คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 Youre my Valerie
Chapter 3 You’re my Valerie
(เป็นตอนที่ต่อจาก Intro นะจ้ะ)
กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้งงงงงง……..
เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่ขาดสายเรียกสติชายหนุ่มหน้าหวานที่กำลังคิดถึงเหตุผลที่ต้องร่วมเตียงกับชายหุ่นเซกซี่ ให้รีบอำพรางคดีที่ก่อไว้เมื่อคืนให้แนบเนียนที่สุด สองมือรีบซุกซ่อนเสื้อที่ชุ่มด้วยเลือดแดงของตนซึ่งเป็นหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนาไว้ใต้เตียง ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินในกระเป๋าเป้สีโอรสมาใส่ปกปิดท่อนบนที่เปลือยเปล่า และรีบจัดฉากแสดงว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์นอนอยู่บนโซฟาไม่ได้ลุกออกไปกระทำ’ ‘การวัดขนาด’ ชายหุ่นยั่วเย้าที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนโดยเร็ว
กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้งงงงงง……..
“อ….อือ….โอ้ย !!!!อะไรโว้ย คนจะหลับจะนอน !! หนวกหู!!! ใครโทรมาว่ะ!!!”
ชายร่างเซกซี่ที่ตื่นจากภวังค์เพราะเสียงรบกวนเอ่ยตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะใช้มือหนากดรับสายโทรศัพท์อย่างไม่เต็มใจนัก
“ฮัลโหล…..ไอ้หยอย มีอะไรว่ะ….. โทรมาแต่เช้าเลยมึง ” คนตัวสูงที่สติเริ่มเข้าร่างเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนใช้ขายาวเดินออกจากเตียงและบิดร่างไปมาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
“ก็คุณมึงให้กูโทรปลุกตอนแปดโมงเช้าไม่ใช่รึไง…..ทำเป็นลืมนะครับ… ยังไม่แก่สงสัยต้องพึ่งใบแปะก๊วยแล้วมั้งครับคุณเพื่อน ….นี่กูอุตส่าห์ไม่สอบสวนมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว เพราะแค่มองตามึงกูก็รู้ว่ามึงจะทำอะไร ฮ่า ฮ่า…. กูเป็นเพื่อนสนิทกะมึงมาเป็นสิบปีนะไอ้จงอิน ฮ่ะ ๆๆๆ !! “
“ไม่ต้องทำมาเป็นรู้ใจกูเลยไอ้ยอล !! กูฟังแล้วขนหน้าแข้งลุก !! นี่กูยังไม่คิดบัญชีที่มึงพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านกูเลยนะ !!! เพราะมึงคนเดียวที่ลากใครก็ไม่รู้เข้ามาในบ้านกู” ชายใบหน้าคมเอ่ยขึ้นก่อนจะมองทอดต่ำไปหา ‘คนแปลกหน้า’ ที่เขาพูดถึง ขาเรียวเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กซึ่งนอนอยู่บนโซฟาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ก่อนจะใช้มือหนาจับหน้าผากใบหน้าหวานเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย ส่งผลให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อรู้ว่าร่างบางยังตัวร้อนอยู่ แต่สายตาคมกลับมองจ้องใบหน้าหวานอย่างไม่ละสายตา
ทำไมรู้สึก….ว่าเคยเห็นนายที่ไหนมาก่อนนะ….
หน้าหวานๆ……กับปากแดงๆแบบนี้……
ตึก ตึก ตึก
คนตัวสูงที่สติหลุดลอยออกไปไกลเพราะพยายามคิดหาคำตอบกลับรู้สึกหัวใจเต้นผิดปกติอย่างไร้สาเหตุเมื่อมองหน้าคนตรงหน้าอย่างเนิ่นนาน
“ หรอออครับ…..กูคนเดียวสิน๊ะ ที่พาเด็กเปียกปอนยังกับหมาน้อยตกน้ำนั่นเข้ามาในบ้าน…. กูโครตจะรบเร้ามึงเลยจริงๆเนอะจงอิน ฮ่าๆๆ “
ครืน ครืน ครืน วี๊ด วี๊ด ซ่า ซ่า………..
