ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมเวทย์แห่งหายนะ King of the Holocaust

    ลำดับตอนที่ #3 : อย่าพึ่งถาม !?

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 54


     
    หลังจากที่ข้าตาลีตาเหลือกวิ่งหนีลูกไปของท่านอาจารย์กลับไปนอนแล้ว

    ข้าก็รีบทำภารกิจส่วนตัวก่อนนอนของข้า แล้วรีบแพคของใช่จำเป็นลงในกระเป๋า

    เอ่ออันที่จริงเรียกว่ายัดลงในกระเป๋าดีกว่า 55+  พอจัดการทุกอย่างเสร็จเวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนล้ะ

    เฮ้อ ข้าต้องรีบนอนก่อนหล่ะ   แล้วเจอกันตอนเช้า

     

    +++++++++ เช้าวันต่อมา ++++++++

    05.00 น.

    “ ว๊ากกกกกกก ” อย่าถามว่าเสียงใคร แน่หล่ะ มันเสียงของข้าเอง

    ฟิ้ว  ฟิ้ว  ฟิ้ว

    “ ข้าบอกเจ้าว่าไงห๊ะเด็กน้อย เราต้องไปรับภารกิจกี่โมง หึ ? ” ท่านอาจารย์ถามข้า แล้วเลิกคิ้วข้างนึงเป็นเชิงถาม

    “ แหะๆ 6 โมงไงท่านอาจารย์ ”

    “ แล้วนี่มันกี่โมงแล้วห๊ะ เจ้าก็รู้ว่าสำนักเรามันใกล้กับเมืองหลวงมากแค่ไหน ยังจะมามัวโอ้เอ้อยู่อีก ”

    “ ที่พูดมาเนี่ยท่านประชดใช่มั๊ย ? ”

    “ เอ่อดิ มันไกลซะขนาดนี้เจ้ายังต้วมเตียมเชื่องช้าอย่างเต่าอยู่อีกไป !รีบไปแต่งตัว เราต้องรีบออกเดินทางกันหน่อยแล้ว ”

    “ จ้า ศิษย์ไปหล่ะ ท่านออกไปรอข้างนอกเถอะ ศิษย์จะไปอาบน้ำแต่งตัว ”

    “ หืม ? ทำไม? ข้านั่งรอเจ้าในนี้ไม่ได้รึไง ? ” = 0 =

    “ ท่านอาจารย์ ศิษย์จะอาบน้ำนะ อาบน้ำๆๆ ท่านต้องออกไปรอข้างนอกสิ ”

    “ โห เจ้านี่ ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็ก อายรึไง ? ดีซะอีกมีหนุ่มหล่ออย่างข้ามานั่งเฝ้าเจ้าอาบน้ำเนี่ย 55+  

    “ ดีกับผีสิท่านอาจารย์ ไปเลยออกไปได้แล้ว หรือว่าท่านอยากให้การเดินทางล่าช้ากว่านี้ ห๊ะ !

    “โด่เรื่องแค่นี้ทำมาอาย ที่เมื่อก่อนยังวิ่งแจ้นมาให้ข้าอาบน้ำให้เจ้าอยู่เลย >3<

    >//////<

    “ ทะ ทะ ท่านอาจารย์ หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ! >//// <

    “ ว๊าย ตายแล้วศิษย์ข้าเขินงั้นหรือเนี่ย 55+ ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว รีบๆไปอาบซะเดี๋ยวจะเดินทางไม่ทันเอานะ^^  

    “ ท่านก็ออกไปก่อนเซ่ !

    “ กล้าขึ้นเสียงใส่ข้าหรอ ข้ามีเวลาให้เจ้า 10 นาทีรีบๆไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้ถ้าช้าหล่ะก็ เจอดีแน่ หึหึ ”

    ปัง !!!!!

    ซวยของจริงหล่ะคราวนี้  ข้ารู้นะว่าพวกเจ้าสงสัยอะไรบางอย่าง ข้าก็เลยจะบอกพวกเจ้าว่า เก็บความสงสัยนั้นไว้ก่อนเถอะ

    เพราะถ้าข้ามัวแต่มาตอบคำถามของพวกเจ้า และ สาธยายเรื่องราวต่างๆให้ฟังข้าว่าข้าคงโดนท่านอาจารย์ฆ่าตายแน่

    ไว้ว่างๆข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังล้ะกันนะ  ตอนนี้ข้าขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ

    “ นี่ท่านอาจารย์ ไหนว่ารีบนักรีบหนาไงหล่ะ ทำไมถึงมัวแต่เดินโอ้เอ้อย่างนั้นหล่ะห๊ะ !

