ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You are My prince

    ลำดับตอนที่ #11 : บุก

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 61


              เวทินหมั่นส่งข้อความหาแบลร์เรื่อยๆ ถ้ามีเวลาเขาก็จะไปรอรับเธอกลับบ้าน หรือชวนเธอไปทานอาหารเย็น แบลร์ตอบรับคำเชิญของเขาบ้างเป็นบางที เนื่องจากเธอเองก็มีกิจกรรมที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างการทำอาหารทุกวันจันทร์ หรือการไปเล่นโยคะในวันอังคารและพฤหัส เมื่อเห็นว่าเธอชอบทำกิจกรรม เขาจึงลองชวนเธอไปปีนหน้าผาจำลองด้วยกันในวันพุธ ซึ่งเธอก็รับปากว่าจะไปลองดูสักครั้ง แม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เวทินก็พบว่าแบลร์มีอะไรให้ค้นหามากกว่าความสวย เธอเป็นคนตลก ฉลาดและทันคน ทำให้เขายิ่งอยากใกล้ชิด อยากรู้จักเธอมากขึ้นอีก โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ากำลังเริ่มจริงจังกับเธอเกินกว่าหน้าที่ที่ตั้งใจไว้ซะแล้ว

              ด้วยความที่คุยกันบ่อยและเป็นคนพูดจาประสาเดียวกัน ทั้งคู่จึงสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว แต่เวทินก็รู้สึกว่ามันคือการพัฒนาไปเป็นเพื่อนไม่ใช่คนรัก และนั่นคงไม่เพียงพอที่จะแยกแบลร์ออกจากเอริกาได้แน่ ซึ่งนั่นคือเป้าหมายของเขา ดังนั้นเมื่อวันนี้เป็นวันหยุด เวทินคิดว่าแบลร์คงจะว่าง เขาจึงแกล้งขอนัดเธอคุยเรื่องงาน แล้วจะได้ชวนเธอไปทานอาหารเย็นต่อ แต่ปรากฏว่าเธอขอนัดเจอที่คอนโด เพราะโดยปกติวันเสาร์จะเป็นวันทำความสะอาดบ้าน และดูหนังของสองสาว เธอจึงไม่อยากแต่งตัวออกไปข้างนอก 

              เมื่อเวทินมาถึง ยามพลก็เปิดให้เขาผ่านประตูไปยังโถงลิฟท์ได้เลย เพราะแบลร์ได้โทรบอกไว้แล้ว เวทินขึ้นไปถึงชั้นบน เขากดออดประตูห้อง แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อคนที่มาเปิดไม่ใช่แบลร์ แต่เป็นเอริกา

              "อ้าว คุณเวทิน มาได้ยังไงคะเนี่ย"  เอริกาประหลาดใจเมื่อพบว่าลูกค้าคนหนึ่งของเธอมายืนอยู่หน้าประตูบ้าน

              "สวัสดีครับคุณเอริกา ผมมาหา..."  เวทินทำหน้าไม่ถูก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตามจีบเมียชาวบ้าน แล้วถูกสามีเขาจับได้ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค เสียงของแบลร์ก็ลอยมา แข่งกับเสียงของเครื่องดูดฝุ่นที่เจ้าตัวกำลังใช้งานอยู่

              "ให้เขาเข้ามาได้เลยริก เขามาหาเราเองแหละ"  

              เมื่อได้ยินดังนั้น เอริกาจึงเบี่ยงตัวให้เวทินเดินเข้ามา
              "ริกไม่ทราบนะคะ ว่าคุณเวทินรู้จักกับแบลร์ด้วย"  หญิงสาวพูดพลางลอบมองทั้งสองอย่างมีเลศนัย เพราะเพื่อนรักของเธอไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้เลยสักครั้ง และยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนขึ้นมาถึงบนห้องเลยด้วยซ้ำ 