บรรยากาศยามเช้าที่เคยมีแสงแดดรำไรกลับมืดมัวเพราะม่านฝนขนาดใหญ่ที่เริ่มไหลเทลงตามแรงโน้มถ่วงไม่ขาดสายผนวกกับเสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องที่บ่งบอกถึงสัญญาณของพายุลูกใหญ่
“เออ….ก็มึงคนเดียวน่ะสิ !! เฮ้ย !!.......... เชี่ยยอลนี่มึงแกล้งกูอีกแล้วหรอ !! นิสัยเด็กมือบอนชอบขีดๆเขียนๆตามกำแพงไม่ยอมหาย….. แล้วทำไมต้องมาวาดบนตัวกูด้วยว่ะ !! ผิวสวยๆของกูไม่ใช่กำแพงเมืองจีนบ้านเกิดอากงมึงนะเฮ้ย !! เห็นกล้ามกูสวยกว่าก็เลยอิจฉาล่ะสิ….มึงเนี่ยจริงๆเล้ย !!” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเมื่อพบตัวเลขมากมายดังใบ้หวยบนร่างเปลือยท่อนบนของตน
ประโยคสนทนานั้นทำให้คนตัวเล็กที่นอนทอดกายหลับตาแสดงบทเข้าสู่นิทราแอบลอบยิ้มด้วยความดีใจ
คยองพ้นข้อหา ‘ ขีดเขียนบนร่างชายโดยไม่ได้รับอนุญาต’ แล้วสินะ…..คิ คิ
ขอโทษจริงๆนะชานยอล…..คยองจะแผ่เมตตาไปให้นาย….คยองสัญญา…...
“ก…..กู ป่าวนะเว้ยจงอิน !!! ครั้งนี้กูไม่ได้ทำจริงๆ”
ครืนน เปรี้ยงงง !!!
“ไม่ต้องมาแก้ตัว ไอ้หยอย เดี๋ยวกูค่อยคิดบัญชีกับมึงรวบเดียวจบ !! ฟ้าร้องเสียงดังขนาดนี้ กูขอปิดโทรศัพท์ก่อนนะครับ เดี๋ยวฟ้าจะผ่าคนโกหกอย่างมึง !! ”
“ด….เดี๋ยว…..กู ป….เปล่า !!!”
ตื้ด ตื้ด ตื้ด…….
คนตัวสูงที่ไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใดๆจากเพื่อนรัก รีบกดปิดโทรศัพท์โดยเร็ว ก่อนสายตาคมจะหันมอง’สิ่งที่น่าสนใจกว่า’ อีกครั้งอย่างถูกบางสิ่งดึงดูดให้จ้องมองโดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว
“ตัวยังร้อน อยู่เลยนี่นา….คงเป็นเพราะใส่เสื้อผ้าเปียกๆแบบนี้นอน ……สงสัยฉันคงต้อง ‘เปลื้องผ้า’ นายแล้วหล่ะ….” คนตัวสูงเอ่ยขี้นด้วยเสียงแผ่วเบา คิ้วเรียวยังคงขมวดเป็นปมเพราะกลัวคนที่นอนอยู่จะเป็นอะไรไป มือหนาลูบเรือนผมสีน้ำตาลด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มหัวใจที่ตนไม่ยอมให้คนตัวเล็กเข้าบ้านทั้งๆที่ฝนตกหนัก ก่อนจะเคลื่อนมืออีกข้างไปที่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินหมายจะปลดกระดุมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ร่างเล็ก
“ แค่ก แค่ก แค่ก……..” คนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสที่แสนละมุนนั้นรวมถึงคำพูดที่ชวนวาบหวิวของร่างสูงที่ดังก้องชัดเจนในโสตประสาทหูต้องรีบลืมตาแสดงบทบาทว่าตนตื่นจากภวังค์อย่างฉับพลัน มือเล็กรีบจับมือหนาที่กำลังลุกล้ำตนให้หยุดการกระทำนั้น ก่อนสายตาโตจะเข้าประสานกับสายตาคมที่ห่างกันเพียงคืบจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
ตึก ตึก ตึก
หัวใจของทั้งสองคนดังตึกตักภายในห้องที่เงียบสงัดซึ่งเจือจางกลิ่นของไอฝน
อาจเป็นเพราะใบหน้าที่ชิดใกล้จนเกือบจะสัมผัส…..
