โอ๊ย!!! ”

    “ไอ้บ้าเอ๊ย! พิกซี่! มายังไงวะเนี่ย! ”

    ฝูงพิกซี่นับสิบตัวจากตอนแรกที่บินวนหลอกล่อให้มิวนิคไล่จับตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นไล่กัดและทำร้ายมิวนิคแทน

    “เพียวแลนซ์! ”

    ทวนยาวสีขาวปรากฎขึ้นในมือของมิวสิคก่อนจะไล่แทงบรรดาเหล่าพิกซี่ที่กำลังรุมทำร้ายน้องสาวตัวเองอยู่

    “ทวนพี่อันเบ้อเริ่ม พิกซี่ตัวเท่าแมลง มันจะแทงโดนมั้ยวะพี่! ”

    “พูดมากอยู่ได้! ก็มาช่วยกันหน่อยสิ! เจ้ามิวแผลเต็มตัวแล้วนะ! มิว! ปิดหน้าเอาไว้ค่ะ! ”

    “ซิลเวอร์เน็ต! ”

    ตาข่ายเหล็กสีเงินถูกกางออกจากมือของเคทก่อนโยนไปคลุมฝูงพิกซี่จนร่วงลงมาจากพื้น เคทกับมิวสิครีบวิ่งไปหามิวนิคที่นั่งกุมหน้าอยู่ที่พื้น

    “เป็นอะไรรึเปล่าคะมิว! ขอพี่ดูหน่อยค่ะ! ”

    “น...หนูไม่เป็นไรมากค่ะ ไม่โดนที่หน้า แต่ว่าที่แขน ที่ไหล่...แผลเต็มไปหมดเลยค่ะ...”

    “โอ๋ๆๆ ไม่เป็นไรนะคะ...เป็นแผลแบบนี้ก็แย่สิคะ กลับไปแบ๊มบ่นพี่แน่ๆ เลย...ทำอะไรเคท ช่วยพาไปห้องพยาบาลหน่อยสิ”

    มิวสิคหันกลับไปเรียกเคทที่ยืนพิจารณาฝูงพิกซี่สิบกว่าตัวที่โดนจับอยู่ในตาข่ายพร้อมกับกัดเล็บไปด้วย

    “แปลก...”

    “อะไรแปลก”

    “แปลกที่ว่า...มันน้อยเกินไปรึเปล่า”

    “น้อยเหรอ...สิบกว่าตัวนี่ก็เยอะแล้วนะ”

    “ปกติพิกซี่ฝูงหนึ่งจะรวมตัวไม่ต่ำกว่าร้อยน...”

    “ช่างเรื่องพิกซี่ก่อน! มาช่วยพาเจ้าหนูมิวไปห้องพยาบาลก่อน!!! ”

    เคทส่ายหัวก่อนจะลงไปช่วยมิวสิคพยุงมิวนิคขึ้นมา จู่ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มเล็กน้อยพร้อมกับเสียงกระพือปีกจำนวนมากดังขึ้นรอบๆ ตัว

    มิวนิคแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะเบิกตากว้าง

    “พี่มิว! พี่เคทคะ! ”

    ทั้งสองคนหันกลับมองตามเสียงเรียกของมิวนิคก่อนจะหน้าซีด

    “เคท...แกบอกพี่ว่าปกติพิกซี่ฝูงหนึ่งรวมกลุ่มกันอยู่ประมาณกี่ตัวนะ...”

    “ร้อยกว่าตัวพี่...”

    “แล้วไอ้ที่บินอยู่มืดฟ้ามัวดินแบบนี้มันแปลว่าอะไร...”

    “แปลว่าขนออกมาหมดป่าเลยล่ะมั้งพี่...”

    “ท...ทำยังไงดีคะพี่มิว...พี่เคท”

    “ทำใจแล้วล่ะมิว...เยอะขนาดนี้ฝ่าออกไปไม่ได้หรอก”

    “พี่หญิงหนึ่ง...”

    “พี่ท่านหญิงประธาน...”

    “หลับตา! ปิดหู ปิดจมูกเดี๋ยวนี้ทั้งสามคน! ”

    ขณะที่ทั้งสามคนกำลังสิ้นหวังอยู่นั้นก็มีเสียงสั่งด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังดังมาจากด้านหลัง ทั้งสามคนรีบทำตามคำสั่งทันที

    “แอร์...เดธฟิลด์...”

    เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยมาตามลมพร้อมกับบรรยากาศอึมครึมที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณสวนดอกไม้

    บรรดาพิกซี่นับร้อยนับพันตัวที่บินอยู่ในอากาศปีกหยุดนิ่งก่อนจะร่วงตกลงมาบนพื้นราวกับห่าฝนพร้อมกับวิญญาณที่ดับดิ้น

    กลิ่นไอแห่งความตายอบอวลไปทั่วบริเวณพร้อมกับเสียงหัวเราะอันเย็นเยือกและแหลมสูงดังออกมาจากหญิงสาวร่างสูงที่สวมชุดเกราะสีดำทั้งชุด

    เส้นผมสีดำยาวตรงปลิวสยายตามแรงลมเผยให้เห็นตราสลักรูปหัวกะโหลกสีเงินที่ติดอยู่ด้านหลังของชุดเกราะ

    หญิงสาวกางแขนทั้งสองข้างออกก่อนสูดกลิ่นไอแห่งความตายรอบตัวพร้อมกับหัวเราะคิกคักก่อนจะลืมตาขึ้นมาด้วยดวงตาสีแดงฉานทั้งสองข้าง

    “ค...ความรู้สึกนี้...พี่เฌอเหรอ...”

    “มีอะไรยัยเคท...มันเกิดอะไรขึ้น...”

    “ความรู้สึกน่าขนลุกสะพรึงกลัวนี่มันอะไรกันคะพี่เคท...พี่มิว...”

    “เปิดตา เปิดหู เปิดจมูกได้แล้ว นักเรียนอัศวิน นักเรียนท่านหญิงทั้งสอง...”

    ทั้งสามคนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนโดยที่มิวนิคและมิวสิคตาโตกับเศษซากพิกซี่ที่นอนตายเกลื่อนกลาดทับถมไปทั่วสวนดอกไม้

    เคทรีบหันกลับไปหาผู้ที่มาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

    “ประธ...!!! ”

    เคทตาเหลือกพร้อมกับอ้าปากค้างก่อนจะเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้นอีกรอบ

    “อะไรกัน...เจ้าเคทเองเหรอ...”

    “ยัยเคท! เป็นอะไรไป! ”

    “เกิดอะไรขึ้นคะพี่เคท! ”

    มิวสิคและมิวนิคหันกลับไปหาหญิงสาวก่อนที่จะหน้าซีดและเข่าทรุดทั้งคู่ด้วยความกลัวต่อนัยน์ตาสีแดงนั้น

    “ท...ท...ท่าน...เป็นใคร...คะ...”

    “เฌอ...อยู่ไหน...”

    “ถ...ถ...ถ้าคุณประธานอัศวิน...สูงสุด...คุณรองประธาน...ให้พากลับไปพักที่ห้อง...ล...แล้วค่ะ...”

    “ขอบใจนะท่านหญิง...ซีเนียร์คิง สปรีด...”

    ร่างของหญิงสาวเปลี่ยนกลับเป็นฝูงผีเสื้อสีดำที่มีปีกสีแดงบินกลับไปทางปราสาท ทั้งสามคนนอนแผ่หราไปกับพื้นสนาม

    “น...น่ากลัวจังเลยค่ะ...”

    มิวสิคลูบหัวน้องสาวตัวเองเบาๆ

    “นั่นสิคะ...ดวงตานั่น...น่ากลัวจนก้าวขาไม่ออกเลย...เค้าคนนั้น...เป็นใครเหรอเคท...”

    “...”

    “เคท!!! ”

    “ไม่ต้องตะโกนก็ได้พี่มิว...กำลังรวบรวมสติอยู่...การที่เผชิญหน้ากับเค้าคนนั้นแล้วไม่หมดสติ...แสดงว่า...เค้ายังเอาจริงไม่ถึงครึ่งสินะ...”

    “ค...เค้าเป็นใครเหรอคะ...พี่เคท...”

    “หัวหน้าหน่วยที่ 1 กองกำลังพิทักษ์ชายแดนแห่งราชอาณาจักร...อดีตประธานอัศวินสูงสุดแห่งสถาบันอัศวินคุณเจตสุภา อารีย์กุลหรือพี่แจนสามีของรองประธานอัศวินคนปัจจุบัน พี่สาวแท้ๆ ของประธานอัศวินสูงสุดคนปัจจุบัน...อัศวินเจ้าของฉายารอยยิ้มแห่งมัจจุราช...”

    Patient Room

    “ยังไงก็หายไวๆ แล้วกันนะคะเจ้าปัญ งานประลองที่ไม่มีเราเจ้าอุ๋งคงกร่อยไปเหมือนกันค่ะ”

    “หะๆ บอกพี่อรนะฮะว่าปัญขอแก้มือปีหน้า ส่วนปีนี้รับมือเต็นไปก่อนแล้วกันนะฮะ”

    “โอ้โห...ถ้าส่งเจนนิษฐ์มาทางพี่จะรับมือยังไงล่ะคะ...”

    “555”

    แก้วที่กำลังยืนขำอยู่ที่ข้างหน้าต่างหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับขมวดคิ้ว

    “เดธฟิลด์...หรือว่า...” (พึมพำ)

    “มีอะไรรึเปล่าคะรองประธาน”

    “ฝ้าย กลับไปสมทบกับเจนนิษฐ์...ทำยังไงก็ได้ให้ประธานฟื้นให้เร็วที่สุด เลี่ยงพื้นที่ตรงสวนดอกไม้ก็ดีนะ”

    “ทราบแล้วค่ะ สปรีด! ”

    “มีอะไรรึเปล่าฮะพี่แก้ว...”

