คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : Plan
เมื่อนายเลือกที่จะไป
...ก็จงรู้ไว้ซะ ว่าฉันจะไม่ยอมเป็นคนที่ถูกเลือกอีกต่อไป
ชีวิตของฉัน ฉันขอเลือกมันด้วยตัวฉันเอง!!
Chapter 5
“เรื่องที่ให้ไปสืบมา ได้เรื่องอะไรบ้างมั๊ย?” ฮันกยอกยกน้ำชาขึ้นจิบช้าๆ มองเสี้ยวหน้าเพื่อนซี้ที่กำลังพิมพ์ข้อมูลบางอย่างลงคอมฯ
“นิดหน่อย ได้แต่เรื่องลี ทงแฮ ส่วนของปาร์ค จองซู ฉันยังไม่ได้ถามถึง”
“อืม ฉันวางใจนายนะ” ฮันกยอกเบนสายตาจากคิบอม ไปยังเยซอง
“เยซอง นายช่วยสืบเรื่ององค์กร K กับ I ให้ฉันด้วยนะ ฮีชอลเขาก็กำลังสืบอยู่ เห็นว่าเจาะข้อมูลลำบากมาก เลยอยากให้นายช่วยอีกแรง”
“ได้ แต่ฉันว่า นายน่าจะเตรียมแผนรับมือพวกชุดดำที่ลอบฆ่านายก่อนนะ ทางที่ดี ระยะนี้นายน่าจะซ่อนตัว”
“ประธานฮันแห่งราชสีห์ ไม่มุดหัวหลบความตายหรอก”
“แต่ถ้าราชสีห์ขาดนาย ก็เหมือนสิงโตขาดจ่าฝูงนะ”
“เยซองพูดถูก นายนะจะซ่อนตัว หรือไม่ก็เก็บตัวหน่อย”
“...สิงโตจ่าฝูงไม่ใช่สิงโตขี้ขลาด ฉันจะไม่ถอยจนกว่าพวกมันจะถอยไปเอง” นัยน์ตาดำขลับมีพลังดึงดูดมหาศาลวาวระยับด้วยความมุ่งมั่น
เสียงตึงๆของฝีเท้าผู้มาปรากฏตัวในห้องประชุมเล็ก เรียกความสนใจจากผู้ที่อยู่ก่อนทั้งสาม ลี ซองมินเดินหน้าหงิกเข้ามานั่งข้างพี่ชาย
“เป็นอะไรเรา? ดูทำหน้าเข้า” ฮันกยอกถามพร้อมรอยยิ้มขัน
“อย่ามายิ้มแบบนั้นนะฮะ พี่ทำผมอารมณ์เสียสุดๆเลย! ทำไมพี่ไม่บอกผมก่อน ว่า ‘ไอ้โจว’ นั่นกลับมาแล้ว!” ซองมินพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ทั้งสามยิ้มขันๆให้กัน
“เขาชื่อ คยูฮยอน ไม่ใช่ ไอ้โจว” ฮันกยอกแก้ต่างให้ผู้ถูกพาดพิง ซองมินทำหน้าฮึดฮัดกว่าเดิม
“ใครจะสนเล่า!!”
“นายนี่ยังไงนะ พอเขาไปก็หงุดหงิด เขากลับมาก็หงุดหงิดอีก พี่เอาใจเราไม่ถูกแล้วนะเนี้ย?”
“หงุดหงิดสิฮะ! หายหัวไปนานขนาดนั้น ผมภาวนาให้มันตายๆไปซะตั้งนานแล้วด้วย! ทำไมมันถึงโผล่หัวกลับมาได้อีก!”
