ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Happy Family
Title: Happy Family
Author: Micky1st
Couple: 2U, JoongShim, (แถม) มุนบิน*ซองยุน
Rating: NC-17
Genre: POV, A/U, Family
Status: One Shot
Author ’s note: เราแต่งแล้วอ่านไม่รู้เรื่องยังไงช่วยติมาด้วยนะจ้ะ
ใครจะไปคิดว่าชีวิตมันจะบัดซบขนาดนี้.... เรียนจบ ตกงาน มีแฟน แฟนก็ทิ้ง เข้าข่ายคนดวงตกเลยเน้อะว่ามั้ย?
แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะ ว่าคนที่คบและรักกันมานานกว่า 3 ปี จะทำกันได้ลงคอแบบนี้ !!
แล้วเชื่อมั้ยล่ะว่าตอนที่ผมถูกบอกเลิกผมไม่เสียใจเล้ย.. กลับหลุดพูดออกไปด้วยว่า “กะแล้วเชียว”
มันก็เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆนั่นแหละ.. ผู้ชาย ยังไงก็ต้องกลับไปซบอกอุ่นของ ผู้หญิง อยู่ดี
“รุ่นพี่.. มาดูนี่สิ งานนี้น่าสนใจดีนะ” วันนี้นึกครึ้มก็เลยกลับมาเยี่ยมรุ่นน้องในชมรมบาสซักหน่อย เขาเป็นหนุ่มหน้าตาดีมีชื่อเสียงคนหนึ่งของชมรมเชียวล่ะ ด้วยสีผิวแทนแบบนักกีฬา สูงยาว หล่อล่ำ มัดใจสาว ..รวมถึงชายบางคนด้วย เพราะกลัวเรทติ้งตก เรื่องที่คบกับผู้ชายด้วยกันนั้นก็เลยต้องถูกปิดไว้เงียบ
รุ่นน้องหน้าตาดีแต่คมเข้ม ยื่นหนังสือพิมพ์และชี้ลงไปยังกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ.. เล็กมากจนผมที่อ่านเมื่อครู่ไม่สังเกตุเห็น ผมอ่านแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อกี้ถึงไม่สนใจมัน
“พี่เลี้ยงเด็ก” ผมขมวดคิ้วมองหน้ารุ่นน้องที่ยิ้มกว้าง..
“ไม่น่าสนใจหรอ”
ก็แหงล่ะสิ งานพี่เลี้ยงเด็กมันสำหรับผู้ชายไม่ใช่หรือไง!! งานล้างรถก็ว่าไปอย่าง
ปัดโธ่..ฉันเป็นฝ่ายรับก็จริงแต่ไม่ใช่เพศแม่นะโว้ย
“งานผู้หญิงน่ะ ฉันจะสนใจทำไม.. อีกอย่าง เรียนจบสถาปนิกแต่ดันไปทำงานเลี้ยงเด็ก พระเจ้า! แล้วลูกจะเรียนไปเพื่อ!!”
รุ่นน้องตัวดีขำจนหน้าดำหน้าแดง เห็นแล้วอยากจะเอากำปั้นซัดเข้าท้องน้อยจะได้หน้าเขียวขึ้นมาด้วย- -
พอมันหยุดหัวเราะมันก็ยังพูดแต่ว่างานนั้นน่าสนใจ แถมเงินยังดีอีกต่างหาก
“ดูดิ.. ค่ากินก็ฟรี แถมมีที่พักให้อีกด้วย! งานสบายแถมเงินดีแบบนี้ไม่สนจริงอ่ะ”
“พ่อเด็กมันคงกะเอาเป็นเมียเก็บด้วยเลยมั้งนั่น”
ก็พูดไป.... ตอนนี้ฐานะของเรามันก็เหมือนเมียเก็บเค้าจริงๆนั่นแหละ วันไหนทะเลาะกันก็กริ๊งกร๊างโทร.มาหาบอกว่าอยากปรับทุกข์ด้วย คุยกันไป ดื่มกันมา..เป็นได้จบลงที่เตียงทุกที ความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่จริงจัง ยั่งยืน ใช่มั้ยครับ? ยังไงก็แพ้ผู้หญิงที่เค้าส่งให้มาเกิดคู่กับผู้ชายอยู่ดี ผมน่ะไม่เครียดหรอก เห็นคนที่เรา(เคย)รักมีความสุขก็ดีใจแล้ว..เสียสละแบบนี้สิยูชอน ..พระเอกตัวจริง.. หะหะ ก็พูดไป.... เฮ้อ! อยากหางานทำให้มันสุมหัวจนไม่มีเวลาคิดเรื่องแบบนี้จริงๆเลย
“นี่มันก็จะบ่ายสามแล้วนะครับ พี่บอกต้องไปรับหลานไม่ใช่หรอ” พอดีหันไปเห็นแฟนตัวเองก็เลยมองนาฬิกาเช็คเวลาว่ามาสายหรือเปล่า..ผมคิดว่าสายนะ เพราะเจ้านี่ทำตาเขียวใส่อีกคน ผมก็ไม่ได้สังเกตุอะไรมากหรอก แล้วก็บอกทักทายคนนั้นเล็กน้อยพอเป็นมารยาท ก่อนขอตัวลาทั้งคู่ออกมา
อยากรู้มั้ยครับว่าแฟนของเจ้ารุ่นน้องหน้าดำ เอ้ย.. หน้ามนคนนั้นคือใคร? แฟนชางมินจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่พี่ยองอุง!! พี่ยองอุงคนหน้าสวย อดีตนักบาสขวัญใจสาวๆ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยนี่ละ อาจารย์ทั้งรักทั้งหลงก็เลยคล้องโซ่จองตัวมาทำงานที่มหาลัยซะเลย รุ่นพี่ก็คิดว่าดีนะ.. จะได้อยู่ใกล้รุ่นน้องที่รักด้วย แต่ก็เพราะเหตุนี้ด้วยแหละทั้งคู่ก็เลยเปิดเผยความสัมพันธ์ไม่ได้ ผมว่าดีออกนะ ถึงยังไงก็ยังรักกัน พี่ยองอุงก็ไม่เคยแลสาวไหนเลยจริงๆ อ๊า~ มันช่างโชคดียิ่งนัก
...เอาอีกแล้ว ดูสิ ผมคิดเรื่องนี้อีกแล้วววว!!
ไม่ได้การ ต้องหางานให้ได้เสียแล้วล่ะ ผมจะได้เลิกฟุ้งซ่านเสียที. . .
ด้วยความที่กว่าจะขับรถจากมหาลัยมาถึงเนอสเซอรี่ที่ค่อนข้างไกลจากกันพอดู เพราะผมดันลืมไปซะสนิทน่ะสิ ดีที่ชางมินหาเรื่องงอนรุ่นพี่ ไม่งั้นผมคงต้องวานเพื่อนไปรับเจ้าหลานชายสุดโปรดแทน แต่ก็เสี่ยงอยู่นะ.. ให้คนอื่นไปรับเสี่ยงกว่าการไปรับเองแต่สายเสียอีก เจ้าเด็กนี่ยิ่งขี้งอน ขี้แง ขี้แย ..แต่ผมก็รักครับ
“ยูชอนมาสาย โกรธแล้ว” และก็เป็นอย่างที่คิด.. ผมมาถึงก็เกือบ 5 โมงเย็นเข้าไปแล้วล่ะ คุณครูที่ดูแลบอกว่าแกร้องไห้จนหลับไป ถึงว่า ตาทั้งบวม ทั้งช้ำ.. เด็กชายตัวเล็กน่ารักแสนซนและขี้อ้อน หลานชายสุดโปรดของผมเดินงอนตูดป่อง เอ้ย..ตุ้บป่องขึ้นรถไปเงียบๆ
สงสัยจะโกรธจริง... ปรกติต้องอาละวาด แต่นี่ นั่งเงียบเชียว
“เย็นนี้กินไรดีน้า~~ พิซซ่าแล้วต่อด้วยไอติมช็อคโกแลตดีมั้ยเอ่ย?” ผมพยายามจะคุยกับแกในขณะที่อยู่บนรถ
แล้วเด็กขี้งอนคนนั้นตอบแทนผมด้วยอะไรรู้มั้ย?.... แกปีนจากเบาะหน้าไปอยู่เบาะหลังแล้วก็หลับ
บ๊ะ! ไอ้นี่.. วันนี้มันมาแปลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ซองยุน...วันนี้อาติดธุระจริงๆนะ” เรียกลุงมันแก่ไป.. เรียกอาจะดูดีกว่าจริงไหม ก็ดีกว่าให้เรียก (พี่) แหละน่า!
. . . . . . . .เงียบกริบ เมื่อกี้ก็นอนรอนิ คงไม่ได้หลับไปอีกรอบหรอกมั้ง
ผมพยายามมองจากกระจก ดวงตาเรียวเล็กนั้นยังกระพริบถี่แสดงว่าแกล้งหลับ ในเมื่อพูดไปก็เสียน้ำลายเปล่า นิ่งเงียบมั่งจะดีกว่ามั้งเรา.. ผมคิดว่าเดี๋ยวแกคงหายโกรธแล้วพูดกับผมเอง อย่างน้อยๆ ก็คงทนหิวไม่ไหวแน่ๆ...
“อ้อ! วันนี้คุณแม่คงกลับมาไม่ทันกินข้าวเย็นด้วยนะ หิมะที่นู่นตกหนักมากเลย คุณเครื่องบินก็เลยบินมาไม่ไหว”
อย่าหาว่าผมปัญญาอ่อนเลยครับ.. เล่นกับเด็กมันก็ต้องลดไอคิวลงไปบ้าง^^;
“ถ้าไม่มีคุณแม่.. แล้วจะเป็นยังไงนะ”
“ฮะ?”
“และถ้าไม่มียูชอน มีแต่ผมกับคุณพ่อ... จะเป็นยังไงนะ”
เด็กน้อยลุกขึ้นปีนกลับมานั่งหน้ารถเหมือนเดิม จากนั้นก็หันหน้าตรงมาจ้องผมนิ่ง..
“ผมจะมีความสุขไหมคับ ถ้าผมอยู่กับคุณพ่อแค่สองคน”
“ทำไมหรอซองยุน.. ที่โรงเรียนวันนี้มีอะไร?”
มันต้องมีอะไรแน่ๆ ครูบ้าพวกนั้นสอนอะไรแผลงๆให้หลานโผมมม!!!!!
“คุณครูบอกว่า คุณแม่ของซางอึนได้จากซางอึนไปแล้ว... เหมือนที่เจ้าบิ๊กจากผมไป”
เจ้าบิ๊ก คือ น้องปลาทองสุดสวยแต่อายุสั้นที่ซองยุนเลี้ยงได้สามวันก็จากไปเสียแล้ว
เพราะแกแอบให้อาหารเยอะเกินเนื่องจากยังเป็นเด็กเลยสนุกกับการป้อนอาหาร- -
“ผมรออาตั้งนาน.. นานจนนึกว่าอาจากไปแล้วซะอีก” ทำปากเบ้ใส่ผม ลืมเรื่องโกรธกันไปแล้วมั้งเนี่ย
หลานชายน่ารักน่าเอ็นดูซะจนหมั่นเขี้ยว ผมเลยเอื้อมมือไปยีหัวหลานด้วยความหมั่นไส้...
“อาอย่าหายไปนะฮะ”
“เอ้า เฮ้ย! ซองยุน.. ระวังหน่อยสิ อาขับรถอยู่นะ เดี๋ยวก็ได้หายไปทั้งคู่หรอก ฮะฮะ”
เจ้าเด็กบ้าโดดขึ้นมานั่งตักผมซะงั้น.. นั่งได้เข้าที่ก็หัวเราะคิกคัก เอามือมาจับแขนเสื้อทั้งสองข้างของผมไว้แน่น
เพราะแขนสั้นๆของแกเอื้อมไปจับมือที่ผมจับพวงมาลัยรถไม่ถึง” อาฮะ อยากขับรถ”
พูดเสร็จก็ตามเสต็บ ผมต้องลดมือลงมาเพื่อกุมมือเล็กของหลานไว้ตรงส่วนล่างของพวงมาลัย
ช่วงเวลานี้แหละที่แกมีความสุขมาก แต่ขอบอกนะครับว่าแกมองไม่เห็นทางหรอก ฮะฮะ เจ้าเปี๊ยก!!
“อาฮะ.. ผมอยากกินสปาเก็ตตี้”
รายการสั่งอาหารเนี่ยแหละที่เป็นตัวชี้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง..
พอเราทั้งคู่กลับมาถึงบ้านซึ่งมันก็เย็นมากแล้ว พ่อเด็กที่บอกติดธุระเลยวานผมไปรับหลานยืนรับอยู่หน้าประตูอย่างฉุนเฉียว
“พี่พาลูกผมไปเถลไถลที่ไหนมาเนี่ย.. คนมีธุระดันกลับถึงบ้านก่อนคนว่างงาน ชิ”
ด่าใส่หนึ่งดอก.. ทำเป็นมาถามแต่ที่จริงก็ไม่ยอมสนใจฟังคำแก้ตัวผมเล้ย!! เห็นลูกวิ่งเข้าไปกอดหน่อยก็ลืมพี่ชายตาดำดำสนิท โธ่..ไอ้เด็กนอกชอบกลับมาแย่งงานคนเกาหลี เรียนก็ยังไม่จบดั๊นได้งานทำเป็นล่ามของบริษัทเอกชนซึ่งก็มีชื่ออยู่..ซะงั้น!! ดวงมันดีอ่ะนะ แฟนสาวแสนสวยเป็นพนักงานบริษัทนั้น เดินทางไปดูงานที่อเมริการัฐที่น้องชายผมอยู่แล้วเกิดไปปิ๊งป๊างกันกลางคลับ ก็คบกันมาเรื่อยจนคุณผู้หญิงกลับมาก็รู้ว่าตัวเองท้อง.. เลยชวนกันกลับมาทำงานที่เกาหลี
เออดี.. เจริญ! แล้วมันก็เจริญกันจริงๆด้วยนะเออ- -
พอกลับถึงบ้านเจอคุณพ่อ ซองยุนหลานรักก็เลิกสนใจผมไปพักนึง ก็ดีเหมือนกัน เวลาก่อนทานอาหารเย็นผมเลยมีโอกาสหางานจากทางเนทเพิ่ม..แต่ก็แป้บเดียวเท่านั้นแหละ เพราะว่าได้เวลาอาหารเย็นเจ้าตัวเล็กเลยขึ้นมาตาม..