    ข้าที่ชักจะอารมณ์บ่จอบกับท่านอาจารย์ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวจริงจัง เดี๋ยวหน้าถีบของข้า

    เพราะอะไรหน่ะหรอ เหอะ ก็ท่านอาจารย์เนี่ยดิ มัวแต่เดินทอดน่อง ชมนกชมไม้อยู่ ก่อนหน้านี้ยังเร่งข้านักหนา ชิ

    “ ซินเนีย เจ้าต้องเข้าใจข้าบ้าง นานๆทีข้าจะได้ออกมาจากสำนักฝึกวิชาอันน่าเบื่อนั่น ไหนๆก็ออกมาแล้ว

    ขอข้าเดินเล่นให้สบายอารมณหน่อยล้ะกัน ”  แล้วท่านอาจารย์ก็เดินไปเด็ดดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ริมทางมาถือไว้

    แล้ว เดินร้องเพลงไปอย่างมีความสุข (บนความทุกข์ของข้า ) ว่าแต่เมื่อกี๊ท่านอาจารย์บอกว่า สำนักฝึกวิชา

    อันแสนจะน่าเบื่อ ? น่าเบื่อแล้วตั้งทำไมว่ะ ข้าหล่ะกลุ้ม เฮ้อ

    “ ท่านเดินแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงหล่ะ นี่มันก็จะตีห้าครึ่งแล้วนะ ท่านอาจารย์ เฮ้ย ! ” ท่านอาจารย์หายไปแล้ว

    นี่ข้าบ่นให้พวกเจ้าฟังนานขนาดนั้นเลยหรอ ?  ไม่ไม่ไม่ ท่านอาจารย์ไม่อยู๋แล้วข้าจะไปเมืองหลวงยังไงหล่ะ

    ในชีวิตข้ายังไม่เคยได้เข้าไปในเมืองหลวงเลยสักครั้งนะ  โอ่ว ม่ายยยย

    “ ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ ท่านอยู่ที่ไหน ข้าไม่สนุกกับท่านนะ อย่าเล่นซ่อนแอบแบบนี้สิ !

    ข้าตะโกนเรียกท่านอาจารย์อยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล  หายไปทำไมตอนนี้ว่ะ ตอนที่อยากให้หายไปดันมาอยู่ตรงหน้า

    ไอ่ตอนที่ไม่อยากให้หายไปกลับหายไปซะงั้น

    ฟุ๊บ

    “ เฮ้ย ว๊ากกกกกก ”  เฮ้ย ! ทำไมอยุ่ดีดีข้าก็ลอยขึ้นมาซะงั้น  ข้ายังไม่ได้สั่งให้เหาะเลยนะ ที่สำคัญ

    ทำไมข้ามองอะไรไม่เห็นเลย  ข้ารู้สึกเหมือนลมที่พัดมาตีหน้าข้าแรงขึ้น  ตัวเอนไปทางซ้ายทีขวาที

    สักพักก็หยุดนิ่ง  แล้วข้าก็เริ่มจะมองเห็นอีกครั้ง  เฮ้ย นี้มันข้างบน ข้ากำลังลอยอยู่  เหมือนกับว่าข้าจะถูกอุ้มอยู่นะ“

    “ ว่าไงหล่ะเด็กน้อย ถ้ามาแบบนี้ก็จะได้เดินทางเร็วขึ้นแล้วใช่มั๊ย ?” เสียงนุ่ม ทุ้มที่ฟังดูคุ้นหู แต่ข้าไม่กล้าหันไปหรอกข้า

    กลัวตกนี่  >3< แหงหล่ะถึงข้าจะเหาะได้ แต่ถ้าเกิดร่วงลงไป ข้าไม่มั่นใจว่าจะมีสติพอที่จะสั่งเหาะได้รึเปล่า

    “ เจ้าเงียบทำไมซินเนีย ? ไม่ตื่นเต้นหรอ อาจารย์สุดหล่อพาเจ้าเหาะทั้งที เฮ้อข้าผิดหวังนะเนี่ย ”

    อาจารย์สุดหล่อ อืม เหมือนว่าในชีวิตของข้าจะได้พบเจอกับอาจารย์อยุ่คนเดียวหล่ะมั้งนะ เหอะๆ

    “ ท่านอาจารย์ !

