คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 : Circumstantiate
เพราะความสวยงาม คือ ความไม่สวยงาม
ความสมบูรณ์แบบ คือ ความไม่สมบูรณ์แบบ
ความเพียบพร้อมจนเกินพอดี ทำให้ผมต้องมายืนอยู่ในจุดนี้
จุดที่ไม่มีความเพียบพร้อม ไม่มีอะไรเลย!
Chapter 8
คิบอมขยับตัวน้อยๆ รับรู้ถึงความเมื่อยขบที่ต้นคอ ร่างสูงขยี้ตาเบาๆ แล้วเอียงคอไปมาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ เมื่อคืนเขานอนหลับๆตื่นๆอยู่ตลอดเวลา เช้านี้เขาจึงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ใบหน้าคมหันมองเจ้าของเตียงที่หลับอยู่ท่าเดิมแล้วถอนหายใจ เขาผุดลุกจากเก้าอี้ บิดตัวคลายความเมื่อยล้าสองสามที ก่อนจะเข้าห้องน้ำจัดการล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้น
ม่านสีฟ้าอ่อนของห้องยังคงปิดอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน ถึงจะกันแสงอาทิตย์ได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ยังเพียงพอที่จะไม่สาดเข้ามากระทบใบหน้าขาวของทงแฮ ร่างสูงกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม ทำกิริยาซ้ำๆเดิมๆ คือนั่งอยู่ตรงนั้น และมองลี ทงแฮ
เหตุการณ์เมื่อวานย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าเขานั่งนึกถึงมันเป็นรอบที่สิบได้ หรืออาจจะมากกว่านั้น..?
“เจ๊ใหญ่มีธุระฯครับ ก็เลยเกิดใจดีอยากให้พนักงานเลิกก่อนเวลาไปด้วย ไม่รู้ว่าจะมาให้ทำโอทีล่วงเวลาวันอื่น เพื่อชดเชยรึเปล่า?” ทงแฮก้มหน้ากระซิบกระซาบเบาๆใบหน้าดูจริงจังขึ้นจนเขาอมยิ้มขัน
“งั้นกลับเลยแล้วกัน วันหลังจะมาใหม่” เขายันตัวขึ้นยืน ความรู้สึกเสียดายแล่นขึ้นมาถึงกลางอก แต่ก็จำใจต้องไป เขาคิดเงินที่เคาเตอร์ หันมองทงแฮที่กำลังจัดการเก็บโต๊ะของเขาอย่างขะมักเขม้นแล้วจึงก้าวออกจากร้าน...เขาแค่คิดว่า ทงแฮจะหันมาส่งยิ้มให้เขาก่อนพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ แต่ก็ไม่ เจ้าตัวยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป โดยไม่สนใจเขา
คิบอมกลับขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากร้านนี้ไปประมาณสองช่วงตึกเห็นจะได้ เขาขับรถออกไปอย่างไม่เร่งรีบ จวนจะถึงชานเมืองอยู่แล้ว แต่เขาก็เปลี่ยนใจ ทิศทางของรถถูกเปลี่ยนกะทันหัน มันขับพุ่งตรงไปยังทางเดิมที่จากมา
เขาจอดรถไว้ฝั่งตรงข้ามของร้าน แล้ววิ่งเหยาะๆข้ามถนนสองเลน แต่ป้ายหน้าร้านบอกว่าร้านปิดไปแล้ว เขาขบคิดอยู่ครู่ ก่อนจะวิ่งอ้อมไปด้านหลังร้าน
“ขอโทษนะคะ ร้านของเราปิดแล้วค่ะ” พนักงานสาวรุ่นคนหนึ่งกล่าวกับเขา เมื่อเขาเดินผ่านประตูหลังเข้าไปด้านใน เธอกำลังเก็บแก้วและจานใส่เค้กเข้าตู้ เขาเดาว่าเธอคงเป็นพนักงานของร้านนี้ แต่ไม่ได้มีหน้าที่เสิร์ฟ
“อ้อ..ครับ ผมรู้...ทงแฮกลับรึยังครับ?” คิบอมกล่าวเว้นวรรคแต่ละประโยคนานพอสมควร พนักงานหญิงคนนั้นสีหน้ากระจ่างขึ้น ก่อนจะคลี่ยิ้มเป็นมิตร
“เป็นเพื่อนทงแฮเหรอค่ะ แหม ไม่ยักรู้ว่าทงแฮมีเพื่อนหล่อขนาดนี้ด้วย” หญิงสาวยิ้มหวาน ตบท้ายด้วยหัวเราะเสียงใส คิบอมยิ้มตอบตามมารยาท พอจะรู้ว่าที่เจ้าหล่อนพูดไม่ได้จริงจังอะไร
“ทงแฮกลับไปแล้วล่ะค่ะ สักสิบนาทีได้ มีเรื่องสำคัญอะไรจะฝากไว้ก่อนก็ได้นะคะ” หญิงสาวคนเดิมตอบ หล่อนปิดตู้เบาๆ แล้วเดินมาคุยด้วยแบบเป็นกิจจะลักษณะขึ้น
