ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ก้างชิ้นโต
โดยทั่วไปงานของแบลร์จะเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับชาวอังกฤษที่เข้ามาท่องเที่ยวหรือพำนักอยู่ในประเทศไทย ด้วยความสามารถอย่างเจ้าของภาษา และความสามารถด้านภาษาไทยที่เธอร่ำเรียนจากเอริกามาหลายปีก็ทำให้เธอสามารถสื่อสารภาษาไทยได้ดีในระดับหนึ่ง พอได้ย้ายมาอยู่ประเทศไทย เธอจึงเรียนภาษาไทยอย่างจริงจัง จนตอนนี้หากหลับตาฟังก็คงจะคิดว่าเป็นคนไทยพูดแน่ๆ จึงทำให้บ่อยครั้งเธอก็จะได้งานล่ามเป็นรายได้เสริมด้วย แม้ว่างานที่สถานทูตจะไม่ใช่งานที่ท้าทายและออกจะจำเจ แต่เงินเดือนก็นับว่าไม่เลว ประกอบกับเวลางานที่เลิกเร็ว ทำให้เธอมีเวลาไปทำกิจกรรมสนุกอื่นๆ ได้ เธอจึงยังคงมีความสุขกับงานนี้ โดยในทุกวันจันทร์แบลร์จะกำหนดให้ตัวเองทำอาหารหรือขนมหนึ่งอย่าง อาจเป็นของคาวหรือหวานก็ได้เพื่อฝึกฝีมือไปในตัว วันนี้เธอจึงคิดว่าจะลองทำเปาะเปี๊ยะสดเวียดนาม เมนูทำไม่ยากและได้ทานผักเยอะ สามารถจะใช้เป็นเมนูลดน้ำหนักด้วยก็ได้ เธอจึงคิดว่าจะแวะซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าก่อนกลับบ้าน เมื่อเดินพ้นประตูสถานทูต ก็มีสายโทรเข้ามาพอดีซึ่งเป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก
"สวัสดีค่ะ แบลร์ ไลฟ์ลี่พูดสายค่ะ"
"สวัสดีครับ ผมเวทินนะครับ พอดีทราบจากเพื่อนว่าคุณรับเป็นล่ามใช่มั้ยครับ" ปลายสายเอ่ยเสียงสดใส
"ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นงานอะไร วันไหนเหรอคะ" หญิงสาวดีใจที่เดือนนี้เธอจะมีรายได้เสริมอีกแล้ว
"เอาเป็นว่าเรามาคุยรายละเอียดกันก่อนดีมั้ยครับ ตอนนี้คุณว่างมั้ย เรานัดกันใกล้ๆ ที่ทำงานคุณก็ได้ครับ"
"ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ร้านกาแฟคั่วสด ในห้างชิดชมก็ได้ค่ะ"
"ดีเลยครับ ตอนนี้ผมอยู่ในห้างพอดี งั้นอีกสักสิบห้านาทีเจอกันนะครับ"
ภายในร้านหอมกลิ่นกาแฟอบอวลไปทั่ว สมกับเป็นร้านกาแฟเจ้าดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เมื่อแบลร์มาถึงเธอเตรียมจะกดโทรศัพท์หาเขาอีกครั้ง ก็พอดีชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โซฟาในสุด ลุกขึ้นโบกมือให้ เธอจึงเดินตรงไปหาเขา ทันทีที่เห็นหน้าชัดๆ เธอยอมรับว่าเขาหล่อมากทีเดียว ชายหนุ่มยิ้มกว้างสดใสจนแทบใจละลาย มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันไม่เหมือนรอยยิ้มที่มอบให้คนแปลกหน้าที่พบกันครั้งแรก แต่เหมือนกับเธอเป็นคนที่พิเศษมากๆ อะไรแบบนั้น เขาสวมเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อน พับแขนเสื้อขึ้นพอให้มองเห็นท่อนแขนแข็งแรง กับกางเกงยีนส์สีเทา เสื้อนอกแบบลำลองของเขาพาดอยู่ที่หลังเก้าอี้ ดูออกเซอร์นิดๆ แต่ก็มีเสน่ห์จนทำให้แบลร์รู้สึกเหมือนโดนสะกด
"แบลร์... คุณแบลร์ คุณแบลร์ครับ"