“แรงไปมั๊ยซองมิน?” คิบอมปรามเมื่อน้องเล็กของกลุ่มเริ่มใช้ถ้อยคำที่แรงขึ้นเรื่อยๆ คนถูกปรามไม่ตอบว่าอะไร หากแต่ทำท่าหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“ทำไมไม่ไปถามเหตุผลคยูฮยอนก่อนล่ะ แล้วค่อยมาโมโหทีหลัง” ฮันกยอกพูดพร้อมกับโยกหัวซองมินอย่างเอ็นดู
“ไม่.ครับ! ผมไม่สนใจมันแล้ว! คืนนี้ผมจะค้างที่นี้ แต่ถ้าพรุ่งนี้มันยังอยู่ ผมก็จะไป!!” ซองมินกล่าวอย่างมาดมั่น ทะลึ่งตัวขึ้นยืนก่อนจะกระแทกเท้าปังๆขึ้นห้องนอน
“ไม่รู้ว่าโกรธเพราะคยูกลับมาเอาป่านนี้ หรือโกรธที่รายนั้นเขาไม่อธิบายอะไรเลยนะ?” เยซองเอ่ยลอยๆ
“หรืออาจจะโมโหเพราะเราไม่บอกเขาก่อนก็ได้ เจอกันปุบปับ คงยังไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไง” คิบอมเสริมอีกแรง
“แต่ฉันว่า...เอาเหตุผลทั้งหมดรวมกัน แล้วบวกด้วย ‘ดื้อ’ เท่ากับอาการที่แสดงอยู่ตอนนี้มากกว่า”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดี...อ้าว! คุณคิบอม มาแต่เช้าเลยนะครับ” ผู้ถูกทักทายก่อนกล่าวทักทายตอบอย่างยินดี
“อืม ฉันว่างน่ะ ก็เลยมาหานาย” คิบอมตอบก่อนจะเดินอ้อมเคาเตอร์ไปนั่งประจำที่พนักงานขายข้างๆทงแฮ คนถูกพาดพิงขมวดคิ้ว
“มาหาผม? อยากคุยเรื่องหนังสือเหรอครับ?” ทงแฮถามพร้อมรอยยิ้มสดใสตามเคย คิบอมมองยิ้มๆ
“ก็ส่วนนึงนะ ฉันว่าอยู่กับนายแล้วไม่ง่วงดี”
“หมายความว่า...ผมพูดมากจนคุณเพลินใช่มั๊ยครับเนี้ย?”
“อาจใช่” คิบอมตอบยิ้มๆ ส่วนทงแฮทำแก้มป่องงอนๆแต่ก็ยิ้มตอบ
“เชิญครับๆ” ทงแฮหันไปต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้ามาเลือกชมหนังสือในช่วงสายของวันอาทิตย์
“ทงแฮ ฉันถามอะไรนายหน่อยได้มั๊ย?”
“ได้สิ! ถ้ามันไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์นะ” ทงแฮตอบพร้อมหัวเราะขำๆ
“นายตัวคนเดียวเหรอ ถึงทำงานพิเศษทุกวันแบบนี้?” คิบอมเห็นอีกฝ่ายชะงักมือนิดๆ แต่แค่ชั่วขณะใบหน้าของทงแฮก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม
“ถ้าพูดกันจริงๆก็ไม่หรอก ผมมีพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชาย แต่พวกเขาอยู่ที่ต่างประเทศน่ะ ผมเบื่อชีวิตที่ต้องเดินตามเส้นทางที่เขาขีดไว้ให้ ก็เลยทำตัวเป็นลูกเนรคุณ หนีมาเรียนวาดรูปที่เกาหลีเนี้ย” ทงแฮพูดเหมือนเป็นนิทานสนุกๆเรื่องหนึ่ง แต่คิบอมสังเกตได้จากแววตา ว่ามันไม่ได้ตลกอย่างที่เล่าเลยสักนิด
“แล้วนายอยู่ที่โซลคนเดียวเหรอ?”
“เปล่าหรอก ผมอยู่กับพี่อีทึก ..ผมว่าผมโชคดีที่มีรูมเมทดีๆนะ”
“แล้วพี่อีทึกของนายนี่เขาเป็นคนยังไง?”
