ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แล้วเราก็พบกัน
เอริกาก็เข้ามาร่วมประชุมในวันนี้ด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วนัดบรีฟงานแบบนี้ธนากรจะเป็นคนที่มาฟังรายละเอียดแล้วนำกลับไปคุยกับทีมเพื่อช่วยกันออกไอเดียมาเสนอลูกค้าอีกที อาจมีบางครั้งที่เอริกาต้องมาด้วยหากเป็นงานที่ต้องการโครงสร้างเวบไซต์ที่ซับซ้อนกว่าปกติ แต่เนื่องจากวันนี้ธนากรเองก็ติดเสนองานกับลูกค้าอีกที่ เอริกาจึงต้องมาคนเดียว
เมื่อเธอเดินเข้ามาในบริษัทก็เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้พอสมควร ด้วยหน้าตาที่สวยคมแบบสาวลูกครึ่ง วันนี้เอริกาใส่ชุดแม็กซี่ยาวกรอมเท้าลายขวางขาวสลับดำ คลุมทับด้วยเบลเซอร์พอดีตัวสีดำกับรองเท้าเชือกสาน พร้อมกระเป๋าผ้าสะพายข้างใบใหญ่ เรียกได้ว่าภาพลักษณ์ของเธอต่างจาก ’โปรแกรมเมอร์' ในความคิดของคนทั่วไปที่มักจะเป็นชายหนุ่มผู้เคร่งขรึม แต่งกายดูเนี้ยบไปจนเนิร์ดเลยก็มี เอริกามาถึงเร็วกว่าเวลาประมาณ 20 นาที เธอจึงแวะเข้าห้องน้ำก่อน ขณะที่กำลังเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้า และเติมแป้งอยู่นั้น ก็ได้ยินตัวแทนคนอื่นพูดคุยกันโดยบังเอิญ
"เมื่อกี้เห็นผ้ชายคนนั้นมั้ยแก หล่อมาก! หุ่นก็แซ่บเวอร์!" สาวร่างเล็กเอ่ยขึ้น
"เห็นสิแก ออร่าพุ่งขนาดนั้น อย่างน้อยงวดนี้ถ้าชวดงานก็เรียกว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้วล่ะ" สาวอีกคนตอบ
"ขอให้เขาเข้าประชุมกับเราวันนี้ด้วยเท้ออ จะได้มีโอกาสสร้างสัมพันธ์" ว่าพลางขณะเติมสีสันลงบนริมฝีปาก
เอริกาไม่ทันจะได้ฟังอะไรต่อเพราะเธอไม่ใคร่จะสนใจผู้ชายคนไหนในโลกอยูแล้ว เมื่อเสร็จธุระก็เดินออกมา มุ่งหน้าไปที่ห้องประชุมตามเดิม จังหวะนั้นเธอก็มองเห็นใครบางคนที่เคยคุ้นตาเดินตรงเข้าห้องไป เอริกาไหววูบเล็กน้อยด้วยคนที่เธอนึกถึงเป็นคนที่เธอพยายามจะลืมมาตลอด 'ไม่ใช่หรอก แค่คล้ายเท่านั้นล่ะมั้ง' เธอบอกตัวเองพลางสูดลมหายใจลึกแล้วจึงเดินตามเข้าไป ชายคนนั้นนั่งลงตรงเก้าอี้แถวหน้าสุดและก้มอ่านเอกสารที่เตรียมมา เธอจึงเข้าใจว่าเขาเป็นพนักงานของบริษัทนี้นี่เอง ร่างบางเดินเข้ามานั่งกลางห้องประชุม ครู่เดียวสองสาวที่พบในห้องน้ำก็เดินตามเข้ามา กระซิบกระซาบกันแล้วเดินตรงไปนั่งด้านหลังชายคนนั้น เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าคนนี้เองที่สองสาวเล็งเอาไว้ และแล้วการประชุมก็เริ่มขึ้น พนักงานคนหนึ่งก้าวขึ้นไปพูดเปิด พร้อมกับหรี่ไฟลงเพื่อให้เห็นจอพรีเซนเทชั่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
"หลังจากที่ได้ทราบความเป็นมาของบริษัทวันเวิลด์โลจิสติกกันแล้ว ต่อไปจะเป็นเรื่องจุดขายและบริการของเรา โดยผู้ที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือ ผู้จัดการด้านการตลาดสุดหล่อของเรา คุณคีตะ กมลเรืองโรจน์ นั่นเอง ขอเชิญเลยครับ" ชายหนุ่มรุ่นน้องท่าทางอารมณ์ดีผู้ทำหน้าที่บรรยาย คงอยากจะสร้างบรรยากาศให้ไม่เคร่งเครียดเกินไปนัก กล่าว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากท่าทีของสองสาวแถวหน้าที่ดูจะกระตือรือล้นราวกับแฟนคลับที่มาให้กำลังใจศิลปินคนโปรดก็ไม่ปาน ผิดกับคนตรงกลางที่นั่งตัวแข็งไปแล้วเมื่อได้ยินชื่อนั้น และเมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปในแสงไฟ ส่องให้เห็นเค้าหน้าได้อย่างชัดเจน ก็ทำให้หญิงสาวแทบลืมหายใจ...
