ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : SHUTTER 7
พวกเรานัดเจอกันที่ป้ายรถเมลล์ใกล้ที่พักของฉัน นั้นไงนั้นไง มาแล้วมาพร้อมกันเชียว
"นานะ,ยายะ....."
โป๊ก!!!!!!!!!!
จ๊าก!!! มีวัตถุแปลกประหลาดลอยมากระทบหัวฉันอย่างแรงแล้วก็ขอย้ำอีกว่าแรงมาก
"ขวัญ..เป็น..อะไรไหม" ยูมิพูดผิดๆถูกๆถามฉันด้วยความตกใจ
ฉันส่ายหน้าเรียกสติตัวเองคืนมา
"มีกระดาษห่อด้วย"
"ไหนดูซิ"
ฉันไม่อยากบอกเลยว่าในกระดาษนั้นเขียนเป็นภาษาไทยว่าอะไร 'เอาเงินฉันคืนมา'
"ไอ้เจ้าโทโมยะ!!!"
*----------------------------------------------------------------- *
ฉันนั่งเดือดปุ๊ดๆเป็นหม้อต้มยำภายในห้องนอนเล็กๆเรียบร้อยของยูมิ
"ถ้าฉันมีระเบิดนะฉันจะไปโยนที่บ้านไอ้นั่นทันทีเล้ย"
"ขนาดนั้นเลยเหรอ" อายะกิถามขณะที่เธอติดพลาสเตอร์ยาบนหัวฉัน
"โอ้ย เบาๆหน่อยสิ" ฉันโวย
"อ่ะ โทษที"
"ว่าแต่ เธอเจ็บอย่างนี้แล้วจะไปเที่ยวไหวไหมเนี่ย"
ฉันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ไปได้สิ ไป ไป ระดับขวัญแล้ว แค่นี้ จิ๊บๆ"
อายะมิ นานะ แล้วก็ ยูมิ พาฉันตะลอนเที่ยวทั่วญี่ปุ่นเลยทั้งสวนสาธารณะอุเอะโนะ ถนนนัทช๊อบอาเมะโยโกะ กิน*เอกิเบนเป็นข้าวเที่ยง ระหว่างที่รอรถไฟไปเดินเที่ยวย่านขายส่งเรียบแม่น้ำสุมิดะ แล้วก็ไปเดินเที่ยวที่ย่านฮาบาร่า ย่านสินค้าอิเล็คทรอนิคส์แหล่งใหญ่แล้วรายการสุดท้ายของวันนี้คือ วัดอาซาคุสะ คันน่อน
"โอ้โห คนเยอะจังเลย"
พวกเรามาถึงวัดอาซาคุสะ คันน่อน ตอนฟ้ามืดเต็มที่แล้วแต่คนก็ยังคงเต็มกันควักไคว่ โคมไฟสีขาวที่ประดับประดาอยู่บริเวณนั้นดูตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
"นั้นอะไรหนะ" ฉันถามขึ้น
"ไหน"
"ที่เป็นหลังคาซ้อนกัน 5 อัน"
"นั่นเขาเรียกว่าสถูป 5 ชั้นจ๊ะ"
"สวยจังเลย ขอเก็บภาพหน่อยแล้วกัน"
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถกลับที่พัก
"นี้ถ้าเธอไม่โดนปาหัวคงจะได้เที่ยวเยอะกว่านี้นะ"
"ใช่นานะ เธอพูดถูก ถ้าฉันไม่โดนไอ้บ้านั่นทำร้ายร่างกายนะ ฮึ่ย!!!! คิดแล้วก็แค้น เจ้านั่นเป็นใครถึงกล้าทำอย่างนี้"
"ได้ข่าวว่าพ่อหมดนั่นเป็นคนไทยนะ"
"ใช่ๆ แถมเป็นนักธุรกิจด้วย ทาเคชิเคยบอกฉันด้วยว่าหมอนั่นเคยอยู่เมืองไทยตั้งแต่เกิดจนอายุ ถึง 12 ปีแล้วก็มาเรียนต่อที่นี้"
"อ้อเหรอ มิน่าหละถึงได้พูดภาษาไทยได้คล่อปรื๋อขนาดนั้น"
"ขวัญ เธอแน่ใจเหรอที่จะให้เราส่งเธอลงสถานีเท่านั้น"
"ได้สิ พวกเธอรีบกลับเหอะ แค่นี้สบายมากเดี๋ยวโทรให้พี่ฝนมารับ"