แม้อาหารเย็นมื้อนี้จะไม่ได้กินกันพร้อมหน้าอีกเป็นวันที่สามแล้ว เพราะแม่ของซองยุนยังไม่กลับจากอเมริกา... แต่ทุกวันก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหมือนเคยไม่มีเปลี่ยนแปลง ผมอยากจะบอกซองยุนเหลือเกินว่า ถึงแม้เขาจะเหลือกันอยู่แค่ พ่อ-ลูก ความสุขและความอบอุ่นแบบนี้ก็คงไม่จางหายไปหรอก ยูฮวานต้องไม่ยอมให้ลูกชายต้องขาดความสุขแบบนี้ไปแน่.. ผมเชื่อว่าเขาสามารถเติมเต็มในส่วนของทุกคนได้
และนี่ก็เป็นอีกวันที่ผมยังไม่มีงานทำครับ. . .
*
จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ก็.. สามอาทิตย์เข้าไปแล้วครับ สรุปรวมแล้วก็ 6 เดือนพอดีที่ผมตกงาน เหอะๆ จริงๆแล้วเพราะผมเรื่องมากเลือกเยอะเลยไม่มีงานให้ทำหรือเปล่านะ? ตอนนี้ทางชมรมบาสติดต่อมาให้ผมไปช่วยเป็นโค้ช มีค่าเหนื่อยให้แต่ก็ไม่มากมาย ก็ยังดีกว่าไม่มีไรทำนะผมว่า อีกอย่างผมก็เคยนำทีมชนะระดับเขตมาแล้วด้วย รับประกันคุณภาพได้เป็นอย่างดี วันนี้เลยว่าจะจัดห้องเสียหน่อย เพราะตอนนี้ทั้งห้องมีแต่กองหนังสือพิมพ์และหนังสือหางานเกลื่อนไปหมด
อ่า. . . คุณคงยังจำกันได้กับงาน “พี่เลี้ยงเด็ก” ที่ชางมินบอกใช่มั้ยครับ จริงๆผมลืมมันไปแล้วแหละ วันนี้ไม่ต้องไปสัมภาษณ์งานอะไรด้วย เพราะผมลดแล้วซึ่งความพยายาม- - แถมวันนี้เจ้าหลานตัวแสบแกล้งปวดท้องประท้วงคุณแม่ที่หนีไปสัมนาที่ญี่ปุ่นต่ออีก 5 วัน วันนี้ทั้งวันผมจึงต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูแกแทนพ่อแม่นี่แหละ เล่นกันไป เลี้ยงกันมาก็เลยเกิดรู้สึกว่าตัวเองเหมือน..พี่เลี้ยงเด็ก..จริงๆเลยน้า~
“ดูดิ.. ค่ากินก็ฟรี แถมมีที่พักให้อีกด้วย! งานสบายแถมเงินดีแบบนี้ไม่สนจริงอ่ะ”
เสียงเจ้าชางมินลอยตามลมเข้ากระทบหูอย่างแผ่วๆ แต่ก็เรียกความสนใจผมไม่น้อยเลยนะ งานพี่เลี้ยงเด็กหรอ.. อันที่จริงก็ไม่ได้จำกัดเพศด้วยนิ แล้วผมก็เลี้ยงซองยุนมาตั้งแต่เกิดแล้วด้วย ..อืม ชักจะน่าสนแล้วสิ เพราะค่าจ้างที่ได้มากกว่าการเป็นผู้ช่วยโค้ชที่ชมรมผมเลยเริ่มสนใจ^^
พอกล่อมซองยุนให้หลับได้ด้วยการเล่นวิ่งไล่จับจนเจ้าตัวเล็กเหนื่อย ผมเลยรีบรุดขึ้นไปหาเศษหนังสือพิมพ์ที่ผมฉีกมันเอาไว้..จริงๆก็ไม่ได้สนใจแต่แรก แต่ทุกงานผมก็จะฉีกเก็บไว้เป็นตัวเลือก รื้อค้นอยู่ตั้งนานที่ไหนได้มันแปะอยู่บนฝาผนังข้างหน้าจอคอมนี่เอง. . .
ลองอ่านรายละเอียดที่มีอยู่นิดเดียวนั้นอีกรอบ.. ไม่จำกัดเพศของพี่เลี้ยงก็จริง หรือเพราะเขารู้กันอยู่แล้วว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นผู้หญิง? อายุอานามเด็กก็ไม่บอก บอกแต่เงินเดือน กับ ค่าที่พักและค่าอาหารฟรี...อืม แบบนี้ไม่ลองโทร.คุยก็คงจะไม่รู้เรื่อง มือเร็วทันใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อทันที
“ครับ” เสียงเด็ก
“ขอสายคุณจองยุนโฮครับ”
หลังจากนั้นปลายสายก็ตะโกนเรียกเสียงดัง “พ่อฮะ.. โทราสับ!! เดี๋ยวผมจัดโต๊ะให้เอง”
ได้ยินเสียงเหมือนตะหลิวกระทบกระทะอยู่สองสามที ปลายสายก็ตอบกลับมา
“ครับ ยุนโฮพูดครับ” น้ำเสียงดูเหนื่อยชอบกล
“คือ.. ผมเห็นประกาศรับพี่เลี้ยง ไม่ทราบว่าคุณได้พี่เลี้ยงหรือยังครับ”
“ยังเลยครับ”
“เอ่อ. . . พอดีว่า ผมก็มีหลานอยู่ แล้วก็ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ก็เลยคิดว่าน่าจะเลี้ยงลูกคุณได้”
“ครับ”
“ครับ?”
“พ่อฮะ!! นี่มันไรอ่า ไข่ดาวดำปี๋เป็นอุกกาบาตเชียว ฮะฮะ” เสียงลูกติงอาหารมื้อเที่ยงในกระทะอุ่น.. ได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อหันไปดุนิดหน่อย แต่เสียงหัวเราะของลูกชายก็ยังไม่เงียบลง
“คุณพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ ถ้าเป็นวันนี้เลยได้ยิ่งดี”
“เอ๋? นี่..รับผมแล้วหรอ?”
“ครับ” เสียงดูเนือยๆ
“แล้วๆ... แล้ว. . . มีพี่เลี้ยง เป็นผู้ชาย.. ได้ด้วยหรอครับ” ปากพาตกงานจริงๆ
“จะเป็นไรก็ได้ ขอแค่เลี้ยงลูกผมได้ก็พอ ..เริ่มงานวันนี้เลยจะได้มั้ยครับ ผมมีงานเลี้ยงคงกลับดึก วานคุณนอนเป็นเพื่อนแกคืนนี้ได้หรือเปล่า”
ลูกตัวแสบของคุณพ่อจองยุนโฮคงจะไม่เด็กมากขนาดหลานชายเขา เพราะเจ้าตัวโวยวายทันทีที่ได้ยิน
“ผมนอนคนเดียวก็ได้น่า พ่ออ่ะ..”
“ครับ.. ที่บอกว่าค่าที่พักฟรีนี่ให้ไปนอนบ้านคุณเลยนี่เอง”
“ใช่ ผมต้องการให้คุณทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าง.. อืม ถ้าคิดว่าเงินมันไม่เหมาะสมเราคุยกันได้นะ”
“ผมก็ว่าทำไมแค่เลี้ยงเด็กถึงให้เงินเยอะจัง ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นั้นปกติผมก็ทำอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเดี๋ยวเย็นนี้ผมจะไปดูแลลูกคุณให้นะครับ พอดีต้องรอพ่อของหลานผมกลับมาก่อน ปล่อยแกไม่ได้แกยังเด็ก”
และแล้วก็ได้งานง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ.. เจ้าเด็กนั่นดูจะไม่แสบมาก แต่ก็คงเลี้ยงยากอยู่เหมือนกัน ถ้าผมเดาไม่ผิดสงสัยจะอยู่กันแค่สองพ่อลูก คุณแม่ไปไหนนั้นผมก็เดาไม่ออกหรอกนะ อาจจะเลิกกัน หรือว่าตายจากกันไปก็ได้ จากเสียงฟังดูยังหนุ่มอยู่เลย ทำไมไม่หาแม่ใหม่ให้เด็กน้า~ หรือว่าจะรักแม่เด็กมากซะจนคนอื่นมาแทนที่ไม่ได้ ..คิดแล้วก็แอบอิจฉาจริงๆ..
*
หลังจากที่ผมอยู่กับซองยุนจนพ่อของเขากลับมา ก็บอกคนทั้งคู่ว่าตนได้งานทำแล้ว ตอนแรกที่บอกน้องชายว่าได้งานอะไรทำ มันถึงกับหัวเราะซะท้องแข็ง น้ำตาเล็ด..เยี่ยวจะราดด้วยป่าววะ? ชริ แต่มันบอกผมว่า งานนี้เหมาะกับผมดีนะ.. คงเห็นผมเลี้ยงลูกมันดีก็เลยชมและก็ให้กำลังใจมาละมั้ง ผมไม่กลัวหรอก เคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องเด็กที่ชอบแกล้งพี่เลี้ยง พวกเด็กดื้อเด็กซนจะกำราบให้หมด!!! แต่ผมว่านะ.. ไอ้เด็กนั่นมันคงเล่นงานกับผู้หญิงอย่างเดียวมั้ง แบบ..กลัวมาแย่งคุณพ่อไปไรเงี้ย ผมเป็นผู้ชายครับ เด็กหนอเด็ก.. พี่เป็นแม่หนูไม่ได้ แต่แอบตีท้ายครัวชาวบ้านได้ครับ ฮ่าๆ พูดไรของผมเนี่ย- - นี่ก็รอมานานแล้วนะ นัดกันที่หน้าปากซอยบ้านผม เดี๋ยวคุณยุนโฮจะขับรถมารับ ยืนรอจนขาชาละ พระเจ้า! มัน ทำ ไม มา ช้า จัง ฟร่ะ!!!
“ขอโทษนะครับ ..พอดีมุนบินท้องเสียเลยทำให้ออกมาช้าไปหน่อย”
ไม่หน่อยแล้วเว้ย ให้รอจนจะสองชั่วโมงแล้วนะ ไอ้เด็กนี่ถ่ายจนไส้แห้งแต่หน้าตายังสดชื่นอยู่เลย
. . . แกล้งตรูใช่มะ . . .
“ไม่เป็นไรครับ ท้องเสียแบบนี้ปกติคงถ่ายยาก ต้องพาไปสวนทวารมั่งนะจะได้ถ่ายคล่อง”
“ไม่ต้องนะฮะพ่อ!! ปกติผมก็ถ่ายไม่ยากอยู่แล้ว”
หึหึ~ เสร็จตรูล่ะไอ้หนู...
“มุนบินอายุเท่าไหร่แล้วครับ” ผมหันไปถามเด็กชายหน้าตาดีที่นั่งอยู่ตรงกลางเบาะหลัง
เจ้าเด็กที่เพิ่งเปิดฉากทำสงครามกับผมหันมาถลึงตาใส่ก่อนทำเป็นไม่สนใจ เสียบหูฟังซาวนด์เบาท์นั่งเล่นเกมเงียบ
“ปีหน้าก็ 9 ขวบแล้วครับ” พ่อเด็กเลยต้องตอบแทน
“โตแล้วนะฮะพ่อ ...9 ปี ไม่ใช่ 9 ขวบ” บ๊ะ! ทียังงี้มันดันได้ยิน- -
“ไม่เห็นต้องจ้างพี่เลี้ยงให้เสียตังค์เลย ผมโตแล้วดูแลตัวเองได้น่า.. พ่อน่ะ จะฝากผมไว้กับคนอื่นแล้วจะหายไปเหมือนแม่ใช่มั้ยล่ะ”
เหมือนจะไม่ใส่ใจในคำพูดนั้นมากนัก แต่มุนบินที่พูดไปนั่งเล่นเกมไปกลับมีสีหน้าและแววตาที่หมองเศร้าพิกล เจ้าเด็กนี่... ถูกแม่ทิ้งหรอ? คนที่เศร้ามากกว่าใครก็คงเป็นพ่อเด็กใช่ไหม. . . ผู้ชายคนที่ขับรถอยู่นั้นมีหน้าตาหล่อเหลา เป็นคนภูมิฐาน ดูดีทั้งรูปลักษณ์และกิริยาท่าทาง ไม่แปลกเลยนะถ้าจะมีผู้หญิงรายล้อมทั้งหน้าทั้งหลัง แต่จะแปลกมากถ้าผู้ชายหน้าตาดูฉลาดคนนี้ถูกเมียทิ้ง ผมละอดขำไม่ได้ ก็เลยเผลอหัวเราะออกไปเล็กน้อย
“ขำอะไรของคุณครับ คุณยูชอน”
“อ๋อ.... เอ่อ. . . ผมว่าลูกคุณคงหวงคุณมากเลยนะครับเนี่ย”
แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ เจ้าเด็กบ้าโยนหุ่นยนตร์ตัวไม่ใหญ่ก็จริง แต่มันเป็นพลาสติกหนาปาใส่ผมซะงั้น พร้อมกับน้ำเสียงแข็งที่กล่าวออกมาว่า
“งั้นก็อย่ามายุ่งกับพ่อผมแล้วกัน”
พระเจ้า! ทีนี้ทั้งผมและพ่อของมุนบินเลยหัวเราะพร้อมกันใหญ่.. เจ้าเด็กหล่อเลยได้แต่นั่งทำหน้างออยู่เบาะหลัง งานพี่เลี้ยงที่ผมว่าไม่ค่อยดี ตอนนี้ท่าทางน่าสนุกขึ้นมาแล้วครับ เด็กนี่ถึงจะทำตัวไม่ดี แต่ผมคิดว่าคงเพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าตัวเป็นเด็ก ก็เลยดื้อใส่ผมหน่อย อีกเดี๋ยวสนิทกันก็คงกลับมาเป็นปรกติ ไม่ดื้อ และก็เลี้ยงไม่ยากเอง ส่วนตัวพ่อเด็กนี่ก็นะ... หน้าตาดีจังเลยน้า~~ เป็นนักธุรกิจหนุ่มอีกต่างหาก หล่อ รวย น่าคบสุดๆ.. อ่า ฮะฮะ ผมคงโดนความหล่อของเขาหลอกให้หลงละมั้งครับ.. หล่อทั้งข้างนอก ข้างใน ผู้ชายอะไรไม่รู้ เพอเฟคแมนชะมัด แถมเป็นแฟมิลี่แมนอีกต่างหากกก!!