“...อืม ก็ดีนะ พี่อีทึกนิสัยดีมาก เขาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ทั้งครู บางทีก็บ่นเป็นราวกับเป็นพ่อแม่ แต่เขาก็ลึกลับนะ ถึงผมจะอยู่กับเขามาเป็นปี แต่ผมก็รู้สึกเหมือนว่าเขาจะรักษาระยะห่างระหว่างผมกับเขาไว้ระดับหนึ่งเสมอ ...ห้องของเขาผมยังไม่เคยเข้าไปเลย ทั้งๆที่เราเป็นรูมเมทกันแท้ๆ
น่าขำมั๊ยล่ะ?” ทงแฮเล่าถึงอีทึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่สงสัยเลยว่าอีกฝ่ายถามเพื่อเก็บข้อมูลของรูมเมทตนโดยเฉพาะ
“...แล้ว เขาทำงานอะไรล่ะ นักศึกษาเหรอ? หรือว่ามนุษย์เงินเดือน?” คิบอมถามเจาะข้อมูลของเป้าหมายอย่างแนบเนียน
“ไม่หรอก พี่อีทึกเรียนจบแล้ว เขาเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟที่ร้าน Cool cake เหมือนผม ร้านเค้กที่คุณไปทานไง...ส่วนอาชีพอื่นของเขา ผมก็ไม่รู้หรอก เขาค่อนข้างเคร่งในเรื่องส่วนตัวน่ะ”
“เหรอ?” คิบอมพยักหน้ารับพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัย ข้อมูลต่างๆกำลังถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบในสมอง
“ช่าย...มีอะไรจะถามอีกมั๊ยครับ คุณนักสืบ” คิบอมสะดุ้งเล็กๆเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงนักสืบ
“ฮ่าฮ่า...ดูทำหน้าเข้า วันนี้คุณพูดเยอะกว่าวันอื่นเลยนะ แถมยังเป็นเด็กช่างสงสัยด้วย” ทงแฮพูดพร้อมหัวเราะขบขัน คิบอมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆแก้ตัวไปอย่างนั้น พอดีกับที่ลูกค้าเดินเข้ามาจ่ายค่าหนังสือ เขาจึงรีบกุลีกุจอบริการลุกค้าเป็นการตัดบท
อีทึกทรุดนั่งลงตรงข้ามผู้เป็นนายในห้องทำงานแสนเนี๊ยบที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง
“ลูกดอกที่นายให้มา ฉันลองให้คนตรวจสอบดูแล้ว องค์กรของเราไม่มีใครใช้มันเป็นอาวุธสักคน”
“แสดงว่า เป็นพวก I ...ถ้าเป้าหมายมันคือประธานฮัน ก็แสดงว่า มีผู้ว่าจ้างสองคนงั้นเหรอครับ?” อีทึกวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว
“ก็ไม่แน่หรอก ฉันให้สายไปสืบดูแล้ว คนที่เป็นผู้ว่าจ้าง มีเพียงคนเดียว”
“เขาไม่ไว้ใจเรา ว่าเราจะทำงานสำเร็จงั้นเหรอครับ?” อีทึกขมวดคิ้วเครียดๆ
“อาจใช่ เขาอาจต้องการให้งานนี้สำเร็จเร็วๆก็ได้”
“แต่ทำแบบนี้ มันเหยียบหน้าเราชัดๆ”
“ใจเย็นน่าอีทึก ...คนวงในเขาพนันกันให้สนุกว่าองค์กรไหนจะทำงานนี้สำเร็จ เพราะฉะนั้น งานนี้ถือเป็นตัวบ่งชี้ศักยภาพขององค์กร ถ้าเราพลาด นายรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อีกฝ่ายปลอบเสียงอ่อน ก่อนจะอธิบายข่าวต่อมา อีทึกทำหน้าเครียดกว่าเดิมเมื่อนึกถึงเดิมพันครั้งนี้
‘...ถ้าเขาพลาด นั่นหมายถึง..ชื่อเสียงขององค์กร’
“...แล้ว ถ้าผมจะขอถอนตัวล่ะ?” ผู้เป็นนายเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์
“เป้าหมายผ่านจุดที่หนึ่ง เตรียมพร้อม” ยูชอนกระซิบผ่านเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋ว เมื่อรถของเป้าหมายวิ่งผ่านจุดที่เขาซุ่มดูอยู่
“ทราบ!” อีกฝ่ายตอบกลับไป ก่อนจะสำรวจเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย เสียงเครื่องยนต์นิ่มๆของรถราคาแพงกำลังเคลื่อนเข้ามาด้วยความเร็วค่อนข้างสูง
‘แม้งานนี้จะเสี่ยงต่อชีวิต ก็ยอมทำ’
หมวกใบโตถูกเขวี้ยงออกไปตกลงกลางถนน ผู้ทำจงใจให้ดูเหมือนว่ามันถูกลมพัดจนปลิว ร่างบางในชุดนักเดินทางต่างชาติรอจังหวะการมาของรถคันหรู ก่อนจะทะลึ่งตัวพรวดออกไปเก็บหมวกใบโตที่ตนโยนไปกลางถนนเมื่อครู่
เอี๊ยดดด!!!