“เอ่อ..ธุระฯสำคัญ...แล้วก็ ด่วนมากด้วยครับ คุณพอจะมีที่อยู่ของทงแฮมั๊ยครับ?” คิบอมเลียบเคียงถาม เจ้าหล่อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มหวานอีกรอบ
“มีค่ะ รอสักครู่นะคะ” คิบอมพยักหน้ารับ มองหญิงสาวผลุบหายเข้าไปด้านหลังห้องอีกห้อง ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกระดาษใบเล็กในมือ
“นี่ค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ” คิบอมรับกระดาษแล้วกล่าวขอบคุณ รู้สึกดีใจลึกๆอย่างบอกไม่ถูก เขารีบขอตัวเพื่อตรงไปยังบ้างของทงแฮตามที่อยู่ที่ได้มาทันที ร่างสูงขับรถไปตามเส้นทาง
หลังจากขับรถมาได้ไม่นาน คิบอมก็เผยยิ้ม ทงแฮเดินอยู่ริมทางห่างไปไม่ไกล เขาเตรียมเหยียบคันเร่ง เพื่อเคลื่อนรถไปใกล้ แต่ก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน เมื่อเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่ง โผล่ออกมาจากซอกตึกแถวนั้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ตัดสินใจจอดรถริมฟุตบาททันที เขาลงจากรถ ตามสะกดรอยทั้งสองอยู่ห่างๆ ชายคนนั้นสวมชุดลำลอง ไม่เป็นที่น่าสังเกต แต่เขาเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ชัดเลย
เขารีบหลบเมื่อทงแฮชะงักฝีเท้าและมองไปรอบๆอย่างสงสัย ผู้ชายคนนั้นก็หลบทงแฮเช่นกัน คิบอมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาดีแน่ๆ
เขาสะกดรอยตามอีกรอบ เมื่อทงแฮเริ่มออกเดินอีกครั้ง ชายคนนั้นก็ออกจากที่ซ่อนเช่นกัน เขาเห็นชายคนนั้นสาวเท้าเข้าใกล้ทงแฮมากขึ้น เขายังอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนา
ชายคนนั้นคงเรียกทงแฮ เจ้าตัวหันกลับมามอง และจังหวะนั้นสันมือก็ฟาดลงที่ต้นคอทันที เขาขมวดคิ้วเน้น พยายามเดินเข้าใกล้ให้เงียบที่สุด เพื่อไม่ให้คนร้ายรู้ตัว เขาเห็นทงแฮเริ่มเซ ดวงตาทอประกายกึ่งกล้ากึ่งกลัว แต่ยังควบคุมสติได้ ทงแฮโต้ตอบกับชายคนนั้นสองสามประโยค ก่อนจะทรุดลงกองกับพื้น
ชายคนนั้นยอตัวนั่งยองๆข้างๆทงแฮที่สลบไปแล้วช้าๆ คงจะนึกว่าแถวนี้เปลี่ยว ปลอดคน จึงไม่เร่งรีบเท่าที่ควรจะเป็น แต่ก่อนที่ชายคนนั้นจะสอดมือเข้าใต้ลำตัวทงแฮ เขาก็พุ่งตัววิ่งเข้าหาทันที
“บ้าฉิบ!!” คิบอมสถบอย่างหัวเสีย ชายคนนั้นวิ่งหนีไปได้ก่อนที่เขาจะตะครุบตัวทัน ชายหนุ่มลังเลที่จะวิ่งตาม เขาอยากจับตัวคนร้าย แต่เขาก็ปล่อยทงแฮให้นอนสลบอยู่อย่างนี้ไม่ได้ เขาตัดสินใจช้อนตัวทงแฮขึ้น อุ้มไปที่รถและพากลับไปที่ห้องพักทันที
คิบอมพาทงแฮขึ้นมาถึงห้องพักอย่างรวดเร็ว เขาลองเสี่ยงสุ่มพาทงแฮเข้ามาที่ห้องที่อยู่ใกล้มือที่สุดก่อน และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อห้องนี้มีรูปอาร์ตๆ รูปวิว แปะอยู่มากมาย แต่ที่น่าประหลาดใจที่สุด ก็คงจะเป็นความไร้ระเบียบของห้องนี่ล่ะ
คิบอมวางทงแฮลงบนเตียงอย่างเบามือ ทั้งๆที่รู้ว่าต่อให้ตนโยนลงไป ทงแฮก็ไม่ตื่นขึ้นมาโวยวายแน่ เขาลากเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ๆมาข้างเตียง นั่งลงและจ้องมองทงแฮอยู่อย่างนั้น นาฬิกาพาเวลาหมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ นานแค่ไหนเขาก็ไม่อาจทราบ รู้สึกตัวอีกที ก็ทุ่มกว่าเสียแล้ว เขาลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปด้านนอกและกดโทรศัพท์หาเพื่อนซี้ทันที
[ว่าไงคิบอม?]
“ฉันคงเข้าไปที่บ้านไม่ได้ เมื่อเย็นทงแฮถูกคนลอบทำร้าย ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย”
[อะไรนะ!?]