“คืนนี้พ่อกลับดึก มุนบินต้องทำตัวดีดีกับพี่ยูชอนรู้มั้ย?” ยีหัวลูกน้อย.. หน้าตาอ่อนโยนซะจนผมเคลิ้ม
“ครับ.. พ่อฮะ อย่าหนีผมไปนะ”
“อาอย่าหายไปนะฮะ”
พวกเด็กๆนี่.. ก็ต้องการคนรักไม่น้อยไปกว่าคนอกหักแบบเราเน้อะ (คิดไรอยู่เนี่ยฉัน!)
ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดัง เลยปล่อยให้สองพ่อลูกหยอกเล่นกันซักพัก ส่วนผมขอตัวรับโทรศัพท์ก่อน
“ไงซองยุน กินข้าวยังครับ”
“เรียบร้อยฮะอา.. คุณพ่อซื้อพิซซ่ามาให้กินด้วย”
“โหหห พอไม่มีอาแล้วสั่งพิซซ่ากันมากิน ใจร้ายจังเลยนะ”
“หะหะ.. แล้วงานอาเป็นไงบ้าง พี่คนนั้นเลี้ยงยากกว่าซองยุนมั้ยฮะ? ซองยุนเป็นเด็กดีจะตาย ต้องเลี้ยงง่ายกว่าอยู่แล้วเน้อะ”
ผมชายตามองคู่พ่อลูกที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันด้วยความรัก.. ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ไหน ถ้าเติบโตด้วยความรัก ความเอาใจใส่..ก็เป็นเด็กที่น่ารักด้วยกันหมดแหละนะ
“ใช่... เพราะฉะนั้นซองยุนต้องเป็นเด็กดีต่อไปนะครับ เอาละ เดี๋ยวอาต้องทำงานต่อแล้วนะ ซองยุนครับ อย่าลืมจัดกระเป๋านักเรียนก่อนเข้านอนละรู้มั้ย?”
“คับอา แต่..ก่อนผมจะนอนผมโทร.หาอาอีกได้มั้ยฮะ”
“ได้สิ.. แล้วค่อยคุยกันนะ”
“ฮะ”
เพราะผมคุยไม่ไกลจากทั้งคู่นัก คุณยุนโฮก็เลยทัก
“หลานโทร.หาหรอ”
“ครับ ไม่เคยห่างหลานแบบนี้แกเลยกลัวผมหายไป...” แอบหันไปมองมุนบินสักนิด เด็กนั่นก็มีปฏิกิริยาแปลกๆกลับมา
“พ่อฮะ ไม่รีบไปเดี๋ยวจะสายนะ”
“เอ้อ จริงด้วยนะ.. งั้นลูกพาพี่ยูชอนขึ้นห้องได้นะ”
แล้วเขาก็ยื่นกุญแจห้อง พร้อมเอกสารเล่มบางมาให้ผม คงจะเป็นกฎระเบียบและชี้แจงสิ่งที่เขาอยากให้ผมทำละมั้ง
พ่อลูกคู่นี้อยู่กันที่อพาร์ทเมนท์กว้าง 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องรับแขก อ้อ มีห้องครัวพร้อมโต๊ะกินข้าวด้วย... ถ้าจะบอกให้ถูกต้อง มันมีห้องเก็บของเป็นชั้นลอยติดเพดาน ซึ่งที่นั่นได้กลายเป็นฐานที่มั่นสุดลับของมุนบินด้วย ผมมารู้ทีหลังว่าเวลามุนบินโกรธกับพ่อหรืออารมณ์ไม่ดีจะขึ้นไปหมกตัวอยู่ที่ห้องใต้หลังคานี้เป็นประจำ ถึงว่า... เมื่อก่อนนั้นหาไม่เจอ
“พ่อบอกให้พี่นอนกับผม” พอเปิดประตูเข้าห้องได้ เด็กชายก็บอกผมพลางเปิดไฟทั่วห้อง
“อ่า... ถ้ามุนบินลำบากใจพี่นอนโซฟาห้องรับแขกก็ได้”
“ผมไม่ได้เกลียดพี่ขนาดนั้นหรอกฮะ” หันมายิ้มให้ซึ่งแปลกกว่าตอนอยู่บนรถมาก
“หลานพี่น่ะ.. เค้าไม่มีแม่เหมือนกันหรอ?”
เด็กชายเดินนำหน้าไปนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขก
“เปล่าหรอก เค้าก็มีแม่.. แต่คุณแม่น้องซองยุนต้องไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยๆก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน”
“อืม. ...ยังดีนะ”
“มุนบิน ไม่เห็นเป็นไรเลย มีคุณพ่อยุนโฮแสนดีอยู่ทั้งคน เน้อะ”
“เหอะ ถ้ามีคุณแม่ก็คงจะไม่ได้กินไข่ดาวอุกาบาตแบบนั้นอีก.. แต่ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมกำลังฝึกทำแซนวิชอยู่ ผมรู้ว่าพ่อเหนื่อย ทั้งทำงานที่บริษัท แล้วยังต้องกลับมาทำงานบ้านอีก”
“ต่อจากนี้ก็มีพี่ช่วยอีกแรงแล้วไง.. หิวยังล่ะเรา เอาข้าวต้มมั้ย? กินของอ่อนๆท้องจะได้ไม่เสีย”
ผมว่าเจ้าเด็กนี่มันก็แค่ไม่มีคุณแม่สอนมารยาทเท่านั้นแหละ พอผมลุกขึ้นเข้าครัวเค้าก็เข้าตามมา บอกว่าอยากช่วยทำวันหลังจะได้ทำให้พ่อทาน มุนบินบอกว่า ตอนเห็นพ่อยิ้มดีใจ พ่อเค้าจะหล่อมากๆเลย ฮะฮะ.. เด็กน้อย.. พ่อเธอน่ะ ทำหน้าเฉยๆก็หล่อจะแย่แล้ว!!
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็นอนที่ห้องของมุนบินตลอดแหละครับ เค้าไม่ยอมให้ผมนอนโซฟา.. เขาเล่าว่าเมื่อก่อนนอนรอคุณพ่อกลับบ้านที่โซฟา พอตื่นมาก็ปวดตัวไปหมด เลยเป็นสาเหตุที่ไม่ยอมให้ผมนอนในห้องรับแขกนั่นเอง ..เห็นมั้ย ไม่ใช่เด็กไม่ดีซะหน่อย คงเพราะว่าได้รับการอบรมจากพ่อผู้มากความสามารถอย่างยุนโฮ ลูกจึงออกมาหน้าตาหล่อเหลาไม่ผิดกัน อีกทั้งสติปัญญาก็เลิศ มารยาทการเข้าสังคมก็จัดเป็นเด็กมีมารทยาทคนนึง มุนบินเป็นเด็กเอาใจใส่คนรอบข้างมาก คงเพราะการที่มีกันอยู่ 2 คนทำให้ต้องคอยเอาใจใส่กันละมั้ง
มุนบินดูท่าทางจะพอใจพ่อของตนกว่าปกติ... เขาคิดว่าถ้ามีผมแล้ว พ่อเขาจะไม่สนใจเขา แต่ปรากฎว่ายุนโฮก็ยังกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน บอกตามตรงว่าทีแรกผมก็คิดเหมือนมุนบินนะ ผมคิดว่าเขาต้องเถลไถลเพราะคิดว่ามีคนคอยดูแลลูกตัวเองเป็นอย่างดีอยู่ที่บ้านแล้ว อย่างน้อยคนเราก็น่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือหาความสุขกับผู้หญิงบ้างล่ะน่า. . . แต่เปล่าเลย.. ยุนโฮยังคงกลับบ้านตรงเวลา เขารีบทำงานเพื่อที่จะได้ตรงกลับบ้านแต่วัน ทุกๆวัน
“วันนี้พี่ยูชอนสอนผมทำสปาเก็ตตี้ราดซอสด้วยครับพ่อ” เดินถือจานสปาเก็ตตี้มาวางลงหน้าพ่อตนอย่างยิ้มแย้ม
ส่วนผมก็ถือสองจานสำหรับผมและมุนบินวางลงบนโต๊ะ..
“โห.. หน้าตาน่ากินเชียว ว่าแต่..จานนี้ลูกพ่อทำอะไรบ้างเนี่ย”
มุนบินที่ตอนนี้โดนคุณพ่ออุ้มขึ้นไปนั่งตัก หันมายิ้มคิกคักให้ผม.. ก่อนใช้ส้อมจิ้มเส้นสปาเก็ตตี้แล้วม้วนจนแน่นพอดีคำ ยกขึ้นระดับปากส่งไปทางคุณพ่อของตน. . .
“อ้ำฮะ”
...ผู้เป็นพ่อยิ้มกริ่มก่อนอ้าปากกว้างรับสปาเก็ตตี้ราดซอส เคี้ยวทีสองทีก่อนกลืนลงคอจนหมดแล้วรีบพูดชม
“อร่อยมากๆเลย”
โอย . . . ผมล่ะจะละลาย ไอ้สปาเก็ตตี้พวกเนี้ยมุนบินก็แค่ลวกเส้นเองครับ!!
“เน้อะ..พี่ยูชอนทำอาหารอร่อยที่สุดเลย”
ยุนโฮหันมาส่งยิ้มหวานให้ผม.. ไม่แน่ใจว่าเป็นรอยยิ้มที่ติดมาจากตอนยิ้มให้ลูกของตนหรือว่าจงใจส่งมาให้ผมกันแน่ ยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้ผมเขินครับ
“ไม่หรอกครับมุนบิน พี่ก็แค่ว่างงานเลยฝึกทำอาหารไว้เลี้ยงหลานเท่านั้นเอง”
“หลานพี่ยูชอนนี่โชคดีจังเลยนะฮะ ว้า~ พี่ไม่อยู่แบบนี้เค้าก็อดกินของอร่อยน่ะสิ”
ตอนนี้เจ้าตัวดีกำลังกินสปาเก็ตตี้ของพ่อเขาอยู่...
“พ่อของน้องซองยุนก็ทำอาหารอร่อยครับ”
“สงสัยจะมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารกันทั้งบ้านเลยหรือเปล่านะ” ยุนโฮพูดชมบ้าง
“ก็คงงั้นมั้งครับ” ผมได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนความเขิน..
หลังจากนั้นเป็นเวลากว่าเดือนนึงที่ผมอยู่เป็นพี่เลี้ยงของมุนบิน เราสนิทกันเร็วเพราะว่าเป็นลูกผู้ชายทั้งคู่ ก็เลยคุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย และหาอะไรเล่นด้วยกันง่าย.. นอกจากจะคอยดูแลมุนบินแล้วผมยังดูแลบ้านไปด้วย อ่ะ..พูดว่าบ้านก็ไม่ถูกนัก ห้องชุดที่นี่กว้างพอสมควร.. ขนาดที่แค่ดูดฝนก็เล่นผมเหงื่อตกแล้วล่ะครับ งานบ้านนี่ เหนื่อยจริงๆนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินเดือนและการค่าเวลาตกงานแล้วผมคงไม่ยอมทำหรอก. . . จริงๆมันก็ไม่ได้หนักหนามากหรอกครับ แค่บ่นไปเอง- - อาทิตย์นึงจะมีแม่บ้านพิเศษมาจัดการห้องครั้งนึง เหมือนเป็นการทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็ว่าได้ เธอจะขัดห้องน้ำและจัดแจงทุกอย่างให้สะอาดเอี่ยม ส่วนหน้าที่หลักๆของผมก็คือ ทำอาหาร และ เลี้ยงมุนบินเท่านั้นเอง
“เหนื่อยหน่อยนะ ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณ” นี่เป็นประโยคสุดฮิตยามเช้าที่ยุนโฮจะบอกผมก่อนออกไปทำงานทุกวัน
. . .ให้ความรู้สึกเป็นคุณแม่บ้านเลยอ่ะ โฮะโฮะ !! พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็เหมือนมีพลังเพิ่มขึ้นมาทันที
“พี่ยูชอนทำเค้กเป็นมั้ยฮะ” ทุกๆวัน.. ผมมีหน้าที่จะต้องสอนมุนบินทำอาหารหนึ่งอย่าง บางทีก็สอนซ้ำบ้าง เพราะเจ้าตัวลืม แต่ขอแค่ให้ได้ช่วย มุนบินก็ท่าทีมีความสุขมากแล้วครับ
“เค้กหรอ.. ขอโทษนะครับ พี่ทำไม่เป็นอะ ไว้เราไปซื้อมากินกันดีมั้ย?”
