คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Bait
หนึ่งชีวิตคนเรา จะมีสักกี่ทางให้เลือกเดิน?
ถ้าหันซ้าย คือ เหวลึก หันขวา คือ สายน้ำเชี่ยวกราก
ตรงหน้า คือ ทะเลเพลิง หากถอยหลังกลับ ก็ต้องเจอกับ พายุเลือดห่าใหญ่
เป็นคุณ คุณจะเลือกเดินทางไหนล่ะ?
Chapter 1
ท่ามกลางความมืดมิดแห่งราตรีกาล ผู้คนต่างหลับใหลในห้วงนิมิต มีเพียงจันทราสีเหลืองนวลที่ยังเปล่งประกายแสงอ่อนๆ กับสายลมเอื่อยโบกพัดหยอกล้อกับแมกไม้ใหญ่น้อย
กริ๊ก!
หน้าต่างบานใหญ่ถูกสะเดาะให้เปิดออกอย่างง่ายดาย ฝีเท้าเงียบกริบย่างเท้าแผ่วเบาไปยังเป้าหมาย
ปุ๊!!
ชายชุดดำสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง ลั่นไกปืนเก็บเสียงของตนใส่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่มีโอกาสล่วงรู้ว่าพยามัจจุราชอ้าแขนรอรับเขาอยู่ ร่างที่นอนสงบนิ่งบนเตียงหรูหราขนาดใหญ่กระตุกเฮือกยามกระสุนพุงทะลุศีรษะเข้าจุดตายอย่างแม่นยำ ชายชุดดำมองดูเหยื่อซึ่งบัดนี้ไร้ลมหายใจ เหน็บเครื่องมือสังหารไว้ที่เอวโดยมีเสื้อโค้ทหนาสีดำตัวใหญ่คลุมทับอำพรางสายตาอีกชั้นหนึ่ง ตาเรียวที่หลับลงช้าๆพร้อมกับมือขวาแตะที่หน้าอกซ้าย
เครื่องมือสังหารผู้เจียมตน ขอสังเวยชีวิตที่แสนโสมมของชายผู้นี้ แด่พระยามัจจุราชผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล...
กรุ๊ง กริ๊ง!
“สวัสดีครับ Cool cake ยินดีต้อนรับครับ” พนักงานประจำเคาเตอร์โค้งต้อนรับลูกค้าพร้อมรอยยิ้ม
“ทงแฮ! เชิญลูกค้าคนสวยไปที่โต๊ะหน่อย!” เจ้าหนุ่มคนเดิมร้องเรียกพนักงานอีกคน ส่วนคุณลูกค้าที่ถูกหนุ่มหล่อยอซึ่งๆหน้าก็เขินกันเป็นแถว
“คราบบ พี่ฮีชอล...เชิญคราบคุณลูกค้าแสนสวย ลี ทงแฮ บริการสาวๆดีที่หนึ่งแน่นอนครับ!” ทงแฮผายมือเชิญกลุ่มลุกค้าผู้หญิง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักทางการค้าของร้าน ไปที่โต๊ะด้านในที่ยังว่างอยู่
ฮีชอลมองยิ้มๆ ลูกค้ากลุ่มหลักๆของร้านส่วนมากจะเป็นผู้หญิงวัยรุ่น รองลงมาก็วัยทำงาน จะมีผู้ชายมาบ้างก็ประปราย เนื่องจากร้าน Cool cake ที่มีเค้าเป็นผู้จัดการร้านนั้น พนักงานเสิร์ฟทั้งหมดของร้านเป็นผู้ชาย และหน้าตาดี ลูกค้าสาวๆจึงตรึมทุกวัน
“พี่ฮีชอล พี่อีทึกยังไม่มาอีกเหรอครับ ผมมือไม้จะพันกันหมดแล้ว” ทงแฮปาดเหงื่อออกจากใบหน้า ลูกค้าหญิงโต๊ะต่างๆพากันยกมือยกไม้แย่งกันเรียกบริกรรูปหล่อไปบริการตัวเอง
“อีกเดี๋ยวคงมา ..โน้นไง มาโน้นแล้ว” ฮีชอลพยักเพยิดไปยังพนักงานอีกคน ที่วิ่งออกมารับออเดอร์จากหลังร้าน
“ทงแฮค่ะ!! รับเมนูหน่อยค่ะ!” ทงแฮถอนหายใจเหนื่อยๆกับตัวเองก่อนปั้นหน้ายิ้มแย้ม แล้วรีบวิ่งไปรับเมนูจากลูกค้าสาว
“เฮ้ออ!! เหนื่อยเป็นบ้าเลย ผมว่าถ้าผมมาเสิร์ฟทุกวันนะ ผมต้อง*คางเหลืองตายแน่ๆ!” ทงแฮบ่นพร้อมกับยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
“อย่าบ่นให้มากนักทงแฮ นายดูอย่างอีทึกโน้นสิ ทำงานก็ทำเท่ากัน ไม่เห็นเขาบ่นอะไรเลย!” ฮีชอลชี้นิ้วไปยังอีทึกที่ก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดร้านหลังจากร้านปิด
“โถ่~ ผมกับพี่อีทึกเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ ผมน่ะเด็กหน้าตาดีที่แสนบอบบางนะครับ ไม่เคยไปฝึกวิทยายุทธที่วัดเส้าหลินมาเหมือนพี่อีทึกซะหน่อย”
“นายเคยไปฝึกวิทยายุทธที่วัดเส้าหลินด้วยเหรออีทึก?”