...ภาพของหญิงสาวในวัยแรกแย้มกำลังขะมักเขม้นทำขนมอยู่ในครัว วันนี้วันเกิดพี่คีย์ เธอตั้งใจทำขนมเค้กวันเกิดให้เขาด้วยตัวเอง มันไม่ใช่ขนมเค้กธรรมดา แต่เป็นเค้กขนมตาลชิ้นเบ้อเร่อที่เธอหัดทำจากแม่อยู่นาน ด้วยรู้ว่าชายหนุ่มชื่นชอบขนมชนิดนี้เป็นพิเศษ หลังจากตื่นมาทำแต่เช้าและจัดแจงห่อใส่กล่องเสร็จแล้ว เธอก็คิดว่าจะทำให้เขาประหลาดใจโดยจะนำไปวางไว้ที่บ้านแบบไม่ให้เขารู้ตัว เอริกาเข้าออกบ้านของคีตะเป็นประจำ ด้วยละแวกบ้านก็ไม่ไกลกันนัก และแม่ของคีย์ก็เอ็นดูเธอเหมือนเป็นลูกสาวอีกคนเลยทีเดียว....
แสงไฟที่สว่างขึ้นเรียกสติของเธอกลับคืนมา พร้อมกับบอกให้รู้ว่าการบรรยายจบลงแล้ว
"เอาล่ะครับ ใครมีข้อสงสัย เชิญถามได้เลย" คีตะกล่าวพร้อมกับมองสำรวจผู้ฟังไปรอบๆ แล้วสายตาก็มาหยุดตรงที่เธออย่างตะลึงงัน
"มีค่ะๆ อยากจะทราบว่าคุณคีตะ สะดวกให้ติดต่องานโดยตรงเลยมั้ยคะ จีจี้จะได้ขอเบอร์ติดต่อไว้" หนึ่งในหญิงสาวสองคนหน้าสุดกล่าวขึ้น เรียกเสียงหัวเราะคิกคักทั่วห้อง แต่ไร้ซึ่งคำตอบจากคนตรงหน้าราวกับไม่ได้ยินคำถาม
"คุณคีตะคะ" หญิงสาวเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืน โบกมือไปมา และนั่นก็ได้ผล คีตะกลับมาสนใจเธอจนได้
"ครับๆ ว่าไงนะครับ" คีตะเอ่ย แต่ตายังคงมองไปที่คนข้างหลัง
"จีจี้ถามว่า..."
เอริการีบเก็บของอย่างลวกๆ พร้อมกับเก็บเครื่องบันทึกเสียงที่เธอกดบันทึกไว้ตั้งแต่เริ่มประชุมใส่ลงกระเป๋า ดีที่เธอคิดรอบคอบ ด้วยกลัวจะขาดตกอะไรไปเมื่อต้องไปคุยกับทีมงานภายหลัง เอริกาจึงบันทึกเสียงการประชุมทุกครั้งเมื่อเธอต้องไปรับบรีฟงานคนเดียว แล้วค่อยๆ เดินหันหลังออกจากห้องพลางคิดในใจว่างานนี้เธอจะให้ธนากรมาสานต่อทั้งหมดเอง จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆ กับผู้ชายคนนี้อีกแน่นอน แต่เมื่อเธอก้าวไปได้แค่เพียงสามก้าว เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"เดี๋ยวก่อนครับ คุณคนนั้นน่ะ..." คีตะเอ่ยขึ้นทันที ทุกสายตามองไปที่เธอเป็นตาเดียว "คุณเป็นตัวแทนของบริษัทอะไรนะ"
"เวบดีไซน์ค่ะ" เอริกาจำต้องหันมาตอบ พร้อมกับเตรียมก้าวออกไปอีก
"เวบดีไซน์... ผมรู้แล้ว ทุกคนที่นี่ก็มาเพื่อรับงานออกแบบเวบกันทั้งนั้นแหละคุณ ผมถามว่าบริษัทคุณชื่ออะไร ไม่ได้ถามว่าทำอะไร" ชายหนุ่มกล่าว พร้อมกับค่อยๆ เดินตรงมาหาเธอ
เอริกาอยากจะรีบหายตัวไปจากตรงนั้นซะเหลือเกิน แต่เธอก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาหมด หากเธอไม่พูดพร่ำใดๆ แล้วจากไป บริษัทคงจะเสียชื่อที่มีตัวแทนไร้มารยาทเช่นนั้น
"บริษัทชั้นชื่อดับบิวอีบี ดีไซน์ (W・E・B design) หรือจะอ่านว่าเวบดีไซน์ก็ได้ ชั้นไม่ได้ยียวน โปรดเข้าใจด้วยค่ะ" เอริกาโต้ตอบ
"ครับ แล้วคุณชื่ออะไร" คีตะที่ก้าวเข้าไปใกล้จนเกือบถึงตัวเอ่ยขึ้น ยิ่งมองเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่เธอแน่ๆ