“ฉันจะอยู่เฝ้าเขาที่บ้านคืนนี้ ยังไงนายอย่าเพิ่งรีบบอกอีทึกล่ะ ฉันกลัวเขาไม่สบายใจ”
[อืม..ฝากนายด้วยแล้วกัน] ฮันกยอกวางสายไปแล้ว ชายหนุ่มเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋า แม้จะเป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้ว เขาก็ยังไม่รู้สึกหิว นั่นคงเป็นเพราะเขากินเค้กมาแน่ๆ
คิบอมเดินสำรวจที่พักอย่างถือวิสาสะ ยังไงซะงานสืบข้อมูลของอีทึกก็ยังเป็นงานของเขาอยู่ เขาไล่สายตามองห้องนั่งเล่นโทนสีเบจสบายตา ตกแต่งอย่างง่ายๆ มีรูปภาพสองสามรูปประดับฝาผนังดูไม่โล่งตานัก เขาสาวเท้าเข้าไปพินิจรูปวิวเขียนสีน้ำมัน เขาดูไม่ออกหรอกว่ารูปนี้ลายเส้นดีหรือไม่ แต่เขาก็ชอบความเป็นธรรมชาติของมัน คิบอมไล่สายตาไปยังด้านล่างภาพที่มีชื่อเขียนอยู่ ร่างสูงเลิกคิ้วนิดๆ
ฝีมือลี ทงแฮหรอกเหรอเนี้ย?
เขาเดินดูรูปที่เหลือ และเห็นว่าเป็นฝีมือทงแฮทั้งหมด คราวนี้ร่างสูงเบนความสนใจไปยังประตูห้องอีกห้อง เขาลังเลอยู่ครู่ใหญ่ว่าจะเข้าไปดูดีหรือไม่ ร่างสูงถอนหายใจ ผละออกห่างประตูบานนั้น นึกสงสัยตัวเองว่าวันนี้เลือดความดีมีมากผิดปกติหรืออย่างไร?
เขาเดินกลับไปยังห้องทงแฮอีกครั้ง เท้าหนาเผลอเหยียบดินสอไม้เข้า เล่นเอาเขาเกือบหน้าทิ่ม คราวนี้เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ บางทีเขาคงต้องเก็บกวาดห้องเสียใหม่ จะได้ไม่สะดุดล้มสลบตามเจ้าของห้องไปอีกคน
อีกกว่าชั่วโมงถัดมา ห้องทั้งห้องก็สะอาดเอี่ยม ข้าวของที่เคยระเกะระกะถูกจัดใหม่ให้เข้าที่เข้าทางจนไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น ไม่เว้นกระทั้งโต๊ะ ตู้ คิบอมจัดการเก็บจนเรียบร้อย เหตุผลหนึ่งที่เขาทำแบบนั้น เป็นเพราะเขาไม่อยากปล่อยเวลานั่งเฝ้าทงแฮให้ผ่านไปเฉยๆ แม้เขาจะจัดห้องเสียงดังกุกกัก แต่เจ้าของห้องก็ไม่มีท่าทีจะตื่น ซ้ำการจัดของยังกินเวลามากกว่าที่เขาคิดไว้ ถ้าจะหาตัวคนผิด ก็คงต้องโทษคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เพราะนั่นคือสาเหตุที่ทำให้สมาธิของเขาแตกกระจาย
...เขาก็เพิ่งจะรู้ว่าทงแฮมีอิทธิพลต่อเขามากขนาดนี้...
คิบอมหอบเหนื่อย หลังจากหยิบหนังสือเล่มสุดท้ายเข้าชั้น ระหว่างการเก็บข้าวของ เขาเห็นรูปครอบครัวของทงแฮ พวกเขาดูมีฐานะพอสมควร จึงไม่แปลกใจเลย ที่จะกีดกันไม่ให้ทงแฮเรียนวาดภาพ คิบอมมองเสี้ยวหน้าเจ้าของห้องเป็นรอบที่...ร้อยน่าจะได้ เนื้อตัวเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ บางทีเขาคงต้องยืมชุดของทงแฮชั่วคราวแล้วล่ะ
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยขออนุญาตเจ้าของ(ที่สลบอยู่บนเตียง)เรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม นั่งจ้องมองทงแฮเหมือนเดิม คืนนั้นทงแฮละเมอบ่อยๆ แต่ฟังไม่เป็นภาษา เป็นสาเหตุให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตลอดทั้งคืน
ครืด ครืด~
โทรศัพท์เครื่องบางที่สั่นอยู่ในกระเป๋า เรียกความคิดของคิบอมให้กลับสู่ปัจจุบันอย่างรวดเร็ว
“คิบอมพูด” เบอร์ปลายสายคือฮันกยอก สาเหตุที่เขาต้องบอกชื่อตนก่อน เพื่อเป็นการยืนยันว่าตนคือคิบอมจริงๆ เป็นการรักษาความปลอดภัยในอีกรูปแบบหนึ่ง
[สายๆฉันจะเข้าไป ทงแฮฟื้นรึยัง?] คิบอมมองหน้าผู้ถูกถามถึง
“ยังเลย”
[...งั้นเหรอ นายอยากได้อะไรรึเปล่า?]