เด็กตัวน้อยทำปากเบ้บ่งบอกความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนถอนหายใจ..
“ซื้อเอาก็ได้” แล้วก็เดินออกไป
“เดี๋ยวสิมุนบิน.. ให้พี่ซื้อมาเลยหรือว่าจะเลือกด้วยกันตอนกลับบ้านดี?”
“เลือกด้วยกันฮะ พี่ไม่รู้หรอกว่าควรจะซื้อรสอะไร”
ผมพยักหน้า “ตั้งใจเรียนนะ”
ทุกเช้าคุณพ่อของน้องมุนบินจะเป็นคนไปส่งที่โรงเรียน ส่วนตอนเย็นผมจะเป็นคนไปรับ บางทีเราก็แวะไปที่บริษัทของยุนโฮบ้างในวันที่เขางานไม่เยอะ.. แต่ส่วนมากเราจะรีบตรงกลับบ้านเพื่อฝึกปรือฝีมือทำอาหารกัน แล้ววันนี้เกิดอยากทำเค้ก ผมสงสัยว่ายุนโฮคงเกิดเดือนนี้ เอ๋.... หรือว่าวันนี้จะเป็นวันเกิดของมุนบิน? ผมกะเวลาดูว่าเมื่อไหร่ยุนโฮจะส่งมุนบินถึงโรงเรียนแล้วค่อยโทร.ถาม
“มีอะไรครับยูชอน”
“เอ่อ..ผมไม่แน่ใจว่าวันนี้เป็นวันอะไร ใช่วันเกิดคุณหรือเปล่าครับ”
“ที่จริงแล้ววันนี้เป็นวันเกิดแม่ของมุนบินเค้าน่ะครับ” น้ำเสียงดูเศร้าลงพิกล
“เอ๋??”
“ทุกปีเราจะมีปาร์ตี้กันเล็กๆ ก็เหมือนๆกับวันเกิดของผมและของมุนบินนั่นแหละครับ แต่ถึงแม้เธอจะไม่อยู่แล้ว มุนบินก็ยังขอให้ผมจัดปาร์ตี้วันเกิดไว้เผื่อเธอจะกลับมาฉลองกับเรา”
“ทั้งๆที่คุณก็รู้ใช่มั้ยว่าเธอจะไม่กลับมา”
“ครับ..”
“เธอหายไปเพราะอะไรกันนะ... (ลูกก็น่ารักแถมพ่อก็หล่อ--อันนี้คิดอยู่ในอก นรกรอกินกะบาล) ช่างเถอะ ขับรถไปโทรศัพท์ไปมันอันตรายนะคุณ.. ขับรถปลอดภัยนะครับ แล้วเจอกันตอนเย็น. . .”
เมื่อถึงเวลาไปรับมุนบิน เขาพาผมเดินไปร้านเค้กเจ้าประจำ คนในร้านก็ดูท่าทางสนิทสนมกับเขาดีเพราะพอเราเข้าไปปุ๊บ เขาก็ทักทันที่ว่า
“ว้าวว.. มาทีไรก็หล่อขึ้นทุกทีเลยนะเจ้าหนู” คุณลุงเจ้าของร้านเค้กเสิร์ฟชาพร้อมคุ้กกี้เป็นเซอร์วิสพิเศษ ก่อนพามุนบินไปเลือกเค้กในตู้โชว์ ผมไม่ได้ตามไปเพราะคิดว่าตามใจแกเลือกจะดีกว่า วันนี้วันเกิดคุณแม่สุดรักของแก(และยุนโฮนี่นะ) ทำไมมันรู้สึกอึดอัด คับใจ... ยังไงชอบกล- -
“พี่ยูชอนมานี่เร็ว” วิ่งเข้ามาฉุดแขนผมให้เดินไปที่หน้าตู้โชว์
“อันนี้หรืออันนี้ดีฮะ.. เลือกไม่ถูกเลยมันน่ากินทั้งคู่”
มือชี้ไปที่เค้กวานิลลากับช็อคโกแลตที่แต่งแต้มซะจนผมไม่อยากจะตักกินให้เสียรูปทรง
“มุนบินชอบรสไหนมากกว่ากันล่ะ?”
“ผมชอบช็อคโกแลตแต่พ่อชอบวานิลลาฮะ”
“งั้นมาเป่ายิ้งฉุบกันดีกว่า.. ถ้ามุนบินชนะก็เอาช็อคโกแลตไป”
“อื้ม! ยุติธรรมดี ทุกปีนะ พ่อจะเอาเค้กรสอื่นแทนเลย จะได้อดกินกันทั้งคู่”
“หะหะ.. งั้นก็ เป่า ยิ้ง ฉุบ !!!”
เด็กน้อยเดินหน้าบูดออกจากร้านก่อนผม.. ก็ไหนว่ายุติธรรมแล้วจะงอนกันทำไมล่ะเนี่ย
“งั้นพี่เอาไปเปลี่ยนดีกว่า”
“ไม่ต้องครับ.. ตัดสินแล้ว ลูกผู้ชายต้องไม่คืนคำ” น่าเอ็นดูดีนะ.. ผมจึงเดินไปลูบหัวปลอบแกที่ไม่ได้กินเค้กช็อคโกแลตสมใจ
“แวะร้านนั้นหน่อยดีมั้ย ซื้อช็อคโกแลตมากินกันซักแท่ง”
มุนบินยิ้มร่าก่อนจูงมือผมให้รีบเดินเข้าร้าน.. “หลานพี่ก็ชอบกินช็อคโกแลตนะ”
“งั้นวันหลังเราชวนซองยุนมากินเค้กช็อคโกแลตด้วยกันนะฮะ”
*
Author: Micky1st
Couple: 2U, JoongShim, (แถม) มุนบิน*ซองยุน
Rating: NC-17
Genre: POV, A/U, Family
Status: One Shot
Author ’s note: เราแต่งแล้วอ่านไม่รู้เรื่องยังไงช่วยติมาด้วยนะจ้ะ
ใครจะไปคิดว่าชีวิตมันจะบัดซบขนาดนี้.... เรียนจบ ตกงาน มีแฟน แฟนก็ทิ้ง เข้าข่ายคนดวงตกเลยเน้อะว่ามั้ย?
แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะ ว่าคนที่คบและรักกันมานานกว่า 3 ปี จะทำกันได้ลงคอแบบนี้ !!
แล้วเชื่อมั้ยล่ะว่าตอนที่ผมถูกบอกเลิกผมไม่เสียใจเล้ย.. กลับหลุดพูดออกไปด้วยว่า “กะแล้วเชียว”
มันก็เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆนั่นแหละ.. ผู้ชาย ยังไงก็ต้องกลับไปซบอกอุ่นของ ผู้หญิง อยู่ดี
“รุ่นพี่.. มาดูนี่สิ งานนี้น่าสนใจดีนะ” วันนี้นึกครึ้มก็เลยกลับมาเยี่ยมรุ่นน้องในชมรมบาสซักหน่อย เขาเป็นหนุ่มหน้าตาดีมีชื่อเสียงคนหนึ่งของชมรมเชียวล่ะ ด้วยสีผิวแทนแบบนักกีฬา สูงยาว หล่อล่ำ มัดใจสาว ..รวมถึงชายบางคนด้วย เพราะกลัวเรทติ้งตก เรื่องที่คบกับผู้ชายด้วยกันนั้นก็เลยต้องถูกปิดไว้เงียบ
รุ่นน้องหน้าตาดีแต่คมเข้ม ยื่นหนังสือพิมพ์และชี้ลงไปยังกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ.. เล็กมากจนผมที่อ่านเมื่อครู่ไม่สังเกตุเห็น ผมอ่านแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อกี้ถึงไม่สนใจมัน
“พี่เลี้ยงเด็ก” ผมขมวดคิ้วมองหน้ารุ่นน้องที่ยิ้มกว้าง..
“ไม่น่าสนใจหรอ”
ก็แหงล่ะสิ งานพี่เลี้ยงเด็กมันสำหรับผู้ชายไม่ใช่หรือไง!! งานล้างรถก็ว่าไปอย่าง
ปัดโธ่..ฉันเป็นฝ่ายรับก็จริงแต่ไม่ใช่เพศแม่นะโว้ย
“งานผู้หญิงน่ะ ฉันจะสนใจทำไม.. อีกอย่าง เรียนจบสถาปนิกแต่ดันไปทำงานเลี้ยงเด็ก พระเจ้า! แล้วลูกจะเรียนไปเพื่อ!!”
รุ่นน้องตัวดีขำจนหน้าดำหน้าแดง เห็นแล้วอยากจะเอากำปั้นซัดเข้าท้องน้อยจะได้หน้าเขียวขึ้นมาด้วย- -
พอมันหยุดหัวเราะมันก็ยังพูดแต่ว่างานนั้นน่าสนใจ แถมเงินยังดีอีกต่างหาก
“ดูดิ.. ค่ากินก็ฟรี แถมมีที่พักให้อีกด้วย! งานสบายแถมเงินดีแบบนี้ไม่สนจริงอ่ะ”
“พ่อเด็กมันคงกะเอาเป็นเมียเก็บด้วยเลยมั้งนั่น”
ก็พูดไป.... ตอนนี้ฐานะของเรามันก็เหมือนเมียเก็บเค้าจริงๆนั่นแหละ วันไหนทะเลาะกันก็กริ๊งกร๊างโทร.มาหาบอกว่าอยากปรับทุกข์ด้วย คุยกันไป ดื่มกันมา..เป็นได้จบลงที่เตียงทุกที ความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่จริงจัง ยั่งยืน ใช่มั้ยครับ? ยังไงก็แพ้ผู้หญิงที่เค้าส่งให้มาเกิดคู่กับผู้ชายอยู่ดี ผมน่ะไม่เครียดหรอก เห็นคนที่เรา(เคย)รักมีความสุขก็ดีใจแล้ว..เสียสละแบบนี้สิยูชอน ..พระเอกตัวจริง.. หะหะ ก็พูดไป.... เฮ้อ! อยากหางานทำให้มันสุมหัวจนไม่มีเวลาคิดเรื่องแบบนี้จริงๆเลย
“นี่มันก็จะบ่ายสามแล้วนะครับ พี่บอกต้องไปรับหลานไม่ใช่หรอ” พอดีหันไปเห็นแฟนตัวเองก็เลยมองนาฬิกาเช็คเวลาว่ามาสายหรือเปล่า..ผมคิดว่าสายนะ เพราะเจ้านี่ทำตาเขียวใส่อีกคน ผมก็ไม่ได้สังเกตุอะไรมากหรอก แล้วก็บอกทักทายคนนั้นเล็กน้อยพอเป็นมารยาท ก่อนขอตัวลาทั้งคู่ออกมา
อยากรู้มั้ยครับว่าแฟนของเจ้ารุ่นน้องหน้าดำ เอ้ย.. หน้ามนคนนั้นคือใคร? แฟนชางมินจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่พี่ยองอุง!! พี่ยองอุงคนหน้าสวย อดีตนักบาสขวัญใจสาวๆ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยนี่ละ อาจารย์ทั้งรักทั้งหลงก็เลยคล้องโซ่จองตัวมาทำงานที่มหาลัยซะเลย รุ่นพี่ก็คิดว่าดีนะ.. จะได้อยู่ใกล้รุ่นน้องที่รักด้วย แต่ก็เพราะเหตุนี้ด้วยแหละทั้งคู่ก็เลยเปิดเผยความสัมพันธ์ไม่ได้ ผมว่าดีออกนะ ถึงยังไงก็ยังรักกัน พี่ยองอุงก็ไม่เคยแลสาวไหนเลยจริงๆ อ๊า~ มันช่างโชคดียิ่งนัก
...เอาอีกแล้ว ดูสิ ผมคิดเรื่องนี้อีกแล้วววว!!
ไม่ได้การ ต้องหางานให้ได้เสียแล้วล่ะ ผมจะได้เลิกฟุ้งซ่านเสียที. . .