หรืออาจเป็นเพราะมือของร่างสูงที่ยังคงดึงดันปลดกระดุมต่ออย่างพลั้งเผลอในอารมณ์….
หรือเพราะสายตาที่สื่อความหมายถึง ‘ความต้องการ’ ของร่างสูงเพียงชั่วครู่ที่ส่งผ่านมายังสายตาโตที่ไม่รู้ประสา……..ก็ไม่อาจรู้ได้
“ค…คุณจะทำอะไรคยอง !!!” ร่างเล็กที่ได้สติก่อนเอ่ยขึ้นเสียงดังเพื่อกลบความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในจิตใจที่เหมือนจะมากขึ้นทุกขณะ ก่อนจะรีบเสหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงด้วยความเขินอายหันมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับร่างสูงที่ไม่ยอมเอาใบหน้าคมออกไปทั้งยังเคลื่อนเข้ามาใกล้เพราะความเผลอไผลในจิตใจกับคนตรงหน้าที่ดึงดูดสายตาให้มองอยู่เนิ่นนาน มือหนาที่ไม่ยอมฟังคำสั่งห้ามของสมองปลดปลงกระดุมจนเม็ดสุดท้าย ส่งผลให้ลมหนาวจากอากาศเคลื่อนปะทะผิวเนียนของร่างเล็กที่บัดนี้ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกกับการกระทำของร่างสูง สติที่หล่นหายรับรู้เพียงแต่เสียงหัวใจที่ดังก้องเพราะสัมผัสชวนวาบหวิวเหล่านั้น
“….เปล่า …ฉันก็แค่จะ ‘แก้ผ้า’ เปลี่ยนชุดให้นาย เอ้าตื่นแล้วนิ…งั้นก็ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเองแล้วกัน ฉันแค่ไม่อยากให้มีใครตายในบ้าน” คนตัวสูงที่เพิ่งได้สติพูดด้วยน้ำเสียงเข้มเพื่อปิดบัง ‘ความต้องการ’ ที่มีอยู่เต็มหัวใจ ก่อนจะโยนเสื้อผ้าของตนให้คนตัวเล็ก และเดินออกไปทางอื่นเพื่อ ‘ระงับอารมณ์’ ที่เกิดจากสันชาตญาณความเป็นชายที่ดูจะมากขึ้นทุกขณะ ด้วยท่าทางเฉยชาเพื่อกลบเกลื่อนความในใจราวกับว่าเป็นคนละคนที่มอบสัมผัสชวนคิดไกลให้คนตัวเล็กเมื่อครู่
ตึก ตึก ตึก
สายตาแบบนั้น….มันคืออะไร….
เหมือนกับว่า….. ‘ต้องการ’อะไรสักอย่าง…..
แล้วทำไมถึงกล้าพูดคำว่า… “แก้ผ้า” ได้ไม่อายปาก….นายทำเป็นเรื่องปกติรึไง !!
คยองไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมา ‘แก้ผ้า’ ได้ง่ายๆนะ !!
โอย….ทำไมคยองถึงได้รู้สึกวูบๆ หัวใจเต้นไม่หยุดขนาดนี้นะ…..เกิดอะไรขึ้นกับคยองกันแน่
คนตัวเล็กที่หัวใจยังเต้นตึกตักไม่หายได้แต่สบถในใจกับคำพูดล่อแหลมของร่างสูง ก่อนจะรีบไปอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดในห้องน้ำหรูโดยเร็ว
ซู่ ซู่ …..โอ้ยย…..
พรึ่บ……!!!
คนตัวเล็กร้องตะโกนลั่นเมื่อจู่ๆร่างบางของตนก็เสียหลักลื่นล้มในห้องน้ำ ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วบริเวณเนื้อเนียนตรงส่วนหลังซึ่งกระแทกพื้นที่เจิ่งนองด้วยน้ำอย่างแรง ร่างเล็กพยายามยันกายให้ลุกขึ้นยืนแต่กลับส่งผลให้ความปวดร้าวมากไปกว่าเดิม น้ำที่เปิดค้างไว้ยังคงไหลลงสู่เบื้องล่างเข้ากระทบกายไม่ขาดสายในท่ามกลางความมืดมิดไร้แสงจากหลอดไฟ
แกร๊ก แกร๊ก ปึง ปึง !!