"ชั้นเป็นตัวแทนของบริษัทที่มารับบรีฟ ตอนนี้คุณบรรยายจบแล้ว และชั้นก็มีธุระที่ต้องรีบไปทำต่อ ดังนั้นขอตัวนะคะ รายละเอียดต่างๆ ชั้นจะโทรมาคอนเฟิร์มอีกทีวันหลัง" เอริกาพยักหน้าให้นิดๆ นัยว่าขอโทษที่ต้องเสียมารยาทแล้วก้าวออกจากห้องไป
พิธีกรหนุ่มในตอนแรกก้าวมาสมทบกับคีตะทันที ด้วยไม่เคยเห็นชายหนุ่มดูมีท่าทีแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
"มีอะไรรึเปล่าพี่คีย์"
"ชั้นฝากทางนี้ก่อนนะ แกช่วยตอบคำถามไปก่อนละกัน เดี๋ยวชั้นมา" แล้วเขาก็เดินกึ่งวิ่งออกไปจากห้องทันทีทิ้งให้ทั้งห้องงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"โธ่เอ้ย! โดนยัยลูกครึ่งนั่นแย่งซีนไปซะงั้นอะ" สาวร่างเล็กแฟนคลับหมาดๆ ของคีตะตัดพ้อขึ้น
"เออ มุขนี้ไม่เคยเจอหว่ะ ชั้นต้องลองไปทำบ้างละ" สองสาวกระซิบกระซาบอย่างเสียดายที่ต้องแห้วรับประทานไปอย่างเคย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขณะที่เอริกายืนรอลิฟท์อยู่นั้น ชายหนุ่มก็ตามมาทันพอดี เอริการีบเข้าไปในลิฟท์แล้วกดปิดแต่ก็ไม่เร็วพอ เพราะคีตะแทรกตัวเข้ามาได้ทัน เธอหนีเขาไม่ได้เสียแล้ว
"จะรีบไปไหน ริกา" คีตะเอ่ยขึ้นทันที พร้อมกับประตูลิฟท์ที่ปิดลง
"ริกาอะไร คุณจำคนผิดแล้ว" ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะต้องมาเจอกับคนที่เธอพยายามหนีมาตลอดจนได้
"ไม่มีทาง คิดว่าพี่จะลืมริกาได้หรอ ริกาอาจจะลืมพี่ แต่พี่ไม่มีวันลืม" คีตะเอ่ยพร้อมกับคว้าแขนของเธอไว้แน่น
"นี่ปล่อยนะ อย่ามาถือวิสาสะกับชั้นนะ" ริกายื้อแขนสุดแรง
"ไม่ปล่อย จนกว่าริกาจะบอกว่าทำไมจู่ๆ ก็หายไป" คีตะยื้อแขนเธอกลับมาจนร่างบางเสียหลัก เซลงมาซบลงที่อกของเขา ทั้งสองมองสบตากันราวกับภาพสโลว์โมชั่น ดวงตาที่จับจ้องกันเหมือนจะเกิดกระแสไฟที่มองไม่เห็นวิ่งไปทั่วร่าง คีตะเอามืออีกข้างค่อยๆ กุมประคองดวงหน้าน้อยๆ และลูบผิวแก้มช้าๆ ค่อยๆ พินิจหญิงสาวตรงหน้า นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่พบเธอ จากวันสุดท้ายที่พบกันเด็กมัธยมปลายคนนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นสาวทรงเสน่ห์เต็มตัว แม้ผิวพรรณจะไม่ได้ใสแบบแรกรุ่นแต่ก็ยังคงนุ่มเนียนจนเขาอยากจะเอาจมูกลงไปสัมผัส ในขณะเดียวกันเอริกาก็เหมือนจะจมดิ่งลงไปในแววตาคู่นั้น มือของเธอที่แตะช่วงบ่าของเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง กล้ามเนื้อที่แน่นขึ้นต่างจากหลายปีก่อนลิบลับ แต่เธอก็เรียกสติกลับมาได้ในที่สุด
"นี่ ปล่อยนะ! ไม่งั้นชั้นจะแจ้งความ ในลิฟท์ก็มีกล้องวงจรปิดนะ ชั้นมีหลักฐานเอาผิดคุณแน่" เอริกาประท้วง ทั้งที่ตัวก็ยังอยู่ในวงแหวนของเขา
"ก็เอาสิ ดูจากภาพก็ดี จะได้รู้ว่าผมฝืนใจ หรือว่าคุณยินยอมกันแน่" คีตะยิ้มยียวนและกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิมอีก
"โอ๊ย! คนบ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ" เอริกาได้แต่ร้องโอดโอย แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงยันกายออกมาได้ แต่ประตูลิฟท์ก็เปิดออกพอดี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น