“นายเชื่อทงแฮมันด้วยเหรอ? นายก็รู้หมอนี่พิน็อกคิโอชัดๆ!” อีทึกเงยหน้าตอบทั้งๆที่มือยังคงถูพื้นอยู่
“นายอยากตายเหรอทงแฮ!?” ฮีชอลทำท่าจะขย้ำคอทงแฮจนผู้ถูกกระทำร้องย้ากยกมือขึ้นป้องกันตนเอง
“เมื่อคืนวานนี้ คิม ชองอัน นักธุรกิจรายใหญ่ถูกลอบสังหารที่คฤหาสน์หรู สภาพศพถูกจ่อยิงที่กลางศีรษะขณะหลับอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของตน ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจมีปมมาจากการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ จึงโดนมือปืนลอบสังหาร”
“อีกแล้วเหรอเนี้ย? เหมือนว่ายิ่งโลกเจริญไปเท่าไหร่ ความคิดของคนยิ่งถดถอยลงนะ ข่าวการฆ่ากันถึงมีเพิ่มขึ้นทุกวัน แถมยังดูเหมือนมันเป็นเรื่องที่ชาชินสำหรับสังคมไปแล้วซะด้วย” ทงแฮมองภาพในทีวีจอใหญ่ที่แขวนอยู่บนเพดาน แล้วส่ายหัวอย่างระอา
“นั่นสิ! ไม่รู้ว่าไอ้โจรพวกนั้นมันคิดฆ่าคนได้ยังไงนะ ในใจตอนมันกำลังลงมือคร่าวิญญาณเขา มันคิดอะไรอยู่? ว่ามั๊ย อีทึก?” คนถูกถามสะดุ้งเล็กๆ ก่อนพยักหน้าตอบไปตามเรื่อง
“โถ่ พี่ฮีชอล! ถามตัวพี่เองดีกว่า พี่ทำท่าจะฆ่าผมทุกวันอยู่แล้ว!”
“ไอ้ทงแฮ!!”
“อ้ากกก~!!”
“อะไรนะ!” เสียงทุ้มตวาดถามอย่างตกใจ
“คุณคิม ชองอันถูกลอบสังหาร เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนนี้ครับ”
“เราเสียลูกค้ารายใหญ่ไปอีกคนแล้วเหรอเนี่ย!” ชายหนุ่มหัวเสียกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เมื่ออาทิตย์ก่อนลูกค้าต่างชาติของเขาก็ถูกเก็บไปแล้วรายหนึ่ง นี่คิม ชองอันลูกค้ารายใหญ่อันดับต้นๆภายในประเทศก็ถูกเก็บอีก มันอะไรกันเนี่ย!!!
“แล้วการค้าล่ะ ยังราบรื่นดีอยู่มั๊ย!?”
“ครับท่าน”
“...บอกพวกเราระวังตัว ถ้ามีการสืบประวัตินายคิมเมื่อไหร่ ให้ถอนตัวและกำจัดหลักฐานทิ้งซะ อย่าให้สาวถึงตัวเรา”
“ครับท่าน”
“ไปได้แล้ว” ลูกน้องใต้บังคับบัญชาโค้งให้อย่างนอบน้อมแล้วนำคำสั่งไปปฏิบัติ ชายหนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับอย่างล้าๆ ธุรกิจผิดกฎหมายที่ทำเงินมหาศาลของเขาเริ่มสั่นคลอน เมื่อลูกค้ารายใหญ่ถึงสองรายถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น จนทำให้ลูกค้ารายใหญ่รายอื่นๆเริ่มหวั่นวิตกและขาดความเชื่อมั่น เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนั้นกลับคืนมาให้ได้!
