ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You are My prince

    ลำดับตอนที่ #6 : อย่าหนี

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 61


     

         เพี๊ยะ! ทันทีที่หลุดจากอ้อมกอดของคีตะ เอริกาก็จัดการสั่งสอนคนมือไวที่บังอาจมารุ่มร่ามกับเธอ

         "คุณไม่มีสิทธิ์มาทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะ" ว่าแล้วเธอก็หมุนตัวก้าวออกจากลิฟท์ไปอย่างรวดเร็ว คีตะยังคงงุนงงกับแรงกระทบที่ยังหลงเหลือบนใบหน้า แต่ก็รีบวิ่งตามเธอไปจนทันกันที่หน้าทางเข้าตึก เขาเอื้อมมือไปหมายจะคว้าแขนเธอ แต่เอริกาหันกลับมาประจัญหน้าพร้อมกับชี้หน้าเขาเข้าให้ 

         "ถ้าคุณยังไม่หยุด คราวนี้จะไม่ใช่แค่ตบนะ ฉันต่อยคุณแน่" มือที่ชี้หน้าเปลี่ยนเป็นกำหมัด ตั้งท่าพร้อมที่จะเหวี่ยงใส่เขาอย่างที่เธอพูด

         "ใจเย็นๆ นะริกา พี่ขอแค่ริกายอมคุยกับพี่ดีๆ พี่สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินอะไรริกาอีก" คีตะยอมรับว่าเอริกามือหนักไม่เบา แค่ตบเขายังชาอยู่เลย ถ้าต่อยคงจุกน่าดู 

         "บอกกี่ครั้งแล้ว ฉันไม่ใช่ริกาของคุณ ถ้าคุณยังไม่หยุดมั่วนิ่มอีกฉันก็จะต่อยคุณเหมือนกัน"

         ไม่เจอกันเกือบสิบปี ริกาน้อยน่ารักคนนั้นเปลี่ยนเป็นสาวโหดไปซะแล้วเหรอเนี่ย

         "โอเคๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ถ้างั้นคุณชื่ออะไรล่ะ ผมจะได้เรียกให้ถูก" เรื่องเธอเป็นใคร ไว้เขาลองสืบจากทางบริษัทเธอดูก็รู้ 

         "ฉันว่าฉันบอกคุณไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้วว่าฉันรีบ ถ้าคุณมีอะไรจะแจ้งเพิ่มเติมก็ติดต่อไปทางบริษัทแล้วกันค่ะ แล้วอย่าตามฉันมาอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจริงๆ ด้วยแล้วเอริกาก็รีบวิ่งออกไปทันที 

          คีตะเกือบจะตามเธอไปอีก ถ้าไม่ถูกเวทินซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้ามาปรามซะก่อน

     

     

              เอริกามองเหม่อลอยไปนอกหน้าต่างของชั้น 17 นึกไปถึงวันสุดท้ายที่เธอได้พบกับเขา วันที่เธอตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์วันเกิด ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูหลังบ้าน เธอก็มองเห็นคีตะซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกำลังจะออกมาทางนี้พอดี จึงถือเค้กไปแอบหลบมุมอยู่

         "...คิดถึงสิจ้ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน... ขอบคุณนะฟ้า อุตส่าห์โทรมาอวยพรวันเกิดเรา...

          ...ใครนะ...ริกาน่ะเหรอ...อย่าคิดอะไรบ้าๆ น่ะ น้องเค้ายังเด็กอยู่เลย ก็สนิทกันเหมือนน้องสาวแท้ๆ นั่นแหละ...

          ...อืมม...เนี่ย กำลังออกไปแล้ว..."

    เสียงของเขาค่อยๆ ห่างออกไป ในขณะที่ริกาตัวน้อยได้แต่ทรุดตัวลงนั่งน้ำตาซึม เค้กขนมตาลหล่นจากมือไปพร้อมๆ กับหัวใจน้อยๆ ที่แตกสลาย ที่ผ่านมา เธอคิดว่าทั้งสองคนต่างใจตรงกันเพียงแค่ไม่เคยเอ่ยออกมาตรงๆ เท่านั้น แต่ในวันนี้คำที่ออกจากปากของคีตะบอกชัดเจนว่าทั้งหมดเป็นเพียงเธอที่คิดไปเองคนเดียว เอริกาได้แต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น เมื่อได้ปล่อยให้น้ำตาไหลจนสติเริ่มกลับคืนแล้ว เอริกาก็ตัดสินใจว่าทางเดียวที่เธอจะลืมเขาได้ คือ เธอต้องไม่เจอเขาอีก