    “เดธฟิลด์...”

    “หะ! แต่พี่เฌอหมดสติอยู่...งั้น...”

    “อืม...แจนมา...”

    “พี่แจนมาเหรอคะ! ”

    “ตาหวาน ไข่มุก ใครติดต่อนิ้งได้ลองขอให้นิ้งมาอยู่ที่นี่ที เดี๋ยวพี่ต้องไปหาแจนก่อน...ควีนสปรีด! ”

    “ปัญว่ารีบหน่อยก็ดีนะฮะพี่หวาน ถ้าพี่แจนเจอนิ้งก่อนพี่แก้วล่ะยุ่งแน่ พี่มุกลองติดต่อพี่หนึ่งด้วยก็ดีนะฮะ”

    “ไข่มุกคะ”

    “ค่ะพี่ท่านหญิงประธาน”

    “เดี๋ยวพี่ติดต่อคุณหนึ่งเอง หนูติดต่อไปที่เจ้า 2 มิวนะคะว่าให้มารวมกันที่นี่ก่อนค่ะ”

    “ได้ค่ะ”

    ปัญพยายามขยับคอตัวเองให้ยกขึ้นพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองให้เลือดไหลออกมาก่อนจะร่ายคาถา

    “อีเมอร์เจ็นซีแมสเสจ...เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ กุลจิราณัฐ อินทรศิลป์...”

    ปัญพึมพำข้อความก่อนสะบัดหัวเล็กน้อย หยดเลือดที่ไหลออกมาเปลี่ยนเป็นผีเสื้อสีแดงสองตัวแล้วบินออกไปทางหน้าต่าง

    Knight Dormitory

    “ดูแลตัวเองดีๆ อย่าเล่นบ้าๆ อะไรอีกล่ะ หวังว่าเคิร์สแอโรว์คราวนี้จะทำให้แกเข็ดบ้างนะเจ้าน้องชาย”

    “แค่กๆ ไม่ต้องห่วงเลยพี่ชายจิ๊บให้พี่เฌอเขียนจดหมายไปฟ้องท่านแม่เรียบร้อยแล้ว”

    “อะไรนะ! เอ็งให้พี่เฌอเขียนเหรอ! ”

    “ถ้าเขียนเองท่านแม่ก็ไม่เชื่ออะดิ”

    “หนอยแน่ไอ้น้องเวรนี่! ”

    “คิกคักๆ ”

    “หนูขำอะไรพี่ค...”

    {คุณหนึ่งคะ...}

    “เดี๋ยวก่อนนะคะ”

    น้ำหนึ่งหลับตาลงพร้อมกับใช้มือแตะไปที่ขมับตัวเอง

    {ครับคุณตา มีอะไรรึเปล่าครับ}

    {เรียกนิ้งกลับมาอยู่กับคุณแล้วกลับมารวมที่ห้องพยาบาลด่วนเลยนะคะ}

    {หืม...เกิดเรื่องเหรอครับ}

    {พี่แจนมาที่สถาบันค่ะ...ดูเหมือนจะใช้เดธฟิลด์แล้วด้วย}

    {ทราบแล้วครับ เดี๋ยวจะรีบไปสมทบทันทีครับ}

    น้ำหนึ่งลืมตาขึ้นก่อนจะมีสีหน้าเครียดเล็กน้อย

    “มีอะไรรึเปล่าคะพี่หนึ่ง”

    “ค่ะ ปัญหาใหญ่ซะด้วยสิคะ...พี่แจนมา...”

    “อย่าบอกนะพี่ชาย...”

    “ใช้เดธฟิลด์แล้ว...นิ้ง...”

    นิ้งปรากฎตัวขึ้นในห้องก่อนคำนับให้น้ำหนึ่งแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขึม

    “ทราบเรียบร้อยค่ะพี่หนึ่งเมื่อกี้ปัญเพิ่งส่งข่าวมาบอกเจนเหมือนกันค่ะ...ว่าแต่...จะให้นิ้งออกไปหาพี่แจนเลยมั้ยคะพี่หนึ่ง”

    น้ำหนึ่งแสยะยิ้มก่อนดีดหูนิ้งไปทีหนึ่ง

    “ที่พี่ช่วยชีวิตแกไม่ได้หมายความว่าให้แกต้องมาตายเพราะฝีมือพี่แจนนะ...ตามพี่มา เราจะกลับกันแล้ว ไว้เจอกันที่งานนะไอ้น้องเวร...ไม่เป็นไรค่ะหนู พี่รู้ว่าห้องพยาบาลไปทางไหน ฝากดูแลไอ้น้องบ้าของพี่ไปพักหนึ่งแล้วกันนะคะ”

    กระแสไฟฟ้าสีชมพูไหลไปทั่วตัวของน้ำหนึ่งส่วนของนิ้งเป็นกระแสไฟฟ้าสีดำ

    “ไว้เจอกันที่ First Beat นะคะ Wave Beat Heart! ”