ก๊อกๆ
“เชิญ”
“ท่านครับ ถึงเวลาแล้ว”
“อืม” ชายหนุ่มยันตัวลึกยืนเต็มความสูง ก้าวเท้ายาวอย่างภูมิฐานพร้อมกระชับสูทราคาแพงให้เข้าที่ ขายาวก้าวนำมือขวาและมือซ้ายไปยังพาหนะประจำ
รถคันหรูที่ได้รับการดัดแปลงให้มีความปลอดภัยสูงสุดจอดเทียบลงหน้าโรงแรมใหญ่ย่านใจกลางเมือง ชายหนุ่มก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดิม ขายาวพาตัวเองก้าวเข้าไปภายในห้องจัดเลี้ยง ภายในงานประดับประดาไปด้วยของตกแต่งที่หรูหราราคาแพง นี่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เขาต้องมาเจรจา
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่รุ่นราวคราวเดียวกันเดินเข้ามากล่าวทักทายด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม หากแต่ดูมีอำนาจ
“สวัสดีครับ ท่านประธานชอง” ชายหนุ่มยื่นมือมาแตะกันและขยับขึ้นลงเบาๆ
“ทางเรายินดีมากครับ ที่ได้ร่วมหุ้นกับเครือบริษัทราชสีห์ และที่ยินดีที่สุดเห็นจะเป็นได้ร่วมงานกับคุณนี่แหละครับ คุณฮันกยอง”
“ได้ยินชื่อเสียงด้านธุรกิจเพชรพลอยของคุณมานาน ผมยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับคุณ คุณชอง ยุนโฮ”
“หัวหน้าครับ ประธานชอยมาถึงแล้ว” มือขวาของฮันกยอกกระซิบเบาๆ ใบหน้าคมเคร่งขรึมขึ้นนิดหน่อยเมื่อได้ยินชื่อคู่อริทางธุรกิจ
“สวัสดีครับประธานชอง และประธานฮัน” ผู้มาใหม่กล่าวทักทายอย่างกันเอง
“ไม่นึกว่าประธานชอยจะมาร่วมงานด้วย” ฮันกยอกกล่าวตอบ แม้ท่าทางและน้ำเสียงจะดูเป็นมิตร หากแต่สายตาของทั้งสองไม่ได้บ่งบอกแบบนั้น
“ผมต้องมาอยู่แล้ว ผมจะกล้าพลาดอะไรดีๆได้อย่างไรล่ะ คุณฮันกยอก” ตาคมหรี่เล็กลงอย่างไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ
‘อะไรดีๆที่ว่า มันคืออะไร?’
พรึบ!!
ห้องกว้างตกอยู่ใต้ความมืด เมื่อไฟทุกดวงดับสนิท ทั้งมือขวาและมือซ้ายต่างขยับตัวตั้งรับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกเวลา ฉับพลันสปอร์ตไลท์หลากสีสันและเสียงดนตรีก็ดังขึ้น รวมทั้งนายแบบนางแบบที่เดินออกมาจากหลังเวทีให้ได้ยลโฉมเพชรพลอยน้ำดีจากเครือบริษัทชองจิวเวอรี่
อีกด้านหนึ่งของงาน อีทึกยืนอยู่หลังเงามืดของเสาโรมันต้นใหญ่ เพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นถึงการมีตัวตนของเขา จึงจำเป็นต้องหลบซ่อนตัวเองตลอดงาน หน้าที่ของเขาในวันนี้ คือ สังเกตการณ์ยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจ ฮันกยอก
ครืด ครืด~
เสียงเครื่องมือสื่อสารราคาแพงในกระเป๋าเสื้อ ทำให้เจ้าตัวต้องละสายตาจากเป้าหมายมาที่ข้อความอิเล็กทรอนิกส์แทน
‘คำสั่งงานเปลี่ยน เป้าหมายที่ 18 กำจัดประธานฮันซะ!’
อีทึกรีบเก็บเครื่องมือสื่อสารลงที่เดิม แต่...เป้าหมายของเขาหายไปเสียแล้ว ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาอย่างแนบเนียน พยายามสอดส่ายสายตาหาเป้าหมายที่ตนรับผิดชอบอย่างไร้พิรุธที่สุด แต่เขาก็หาไม่พบ!
“กำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยแทรกขึ้นมาทางด้านหลัง ทำเอาผู้ที่พยายามครองสติอยู่นั้นสะดุ้ง
“เอ่อ...” อีทึกพูดไม่ออก หันกลับมามองต้นเสียงแล้วต้องลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาดุที่เต็มไปด้วยความมีอำนาจ และพลังดึงดูดแปลกๆ ทำให้สมองเขาหยุดแล่นชั่วคราว
“นายเป็นใคร? ใครส่งนายมา?” อีทึกจูนสติให้กลับมาอย่างรวดเร็ว ร่างบางยืดอกสู้ ทำเหมือนตนได้รับเชื้อเชิญให้มางานนี้
“ผมคงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณมั้ง?” คิ้วหนากระตุกขึ้นอย่างไม่พอใจกับคำตอบ
“แต่นายจำเป็นต้องตอบ เพราะนี่มันงานของฉัน” สมองเริ่มคิดหาทางออกอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ตัวว่าคำตอบก่อนหน้านี้ ผิดพลาด!
“ผมคงมาผิดงาน ผมมองหาเพื่อนของผมอยู่ แต่ไม่เจอใครสักคน” อีทึกกล่าวแล้วทำท่ามองหาอีกครั้ง ฮันกยอกทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่คาดคั้นต่อ
“ถ้ารู้ตัวว่ามาผิดงาน ก็เชิญออกไปได้แล้ว”
“ครับๆ” อีทึกตอบพร้อมพยักหน้าอย่างว่าง่าย ฮันกยอกเขายืนมองร่างบางที่ปลีกตัวแยกออกไปจนหายปะปนไปกับบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานกันล้นหลาม
ฮันกยอกถอนหายใจ บังเอิญเขาขอตัวไปห้องน้ำและเห็นหมอนี่มีพิรุธแปลกๆเลยเดินมาทัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่วางใจ สัญชาติญาณบางอย่างบ่งบอกให้รู้ว่า อันตรายกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขาในเร็วๆนี้
อีทึกยิ้มน้อยๆเมื่อเป้าหมายคิดว่าเขาออกจากงานไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่ความจริงเขาแอบอยู่ในงานนี่เอง ร่างบางย่องเงียบๆตามฮันกยอกในระยะที่ห่างพอสมควร
การที่คำสั่งเปลี่ยนฉุกละหุกแบบนี้ เขาจำต้องหาวิธีลงมือโดยเร็วและรัดกุมที่สุด จากที่สังเกตมาตั้งแต่ต้น เขาพอจะรู้ว่าเป้าหมายมีผู้ติดตามมาเพียงสองคน เป็นที่รู้กันในวงการดีว่า ประธานฮันมีฝีมือด้านการต่อสู้ และสมุนคู่กายสองคนก็ฝีมือเหนือชั้น เป็นไปได้ยากที่เขาจะจู่โจมแล้วสำเร็จ อีทึกพยายามหาช่องทางที่จะจัดการ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา สั่งตัวเองว่างานนี้ไม่ใช่งานหมูๆเหมือนทั่วๆไป ร่างบางจึงจำต้องล่าถอยออกมาก่อน
“รหัส K-312 เป้าหมายที่ 18 ยังไม่ถูกกำจัด K-312 ต้องการทราบความต้องการของผู้ว่าจ้างอย่างชัดเจน!” อีทึกวางเครื่องมือสื่อสารลงข้างตัว รอการติดต่อกลับจากนายใหญ่
ครืด ครืด~
“เป้าหมายที่ 38 ผู้ว่าจ้างสั่งให้เก็บซะ กำหนดระยะเวลาไม่เกิน 24 นาฬิกาของวันนี้”
อีทึกปิดเครื่องมือสื่อสารและโยนมันลงเบาะข้างๆ รถคันหรูทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วอย่างมีจุดหมาย
