ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✦.- be the light。 ‹myungyeol fic♡›

    ลำดับตอนที่ #1 : prologue .

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 57


    Prologue

     


     

    ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโซล



     

    หมอคะ! คนไข้หัวใจหยุดเต้นแล้วค่ะ!” เสียงของพยาบาลผู้ช่วยดังขึ้น ก่อนที่หมอจะหยิบเครื่องปั้มหัวใจมาเพื่อช่วยชีวิตคนไข้สองรายนี้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว.. หัวใจของคนไข้หยุดเต้น และไม่มีวี่แววจะสามารถกลับมาเต้นได้อีกครั้ง หมอเดินออกจากห้องผ่าตัดด้วยหน้าสลด ก่อนที่ญาติของคนไข้จะวิ่งเข้ามาหาหมออย่างกระวนกระวาย

      

     

     

     ..หมอครับพ่อกับแม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ..” เด็กชายอายุประมาณ12ขวบพูดขึ้นด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ก่อนที่หมอจะส่ายหน้าแล้วเดินจากไป

     

     
     

      “ป้าครับ..ไม่จริงใช่ไหม? พ่อกับแม่ไม่ฟื้นแล้วหรอครับ..” เด็กชายคนโตพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆพร้อมกับบีบมือน้องชายของตนเองที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด เนื้อตัวมอมแมม เด็กคนนี้คือคิมมยองซู และพี่ชายของเขาคือคิมซองกยู มยองซูก้มหน้าเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ หน้าของมยองซูซีดขาว เหมือนคนที่โดนอะไรกระทบแรงๆแล้วไม่รู้สึกอะไรอีก แรงสำหรับเด็กที่อายุเพียง9ขวบ เรื่องนี้กระทบจิตใจของเขามาก เพราะเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วมีชีวิตรอด

     

     

     

     

     ที่พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตเพราะมีรถขับมาชนรถที่พ่อเขาเป็นคนขับเข้าอย่างจัง แต่รถคนนั้นชนแล้วก็หนีไปทันที ไม่มีใครรู้ว่าคนขับรถเป็นใคร ซึ่งทางตำรวจกำลังตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

     

     

     

     

       เขายังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ขึ้นใจ รถพลิกคว่ำ ข้างหน้าของรถมีไฟลุกโชนขึ้นมา เขายังจำได้ถึงความหวาดกลัวของเขา

     

     

     

      แม่กอดเขาไว้ก่อนที่จะพยายามดันเขาออกจากรถ พร้อมกับพูดว่าไม่ต้องห่วงแม่กับพ่อ มยองซูร้องไห้หนักและเอาแต่พูดว่าไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ต้องจำใจออกมาทั้งน้ำตาพร้อมกับกดโทรศัพท์โทรหาพี่ชายของเขา

     

     

     

     

      เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คิมมยองซูเปลี่ยนไป จากเด็กผู้ชายที่สดใสร่าเริง กลับกลายเป็นเด็กผู้ชายที่เงียบขรึม ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ใบหน้าที่ดูไร้อารมณ์อยู่ตลอดเวลา แต่ซองกยูนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปแบบมยองซู ถ้าซองกยูไม่เข้มแข็งแล้วใครกันล่ะจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องของตัวเองได้

     

     


      มยองซู

     

     


      “…หืม” 


     

     

      พรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรกนี่ จัดกระเป๋ารึยัง?” ซองกยูที่กำลังพิมพ์รายงานนั้น หันมาถามน้องชายของตัวเองที่มัวแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

     

     


       ยังมยองซูตอบเพียงสั้นๆก่อนที่จะหันหน้ามาหาซองกยูด้วยสายตาที่เฉยเมย แต่ซองกยูชินกับแววตาแบบนั้นไปเรียบร้อยแล้วจึงไม่ว่าอะไร

     

     


        “รีบไปจัดเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ยังไงก็คงตื่นมาจัดไม่ทันหรอก

     

      


       “อืมมยองซูตอบเพียงสั้นๆ ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของตัวเอง มยองซูหยิบกระเป๋าใบใหม่เอี่ยมออกมาจากมุมห้องก่อนที่จะเดินไปยังตู้หนังสือแล้วหยิบหนังสือสมุดแต่ละวิชาเข้ามาใส่ในกระเป๋า พรุ่งนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนใหม่ที่มยองซูจะต้องเข้าไปอยู่ ใจจริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากย้ายโรงเรียนกลางคันหรอกนะ แต่ด้วยเหตุที่ว่าซองกยูตัดสินใจจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง หลังจากที่อาศัยอยู่ที่บ้านของป้ามาหลายปี บ้านหลังนี้ก็มีเพียงแต่ซองกยูกับมยองซูเท่านั้น