พวกเรานั่งเม้าท์กันสนั่นในรถไฟดีนะที่ค่ำแล้วคนไม่ค่อยเยอะแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนในรถหันมามองเป็นระยะๆ
*"นี้สาวๆพวกเธอคุยกันน่าสนุกดีนะ"
เสียงผู้ชายพูดภาษาญี่ปุ่นดังขึ้นข้างๆกลุ่มของพวกเรา เจ้าของเสียงเป็นเด็กวม.ปลาย [สังเกตุจากชุดที่เข้าใส่] หน้าตาอ่อนโยนดูเป็นผู้ใหญ่ ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
*"ซาโตชิ" ดูท่าทางแม่สามสาวของฉันทำท่าตื่นเต้นดีใจยังกะเห็นดาราดัง อะไรกันขนาดฉันเห็น ซี ศิวัฒน์ ก็ยังไม่ทำน่าลุกลี้ลุกลนขนาดนี้เลยนะ [แค่ตะโกนเรียกพี่ซีตลอดงานเท่านั้นเอง]
"ใครเหรอ ยูมิ" ฉันกระซิบถาม
"ประธานนักเรียนโรงเรียน ฮิราคาวะ แฟนคลับของเขาเป็นมีเป็นอันดับสองรองจากโทโมยะแค่เฉียดฉิวเท่านั้นเอง"
"อย่างไอ้โทโมยะก็มีแฟนคลับกับเค้าด้วยเหรอ" ฉันตะโกน
"เบาๆสิ"
*"รู้สึกว่าจะมีคนที่ไม่รู้จักผมอยู่นะครับ"
*"ค่ะ นี้เพื่อนของพวกเราเองค่ะ ชื่อขวัญ"
"ขวัญ You are interesting" ซาโตชิหันมาพูดกับฉันเป็นภาษาอังกฤษ
"ห๊า" ฉันส่งเสียงแปลกๆออกไป ซาโตชิยิ้มอย่างอารมณ์ดี อย่างนี้นี่เอง สามสาวถึงได้ชอบซาโตชิ ดูท่าทางเขาดูสุภาพมากๆเลยผิดกับหมอนั่นลิบลับ
"Can i have your telephone number? [ผมขอเบอร์โทรศัพท์คูรได้มั้ยครับ]"
ภาษาอังกฤษของเขาใช้ได้เลยทีเดียว แถมยังขอเบอร์นซะด้วยจะเอาไปทำไม จะเอาเลขท้ายไปซื้อหวยเหรอ ฉันคิดว่านี้เป็นวิธีการหาเพื่อนอีกวิธีหนึ่งของฉันให้ไปก็คงไม่เสียหายอะไร ให้ๆไปเหอะ
ฉันให้เบอร์โทรศัพท์เขา สักพักก็มีสายเข้าที่โทรศัพท์ฉัน
"That is my telephone number,don't forget to memmory[นั่นคือเบอร์โทรศัพท์ของผม อย่าลืมเมมนะ]"เขาพูด
"Aha [ค่ะ]"
เขายิ้มส่งมาที่ฉันอีกครั้ง รอยยิ้มของเขาช่างอ่อนโยนจริงๆฉันรู้สึกถึงคลื่นอิจฉาจากสามสาวของฉัน พอรถไฟจอดเขาก็ทำท่าจะลงสถานีนี้
"I will take out the train,I hopr to see you again bye [ผมจะลงรถไฟแล้วนะ หวังว่าจะได้พบคุณอีก ลาก่อนครับ]"
หลังจากที่เขาลงรถไฟไปแล้วสักพักรถไฟก็วิ่งต่อสามสาวหันมาสนใจฉันทันที
"ขวัญ เธอทำอะไร" นานะถามขึ้น
"ทำอะไร?"
"ทำอย่างไร เขาถึงสนใจเธอได้"
"ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะยูมิ แค่นั่งเฉยๆ"
"น้อยคนนักที่จะได้เบอร์โทรศัพท์เขา แต่เขาแค่เจอเธอเขาก็ให้เบอร์ฯเธอ"
"ฉันขอเบอร์เค้าหน่อยสิ"
"เอาไปเลย"
ฉันยื่นโทรศัพท์ให้แม่สามสาวนั่น ไม่อยากเชื่อเลยยังกับฉันโยนขนมปังให้ปลาดุกแหละ พวกนั้นรุมดูโทรศัพท์ฉันใหญ่เลย เฮ้อ พวกนั้นจะส่งอะไรกลับมาให้ฉันนะ
"นานะ,ยายะ....."