ฮันกยอกรูดเน็คไทม์ลงอย่างเหนื่อยๆ ร่างสูงโยนเสื้อนอกลงไปกองอยู่บนเตียง มือหนาแข็งแรงหยิบบุหรี่ยี่ห้อโปรดขึ้นมาจุดสูบ ไอสีขาวถูกปล่อยให้ลอยไปตามแรงลม ฮันกยอกยืนมองท้องฟ้าอยู่ที่ริมระเบียง ความรู้สึกไม่ปลอดภัยแทรกทุกความรู้สึกขึ้นมาแวบหนึ่ง ร่างสูงทิ้งบุหรี่ที่สูบเหลืออยู่เกินครึ่งลงพื้นพร้อมบี้มันด้วยเท้า สายตามองวิวทั่วไป แต่จริงๆแล้ว เขากำลังมองหาจุดที่น่าสงสัยว่าจะมีใครแอบอยู่
ฮันกยอกหรี่ตาเล็กเมื่อเขาไม่สามารถเดาได้ว่าคนร้ายที่หมายจะเอาชีวิตของเขานั้นอยู่ที่ไหนแน่ เพราะจุดอับทางสายตาบริเวณนี้มีมากเกินไป ร่างสูงหมุนตัวกลับเข้าไปด้านในพร้อมทั้งจงใจไม่ลงกลอนประตูระเบียง
ซ่า~
เสียงน้ำที่ไหลกระทบพื้นห้องเรียกความสนใจจากผู้ซ่อนตัวอยู่ได้เป็นอย่างดี ชายชุดดำกับหน้ากากปิดบังครึ่งใบหน้าก้าวออกมาจากมุมห้อง เขาเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้องนี้ก่อนที่เจ้าของห้องจะเข้ามาเสียอีก แต่ยังไม่ลงมือเพราะต้องการหาเวลาที่เหมาะๆเสียก่อน
...จะต้องเร่งรีบไปเพื่ออะไร? ในเมื่ออ้อมกอดของพยามัจจุราชยังคงต้อนรับทุกคนอยู่ทุกเวลา!!
ชายชุดดำเดินช้าๆอย่างเงียบเชียบตรงไปยังห้องน้ำ บางทีมันคงเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีเหมือนกันนะ ถ้าเกิดเป็นศพอยู่ในห้องน้ำ!
กึก!
ชายชุดดำหยุดเดินกะทันหัน เมื่อรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จี้อยู่บริเวณเอว ฝีเท้าหนักๆขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น
“ใครเป็นคนส่งแกมา?”
“...” พลาด! พลาดได้ยังไง!?
“แน่ใจนะว่าไม่อยากพูดก่อนตาย!” ฮันกยอกกดปลายกระบอกปืนเข้าไปอีก แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่งเฉย
“อยากยอมตายในหน้าที่ ก็ตามใจ!”
“อ่ะ!..” ชายชุดดำขยับตัวอย่างรวดเร็วและผลักข้อมือของฮันกยอกออกห่างตัวจนได้ พร้อมทั้งฝากกำปั้นหนักๆเข้าที่ท้องของเขาด้วย ฮันกยอกขบกรามแน่น เมื่อตั้งตัวได้ฮันกยอกก็เล็งปืนคู่ใจไปที่ชายชุดดำ โดยไม่ต้องคิด ร่างสูงเหนี่ยวไกปืนอย่างรวดเร็ว แต่ชายชุดดำคนนั้นเร็วกว่า เขาเบี่ยงตัวหลบทัน กระสุนที่ฮันกยอกเล็งไว้จึงพลาดเฉียดต้นแขนของชายชุดดำแทนจุดตาย ชายชุดดำจึงผลักประตูระเบียงหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
‘เขาน่าจะลงกลอนประตูนั่นเสียตั้งแต่ที่แรก!!!’
“ฮันกยอก!! พวกเราได้ยินเสียงปืน เป็นอะไรมั๊ย!?” มือขวาและมือซ้ายของเขาบุกประตูเข้ามาไถ่ถาม ไฟทั้งคฤหาสน์กว้างถูกเปิดขึ้นทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เหล่าผู้คุ้มครองต่างพากันทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น
“ไม่เป็นไร คิบอม” ฮันกยอกทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง มองออกนอกหน้าต่างที่แตกละเอียดจากกระสุนของตนที่พลาดเป้าอย่างแค้นๆ
“พอจะรู้มั๊ยว่าพวกมันเป็นใคร?”
“นักฆ่า!”