เสียงไขกุญแจด้วยความรีบร้อนดังขึ้น ก่อนประตูจะถูกเปิดออกอย่างแรงเพราะแรงกระแทกจากฝ่าเท้าของผู้มาเยือน
“อ๊ะ……ใครน่ะ !!! อะ โอ้ย ” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆก็รู้สึกถึงความนุ่มของเนื้อผ้าที่ห่มกายก่อนที่แขนแกร่งจะโอบอุ้มร่างขาวที่ร้องโอดโอยเพราะยังปวดหนึบไปทั่วร่างไว้แนบอกแกร่ง และใช้ขาเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะวางร่างที่เปียกปอนไว้บนเตียงนุ่มด้วยความอ่อนโยน
“ คนอะไรซุ่มซ่ามชะมัด !! แค่อาบน้ำดีๆยังทำไม่ได้ …..สรุปว่าเฮียคริสส่งนายมาให้ดูแลฉันหรือว่าให้ฉันดูแลนายกันแน่เนี่ย!!” ร่างสูงบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย มือหนาส่งแรงใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่เรือนผมสีน้ำตาลของคนตัวเล็กไปมาอย่างเบามือ ปากเรียวยกยิ้มที่หุบไม่อยู่เมื่อเห็นคนตัวเล็กเงียบไปเพราะถูกดุเหมือนเด็กน้อยสำนึกผิด
เด็กน้อยซุ่มซ่ามเอ้ย….ตัวเล็กๆอย่างกับเด็กประถมอย่างนายเนี่ยนะจะมาดูแลฉันได้ไง
เฮียส่งมาผิดคนแล้วล่ะมั้ง…..สงสัยคงเป็นฉันที่ต้องดูแลป้อนน้ำป้อนข้าวให้นายยังกะเบบี๋ซะมากกว่า
คนตัวสูงคิดพลันส่ายหัวไปมาก่อนจะนึกถึงข้อความในจดหมายด่วนของคริสที่ส่งมาเมื่อสองวันก่อนแต่ตนเพิ่งจะเปิดอ่านก็ได้แต่ขำในใจ
‘ ถึงน้องชายสุดที่รักของเฮีย
ตอนนี้เฮียงานยุ่งมาก ไม่มีเวลากลับไปหา เฮียรู้ว่าแกต้องดูแลกิจการอีกส่วนอยู่ ก็คงเหนื่อยไม่แพ้กัน
เฮียเลยหา ‘คนดูแล’ แกมาให้เพราะรู้ว่าแกชอบกินข้าวไม่เป็นเวลา ให้เขาอยู่กับแกด้วย จะได้มีคนดูแลบ้าน
ตอนนี้เฮียกำลังวาดรูปสัตว์ในเทพนิยายอยู่ เฮียสัญญาว่าถ้าเฮียไปหาได้เมื่อไหร่จะรีบเอาไปให้ติดผนังบ้าน
เอ้อ เฮียลืมบอกเขาชื่อ ‘คยองซู’นะ ……เฮียจะส่งตัวไปหาแกวันพรุ่งนี้
จากเฮียคริสคนรักเมีย’
ครืน ครืน ซ่า ซ่า
“ม….ไม่ต้อง คยองเช็ดผมเองได้” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นเสียงสั่นด้วยความรู้สึกขัดเขินกับการกระทำอันแสนละมุนจนทำให้ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นมาเต็มหัวใจอีกครั้ง มือเล็กรีบยื้อดึงผ้าขนหนูมาจากคนตัวสูงอย่างรวดเร็ว
“ นายเป็นเด็กดื้อหรือไง…..คยองซู …. เจ็บตัวอยู่แล้วยังมาทำเป็นเก่งอีก… เดี๋ยวฉันเช็ดให้นี่แหละ จะได้เสร็จๆไป นายจะได้เลิกเป็นภาระ !! แล้วนี่นายรู้สึกขึ้นรึยัง ?…… ” คนตัวสูงเอ่ยเสียงเข้ม มือหนาข้างหนึ่งรีบฉุดข้อมือเล็กของเด็กดื้อที่ยังคงแย่งชิงผ้าขนหนูไว้แนบอกเพื่อห้ามการกระทำที่ไม่เชื่อฟังคำพูดตน มือหนาอีกข้างจับที่เอวบางอย่างแผ่วเบาพลางใช้สายตาสอดส่องภายใต้แสงสลัวของเทียนเพื่อดูแผลที่เอวอย่างหลงลืมไปว่ามีผ้าปิดบังเนื้อบางอยู่ ส่งผลให้คนตัวเล็กต้องคอยเขยิบหนีด้วยความไม่เคยชินกับการกระทำเหล่านั้น ก่อนจะต้องหน้าแดงขึ้นเมื่อเห็นภาพเลือนรางที่สายตาคมมองไปทั่วร่างซึ่งมีเพียงผ้าผืนเดียวปิดบังของตน หัวใจที่เต้นผิดแปลกไปของคนทั้งสองยังคงทำงานหนักไม่ยอมหยุด
วี้ด วี้ดด กรีด กรีด กึ้ก กึกก ครืน ครืนน…..