    “ ก็ใช่หน่ะสิ เจ้าจะตะโกนทำไมเนี่ย เดี๋ยวพวกข้างล่างก็ได้ยินกันหมดพอดี >3 < ” ข้ารู้ว่าตอนนี้แก้มท่านอาจารย์

    ของข้ากำลังป่องแบบสมบูรณ์อยู่แน่ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น

    “ ท่านหายตัวไปแล้วโผล่มาแบบนี้เนี่ยนะ ข้าหัวใจจะวายตายแล้วท่านรู้มั๊ย ”

    ตอนนี้ท่านอาจารย์เอาแขนมาล็อคเอวข้าไว้แล้วให้ข้ายืนอยู๋บนเท่าของท่านอาจารย์ แต่ท่านคงไม่หนักหรอก

    ก็แหงหล่ะ ตอนนี้ลอยฟ้าอยุ่นี่

    “ 55 ข้าอยากแกล้งเจ้าเล่น อีกอย่างข้ารำคาญเจ้าชอบมาบ่นว่าข้าต้วมเตียมอย่างกับเต่า ”

    “ ก็มันจริงนี่ ท่านควรรีบเดินทางไม่ใช่หรือไง ตอนเช้าเร่งข้านักเร่งข้าหนา ”

    “ เอาหน่าช่างมัน เจ้าก้มลงไปดูสิตอนนี้เราอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังแล้วนะ ”

    หืม เร็วขนาดนั้นเชียว ถึงข้าจะเหาะเป็นแต่ก็ไม่เคยลองใช่มันเดินทางดูเลยสักครั้ง

    “ ว้าว จริงด้วยท่านอาจารย์ เราใกล้ถึงแล้ว ว่าแต่เราจะลงไปยังไง ?  ” ข้าลืมบอกไป ท่านอาจารย์ของข้า

    ตอนนี้อยู่ในร่างของหนุ่งหล่อรูปงามเลยหล่ะ แต่หน้าตาหล่อน้อยกว่าข้านะ 55 ผมสีน้ำตาลเข้ม ซอยสั้นประบ่า

    นัยน์ตาสี ม่วง แวววาวเหมือนอัญมณีเชียวหล่ะ แต่มีหรือที่จะสู้ข้าได้

    สีตาของข้าเรียกได้ว่าต่อให้พลิกอาณาจักรทั้งอาณาจักรหายังหายากเลย แน่หล่ะก็ตาสีแดงนิ

    ใครมันจะไปเจอกันได้ง่ายๆหล่ะ  >3< เพราะคนส่วนใหญ่มักมีนัยน์ตาสีดำ ไม่ก็สีน้ำตาล

    ลองลงมาก็จะมีสีเทา แต่ข้าไม่ชอบเท่าไหร่ มันดูเย็นชายังไงก็ไม่รู้ หายากหน่อยก็สีเหลือง สีส้ม สีเขียว

    ยากอีกหน่อยก็สีน้ำเงินและม่วง ซึ่งอย่าคิดว่าข้าไม่เคยเห็นนะ เพราะท่านอาจารย์ชอบแปลงร่างบ่อย และทุกครั้ง

    ก็จะเปลี่ยนสีตาไปด้วย แต่ข้าว่านัยน์ตาสีน้ำเงินดูจะลึกลับ ซับซ้อนเอามากๆเลยหล่ะ  ดูทรงพลังและมีอำนาจ

    ส่วนสีม่วงดูน่าพิศวง อ่านยาก ไม่รู้ว่าคนนั้นคิดอะไรอยู่ อย่างที่เป็นตอนนี้ข้าไม่สามารถรู้ความคิดของอาจารย์ได้

    ผ่านจากนัยน์ตาทั้งคู่ของท่านเลย ต่อมา ยากที่สุด 55 ได้แก่สีแดงนั่นเอง มันยากได้ไงข้าก็ไม่รู้ ท่านอาจารย์บอกมา