"ค่ะ..คะ! ว้าย! ขะ ขะ ขอโทษค่ะ" เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเผลอเดินเข้าไปใกล้จนแทบจะชิดกับเขาอยู่แล้ว แบลร์ก้าวถอยหลังแทบไม่ทัน พร้อมกับละล่ำละลักขอโทษเขาอย่างไปไม่เป็น สาวมั่นผู้ไม่เคยหลงไปกับความหล่อของชายหน้าไหนอย่างเธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ...แต่กลิ่นโคโลญจ์ของเขาก็หอมจัง ไม่! ไม่นะ ตั้งสติหน่อยสิแบลร์ เป็นบ้าอะไรเนี่ย
"คุณ...โอเคนะครับ" เวทินกลั้นยิ้ม นึกภูมิใจว่าตัวเองเสน่ห์แรงจนแม้แต่เลสเบี้ยนก็ยังหวั่นไหว สมกับที่เขาตั้งใจยิ้มโปรยเสน่ห์ให้เธอเต็มที่ แต่ความจริงแล้ว ทันทีที่เห็นเธอ เค้าก็แทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายเลย เพราะเธอสวยกว่าที่เค้าจำได้เสียอีก ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ผมหน้าม้าปาดและหางม้ารวบตึงเผยให้เห็นคอระหง ร่างบางสวมชุดแซ็กตัวหลวมคอจีนสีขาวผ้าซีทรูทับบนชุดเดรสเกาะอกสีขาวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย คาดเข็มขัดและสวมส้นสูงสีดำ สะพายกระเป๋าหนังที่ดูเข้าชุดกัน เรียบง่ายแต่ก็ดูดี เรียบร้อยแต่ก็แฝงความเซ็กซี่พองาม แต่ที่ชายหนุ่มหลงใหลที่สุด คงเป็นตอนที่เธอลืมตัวจ้องเขานี่แหละ ทำเอาเขาเองแทบจะหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว จึงต้องรีบเรียกเธอซะก่อน
"ค่ะ โอเคค่ะ สงสัย...วันนี้จะเหนื่อยน่ะค่ะ งานเยอะก็เลย ฮู้ว! สติหลุดไปมั้งคะ แหะๆ" แบลร์เอ่ยพลางทำท่าทางประกอบเก้ๆ กังๆ แล้วก็รู้สึกว่ามันฟังไม่ขึ้นเลย เธอจึงขอตัวไปซื้อเครื่องดื่ม หวังว่ากาแฟปั่นเย็นๆ อาจจะทำให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัวบ้างก็เป็นได้
หลังจากหญิงสาวได้จิบกาแฟเย็นๆ และตั้งสติได้แล้ว เธอก็วางท่ามาดมั่นได้ตามเดิม
"ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ งั้นเรามาเริ่มกันที่รายละเอียดงานก่อนแล้วกันค่ะ ดิฉันจะได้ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง"
"ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลยครับ ผมไม่ได้ต้องรีบไปไหนอยู่แล้วด้วย" เวทินเอ่ยพลางส่งยิ้มหวานให้เธออีกครั้ง "โอเค เข้าเรื่องเลยนะครับ ผม...เวทิน อัครพงไพร ทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดระบบขนส่งโลจิสติกส์ครับ" ชายหนุ่มกล่าวพลางยื่นนามบัตรให้ "ทุกๆ ปี บริษัทเราจะมีการจัดสัมมนาให้กับพนักงานควบรวมไปกับทริปประจำปีของบริษัท ในปีนี้ผมคิดว่าจะเชิญคุณเดวิด เบลค ซึ่งเป็นนักพัฒนา EQ หรือที่เรียกกันว่า 'ความฉลาดทางอารมณ์' มาบรรยาย โดยความน่าสนใจคือเค้าได้พัฒนาแนวคิดพวกนั้นมาเป็นกิจกรรม ทำให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย ซึ่งผมคิดว่ามันน่าสนใจกว่าการนั่งฟังเฉยๆ"