เสียงหวีดร้องของลมปนกับเสียงของวัตถุที่สั่นไหวฉุดอารมณ์ที่กำลังพลั้งเผลอในจิตใจของคนทั้งสองให้มองโดยรอบห้องด้วยความหวาดระแวง ลมอันแสนหนาวเหน็บที่พัดผ่านร่างของชายสองคนสร้างความขนลุกในบรรยากาศที่ชวนวังเวงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
กึก กึก…..กึก กึก…..วี๊ด วี๊ด
เสียงวัตถุกำลังเคลื่อนไหวดังชัดเจนก้องไปทั่วบริเวณห้อง แสงที่แวบไปมาเพียงชั่ววินาทีจากฟากฟ้า ทำให้เกิดเงาสะท้อนชวนขนลุก ลมที่หวีดร้องราวกับเสียงเรียกร้องของวิญญาณในความมืดสลัวทำให้ความน่ากลัวเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
“ว๊าก……ผี !! ” ร่างสูงตะโกนร้องเสียงดังลั่น เมื่อสายตาคมเข้าปะทะกับวัตถุสีขาวที่ดูคล้ายผ้ายาวซึ่งปรากฏเพียงชั่วครูก่อนหายไปทางนอกหน้าต่าง แขนแกร่งโอบกอดเอวบางที่ร่างมีเพียงผ้าขนหนูคลุมกายด้านล่างเข้ามาไว้แนบชิดตน และวางใบหน้าคมไว้บนไหล่เล็กด้วยความกลัวอย่างถึงที่สุด
“อ….อะไรของนาย !! ผี เผอ อะไรไม่มีสักหน่อย ป…..ปล่อยคยองได้แล้ว” คนตัวเล็กที่รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นแฟ้นจนแทบจะหายใจไม่ออก ได้แต่ยกยิ้มหวานขำผู้ชายตรงหน้าที่ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ความจริงเป็นเพียงเด็กขี้แยคนหนึ่ง สายตาโตพยายามสอดส่องมองไปรอบห้องแต่ก็ไม่พบ ‘ผี’ อย่างที่ร่างสูงว่า
มือเล็กพยายามแกะแขนแกร่งออกแต่ดูท่าจะไม่เป็นผลเมื่อคนตัวสูงไม่ยอมให้ความร่วมมือ
“ก…ก็ฉันเห็นจริงๆนะ…..น….. ในเมื่อนายเองก็เจ็บตัวจนเดินไม่ได้…ก็มาอยู่ใกล้ๆฉันไว้เนี่ยแหละจะได้ไม่ไปเดินซุ่มซ่ามหกล้มที่ไหนอีก ฉันขี้เกียจดูแล !!….” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วง สายตาคมมองไปรอบๆห้องด้วยความหวาดระแวง ร่างแกร่งที่แนบชิดคนตัวเล็กยังคงสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัดเจนจนคนใบหน้าหวานปฏิเสธไม่ลงกับคำพูดที่เต็มไปด้วยการบังคับแต่แฝงด้วยคำขอร้องของคนตรงหน้า
กลัวก็บอกว่ากลัวสิ ‘คิมจงอิน’……
จะขอร้องทั้งทียังเอาอย่างอื่นมาเป็นข้ออ้าง……
“อืม….รู้แล้ว คยองจะอยู่ใกล้ๆนายไม่ไปเล่นซนหกล้มที่ไหนแล้ว…ทีนี้ก็เลิกกอดคยองซะที !” คนตัวเล็กพูดพลางใช้มือตบบ่าร่างสูงที่สั่นไหวไปมาเป็นการปลอบประโลมเด็กน้อยขี้กลัว ก่อนจะพยายามใช้แรงเคลื่อนกายออกจากอ้อมกอดอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
“ถ…..ถ้างั้น เพื่อเป็นการรับประกันว่านายจะไม่หนีไปซน…. ฉันจะจับมือนายไว้ และเราจะ’นอนด้วยกัน’ ” ร่างสูงที่ได้ยินคำตอบตกลงได้แต่ยกยิ้มหวานขึ้นด้วยความสบายใจก่อนจะถอดอ้อมกอดจากร่างเล็ก และแทนที่ด้วยการใช้มือหนาเข้ากุมมือเล็กอย่างอ่อนโยนพร้อมทั้งฉุดดึงให้ลงนอนไปพร้อมกันกับตน