    แค่นี้ แต่พอข้าคะยั้นคะยอถามให้ตายยังไงท่านก็ไม่ยอมบอก เฮ้อ ข้าหล่ะสงสัยจริงเชียวว่ามันจะอะไรหนักหนา กับตาสีนี้

    แต่ช่างเหอะ เรื่องหน้าปวดหัวแบบนี้ข้าก็ขี้เกียจจำเหมือนกันหล่ะน่า ตอนนี้ข้าว่ามาหาทางลงไปจากตรงนี้แบบ

    ไม่มีใครจับได้ดีกว่า ข้าเคยบอกพวกเจ้าไปแล้วว่า น้อยคนนักที่จะเหาะได้แบบนี้ ถือได้ว่าเป็น 1 ในล้านเลยก็ว่าได้ !!

    “ ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่เด็กน้อย ก็แค่ทำแบบนี้ ”

    ฟึบ

    -          - ;;

    เอ่อ ทะทะ ท่าอาจารย์ ท่านช่างกล้า

    “เฮ้ย ท่านอาจารย์ ! ลงมาแบบนี้ก็มีคนเห็นหมดหรอกท่าน ! 

    ข้าพูดเตือนท่านอาจารย์ผู้แสนจะบ๊องๆของข้า  ข้าบอกแล้วว่า 1 ในล้าน แบบนี้ก็เป็นเป้าสายตาแย่สิ

    “ 555+ เจ้าบ้าเอ้ย เจ้ามาเป็นศิษย์ของข้าได้ไงเนี่ย เฮ้อ เจ้ามองดูดีดี แถวนี้มันมีคนมั๊ยหล่ะห๊ะ !

    เอ๊ะ ข้าก็กำลังดูอยู่นี่ไง  เอ่อ.. เหมือนข้าจะกังวลกับคำว่า 1 ในล้านมากไปจนลืมสังเกตว่ารอบข้างตอนนี้ยังไม่มี

    ผู้คนเนื่องจาก ตรงที่ลงจอดเทียบท่า ? เป็นหน้าประตูวังเลยไม่ค่อยมีผู้คน อีกอย่างเวลาประมาณนี้ส่วนใหญ่คนเขามักจะไปตลาดกัน เฮ้อ เพราะข้าได้ท่านอาจารย์บ๊องๆ ต๊องๆนี่เป็นอาจารย์ไง ข้าเลยทั้งบ๊องทั้งต๊องแบบนี้ ><

     

    “ 55+ ไม่มีสักคน ข้าว่าเรารีบเขาไปกันเถอะ ” เปลี่ยนเรื่องด่วน ก่อนที่ข้าจะโดนด่ายับ

    “ หึ เด็กยังไงยังไงก็คือเด็ก ”  - -++ ข้าได้ยินนะ ชิ แต่ดูเหมือนท่านอาจารย์ก็ตั้งใจพูดให้ข้าได้ยินนั่นหล่ะ

    พอทหารยามเห็นหน้าท่านอาจารย์ ไม่เพียงแต่ขุกเข่าทำความเคารพ ยังจะวิ่งไปเอบพรมแดงมาปูให้เป็นทางเดินด้วยซ้ำ

    แหงหล่ะ มันแปลกอยู่นะ  ทำไมถึงได้เคารพท่านอาจารย์ขนาดนี้ คำถามข้อแรกยังไม่กระจ่าง ข้อที่สองก็ตามกันมาติดๆ

    “ ยินดีต้อนรับกลับวัง พะยะคะองค์ชายเมอล์เรย์  OoO

    วะ วะ วะ ว่าไงนะ องค์ชายงั้นหรอ ?  ข้าที่กำลังอึ้งกิมกี่กับสัพท์นามที่ทหารองค์รักษ์คนนั้นใช้เรียกท่านอาจารย์

    แต่เจ้าตัวเนี่ยดิ กับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง

    กึก กึก (เสียงที่ซินเนียกระตุกแขนเสื้อของอาจารย์)

    “ หืม ว่าไงเด็กน้อย ? ” ยังจะมา หืม มา แหอีกนะ

    “ หมายความว่ายังไงที่ทหารพวกนั้นเรียกท่านว่าองค์ชาย ” ข้าถามท่านอาจารย์ขณะที่พ้นสายตาเทิดทูล

    ของทหารคนนั้นมา  ตอนนี้เรากำลังเดินไปตามพรมแดงที่ทหารยามคนนั้นระเห็จไปเอามาปูให้เดิน