โป๊ก!!!!!!!!!!
จ๊าก!!! มีวัตถุแปลกประหลาดลอยมากระทบหัวฉันอย่างแรงแล้วก็ขอย้ำอีกว่าแรงมาก
"ขวัญ..เป็น..อะไรไหม" ยูมิพูดผิดๆถูกๆถามฉันด้วยความตกใจ
ฉันส่ายหน้าเรียกสติตัวเองคืนมา
"มีกระดาษห่อด้วย"
"ไหนดูซิ"
ฉันไม่อยากบอกเลยว่าในกระดาษนั้นเขียนเป็นภาษาไทยว่าอะไร 'เอาเงินฉันคืนมา'
"ไอ้เจ้าโทโมยะ!!!"
*----------------------------------------------------------------- *
ฉันนั่งเดือดปุ๊ดๆเป็นหม้อต้มยำภายในห้องนอนเล็กๆเรียบร้อยของยูมิ
"ถ้าฉันมีระเบิดนะฉันจะไปโยนที่บ้านไอ้นั่นทันทีเล้ย"
"ขนาดนั้นเลยเหรอ" อายะกิถามขณะที่เธอติดพลาสเตอร์ยาบนหัวฉัน
"โอ้ย เบาๆหน่อยสิ" ฉันโวย
"อ่ะ โทษที"
"ว่าแต่ เธอเจ็บอย่างนี้แล้วจะไปเที่ยวไหวไหมเนี่ย"
ฉันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ไปได้สิ ไป ไป ระดับขวัญแล้ว แค่นี้ จิ๊บๆ"
อายะมิ นานะ แล้วก็ ยูมิ พาฉันตะลอนเที่ยวทั่วญี่ปุ่นเลยทั้งสวนสาธารณะอุเอะโนะ ถนนนัทช๊อบอาเมะโยโกะ กิน*เอกิเบนเป็นข้าวเที่ยง ระหว่างที่รอรถไฟไปเดินเที่ยวย่านขายส่งเรียบแม่น้ำสุมิดะ แล้วก็ไปเดินเที่ยวที่ย่านฮาบาร่า ย่านสินค้าอิเล็คทรอนิคส์แหล่งใหญ่แล้วรายการสุดท้ายของวันนี้คือ วัดอาซาคุสะ คันน่อน
"โอ้โห คนเยอะจังเลย"
พวกเรามาถึงวัดอาซาคุสะ คันน่อน ตอนฟ้ามืดเต็มที่แล้วแต่คนก็ยังคงเต็มกันควักไคว่ โคมไฟสีขาวที่ประดับประดาอยู่บริเวณนั้นดูตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
"นั้นอะไรหนะ" ฉันถามขึ้น
"ไหน"
"ที่เป็นหลังคาซ้อนกัน 5 อัน"
"นั่นเขาเรียกว่าสถูป 5 ชั้นจ๊ะ"
"สวยจังเลย ขอเก็บภาพหน่อยแล้วกัน"
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถกลับที่พัก
"นี้ถ้าเธอไม่โดนปาหัวคงจะได้เที่ยวเยอะกว่านี้นะ"
"ใช่นานะ เธอพูดถูก ถ้าฉันไม่โดนไอ้บ้านั่นทำร้ายร่างกายนะ ฮึ่ย!!!! คิดแล้วก็แค้น เจ้านั่นเป็นใครถึงกล้าทำอย่างนี้"
"ได้ข่าวว่าพ่อหมดนั่นเป็นคนไทยนะ"
"ใช่ๆ แถมเป็นนักธุรกิจด้วย ทาเคชิเคยบอกฉันด้วยว่าหมอนั่นเคยอยู่เมืองไทยตั้งแต่เกิดจนอายุ ถึง 12 ปีแล้วก็มาเรียนต่อที่นี้"
"อ้อเหรอ มิน่าหละถึงได้พูดภาษาไทยได้คล่อปรื๋อขนาดนั้น"
"ขวัญ เธอแน่ใจเหรอที่จะให้เราส่งเธอลงสถานีเท่านั้น"
"ได้สิ พวกเธอรีบกลับเหอะ แค่นี้สบายมากเดี๋ยวโทรให้พี่ฝนมารับ"
พวกเรานั่งเม้าท์กันสนั่นในรถไฟดีนะที่ค่ำแล้วคนไม่ค่อยเยอะแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนในรถหันมามองเป็นระยะๆ