    ตั้งแต่วันนั้นมาเอริกาก็พยายามหลีกเลี่ยงคีตะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอจำได้ดีว่าตารางเวลาของคีตะเป็นอย่างไร เลิกเรียนกี่โมง วันหยุดมักจะทำอะไร ไปที่ไหน เวลาไหนที่เขามักจะแวะมาที่บ้านเธอ เอริกาก็จะกลับก่อนหรือหลังช่วงเวลานั้น พอเขาโทรมาหาที่บ้านเธอก็จะหาเหตุผลสารพัดที่จะไม่รับสาย ประจวบกับเวลานั้นแม่ของเธอก็เกิดป่วยขึ้นมาร้านขนมจึงต้องปิดลง เอริกาต้องคอยดูแลแม่เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่เป็นเดือน ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างมาก ทางญาติๆ จึงติดต่อให้พ่อของเอริกาทราบ แม้พ่อกับแม่จะแยกทางกัน แต่ทั้งสองต่างก็เลิกรากันด้วยดี หลังจากรักษาตัวอยู่ได้เกือบปีอาการก็ไม่ดีขึ้น พ่อจึงเสนอให้เธอกับแม่ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ เผื่อว่าหมอที่นั่นอาจจะรักษาได้ หรืออย่างน้อยแม่ก็จะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบที่นั่น เอริกาไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เพราะนอกจากแม่แล้ว เธอก็ไม่มีอะไรที่นี่ให้ต้องอาลัยอีกต่อไป แม้ว่ามันจะน่าใจหายอยู่บ้าง แต่การไม่ต้องเจอเขาอีกคงจะดีกับเธอที่สุดแล้ว

    จากวันนั้นก็ผ่านมาร่วมสิบสองปีแล้วที่เธอไม่เจอเขาอีกเลย และไม่คิดด้วยว่าจะได้เจอกันอีก เพราะบ้านเก่าที่เธอเคยอยู่กับแม่ก็ขายไปนานแล้ว เธอจึงไม่ได้แวะเวียนไปแถวนั้นอีก และอาจเพราะลึกๆ แล้ว เธอก็ไม่อยากรื้อฟื้นความหลังใดๆ ขึ้นมาอีกด้วย แต่แล้ววันนี้จู่ๆ ความทรงจำที่พยายามลืมกลับมาปรากฏตรงหน้า เจ้าชายของเธอไม่เพียงหวนกลับมา แต่เขากลับหล่อและคมเข้มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า พี่คีย์หนุ่มน้อยขี้เล่นในวันนั้นกลับกลายเป็นหนุ่มใหญ่ทรงเสน่ห์ เธอยังจำความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับอกกว้าง และแขนล่ำสันเมื่อเขากอดเธอเอาไว้ได้ และไหนจะคางสากที่สัมผัสกับแก้มของเธออีก

    ไม่เจอกันสิบกว่าปี มือไวเป็นลิงเลยนะพี่คีย์ คงจะผ่านมาเยอะล่ะสิท่า หญิงสาวตัดพ้อในใจ

     

    “เป็นไง ริก...งานที่ไปฟังวันนี้ยากหรอ ดูเหนื่อยๆ นะ”  ธนากรเอ่ยทัก เมื่อเห็นเอริกายืนเหม่ออยู่นานผิดปกติ

    “อ่อ.. นิดหน่อยค่ะ พอดีวันนี้ริกเหนื่อยๆ น่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้ฟังรายละเอียดมากนัก แต่ริกอัดเสียงไว้แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวจะส่งให้พี่ฮัทลองฟังนะคะ ทีมดีไซน์จะได้วางแผนกันถูก”  เอริกาทำท่าจะขอตัวกลับไปที่โต๊ะเพื่อส่งเครื่องอัดเสียงให้เขา

    “เดี๋ยวก่อนก็ได้ริก” ธนากรชะโงกหน้ามาใกล้ๆ เหมือนจะสำรวจว่าเธอเจ็บป่วยตรงไหน “ไม่สบายเป็นอะไรมากรึเปล่า ช่วงนี้ทำงานดึกหรอ พักผ่อนพอรึเปล่า พี่ว่าวันนี้เดี๋ยวเลิกแล้วรีบกลับเลยดีกว่านะ...”