    ซึ่งทางที่ไปคาดว่าน่าจะเป็นทางไปยังท้องพระโรง  ที่ประทับของพระราชา

    “ ก็หมายความตามนั่นแหละ มันก็ออกจะชัดนี่ ”

    “ ชัด ? ชัดอะไรยังไงตรงไหนมิทราบห๊ะ ท่านอาจารย์ ท่านไปเป็นองค์ชายได้ยังไง ? ”

    “ ไว้จะเล่าให้ฟัง ตอนที่กลับไปถึงสำนัก เจ้าอย่าลืมสิว่าตอนนี้เรามาที่นี่ทำไม ”

    “ โห ท่านกะจะให้ข้าเอาความสงสัยที่ยิ่งใหญ่นี้โยนทิ้งเลยงั้นหรอ ? ”

    “ ไม่ขนาดนั้นแค่เก็บเอาไว้ก่อน แล้วข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทั้งหมดที่เจาอยากรู้ ”

    “ ท่านแน่ใจนะ ? ”  ____ “ เจ้าเห็นอาจารย์คนนี้เป็นคนยังไงห๊ะ แน่สิข้ารักษาสัญญาเสมอ ”

    “ ข้าก็เห็นท่านเป็นอาจารย์ที่ติงต๊อง บ๊องๆคนนั้นก็เท่านั้น ” คริคริ ได้ทีแกล้งวะหน่อยดีกว่า

    ข้ายังไม่ได้แกล้งอาจารย์เลยตั้งแต่เช้า  ดูดู คิ้วท่านอาจารย์กระตุกถี่ยิบเลย

    “ ไว้กลับไปที่สำนักก่อนเถอะซินเนีย ที่นี่ยังไม่ได้ ข้ายังไม่อยากเสียภาพพจน์ ”

    “ โอ้โห เดี๋ยวนี้กลัวเสียภาพพจน์ด้วยหรอ ? ข้าว่าท่านไม่มีภาพพจน์ให้เสียตั้งแต่แรกอยุ่แล้ว ”

    “ นี่เจ้าว่าไงนะ วันนี้ข้าอุตส่าพาเจ้าบินมาเลยนะ ไม่ขอบคุณไม่พอยังว่าข้าอีก ”

    “ ข้าเปล่าว่าท่านนะ ข้าแค่พูดตามเนื้อผ้าเท่านั้น ”

    “ กลับไปเจ้าได้กินลูกไปข้าเป็นอาหารแน่ ซินเนียไอ่เด็กบ้า ”  555+ อูย  เหมือนจะเล่นเยอะเกิน

    สงสัยต้องง้อสักหน่อย  ข้ายังอยากอิ่มื้องเพราะข้าวอยู่   พวกเจ้าคงไม่คิดว่าถ้ากินลูกไฟแล้ว

    มันจะอิ่มกว่ากินข้าวหรอกใช่มั๊ย ?

    “ ท่านอาจารยือย่างอนข้าสิ ”  ข้าอ่านแววตาไม่ออก แต่ก็ฟังได้จากน้ำเสียงข้ารู้ว่าท่านงอนข้าอยู่

    ถึงสีหน้า นัยน์ตา ท่าทางจะเรียบเฉยก็เหอะ ข้าพึ่งรู้นะเนี่ย ว่าท่านอาจารย์วางมาดเบบนี้ก็เป็น กับเข้าด้วย

    “ ข้าไม่ได้งอนเจ้า แค่แค้นนิดหน่อย พอแค่นี้เถอะ ถึงท้องพระโรงแล้ว ”

    ·        ท้องพระโรง

     

    ข้ากับท่านอาจารย์ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรง โดนที่ท่านอาจารย์เดินนำอยุ่ข้างหน้า

    มีบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นพระราชานั่งอยู่ตรงบัลลัง สีพระพักตร์ดูยิ้มแย้มสดใส นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายดีใจและอ่อนโยน

    ผมสีดำสนิท พลิ้วไหวไปตามสายลมที่พัดเข้ามาทางบานหน้าต่าง ดูท่าพระราชาคงจะใจดีมากๆเลย