เสียงล้อรถบดกับถนนเสียงดัง ผู้ขัดเหยียบเบรกจนตัวโก่งเมื่อมีสิ่งกีดขวางถนนอยู่ ชายนิรนามทำหน้าตกใจแต่ยังนั่งนิ่งค้างอยู่กลางถนน
รถคันหรูจอดนิ่งสนิท ก่อนถึงตัวผู้ประมาทไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน เจ้าของรถรีบวิ่งลงมาดูอย่างรีบร้อน
“คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ชายหนุ่มทำท่าจะขยับปากตอบเป็นภาษาเกาหลี แต่เมื่อเห็นบุรุษกำยำในชุดดำก้าวลงจากรถตามลงมาอีกคน ก็ถึงกลับเปลี่ยนภาษา
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ตกใจ” ลี ซองมินพอฟังออกว่าชายหนุ่มตรงหน้าในชุดนักเดินทางพูดภาญี่ปุ่น เขากำลังจะอ้าปากตอบ แต่เสียงรถอีกหลายคันที่ขับตามมาก็ทำให้เขาต้องเงียบไป
ชายในชุดนักเดินทางอึ้งไปนิดๆ รถยนต์คันหรูคล้ายๆกันกับรถที่เป้าหมายของเขาขับมา วิ่งตามหลังมาจอดขนาบข้างอีกสองคัน และแต่ละคันก็ล้วนมีบุรุษชุดดำร่างกายกำยำ หน้าตาทมึงถึงนั่งมาเต็มคันรถ
“เอ่อ..นี้บอร์ดี้การ์ดผมเอง ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณตกใจ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ซองมินตอบชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยภาษาญี่ปุ่น เขาจำเป็นต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นติดต่องานกับต่างชาติอยู่บ่อยๆ จึงจำเป็นต้องมีความรู้ติดตัวบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะโต้ตอบกับบุรุษตรงหน้าได้
“อ้อ..ครับ ไม่เป็นไร ผมดีใจมากๆเลย ที่คุณพูดภาญี่ปุ่นได้ ผมหลงทางอยู่แถวนี้หลายวันแล้ว คุณพอจะบอกผมได้มั๊ยว่าที่นี้มันที่ไหน?” ซองมินร้องอ้อ ก่อนจะอธิบายให้คนตรงหน้าฟังอย่างคร่าวๆ และไถ่ถามความกันเล็กน้อย
“คุณจะเข้าเมืองเหรอครับ ไปด้วยสิ ผมจะไปส่งให้” ซองมินเชื้อเชิญ โดยไม่รู้ว่ากำลังเชิญศัตรูตัวร้ายขึ้นรถ
“เอ่อ...” อีกฝ่ายมองไปยังการ์ดหลายคนที่ยืนจ้องอยู่อย่างหวาดหวั่น
“อ้อ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ คุณไปรถผม สบายใจได้” ซองมินพยักหน้าเชิญชวน อีกฝ่ายทำท่ากล้าๆกลัวๆ แต่ก็ยอมไปด้วย ด้วยดี
ฟึ่บ!
การ์ดร่างกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางเอาไว้ ซองมินทำหน้าขัดใจ
“นายปล่อยเขาขึ้นรถเถอะน่า เขาต่างชาติต่างภาษานะจะปล่อยเขาไว้ที่นี้ได้ยังไง?”
