คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 : incident
รัก คือสิ่งสวยงาม
ถึงผมจะเก่งในการออกแบบ
แต่ผมก็ไม่เคยออกแบบความรักของผมได้เลยสักครั้ง
Chapter 7
“หนึ่งทุ่มตรงเจอกันที่โต๊ะอาหาร อย่าสายล่ะ” อีทึกพยักหน้ารับคำนายใหญ่หมาดๆของตน มือเรียวปิดประตูห้องหลังจากร่างสูงให้คำสั่งเรียบร้อย
วันนี้ทั้งวัน เขาตะลอนๆตามฮันกยอกไปที่โรงฝึกของราชสีห์ ซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ไปทางตะวันออกราวหนึ่งกิโลฯ ลักษณะเป็นโรงยิมขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้ดูหรูหรา และในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ดูมอซอ ตั้งอยู่กลางป่าทึบเขียวชอุ่ม ด้านหน้ามีตราราชสีห์ดูสง่างาม มีกล้องวงจรปิดติดอยู่กระจัดกระจายรอบนอกตัวอาคาร บ้างก็แฝงอยู่ในหมู่ต้นไม้ใหญ่
เขาถูกพาเข้าไปทดสอบฝีมือด้านใน ซึ่งมีทั้งทดสอบทักษะการหลบหลี การจู่โจม การต่อสู่โดยใช้มือเปล่า โดยใช้อาวุธคม และโดยใช้อาวุธปืน เล่นเอาแทบหมดแรง กว่าจะได้กลับบ้านก็เย็นย่ำเต็มทน
อีทึกหอบร่างกายอันหนักอึ้งของตัวเองไปล้มลงบนเตียงนอน เขารู้สึกเพลียนิดหน่อย เพราะจากการทำงานจริง เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้มากขนาดนี้ มีเหนื่อยหอบบ้างก็แค่ตอนหนีเท่านั้น เขานอนเปิดเปลือกตามองเพดานห้อง นึกย้อนไปยังเมื่อตอนสายที่เจ้าของบ้านพาเขาขึ้นมาที่ห้อง
“นี่ห้องของนาย ขวามือคือห้องของฉัน ส่วนซ้ายมือเป็นห้องซองมิน นายจะได้รู้จักเขาเย็นนี้” อีทึกมองไปรอบๆ นัยน์ตาใสฉายแววสงสัยอย่างปิดไม่มิด
“สงสัยอะไร?” ฮันกยอกเลิกคิ้วถาม เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าฉงน
“ห้องนี้มันใหญ่เกินไปรึเปล่า?” อีทึกเอ่ยตอบ ห้องนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีเตียงนอนขนาดนอนกันสองคนสบายๆหันหัวเตียงไปยังผนังห้องด้านขวามือ ด้านตรงข้ามประตู คือ กระจกบานสูง สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ มีโต๊ะเขียนหนังสือ และตู้หนังสืออยู่ที่ปลายเตียง ถัดจากหัวเตียงมาสักห้าก้าวปกติเป็นประตูสองบานอยู่ห่างกันพอสมควร และตู้เสื้อผ้าขนาดสี่บานพับนั้นก็ใหญ่เกินพอสำหรับเสื้อผ้าแค่ไม่กี่ชุดของเขา
“ใช่ มันค่อนข้างใหญ่ไปสักหน่อย แต่ห้องนี้เหมาะที่สุดแล้ว” เจ้าของบ้านเดินไปเปิดกระจกบานสูงนั่นออก ม่านสีเข้มที่ถูกมัดไว้สองข้างไหวพลิ้วเบาๆยามต้องลม
“ประตูบานที่อยู่ใกล้เตียงที่สุด เปิดทะลุไปที่ห้องฉันได้ ถ้าไม่จำเป็น อย่าล็อกมัน ส่วนอีกบานนั่น ห้องน้ำ” อีทึกพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ วางกระเป๋าสัมภาระไว้ปลายเตียง แล้วเดินสำรวจห้องไปรอบๆ
“เอ๊ะ! นั่น!” อีทึกสะดุดตาเข้ากับกรอบรูปไม้ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียง กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ แต่มือใหญ่ก็คว้ามันตัดหน้าไปเสียก่อน อีทึกทำหน้าสงสัย มองร่างสูงซ่อนกรอบรูปไว้ด้านหลัง
“รูปเจ้าของห้องคนเก่าน่ะ แม่บ้านคนไม่ได้เอาออก” ฮันกยอกแก้ต่าง อีทึกสังเกตุเห็นแววตาคมหม่นลงไปนิด จะอ้าปากจะถาม แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว เขาไม่จำเป็นต้องรับรู้ ถ้ามันไม่เกี่ยวกับเขา จึงไม่พูดอะไรต่อ
“...อยากจะให้แม่บ้านจัดของให้ รึจะกลับมาจัดเอง?” เมื่อเงียบกันไปอึดใจหนึ่ง ฮันกยอกก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“อะ เอ่อ จัดเองดีกว่า” อีทึกหลุดจากความคิด เอ่ยตอบน้ำเสียงเดิม
“งั้นเอาของวางไว้ก่อน แล้วตามฉันมา”
ต่อจากนั้นเขาก็ไปที่โรงยิม และกลับมานอนหอบอยู่บนเตียงอย่างที่เห็น คิ้วเรียวขมวดแน่น เมื่อนึกถึงภาพที่อยู่ในกรอบรูปนั้น ถึงเขาจะเห็นมันแค่แว่บเดียวเพราะไม่ทันสังเกตดีๆ แต่ภาพนั้นก่อให้เกิดความรู้สึกคุ้นๆและคับคล้ายคับคลา เหมือนว่าเขารู้จักคนในรูป...