ด้วยความที่กว่าจะขับรถจากมหาลัยมาถึงเนอสเซอรี่ที่ค่อนข้างไกลจากกันพอดู เพราะผมดันลืมไปซะสนิทน่ะสิ ดีที่ชางมินหาเรื่องงอนรุ่นพี่ ไม่งั้นผมคงต้องวานเพื่อนไปรับเจ้าหลานชายสุดโปรดแทน แต่ก็เสี่ยงอยู่นะ.. ให้คนอื่นไปรับเสี่ยงกว่าการไปรับเองแต่สายเสียอีก เจ้าเด็กนี่ยิ่งขี้งอน ขี้แง ขี้แย ..แต่ผมก็รักครับ
“ยูชอนมาสาย โกรธแล้ว” และก็เป็นอย่างที่คิด.. ผมมาถึงก็เกือบ 5 โมงเย็นเข้าไปแล้วล่ะ คุณครูที่ดูแลบอกว่าแกร้องไห้จนหลับไป ถึงว่า ตาทั้งบวม ทั้งช้ำ.. เด็กชายตัวเล็กน่ารักแสนซนและขี้อ้อน หลานชายสุดโปรดของผมเดินงอนตูดป่อง เอ้ย..ตุ้บป่องขึ้นรถไปเงียบๆ
สงสัยจะโกรธจริง... ปรกติต้องอาละวาด แต่นี่ นั่งเงียบเชียว
“เย็นนี้กินไรดีน้า~~ พิซซ่าแล้วต่อด้วยไอติมช็อคโกแลตดีมั้ยเอ่ย?” ผมพยายามจะคุยกับแกในขณะที่อยู่บนรถ
แล้วเด็กขี้งอนคนนั้นตอบแทนผมด้วยอะไรรู้มั้ย?.... แกปีนจากเบาะหน้าไปอยู่เบาะหลังแล้วก็หลับ
บ๊ะ! ไอ้นี่.. วันนี้มันมาแปลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ซองยุน...วันนี้อาติดธุระจริงๆนะ” เรียกลุงมันแก่ไป.. เรียกอาจะดูดีกว่าจริงไหม ก็ดีกว่าให้เรียก (พี่) แหละน่า!
. . . . . . . .เงียบกริบ เมื่อกี้ก็นอนรอนิ คงไม่ได้หลับไปอีกรอบหรอกมั้ง
ผมพยายามมองจากกระจก ดวงตาเรียวเล็กนั้นยังกระพริบถี่แสดงว่าแกล้งหลับ ในเมื่อพูดไปก็เสียน้ำลายเปล่า นิ่งเงียบมั่งจะดีกว่ามั้งเรา.. ผมคิดว่าเดี๋ยวแกคงหายโกรธแล้วพูดกับผมเอง อย่างน้อยๆ ก็คงทนหิวไม่ไหวแน่ๆ...
“อ้อ! วันนี้คุณแม่คงกลับมาไม่ทันกินข้าวเย็นด้วยนะ หิมะที่นู่นตกหนักมากเลย คุณเครื่องบินก็เลยบินมาไม่ไหว”
อย่าหาว่าผมปัญญาอ่อนเลยครับ.. เล่นกับเด็กมันก็ต้องลดไอคิวลงไปบ้าง^^;
“ถ้าไม่มีคุณแม่.. แล้วจะเป็นยังไงนะ”
“ฮะ?”
“และถ้าไม่มียูชอน มีแต่ผมกับคุณพ่อ... จะเป็นยังไงนะ”
เด็กน้อยลุกขึ้นปีนกลับมานั่งหน้ารถเหมือนเดิม จากนั้นก็หันหน้าตรงมาจ้องผมนิ่ง..
“ผมจะมีความสุขไหมคับ ถ้าผมอยู่กับคุณพ่อแค่สองคน”
“ทำไมหรอซองยุน.. ที่โรงเรียนวันนี้มีอะไร?”
มันต้องมีอะไรแน่ๆ ครูบ้าพวกนั้นสอนอะไรแผลงๆให้หลานโผมมม!!!!!
“คุณครูบอกว่า คุณแม่ของซางอึนได้จากซางอึนไปแล้ว... เหมือนที่เจ้าบิ๊กจากผมไป”
เจ้าบิ๊ก คือ น้องปลาทองสุดสวยแต่อายุสั้นที่ซองยุนเลี้ยงได้สามวันก็จากไปเสียแล้ว
เพราะแกแอบให้อาหารเยอะเกินเนื่องจากยังเป็นเด็กเลยสนุกกับการป้อนอาหาร- -
“ผมรออาตั้งนาน.. นานจนนึกว่าอาจากไปแล้วซะอีก” ทำปากเบ้ใส่ผม ลืมเรื่องโกรธกันไปแล้วมั้งเนี่ย
หลานชายน่ารักน่าเอ็นดูซะจนหมั่นเขี้ยว ผมเลยเอื้อมมือไปยีหัวหลานด้วยความหมั่นไส้...
“อาอย่าหายไปนะฮะ”
“เอ้า เฮ้ย! ซองยุน.. ระวังหน่อยสิ อาขับรถอยู่นะ เดี๋ยวก็ได้หายไปทั้งคู่หรอก ฮะฮะ”
เจ้าเด็กบ้าโดดขึ้นมานั่งตักผมซะงั้น.. นั่งได้เข้าที่ก็หัวเราะคิกคัก เอามือมาจับแขนเสื้อทั้งสองข้างของผมไว้แน่น
เพราะแขนสั้นๆของแกเอื้อมไปจับมือที่ผมจับพวงมาลัยรถไม่ถึง” อาฮะ อยากขับรถ”
พูดเสร็จก็ตามเสต็บ ผมต้องลดมือลงมาเพื่อกุมมือเล็กของหลานไว้ตรงส่วนล่างของพวงมาลัย
ช่วงเวลานี้แหละที่แกมีความสุขมาก แต่ขอบอกนะครับว่าแกมองไม่เห็นทางหรอก ฮะฮะ เจ้าเปี๊ยก!!
“อาฮะ.. ผมอยากกินสปาเก็ตตี้”
รายการสั่งอาหารเนี่ยแหละที่เป็นตัวชี้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง..
พอเราทั้งคู่กลับมาถึงบ้านซึ่งมันก็เย็นมากแล้ว พ่อเด็กที่บอกติดธุระเลยวานผมไปรับหลานยืนรับอยู่หน้าประตูอย่างฉุนเฉียว
“พี่พาลูกผมไปเถลไถลที่ไหนมาเนี่ย.. คนมีธุระดันกลับถึงบ้านก่อนคนว่างงาน ชิ”
ด่าใส่หนึ่งดอก.. ทำเป็นมาถามแต่ที่จริงก็ไม่ยอมสนใจฟังคำแก้ตัวผมเล้ย!! เห็นลูกวิ่งเข้าไปกอดหน่อยก็ลืมพี่ชายตาดำดำสนิท โธ่..ไอ้เด็กนอกชอบกลับมาแย่งงานคนเกาหลี เรียนก็ยังไม่จบดั๊นได้งานทำเป็นล่ามของบริษัทเอกชนซึ่งก็มีชื่ออยู่..ซะงั้น!! ดวงมันดีอ่ะนะ แฟนสาวแสนสวยเป็นพนักงานบริษัทนั้น เดินทางไปดูงานที่อเมริการัฐที่น้องชายผมอยู่แล้วเกิดไปปิ๊งป๊างกันกลางคลับ ก็คบกันมาเรื่อยจนคุณผู้หญิงกลับมาก็รู้ว่าตัวเองท้อง.. เลยชวนกันกลับมาทำงานที่เกาหลี
เออดี.. เจริญ! แล้วมันก็เจริญกันจริงๆด้วยนะเออ- -
พอกลับถึงบ้านเจอคุณพ่อ ซองยุนหลานรักก็เลิกสนใจผมไปพักนึง ก็ดีเหมือนกัน เวลาก่อนทานอาหารเย็นผมเลยมีโอกาสหางานจากทางเนทเพิ่ม..แต่ก็แป้บเดียวเท่านั้นแหละ เพราะว่าได้เวลาอาหารเย็นเจ้าตัวเล็กเลยขึ้นมาตาม..
แม้อาหารเย็นมื้อนี้จะไม่ได้กินกันพร้อมหน้าอีกเป็นวันที่สามแล้ว เพราะแม่ของซองยุนยังไม่กลับจากอเมริกา... แต่ทุกวันก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหมือนเคยไม่มีเปลี่ยนแปลง ผมอยากจะบอกซองยุนเหลือเกินว่า ถึงแม้เขาจะเหลือกันอยู่แค่ พ่อ-ลูก ความสุขและความอบอุ่นแบบนี้ก็คงไม่จางหายไปหรอก ยูฮวานต้องไม่ยอมให้ลูกชายต้องขาดความสุขแบบนี้ไปแน่.. ผมเชื่อว่าเขาสามารถเติมเต็มในส่วนของทุกคนได้
และนี่ก็เป็นอีกวันที่ผมยังไม่มีงานทำครับ. . .
*
จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ก็.. สามอาทิตย์เข้าไปแล้วครับ สรุปรวมแล้วก็ 6 เดือนพอดีที่ผมตกงาน เหอะๆ จริงๆแล้วเพราะผมเรื่องมากเลือกเยอะเลยไม่มีงานให้ทำหรือเปล่านะ? ตอนนี้ทางชมรมบาสติดต่อมาให้ผมไปช่วยเป็นโค้ช มีค่าเหนื่อยให้แต่ก็ไม่มากมาย ก็ยังดีกว่าไม่มีไรทำนะผมว่า อีกอย่างผมก็เคยนำทีมชนะระดับเขตมาแล้วด้วย รับประกันคุณภาพได้เป็นอย่างดี วันนี้เลยว่าจะจัดห้องเสียหน่อย เพราะตอนนี้ทั้งห้องมีแต่กองหนังสือพิมพ์และหนังสือหางานเกลื่อนไปหมด
อ่า. . . คุณคงยังจำกันได้กับงาน “พี่เลี้ยงเด็ก” ที่ชางมินบอกใช่มั้ยครับ จริงๆผมลืมมันไปแล้วแหละ วันนี้ไม่ต้องไปสัมภาษณ์งานอะไรด้วย เพราะผมลดแล้วซึ่งความพยายาม- - แถมวันนี้เจ้าหลานตัวแสบแกล้งปวดท้องประท้วงคุณแม่ที่หนีไปสัมนาที่ญี่ปุ่นต่ออีก 5 วัน วันนี้ทั้งวันผมจึงต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูแกแทนพ่อแม่นี่แหละ เล่นกันไป เลี้ยงกันมาก็เลยเกิดรู้สึกว่าตัวเองเหมือน..พี่เลี้ยงเด็ก..จริงๆเลยน้า~
“ดูดิ.. ค่ากินก็ฟรี แถมมีที่พักให้อีกด้วย! งานสบายแถมเงินดีแบบนี้ไม่สนจริงอ่ะ”
เสียงเจ้าชางมินลอยตามลมเข้ากระทบหูอย่างแผ่วๆ แต่ก็เรียกความสนใจผมไม่น้อยเลยนะ งานพี่เลี้ยงเด็กหรอ.. อันที่จริงก็ไม่ได้จำกัดเพศด้วยนิ แล้วผมก็เลี้ยงซองยุนมาตั้งแต่เกิดแล้วด้วย ..อืม ชักจะน่าสนแล้วสิ เพราะค่าจ้างที่ได้มากกว่าการเป็นผู้ช่วยโค้ชที่ชมรมผมเลยเริ่มสนใจ^^
พอกล่อมซองยุนให้หลับได้ด้วยการเล่นวิ่งไล่จับจนเจ้าตัวเล็กเหนื่อย ผมเลยรีบรุดขึ้นไปหาเศษหนังสือพิมพ์ที่ผมฉีกมันเอาไว้..จริงๆก็ไม่ได้สนใจแต่แรก แต่ทุกงานผมก็จะฉีกเก็บไว้เป็นตัวเลือก รื้อค้นอยู่ตั้งนานที่ไหนได้มันแปะอยู่บนฝาผนังข้างหน้าจอคอมนี่เอง. . .
ลองอ่านรายละเอียดที่มีอยู่นิดเดียวนั้นอีกรอบ.. ไม่จำกัดเพศของพี่เลี้ยงก็จริง หรือเพราะเขารู้กันอยู่แล้วว่าพี่เลี้ยงเด็กต้องเป็นผู้หญิง? อายุอานามเด็กก็ไม่บอก บอกแต่เงินเดือน กับ ค่าที่พักและค่าอาหารฟรี...อืม แบบนี้ไม่ลองโทร.คุยก็คงจะไม่รู้เรื่อง มือเร็วทันใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อทันที
“ครับ” เสียงเด็ก
“ขอสายคุณจองยุนโฮครับ”
หลังจากนั้นปลายสายก็ตะโกนเรียกเสียงดัง “พ่อฮะ.. โทราสับ!! เดี๋ยวผมจัดโต๊ะให้เอง”
ได้ยินเสียงเหมือนตะหลิวกระทบกระทะอยู่สองสามที ปลายสายก็ตอบกลับมา
“ครับ ยุนโฮพูดครับ” น้ำเสียงดูเหนื่อยชอบกล
“คือ.. ผมเห็นประกาศรับพี่เลี้ยง ไม่ทราบว่าคุณได้พี่เลี้ยงหรือยังครับ”
“ยังเลยครับ”
“เอ่อ. . . พอดีว่า ผมก็มีหลานอยู่ แล้วก็ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ก็เลยคิดว่าน่าจะเลี้ยงลูกคุณได้”
“ครับ”
“ครับ?”
“พ่อฮะ!! นี่มันไรอ่า ไข่ดาวดำปี๋เป็นอุกกาบาตเชียว ฮะฮะ” เสียงลูกติงอาหารมื้อเที่ยงในกระทะอุ่น.. ได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อหันไปดุนิดหน่อย แต่เสียงหัวเราะของลูกชายก็ยังไม่เงียบลง
“คุณพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ ถ้าเป็นวันนี้เลยได้ยิ่งดี”
“เอ๋? นี่..รับผมแล้วหรอ?”