    ท่านอาจารย์และข้าหยุดอยู่ตรงหน้าบัลลัง พร้อมกับโค้งทำความเคารพ

    “ มาแล้วหรอ เมอล์เรย์ เจ้าจากไปนานมาก ข้าคิดถึงเจ้าที่ซู้ดด มามะมาให้พี่คนนี้แกล้งเจ้าวะดีดี ”

    แป่ว  ไหงพระราชาต๊องขนาดนี้เนี่ย

    “ ท่านพี่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านอยู่ในฐานะอะไร ” ท่านอาจารย์ทำเสียงโหดดุคนตรงหน้า

    ทั้งๆที่ความจริงตัวเองก็เป็นแบบนี้ออกบ่อย

    “ ชิ เจ้าน้องบ้าเจ้ายังดุไม่เปลี่ยนเลยนะ แล้วนั่นใครกัน หน้าตานารักไม่เบาเลยนะ ขอข้ากอดหน่อยเถอะ ”

    ห๊ะ  ซะ ซะ ซวยแล้ว องค์ราชาตรงมาทางนี้แล้ว ทำไงดีอ่ะ

     

    5  ก้าว  4 ก้าว  3 ก้าว  2 ก้าว และ

    หมับ !

    “ ท่านพี่ นั่นเป็นศิษย์ของข้าเอง ท่านหยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าท่านยังดึงดันเข้าใกล้เด็กนั่นอีก ”

    ท่านอาจารย์ตีหน้าโหด ตามบทท่านคงจะขู่องค์ราชาโดยการไม่รับภารกิจ  55+ ใช่แน่ๆ

    “ ข้าจะไปทำลายโมเดลหุ่นกระป๋องกิ๊กก๊อกของท่านให้หมดเดี๋ยวนี้เลย ” นั่น วันนี้ข้าอึ้งมากี่รอบแล้ว

    พวกเจ้าพอจำได้บ้างหรือเปล่า ไอ่คนที่ข้าเรียกว่าอาจารย์เนี่ย ตีหน้าโหดเสียงโหดก็จริง แต่สติปัญญา

    และความคิดยังต๊องอันดับ 1 (ถ้าไม่รวมพระราชานะ )

    “ นี่เจ้ากล้าขู่องค์ราชาอย่างข้าหรอ หึข้าไม่ยุ่งกับเด็กนี่ก็ได้ หวงยังกับลูกตัวเองงั้นแหละ ”

    โอ่วม่ายยยย  อย่าให้ข้าเป็นลูกของท่านอาจารย์เลย ข้ายังไม่อยากเข้าโรงพยาบาลบ้าตอนนี้

    “ หึ แหงหล่ะเด็กนี่มีข้าคนเดียวเท่านั้นที่จะแกล้งมันได้ ข้าเลี้ยงมันมากับมือเลยนะ ”

    “ ท่านอาจารย์ ข้าควรซึ้งใจหรือเสียใจดีที่ท่านปกป้องข้าเอาไว้แกล้ง ” ข้าถามออกไปทั้งอย่างนั้นหล่ะ

    ไอ่เราก็นึกว่าท่านอาจารย์เป็นห่วงที่ไหนได้ ปกป้องเพื่อแกล้ง

    “ ขอประทานอภัย แต่ท่านทั้งสองคนจะเสวนาธรรมกันตรงนี้อีกนานมั๊ยพระเจ้าค่ะ”

    ข้าชักหมดความอดทน

    “ หึหึ เมอล์เรย์ ศิษย์เจ้าดูจะไม่เกรงกลัวข้าเลยนะ แต่ช่างเถอะ เรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า ”

    แล้วพระองค์ทำตัวให้หน้าเกรงกลัวบ้างมั๊ยหล่ะ เฮ้อ

    “ อืม ”  ตอบแค่เนี่ยหรอท่านอาจารย์ ข้าหันไปมองหน้าท่านอาจารย์แบบปลงๆ ท่านอาจารย์หันมาเลิกคิ้วให้ข้า

    แล้วยิ้มออกมาน้อยๆ  เหอะๆ กลับไปมีเรื่องต้องเคลียร์อีกยาว ไหนจะเรื่องฐานะ ไหนจะเรื่องอายุ อีกนี่ข้าโดนหลอก

    ใช่มั๊ยเนี่ย !

    ............................................

     
















    วันนี้มาอัพอีกตอนแล้ว อ่านแล้วเม้นด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×