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจ”
[อืม...งั้นไว้เจอกัน]
“โอเค” คิบอมเก็บโทรศัพท์ ร่างสูงกลับเข้าสู่กิจวัตรเดิมอีกครั้ง นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วจ้องมองทงแฮ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในเช้าวันนี้ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่ในความคิดของอีทึก ซองมินที่เมื่อวานยังทำหน้าขึงขัง บูดบึ้งอย่างคนอารมณ์ไม่ดี เช้านี้กลับกลายเป็นคนละคน ชายหนุ่มคุยจ้อกับทุกคนอย่างสนุกสนาน ไม่เว้นกระทั่งตัวเขาเอง อีทึกสังเกตที่มาของอารมณ์อันชื่นมื่นนั้นได้ว่า เป็นเพราะเจ้าหนุ่มคยูฮยอนไม่ได้มาร่วมวงอาหาร เพราะออกไปทำธุระฯข้างนอกแต่เช้า
“พี่ว่าผมเหมือนทงแฮงั้นเหรอ?” ซองมินเลิกคิ้วสูง ทำหน้าสงสัยแบบตลกๆ
“ใช่ เหมือนมากเลย ทงแฮเขาเด็กไฮเปอร์ ช่างจ้อ คุยได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ” อีทึกเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม พูดถึงทงแฮแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ตั้งแต่รู้ข่าวเมื่อคืน เขาก็ยังไม่ได้คุยกับทางโน้นแบบเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
เมื่อเช้าตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็แทบกระโจนไปตะครุบโทรศัพท์เป็นอย่างแรก กดเบอร์ทงแฮอย่างรวดเร็ว แต่ฝ่ายนั้นกลับปิดเครื่อง รีบอาบน้ำแต่งตัว เคาะประตูเรียกเจ้าบ้านอยู่นานสองนานเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ของคิบอม แต่ฝ่ายนั้นกลับตอบสั้นๆเพียงว่า...
“กินข้าวแล้ว ฉันจะพาไป”
แต่ดูจากอาหารและความสนุกสนานบนโต๊ะแล้ว เขารู้สึกว่าคงอีกกว่าชั่วโมง การรับประทานอาหารถึงจะเสร็จสิ้น เขาชักจะสงสัยอยู่หน่อยๆแล้วว่า พวกนักธุรกิจนี้วันๆเขาไม่ทำอะไรกันเลยหรืออย่างไร?
“แล้วทงแฮนี้เขาอายุเท่าผมด้วยรึเปล่าฮะ? หน้าตาเป็นยังไงอ่ะ? แล้วเขาเรียนอยู่ที่ไหน? ทำงานรึยัง?” ซองมินใส่มาเป็นชุด อีทึกเริ่มรู้สึกว่า เขาคงจะให้ข้อมูลอันน่าสนใจของทงแฮมากไป เลยทำให้ซองมินเกิดสนใจกะทันหัน
“ถ้าอยากรู้นักก็รีบกินเข้า เดี๋ยวจะได้รีบไป” ยังไม่ทันที่อีทึกจะเอ่ยปากตอบ เสียงเรียบๆของเจ้าบ้านก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ไปไหนฮะ?” ซองมินทำหน้างง
“หาลี ทงแฮไง นายอยากรู้จักเขานักไม่ใช่เหรอ?” คนตอบยังเป็นคนเดิม ซองมินตาโต
“แต่ผมมีประชุมตอนสิบเอ็ดโมงนะฮะ”
“ถึงบอกให้นายรีบกินไง” ซองมินทำหน้าเข้าใจ คุยกับคนอื่นๆน้อยลง ตั้งหน้าตั้งตากินมากขึ้น จนอีทึกอดยิ้มไม่ได้ ...นิสัยเด็กๆแบบทงแฮ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้บริหารของราชสีห์ได้
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็นั่งประจำที่ที่รถเรียบร้อย รถทุกคันของที่นี้เหมือนกันแทบทั้งหมด มีต่างกันบ้างที่ยี่ห้อ แต่โดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะข้างนอกหรือข้างในก็เหมือนกันอย่างกับแกะ
ฮันกยอกออกคำสั่งให้เขานั่งเบาะหลังคู่กัน โดยมีเยซองเป็นสารถี ส่วนซองมิน บอกว่าจะเอารถส่วนตัวไปเองเพราะมีงานต่อ รถห้าคันเคลื่อนที่ออกจากคฤหาสน์ช้าๆ สองคันเป็นรถของนายใหญ่และนายเล็ก ส่วนที่เหลือเป็นรถของบอดี้การ์ดทั้งสิ้น และวันนี้อีทึกก็ยังเห็นเวรยามแน่นหนาเช่นเดิม
“คิ้วนายมันเป็นอย่างนั้นตั้งแต่เกิดเลยหรือไง?” อีทึกหันขวับไปมองคนข้างๆ คิ้วคมของอีกฝ่ายเลิกขึ้นสูง ใบหน้าคมคายนั้นยังคงความมีอำนาจและความยียวนเอาไว้เช่นเดิม อีทึกพ่นลมหายใจ ไม่ได้โต้ตอบคารมของเขา
“...มือไปโดนอะไรมา?” ฮันกยอกเอ่ยถาม น้ำเสียงดูจริงจังกว่าเมื่อครู่นี้ แต่ก็เพียงนิดหน่อยเท่านั้น อีทึกมองมือที่ถูกพันด้วยผ้า แล้วดึงมันเข้ามาอยู่ใต้อีกมือหนึ่ง เขาพันมันเองกับมือ ...ถึงสภาพมันจะดูไม่เหมือนการพันแผลที่ถูกต้องสักเท่าไหร่ก็เถอะ...