              "ครับ พอดีมีเรื่องงานที่คุณแบลร์พอจะช่วยได้ ไอ้คีย์มันก็เลยแนะนำมาน่ะครับ"  เวทินให้เหตุผลกลบเกลื่อน เขาสังเกตเห็นว่าเมื่อเอริกาได้ยินชื่อนั้น เธอก็ชะงักไปแว่บหนึ่ง ก่อนจะยิ้มสดใสให้เขาตามเดิม

              "อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นก็ตามสบายนะคะ พอดีริกยังมีงานค้าง วันนี้เลยต้องเข้าออฟฟิศด้วย"  เอริกาในชุดเสื้อกล้ามผ้าชีฟองสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อนอกและกางเกงขากระบอกสี่ส่วนลายทางขาวดำ ผมถูกมวยไว้อย่างหลวมๆ ก็เดินสวนเขาออกไป  "ฝากอยู่เป็นเพื่อนแบลร์ด้วยนะคะ"  เธอหันมายิ้มกรุ้มกริ่มให้ก่อนจะปิดประตูห้องลง
              

              เวทินแอบประหลาดใจที่เอริกาไม่มีทีท่าหึงหวงเลย หรือเพราะเขาเป็นผู้ชาย เธอจึงไม่จำเป็นต้องหวง ชายหนุ่มยืนเก้ๆ กังๆ มองไปรอบๆ ห้องขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ดูโล่งโปร่งสบาย ผนังห้องสีขาว ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน จากประตูที่เขายืนอยู่ เมื่อมองไปทางซ้ายมือจะมีเคาน์เตอร์ครัวไม้สีครามสไตล์ครัวอังกฤษ ถัดไปเป็นโต๊ะอเนกประสงค์สีเข้าชุดกันวางอยู่ ใช้เป็นได้ทั้งที่จัดเตรียมอาหารและโต๊ะทานข้าว ทางขวาเป็นโซนนั่งเล่น มีทีวีจอแบนขนาดกลางติดอยู่บนกำแพง มีชุดโซฟาหนังสองที่นั่งสีน้ำตาลแดงเข้ม ตรงกลางมีพรมสีครีมที่แบลร์กำลังดูดฝุ่นอยู่ เขามองหญิงสาวที่แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดเอวลอยทับกับเสื้อกล้ามกีฬา และกางเกงเล่นโยคะผ้ายืดสามส่วน ผมเกล้าเป็นมวยสูงและมีผ้าคาดผมทับอีกชั้น ความร้อนทำให้เหงื่อซึมรอบกรอบใบหน้า เสื้อชื้นแฉะตามช่วงหลัง หน้าอก และข้อพับ ใบหน้ามีเลือดฝาดราวกับพึ่งออกกำลังกายมา แต่แทนที่เขาจะคิดว่าเธอโทรม เขากลับคิดว่ามันดูเซ็กซี่ดี 

              "มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ"  เขาถอดเสื้อนอกตัวเก่งวางพาดบนโซฟา พับแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้

              "ไม่ต้องค่ะ ฉันจะใช้ให้แขกมาทำความสะอาดบ้านได้ยังไงล่ะคะ"  แบลร์ยิ้มหวานพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า

              "แขกที่ไหนกันครับ ผมคนไทยแท้นะ"  เวทินพูดติดตลก แต่เมื่อไม่เห็นแบลร์รับมุข เขาจึงยิ้มเจื่อนแล้วพูดต่อไปว่า "แหะๆ มันไม่ตลกใช่มั้ยครับ แต่ผมก็ไม่ใช่แขกจริงๆ นะ ที่จริงผมนึกว่าเรา...เป็นมากกว่านั้นเสียอีก”

              แบลร์เหลือบมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเสมองทางอื่น เธอยอมรับว่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอหวั่นไหวได้เท่านี้มาก่อนจริงๆ แต่...ไม่นะ เราปฎิญาณกับริกไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าชาตินี้เราจะไม่ขอพึ่งพาผู้ชายไง เธอจึงเพียงตอบเขาไปว่า  "ต้องเป็นมากกว่านั้นอยู่แล้ว ก็เราเป็นเพื่อนกันไงคะ ...เพื่อนต่างวัย" 