    “Shock wave heart! ”

    ร่างของน้ำหนึ่งและนิ้งหายไปจากห้อง จิ๊บแลบลิ้นส่งท้ายไปให้

    “บรัยส์ พี่เวร! ”

    “แล้วไม่พูดต่อหน้าไปเลยล่ะคะจิ๊บ”

    “ขืนพูดต่อหน้าก็โดนเรเปียร์พี่หนึ่งแทงคอสิฮะพี่เนย พี่ไปช่วยทางนู้นรับมือพี่แจนเถอะฮะ ถ้าพี่แจนใช้เดธฟิลด์แสดงว่าพี่เค้ากำลังอารมณ์ไม่ดีมากๆ ”

    “จะให้พี่เข้าไปตายรึไงคะจิ๊บ”

    “คนที่เป็นมือหนึ่งทางด้านเวทย์แสงแบบพี่ต่อให้เป็นเดธฟิลด์พี่ก็ไม่ตายง่ายๆ หรอกนะฮะ...The Smile of Goddess

    “จิ๊! ไม่น่าเผลอให้เห็นเลย นอนพักไปล่ะ อย่าซนนะคะ ไม่งั้นพี่นี่แหละจะเป็นคนจัดการเราแทนพี่หนึ่งเอง...สปรีด! ”

    จิ๊บมองตามกลุ่มผีเสื้อที่บินออกไปจากห้องก่อนจะหัวเราะในลำคอ

    “หลงสเน่ห์ไอ้พี่บ้านั่นไปแล้วสินะ...แต่ว่า...ถ้าได้คุณเป็นพี่สะใภ้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะฮะ...คุณเทพี...”

    ระหว่างทางไปตึกพยาบาล

    น้ำหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วมาตามทางเดินโดยมีนิ้งตามมาติดๆ

    “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามอย่าทำอะไรทั้งนั้น อยู่ข้างหลังพี่ ถือว่าพี่ขอร้องนะนิ้ง”

    “แต่ว่าเรื่องที่เกิดมันเพราะเคิร์สแอโรว์ของนิ้งนะคะ”

    “แต่มันก็เพราะคำขอของพี่ไม่ใช่รึไง นั่นล่ะ ถือว่าพี่ขอแล้วก...”

    น้ำหนึ่งชะงักเล็กน้อยก่อนยกสัญญาณมือให้หยุดเคลื่อนไหว กลิ่นอายของความตายลอยโชยออกมาจากหัวมุมของทางเดิน

    หญิงสาวผมยาวในชุดเกราะสีดำสนิทเดินออกมาจากหัวมุมทางเดินพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก

    “พี่หนึ่ง...”

    “เออ...จ๊ะเอ๋จนได้...”

    “คิกคักๆ อะไรกันหนึ่ง ไม่คิดจะทักทายพี่ซักหน่อยเหรอ นี่เพิ่งกลับมาจากชายแดนเลยนะเนี่ย”

    น้ำหนึ่งเรียกเรเปียร์มาไว้ในมือพร้อมกับกระชับแน่นแล้วยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าเจื่อนๆ เล็กน้อย

    “ถ้าเป็นเวลาปกติก็อยากทักทายอยู่นะพี่ แต่เวลาพี่โกรธ หนึ่งไม่อยากคุยกับพี่เลยว่ะให้ตายสิพี่แจน”

    “คิกๆๆ ส่งตัวนิ้งมาให้พี่เดี๋ยวนี้...นี่ขอกันดีๆ เลยนะเนี่ย”

    “คนที่ขอให้นิ้งยิงเคิร์สแอโรว์คือหนึ่ง เพราะงั้นเกรงว่าจะส่งให้พี่ไม่ได้ง่ายๆ หรอกว่ะ”

    แจนแสยะยิ้มพร้อมกับที่นัยน์ตาสีแดงฉายแสงเล็กน้อยก่อนยื่นนิ้วออกมาตรงหน้า

    “เดธล...”

    “เดธสไตรค์!!! ”

    เปรี้ยง!!!

    คลื่นพลังสีดำถูกเขวี้ยงมาระเบิดตรงหน้าแจนพร้อมกับควันรูปหัวกะโหลกลอยขึ้นมาจากตำแหน่งที่ระเบิด

    “เฮ้ยพี่...มาทำอะไรที่สถาบัน...จะก่อเรื่อง...รึไง...”

    แจนหันกลับไปด้านหลังของตนก็เจอกับเฌอปรางที่นัยน์ตาเป็นสีดำสนิทยืนมองมาทางตนอยู่โดยมีเจนนิษฐ์นั่งคุกเข่ารอคำสั่งอยู่ด้านข้าง

    “น้องชาย...มีคนส่งข่าวไปบ...”

    “ข่าวบ้าบอ...อะไรวะพี่ เฌอก็ยืนอยู่หน้าพี่นี่ไง...ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...”