แต่เขาก็คิดไม่ออก ว่าคนๆนั้นเป็นใคร!?
“คุณคิบอมคราบบ ร้านเราจะปิดแล้วนะครับ” ทงแฮปรี่เข้ามาหาลูกค้าชายคนเดียวของร้านที่นั่งอยู่ที่เดิมนานกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว
“เพิ่งหกโมงกว่าเอง จะปิดแล้วเหรอ?” คิบอมทำหน้าสงสัย คนถูกถามพยักหน้ารับเร็วๆ
“เจ๊ใหญ่มีธุระฯครับ ก็เลยเกิดใจดีอยากให้พนักงานเลิกก่อนเวลาไปด้วย ไม่รู้ว่าจะมาให้ทำโอทีล่วงเวลาวันอื่น เพื่อชดเชยรึเปล่า?” ทงแฮก้มหน้ากระซิบกระซาบเบาๆใบหน้าดูจริงจังขึ้นจนคนฟังอมยิ้มขัน
“งั้นกลับเลยแล้วกัน วันหลังจะมาใหม่” คิบอมยันตัวลุกเต็มความสูง ส่วนทงแฮจัดแจงทำความสะอาดโต๊ะ พอหันกลับมาอีกที ร่างสูงก็หายออกจากร้านไปเสียแล้ว
ทงแฮทำความสะอาดร้านต่ออีกไม่กี่สิบนาที เพราะวันนี้ลูกค้าน้อยกว่าปกติจึงมีเวลาว่างในการทำความสะอาดไปด้วยระหว่างดูแลลูกค้า ร่างเล็กเอ่ยลาเพื่อนร่วมอาชีพ หยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นสะพาย ฮู้ดตัวหนาสีเขียวแก่ป้องกันความหนาวจากอากาศเย็นๆในช่วงรอยต่อของกลางวันและกลางคืน มือบางซุกลงไปในกระเป๋าเสื้อ ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นจังหวะไปตามทางเท้า
ถนนบางช่วงที่เต็มไปด้วยร้านรวงขนาบข้างมีผู้คนพลุ่กพล่าน ร่างบางก็เดินช้าๆชมโน้นนี้ไปตามทาง แต่บางช่วงที่เป็นบ้านเรือนหรืออาคารพาณิชย์ต่างๆกลับเงียบเหงาผู้คน ทงแฮก็เร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก เขาใช้เส้นทางนี้ในการไปกลับบ่อยเสียจนชินชากับบรรยากาศเดิมๆเสียแล้ว
ทงแฮชะงักฝีเท้า รู้สึกเหมือนมีฝีเท้าอีกคู่ย่ำตามมา เขาเหลียวหลังมองซ้ายขวาก็ไม่พบใคร เส้นทางกลับที่พักที่ถึงจะอยู่ในตัวเมืองแต่ก็ไม่พลุกพล่าน แถมอยู่ห่างจากสถานที่ทำงานทั้งสองไม่มาก เดินไม่กี่สิบนาทีก็ถึง ทำให้ทงแฮชื่นชอบ
เขาก้าวเท้าต่อไปอย่างเป็นปกติ พลางคิดในใจว่า เขาคงกังวลมากเกินไป
“ลี ทงแฮ” เสียงเรียกดังขึ้นด้านหลัง เจ้าของชื่อหันกลับไปมองอย่างไม่คิดอะไร ดวงตากลมเบิกว้างเมื่อสันมือของอีกฝ่ายฟาดลงกับต้นคอ สติที่ครองอยู่แทบหายไปหมดสิ้น ร่างซวนเซจนแทบทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น
“แก...เป็นใคร? ต้องการอะไร!?” ทงแฮเอ่ยถามเสียงเกรี้ยว มองภาพบุคคลตรงหน้าที่เผยรอยยิ้ม เขาไม่ได้สวมหน้ากาก ไม่ได้ปกปิดใบหน้า เพียงแค่สวมชุดธรรมดาอย่างที่คนอื่นๆเขาสวมกัน จึงไม่เป็นที่สะดุดตา ดวงตาพร่าเลือนไปจนทุกสิ่งรอบกายดูไม่ชัดเจน
“คอแข็งไม่เบา ฉันอุตส่าห์เล็งให้สลบ แต่นายก็ไม่...รู้สึกแย่ชะมัด” อีกฝ่ายยิ้มเยาะ ยืนมองร่างเล็กตรงหน้าที่ทำท่าจะทรุดลงไปกองกับพื้น
“ต้องการ...อะไร?” ทงแฮพยายามครองสติ เขาคิดในใจว่ามันช่างทำได้ยากเย็นเหลือเกิน อีกฝ่ายยกยิ้มเป็นมิตร หากแต่ทงแฮเห็นแววตาที่มองมานั้น ไม่ได้เป็นมิตรเช่นเดียวกับรอยยิ้ม