"ฉันเห็นด้วยค่ะ ฟังดูน่าสนุกดีนะคะ" แบลร์คิดว่างานนี้ดูน่าสนุกกว่าที่คิด และหัวข้อก็เป็นเรื่องที่เธอสนใจด้วยเช่นกัน ถ้าเธอได้งานนี้ก็เหมือนได้เที่ยวฟรีๆ และยังได้เงินอีก
"ครับ ถ้าสนใจคุณก็สามารถร่วมกิจกรรมได้นะ อ่อ ผมหมายถึง...ในเวลาที่คุณไม่ต้องเป็นล่ามนะครับ" เวทินหัวเราะเบาๆ "ความจริงแล้วพนักงานของเราที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีก็มีหลายคนนะครับ แต่เนื่องจากนี่เป็นทริปบริษัท ผมถือว่าพาพวกเขาไปพักผ่อน เวลากิจกรรมก็อยากให้ได้ร่วมสนุกเต็มที่ทุกคน และนั่นคือเหตุผลที่ผมต้องการคุณ"
โอเค นอกจากเขาจะหล่อ มียิ้มอบอุ่นละลายใจนั่นแล้ว เขายังเป็นเจ้านายที่ดีมาก แม่เจ้า! มันยังเหลือผู้ชายดีๆ แบบนี้ในโลกจริงเหรอ ไม่ๆ ไม่มีทาง ตานี่ต้องมีแฟน หรืออาจแต่งงานแล้ว ไม่มีทางเหลือรอดมาจนป่านนี้ได้หรอก แบลร์ฟุ้งซ่านราวกับมีเทวดาและซาตานตัวน้อยผุดขึ้นมาเถียงกันในความคิด จนเธอต้องสะบัดศีรษะอย่างแรงก่อนจะพูดว่า "ไม่!"
เวทินอึ้งไปเล็กน้อยกับท่าทีของคนตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถาม "คุณแบลร์ ไม่..สะดวกเหรอครับ"
แบลร์เงยขึ้นมองเขาทันที และรู้ตัวว่าเธอพลาดอีกแล้ว จึงรีบตอบออกไป "ไม่...เอ่อ...ไม่ปฏิเสธค่ะ งานดีๆ แบบนี้ คุณเวทินก็มีความตั้งใจดีแบบนี้ ฉันจะปฏิเสธได้ไงคะ" แล้วเธอก็หัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อนไป
เวทินอมยิ้มมุมปาก ดูท่าว่าผู้หญิงคนนี้จะน่าสนใจกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก
เมื่อพูดคุยสรุปข้อตกลงเรื่องงานกันได้แล้ว แบลร์ก็เตรียมจะแยกตัวกลับ แต่อีกฝ่ายก็เอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน
"คุณแบลร์จะไปไหนต่อหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปส่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแบลร์จะแวะซื้อของที่ซุปเปอร์ก่อน ขอบคุณมากเลยนะคะที่มีน้ำใจ"
"ถ้าคุณแบลร์ไม่รังเกียจ ผมอยากจะขอเลี้ยงอาหารสักมื้อแล้วไปส่งคุณที่บ้านเป็นการขอบคุณนะครับ" เวทินรุกต่อ
"ขอบคุณอะไรกันคะ แบลร์สิคะที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณที่จ้างงานแบลร์ ทำให้แบลร์มีรายได้เพิ่ม" เมื่อเริ่มรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มหยอดขนมจีบมา แบลร์จึงตอบติดตลกกลับไปแทน
"โอเคครับ ถ้างั้นเพื่อเป็นการขอบคุณผม ให้ผมเลี้ยงข้าวสักมื้อแล้วไปส่งคุณที่บ้านนะ" คนดื้ออย่างเขาลองได้เริ่มแล้ว ไม่มีทางถอยง่ายๆ
"คุณนี่มัน... ร้ายจริงๆ เลยนะ ทั้งร้ายทั้งเจ้าเล่ห์ " แบลร์ละประโยคหลังไว้ในใจ
"มัน... มันอะไรครับ" เวทินยิ้มยียวน ลอยหน้าลอยตา
"ก็ได้ค่ะ ฉันขอขอบคุณด้วยการทานข้าวหนึ่งมื้อและไปส่งฉันที่บ้าน แต่ฉันขอเปลี่ยนจากการเลี้ยงข้าวเป็นทานอาหารที่ฉันทำ ตกลงมั้ยคะ" แบลร์ลอยหน้าลอยตาตอบเขาบ้าง
"ยินดีเลยครับ" ไม่คิดว่าเดินหมากตาแรก เขาก็จะได้บุกเข้าถ้ำเสือเสียแล้ว