    “พี่ฮัทคะ พี่ฮัท ใจเย็นๆ ค่ะ ริกไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” เอริกาขำขันท่าทางเลิกลักของธนากรที่ดูจะเป็นห่วงเธอซะเหลือเกิน แล้วก็นึกดีใจที่เธอมีเพื่อนร่วมงานที่เหมือนเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชาย

    “อ่าวหรอ พี่คงจะตกใจมากไปหน่อยน่ะ ไม่เคยเห็นริกเป็นแบบนี้มาก่อน พี่ก็เลย...”  ธนากรเองก็หัวเราะเก้อๆ กับอาการของตัวเอง

    ในขณะที่สองหนุ่มสาวหัวเราะคิกคักกันอยู่นั่นเอง ก็มีสายตาคู่หนึ่งที่มองอยู่ห่างๆ ด้วยความขุ่นเคือง เขาพยายามแทบตายที่จะรีบมาพบเธอ หลังจากที่เวทินเข้ามาห้ามปราม เขาจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เวทินฟังในฐานะของพี่ชายที่เคารพ ไม่ใช่เจ้านาย  เวทินไม่เคยเห็นน้องชายที่แสนจะสุภาพและอ่อนโยนของเขาเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย ทิ้งการประชุมกลางคัน วิ่งไล่ตามผู้หญิงไปถึงหน้าบริษัท แค่นั้นยังไม่พอ สาวคนนั้นดันมาเป็นคนเดียวกับที่เขาได้ยินมาว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนซะอีก เขาสับสนไปหมดแล้วว่าสรุปเธอเป็นหรือไม่เป็น แล้วเจ้าคีย์มันรู้มั้ย หรือเมื่อก่อนตอนที่รู้จักกันยังไม่เป็น แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามคีตะก็ยืนยันจะตามไปเจอเอริกาถึงที่บริษัทให้ได้ เวทินจึงเสนอตัวที่จะมาด้วย เพราะเจ้าบ้านี่จู่ๆ ก็ดันเลือดร้อนขึ้นมา ถ้าเกิดมีอะไร เขาจะได้ห้ามปรามกันได้ทัน

     

    “พี่ริกคะ มีลูกค้ามาขอพบค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องรับแขกนะคะ”  พนักงานคนหนึ่งเดินมาบอกกับเธอ

    “วันนี้พี่ไม่ได้นัดใครไว้นี่จ้ะ จากที่ไหนเหรอ” 

    “วันเวิร์ลโลจิสติกค่ะ เห็นว่าที่พึ่งไปบรีฟงานมาวันนี้ค่ะ ไม่รู้จะมาบอกว่าเราได้งานรึเปล่านะคะเนี่ย”  ว่าแล้วเธอก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง เอริกาหน้าซีดเผือดไปทันที ธนากรที่สังเกตเห็นจึงรีบทักขึ้น “ริกหน้าซีดมากเลยนะ พี่ว่าริกพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปคุยให้เองดีมั้ย”

    “ดีๆ ดีมากเลยค่ะ งั้นริกฝากด้วยนะคะ พี่ฮัท” เอริการีบรับคำ ปกติต่อให้ป่วยเธอก็คงไม่ปัดลูกค้าตัวเองไปให้คนอื่นดูแล แต่เมื่อเป็นเคสนี้ เธอก็ขอทำตัวแบบคนไร้ความรับผิดชอบหน่อยแล้วกัน เพราะเธอยังไม่พร้อมจะพบกับเขาตอนนี้จริงๆ   

    ในระหว่างที่ธนากรเข้าไปคุยกับเวทินและคีตะในห้องประชุม เมื่อคีตะเห็นว่าเอริกาไม่ได้เข้ามาด้วย เขาจึงขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำ และมองหาเธอไปพลางๆ แล้วทั้งสองก็บังเอิญเจอกันตรงทางเข้าห้องน้ำพอดี เอริกาตั้งใจจะรีบเดินสวนออกไปแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งตัวไว้

    “ทำอะไรของคุณน่ะ ปล่อยชั้นนะ” เอริกาเอ็ดด้วยเสียงที่ไม่ดังเท่าใดนัก เพราะเธอก็ไม่อยากให้ใครได้ยิน

    “ไม่ปล่อย แล้วถ้าคุณอยากให้คนอื่นมาเห็นว่าผมกอดคุณอยู่ก็ร้องดังๆ เลย” ชายหนุ่มขู่อย่างรู้ทัน แล้วก็ดึงตัวเธอเข้าไปในห้องน้ำ

    “ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย คุณต้องการอะไรฮะคุณคีตะ” หญิงสาวตัดพ้อแหววๆ แต่ก็ใช้น้ำเสียงเบาๆ อย่างกลัวใครจะได้ยิน ซึ่งนั่นก็ทำให้คีตะแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ แล้วเค้าก็เขยิบมาใกล้จนแทบจะชิดกับเธอ แล้วก้มลงมากระซิบข้างๆ หู “บ่นพึมพำอะไรของคุณน่ะ ฟังไม่รุ้เรื่องเลย” น้ำเสียงแหบพร่า และลมเบาๆ ที่สัมผัสใบหูทำเอาเอริการู้สึกร้อนไปทั่วใบหน้า จนแทบจะตอบกลับไปไม่ถูก 