“ตัวนายไงล่ะ”
ที่โต๊ะอาหารค่ำเวลาทุ่มครึ่ง มีฮันกยอกนั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ ซองมินนั่งด้านขวามือ ต่อด้วยเยซอง ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามซองมิน คือ น้องใหม่ของบ้าน
ฮันกยอกชักสีหน้าเล็กน้อย มองนาฬิกาเรือนทองที่ฝาผนัง แล้วอดสถบอย่างหัวเสียไม่ได้ ทั้งๆที่ทุกคนก็รับรู้เวลาทานข้าวของบ้านดี แต่ก็ยังผิดเวลา
ซองมินจ้องมองคนแปลกหน้าของบ้านอย่างไม่คิดเกรงใจ สำรวจทุกระเบียดนิ้วตั้งผมลงไปจนถึงเท้า เท่าที่สายตามองเห็นได้ คนถูกจ้องถึงจะรู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกมาให้น่าเกลียด ยังคงวางสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
“ให้ฉันโทรฯตามสองคนนั้นมั๊ย?” เยซองเอ่ยถาม เมื่อบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบกันมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ไม่ต้อง โตๆกันแล้ว ถ้าไม่โผล่มาก็อย่าสนใจ ลงมือเลยดีกว่า” ฮันกยอกข่มเสียงให้เป็นปกติ อีทึกอ่านแววตาวาววับนั้นออก เขากำลังโมโห แต่พยายามกดอารมณ์ แม่บ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นตรงเข้ามาตักข้าวใส่จานให้อย่างสำรวม
“ขอโทษครับ มาช้าไปหน่อย” แม่บ้านทำท่าจะถัดเท้าออกไป กลับเข้ามาตักข้าวใส่จานสำรับที่วางข้างๆอีทึก คยูฮยอนถอดเสื้อนอกส่งให้แม่บ้านอีกคน พร้อมยิ้มขอบคุณ ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเยซอง รอยยิ้มบนใบหน้าชะงักน้อยๆ เมื่อหันไปสบตากับคู่กรณีที่ปั้นหน้าบึ้งอยู่ข้างพี่ชาย
“สายไปครึ่งชั่วโมง ไปไหนมา?” ฮันกยอกเอ่ยถามเสียงเรียบ ขณะที่ลงมือจัดการอาหารตรงหน้าไปด้วย
“อ้อ...ติดลูกค้าน่ะครับ ความจริงเสร็จตั้งแต่เย็นแล้ว คุณลี เขาพาผมไปแนะนำกับลูกค้าอีกคน ก็เลยเจรจาธุรกิจกันนานหน่อย” คยูฮยอนเอ่ยตอบ พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นถึงศอกทั้งสองข้าง ก่อนจะลงมือตักอาหารทานบ้าง อีทึกกินข้าวฟังบทสนทนาบนโต๊ะอาหารเงียบๆ
“งั้นขอแนะนำก่อนเลย จะได้ไม่เสียเวลา” ฮันกยอกกล่าวแล้วผายมือไปยังอีทึก เจ้าตัวรีบรวบช้อนยืดตัวตรง
“นี่ปาร์ค จองซู บอดี้การ์ดประจำตัวของฉัน” อีทึกโค้งศีรษะให้ทุกคนอย่างสุภาพ เจ้าบ้านที่อีทึกไม่เคยพบมาก่อนทั้งสอง จ้องมองเขาแต่ไม่กล่าวอะไร
“นี่ลี ซองมิน น้องของฉัน แล้วนั่นก็โจว คยูฮยอนถึงไม่ใช่น้อง ก็เป็นเหมือนน้อง” อีทึกมองตามทีละคน ซองมินยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากพี่ชายผมด้วย” อีทึกยิ้มตอบ มองใบหน้าหวานตรงหน้าที่เบนสายตาจากเขาไปยังคนที่นั่งข้างๆเขาแล้วทำหน้าเบ้ ...สองคนนี้ต้องไม่กินเส้นกันแน่ๆ...