“ด…เดี๋ยวนายเพิ่งจะตื่นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่ใช่หรอ จงอิน !! แล้วนี่จะปล่อยให้คยองนอนไปพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเดียวหรอ ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม คยองหนาว !!” คนใบหน้าหวานโวยวายเสียงดังกับการกระทำเอาแต่ใจแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวของคนที่กำลังเกาะกุมมืออย่างแนบชิดราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป
“ไม่ต้องหรอก ……เดี๋ยวปล่อยนายไป นายก็ไปเดินเป็นแพนกวินปุ้กลุกสะดุดอะไรอีก หนาวก็ห่มผ้าหนาๆแล้วกัน เอ้า !! สัญญานะ…ว่าถ้าฉันหลับนายก็ห้ามหนี ต้องนอนข้างๆฉันไว้” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นพลางใช้แขนแกร่งเคลื่อนร่างบางให้มาอยู่ภายใต้ผ้าผืนเดียวกับตน มือหนาที่กอบกุมมือเล็กถูกย้ายมาไว้กลางอกแกร่งเพราะกลัวคนตัวเล็กจะหนีไป ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าที่เลือนรางของคนข้างกายอย่างสื่อความหมายให้ทำตามคำพูดตน
คนตัวเล็กได้แต่เบิกตาโตกับความเอาแต่ใจของชายตรงหน้า อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะยิ่งเขยิบหนี ก็ยิ่งโดนดึงเข้าไปใกล้ จนร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยเพราะความเจ็บปวดยอมนอนนิ่งๆทำตามคำสั่งของคนเอาแต่ใจ
ไม่น่าไปตกปากรับคำกับ ‘ เด็กเอาแต่ใจ’ เล้ยย คยองซู……
ดูสิ…ยิ่งตามใจ…. ยิ่งได้ใจ เข้าไปใหญ่ …….
เพราะคยองสงสารเห็นว่าเป็นเด็กขี้แยกลัวผีหรอกนะ….ถึงได้อยู่ด้วย
คนใบหน้าหวานคิดพลันมองใบหน้าคมที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่พลางย่นจมูกแดงด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะนึกถึงคำถามที่ค้างคาในใจอยู่เนิ่นนาน
“จงอิน…..” เสียงใสเอ่ยขึ้นพลางเสสายตามองไปบนเพดานอย่างช่วยไม่ได้
“ห๊ะอะไร…..เด็กซุ่มซ่าม” ร่างสูงที่กำลังหลับตาพร้อมเข้าสู่นิทราเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนจะลืมตาโพลงเหลือบมองหน้าใบหน้าหวานที่ดูเคอะเขิน ส่งผลให้ต้องยกยิ้มเรียวเพราะท่าทางที่ดูน่ารักชวนหลงใหลเหล่านั้น
“ค…..คือวันนี้นายเห็น ‘อะไร’ …ของคยองรึเปล่า !!” คนตัวเล็กพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสูงต่ำไม่สม่ำเสมอกัน เพราะหัวใจที่เต้นถี่เร็วกับคำถามที่น่าอายของตน