    คีตะมองใบหน้าเขินนั้นแล้วก็รู้สึกเอ็นดูนัก เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน คิดถึงใบหน้าหวานๆ เสียงออดอ้อนของเด็กน้อยที่คอยเรียกหาเขาอยู่ทุกวัน แต่แล้วจู่ๆ เธอก็หลบหน้าและย้ายไปต่างประเทศ มีคำถามต่างๆ มากมายที่เขาไม่เข้าใจ และไม่รู้จะทำอย่างไร เวลาที่ผ่านมาเขาพยายามทำใจลืมเธอ แล้วคบกับคนอื่นๆ แต่ภาพของเด็กน้อยคนนั้นก็ไม่เคยเลือนไปจากใจได้จริงๆ สักที คีตะมองดวงหน้าสวยอย่างสำรวจไปทั่วอย่างคิดถึง ทำเอาคนถูกสำรวจทำหน้าไม่ถูก


    “เฮ้ย...คีตะ อยู่หรือเปล่า ท้องเสียรึไง เข้านานเชียว”  เวทินซึ่งเห็นเพื่อนหายไปนานจึงมาตาม ด้วยสังหรณ์ใจว่าจะไปทำเรื่องอะไรอีกรึเปล่า

    เอริกากับคีตะมองหน้ากันเลิกลัก คีตะเอานิ้วชี้มาจรดที่ปากเป็นสัญญาณว่าให้เธอเงียบ แล้วตะโกนออกไปว่า “อยู่ครับ โทษทีพี่ สงสัยจะเป็นข้าวแกงเมื่อเช้าน่ะครับ รอแปบนึงนะพี่” แล้วเขาก็ก้มมากระซิบข้างหูเธอ “เราต้องคุยกัน ถ้าคุณไม่อยากคุยกับผมที่นี่ ผมไปคุยกับคุณที่บ้านก็ได้ เอาที่อยู่มา”

    “ไม่!” เธอตอบน้ำเสียงเด็ดขาด แม้ว่าจะเบาก็ตาม

    “เอ่อ พี่เวทินฮะ ทิชชู่มันหมดน่ะ พี่ช่วยส่งให้ผมหน่อยได้มั้ยฮะ ส่งมาใต้ประตูนี่เลยก็ได้ฮะ” เอริกาจ้องเขาตาเขม็ง บ้าหรือเปล่า ให้เขาส่งมาใต้ประตูก็เห็นขาเธอน่ะสิ ตาบ้านี่ และก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยอะไร คีตะก็ปิดฝาชักโครกลง และช้อนเธอขึ้นนั่งบนตักเขาแบบท่าอุ้มเจ้าสาว “ว่าไง จะยอมให้ผมไปเจอที่บ้านมั้ย ถ้าไม่ล่ะก็ ผมจะปล่อยขาคุณลง คนอื่นจะได้เห็นว่าคุณอยู่ในนี้กับผม ผู้หญิงกับผู้ชายมาทำอะไรกันในห้องน้ำสองต่อสองกันน้า...” คีตะส่งสายตายียวน ทำท่าจะปล่อยไม่ปล่อย เวทินก็กลับเข้ามา “ได้ละ ทิชชู่ แกอยู่ห้องไหนล่ะ” คีตะมองเอริกาอีกครั้งคล้ายจะถามอีกครั้งว่าเธอจะยอมให้เขาไปเจอที่บ้านหรือไม่ เอริกาไม่อยากให้เขาไป แต่เธอต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ไปก่อน เธอจึงพยักหน้าหงึกๆ

    “อ่อ ไม่ต้องละพี่ ที่มีอยู่ใช้ได้พอดีเลย เดี๋ยวจะออกไปละ พี่ออกไปก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวเค้าจะตกใจว่าเราหายกันไปทั้งคู่”  คนตอบตอบพลางมองหน้าหญิงสาวด้วยความพึงพอใจ

    “อ่าว อะไรของแกวะ เออๆ รีบๆ ตามมาละกัน ฉันออกไปก่อนล่ะ” แล้วเสียงประตูก็ปิดลง

    คีตะวางเอริกาลง แล้วส่งยิ้มกว้างให้เธอ “ผมออกไปก่อนล่ะ อย่าลืมสัญญาของเรานะ ผมไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาแน่” เขายักคิ้วให้เธอแล้วเดินออกไป

    ตาบ้าเอ๊ย อะไรของเขาเนี่ย แล้วเราจะทำไงดีอะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×