    เจนนิษฐ์คอยชำเลืองมองเฌอปรางที่มีเหงื่อผุดรอบใบหน้าและหอบหายใจเล็กน้อยด้วยท่าทีระแวง

    “สบายดีงั้นเหรอ...แต่หน้าแกมันดูซีดๆ ไปนะ...”

    “ก็แค่นอนน้อย...น่าพี่...เลิกก่อ...ความวุ่นวายสักที...เถอะ...”

    “แค่พูดก็ลำบากแล้วแท้ๆ ...ยังจะฝืนย...”

    ฝูงผีเสื้อสีน้ำเงินบินเข้ามาด้านข้างแจนก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นเนยเข้ามากอดแขนแจนเอาไว้

    “พี่แจน~~ คิดถึงจังเลย~~”

    “เจ้าหนูเนย! ”

    น้ำหนึ่งตกใจที่จู่ๆ เนยก็เข้าไปกอดแขนแจนด้วยความไม่ระมัดระวัง เนยแอบส่งสัญญาณจุ๊ปากเบาๆ ให้น้ำหนึ่งเล็กน้อย

    “Crumble Death...ว่ายังไงครับเนย เจ้าน้องชายพี่ใช้งานเราหนักรึเปล่า”

    ดวงตาของแจนเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำตาลก่อนจะลูบหัวและยิ้มให้เนยบางๆ เนยยิ้มกว้างก่อนผละออกจากตัวแจนเล็กน้อย

    “งานที่พี่เฌอให้หนูทำสบายสุดๆ เลยค่ะ มีเวลานอนเยอะกว่าพี่เฌออีก...ระวังหัวนะคะ ????”

    “ฮะ? ”

    โป๊กกกก!!!

    หนังสือเล่มหนาถูกฟาดเข้ากลางหัวแจนจนล้มหน้าทิ่มไปกับพื้น

    “ใครสั่งใครสอนให้ใช้โหมดเดธในพื้นที่อาคารเรียนของสถาบันคะแจน!!! ”

    เฌอปรางถอนหายใจพร้อมกับหลับตาลงแต่เซเล็กน้อยเจนนิษฐ์รีบเอามือพยุงหลังเอาไว้

    “Crumble Death...ขอร้องนะพี่แจน...พี่สะใภ้...จะตีกัน...ไปตีกัน...ที่บ้าน...ได้มั้ย...”

    แจนกระเสือกกระสนยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นก่อนหันกลับไปหาแก้วที่ยืนกอดอกคิ้วขมวดถือหนังสือเล่มหนาอยู่

    “คุณภรรยาที่แสนเคารพรักครับ...กะฟาดให้ตายกันเลยรึยังไงครับ”

    “มันใช่เรื่องใช่มั้ยล่ะคะ! เคยบอกไปหลายทีแล้วนะคะทั้งคุณ ทั้งเจ้าฌานแล้วก็เราน่ะนะประธาน...เป็นคนออกกฎเองแท้ๆ นะคะ! ”

    “แต่มัน...ฉุกเฉินนี่นา...พี่...สะใภ้...”

    “ถ้าอย่างงั้นหนึ่งกับนิ้งขอตัวกลับก่อนละกันนะฮะ พี่ออมบอกไว้ว่าให้พานิ้งกลับไปก่อนบ่ายโมงเพราะมีประชุม”

    “คราวนี้ถือว่าปล่อยไปก่อนนะหนึ่ง นิ้ง...”

    น้ำหนึ่งเก็บเรเปียร์พร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย

    “พี่บอกพี่เฌอละกันพี่แจน ถ้าไม่ใช้ให้ไอ้จิ๊บยิงอะไรหาคุณตาอีกก็น่าจะไม่มีเรื่องหรอกนะฮะ Wave Beat Heart! ”

    นิ้งคำนับให้กับทุกคนก่อนจะหายตัวตามน้ำหนึ่งไป

    “ที่หนึ่งพูดหมายความว่าไงเจ้าน้องชาย...”

    “ขอตัวกลับไปพักก่อนนะฮะ ง่วงนอนนิดหน่อย ช่วงนี้นอนน้อยด้วย...คิง สปรีด”

    ฝูงผีเสื้อสีดำบินออกไปอย่างรวดเร็วโดยบินต่ำระพื้นเล็กน้อย เจนนิษฐ์รีบเปลี่ยนร่างเป็นฝูงผีเสื้อสีขาวบินตามไปอย่างรวดเร็ว

    “เจ้าฌ...”

    “คุณสามีคะ...ไม่ต้องตามประธานไปเชียวนะคะ ทีนี้ลองอธิบายเหตุผลของการใช้เดธให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”

    “ไม่เอาน่าแก้ว...”

    “แจน...”