หลังจากซื้อของได้ครบตามต้องการ เวทินก็ขับรถมาส่งแบลร์ที่คอนโด ขณะที่ทั้งสองเดินผ่านเข้าไปในล็อบบี้ แบลร์ก็หันมาหาเขา
"รอที่นี่แหละค่ะ"
"รอที่นี่... ไหนคุณว่าจะทำอาหารให้ผมทานไง" เวทินงุนงงกับคำพูดของเธอ
"ค่ะ ฉันจะขึ้นไปทำ แล้วนำมาให้คุณทานตรงนี้" แบลร์ตอบพลางยิ้มยียวน
"คุณจะขึ้นๆ ลงๆ ทำไมล่ะ ในเมื่อผมก็อยู๋นี่แล้วไง ก็ให้ผมขึ้นไปด้วยสิ" เวทินยังคงไม่เข้าใจ
"คุณเวทินคะ เราพึ่งพบกันวันนี้วันแรกเองนะคะ คุณคิดว่าฉันจะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าห้องฉันได้จริงๆ เหรอคะ" แบลร์ยืนกอดอกอธิบาย "ฉันพูดตรงๆ นะคะ คนทั่วไปมองว่าฉันเป็นฝรั่ง อาจจะง่าย แต่บอกไว้เลยว่าฉันไม่ง่ายนะคะ ที่ฉันชวนคุณมาก็เพื่อเป็นการขอบคุณอย่างที่คุณมัดมือชกเอาไว้ แต่ฉันก็ตั้งใจจะทำอาหารให้คุณทานจริงๆ อีกสักราวครึ่งชั่วโมงก็น่าจะทานได้ ถ้าคุณรอได้นะคะ แต่ถ้ามีธุระก็เชิญค่ะ"
"...เข้าใจแล้วครับ ผมจะรอ" ชายหนุ่มตอบแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟา ส่วนเธอก็ตรงไปขึ้นลิฟท์
เวทินยังคงงุนงงกับสิ่งที่เพิ่งเกิด เขาไม่เคยถูกแก้ลำแบบนี้มาก่อน ที่จริงเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรเกินเลย แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เขายอมรับว่าเธอพูดถูก เพราะในทีแรกเขาก็คิดว่าเธอช่างตอบรับไมตรีได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
แบลร์จัดวางเปาะเปี๊ยะสดลงในกล่องอาหาร วางถ้วยน้ำจิ้มไว้ข้างๆ กัน เธอตั้งใจประวิงเวลาจนผ่านไปเกือบชั่วโมงจึงค่อยลงไป แบลร์อยากแน่ใจว่าเขาจะอดทนรอได้ไหม ผู้ชายคนนี้จะเป็นคนดีจริงๆ หรือเพียงแค่รูปกายภายนอก เพราะหากเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ต่างจากผู้ชายที่เคยผ่านมาสักคน
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ในล็อบบี้ยังพอมีคนอยู่ประปราย แต่เมื่อแบลร์กวาดสายตาไปจนทั่วก็ไม่พบ หญิงสาวยิ้มเยาะในใจ คิดว่าเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ แล้วเธอก็เดินไปที่ปลายสุดของเคาน์เตอร์ยาวซึ่งเป็นที่นั่งประจำของยามรักษาการณ์ ตั้งใจจะมอบอาหารให้เขาแทน
"พี่พลจ้ะ" แบลร์เรียกยามพลที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
"อ่าว คุณแบลร์มาแล้ว" ยามพลหันไปสะกิดชายหนุ่มที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ "คุณๆ ตื่นได้แล้ว คุณแบลร์มาแล้ว"
หญิงสาวจึงมองตาม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่งัวเงียเงยหน้าขึ้นมาคือเวทินนั่นเอง และก่อนที่หญิงสาวจะได้ถามคำถาม ยามพลก็อธิบายออกมาก่อน
"พอดีผมเห็นคุณคนนี้เขาหลับอยู่บนโซฟาน่ะครับ ผมก็เลยไปปลุก แกบอกว่ามารอคุณแบลร์ ผมเห็นว่ายังหัวค่ำ คนผ่านเข้าออกยังเยอะอยู่ เห็นแกมาหลับแบบนี้เดี๋ยวจะไม่ดี ผมเลยให้แกมาหลบตรงนี้ ถ้าคุณแบลร์มาค่อยปลุกน่ะครับ"
