ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fasentier l กิลด์อลวนคนอลเวง┃ปิดรับสมัคร

    ลำดับตอนที่ #5 : I N T R O l สัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 60


     
     
     
     
     
     I N T R O  
    สัญญา
     
     

    สายลมพัดพาเอาอากาศหนาวเย็นมาปะทะกับหิมะสีขาวที่กำลังล่วงหล่นอยู่ในตอนนี้ เป็นสัญญาณบอกว่าฤดูหนาวได้วนกลับมาอีกครั้ง ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความสุข สองข้างทางถูกตกแต่งให้พร้อมสำหรับวันสำคัญที่เรียกว่า วันคริสต์มาส’ วันเฉลิมฉลองแห่งการประสูติของพระเยซู อีกทั้งเดือนนี้ก็ยังเป็นเดือนแห่งการสิ้นสุดและการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการ เริ่มต้นใหม่

    แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่...

    เด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของผมเรือนหยักศกสีน้ำตาลยุ่งเหยิงกำลังเดินบนถนนที่ฟุ้งกระจายไปด้วยละอองแห่งความเปรมปรีดิ์แต่เหมือนร่างบางจะเหนื่อยอ่อนจนเห็นได้ชัด นัยน์ตาสีน้ำทะเลแกมม่วงที่ควรจะสดใสดูอิดโรยเกินเด็กอายุสิบหก ร่างบางมองเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่ง ในนั้นมีครอบครัวสุขสันต์กำลังทานอาหารค่ำด้วยรอยยิ้ม

     

    เพื่อเพิ่มอรรถรส กรุณาเปิด

     

    “พวกเขาดูมีความสุขจังเลยนะ” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ  ก่อนที่ดวงตาของเขาจะฉายแววแห่งความสุขออกมาเพียงเสี้ยววินาทีเดียว เหมือนเขากำลังนึกถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้มีความสุข...

    เขามองหาที่เหมาะๆ ก่อนจะวางลำโพงขนาดพกพาลงกับพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ร่างบางเสียบสายไมค์โครโฟนเก่าๆ และกดเปิดมันอย่างคุ้นเคย

    เสียงดนตรีดังขึ้นแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ เด็กหนุ่มกุมไมค์ในมือตัวเองก่อนจะหลับตาลง เสียงแหบๆ ดังขึ้น พร้อมกับดนตรีที่บรรเลงไปเรื่อยๆ

    ผู้คนแถวนั้นเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก่อนที่หลายๆ คนจะมองหาต้นเสียง เด็กหนุ่มปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งอยู่ในโลกของตัวโน้ต เสียงแหบทรงเสน่ห์สะกดให้ทุกคนจับจ้อง เด็กหนุ่มร้องมันออกมาราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับบทเพลง

     

     

    Nobody said it was easy
    It’s such a shame for us to part

     

    ไม่มีใครพูดหรอกว่ามันง่าย

    มันน่าเสียดายจริงๆ ที่เรากลายเป็นอดีตของกันและกัน

     

                เสียงปรบมือตามจังหวะดังขึ้นราวกับเป็นการให้กำลังใจ แม้เสื้อโคทของเขาจะเก่าและเต็มไปด้วยรอยแปะจากเศษผ้าเก่าๆ แต่ในตอนนี้เขาคือดวงดาวเล็กๆ ที่ส่องแสงสวยงามท่ามกลางค่ำคืนแห่งความสุขนี้

                เมื่อเพลงจบลงเสียงปรบมือดังขึ้น เด็กหนุ่มร่างบางโค้งหัวอย่างเหนียมอายพร้อมกับวางหมวกสานเก่าๆ ลง ผู้ชมต่างวางเหรียญให้เขาก่อนที่ความวุ่นวายจะกลับเข้ามาแทนที่อย่างเดิม

                หนึ่งในนั้นมีเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันยืนมองดูอยู่ห่างๆ สองมือหนาปรบมือพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เขาจะซุกมือเข้าไปในโคทหนาสีน้ำเงินตัวเก่ง สองขาก้าวเร็วๆ มุ่งหน้าไปหาเด็กหนุ่มอีกคนเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ไหวตามแรงลม นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลรั้นรับกับใบหน้าหล่อเหลา

                “ร้องเพราะดีนี่ลูซ” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยในขณะที่กำลังเก็บสัมภาระของตน เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้พูดเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไป

                “ฉันไม่แกล้งนายเหมือนกับคนอื่นหรอกนะ” เด็กหนุ่มอีกคนไม่สนใจ เขายังวุ่นเก็บของของตนโดยต่อไป

                “ถ้านายไม่พูดกับฉัน— ฉันจะไปบอกคนอื่นๆ” เด็กหนุ่มขู่จนอีกคนต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างกลัวๆ

                “มะ.. แมตต์ ยะ.. อย่านะ” เขาเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับโบกมือไปมากลางอากาศ

                “ดีมาก งั้นนายต้องคุยกับฉัน...” เด็กหนุ่มเอ่ย รอยยิ้มผู้ชนะปรากฏขึ้นมาช้าๆ ก่อนที่ลูซจะพยักหน้ารัวๆ และรีบเก็บของให้เสร็จ