“ครับ” เสียงดูเนือยๆ
“แล้วๆ... แล้ว. . . มีพี่เลี้ยง เป็นผู้ชาย.. ได้ด้วยหรอครับ” ปากพาตกงานจริงๆ
“จะเป็นไรก็ได้ ขอแค่เลี้ยงลูกผมได้ก็พอ ..เริ่มงานวันนี้เลยจะได้มั้ยครับ ผมมีงานเลี้ยงคงกลับดึก วานคุณนอนเป็นเพื่อนแกคืนนี้ได้หรือเปล่า”
ลูกตัวแสบของคุณพ่อจองยุนโฮคงจะไม่เด็กมากขนาดหลานชายเขา เพราะเจ้าตัวโวยวายทันทีที่ได้ยิน
“ผมนอนคนเดียวก็ได้น่า พ่ออ่ะ..”
“ครับ.. ที่บอกว่าค่าที่พักฟรีนี่ให้ไปนอนบ้านคุณเลยนี่เอง”
“ใช่ ผมต้องการให้คุณทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าง.. อืม ถ้าคิดว่าเงินมันไม่เหมาะสมเราคุยกันได้นะ”
“ผมก็ว่าทำไมแค่เลี้ยงเด็กถึงให้เงินเยอะจัง ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นั้นปกติผมก็ทำอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเดี๋ยวเย็นนี้ผมจะไปดูแลลูกคุณให้นะครับ พอดีต้องรอพ่อของหลานผมกลับมาก่อน ปล่อยแกไม่ได้แกยังเด็ก”
และแล้วก็ได้งานง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ.. เจ้าเด็กนั่นดูจะไม่แสบมาก แต่ก็คงเลี้ยงยากอยู่เหมือนกัน ถ้าผมเดาไม่ผิดสงสัยจะอยู่กันแค่สองพ่อลูก คุณแม่ไปไหนนั้นผมก็เดาไม่ออกหรอกนะ อาจจะเลิกกัน หรือว่าตายจากกันไปก็ได้ จากเสียงฟังดูยังหนุ่มอยู่เลย ทำไมไม่หาแม่ใหม่ให้เด็กน้า~ หรือว่าจะรักแม่เด็กมากซะจนคนอื่นมาแทนที่ไม่ได้ ..คิดแล้วก็แอบอิจฉาจริงๆ..
*
หลังจากที่ผมอยู่กับซองยุนจนพ่อของเขากลับมา ก็บอกคนทั้งคู่ว่าตนได้งานทำแล้ว ตอนแรกที่บอกน้องชายว่าได้งานอะไรทำ มันถึงกับหัวเราะซะท้องแข็ง น้ำตาเล็ด..เยี่ยวจะราดด้วยป่าววะ? ชริ แต่มันบอกผมว่า งานนี้เหมาะกับผมดีนะ.. คงเห็นผมเลี้ยงลูกมันดีก็เลยชมและก็ให้กำลังใจมาละมั้ง ผมไม่กลัวหรอก เคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องเด็กที่ชอบแกล้งพี่เลี้ยง พวกเด็กดื้อเด็กซนจะกำราบให้หมด!!! แต่ผมว่านะ.. ไอ้เด็กนั่นมันคงเล่นงานกับผู้หญิงอย่างเดียวมั้ง แบบ..กลัวมาแย่งคุณพ่อไปไรเงี้ย ผมเป็นผู้ชายครับ เด็กหนอเด็ก.. พี่เป็นแม่หนูไม่ได้ แต่แอบตีท้ายครัวชาวบ้านได้ครับ ฮ่าๆ พูดไรของผมเนี่ย- - นี่ก็รอมานานแล้วนะ นัดกันที่หน้าปากซอยบ้านผม เดี๋ยวคุณยุนโฮจะขับรถมารับ ยืนรอจนขาชาละ พระเจ้า! มัน ทำ ไม มา ช้า จัง ฟร่ะ!!!
“ขอโทษนะครับ ..พอดีมุนบินท้องเสียเลยทำให้ออกมาช้าไปหน่อย”
ไม่หน่อยแล้วเว้ย ให้รอจนจะสองชั่วโมงแล้วนะ ไอ้เด็กนี่ถ่ายจนไส้แห้งแต่หน้าตายังสดชื่นอยู่เลย
. . . แกล้งตรูใช่มะ . . .
“ไม่เป็นไรครับ ท้องเสียแบบนี้ปกติคงถ่ายยาก ต้องพาไปสวนทวารมั่งนะจะได้ถ่ายคล่อง”
“ไม่ต้องนะฮะพ่อ!! ปกติผมก็ถ่ายไม่ยากอยู่แล้ว”
หึหึ~ เสร็จตรูล่ะไอ้หนู...
“มุนบินอายุเท่าไหร่แล้วครับ” ผมหันไปถามเด็กชายหน้าตาดีที่นั่งอยู่ตรงกลางเบาะหลัง
เจ้าเด็กที่เพิ่งเปิดฉากทำสงครามกับผมหันมาถลึงตาใส่ก่อนทำเป็นไม่สนใจ เสียบหูฟังซาวนด์เบาท์นั่งเล่นเกมเงียบ
“ปีหน้าก็ 9 ขวบแล้วครับ” พ่อเด็กเลยต้องตอบแทน
“โตแล้วนะฮะพ่อ ...9 ปี ไม่ใช่ 9 ขวบ” บ๊ะ! ทียังงี้มันดันได้ยิน- -
“ไม่เห็นต้องจ้างพี่เลี้ยงให้เสียตังค์เลย ผมโตแล้วดูแลตัวเองได้น่า.. พ่อน่ะ จะฝากผมไว้กับคนอื่นแล้วจะหายไปเหมือนแม่ใช่มั้ยล่ะ”
เหมือนจะไม่ใส่ใจในคำพูดนั้นมากนัก แต่มุนบินที่พูดไปนั่งเล่นเกมไปกลับมีสีหน้าและแววตาที่หมองเศร้าพิกล เจ้าเด็กนี่... ถูกแม่ทิ้งหรอ? คนที่เศร้ามากกว่าใครก็คงเป็นพ่อเด็กใช่ไหม. . . ผู้ชายคนที่ขับรถอยู่นั้นมีหน้าตาหล่อเหลา เป็นคนภูมิฐาน ดูดีทั้งรูปลักษณ์และกิริยาท่าทาง ไม่แปลกเลยนะถ้าจะมีผู้หญิงรายล้อมทั้งหน้าทั้งหลัง แต่จะแปลกมากถ้าผู้ชายหน้าตาดูฉลาดคนนี้ถูกเมียทิ้ง ผมละอดขำไม่ได้ ก็เลยเผลอหัวเราะออกไปเล็กน้อย
“ขำอะไรของคุณครับ คุณยูชอน”
“อ๋อ.... เอ่อ. . . ผมว่าลูกคุณคงหวงคุณมากเลยนะครับเนี่ย”
แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ เจ้าเด็กบ้าโยนหุ่นยนตร์ตัวไม่ใหญ่ก็จริง แต่มันเป็นพลาสติกหนาปาใส่ผมซะงั้น พร้อมกับน้ำเสียงแข็งที่กล่าวออกมาว่า
“งั้นก็อย่ามายุ่งกับพ่อผมแล้วกัน”
พระเจ้า! ทีนี้ทั้งผมและพ่อของมุนบินเลยหัวเราะพร้อมกันใหญ่.. เจ้าเด็กหล่อเลยได้แต่นั่งทำหน้างออยู่เบาะหลัง งานพี่เลี้ยงที่ผมว่าไม่ค่อยดี ตอนนี้ท่าทางน่าสนุกขึ้นมาแล้วครับ เด็กนี่ถึงจะทำตัวไม่ดี แต่ผมคิดว่าคงเพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าตัวเป็นเด็ก ก็เลยดื้อใส่ผมหน่อย อีกเดี๋ยวสนิทกันก็คงกลับมาเป็นปรกติ ไม่ดื้อ และก็เลี้ยงไม่ยากเอง ส่วนตัวพ่อเด็กนี่ก็นะ... หน้าตาดีจังเลยน้า~~ เป็นนักธุรกิจหนุ่มอีกต่างหาก หล่อ รวย น่าคบสุดๆ.. อ่า ฮะฮะ ผมคงโดนความหล่อของเขาหลอกให้หลงละมั้งครับ.. หล่อทั้งข้างนอก ข้างใน ผู้ชายอะไรไม่รู้ เพอเฟคแมนชะมัด แถมเป็นแฟมิลี่แมนอีกต่างหากกก!!
“คืนนี้พ่อกลับดึก มุนบินต้องทำตัวดีดีกับพี่ยูชอนรู้มั้ย?” ยีหัวลูกน้อย.. หน้าตาอ่อนโยนซะจนผมเคลิ้ม
“ครับ.. พ่อฮะ อย่าหนีผมไปนะ”
“อาอย่าหายไปนะฮะ”
พวกเด็กๆนี่.. ก็ต้องการคนรักไม่น้อยไปกว่าคนอกหักแบบเราเน้อะ (คิดไรอยู่เนี่ยฉัน!)
ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดัง เลยปล่อยให้สองพ่อลูกหยอกเล่นกันซักพัก ส่วนผมขอตัวรับโทรศัพท์ก่อน
“ไงซองยุน กินข้าวยังครับ”
“เรียบร้อยฮะอา.. คุณพ่อซื้อพิซซ่ามาให้กินด้วย”
“โหหห พอไม่มีอาแล้วสั่งพิซซ่ากันมากิน ใจร้ายจังเลยนะ”
“หะหะ.. แล้วงานอาเป็นไงบ้าง พี่คนนั้นเลี้ยงยากกว่าซองยุนมั้ยฮะ? ซองยุนเป็นเด็กดีจะตาย ต้องเลี้ยงง่ายกว่าอยู่แล้วเน้อะ”
ผมชายตามองคู่พ่อลูกที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันด้วยความรัก.. ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ไหน ถ้าเติบโตด้วยความรัก ความเอาใจใส่..ก็เป็นเด็กที่น่ารักด้วยกันหมดแหละนะ
“ใช่... เพราะฉะนั้นซองยุนต้องเป็นเด็กดีต่อไปนะครับ เอาละ เดี๋ยวอาต้องทำงานต่อแล้วนะ ซองยุนครับ อย่าลืมจัดกระเป๋านักเรียนก่อนเข้านอนละรู้มั้ย?”
“คับอา แต่..ก่อนผมจะนอนผมโทร.หาอาอีกได้มั้ยฮะ”
“ได้สิ.. แล้วค่อยคุยกันนะ”
“ฮะ”
เพราะผมคุยไม่ไกลจากทั้งคู่นัก คุณยุนโฮก็เลยทัก
“หลานโทร.หาหรอ”
“ครับ ไม่เคยห่างหลานแบบนี้แกเลยกลัวผมหายไป...” แอบหันไปมองมุนบินสักนิด เด็กนั่นก็มีปฏิกิริยาแปลกๆกลับมา
“พ่อฮะ ไม่รีบไปเดี๋ยวจะสายนะ”
“เอ้อ จริงด้วยนะ.. งั้นลูกพาพี่ยูชอนขึ้นห้องได้นะ”
แล้วเขาก็ยื่นกุญแจห้อง พร้อมเอกสารเล่มบางมาให้ผม คงจะเป็นกฎระเบียบและชี้แจงสิ่งที่เขาอยากให้ผมทำละมั้ง
พ่อลูกคู่นี้อยู่กันที่อพาร์ทเมนท์กว้าง 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องรับแขก อ้อ มีห้องครัวพร้อมโต๊ะกินข้าวด้วย... ถ้าจะบอกให้ถูกต้อง มันมีห้องเก็บของเป็นชั้นลอยติดเพดาน ซึ่งที่นั่นได้กลายเป็นฐานที่มั่นสุดลับของมุนบินด้วย ผมมารู้ทีหลังว่าเวลามุนบินโกรธกับพ่อหรืออารมณ์ไม่ดีจะขึ้นไปหมกตัวอยู่ที่ห้องใต้หลังคานี้เป็นประจำ ถึงว่า... เมื่อก่อนนั้นหาไม่เจอ
“พ่อบอกให้พี่นอนกับผม” พอเปิดประตูเข้าห้องได้ เด็กชายก็บอกผมพลางเปิดไฟทั่วห้อง
“อ่า... ถ้ามุนบินลำบากใจพี่นอนโซฟาห้องรับแขกก็ได้”
“ผมไม่ได้เกลียดพี่ขนาดนั้นหรอกฮะ” หันมายิ้มให้ซึ่งแปลกกว่าตอนอยู่บนรถมาก
“หลานพี่น่ะ.. เค้าไม่มีแม่เหมือนกันหรอ?”
เด็กชายเดินนำหน้าไปนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขก
“เปล่าหรอก เค้าก็มีแม่.. แต่คุณแม่น้องซองยุนต้องไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยๆก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน”
“อืม. ...ยังดีนะ”
“มุนบิน ไม่เห็นเป็นไรเลย มีคุณพ่อยุนโฮแสนดีอยู่ทั้งคน เน้อะ”
“เหอะ ถ้ามีคุณแม่ก็คงจะไม่ได้กินไข่ดาวอุกาบาตแบบนั้นอีก.. แต่ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมกำลังฝึกทำแซนวิชอยู่ ผมรู้ว่าพ่อเหนื่อย ทั้งทำงานที่บริษัท แล้วยังต้องกลับมาทำงานบ้านอีก”
“ต่อจากนี้ก็มีพี่ช่วยอีกแรงแล้วไง.. หิวยังล่ะเรา เอาข้าวต้มมั้ย? กินของอ่อนๆท้องจะได้ไม่เสีย”
ผมว่าเจ้าเด็กนี่มันก็แค่ไม่มีคุณแม่สอนมารยาทเท่านั้นแหละ พอผมลุกขึ้นเข้าครัวเค้าก็เข้าตามมา บอกว่าอยากช่วยทำวันหลังจะได้ทำให้พ่อทาน มุนบินบอกว่า ตอนเห็นพ่อยิ้มดีใจ พ่อเค้าจะหล่อมากๆเลย ฮะฮะ.. เด็กน้อย.. พ่อเธอน่ะ ทำหน้าเฉยๆก็หล่อจะแย่แล้ว!!