“หวังว่าคุณคงจะดูแลพี่ฮันกยอกดีเท่าๆกับพี่คิบอมและพี่เยซอง” คยูฮยอนกล่าวขึ้นบ้าง อีทึกโค้งรับ
“ผมรับรอง”
“...” ภายในห้องอาหารเงียบไปอึดใจหนึ่ง แม้จอมโวยวายของบ้านจะไม่ก่อเรื่อง แต่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความอารมณ์ดีเลย ซองมินยังกินอาหารโดยไม่พูดไม่จา มีเพียงกิริยาที่สื่ออารมณ์บูดๆของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ฮันกยอกละสายตาจากซองมิน หันมองคยูฮยอนและเอ่ยถามต่อ
“แล้วคิบอมไปไหน?” ผู้ถูกถามเลิกคิ้วสูง
“ผมแยกกับพี่คิบอมตั้งแต่บ่ายแล้วฮะ พี่เขายังไม่มาหรอกเหรอ?” คราวนี้ฮันกยอกเป็นฝ่ายขมวดคิ้วบ้าง
“เดี๋ยวฉันโทรฯถามดีกว่า” เยซองไม่ว่าเปล่า ล้วงมือหยิบเครื่องมือสื่อสารอย่างดีขึ้นมากดเบอร์
ครืด ครืด~
ฮันกยอกยกมือเป็นเชิงห้ามเยซอง ล้วงเครื่องมือสื่อสารของตนออกมากดรับ
“ว่าไงคิบอม?” อีทึกสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไปนิดๆ
“อะไรนะ!?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาคมเหลือบมองบอดี้การ์ดหมาดๆของตนก่อนจะพยักหน้าตอบเสียงอือๆในลำคอ
“อืม..ฝากนายด้วยแล้วกัน” ฮันกยอกกดวางโทรศัพท์ มองหน้าอีทึกอยู่ครู่ก่อนถอนหายใจ
“คิบอมว่าไงบ้าง เกิดเรื่องอะไรรึเปล่า?” เยซองเอ่ยถาม
“...ไม่มีอะไร คิบอมติดธุระฯนิดหน่อย คงมาร่วมโต๊ะกับเราไม่ได้” ฮันกยอกตอบพร้อมลงมือทานอาหารตอน ทุกคนจึงไม่ซักถามอะไรอีก
อีทึกกินข้าวต่อเงียบๆ ประกายตาที่แสดงถึงความกังวลที่ทอดมองมาระหว่างคุยโทรศัพท์กับก่อนหน้านี้มันหมายความว่ายังไง? ...คงต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ...