*"นี้สาวๆพวกเธอคุยกันน่าสนุกดีนะ"
เสียงผู้ชายพูดภาษาญี่ปุ่นดังขึ้นข้างๆกลุ่มของพวกเรา เจ้าของเสียงเป็นเด็กวม.ปลาย [สังเกตุจากชุดที่เข้าใส่] หน้าตาอ่อนโยนดูเป็นผู้ใหญ่ ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
*"ซาโตชิ" ดูท่าทางแม่สามสาวของฉันทำท่าตื่นเต้นดีใจยังกะเห็นดาราดัง อะไรกันขนาดฉันเห็น ซี ศิวัฒน์ ก็ยังไม่ทำน่าลุกลี้ลุกลนขนาดนี้เลยนะ [แค่ตะโกนเรียกพี่ซีตลอดงานเท่านั้นเอง]
"ใครเหรอ ยูมิ" ฉันกระซิบถาม
"ประธานนักเรียนโรงเรียน ฮิราคาวะ แฟนคลับของเขาเป็นมีเป็นอันดับสองรองจากโทโมยะแค่เฉียดฉิวเท่านั้นเอง"
"อย่างไอ้โทโมยะก็มีแฟนคลับกับเค้าด้วยเหรอ" ฉันตะโกน
"เบาๆสิ"
*"รู้สึกว่าจะมีคนที่ไม่รู้จักผมอยู่นะครับ"
*"ค่ะ นี้เพื่อนของพวกเราเองค่ะ ชื่อขวัญ"
"ขวัญ You are interesting" ซาโตชิหันมาพูดกับฉันเป็นภาษาอังกฤษ
"ห๊า" ฉันส่งเสียงแปลกๆออกไป ซาโตชิยิ้มอย่างอารมณ์ดี อย่างนี้นี่เอง สามสาวถึงได้ชอบซาโตชิ ดูท่าทางเขาดูสุภาพมากๆเลยผิดกับหมอนั่นลิบลับ
"Can i have your telephone number? [ผมขอเบอร์โทรศัพท์คูรได้มั้ยครับ]"
ภาษาอังกฤษของเขาใช้ได้เลยทีเดียว แถมยังขอเบอร์นซะด้วยจะเอาไปทำไม จะเอาเลขท้ายไปซื้อหวยเหรอ ฉันคิดว่านี้เป็นวิธีการหาเพื่อนอีกวิธีหนึ่งของฉันให้ไปก็คงไม่เสียหายอะไร ให้ๆไปเหอะ
ฉันให้เบอร์โทรศัพท์เขา สักพักก็มีสายเข้าที่โทรศัพท์ฉัน
"That is my telephone number,don't forget to memmory[นั่นคือเบอร์โทรศัพท์ของผม อย่าลืมเมมนะ]"เขาพูด
"Aha [ค่ะ]"
เขายิ้มส่งมาที่ฉันอีกครั้ง รอยยิ้มของเขาช่างอ่อนโยนจริงๆฉันรู้สึกถึงคลื่นอิจฉาจากสามสาวของฉัน พอรถไฟจอดเขาก็ทำท่าจะลงสถานีนี้
"I will take out the train,I hopr to see you again bye [ผมจะลงรถไฟแล้วนะ หวังว่าจะได้พบคุณอีก ลาก่อนครับ]"
หลังจากที่เขาลงรถไฟไปแล้วสักพักรถไฟก็วิ่งต่อสามสาวหันมาสนใจฉันทันที
"ขวัญ เธอทำอะไร" นานะถามขึ้น
"ทำอะไร?"
"ทำอย่างไร เขาถึงสนใจเธอได้"
"ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะยูมิ แค่นั่งเฉยๆ"
"น้อยคนนักที่จะได้เบอร์โทรศัพท์เขา แต่เขาแค่เจอเธอเขาก็ให้เบอร์ฯเธอ"
"ฉันขอเบอร์เค้าหน่อยสิ"
"เอาไปเลย"
ฉันยื่นโทรศัพท์ให้แม่สามสาวนั่น ไม่อยากเชื่อเลยยังกับฉันโยนขนมปังให้ปลาดุกแหละ พวกนั้นรุมดูโทรศัพท์ฉันใหญ่เลย เฮ้อ พวกนั้นจะส่งอะไรกลับมาให้ฉันนะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น