อันที่จริงแล้ว เมื่อวานเขาใช้ผ้าก๊อสปิดที่ฝ่ามือเฉยๆ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นมัน แม้แต่เขายังลืมสนใจเลย แต่เพราะการเข้าทดสอบฝีมือกับอารมณ์โกรธเมื่อวาน เลยทำให้แผลที่ดีขึ้นแล้วแย่ลง
“อุบัติเหตุนิดหน่อย” อีทึกตอบปลายเสียงห้วน ฮันกยอกเลิกคิ้วนิดๆ
“เพราะทดสอบเมื่อวานรึเปล่า?”
“ก็มีส่วน”
“มีส่วน...” ฮันกยอกทวนคำแล้วเงียบไปครู่ใหญ่ ไม่นานใบหน้าคมก็กระจ่างขึ้น
“...ไอ้มีดที่นายกำวันนั้นใช่มั๊ย?” ฮันกยอกเลียบเคียงถาม มีแววขบขันในน้ำเสียง
“...” อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เขาสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไป ...แบบนี้ข้อสันนิษฐานของเขาถูกชัวร์...
“หลายวันแล้ว ยังไม่หายอีกเหรอ? ...ท่าจะลึกน่าดู” อีทึกหันมาทำตาดุใส่อย่างลืมตัว อีกฝ่ายแต้มยิ้มพร้อมหัวเราะหึๆในลำคอ มือหนาเอื้อมมาคว้าข้อมือบางอย่างถือวิสาสะ
“ทำอะไร?” อีทึกถามเสียงขุ่น พยายามดึงข้อมือของตนออกจากอุ้งมือร้อน แต่การกระทำก็ดูไร้ผล
“เฉยๆเถอะ” อีกฝ่ายปรามเสียงเข้มขึ้น
“ไอ้บททดสอบเมื่อวานนายก็ออกจะทำได้ดีไม่มีที่ติ กะอีแค่พันแผลให้สวยๆนี่ ไม่มีใครเขาสอนมาเลยรึไงนะ?” คนพูดคนเดิมกล่าวน้ำเสียงอ่อนลง มือหนาเริ่มลงมือแกะผ้าพันแผลเป๋ๆออก แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ละความพยายามที่จะดึงมือออก
“เฉยๆเถอะ นั่นมือฉันนะ” อีทึกตอกกลับคำเดิม แม้จะรู้สึกอายกับฝีมือพันแผลที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลยของตัวเอง แต่ก็ไม่เลิกทำหน้าดุ
“คนที่เฉยๆน่าจะเป็นนายมากกว่า...ฝีมือนายแย่ยิ่งกว่าซองมินซะอีก” อีกฝ่ายกระชากข้อมือบางเข้าหาตัวจนอีกฝ่ายเซ อีทึกต้องจำยอมอยู่นิ่งอย่างช่วยไม่ได้ ตาเรียวจ้องมองอีกฝ่ายแกะผ้าพันแผลออกจนหมด เห็นผ้าก๊อซสีขาวที่แปะอยู่กลางฝ่ามือ มีเลือดซึมปะปนกับทิงเจอร์ที่เขาใส่
อีทึกลอบมองเสี้ยวหน้าคม ฮันกยอกยังไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาเริ่มต้นพันแผลด้วยใบหน้าปกติ ใบหน้าคมที่นิ่งสนิท บวกกับสายตาวาววับ ดูมีเสน่ห์เหลือร้าย คำพูดประหลาดที่ฮันกยอกพูดเมื่อคืนแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“นายก็บอกง่ายหนิ ทำตัวเชื่องๆ เชื่อง่ายๆแบบนี้ ค่อยดูน่ารักขึ้นหน่อย”
ส่งผลให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาแปลกๆบางอย่าง อีทึกร้องค้านอาการนั้นในใจ
‘ให้ตายสิ! เขาจะไปชื่นชมในเสน่ห์แห่งบุรุษของฮันกยอกทำไม? เขาเป็นผู้ชาย เขาควรจะชื่นชมเสน่ห์แห่งนารีที่เย้ายวนนั่นมากกว่า’
และเพียงครู่สั้นๆ การพันแผลก็เสร็จสิ้น อีทึกยอมรับเงียบๆในใจเมื่ออีกฝ่ายส่งมือคืนให้ว่า ฮันกยอกพันแผลได้ดูดีราวทงแฮมานั่งพันให้เอง
“เป็นไงล่ะ ฝีมือนายเทียบไม่ติดเลยล่ะสิ” อีทึกส่งสายตาขุ่นๆให้คนข้างๆอีกรอบ แต่ฝ่ายนั้นกลับยกยิ้มกริ่มขำๆ
เยซองเหลือบมองเหตุการณ์ที่เบาะหลังจากกระจกมองหลังแล้วลอบถอยใจ เขาก็มีตัวตนอยู่ตรงนี้เหมือนกันนะคิดว่า...