“โอ๊ยๆๆ! เบาๆหน่อยไม่ได้รึไง?” อีทึกขบริมฝีปากอย่างฝืนๆ
“นี่ผมทำเบาสุดแล้วนะคราบ!” ทงแฮผ่อนแรงมือลงอีก
“แล้วตกลงพี่ไปทำอะไรมา? ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าพี่จะโดนไม้แขวนเสื้อขูดเอาน่ะ แผลเป็นทางขนาดนี้” ทงแฮถามต่อ
“ไม่เชื่อก็ตามใจนาย” อีทึกทำหน้าไม่สน
“โอ๊ยย!!” อีทึกหดแขนกลับแทบไม่ทัน เมื่อเจ้าน้องชายร่วมห้องโปะสำลีชุบแอลกอฮอล์ลงบนแผลเสียเต็มรัก
“บอกผมมาตรงๆ พี่กลับดึกขนาดนี้ ผมจะเชื่อได้ไงว่าพี่ไปตากผ้ามา?” ทงแฮถามพร้อมส่งสายตาจับผิด
“ก็...ไปตากผ้ามาจริงๆ คือ ไปช่วยป้าคนนึงตากผ้ามาน่ะ เห็นแกแก่แล้วเลยอาสาช่วย” ทงแฮทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ มือเรียวพันแผลที่ต้นแขนซ้ายของพี่ชายอย่างเบามือ
“เสร็จแล้วครับ คราวหลังก็ระวังๆด้วย ผมจะได้ไม่ต้องตื่นกลางดึกมาทำแผลอีก รู้มั๊ยครับว่านอนดึกทำให้ความหล่อลดลงตั้งสิบเปอร์เซ็นต์!” ทงแฮพูดพลางปิดปากหาว อีทึกมองแบบหมั่นไส้เล็กๆ
“ขอบใจ! ไปนอนได้แล้วไป เดี๋ยวช้าอีกนาที จะไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความหล่อของตัวเองอีก!” อีทึกออกปากไล่แบบหมั่นเขี้ยว คนถูกไล่ก็ดูเหมือนจะรู้ตัว จึงลุกหนีเข้าห้องเฉย อีทึกถอนหายใจ เหลือบตาดูแผลแล้วก็ต้องย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่
...งานนี้ไม่หมู แถมยังให้เวลาน้อย เขาต้องรีบคิดหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด!...
“นายทำงานพลาด!” เสียงห้าวขึ้นเสียงเล็กน้อย เมื่อลูกน้องภายใต้บัญชาของตนก้าวเข้ามายืนต่อหน้า
“ผมขอโทษครับ ผมสะเพร่าเอง” ชายหนุ่มก้มหน้านิ่งอย่างยอมรับความผิด แผลที่ต้นแขนถูกพันด้วยผ้าพันแผลและถูกซ่อนอยู่ใต้เสื้อแขนยาวสีดำสนิท จนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นถึงความผิดปกติใดๆ
“รู้ตัวก็ดี! คราวนี้จะจัดการมันยังไง? มันรู้ตัวแล้วคงจะไม่ปล่อยให้เราเก็บมันได้ง่ายๆ!” เจ้าของเสียงห้าวทำหน้าไม่พอใจ และคิดหนัก เนื่องจากผู้ว่าจ้างตนนั้นย้ำนักหนาให้จัดการให้ได้ และเขาเองก็อุตส่าห์เลือกคนที่ฝีมือดี มีผลงานน่าพอใจ และมีประสบการณ์โชกโชน แต่ไม่นึกว่าผู้ที่เขาไว้ใจให้ทำงานนี้จะพลาดเอาง่ายๆ
“ผมจะหาวิธีจัดการมันเอง” ผู้ทำผิดเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ดี! นี่ถือเป็นงานแรกที่ทำพลาด ฉันจะไม่เอาเรื่อง แต่ภายใน 3 วัน ต้องเก็บมันให้ได้ เข้าใจมั๊ย!?”
“รับทราบครับ” ชายหนุ่มโค้งศีรษะให้น้อยๆตามมารยาท ก่อนจะหันหลังกลับ สาวเท้าตรงไปยังห้องเพื่อนร่วมอาชีพที่สนิทสนมกันในระดับหนึ่ง
ก๊อกๆๆ
“ใคร?” เจ้าของห้องตะโกนถามจากด้านใน
“ฉันเอง”
“เข้ามาสิ” ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคย แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมตัวเล็กข้างๆเจ้าของห้องที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
“ฉันไม่นึกว่านายจะทำงานพลาด” ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อ ราวกับมันเป็นคำถามรอบที่หนึ่งร้อยที่ตนต้องตอบ
“ฉันต้องหาวิธีจัดการหมอนั่นให้ได้ภายใน 3 วัน เพราะฉะนั้น นายต้องช่วยฉันคิดเดี๋ยวนี้ ปาร์ค ยูชอน!”
*คางเหลือง = อาการป่วยปางตาย อาการปางตาย หรือ สาหัส
+++++++++++++
มีแก้ไขกันเล็กน้อย อาจไม่ตรงกับที่สปอยไว้ ก็ขออภัย^^
ความคิดเห็น