    “คร้าบๆๆ ที่สวนดอกไม้หน้าปราสาทมีซากศพพิกซี่ตายเกลื่อนอยู่ น่าจะหลุดออกมาจากป่า แต่มันหลุดมาเยอะไปมั้ย แจนเห็นพวกมันกำลังรุมโจมตีเจ้าเคทกับท่านหญิงอีก 2 คนน่ะเลยใช้เดธจัดการ”

    “ทางอาจารย์น่าจะเพิ่มการป้องกันแล้วนี่! ทำไมยังมีหลุดออกมาอีกล...”

    “อะไรนะแก้ว...”

    “ม...ไม่มีอะไรค่ะ ไปกับแก้วหน่อยค่ะแจนแก้วจะไปด...”

    “หลุดออกมาอีกหมายความว่ายังไงแก้ว...”

    แก้วถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปพูดกับเนย

    “ฝากจัดการส่งแขกด้วยนะเนย...ไปกับแก้วค่ะเดี๋ยวแก้วจะเล่าเรื่องให้คุณฟังทั้งหมดเอง”

    แก้วกำลังจะดึงแขนแจนแต่แจนยกมือห้ามไว้ก่อนก่อนหันไปกระซิบกับเนยเบาๆ

    “ที่มาอยู่ตรงนี้...จงใจจะมาหยุดพี่โดยเฉพาะเลยรึเปล่าเจ้าหนูรอยยิ้มแห่งเทพี

    “อะไรคะพี่แจนหนูก็แค่ผ่านมาแถวนี้แล้วเจอพี่เฉยๆ เอง”

    “อ่อเหรอ...แต่ร่างแปลงบัตเตอร์ฟลายสปรีดเรามันมีขอบสีทองแว้บๆ มาด้วยนะ...”

    เนยหันกลับมามองแจนด้วยสาตานิ่งๆ เล็กน้อยพร้อมกับมีประกายแสงสีทองปรากฎแวบหนึ่งในดวงตาก่อนจะเดินผ่านแจนไปแล้วพูดพึมพำเบาๆ

    “ชีวิตคนไม่ใช่เรื่องที่จะมาตัดสินกันด้วยอารมณ์โกรธเพียงชั่ววูบนะคะคุณพี่รอยยิ้มมัจจุราช...สปรีด! ”

    “ให้ตายสิ...ไม่ได้นุ่มนิ่มตามชื่อเลยน้า...เจ้าหนู” (พึมพำ)

    “มีอะไรรึเปล่าคะแจน”

    “ไม่มีอะไรค้าบ ไปกันเถอะแก้ว คุณมีเรื่องต้องเล่าให้แจนฟังเยอะแยะเลย แล้วก็...คิดถึงนะครับที่รัก ????”

    “ชิ! ????”

    Science Laboratory

    “ต้องขออภัยด้วยนะฮะที่เกิดเรื่องขึ้น”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะวีพี่เข้าใจ แสดงว่าทางคณาจารย์ยังจัดการเรื่องแนวป้องกันยังไม่เสร็จดีสินะ”

    “ก็คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ เลยล่ะฮะพี่หวาน”

    เปรี๊ยะๆ!

    “มาล...นิค! ทำไมแผลเต็มตัวแบบนั้น! ไอ้วี...”

    “โอ๊ะโอ๋...วีไม่เกี่ยวนะพี่หนึ่ง”

    “หนูไม่เป็นไรค่ะพี่หญิงหนึ่ง พิกซี่น่ะค่ะ”

    “ขออนุญาตนะคะท่านหญิงมิวนิค...พิกซี่ไม่น่าจะเป็นแผลมากมายขนาดนั้นได้นะคะ”

    พรึ่บ!

    ฝูงผีเสื้อบินเข้ามาก่อนเปลี่ยนร่างกลับเป็นเนยแล้วตอบคำถามของนิ้ง

    “ก็ถ้าพวกมันไม่ขนกันออกมามืดฟ้ามัวดินจนแทบหมดป่าอะนะนิ้ง”

    น้ำหนึ่งลืมตัวเดินไปจับแขนเนยและสำรวจรอบๆ ตัว

    “หนู! ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ! จู่ๆ ก็โผล่ไปแบบนั้นพี่ตกใจนะคะ! ”

    เนยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงพร้อมกับหลบตาคนพี่ที่จ้องตนอยู่

    “อะแฮ่มๆ ...ท่านหญิงมิลิน...”

    น้ำหนึ่งรู้สึกตัวก่อนจะปล่อยมือออกจากคนน้องพร้อมกับหน้าที่เริ่มแดงเล็กน้อยเหมือนกัน

    “ขอโทษครับคุณตา พี่ขอโทษนะคะหนู...”

    “ม...ไม่เป็นไรค่ะ”

    “ว่าแต่จากหอพักมาที่นี่ก็ไม่น่าใช้เวลานานขนาดนี้นะคะคุณหนึ่ง สำหรับคนที่ได้ฉายาท่านหญิงลมกรดของสถาบันเรามาถึง 4 ปีซ้อนแบบคุณน่ะ”

    “ก็ถ้าไม่ต้องจ๊ะเอ๋กับพี่แจนหนึ่งก็คงมาถึงเร็วกว่านี้แหละครับคุณตา แถมเป็นพี่แจนในโหมดเดธด้วย...”