เยซองเห็นบอดี้การ์ดคนใหม่หันหน้าหนีไปมองหน้าต่างใบหน้าหวานนิ่งสนิทแต่ผิวแก้มแต้มสีบางๆ ส่วนเพื่อนซี้ที่มีศักดิ์เป็นเจ้านาย กำลังมองอีกคนพร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ เขาดึงสายตากลับมาที่ถนนอีกครั้ง... คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
...หวังว่า กงล้อแห่งเวลาจะไม่พาอดีตย้อนกลับมาเป็นปัจจุบัน ในเวลานี้หรอกนะ...
รถสีดำห้าคันจอดสนิทด้านข้างที่พักของทงแฮในเวลาไล่เลี่ยกัน อีทึกผลุบออกจากรถเป็นคนแรก ขาเรียวก้าวยาวๆตรงไปยังห้องพักของตนซึ่งอยู่ชั้น 4 อย่างรวดเร็ว ทิ้งให้แขกคนสำคัญเร่งฝีเท้าตามกันเอง
ก๊อกๆๆ
หลังมือรัวเคาะประตูไม้สีอ่อนที่ตนคุ้นเคย ไม่นานนัก มันก็ถูกเปิดออกให้เห็นใบหน้านิ่งแต่ดูอิดโรย อีทึกยกยิ้มบางๆให้อย่างเร่งรีบ แล้วผละไปที่ห้องของทงแฮทันที
ใบหน้าคนที่คุ้นเคยยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงของตน แม้เวลาจะปาเข้าไปเกือบสิบโมงแล้วก็ตาม อีทึกทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง มือบางยกขึ้นแตะหน้าผากมนของอีกฝ่ายเบาๆอย่างห่วงใย
เขานั่งอยู่ตรงนั้นเพียงครู่เดียว ก็ลุกขึ้นยืน พอดีกับผู้มาเยือนเปิดประตูเข้ามา ไม่มีใครพูดอะไร ฮันกยอกเหลือบมองทงแฮที่อยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้เดินเข้าไปเยี่ยมใกล้ๆ แต่เบี่ยงตัวหลบให้ซองมินและเยซองเข้าไปแทน ส่วนเขา ปิดประตูและก้าวตามเจ้าบ้านอีกคนไปที่ห้องนั่งเล่น
“เรื่องมันมาเป็นยังไงคิบอม?” ฮันกยอกทรุดนั่งลงบนโซฟา ข้างๆเพื่อนซี้ ส่วนเจ้าบ้าน นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวเยื้องออกไป
คิบอมเล่าเหตุการณ์ให้อีทึกและฮันกยอกฟัง เพราะทำงานในวงการ การเล่าเรื่องของคิบอมจึงเป็นไปอย่างรวบรัด แต่ล้วนเป็นใจความสำคัญทั้งสิ้น อีทึกฟังไปด้วยขบคิดในใจไปด้วย
“...จากนั้นผมก็พาทงแฮมาที่ห้อง แค่นี้ล่ะ” อีทึกพยักหน้าช้าๆ
“ขอบใจมากคิบอม ถ้าไม่มีคุณ ป่านนี้ทงแฮจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” อีทึกคลี่ยิ้มขอบคุณ แต่ใบหน้ายังเคร่งเครียดอยู่เช่นเดิม
“ไม่เป็นไร” คิบอมกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มเครียดเช่นกัน อีทึกพยักหน้ารับ สังเกตเห็นชุดคุ้นตาที่คิบอมสวมอยู่
“คุณไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดห้องทงแฮเลย แค่นี้คุณก็ช่วยมากพออยู่แล้ว คงเหนื่อยน่าดู” คิบอมยิ้มเขินนิดหน่อย แล้วตอบว่าไม่เป็นไร ส่วนฮันกยอกนั้น นั่งฟังแบบไม่รู้เรื่อง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นบ้าง
“แล้วพอจะรู้มั๊ย ว่าใครเป็นคนทำ?” อีทึกส่ายหัวน้อยๆ ห้องนั่งเล่นตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เมื่อแต่ละคนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“พี่อีทึกครับ! ทงแฮตื่นแล้วครับ!” ซองมินโผล่หัวออกมาจากประตูห้อง ร้องเรียกเจ้าบ้านด้วยน้ำเสียงสุดตื่นเต้น ทั้งสามแทบจะถลาไปที่ประตูพร้อมๆกัน
“ทงแฮ!” อีทึกนั่งลงบนเตียงข้างๆทงแฮที่สลึมสลือ
“...พี่..อีทึก” ทงแฮคลี่ยิ้ม กอดตอบพี่ชายต่างสายเลือดที่โน้มตัวลงมากอดตน ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นคนยืนอยู่ในห้องตนเต็มห้อง ทงแฮเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ปวดจี๊ดที่ต้นคอกะทันหัน
“โอ๊ย!”