              อีกครั้งที่เวทินบอกกับตัวเองว่าเขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียกศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายคืนมา หรืออย่างน้อยก็ศักดิ์ศรีของเขาเอง



              แบลร์วางมือจากการทำความสะอาดแล้วไปรินน้ำมาให้เขา ก่อนจะนั่งลงบนพรมแทนเพราะไม่อยากเอาตัวเหนียวเหนอะไปโดนโซฟา เวทินจึงนั่งลงตามข้างๆ กัน

              "เมื่อสักครู่คุณคงได้เจอกับริกแล้ว แต่พอดียุ่งๆ อยู่เลยไม่ได้แนะนำเลย ยังไงคราวหน้าฉันจะแนะนำให้ได้รู้จักกันนะคะ"  แบลร์เอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้

              "อ่อ เรื่องนั้นคงไม่ต้องหรอกครับ ผมรู้จักคุณเอริกาแล้ว บริษัทของเธอกำลังออกแบบเวบไซต์ให้ผมอยู่"  เวทินอธิบายเท่าที่คิดว่าจำเป็น

              "จริงเหรอคะ บังเอิญดีจัง ปกติแบลร์ไม่ค่อยรู้จักลูกค้าของริกหรอกค่ะ งานเราไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันเท่าไร ถ้าจะมีล่ะก็..."  แบลร์นึกไปถึงเหตุการณ์วุ่นๆ ในวันที่พบคีตะครั้งแรก เขาตามเอริกามาจนถึงที่นี่ แล้วเธอจึงมารู้ทีหลังว่า คนที่คิดว่าเป็นตาบ้ากาม กลับกลายเป็นลูกค้า และเป็นอดีตคนสำคัญของเพื่อนสาวอีกด้วย

              "มีอะไรเหรอครับ"  เวทินถามเมื่อเห็นเธอหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

              "เปล่าหรอกค่ะ พอดีนึกถึงลูกค้าของริกคนหนึ่งขึ้นมาก็เลยขำน่ะค่ะ คุณเชื่อมั้ยว่าเขาตามริกมาถึงที่นี่เลยนะ ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นพวกบ้ากาม ก็เลยเอาไม้กวาดฟาดเข้ากลางหลังเลย"  แบลร์กล่าวอย่างขำๆ

              "โห! คุณนี่ร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะ ผมคงต้องระวังตัวมั่งแล้ว"  เวทินหัวเราะตาม เขารู้ทันทีว่าเธอหมายถึงคีตะ เพราะรายนั้นเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่เขาไม่รู้คือมีช็อตบู๊กับเพื่อนสาวของเอริกาด้วย คีตะคงไม่ใส่ใจจะเล่ารายละเอียดที่ไม่เกี่ยวข้อง หรืออาจจะอายเกินกว่าจะบอกว่าถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำร้ายเข้าให้

              "ทำไมต้องระวัง คุณทำอะไรที่ควรจะโดนไม้ฟาดอีกคนด้วยหรือไงคะ"  แบลร์ถามกวนๆ แต่ประโยคนั้นทำเอาชายหนุ่มสะอึกเบาๆ

              "อุ่ย! ใครจะไปกล้าล่ะครับ"  ชายหนุ่มกล่าวหงอๆ แล้วก็พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มพราวไปจนถึงดวงตา พลางเอ่ย
              "ถ้างั้น คุณบอกผมหน่อยสิว่าอะไรบ้างที่ผมทำแล้วจะโดนคุณฟาดเข้าให้ อย่างเช่น...ถ้าผม"  เขาเอ่ยเสียงเบาแล้วค่อยๆ โยกตัวเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเขาแนบชิดกับใบหูของเธอ  