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็นอนที่ห้องของมุนบินตลอดแหละครับ เค้าไม่ยอมให้ผมนอนโซฟา.. เขาเล่าว่าเมื่อก่อนนอนรอคุณพ่อกลับบ้านที่โซฟา พอตื่นมาก็ปวดตัวไปหมด เลยเป็นสาเหตุที่ไม่ยอมให้ผมนอนในห้องรับแขกนั่นเอง ..เห็นมั้ย ไม่ใช่เด็กไม่ดีซะหน่อย คงเพราะว่าได้รับการอบรมจากพ่อผู้มากความสามารถอย่างยุนโฮ ลูกจึงออกมาหน้าตาหล่อเหลาไม่ผิดกัน อีกทั้งสติปัญญาก็เลิศ มารยาทการเข้าสังคมก็จัดเป็นเด็กมีมารทยาทคนนึง มุนบินเป็นเด็กเอาใจใส่คนรอบข้างมาก คงเพราะการที่มีกันอยู่ 2 คนทำให้ต้องคอยเอาใจใส่กันละมั้ง
มุนบินดูท่าทางจะพอใจพ่อของตนกว่าปกติ... เขาคิดว่าถ้ามีผมแล้ว พ่อเขาจะไม่สนใจเขา แต่ปรากฎว่ายุนโฮก็ยังกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน บอกตามตรงว่าทีแรกผมก็คิดเหมือนมุนบินนะ ผมคิดว่าเขาต้องเถลไถลเพราะคิดว่ามีคนคอยดูแลลูกตัวเองเป็นอย่างดีอยู่ที่บ้านแล้ว อย่างน้อยคนเราก็น่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือหาความสุขกับผู้หญิงบ้างล่ะน่า. . . แต่เปล่าเลย.. ยุนโฮยังคงกลับบ้านตรงเวลา เขารีบทำงานเพื่อที่จะได้ตรงกลับบ้านแต่วัน ทุกๆวัน
“วันนี้พี่ยูชอนสอนผมทำสปาเก็ตตี้ราดซอสด้วยครับพ่อ” เดินถือจานสปาเก็ตตี้มาวางลงหน้าพ่อตนอย่างยิ้มแย้ม
ส่วนผมก็ถือสองจานสำหรับผมและมุนบินวางลงบนโต๊ะ..
“โห.. หน้าตาน่ากินเชียว ว่าแต่..จานนี้ลูกพ่อทำอะไรบ้างเนี่ย”
มุนบินที่ตอนนี้โดนคุณพ่ออุ้มขึ้นไปนั่งตัก หันมายิ้มคิกคักให้ผม.. ก่อนใช้ส้อมจิ้มเส้นสปาเก็ตตี้แล้วม้วนจนแน่นพอดีคำ ยกขึ้นระดับปากส่งไปทางคุณพ่อของตน. . .
“อ้ำฮะ”
...ผู้เป็นพ่อยิ้มกริ่มก่อนอ้าปากกว้างรับสปาเก็ตตี้ราดซอส เคี้ยวทีสองทีก่อนกลืนลงคอจนหมดแล้วรีบพูดชม
“อร่อยมากๆเลย”
โอย . . . ผมล่ะจะละลาย ไอ้สปาเก็ตตี้พวกเนี้ยมุนบินก็แค่ลวกเส้นเองครับ!!
“เน้อะ..พี่ยูชอนทำอาหารอร่อยที่สุดเลย”
ยุนโฮหันมาส่งยิ้มหวานให้ผม.. ไม่แน่ใจว่าเป็นรอยยิ้มที่ติดมาจากตอนยิ้มให้ลูกของตนหรือว่าจงใจส่งมาให้ผมกันแน่ ยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้ผมเขินครับ
“ไม่หรอกครับมุนบิน พี่ก็แค่ว่างงานเลยฝึกทำอาหารไว้เลี้ยงหลานเท่านั้นเอง”
“หลานพี่ยูชอนนี่โชคดีจังเลยนะฮะ ว้า~ พี่ไม่อยู่แบบนี้เค้าก็อดกินของอร่อยน่ะสิ”
ตอนนี้เจ้าตัวดีกำลังกินสปาเก็ตตี้ของพ่อเขาอยู่...
“พ่อของน้องซองยุนก็ทำอาหารอร่อยครับ”
“สงสัยจะมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารกันทั้งบ้านเลยหรือเปล่านะ” ยุนโฮพูดชมบ้าง
“ก็คงงั้นมั้งครับ” ผมได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนความเขิน..
หลังจากนั้นเป็นเวลากว่าเดือนนึงที่ผมอยู่เป็นพี่เลี้ยงของมุนบิน เราสนิทกันเร็วเพราะว่าเป็นลูกผู้ชายทั้งคู่ ก็เลยคุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย และหาอะไรเล่นด้วยกันง่าย.. นอกจากจะคอยดูแลมุนบินแล้วผมยังดูแลบ้านไปด้วย อ่ะ..พูดว่าบ้านก็ไม่ถูกนัก ห้องชุดที่นี่กว้างพอสมควร.. ขนาดที่แค่ดูดฝนก็เล่นผมเหงื่อตกแล้วล่ะครับ งานบ้านนี่ เหนื่อยจริงๆนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินเดือนและการค่าเวลาตกงานแล้วผมคงไม่ยอมทำหรอก. . . จริงๆมันก็ไม่ได้หนักหนามากหรอกครับ แค่บ่นไปเอง- - อาทิตย์นึงจะมีแม่บ้านพิเศษมาจัดการห้องครั้งนึง เหมือนเป็นการทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็ว่าได้ เธอจะขัดห้องน้ำและจัดแจงทุกอย่างให้สะอาดเอี่ยม ส่วนหน้าที่หลักๆของผมก็คือ ทำอาหาร และ เลี้ยงมุนบินเท่านั้นเอง
“เหนื่อยหน่อยนะ ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณ” นี่เป็นประโยคสุดฮิตยามเช้าที่ยุนโฮจะบอกผมก่อนออกไปทำงานทุกวัน
. . .ให้ความรู้สึกเป็นคุณแม่บ้านเลยอ่ะ โฮะโฮะ !! พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็เหมือนมีพลังเพิ่มขึ้นมาทันที
“พี่ยูชอนทำเค้กเป็นมั้ยฮะ” ทุกๆวัน.. ผมมีหน้าที่จะต้องสอนมุนบินทำอาหารหนึ่งอย่าง บางทีก็สอนซ้ำบ้าง เพราะเจ้าตัวลืม แต่ขอแค่ให้ได้ช่วย มุนบินก็ท่าทีมีความสุขมากแล้วครับ
“เค้กหรอ.. ขอโทษนะครับ พี่ทำไม่เป็นอะ ไว้เราไปซื้อมากินกันดีมั้ย?”
เด็กตัวน้อยทำปากเบ้บ่งบอกความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนถอนหายใจ..
“ซื้อเอาก็ได้” แล้วก็เดินออกไป
“เดี๋ยวสิมุนบิน.. ให้พี่ซื้อมาเลยหรือว่าจะเลือกด้วยกันตอนกลับบ้านดี?”
“เลือกด้วยกันฮะ พี่ไม่รู้หรอกว่าควรจะซื้อรสอะไร”
ผมพยักหน้า “ตั้งใจเรียนนะ”
ทุกเช้าคุณพ่อของน้องมุนบินจะเป็นคนไปส่งที่โรงเรียน ส่วนตอนเย็นผมจะเป็นคนไปรับ บางทีเราก็แวะไปที่บริษัทของยุนโฮบ้างในวันที่เขางานไม่เยอะ.. แต่ส่วนมากเราจะรีบตรงกลับบ้านเพื่อฝึกปรือฝีมือทำอาหารกัน แล้ววันนี้เกิดอยากทำเค้ก ผมสงสัยว่ายุนโฮคงเกิดเดือนนี้ เอ๋.... หรือว่าวันนี้จะเป็นวันเกิดของมุนบิน? ผมกะเวลาดูว่าเมื่อไหร่ยุนโฮจะส่งมุนบินถึงโรงเรียนแล้วค่อยโทร.ถาม
“มีอะไรครับยูชอน”
“เอ่อ..ผมไม่แน่ใจว่าวันนี้เป็นวันอะไร ใช่วันเกิดคุณหรือเปล่าครับ”
“ที่จริงแล้ววันนี้เป็นวันเกิดแม่ของมุนบินเค้าน่ะครับ” น้ำเสียงดูเศร้าลงพิกล
“เอ๋??”
“ทุกปีเราจะมีปาร์ตี้กันเล็กๆ ก็เหมือนๆกับวันเกิดของผมและของมุนบินนั่นแหละครับ แต่ถึงแม้เธอจะไม่อยู่แล้ว มุนบินก็ยังขอให้ผมจัดปาร์ตี้วันเกิดไว้เผื่อเธอจะกลับมาฉลองกับเรา”
“ทั้งๆที่คุณก็รู้ใช่มั้ยว่าเธอจะไม่กลับมา”
“ครับ..”
“เธอหายไปเพราะอะไรกันนะ... (ลูกก็น่ารักแถมพ่อก็หล่อ--อันนี้คิดอยู่ในอก นรกรอกินกะบาล) ช่างเถอะ ขับรถไปโทรศัพท์ไปมันอันตรายนะคุณ.. ขับรถปลอดภัยนะครับ แล้วเจอกันตอนเย็น. . .”
เมื่อถึงเวลาไปรับมุนบิน เขาพาผมเดินไปร้านเค้กเจ้าประจำ คนในร้านก็ดูท่าทางสนิทสนมกับเขาดีเพราะพอเราเข้าไปปุ๊บ เขาก็ทักทันที่ว่า
“ว้าวว.. มาทีไรก็หล่อขึ้นทุกทีเลยนะเจ้าหนู” คุณลุงเจ้าของร้านเค้กเสิร์ฟชาพร้อมคุ้กกี้เป็นเซอร์วิสพิเศษ ก่อนพามุนบินไปเลือกเค้กในตู้โชว์ ผมไม่ได้ตามไปเพราะคิดว่าตามใจแกเลือกจะดีกว่า วันนี้วันเกิดคุณแม่สุดรักของแก(และยุนโฮนี่นะ) ทำไมมันรู้สึกอึดอัด คับใจ... ยังไงชอบกล- -
“พี่ยูชอนมานี่เร็ว” วิ่งเข้ามาฉุดแขนผมให้เดินไปที่หน้าตู้โชว์
“อันนี้หรืออันนี้ดีฮะ.. เลือกไม่ถูกเลยมันน่ากินทั้งคู่”
มือชี้ไปที่เค้กวานิลลากับช็อคโกแลตที่แต่งแต้มซะจนผมไม่อยากจะตักกินให้เสียรูปทรง
“มุนบินชอบรสไหนมากกว่ากันล่ะ?”
“ผมชอบช็อคโกแลตแต่พ่อชอบวานิลลาฮะ”
“งั้นมาเป่ายิ้งฉุบกันดีกว่า.. ถ้ามุนบินชนะก็เอาช็อคโกแลตไป”
“อื้ม! ยุติธรรมดี ทุกปีนะ พ่อจะเอาเค้กรสอื่นแทนเลย จะได้อดกินกันทั้งคู่”
“หะหะ.. งั้นก็ เป่า ยิ้ง ฉุบ !!!”
เด็กน้อยเดินหน้าบูดออกจากร้านก่อนผม.. ก็ไหนว่ายุติธรรมแล้วจะงอนกันทำไมล่ะเนี่ย
“งั้นพี่เอาไปเปลี่ยนดีกว่า”
“ไม่ต้องครับ.. ตัดสินแล้ว ลูกผู้ชายต้องไม่คืนคำ” น่าเอ็นดูดีนะ.. ผมจึงเดินไปลูบหัวปลอบแกที่ไม่ได้กินเค้กช็อคโกแลตสมใจ
“แวะร้านนั้นหน่อยดีมั้ย ซื้อช็อคโกแลตมากินกันซักแท่ง”
มุนบินยิ้มร่าก่อนจูงมือผมให้รีบเดินเข้าร้าน.. “หลานพี่ก็ชอบกินช็อคโกแลตนะ”
“งั้นวันหลังเราชวนซองยุนมากินเค้กช็อคโกแลตด้วยกันนะฮะ”
*
แม้ค่ำคืนนี้จะมีปาร์ตี้วันเกิดคุณแม่ของมุนบินก็ตาม.. สิ่งที่พิเศษเพิ่มขึ้นมามากกว่าทุกวันก็คือเจ้าขนมเค้กก้อนโตเท่านั้นเอง และวันรุ่งขึ้นมุนบินก็ยังต้องไปโรงเรียนแต่เช้า พอกินข้าว กินเค้กเสร็จ ก็ต้องรีบทำการบ้านและเข้านอน ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นวันสำคัญตรงไหนเลย. . . หรือแกก็แค่ไม่อยากลืมอะไรเกี่ยวกับคุณแม่เท่านั้นเอง. . .