“อย่าเพิ่งขยับสิ นายหลับไปตั้งนาน ...มองหน้าฉันนะ ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” อีทึกจับใบหน้าเรียวของทงแฮให้หันมองตน ทงแฮทำหน้างง
“ก็...มึนๆนิดหน่อย แล้วก็ ปวดคอนิดๆด้วย...แล้วผมมาอยู่ที่นี้ได้ไงฮะ? แล้วนั่นใคร?” ทงแฮขยับใบหน้าเข้าใกล้อีทึก แล้วกระซิบเบาๆ
“คุณคิบอม!?...คุณฮันกยอก!?” ตากลมโตขึ้นเมื่อเห็นคิบอมยืนอยู่ที่ข้างเตียงด้วย ข้างๆก็คือฮันกยอก คนที่เขารู้จักในฐานะ เพื่อนฮีชอล ส่วนอีกสองคนที่ยืนข้างเตียงอีกฝั่ง เขาไม่รู้จัก..
“คุณ...ซองมิน! ลี ซองมิน!?” ทงแฮเบิกตากว้างกว่าเดิม เมื่อนึกใบหน้าหนึ่งในสองคนนั้นออก คนที่ถูกจำได้ ทำหน้าลิงโลดแบบดีใจสุดๆ
‘โอ้ว!...นั่นนักธุรกิจดังที่ออกทีวีบ่อยๆไม่ใช่เหรอ? มาอยู่ที่ห้องเขาได้ยังไง? เขาต้องฝันไปแล้วแน่ๆ!!’
“นายรู้จักเขาทุกคนแล้วหนิ คนสุดท้ายนั่น เยซอง คิบอมช่วยนายไว้ นายน่าจะขอบคุณเขา” อีทึกแนะนำ เยซองโค้งเล็กๆ ทงแฮก้มหัวให้คืนแบบประหลาดใจจนหัวแทบชิดเตียง แล้วกล่าวขอบคุณคิบอมด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ
“นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รีบๆไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เราจะรอฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ข้างนอก เร็วด้วยล่ะ” อีทึกตบบ่าทงแฮที่ยังตาค้างอยู่ ลุกจากเตียงเดินนำออกไปก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆ
ไม่นานเกินรอ ทงแฮก็ออกมาจากห้องด้วยสีหน้าสดชื่นกว่าเดิมมาก แววตาเป็นประกายอย่างคนมีความฝันช่วยยืนยันกับอีทึกว่าเจ้าตัวหายดีแล้วแน่นอน
“เอ่อ...เขินจังเลย” ทงแฮยอมรับ เดินตัวลีบไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวที่ว่างอยู่ท่ามกลางสายตาของทุกคน
“ฉันรอฟังอยู่ทงแฮ เล่ามา” อีทึกเอ่ยบอกสีหน้าจริงจัง ทงแฮเบิกตากว้าง แล้วเริ่มเล่าอย่างออกรส ตั้งแต่ต้นจนจบ และตบท้ายด้วยว่า...
“ผมไม่รู้หรอกนะฮะ ว่ามันเป็นใคร แต่หน้ามันงี้ ผมจำได้ขึ้นใจเลย ดีนะที่ผมเก่ง โถ่! ผมโดนสับที่คอจนมึน ผมยังจะต่อยมันได้เลย!” ทงแฮทำหน้าขึงขัง แล้วทำท่าแย๊บยืนยัน แต่เมื่อสบตากับอีทึกก็ต้องกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเหมือนเดิม
“ทงแฮนี่ตลกจังนะครับ! คุยเก่งเหมือนพี่อีทึกว่าเลย” ซองมินกล่าวขัดบรรยากาศเครียดๆด้วยน้ำเสียงสดใส ใบหน้าหวานแต้มยิ้มขณะพูดช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นบ้าง
“ไม่ยักรู้ว่าคุณซองมินรู้จักพี่อีทึกด้วย ผมเคยเห็นคุณในทีวีบ่อยๆ คุณดูเก่งมากทั้งๆที่ยังเด็กอยู่ สุดยอดไปเลย!” ทงแฮกล่าวชื่นชม ซองมินยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ก็พี่อีทึกเป็น..”
“ซองมิน” ซองมินทำท่าจะคุยจ้อก็ต้องชะงักกะทันหัน เมื่อพี่ชายเรียกขัดไว้เสียก่อน ซองมินสบตาพี่ชายแล้วพยักหน้ารับ
“ครับๆ ไม่พูด”
“ทงแฮ” ผู้ถูกเรียกหันมองพร้อมเลิกคิ้วสูง
“นายว่านายจำหน้าคนร้ายได้แม่นใช่มั๊ย?” อีทึกเอ่ยถาม แววตาประกายวาวโรจน์ชัดเจน ทงแฮพยักหน้ารับหนักแน่น
“ครับ!”