    “ถ้าไม่ได้พี่เฌอกับพี่แก้ว พี่หนึ่งกับเจ้านิ้งอาจแย่ก็ได้ค่ะ”

    “หืม? พี่เฌอได้สติแล้วเหรอคะเนย”

    “ใช่ค...”

    “พี่ก็ไม่ได้เป็น...อะไรสักหน่อยนี่หวาน...ต้องขออภัยด้วย...ที่ทำให้ท่านหญิงน้อยท่านนี้...ต้องเจ็บตัวด้วยนะคะ”

    เฌอปรางเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเจนนิษฐ์แล้วโค้งหัวเล็กน้อยให้มิวนิคที่รีบถอนสายบัวให้เฌอปราง

    “ไม่เป็นไรค่ะคุณประธานอัศวินสูงสุดน...ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่มีแผลเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะ”

    “เหอะ...เป็นประธานประสาอะไรแค่ตัวเองยังดูแลไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...” (พูดลอยๆ)

    “พี่มิว!!! ”

    “ท่านหญิงแพรวา...”

    เฌอปรางหันกลับไปมองมิวสิคที่ยืนอยู่ข้างมิวนิคแล้วมองมาที่ตนเหมือนไม่พอใจก่อนจะเชิดหน้าไปทางอื่น

    “พี่อย่าไปใส่ใจเลยน่าพี่เฌอ น้องก็แค่ห่วงน้องตัวเองน่ะ หวังว่าคราวหน้าหนึ่งจะไม่ต้องใช้บริการนิ้งอีกนะพี่ เออ...แล้วขอเหอะพี่...คราวหน้าวิ่งหนีสักหน่อยก็ดีนะพี่”

    “เหอะ...วิ่งหนีแล้วลงไปนอน...ชักดิ้นชักงอกับพื้นเหมือนน้องแกอะนะหนึ่ง...พี่ขอบายดีกว่า...”

    “วันนี้ตัวเองก็หมดสติคาห้องประชุมเหมือนกันนั่นแหละ...” (พูดลอยๆ อีกแล้ว)

    “พี่มิ๊ว!!! ”

    “ไอ้หมา...ข้าว่าเอ็งพูดลอยๆ มากไปแล้วนะ...”

    “จอนอ! ”

    “ปกติเอ็งไม่ปากเสียง่ายๆ แบบนี้นะสิค...วันนี้เป็นอะไรว...”

    “เจนนิษฐ์...”

    “ค่ะประธาน...”

    เจนนิษฐ์หยุดพูดก่อนถอยไปอยู่ด้านหลัง เฌอปรางค่อยๆ เดินมาหามิวสิคช้าๆ

    “พี่เฌอค...”

    เฌอปรางยกมือขึ้นมาห้ามตาหวานที่นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มให้มิวสิคเล็กน้อย

    “ท่านหญิงคนนี้...ปากสมกับที่เจนนิษฐ์...เรียกหมาจริงๆ ด้วย...สินะ...”

    “เอ๊ะ! คุณประธานนี่! ”

    มิวนิคพยายามดึงตัวพี่สาวที่จะพุ่งเข้าไปหาเรื่องเฌอปรางทันที

    “พี่มิวคะ! พี่เป็นฝ่ายเริ่มนะคะ หยุดก่อนค่ะ! ”

    “มิวปล่อยพี่นะ! ”

    “แต่ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้...น่าจะเป็นลูกหมารึเปล่านะ...”

    [หนูว่าพี่เฌอก็ปากหมาพอๆ กัน พี่ว่าไงคะพี่เนย]

    [จุ๊ๆๆ อย่าให้พี่เฌอรู้เชียวนะคะว่าแอบนินทาน่ะเต็น]

    “ทนไม่ไหวแล้วนะ! คำก็หมาสองคำก็หมา! จะเอายังไงคะคุณประธาน! ”

    มิวสิคเรียกทวนประจำตัวออกมาก่อนชี้ไปตรงหน้าเฌอปราง

    “พี่มิ๊ว!!! ”

    “ท่านหญิงมิวสิคค้า!!! ”

    “เอ่อ...พี่ฮะ...”

    ดาบยาวสีขาวถูกชักออกมาจากเอวของเจนนิษฐ์พร้อมกับตั้งรับทวนสีขาวของมิวสิคอย่างรวดเร็ว

    “ยัยเต็น...”

    “ต่อให้เอ็งเป็นเพื่อนข้าก็ไม่ได้หมายความว่าเอ็งจะหันอาวุธใส่ประธานได้นะไอ้สิค...”

    “รองหัวหน้าอัศวินสูงสุด...เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ เก็บอาวุธของคุณไป...เรามีมารยาทมากพอ...ที่จะไม่หันอาวุธเข้าใส่แขก...ผู้มีเกียรติหรอกนะ...”