              "..กระซิบข้างหูคุณแบบนี้..."  เสียงแหบพร่าและลมหายใจร้อนที่รดโดนใบหูทำให้แบลร์ตัวแข็งทื่อไปทันใด ใบหน้าเริ่มแดงด้วยความเขินอาย  

              "...มองตาคุณแบบนี้..."  เขาเลื่อนมาจ้องตาเธอในระยะที่ใบหน้าห่างกันแค่ปลายจมูก  แบลร์แทบจะหยุดหายใจ เธออยากจะเบนหน้าหนี แต่แววตาคู่นั้นก็สะกดเธอไว้  

              "...สัมผัสคุณแบบนี้..."  มือของเวทินเลื่อนขึ้นมาแตะประครองใบหน้าเธออย่างแผ่วเบา เขาค่อยๆ เขยิบหน้าเข้าใกล้จนริมฝีปากของเขาเกือบจะแนบริมฝีปากของเธอ แล้วกระซิบเสียงพร่า  

              "และ...จูบ...คุณแบบนี้"  และริมฝีปากของเขาก็ประทับลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา แบลร์รู้สึกราวกับมีพลุแตกกระจายในหัวของเธอเต็มไปหมด หูเริ่มอื้อ เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่างกาย ไร้แรงขัดขืน เขาจึงบรรจงจูบเธออีกครั้งอย่างแนบแน่นขึ้น ริมฝีปากเธอช่างนุ่มนวลชวนให้หลงใหล จนเขาอยากจะสัมผัสมันมากกว่านี้ ชายหนุ่มประครองใบหน้าเธอไว้ด้วยมือทั้งสองแล้วเริ่มจูบเธออย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปหาเธอ หญิงสาวดูจะขัดเขินหลบหนีในทีแรก แต่เมื่อความรู้สึกวาบหวามท่วมท้น เธอจึงตอบรับสัมผัสของเขา มือของเธอเริ่มลูบไล้เข้าไปในเส้มผมหนาของชายหนุ่ม และเขาก็เริ่มลูบไล้แผ่นหลังลงมาถึงเอวบาง เสียงครางเบาๆ ในลำคอของแบลร์กระตุ้นความรู้สึกของเขาจนแทบทนไม่ไหว มือเขาเริ่มจับไล้ไปที่ชายเสื้อกล้ามตัวใน แต่เมื่อมืออุ่นร้อนของเขาเริ่มสอดเข้ามาสัมผัสกับหน้าท้องแบนราบ ก็ราวกับมีสัญญาณอะไรบางอย่างดังขึ้นในหัวของแบลร์ เธอผลักเขาออกห่างราวกับเป็นของร้อน แล้วรีบผุดลุกไปยืนไกลๆ อยู่ริมหน้าต่าง

              เมื่อผละออก เวทินก็รู้สึกตัวทันทีว่าเขาเผลอใจรุกล้ำเธอมากเกินไป เขารีบผุดลุกยืนขึ้นเช่นกัน 
              "แบลร์... ผม..."  เขากล่าวพลางเขยิบตัวเข้าใกล้ แต่แบลร์ก็เขยิบถอยออกไป เวทินจึงหยุด ไม่เข้าใกล้เธอมากกว่านั้น  "ผมขอโทษถ้าทำให้คุณรู้สึกไม่ดี แต่ผมจริงใจนะ เราลอง...คบกันได้มั้ย"  เวทินกล่าวด้วยน้ำเสียงวิงวอนและรู้สึกผิด

              แบลร์หันหลังกลับมาหาเค้า เธอเม้มริมฝีปากแน่น
              "คุณกลับไปก่อนดีกว่าค่ะ"  

              "คุณโกรธผมเหรอ"  เวทินรู้สึกไม่สบายใจ

              "เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ แต่ทุกอย่างมัน...เร็วมาก ฉัน...ฉันยังไม่พร้อมจะพูดอะไรตอนนี้จริงๆ คุณกลับไปก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกัน"  แบลร์เอ่ยด้วยท่าทางสับสน