“งั้นช่วยวาดให้ฉันดูหน่อย เดี๋ยวนี้เลย”
++++++++++++++++++++++
^^ ไรเตอร์สุดสวยมาแล้วค่ะ โฮะๆ! พักนี้สมองตันๆ ฟิคเลยออกจะตันเหมือนสมอง T^T พาสนี้ฮัน-ทึกจิ้นกันไป เห็นเย่อยู่ในสายตากันมั้งเหอะ! ^o^
โปรดสังเกตชื่อตอน! ยาวมาก! -_-^ ไรเตอร์เริ่มตันกะชื่อตอน เฮอๆ กราบขออภัย ^^
ไรเตอร์กำลังคลั่งนู๋โจวอย่างแรง! น่ารักได้ร้ายกาจที่สุด! >.< SORRY SORRY เนื้อเพลงกระชากใจมั่กมาก! ^o^ ดูไลฟ์มากๆจะเป็นลม ความหล่อกัดกินหัวใจ ฮ่าฮ่า >> ขออภัย ไรเตอร์บ้าผู้ชายนิดหน่อย (ไม่หน่อยแล้วล่ะแบบนี้ -_-^)
ตอนต่อไป!...ตัวละครจะใหม่โผล่อีกแล้ว! โฮะๆ ตัวละครตัวนี้ มีบทบาททีเดียว บอกได้คำเดียวว่าแรง!! (โม้! ไม่แรงขนาดนั้นซะหน่อย =[]=^) จะเป็นใคร ต้องติดตาม! ^o^ (ได้ข่าวว่านังไรเตอร์ยังแต่งไม่จบตอนเลย -_-^^)
ตอบเม้นกันนิสนึง!
คห.94 > งืมๆ สาเหตุที่ทึกวางรูปทงแฮไว้หัวเตียง ก็เพราะ...ทึกคิดถึงด๊องไง ^^ ตอนไปยุกะฮัน ทึกเอารูปด๊องไปด้วย และที่วางหัวเตียงเพราะ...ไรเตอร์อยากให้มันวางไว้ตรงนั้น 55+ ส่วนอดีตอันเลวร้าย (?) ของฮันกะนู๋โจว ขออุบไว้ก่อนแล้วกัน ^-^
คห. 95 > โอ้ว! คำถามเยอะมาก ฮ่าฮ่า ห้องใคร?...เดี๋ยวก็รู้ค่ะ อดีตป๋า..งืมๆ เจ็บปวด! ใครทำร้ายยด๊อง ..เดี๋ยวก็รู้ มันมีเหตุค่ะ ^^
คห. 96+99+102 > ^-^ อ่า ต้องติดตามค่ะ
คห. 97 > อัพแล้วจ้า~ ^^
คห. 98 > ^^ คนในรูป คือ!....เจ้าของห้องคนเก่า ฮ่า! (อย่าเพิ่งอาฆาตไรเตอร์สิ T^T) คยูย่องเข้าไป มันห้องไรเตอร์เองค่ะ (อ๊าง! ไรเตอร์เจอกระทืบ) ห้องของนู๋มินแน่นอนยุแล้ว! อดีต..ต้องติดตาม ย้ำๆ เจ็บปวด! ฮัน-ทึก หวานขึ้น....นิดนึง 55+
คห. 100 > ฮ่าฮ่า ผู้ติดตาม NC คนที่สอง ยังมิเลิกขอ NC อีกเช่นเคย อ่า...ใช่ๆ ถ้ารู้ตัวคนร้ายแล้วช่วยเอาปืนไปยิงมันที โฮะๆ ไปไกลถึงดาวอังคารเลยรึเนี้ย!? โฮะๆ ติดตามต่อไปค่ะ ^^
คห. 101 > โอ้ว! อินเตอร์ 55+ ขอบคุณที่ชอบค่ะ ติดตามกันต่อไป ^-^
คห. 103 > กี๊สส! เม้นสีเขียวด้วยง่ะ! ชอบ 55+ ถ้าคุณเพื่อนปิ๊งอยากรู้ก็ต้องเข้ามาอ่านบ่อยๆ เข้าใจ๊!? ^-^
คห. 104+106 > ขอบคุณค่ะ ไรเตอร์พยายามปั่นอยู่ ติดตามกันต่อไปนะค่ะ ^o^
คห. 105 > แหมๆ ยุกันเหลือเกิน เอิ๊กๆ
คห. 107 > ตอนละตั้ง 9-10 หน้าเวิร์ด แถมเป็นเวิร์ดที่ไรเตอร์ขยายความกว้างเกินธรรมดาอีกต่างหาก T^T ก็แหมๆ กว่าจะปั่นได้แต่ละตอนช่างยากลำบาก ไรเตอร์จะพยายามปั่นแล้วกันนะค่ะ ^-^
To be Continue..
ความคิดเห็น