“ ‘อะไร’ของนายคืออะไรหล่ะ?” ใบหน้าคมยกยิ้มกริ่มอย่างรู้ทันว่าคนตัวเล็กหมายถึงอะไร แต่กลับแกล้งพูดให้คำตัวเล็กยิ่งเขินอายเข้าไปยกใหญ่
“ก….ก็ ‘ร่างกาย’ ของคยองไง !! !” ร่างบางที่ใบหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัดยอมพูดสิ่งที่ตนอยากรู้ออกไป
ส่งผลให้หัวใจเต้นตึกตักจนแทบจะหลุด เมื่อต้องรอฟังคำตอบของร่างสูงที่เหมือนกำลังจะขโมยลมหายใจไปทุกช่วงวินาทีที่รอคอย
“ อ๋อ……เห็นสิ !! เห็นมัวๆ ไม่ค่อยชัด แต่เดี๋ยวก็คงเห็น ‘ชัดๆ’ แหละ ตอนนี้นายก็เหลือผ้าขนหนูผืนเดียวแถมนอนอยู่ใต้ผ้าผืนเดียวกับฉันไม่ใช่หรอ ถ้านายนอนดิ้นแล้วผ้าหลุดรับรองฉันได้เห็นอีกแน่ ฮ่าๆ” คนตัวสูงที่เห็นพฤติกรรมน่ารักเกินห้ามใจของคนข้างๆ แกล้งใช้คำพูดกระตุกหัวใจร่างบางให้ยิ่งต้องสั่นไหว ก่อนจะเคลื่อนมือหนาเปิดผ้าห่ม ใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองโลมเลียไปทั่วร่างของร่างเล็กอย่างจงใจส่งผลให้คนตัวเล็กรีบกำหมัดขึ้นชกไปที่ร่างสูงอย่างรัวเร็วด้วยความเขินอายอย่างถึงที่สุด
ตุบ ตุบ ตุบ
“ นี่แน่ะๆ…..ว่าไงนะ ! จงอินคนลามก ! ปล่อยคยองนะปล่อย !!” คนตัวเล็กที่ได้ยินคำพูดชวนใจสั่นของคนตัวสูงพยายามแกะมือที่เกาะกุมอยู่กับมือหนาออก แต่กลับเป็นผลให้คนตัวสูงลุกล้ำโอบเอวบางและเคลื่อนร่างเล็กให้มาชิดอกแกร่งของตน
“ ถ้ายังดื้ออีก ไม่ยอมนอนเฉยๆ ฉันจะ’เปลื้องผ้า’นายมาดู นายจะได้เลิกกังวลว่าฉัน’เห็น’รึยัง ซะทีคอยดู !!”
ใบหน้าคมพูดพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนใบหน้าหวานที่เบิกตาโตกับคำพูดที่พูดด้วยน้ำเสียงส่อกามอารมณ์ของร่างสูง ก่อนจะอมลมทำแก้มป่องด้วยความไม่พอใจที่รู้ว่าตนหมดหนทางสู้จึงแกล้งหลับตาเพื่อหลบสายตาคมที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมาทั้งวัน
คยองซู……ฉันอุตส่าห์เอาผ้าไปปิดตัวนาย
นายยังกังวลว่าฉันเห็นรึเปล่าอีกหรอ……
ฉันสิต้องกังวล…..กังวลว่าจะ’ห้ามใจไม่อยู่’
โดน ‘จงอินน้อย’ปลุกให้ตื่นขึ้นมา ‘เปลื้องผ้า’นายด้วย ‘อารมณ์แห่งความต้องการ’ ที่ฉุดไม่อยู่ซึ่งเหมือนจะมากขึ้นทุกทีตั้งแต่เจอหน้านาย….
+จากไรเตอร์ มิโดริน+
เป็นไงบ้างกับการพบกันครั้งแรกของคู่พระนาง….
แบบว่า จงอินต้องคอยห้ามใจอีกแล้วเนอะ อืม…
ใครจะปกป้องใครกันแน่
และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป…
ติดตามชมตอนต่อไปจ้า
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณคนอ่านทุกคนน๊า
พักนี้แบบว่ามีคู่ไคโด้บ่อย บอกตรงๆว่าปริ่มมากจ้า >,<
ทำไมมันเรียลจนหัวใจวาย ชีวิตจริงหวานยิ่งกว่านิยายยังงี้ก็ไม่รู้เนอะ อิอิ
ความคิดเห็น