              "โอเค ถ้านั่นจะทำให้คุณสบายใจ"  เวทินเอ่ย เขาเข้าใจว่ามันคงยากสำหรับเธอที่จะยอมรับเขา ...ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่ 'ผู้หญิง' แบบที่เธอชอบ 

              เขาคว้าเสื้อนอกมาวางพาดแขน แล้วค่อยๆ ก้าวออกไปจนเกือบถึงประตู  "อย่าลืมโทรหาผมนะ หรือ...ส่งข้อความมาก็ได้ ...ผมเป็นห่วง"  

              แบลร์เพียงแต่พยักหน้าตอบ เธอยังยืนอยู่ที่เดิม แล้วเวทินก็ปิดประตูลง



              เอริกากลับมาถึงบ้านในตอนหัวค่ำ ระหว่างขึ้นลิฟท์ไป หญิงสาวยังแอบลุ้นในใจว่าหากกลับมาแล้วเวทินยังอยู่ในห้องก็แปลว่าทั้งคู่กำลังคบหากันอยู่จริงๆ แต่แล้วเอริกาก็ต้องผิดหวัง เมื่อเปิดประตูมาเจอแบลร์นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาเงียบๆ คนเดียว

              "กลับมาแล้วจ้า ขอโทษนะ ช้านิดนึง นึกว่าคุณเวทินจะอยู่เป็นเพื่อนซะอีก"  ได้ทีเอริกาก็ขอแซวซะหน่อย แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น  

              "ฉันซื้อขนมที่แกบ่นอยากกินมาด้วยนะ ไว้กินตอนดูหนังกัน อาทิตย์นี้ตาแกเลือกหนังใช่มั้ย เลือกเลยนะว่าจะดูเรื่องอะไร ฉันขออาบน้ำก่อนเดี๋ยวมา"  เอริกาวางของลงบนโต๊ะทานข้าว แล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องนอน แต่ก็เอะใจที่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เธอจึงหยุดอยู่ที่หน้าประตูแล้วหมุนตัวกลับมา

              "แบลร์..."  ไม่มีการตอบรับ

              "แบลร์!"  เอริกาเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม และก็ได้ผล แบลร์สะดุ้งแล้วหันมา 

              เอริกาถอนหายใจ พลางเดินเข้าไปหา  "แกเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเรียกตั้งนานไม่ได้ยินเหรอ"  เธอหยุดยืนข้างๆ พลางก้มลงมองหน้าเพื่อนชัดๆ ว่าไม่สบายหรือเปล่า

              "ได้ยิน! พอดี...ฉันคิดไรเพลินๆ น่ะ เลยไม่ได้ตอบ ขอโทษทีนะ เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ"  แบลร์พยายามอธิบาย

              "เหม่ออะไรขนาดนั้น มีอะไรกับคุณเวทินหรือเปล่าเนี่ย"  เอริกาหรี่ตามองอย่างสงสัย เพราะมีอยู่เรื่องเดียวที่แปลกไปจากเดิม

              พอได้ยินชื่อนั้น ภาพความทรงจำวาบหวามก็ลอยขึ้นมาจนแบลร์หน้าแดง เผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างลืมตัว

              "แล้วนี่..แกไปทำอะไรมา ทำไมปากเจ่อแบบนั้นอะ"  เอริการีบร้องทัก เมื่อสังเกตเห็นว่าเพื่อนสาวปากบวมเจ่อไปกว่าปกติ อย่างกับไปทานของเผ็ดอะไรมา 

              ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก แบลร์เสไปมองทีวี ไม่รู้จะบอกสาเหตุกับเพื่อนสาวอย่างไร แต่ก็พยายามกลบเกลื่อนไป  "ก็..ก็นั่นไง! ส้มตำเจ้แหววไงแก วันนี้ฉันขอแบบสเปเชียลก็เลยเผ็ดจนปากเจ่อเลยเนี่ย"  เธอเอาร้านส้มตำใกล้คอนโดที่ทั้งคู่อุดหนุนเป็นประจำมาเป็นข้ออ้าง ปกติแบลร์จะสั่งแบบเผ็ดน้อย เพราะแม้จะทานเผ็ดได้บ้างก็ยังไม่จัดเท่าคนไทยอยู่ดี

              "อยากจะฝึกวรยุทธ์หรือไงแก แล้วเป็นไงล่ะ เผ็ดจนหูอื้อเลยล่ะสิ"  เอริกาขำเพื่อนสาวจนลืมเรื่องก่อนหน้านั้นไป 



                 หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทั้งคู่ก็มานั่งดูหนังที่แบลร์เลือกด้วยกัน ระหว่างนั้นแบลร์ก็คิดสับสนในใจกลับไปกลับมาว่าจะปรึกษาเพื่อนดีหรือไม่ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง เธอจึงทำเป็นเอาเรื่องงานมาอ้าง

              "เออ ถามหน่อยดิ แกทำงานกับคุณเวทินนานยังอะ"  แบลร์ทำเป็นชวนคุย

              "ไม่นานอะ เพิ่งจะงานแรกเอง"  เอริกาตอบโดยที่สายตายังคงจดจ่อกับจอสีตรงหน้า

              "เขาเป็นคนยังไงเหรอ"  แบลร์ทำเป็นดูหนังเช่นเดียวกัน แต่จริงๆ เธอแทบไม่มีสมาธิกับมันเลย

              "ไม่รู้สิ อันที่จริงแล้ว ฉันเพิ่งได้เจอกับเขาแบบจริงๆ จังๆ ก็วันนี้นี่แหละ"  เอริกาตอบอย่างไม่ใส่ใจ และเริ่มรำคาญนิดๆ ที่ถูกถามซอกแซกระหว่างดูหนัง 

              "อ้าว! ไหนแกบอกเขาเป็นลูกค้าไง แล้วทำไมไม่เคยเจอกันล่ะ"  แบลร์ถามอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่ 

              "ก็เค้าเป็นลูกค้าระดับเจ้านายนี่คะ จะต้องมาเสวนากับฉันเองทำไม เขาก็ส่งลูกน้องมาน่ะสิ... ลูกน้องตัวดีที่ทำให้ฉันกลุ้มใจอยู่เนี่ย"  เอริกาพึมพำประโยคหลังเบาๆ จนเหมือนบอกกับตัวเองมากกว่า 

              "ลูกน้องตัวดี... แกหมายถึงใคร"  

              "จะใครล่ะ ที่ทำให้ฉันปวดหัวตอนนี้ก็มีอยู่คนเดียว"  ภาพของคีตะลอยขึ้นมา เขายังคงหมั่นเอาขนมมาฝาก และมารอรับเธอกลับบ้าน บางทีเธอก็ใจอ่อนยอมไปกับเขา แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน คุณเมเปิ้ลก็จะปรากฏตัวตามมาแทบจะทุกครั้งราวกับเธอเป็นเงาของคีตะ ทำให้เอริกาค่อนข้างเหนื่อยใจกับสภาวะที่เป็นอยู่

              "อย่าบอกนะว่า...หมายถึงนายขี้ตา! คุณเวทินเป็นเจ้านายของนายขี้ตางั้นเหรอ"  ข้อมูลนี้ทำให้แบลร์ประหลาดใจ ลำพังแค่เวทินเป็นลูกค้าเอริกา แบลร์ก็คิดว่าบังเอิญมากแล้ว แล้วเวทินยังมาเป็นเจ้านายของคีตะอีก เรื่องมันบังเอิญเกินไป บังเอิญราวกับ...ไม่ใชเรื่องบังเอิญ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×