“นายใหญ่สั่งให้พวกเราคุ้มกันนายเล็ก และไม่ให้ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะต่างชาติหรือต่างด้าว เราก็ต้องคุ้มกันนายเล็กให้ปลอดภัยที่สุด” ซองมินทำหน้าขัดใจอีกครั้ง
“เขาไม่มีพิษมีภัยหรอกน่า”
“เราจะให้เขาไป ก็ต่อเมื่อเขาขึ้นรถไปกับการ์ดคุ้มครองและอยู่ในสายตาพวกเราตลอดเวลาเท่านั้นครับ” ชายร่างบึกกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ซองมินพ่นลมหายใจ เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของพี่ชายได้ จึงต้องจำยอมตามคำสั่งนั้น
“ขอโทษด้วยนะ นายไปกับการ์ดก็แล้วกัน พวกเขาต้องคุ้มกันฉัน มันเป็นหน้าที่น่ะ” ซองมินกล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นกับชายหนุ่มต่างชาติที่ยืนทำหน้าสงสัยอยู่
“เอ่อ..แต่ว่า...”
“พวกเขาปลอดภัย ไว้ใจได้” ซองมินยิ้มให้เพื่อนใหม่ต่างชาติน้อยๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถปล่อยให้การ์ดคุ้มครองเชิญตัวชายต่างชาติขึ้นรถอีกคัน
“แผนล่มไม่เป็นท่า พวกนั้นระวังตัวแจ” ยูชอนมองเพื่อนที่ก้าวขึ้นมานั่งข้างๆด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากที่เขาเอารถมาจอดรับที่บริเวณใกล้ๆกับจุดที่เป้าหมายพาเพื่อนเขามาส่ง
“พวกเขาว่าไงบ้าง?” ยูชอนถามพลางเข้าเกียร์เดินหน้า
“ก็ไม่ว่าไง ลี ซองมินนั้นท่าจะขี้สงสารแล้วก็หงุดหงิดง่าย พอฉันทำหน้าซื่อหน่อยก็ออกตัวจะช่วย แต่การ์ดของประธานฮันดันมาขวางไว้ซะก่อน อดเสียดายไม่ได้ ...แต่พอนึกดูอีกที นั่งไปกับพวกการ์ด ก็น่าจะได้ข้อมูลอะไรดีๆบ้าง แต่ก็เปล่าเลย! นั่งมาในรถงี้ เงียบเป็นเป่าสาก! ไม่รู้พวกมันเก็บปากไว้ที่ไหนกัน!!” ยูชอนนั่งฟังเงียบๆปล่อยให้เพื่อนพูดจนจบแล้วเขาจึงพูดต่อ ...รู้ดีว่าห้ามขัด...
“พวกเขาคงเห็นว่านายนั่งอยู่ด้วย เลยไม่พูดอะไร”
“แต่ฉันต่างชาตินะเฟ้ย! ลงทุนพูดญี่ปุ่นทำเป็นฟังเกาหลีไม่รู้เรื่องทั้งที ไม่ได้ประโยชน์เอาซะเลย!”
“ใจเย็นๆ ไว้โอกาสต่อไป อ้อ! ฉันสืบข้อมูลที่นายสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว ข้อมูลลึกลับหน่อยแต่ฉันก็กำลังเจาะอยู่ ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสูงมาก คงเป็นคนในวงการนี้แน่”
“ก็ดี อย่างน้อยนายก็ทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นนิดนึง” ยูชอนยิ้มมุมปาก
“ฉันชักคันไม้คันมือ ไปซ้อมเป่ากันหน่อยมั๊ย?”
“...อืม...ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้จับปืนมาตั้งสัปดาห์แล้ว ฉันคิดถึง” ทั้งสองหัวเราะให้กันขำๆ
...หวังในใจเพียงว่า มิตรภาพในตอนนี้จะอยู่คู่ทั้งสองตลอดไปจวบจนวันตาย
“อีทึก.. ไหนเอาแผลมาให้ฉันดูสิ!” ฮีชอลตรงเข้ามาจับมือของอีทึกที่ถูกพันแผลไว้อย่างเรียบร้อย
“ไปโดนอะไรมาเนี้ย!?” อีทึกคลี่ยิ้มนิดๆ
“ก็...อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอบใจที่ให้ฉันลาครึ่งวัน”
“แน่อยู่แล้ว นายไปหาหมอนี่น่า” อีทึกยิ้ม ในใจเขารู้ดีว่า สิ่งที่เขาบอกฮีชอลไปนั้น เขาโกหก
“เอ่อ..ฮีชอล ฉันจะขอลา นานหน่อย ได้มั๊ย?” ฮีชอลเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ
“ลายาว? นายจะไปไหน?”