หลังจากมื้อค่ำอันอึมครึมผ่านพ้นไป ทุกคนก็แยกย้ายกันไปยังมุมส่วนตัว รวมทั้งอีทึก ร่างบางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ตู้หนังสือที่ห้องนอนของตน ตั้งใจจะกดโทรศัพท์หาทงแฮเสียหน่อย แต่เสียงเปิดประตูห้องก็ทำให้เขาหันขวับไปมองทันที
“กำลังจะโทรฯหาใคร?” เสียงทุ้มต่ำอย่างคนมีอำนาจเอ่ยถาม ร่างสูงปิดประตูที่เชื่อมระหว่างห้องตนเองกับห้องนี้เบาๆแล้วสาวเท้าตรงมาทรุดนั่งที่ปลายเตียง
“เรื่องส่วนตัวแบบนี้ ผมต้องรายงานนายใหญ่ด้วยเหรอครับ?” อีทึกเอ่ยถามเสียงสุภาพจนอีกฝ่ายสงสัย แต่เมื่อเห็นแววตาพราวระยับก็เริ่มเข้าใจ
“อย่ามาประชดแถวนี้ ฉันถามนายดีๆนะ” อีทึกเบ้ปากเล็กๆ
“คนในครอบครัว ...กลัวฉันจะโทรฯสั่งคนบุกมาฆ่านายรึไง?” ฮันกยอกทำหน้าตึงอีกครั้ง เขาอุตส่าห์ญาติดีด้วย ไม่รู้จะแง่งๆใส่เขาทำไม?..
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าฉันไว้ใจใครง่ายๆ ฉันคงตายตั้งแต่ยังไม่ทันเจอนายไปแล้ว”
“แล้วเข้ามาทำไม?” อีทึกถามห้วนๆเช่นเดิม หันไปมองอีกฝ่าย ก็สบกับนัยน์ตาคมเข้มที่จับจ้องอยู่เต็มๆ เสน่ห์แห่งบุรุษเพศในแววตาช่างรุนแรงเสียจนเขาต้องเบือนหน้าหนี
“...มีเรื่องจะบอก” ฮันกยอกเงียบไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยตอบ อีทึกเชิดหน้าขึ้น ทำคอแข็ง
“รีบพูดมาสิ ง่วง เหนื่อยด้วย” เขาตอบเหมือนเป็นเชิงไล่กรายๆ
“เมื่อเย็น...ลี ทงแฮถูกลอบทำร้าย” นัยน์ตาดำสนิทเบิกกว้าง ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างลืมตัว
“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ!!?”
“ใจเย็น! เขาปลอดภัย คิบอมช่วยไว้ได้ทัน ตอนนี้เขาดูแลทงแฮอยู่ที่ห้อง อย่าห่วงเลย” ฮันกยอกเล่าด้วยน้ำเสียงอ่อน อีทึกขมวดคิ้วเครียดๆ ถึงจะโล่งใจไปบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด ขยับถอยหลังไปทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม แล้วเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
คำพูดของฮีชอลลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“อีทึก”
“หืม?”
“ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆมั๊ย?” คนถูกถามเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจคำถาม ฮีชอลถอนหายใจ
“ฉันแค่เป็นห่วงน่ะ ยังไงระวังๆตัวหน่อยแล้วกัน”
“พูดอย่างกับว่า ฉันกำลังโดนลอบทำร้าย ยังไงยังงั้น”
“ไม่ใช่หรอก แค่รู้สึกไม่ดี”
“อย่าห่วงเลย ฮีชอล...ฉันดูแลตัวเองได้” อีทึกย้ำพร้อมรอยยิ้ม ฮีชอลมองไปยังทงแฮที่ฮัมเพลงเก็บโต๊ะอยู่อีกฟากของร้าน
“ฉันเชื่อ ว่านายดูแลตัวเองได้ แต่ทงแฮ...” อีทึกขมวดคิ้ว...เกี่ยวอะไรกับทงแฮ?
“มีอะไร ฮีชอล?”
“ฉันสังเกตมาหลายวันแล้ว มีคนตามทงแฮอยู่” อีทึกหน้าหน้าสงสัย
“ใคร? เขาตามทงแฮทำไม?”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่เขาคงไม่ได้ตามพิทักษ์ทงแฮหรอก ฉันว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาดีแน่” อีทึกฟังแล้วคิดหนักกว่าเดิม
“นายสังเกตเห็นนานหรือยัง”
“ก็ไม่นานนะ ไม่กี่วันนี้เอง” อีทึกนึกถึงหน้าเป้าหมายของตนขึ้นมาทันที หรือนั่นจะเป็นคนของเขา?
“ขอบใจมาก ฉันจะเตือนทงแฮไว้ให้ระวังตัว”
เขาคิดว่าคนที่ตามทงแฮเป็นคนของฮันกยอกมาตลอด เขาคิดผิดมาตลอด!