    เจนนิษฐ์เก็บดาบเข้าฝักที่เอวอย่างรวดเร็วก่อนถอยไปคุกเข่าอยู่ด้านหลัง

    “ขออภัยค่ะท่านประธาน”

    “จะบอกว่าดิฉันไร้มารยาทงั้นเหรอคะคุณประธาน”

    เฌอปรางหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีดำสนิทจนมิวสิคชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วแตะปลายทวนของมิวสิคจนปลายทวนเริ่มโดนกัดกร่อนไปทีละน้อย

    มิวสิครีบเก็บทวนของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าตัวมิวนิคถอยห่างออกจากเฌอปรางอย่างรวดเร็ว

    “ดิฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะคะ ท่านหญิงเป็นคนพูดเองนะคะ ไว้เจอกันวันงานกระชับความสัมพันธ์ก็แล้วกันนะคะท่านหญิงแพรวา...คิงสปรีด...”

    “เอ็งนี่นะไอ้สิค หาเรื่องผิดคนแล้วนะเอ็ง เดี๋ยวว่างๆ ต้องคุยกันสักแมตซ์หน่อยละมั้ง...ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะคะพี่เนย ถ้าเสร็จงานแล้วพี่อยู่กับปัญนะวี”

    “ได้ค่ะคุณรองหัวหน้าอัศวินสูงสุด”

    “เคฮะพี่สะใภ้”

    “สปรีด! ”

    “พี่มิว! พี่ทำอะไรลงไปคะเนี่ย! ”

    “ไม่ต้องมาเอ็ดพี่เลยนะคะมิว! พี่ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าแค่นั้นเอง! ”

    แปะๆๆๆ

    เนยปรบมือพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้มิวสิคแล้วหันไปหาน้ำหนึ่ง

    “ท่านหญิงคนนี้สุดยอดเลยค่ะพี่หนึ่ง ไม่เคยมีใครกล้าหันอาวุธใส่ประธานซึ่งๆ หน้ามาก่อนนอกจากรองประธาน พี่แจนแล้วก็เจ้าฌานเลยนะคะเนี่ย”

    “ปกติเจ้าหนูสิคไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนขนาดนี้หรอกค่ะ คงน่าจะไม่ชอบขี้หน้าพี่เฌอจริงๆ ”

    “แต่ว่านะคะท่านหญิง...มิวสิค...ใช่มั้ยคะ”

    “ค่ะ”

    “ขอเตือนนิดหน่อยนะคะ อาวุธของท่านหญิงเป็นอาวุธสายกายภาพเฉยๆ หรือว่าควบคู่กับสายเวทย์เหรอคะ”

    “เพียวแลนซ์ของดิฉันเป็นอาวุธสายกายภาพที่ใช้ประสานร่วมกับกาโจมตีเวทย์ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะพี่”

    “ถ้างั้นก่อนจะใช้อาวุธในครั้งต่อไปรบกวนช่วยนำอาวุธไปชำระเวทย์หน่อยก็ดีนะคะ”

    “ทำไมเหรอคะ”

    “เพราะอาวุธของท่านหญิงโดนเวทย์กัดกร่อนของประธานไปน่ะค่ะ ถ้าใช้โดยไม่ชำระเวทย์มันจะทำให้อาวุธของท่านหญิงโดนกัดกร่อนไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ”

    “ไม่ใช่ว่าที่ดิฉันเรียกเก็บอาวุธไปจะทำให้ผลของเวทย์ถูกหักล้างไปเหรอคะ”

    “เวทย์ของประธานไม่ใช่แค่เวทย์กัดกร่อนธรรมดาค่ะ แต่เป็นเวทย์ประสานกับสายเวทย์ทมิฬ...”

    “เวทย์ทมิฬเหรอคะ! ”

    มิวนิคตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ

    “ข...ขอโทษค่ะ”

    “ใช่แล้วค่ะท่านหญิงน้อย เวทย์ทมิฬเป็นเวทย์ที่ไม่ได้มีสอนทั่วไป แต่เป็นเวทย์เฉพาะตัวประจำตระกูล การจะลบล้างผลของเวทย์ทมิฬจึงจำเป็นจะต้องทำการชำระเวทย์ด้วยเวทย์แสงค่ะ”

    มิวสิคเม้มปากพร้อมกับกัดฟันด้วยความขัดใจก่อนจะหันไปถอนสายบัวให้เนย

    “ขอบคุณที่แนะนำนะคะพี่เนย”

    “ไม่เป็นไรค่ะ”

    “ถ้านึกไม่ออกก็ใช้เวทย์ของพี่ท่านหญิงประธานช่วยแก้ให้ก็ได้นะฮะพี่สิค”

    “ขอบใจวี”

    “เอาล่ะ กลับสถาบันกันเถอะค่ะท่านหญิงทุกท่าน กลับไปถึงแล้วจะได้เรียกประชุมสภาท่านหญิงด้วย”

    To be continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×