“คือ...ธุระฯน่ะ” ฮีชอลขมวดคิ้วนิ่ง
“บอกฉันไม่ได้เหรอ? ไม่งั้นฉันไม่ให้นายลาจริงๆด้วย!” ฮีชอลวางท่า แต่อีทึกก็แค่ส่ายหัวแล้วยิ้มน้อยๆ
“งั้นฉันไม่อนุญาต!”
“...ฉันแค่มาบอกนายไว้ ถ้าเกิดว่าจู่ๆฉันหายไป นายจะได้ไม่เดือดร้อน” ฮีชอลย่นจมูก
“สรุปฉันก็ต้องตามใจนายเหมือนเดิม! แล้วบอกทงแฮรึยัง” อีทึกส่ายหน้าให้แทนคำตอบ
“ฉันฝากนายดูแลทงแฮด้วยก็แล้วกัน หมอนั่นยิ่งไว้ใจคนอื่นง่ายอยู่ด้วย” อีทึกถอนหายใจ
“ฉันต้องตายแน่ ถ้าให้ฉันดูแลเด็กไฮเปอร์ พูดมาก แถมหลงตัวเองอย่างไอ้ทงแฮนั่น” ฮีชอลทำหน้าเซ็ง กรอกตาไปมา แต่ก็ต้องพยักหน้าตกลงอย่างจำยอม
“แต่ก็ได้ นายต้องรีบกลับมาดูแลไอ้เด็กบ้านั่นล่ะ ฝากนานๆฉันจะประสาทตายซะก่อน” ฮีชอลทำพูดไปอย่างนั่น เหตุผลที่เขาต้องพูด ก็เพราะไม่อยากให้อีทึกหายไปนาน เขาเองก็เป็นห่วง และทงแฮเองก็คงจะเป็นห่วงยิ่งกว่า
“ขอบใจฮีชอล แต่ฉันยังต้องรบกวนนายอีกอย่าง”
“อะไร??”
อีทึกนั่งอยู่ในห้องอาหารส่วนตัวสุดหรูที่ฮันกยอกเคยเชิญมา นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กๆ นาฬิกาสีดำรุ่นสมบุกสมบันบอกเวลาว่า เลยเวลานัดมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว นาฬิกาพิเศษนี้ เขาได้มันมาจากหัวหน้าของเขา แม้อยู่ในน้ำหรือถูกไฟก็ยังสามารถใช้งานได้ดี เหมาะสำหรับงานที่ต้องเสี่ยงหาทางหนีทีรอดอย่างเขาที่สุด
นัยน์ตาสีดำขลับมองผู้ที่ตนนัดหมาย เดินยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม
“ไม่ยักรู้ว่าประธานใหญ่แห่งราชสีห์มีนิสัยชอบผิดเวลานัดด้วย!”
“หึๆ ผิดเวลา มันเป็นเรื่องธรรมดาของมาเฟีย ไม่มีใครเขาเคร่งเวลาอย่างนักฆ่าหรอก” อีกฝ่ายตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก อีทึกพ่นลมหายใจ
“มีธุระฯอะไรสำคัญ ถึงโทรฯนัดฉันมาเร่งด่วนขนาดนี้ รึว่า?...นัดมาลอบฆ่า ห๊ะ?” ถึงจะพูดถึงเรื่องคอขาดบาดตาย แต่เจ้าตัวกลับทำหน้ายิ้มระรื่นอย่างอารมณ์ดี ผิดกับอีกคนที่ชักโมโห อีทึกพยายามนับ 1 ถึง 10 ในใจ
“...เข้าเรื่องดีกว่า ที่ฉันนัดนายมาวันนี้ ฉัน...ตกลงรับข้อเสนอของนาย” ฮันกยอกเลิกคิ้วสูง
“พูดเป็นเล่น? ไหนนายบอกไม่ใช่นักฆ่าไง?”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันเป็น” อีทึกกล่าวตอบหนักแน่น
“แล้วรับข้อเสนอของฉัน หมายความยังไง?”