อีทึกหันมองใบหน้าคมที่จ้องมองตนเองอยู่แล้ว
“คนที่ทำร้ายทงแฮ ไม่ใช่คนของนายใช่มั๊ย?” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง แววตามีแววฉงน
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น ฉันจะทำร้ายเพื่อนนายทำไม? มันไร้เหตุผลเกินไป” ฮันกยอกเอ่ยตอบน้ำเสียงปกติ
“ถ้าอย่างนั้น มันเป็นใคร?” อีทึกขบคิดหาคำตอบอยู่นาน แต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ นัยน์ตาสีเข้มช้อนขึ้นสบกับนัยน์ตาสีเดียวกันของฮันกยอก ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นนิดๆเป็นเชิงถาม
“ขอคุยกับคิบอมหน่อยได้มั๊ย?” อีทึกเอ่ยขอเสียงเครียด ฮันกยอกถอนหายใจเบาๆพร้อมกับส่ายหัวให้แทนคำตอบ อีทึกจึงเบนความคิดไปยังโทรศัพท์ของตนแทน
“อย่าไปรบกวนเขาเลย ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ดีกว่า ต่างคนก็ต่างมีเรื่องต้องคิดต้องทำกันออกมาก ให้พวกเขาพักผ่อนเถอะ” ฮันกยอกเอ่ยแทรกก่อนที่นิ้วเรียวจะกดที่ปุ่มโทรออก นิ้วเรียวชะงักค้างก่อนจะตัดสิ้นใจวางโทรศัพท์ลง เสียงถอนหายใจกลุ้มๆดังขึ้นตามมา
“นายก็บอกง่ายหนิ ทำตัวเชื่องๆ เชื่อง่ายๆแบบนี้ ค่อยดูน่ารักขึ้นหน่อย” ฮันกยอกกล่าวน้ำเสียงขันๆ ส่วนคนถูกว่าตาขุ่นขึ้นมาทันที
“ฉันไม่ใช่ไซบีเรียข้างล่างนั้นนะ จะได้เชื่อง!”
“หึ ฉันกลับห้องดีกว่า ชักง่วงแล้ว” ฮันกยอกบอกปัดยันตัวลุกเดินไปที่ประตู โดยมีสายตาขุ่นๆของเจ้าของห้องมองตามไป ก่อนประตูห้องปิดลง ร่างสูงก็เอ่ยขึ้นเบาๆเหมือนเพิ่งนึกได้
“แต่ใจความสำคัญของประโยค มันไม่ใช่คำนั้นนะ”
ประตูห้องถูกปิดลงแล้ว หากแต่ประตูความรู้สึกแปลกๆของเจ้าของห้องกลับถูกเปิดออก...
“ไอ้..บ้า!” อีทึกสถบให้ประตูเบาๆด้วยน้ำเสียงเกรี้ยว
เช้าวันใหม่ เจ้าบ้านยังตื่นแต่เช้าเช่นทุกวัน ร่างสูงมองไปยังแนวป่าเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา ที่ดินหลายสิบหรืออาจจะเป็นหลายร้อยไร่บริเวณนี้เป็นของราชสีห์แทบทั้งสิ้น เพราะอยากหลบสายตาประชาชน ไม่อยากให้ใครรู้เห็นในเรื่องธุรกิจลับๆของราชสีห์ จึงจำเป็นต้องกันไว้เอาเสียก่อน
ฮันกยอกสูดลมหายใจลึก อากาศยามเช้าตรู่เย็นสบาย เพราะอาทิตย์สีเหลืองส้มดวงโตยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า มีให้เห็นเพียงแสงสีเหลืองทองแผ่กระจายอยู่ไกลลิบ เวรยามด้านล่างยังคงเดินตรวจตรากันขันแข็ง เพราะเขาเห็นในความซื่อตรงของคนเหล่านี้ เวรยามแต่ละกะจึงถูกจัดสรรให้เดินเวรกันไม่นาน โดยเฉพาะกะกลางคืน เขาให้เดินยามกันแค่กะละ 4 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
เขาเดินกลับเข้ามาในห้อง นึกอยากจะออกไปเดินเล่น แต่ก็กังวลว่าคนคุ้มครองจะเป็นเดือดเป็นร้อน ต้องคอยมารุมระวังภัยให้เขา เลยจำต้องงดความคิดนั้นไป
อากาศยามเช้าๆแบบนี้ หาหนังสืออ่านสักเล่มดีกว่า
ฮันกยอกเดินไปที่มุมหนังสือ อันที่จริงแล้ว ห้องของเขากับห้องแฝดข้างๆ เหมือนกันแทบทุกอย่าง เพียงแต่ห้องของเขาตกแต่งออกโทนสีทึมๆ มีตู้หนังสือเยอะกว่าและโต๊ะทำงานที่ดูเหมือนจะมีเอกสารกองพะเนินอยู่มุมหนึ่งของห้อง จึงดูไม่สะอาดตาเท่าห้องนั้นนัก คิ้วหนาขมวดเข้าหัน เมื่อหนังสือเล่มโปรดไม่ได้อยู่ที่ชั้น
...ครั้งที่อ่านล่าสุดเห็นจะเป็นเมื่อหลายเดือนที่แล้ว อ่า! อยู่ห้องนั้นนี่เอง!