"อย่างนี้นี่เอง ขอบใจพี่พลมากนะ" แบลร์เอ่ยขณะที่รอเวทินเดินอ้อมเคาน์เตอร์ออกมา
"ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว แต่ก็แปลกนะครับ หมู่นี้มีคนมานอนรอที่ล็อบบี้บ้อยบ่อย สองสามอาทิตย์ก่อนก็พึ่งมาคนหนึ่ง รู้สึกจะมาหา..." ยามพลหยุดนึกชั่วครู่
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันไปก่อนนะจ้ะ ขอบคุณมากนะ" แบลร์รีบตัดบท กลัวยามพลจะนึกขึ้นได้ว่าเป็นกรณีของรูมเมทเธอนั่นเอง แล้วคราวนี้ก็เป็นตัวเธออีก
แบลร์เดินนำเวทินไปนั่งที่ชุดโซฟาว่างตัวหนึ่งแล้วยื่นกล่องอาหารให้
"นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก" เธอเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบคล้ายไม่ใส่ใจ
"กลับได้ยังไงล่ะ ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวจะแย่ โทรศัพท์ก็แบตหมดอีก คุณน่ะใจร้ายจริงๆ ปล่อยให้ผมรอจนง่วง หิวไส้กิ่วแล้ว" พอได้ที เวทินก็ตัดพ้อหญิงสาวเป็นการใหญ่ แล้วรีบเปิดกล่องอาหารกินทันที
แบลร์มองอากัปกิริยานั้นอย่างขำขัน ชายหนุ่มดูหมดสภาพจริงๆ เสื้อเชิ๊ตยับยู่จากการนอน ผมก็กระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรงอีกแล้ว เรียกว่าเกินคำว่าเซอร์ไปมากทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูน่ารักไปอีกแบบ ยิ่งเขากินอาหารที่เธอทำด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยแล้ว ก็ยิ่งถูกใจเธอไปอีก
"จ้องซะขนาดนั้น ผมหล่อมากเลยสินะ" ชายหนุ่มเอ่ยหลังจากอิ่มท้อง
"บะ บ้า! ฉันมองว่าคุณนี่ท่าจะหิวมากต่างหากล่ะ หลงตัวเองชะมัด" แบลร์คิดว่าจะปล่อยให้เขาได้ใจไม่ได้อีก เขาไม่ควรรู้ว่ากำลังถือไพ่เหนือเธออยู่
"หิวมาก! แต่ที่คุณทำนี่ก็อร่อยมากนะ คุณชอบทำอาหารเหรอ" เวทินยิ้มหวานให้เธออีกแล้ว
"ก็ชอบนะ แต่ไม่ได้เก่งหรอก ทำเล่นๆ น่ะ คุณเป็นหนูทดลอง" เธอแกล้งตอบกวน
"ผมยินดีเป็นหนูทดลองให้คุณอีกหลายๆ มื้อเลยนะ ถ้าแฟนคุณไม่ว่าอะไร" เขาแกล้งเอ่ยเรื่องแฟนขึ้นมา
"คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมีแฟน"
"ก็สวยๆ อย่างคุณจะไม่มีได้ไง หรือจริงๆ ที่ไม่ให้ขึ้นไปบนห้องเพราะแฟนอยู่ใช่มั้ยล่ะ" เวทินอยากรู้ว่าแบลร์จะยอมรับกับเขามั้ยว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน
"ฉันอยู่กับเพื่อนคนหนึ่งค่ะ เราสนิทกันมาก เขาเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับฉัน" แบลร์ตอบยิ้มๆ แววตาแฝงไปด้วยความรัก
เวทินไม่แน่ใจว่านั่นคือการตอบรับหรือปฏิเสธ แต่คำตอบนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดแบบแปลกๆ และมันไปกระตุ้นความอยากเอาชนะของเขา ก็ให้มันรู้กันไปว่านายเวทินคนนี้จะเอาชนะใจเธอไม่ได้ แบลร์ ไลฟ์ลี่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น