“ก็..ฉันจะเป็นบอร์ดี้การ์ดให้นาย” คำตอบของอีทึกทำให้ฮันกยอกตามความคิดของคนตรงหน้าแทบไม่ทัน
“มาแผนไหนอีกล่ะ?”
“นายเลิกคิดว่านี้คือแผนซะทีได้มั๊ย!? ฉันมาเพื่อช่วยนายจริงๆ” อีทึกเน้นคำหนักแน่นจนร่างสูงถึงกับคลายยิ้มออกแต่ก็ไม่ถึงกับทำหน้าเคร่ง
“หมายความว่ายังไง?”
“นั่นประโยคติดปากนายรึไง? ถามอยู่ได้!” ฮันกยอกทำตาดุใส่ แต่อีกฝ่ายไม่ได้สะทกสะท้าน
“ก็นายมันนักฆ่า แล้วเป้าหมายก็คือฉัน อยู่ๆจะมาขอเป็นบอดี้การ์ด ฉันคิดแผนตามนายไม่ทันเลยจริงๆ”
“ฉันไม่ได้ขอ นายเป็นคนเสนอให้ฉันทำเองต่างหาก ...ถ้านายไม่รับ ฉันไม่ทำก็ได้” อีทึกวางท่าเหมือนว่าตนเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า
“เหอะ โอเคๆ งั้นนายพอจะบอกเหตุผลได้มั๊ย? ว่าทำไมนายถึงทิ้งงานฆ่าฉัน มาเป็นช่วยฉันแทน?” อีทึกกระตุกยิ้มมุมปาก
“ฉันไม่ได้ทิ้งงานฆ่า เพราะฉันไม่ใช่นักฆ่า และที่ฉันมาช่วยนาย เพราะนายให้ข้อเสนอที่น่าสนใจ”
“หึ...ฉันไม่เชื่อนายหรอก! คราวนั้นนายยังตะโกนใส่หน้าฉันปาวๆอยู่เลยว่าไม่ต้องการ แล้วนี้อยู่ๆเกิดอยากรับข้อเสนอขึ้นมา ไร้เหตุผลไปหน่อยมั๊ย คุณนักฆ่า?”
“ก็แล้วแต่นายจะคิด...ฉันอุตส่าห์ยอมรับข้อเสนอดีๆ ถ้านายยังเซ้าซี้ไม่ไว้ใจกันแบบนี้ล่ะก็ ฉันไม่ทำก็ได้”
“หมายความว่ายังไง?”
“มันต้องเป็นคำพูดติดปากนายจริงๆแน่! ฉันจะเป็นบอดี้การ์ดนาย ค่าจ้างฉันรับเท่ากับคนอื่น และข้อสุดท้าย...เลิกให้คนตามทงแฮได้แล้ว”
“น่าปรบมือให้ นายรู้ได้ยังไงว่าฉันให้คนตามลี ทงแฮ”
“ไม่สำคัญ ข้อเรียกร้องของฉันมีแค่นี้ ถ้านายตกลง ฉันก็ตกลง” ฮันกยอกมองบุรุษตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
‘จะมีใครแปลกประหลาดเท่าหมอนี่บ้าง?’
“..ตกลง!” ฮันกยอกพยักหน้ารับ ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้าช้าๆ อีทึกมองแต่ไม่ยอมจับตอบ
“เฮ้! นักธุรกิจ เขาต้องจับมือนะ” ฮันกยอกกล่าวแล้วมองที่มือของตน
“บังเอิญ..ฉันไม่ใช่นักธุรกิจ ถ้าเรียบร้อยแล้ว ฉันขอรายละเอียดงานด้วย” ฮันกยอกจำต้องชักมือกลับ
“ได้! เริ่มงานพรุ่งนี้เลย เย็นนี้กลับไปเก็บข้าวเก็บของซะ เช้าพรุ่งนี้ ฉันจะส่งคนไปรับที่บ้าน”
“ถ้ามีแค่นี้ ฉันขอตัว” อีทึกก้มหัวให้อีกฝ่าย ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น
“เดี๋ยว! ตอนนี้ฉันเป็นว่าที่นายคนใหม่ เพราะงั้นนายน่าจะนั่งทานข้าวด้วยกันก่อน” อีทึกชะงัก
“เหตุผล?” ผู้ถูกถามยันตัวลุกขึ้นจนเต็มความสูง...