ร่างสูงดีดนิ้ว หมุนลูกบิดประตูเบาๆไปยังห้องข้างๆ สายตาจับจ้องไปที่เตียงเป็นลำดับแรก เมื่อเห็นเจ้าของห้องยังคงหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนนั้นก็โล่งอก ขายาวก้าวไปยังชั้นหนังสือที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน ค้นหาชื่อหนังสือที่ต้องการอยู่ไม่นานก็เจอ ร่างสูงหันมองกระจกบานใส ผ้าม่านสีทึบยังคงถูกผูกไว้เช่นเดิม แสงอาทิตย์สีทองเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
ผ้าม่านผืนหนาแผ่สยาย เพราะมือแข็งแรงแก้มัดมันออก บดบังแสงที่สาดส่องเข้ามารำไรไว้ได้กว่าครึ่งเตียง ร่างสูงกำลังจะหันหลังกลับ แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นกรอบรูปเล็กๆที่หัวเตียงเสียก่อน
นัยน์ตาคมมีแววตระหนก กลัวว่ารูปใบนั้นจะเป็นรูปที่เขาไม่ต้องการให้เห็น ไวเท่าความคิด ขายาวรีบสาวเท้าเข้าใกล้เตียง มือหนาคว้ากรอบรูปนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นรูป เขาก็ต้องถอนหายใจ
...รูปลี ทงแฮ หรอกเหรอ...
เขาวางมันลงที่เดิม มองเสี้ยวหน้าคนที่หลับอยู่ ภาพความหลังคล้ายกลับจะประเทประทังเข้ามาในหัวจนสับสนวุ่นวาย ภาพคนๆนั้นนอนหลับไม่รู้เรื่อง และเขายืนมองอยู่ตรงนี้ ช่างเหมือนกับตอนนี้เสียเหลือเกิน ฮันกยอกเบือนหน้าหนี สลัดความคิดนั้นออกจากหัว ขายาวรีบสาวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
กลัว...กลัวว่าความหลังที่อยากจะลืม จะย้อนกลับมา!
ไม่ใช่เพียงเจ้าของบ้านคนเดียวเท่านั้นที่ตื่นเช้าเพื่อเข้าห้องคนอื่น (ด้วยความจำเป็นหรอก) ยังมีอีกคนที่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน และก็ทำทุกวันเสียด้วย
คยูฮยอนไขกุญแจที่ตนขอจากแม่บ้านตั้งแต่กลับมาอย่างเบามือ กลัวเจ้าของห้องจะตื่นมาพบตนเข้า ร่างสูงสาวเท้าแผ่วเบาไปทรุดนั่งที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน ข้างเตียงนอน แฟ้มกองพะเนินที่กองอยู่บนโต๊ะ และด้านล่างรวมทั้งกระดาษ เป็นภาพที่เขาเห็นจนชินตา ไม่มีวันไหนที่โต๊ะจะว่าง และเป็นระเบียบเรียบร้อยสักวัน เขาต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ตนเผลอไปชนจนเกิดเสียงปลุกคนที่หลับอยู่ให้ตื่น
ใบหน้าคมจ้องมองเสี้ยวหน้าหวานที่กดจมอยู่กับหมอนลายการ์ตูน ทั้งห้องมีการ์ตูนอยู่แทบจะทุกจุด แต่เขาไม่รู้ว่าไอ้ตัวพวกนั้นมันมีชื่อเรียกว่าอย่างไรบ้าง มันเยอะแยะหลายชนิดเสียจนเขาไม่รู้ว่าจะจำอย่างไรไหว