     

     


       แต่เรื่องการเงินค่าเทอมของซองกยูและมยองซูก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะลุงกับป้าส่งเงินมาให้ทุกเดือน ตระกูลคิมไม่ใช่ตระกูลที่ไม่มีฐานะ ฐานะดีและมั่นคงมากทีเดียว เนื่องจากตระกูลนี้สืบทอดกิจการบริษัทส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ สืบทอดกันต่อมาหลายๆรุ่น และอีกไม่กี่ปีเมื่อซองกยูเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็ต้องเข้าไปบริหารงานในบริษัทร่วมกับญาติๆของเขาแล้ว

     

     

     


     แต่กับมยองซูเรื่องบริหารงานในบริษัทเขาไม่เคยที่จะคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ เขายังเรียนไม่จบมัธยม และความฝันของเขาคือเป็นนักดนตรี ทางญาติๆก็เข้าใจความฝันของมยองซู แต่โชคดีที่ซองกยูอาสาจะบริหารงานในส่วนของตัวเองและมยองซูทั้งหมด การสืบทอดกิจการเลยไม่มีปัญหาอะไรมากมาย

     

     

     

       ก๊อก   ก๊อก   ก๊อก

     


     

     มยองซู จัดของเสร็จรึยัง?” ซองกยูเคาะประตูห้องของมยองซูก่อนที่จะตะโกนถามมยองซูที่กำลังจะของอยู่ มยองซูจึงเปิดประตูห้องออกมาพร้อมพยักหน้าเบาๆ

     

     

     

      ลงไปกินข้าวเถอะ พี่ทำกับข้าวให้เราแล้วซองกยูตบบ่าน้องชายเบาๆก่อนที่จะเดินลงไปยังโต๊ะกินข้าว กับข้าวไม่ได้เลิศหรูอะไรอยู่แล้ว มีเพียงต้มจืดกับไข่เจียวหมูสับ เพียงแค่นี้เอง แต่มยองซูก็ไม่เคยบ่นเลย เพราะเขารู้ว่าพี่ชายของเขาน่ะทำอาหารไม่ค่อยเป็นหรอก เขาเองก็ด้วย บางวันก็ต้องแวะซื้อเข้ามากินบ้าง หรือแวะกินนอกบ้านเลย

     

     

     

       ได้ยินว่าแอลโจก็ย้ายโรงเรียนมาพร้อมกับเราหรอ?”

     

     

     

       “..อืม ใช่มยองซูเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพี่ชายเล็กน้อยก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งหน้าตากินข้าวต่อไป แอลโจน่ะเพื่อนสนิทของเขาเอง สนิทกันตั้งแต่อายุห้าขวบ ตั้งแต่มยองซูยังไม่เป็นแบบนี้นั่นแหละ แอลโจเกิดที่อเมริกาแต่ความจริงแล้วพ่อแม่เป็นคนเกาหลี จึงส่งแอลโจมาพักที่บ้านของมยองซูตอนที่แอลโจเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เพราะทางผู้ใหญ่ค่อนข้างที่จะสนิทกัน แอลโจกับมยองซูจึงสนิทกันไปโดยปริยาย

     

     


      ดีแล้วล่ะ ที่แอลโจย้ายมาพร้อมกับเราน่ะ พี่กลัวว่าเราจะไม่มีเพื่อน

     

     


       อืม..”

     

     


       “แล้วนี่แอลโจอยู่ที่ไหนล่ะ?”

     

     


        หอพักนักเรียนมยองซูลุกขึ้นเก็บจานของตัวเองเอาไปล้างก่อนที่จะหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม แล้วเดินขึ้นไปยังห้องตัวเอง

     

     

        รีบอาบน้ำนอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า พี่ต้องรีบไปส่งเราก่อนไปมหาลัย

     

     

     

         “อืมมีเพียงคำตอบสั้นทิ้งท้ายไว้ให้เขา ซองกยูถอนหายใจยาว ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองว่าจะมีใครไหมที่ทำให้มยองซูกลับไปเป็นเด็กที่สดใสเหมือนเดิม แล้วก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ โดยไม่ได้รู้เลยว่าการย้ายโรงเรียนครั้งนี้จะทำให้มยองซูเปลี่ยนไปโดยที่ซองกยูคาดไม่ถึง

     

     

     

      be the light

     

      ====================================================
       อัพบทนำแล้วนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ แฮ่ .ปาดเหงื่อ
        

    farry 1000%
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×