“เพราะฉันอยากกินข้าว กับนาย”
++++++++++++++++++++++
^[]^ ไรเตอร์หายหัวไปอีกแล้วว! ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งโกรธกันน้า TTOTT ไรเตอร์เริ่มปั่นไม่ทัน จะว่าอะไรมั๊ย? ถ้าตอนต่อไปไรเตอร์จะลง 50 เปอร์ก่อน รีดเดอร์จะได้ไม่ต้องรอนาน และไรเตอร์ก็จะได้ไม่ต้องเร่งปั่นมาก T^T
เอาล่ะเข้าเรื่อง โว้วว! ^O^ เรื่องชักลึกลับและซับซ้อน (จนไรเตอร์ยังแอบงง 55+) ตัวละครหลายตัวโผล่มาให้เห็นกับแว่บๆ เอิ๊กๆ ฮัน-ทึกมีแอบสวีทกันอีกแร้วว ^-^ มาแนวหวานแบบไม่มีน้ำตาล (แต่กลับเลี่ยน =O=?) อ่า...คยู-มิน...คึคึ
ตอบเม้นกันนิสนึง!
คห.53 > ^^ ฮันไปลากทึกมาตอนที่ไรเตอร์มิได้เขียน 55+ ว่ากันง่ายๆ คือ ย่นเวลาตัดตอนฮันไปเชิญทึกออก แล้วรวบรัดเข้าโต๊ะอาหารเลย อะไรประมาณนั้น คงจะพอเข้าใจนะค่ะ ^-^;
โอ้วว~ มีคำถามประจำตอนด้วย เอิ๊กๆ บอมตามด๊อง เพราะ...คำสั่งฮันไง ส่วนฮันสงสัยทึกทำไม เพราะ ถ้าไม่สงสัยก็ไม่เป็นนิยายสิคราบบ...(จิงม่ะ?) ^o^ (ปั่กๆ! ไรเตอร์ถูกต่อย 55+)
คห. 54 > ไรเตอร์ก็ชอบค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะแต่งให้ฮันพูดน้ำเน่าขนาดนี้ ฮ่าฮ่า ขอบคุงที่ติดตามค่ะ
คห. 55+56 > ^-^; อย่าเพิ่งเข้าโหมดโหดค่ะ ยิ้มเข้าไว้ จะได้หน้าเด็ก โฮะๆ ^o^ อ่า...ถ้าบอกหมดก็ไม่สนุกสิคร่ะ >-< ต้องติดตามกันต่อไป!
คห. 57+60 > ขอบคุงค่ะที่ติดตามค่ะ ^^
คห. 58 > รู้สึกรีดเดอร์จาใจตรงกันกับไรเตอร์มากกว่า มิใช่อุคกี้ (รายนั้นมิได้รู้เรื่องด้วยเรย 55+) ^-^ ขอบคุณที่ติดตามคร่ะ เดี๋ยวจัดยามบ้านฮันไปให้สักสองคน เอิ๊กๆ
คห. 59 > ฮ่าฮ่า อาจจะใช่ค่ะ ไม่นานเกินรอ ปริศนาทุกอย่างจะคลี่คลาย (เมื่อไหร่ล่ะค่ะ à รีดเดอร์) (ตอนต่อไป(ไกลๆ) ^-^ à ไรเตอร์)
คห. 61 > น้องปอยังมิเลิกขอ NC ฮ่าฮ่า ขอบคุงที่ติดตามน้า~ อยากรู้ต้องรอดูตอนต่อไป ^[]^
คห. 62 > ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ...สำหรับคำถาม(S) ก็มีเฉลยแน่นอนค่ะ แต่ขออุบไว้ก่อน ^-^
ความคิดเห็น