     

     “นายเป็นคนมีของไม่อยากโชว์หน่อยหรือไง” แมตต์พูดในขณะที่กำลังเดินเตร็ดเตร่โดยที่มีลูซเดินตาม

    “มะ... ไม่เอาหรอกครับ ผะ.. ผม ทะ.. ทำไม่ได้หรอก” ร่างบางส่ายหัว

    “นายทำได้แต่นายแค่ไม่กล้า— กล้าหน่อยสิ” แมตต์ให้กำลังใจก่อนจะหันหลังกับมาแต่สองขาก็ก้าวต่อไปเรื่อยๆ

     “ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงชอบแกล้งนายกันนักนะ” แมตต์ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “แกล้งคนไม่สู้มันจะไปสนุกตรงไหน”

    ไม่ทันที่แมตต์จะตั้งตัว ร่างโปร่งก็ชนเข้ากับบันไดตัวเอที่ตั้งอยู่จนคนบนนั้นตกลงมาบนร่างของเขา

    “โอ้ยยย!! ใครกันวะเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือหน่อยหรือไง” เสียงใสของเด็กสาววัยเดียวกันดังขึ้น เธอดันตัวเองขึ้นจากร่างโปร่งก่อนจะสางผมสีน้ำตาลบลอนด์ของตนอย่างลวกๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววไม่พอใจพร้อมกับมองค้อนเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่กำลังลุกขึ้นมา

    “เอ้าซิลลิส” แมตต์พูดกึ่งตะโกนใบหน้าเขาตกใจราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน “แมตต์ไอ้คนจืดจาง แกกล้ามากนะอยากลองดีหรือไง ทำไมไม่หัดดูทางซะบ้างวะ คนกำลังตกแต่งหน้าร้านอยู่ดีดี แกนี่มันจืดจางแถมยังเซ่อซ่าเหลือเกิน ยังจะมาวิ่งหนีอีก— พรุ่งนี้เจอดีแน่—“ แมตต์ดึงแขนลูซที่ดูเก้ๆ กังๆ พร้อมกับเดินหายไปกับฝูงชน เสียงเล็กใสดังตามทางมาจนเงียบหายไป

    “ฟู่ว... เกือบไปแล้วมั้ย”

    “กะ.. ก็ไม่น่าไปมีเรื่องกับ ซะ..ซิลลิสหรอกนะครับ ธะ.. เธอน่ากลัวที่สุดแล้วนะ” ลูซกลืนน้ำลายก่อนที่แมตต์จะตบบ่าเขาเบาๆ พร้อมกับหลุดยิ้มออกมา

    “เอาน่า อย่างน้อยนายก็เป็นพยานรู้เห็น นายจะได้ช่วยฉัน” แมตต์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูซที่ตาเบิกกว้างสุดฤทธิ์

    “มะ.. ไม่เอาน่า ขะ..ขืนไปมีเรื่องกับซิลลิส” เขากลืนน้ำลายอีกครั้งก่อนจะว่าต่อ “ผะ.. ผมคง มะ... มา ระ...ร้องเพลงอีกไม่ได้แน่” เด็กหนุ่มร่างบางเอ่ย

    “งั้นเรามาสัญญากันว่าถ้าฉันไม่เอานายมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นายจะร้องเพลงให้ทุกคนฟังอีกครั้ง” ร่างเล็กพยักหน้าอย่างจำยอม “และฉันจะสัญญาว่าฉันจะไม่เอาเรื่องที่ร้านอาหารไปบอกใครจนกว่านายจะพร้อม” แมตต์ยื่นมือหนาก่อนจะหยักคิวขึ้นสูง

    “ตกลงมั้ย?

    “อะ.. อื้อ” ลูซตอบเสียงสั่นก่อนที่จะจับมืออีกฝ่ายเบาๆ

    “ดีมาก— ต่อไปนี้เรามีสัญญาระหว่างกัน ทำให้ได้ด้วยล่ะ แล้วก็.. หัดคุยกับคนอื่นบ้างนะ อย่างน้อยๆ คุยกับฉันก็ได้ อย่าจืดจางแข่งกับฉันสิ” แมตต์หัวเราะในลำคอก่อนจะหยุดเดิน

    “เจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้” เขาโบกมือลาเด็กหนุ่มร่างบางและหายลับไปกับฝูงชน

    “จะ... เจอกันแมตต์” ลูซเอ่ยเสียงแผ่วก่อนที่เขาจะยกยิ้มบางๆ “ขอบคุณนะ...”

    มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก นี่น่ะหรือ... จุดเริ่มต้นของคำว่า เพื่อน

     
     
     
     
     
     
     
    TALK WITH จันจ๋า
    เป็นไงกันบ้างอินโทร แท่แด้--- ในที่สุดก็ได้แต่งสักที
    หวังว่าจะถูกใจเพื่อนๆ รีดเดอร์ทุกคนนะครับ ส่วนตัวยังไม่ได้ทาน
    เดี๋ยวสักหน่อยจะกลับมาทาน ยังไงก็ช่วยเม้นต์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะ
    รักส์ <3
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
       T
    B
        T
    B
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×