คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : I N T R O l สัญญา
สายลมพัดพาเอาอากาศหนาวเย็นมาปะทะกับหิมะสีขาวที่กำลังล่วงหล่นอยู่ในตอนนี้ เป็นสัญญาณบอกว่าฤดูหนาวได้วนกลับมาอีกครั้ง ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความสุข สองข้างทางถูกตกแต่งให้พร้อมสำหรับวันสำคัญที่เรียกว่า ‘วันคริสต์มาส’ วันเฉลิมฉลองแห่งการประสูติของพระเยซู อีกทั้งเดือนนี้ก็ยังเป็นเดือนแห่งการสิ้นสุดและการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการ ‘เริ่มต้นใหม่’
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่...
เด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของผมเรือนหยักศกสีน้ำตาลยุ่งเหยิงกำลังเดินบนถนนที่ฟุ้งกระจายไปด้วยละอองแห่งความเปรมปรีดิ์แต่เหมือนร่างบางจะเหนื่อยอ่อนจนเห็นได้ชัด นัยน์ตาสีน้ำทะเลแกมม่วงที่ควรจะสดใสดูอิดโรยเกินเด็กอายุสิบหก ร่างบางมองเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่ง ในนั้นมีครอบครัวสุขสันต์กำลังทานอาหารค่ำด้วยรอยยิ้ม
เพื่อเพิ่มอรรถรส กรุณาเปิด
“พวกเขาดูมีความสุขจังเลยนะ” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะฉายแววแห่งความสุขออกมาเพียงเสี้ยววินาทีเดียว เหมือนเขากำลังนึกถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้มีความสุข...
เขามองหาที่เหมาะๆ ก่อนจะวางลำโพงขนาดพกพาลงกับพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ร่างบางเสียบสายไมค์โครโฟนเก่าๆ และกดเปิดมันอย่างคุ้นเคย
เสียงดนตรีดังขึ้นแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ เด็กหนุ่มกุมไมค์ในมือตัวเองก่อนจะหลับตาลง เสียงแหบๆ ดังขึ้น พร้อมกับดนตรีที่บรรเลงไปเรื่อยๆ
ผู้คนแถวนั้นเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก่อนที่หลายๆ คนจะมองหาต้นเสียง เด็กหนุ่มปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งอยู่ในโลกของตัวโน้ต เสียงแหบทรงเสน่ห์สะกดให้ทุกคนจับจ้อง เด็กหนุ่มร้องมันออกมาราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับบทเพลง
ไม่มีใครพูดหรอกว่ามันง่าย
มันน่าเสียดายจริงๆ ที่เรากลายเป็นอดีตของกันและกัน
เสียงปรบมือตามจังหวะดังขึ้นราวกับเป็นการให้กำลังใจ แม้เสื้อโคทของเขาจะเก่าและเต็มไปด้วยรอยแปะจากเศษผ้าเก่าๆ แต่ในตอนนี้เขาคือดวงดาวเล็กๆ ที่ส่องแสงสวยงามท่ามกลางค่ำคืนแห่งความสุขนี้
เมื่อเพลงจบลงเสียงปรบมือดังขึ้น เด็กหนุ่มร่างบางโค้งหัวอย่างเหนียมอายพร้อมกับวางหมวกสานเก่าๆ ลง ผู้ชมต่างวางเหรียญให้เขาก่อนที่ความวุ่นวายจะกลับเข้ามาแทนที่อย่างเดิม
หนึ่งในนั้นมีเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันยืนมองดูอยู่ห่างๆ สองมือหนาปรบมือพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เขาจะซุกมือเข้าไปในโคทหนาสีน้ำเงินตัวเก่ง สองขาก้าวเร็วๆ มุ่งหน้าไปหาเด็กหนุ่มอีกคนเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ไหวตามแรงลม นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลรั้นรับกับใบหน้าหล่อเหลา
“ร้องเพราะดีนี่ลูซ” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยในขณะที่กำลังเก็บสัมภาระของตน เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้พูดเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไป
“ฉันไม่แกล้งนายเหมือนกับคนอื่นหรอกนะ” เด็กหนุ่มอีกคนไม่สนใจ เขายังวุ่นเก็บของของตนโดยต่อไป
“ถ้านายไม่พูดกับฉัน— ฉันจะไปบอกคนอื่นๆ” เด็กหนุ่มขู่จนอีกคนต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างกลัวๆ
“มะ.. แมตต์ ยะ.. อย่านะ” เขาเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับโบกมือไปมากลางอากาศ
“ดีมาก งั้นนายต้องคุยกับฉัน...” เด็กหนุ่มเอ่ย รอยยิ้มผู้ชนะปรากฏขึ้นมาช้าๆ ก่อนที่ลูซจะพยักหน้ารัวๆ และรีบเก็บของให้เสร็จ
“นายเป็นคนมีของไม่อยากโชว์หน่อยหรือไง” แมตต์พูดในขณะที่กำลังเดินเตร็ดเตร่โดยที่มีลูซเดินตาม
“มะ... ไม่เอาหรอกครับ ผะ.. ผม ทะ.. ทำไม่ได้หรอก” ร่างบางส่ายหัว
“นายทำได้แต่นายแค่ไม่กล้า— กล้าหน่อยสิ” แมตต์ให้กำลังใจก่อนจะหันหลังกับมาแต่สองขาก็ก้าวต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงชอบแกล้งนายกันนักนะ” แมตต์ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “แกล้งคนไม่สู้มันจะไปสนุกตรงไหน”
ไม่ทันที่แมตต์จะตั้งตัว ร่างโปร่งก็ชนเข้ากับบันไดตัวเอที่ตั้งอยู่จนคนบนนั้นตกลงมาบนร่างของเขา
“โอ้ยยย!! ใครกันวะเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือหน่อยหรือไง” เสียงใสของเด็กสาววัยเดียวกันดังขึ้น เธอดันตัวเองขึ้นจากร่างโปร่งก่อนจะสางผมสีน้ำตาลบลอนด์ของตนอย่างลวกๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววไม่พอใจพร้อมกับมองค้อนเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่กำลังลุกขึ้นมา
“เอ้า! ซิลลิส” แมตต์พูดกึ่งตะโกนใบหน้าเขาตกใจราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน “แมตต์ไอ้คนจืดจาง แกกล้ามากนะอยากลองดีหรือไง ทำไมไม่หัดดูทางซะบ้างวะ คนกำลังตกแต่งหน้าร้านอยู่ดีดี แกนี่มันจืดจางแถมยังเซ่อซ่าเหลือเกิน ยังจะมาวิ่งหนีอีก— พรุ่งนี้เจอดีแน่—“ แมตต์ดึงแขนลูซที่ดูเก้ๆ กังๆ พร้อมกับเดินหายไปกับฝูงชน เสียงเล็กใสดังตามทางมาจนเงียบหายไป
“ฟู่ว... เกือบไปแล้วมั้ย”
“กะ.. ก็ไม่น่าไปมีเรื่องกับ ซะ..ซิลลิสหรอกนะครับ ธะ.. เธอน่ากลัวที่สุดแล้วนะ” ลูซกลืนน้ำลายก่อนที่แมตต์จะตบบ่าเขาเบาๆ พร้อมกับหลุดยิ้มออกมา
“เอาน่า อย่างน้อยนายก็เป็นพยานรู้เห็น นายจะได้ช่วยฉัน” แมตต์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูซที่ตาเบิกกว้างสุดฤทธิ์
“มะ.. ไม่เอาน่า ขะ..ขืนไปมีเรื่องกับซิลลิส” เขากลืนน้ำลายอีกครั้งก่อนจะว่าต่อ “ผะ.. ผมคง มะ... มา ระ...ร้องเพลงอีกไม่ได้แน่” เด็กหนุ่มร่างบางเอ่ย
“งั้นเรามาสัญญากันว่าถ้าฉันไม่เอานายมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นายจะร้องเพลงให้ทุกคนฟังอีกครั้ง” ร่างเล็กพยักหน้าอย่างจำยอม “และฉันจะสัญญาว่าฉันจะไม่เอาเรื่องที่ร้านอาหารไปบอกใครจนกว่านายจะพร้อม” แมตต์ยื่นมือหนาก่อนจะหยักคิวขึ้นสูง
“ตกลงมั้ย?”
“อะ.. อื้อ” ลูซตอบเสียงสั่นก่อนที่จะจับมืออีกฝ่ายเบาๆ
“ดีมาก— ต่อไปนี้เรามีสัญญาระหว่างกัน ทำให้ได้ด้วยล่ะ แล้วก็.. หัดคุยกับคนอื่นบ้างนะ อย่างน้อยๆ คุยกับฉันก็ได้ อย่าจืดจางแข่งกับฉันสิ” แมตต์หัวเราะในลำคอก่อนจะหยุดเดิน
“เจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้” เขาโบกมือลาเด็กหนุ่มร่างบางและหายลับไปกับฝูงชน
“จะ... เจอกันแมตต์” ลูซเอ่ยเสียงแผ่วก่อนที่เขาจะยกยิ้มบางๆ “ขอบคุณนะ...”
มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก นี่น่ะหรือ... จุดเริ่มต้นของคำว่า เพื่อน
ความคิดเห็น