อีกฝ่ายพลิกตัวนอนหงาย คยูฮยอนนั่งตัวเกร็ง กลัวว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมา ...แต่ก็ไม่ ร่างสูงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคงไม่ต้องแอบเข้ามาเหมือนคนโรคจิต ถ้าอีกฝ่ายยอมคุยกับเขาดีๆบ้าง
นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆห้องอย่างคุ้นเคย แม้ห้องนี้จะเปลี่ยนแปลงไปมากจนแทบไม่เหลือความรู้สึกเดิมที่คุ้นชิน แต่เขาก็อยากจะหา... อยากจะหาความรู้สึกเดิมที่ผูกพันในห้องนี้ แม้เพียงกลิ่นอายอันน้อยนิด เขาก็อยากจะเจอ
ร่างสูงเดินลุกยืนเต็มความสูง ขยับขาอย่างระวังเพื่อหลบแฟ้มงานเกลื่อนพื้น เดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของเตียง บนโต๊ะข้างเตียงมีกรอบรูปตั้งอยู่หลายอัน คยูฮยอนพินิจดูแต่ละรูปอย่างใจเย็น แต่ละรูปล้วนแล้วแต่เป็นรูปที่เขาไม่เคยเห็น จะมีคุ้นตาบ้างก็น้อยเต็มที ...ใบหน้าคมสลดลง รูปที่วางอยู่มีรูปของคนที่เขารู้จักทุกคน และที่ไม่รู้จักถ่ายคู่กับเจ้าของห้องบ้าง ถ่ายกลุ่มบ้าง
แต่...ทุกรูปที่ว่านั้น ไม่มีรูปเขาให้เห็นเลยแม้แต่รูปเดียว แค่ปลายเส้นผมก็ไม่มี!
++++++++++++++++++++++
^O^ หายไปหลายวันเลย ไรเตอร์เหนื่อยโฮกมากๆ เรียนคณิตศาสตร์ ครูสอนเร็วเวอร์ๆ T-T เรียนเสร็จแล้วสลบกันเลยทีเดียว T^T
ตอนนี้แอบแย้มอดีตของป๋าแล้วก็นู๋โจวกันนิดหน่อย >O< ไรเตอร์แอบกรี๊ดอิป๋านิดนุงตอนแต่ง ฮ่าฮ่า แต่ก่อนบ้าดาราเกาหลี ตอนนี้รักษาหายแล้ว มาบ้าผู้ชายหล่อแทน! ^[]^ ทงแฮโดนใครทำร้าย! O_O ต้องติดตาม!
ตอนต่อไปคิ-เฮจะอาละวาด(รึเปล่า) ฮัน-ทึกจะแอบสวีท ใครแฟนฮัน-ทึก,คิ-เฮต้องติดตาม ^o^
ตอบเม้นกันนิสนึง!
คห.73 > 55+ แหม บางทีเจ๊อาจจะดูโหดร้ายแต่ใจดีก็ได้นะ (ในเรื่อง แต่ชีวิตจริงอ่ะไม่แน่! 55+)
คห. 80+89 > รับทราบจ้า~ ติดตามกันต่อไป! ^^ อ่า...เจ๊อัพให้แร้ววจ้า
คห. 81 > ^-^ อ่า ไรเตอร์เรียก นู๋โจว เพราะว่า เรียกแล้วน่ารักดี กรี๊ดๆ >-< ไรเตอร์ชอบเค่อะ ไม่มีเอี้ยวกะเนื้อเรื่องแต่อย่างใด
คห. 82+84+86 > ขอบคุงค่ะที่ติดตามค่ะ ^^
คห. 83 > ถ้าจำได้เดี๋ยวไม่สนุก โฮะๆ ^o^ ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ อ่า...ขอบคุณที่ชอบค่ะ ^o^
คห. 85+87+90 > โฮะๆ อย่างนี้ต้องติดตาม!
คห. 88 > ฮ่าฮ่า รีเควสNCกันอีกคนแล้ว! ทั้งๆที่พระนาง(?)ยังมิได้วี๊ดวิ๊วอะไรกันเลยนะเนี้ย! ขอบคุณที่ติตดามค่ะ!
คห. 91 > ขอบคุณที่ติดตามค่ะ แหมๆ ไม่สั้นหรอก ตอนนี้สั้นกว่าอีก (อ้าวว!) ^-^ ตอนนี้จัดฮัน-ทึกให้เพี๊ยบบ! เต็มอิ่มหรือยังค่ะ? ^^
คห. 92 > ขอบคุณที่ชอบค่ะ ยินดีมากมายที่จะได้รีดเดอร์เพิ่มอีกคน ^o^
คห. 93 > ฮ่าฮ่า ค่า~ ไรเตอร์ซังอัพให้รีดเดอร์คุงแล้วค่ะ ^^
To be Continue..
ความคิดเห็น