“พ่อชอบทำเหมือนแม่ไม่มีตัวตน”
อยู่ดีดีมุนบินที่นอนอยู่บนเตียงรอให้ผมห่มผ้าห่มให้นั้นก็พูดเสียงแผ่ว
“ก็ตัวตนของคุณแม่อยู่ในนี้ไม่ใช่หรอครับ” ผมวางมือทับลงบนตัวร่างเล็ก
มุนบินชักสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนยิ้มกว้างเหมือนคิดอะไรออกจากการพูดคำนั้นของผม
“นอกจากแม่และพ่อแล้วผมก็รักพี่ยูชอนด้วย”
“ครับเด็กดี.. นอนได้แล้วนะ”
“ราตรีสวัสดิ์ฮะ” ผมนั่งรอจนเห็นว่ามุนบินเริ่มพล่อยหลับจึงกลับออกมาเตรียมเก็บล้างจานชามที่กินกันไว้ก็เห็นยุนโฮซึ่งอยู่ในชุดไปรเวทเหมือนเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกเลยอดสงสัยไม่ได้
“ป่านนี้แล้วจะไปไหนครับ” ผมถาม
“อ้อ.. ธุระ นิดหน่อยน่ะ” สีหน้าต่างจากตอนกินข้าวด้วยกันมากจนผมงง
“หรือว่าจะแอบไปหาคุณแม่มุนบิน” ล้อเล่นนะครับ ล้อเล่น.. แต่เจ้าตัวถลึงตาใส่ผมก่อนออกไปโดยไม่ตอบอะไร หรือว่า มันจะออกไปหาคุณแม่น้องมุนบินจริงๆ (แงแง)
จิตใจปั่นป่วน มันอยากรู้อยากเห็นซะจนผมนอนไม่หลับ จากที่นอนกลิ้งตัวไปมาอยู่ในห้องมุนบิน จนกลัวว่าแกจะตื่นก็เลยต้องออกมานั่งสงบสติอารมณ์นอกห้องนอน.. หรือจริงๆแล้วก็มานั่งรอใครบางคนที่ห้องรับแขกนั่นแหละ ยุนโฮไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยกลับดึกขนาดนี้เลย หรือว่าจะแอบไปหากันจริงๆ เอ๊ะ! หรือจะไปหาอย่างอื่น
อ๊ากกกกกส์ ไอ้นี่มันดีแตกแล้วหรือเนี่ย. . . รู้สึก ผิด หวัง ชะมัด ..เฮ้อ
เสียงเปิดประตูดังทำให้ผมรีบรุดตรงเข้าไป ร่างยุนโฮเดินเซไปมาก่อนลงนั่งอย่างทุลักทุเลเพื่อถอดรองเท้า เห็นแล้วก็อดเข้าไปช่วยไม่ได้ พอร่างสูงทำท่าจะลุกขึ้นผมจึงเข้าไปช่วยพยุง
“อ่ะ.. ยูชอนหรอ ยังไม่นอนอีกหรอ” กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมด.. สงสัยจะไปกินเหล้าเพื่อลืมเมีย- -
“ทำไมคุณถึงเมาขนาดนี้ล่ะเนี่ย.. นึกว่าไปหาศรีภรรยามาซะอีก ...อ่ะ อ๊ะ!!!”
พาร่างของเขาเข้าห้องมายังไม่พ้นประตูดีก็ถูกร่างนั้นกดไหล่กระแทกตรึงเข้ากับประตูห้อง
“ได้โปรด.. อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกจะได้ไหม”
“ดะ ได้ แต่ว่า... ยุ ยุนโฮ ปล่อยผมสิ” มือหนาเกี่ยวเอวคนตัวเล็กก่อนแนบตัวเข้าชิดทีละน้อย
ยูชอนพยายามขืนตัวหนีแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย และแล้วยุนโฮก็ได้กดจูบคนเบื้องล่างโดยที่เจ้าตัวไหวตัวไม่ทัน
ร่างเล็กพยายามกดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ถูกลิ้นหนาครอบงำอารมณ์ได้ แต่แล้วก็ต้องพ่ายเมื่อมือแกร่งสอดเข้าในเสื้อ ไล้สัมผัสอย่างแผ่วเบาจนเสียวซ่านทำให้อีกฝ่ายเผยอปากหลุดเสียงหวาน เขาจึงได้โอกาสลิ้มรสความหวานได้สำเร็จ ยูชอนถูกลิ้นอุ่นที่หวานละมุนแต่บางคราก็หนักแน่นจนแทบหายใจไม่ทัน.. ร่างกายโรยรินทั้งจากมือหนาที่ลากผ่านลำตัว และจากรสจูบอันร้อนแรง มือน้อยจึงต้องโอบคอร่างสูงไว้เป็นหลัก ยุนโฮละริมฝีปากออกมาทำให้เห็นหน้าที่แดงก่ำของคนเบื้องล่าง ยูชอนสติกระเจิงจนฉุดไม่อยู่ ความหวานละมุนที่ยุนโฮมอบให้นั้นแม้มันจะมาจากน้ำเมาแต่ก็ทำให้เขารู้ตัวว่าเขา ..ชอบยุนโฮ.. เข้าให้แล้ว
“จะเป็นผมหรือคุณกันนะที่จะเสียใจกับเรื่องนี้”
ร่างสูงจูงมือเขาและผลักลงเตียงอย่างแผ่วเบา...ก่อนจัดแจงถอดเสื้อตนและคนเบื้องล่างอย่างไม่รีบร้อน
“ยุนโฮ..”
ร่างสูงจุดยิ้มก่อนก้มลงไปสัมผัสปากอิ่มอีกครั้ง แต่หากครั้งนี้เนิ่นนานและร้อนแรงด้วยอีกคนเกี่ยวกระหวัดรับอย่างเร่าร้อน มือสากลากผ่านส่วนบนลงถึงแก่นกลาง ร่างเล็กครางลั่นเมื่อมือหนากอบกุมส่วนนั้นไว้.. ยุนโฮลูบไล้อย่างเบามือเหมือนจะหยอกล้อ เนิ่นนานจนคนเบื้องล่างทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเบียดกายเข้าหาเขาเสียเอง
ลิ้นอุ่นลิ้มเลียใบหูก่อนจะเลื่อนลงต่ำอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับส่วนปลายที่รุ่มร้อนด้วยตันหา.. ยูชอนหลับตาแน่น มือบางยกขึ้นปิดปากสนิท ยากจะกดเก็บเสียงเมื่อปลายลิ้นชื้นสัมผัสส่วนอ่อนไหว
“ยูชอน ผมอยากได้ยินเสียง” ยุนโฮเอื้อมมือขึ้นมาจับมือเล็กออกก่อนกดจูบลงอีกครั้ง “ผมอยากได้ยินเสียงความสุขที่ผมได้ทำให้คุณ”
ร่างสูงไล้เล็มร่างคนตัวเล็กไปทั่วเหมือนสำรวจหาบางอย่าง และทุกจุดก็ก่อเกิดสัญลักษณ์ทุกที่ เหมือนเป็นป้ายแสดงความเป็นเจ้าของ.. ก่อนจะหยุดดูดเม้มติ่งสีชมพูอยู่เนิ่นนานจนอกแกร่งเสียวซ่าน
“ยุนโฮ.. ยะ อย่า หยุดแค่ตรงนี้สิ” ร่างบางหน้าแดงจัด
มือหนาของยุนโฮจับเข้าที่แก่นกลางอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้มือสากเร่งจังหวะจนคนตัวเล็กขืนตัวแทบไม่ทัน ร่างน้อยๆสั่นไหวตามแรงส่ง “ตรงนี้ด้วยใช่ไหม” มืออีกข้างสอดเข้าใต้ร่าง ในจังหวะที่ร่างบางขืนตัวตามแรงรูด นิ้วเรียวส่งเข้าทางด้านหลังได้อย่างง่ายดาย.. ยุนโฮจึงเพิ่มนิ้วเข้าไปได้ไม่ยาก เหตุผลก็รู้กันอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา
“พอเถอะยุนโฮ.. ถ้ามากกว่านี้ ผมไม่ไหวแล้ว” ร่างบางขืนตัวลุกขึ้นนั่งในขณะที่มืออีกฝ่ายยังเกาะกุมแกนกลางอยู่ พูดเตือนแท้ๆ แต่เหมือนกับเป็นการเชิญชวนที่ยั่วเย้ามากกว่า. . . ยุนโฮก้มตัวลงดูดดึงอย่างไม่อาย เมื่อเห็นว่าห้ามปรามยังไงร่างสูงคงไม่ฟังเพราะอารมณ์พุ่งสูงกันขนาดนี้แล้ว ยูชอนคงทำได้เพียงอย่างเดียว ...คือการตามจังหวะที่ยุนโฮนำเท่านั้นเอง “ยุนโฮ.. ถึงพร้อมกันเถอะนะ” ส่งผลให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามอง ร่างเล็กดึงหน้าคนตัวโตเข้ามาจูบอยู่เนิ่นนานก่อนการรุกรานด้านหลังจะเริ่มขึ้น
สองร่างเบียดชิด แรงกระแทกถี่แรงขึ้นเรื่อยๆจนคนตัวเล็กต้องกอดก่ายร่างสูงจนบางคราวเผลอขีดข่วนแผ่นเนื้อจนเป็นรอย เสียงคลางกระเซ่าปนเปกับแรงกระแทกส่งผลให้ทั้งคู่ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ร่างสูงนอนทับร่างบางนิ่ง หอบหายใจถี่อยู่ข้างใบหูซักพักก่อนจะชันตัวขึ้นประกบจูบอย่างดูดดื่ม.. มือซนยังคงลูบไล้ทั่วร่างกายเหมือนยังสำรวจไม่ทั่ว ยูชอนที่สติขาดกระเจิงจึงไหวไปตามอารมณ์ ปล่อยตัวปล่อยใจ สัญญาณมือที่ลูบไล้อยู่ที่บั้นท้าย ประกาศให้รู้ว่าคนตัวโตยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ยุนโฮจูบเม้ม ทั่วแผ่นอก.. ดูดดื่มต้นตอสีหวานก่อนลากปลายลิ้นผ่านท้องน้อยไล่ลงเรื่อยสู่แกนกลางอีกครั้ง
“ยุนโฮ พอเหอะฮะ” ยูชอนเริ่มท้วงติงแต่มันก็ไม่เป็นผล เขาดึงร่างบางให้หันหลังและสอดใส่สิ่งนั้นโดยไม่ฟังอะไร ยูชอนถึงกลับกรีดร้องทันที แม้เมื่อกี้จะรับสัมผัสแล้วก็ตาม แต่การดันเข้าไปครั้งเดียวจนสุดแบบนี้เล่นเอาเขาจุกไปเลยเหมือนกัน.. ยุนโฮสอดใส่เข้าไปลึกและแรงกว่าเดิม ทำให้ร่างเล็กร้องครางหนักกว่าเก่า ก่อนจะเร่งจังหวะ ก่อนทุกอย่างจะจบ ก่อนพรุ่งนี้จะมาถึง.. ยุนโฮจะตอบเขาได้ไหมว่าที่ทำนี้เพราะอะไร
...ใช่ เพราะเมา และความเขลาที่เอาความอยากมาบังหน้าทุกสิ่ง...
โง่จริงๆ. . . ยูชอน แกได้เป็นเมียเก็บของเขาอีกแล้ว !!
*
ยามเช้าได้มาถึง.. แสงแดดแยงตาแต่ผมก็แค่ขยับตัวควานหาผ้าห่มขึ้นมาปกปิดแสง รู้ตัวว่าหยิบผ้าห่มมาได้ก็มุดหน้าซุกผ้าห่มหนาอย่างมีความสุข.. อากาศภายนอกหนาวแต่ใต้ผ้าห่มยังอุ่น น่านอนต่อจริงๆแต่เพราะผมดิ้นคนข้างกายจึงรู้สึกตัวตื่น ผมไม่แปลกใจหรอกที่เขาจะตกใจเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของเราสองคน เขาเมานิ แต่ผมมีสติครบถ้วน.. ดังนั้นผมจึงลืมตาตื่นก่อนค่อยๆพลิกตัวกลับไปทางยุนโฮ..
“ยู ชอน. . .” ทำหน้าตกใจซะเหมือนเห็นผี
“คือ ผม.. เอ่อ เรา.... เรา”
ทำท่าเลิ่กลัก ทำเป็นอายไม่กล้าพูด ลีลานายเมื่อคืนเล่นฉันระบมไปหมดเลยนะ
“คุณแค่เมา ส่วนผมก็แค่ห้ามใจไม่อยู่.. ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ก็ผู้ชายด้วยกันไม่มีอะไรเสียหาย”
โอย.. รู้สึกสมเพชตัวเองยังไงชอบกล- - อายก็เลยลุกใส่เสื้อผ้าขอออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ความด้านชาจะหมดไม่มีให้ใช้ ถึงกระนั้นผมก็ยังสังเกตปฏิกิริยาของยุนโฮที่ยังคงนั่งอึ้งอยู่
“ทีหลังอย่าดื่มหนักแบบนั้นอีกนะครับ” พูดเสร็จผมก็ออกจากห้องทันที
ออกมาก็เห็นมุนบินยืนขยี้ตามองอยู่หน้าห้อง “นึกว่าพี่ยูชอนหนีผมไปอีกคนซะอีก ฮืออออ...”
มุนบินวิ่งเข้ากอดผมแน่น ผมจึงลงนั่งและโอบกอดเขาตอบเพื่อปลอบให้เด็กเสียขวัญหยุดร้องไห้...
เช้านั้นเป็นวันแรกที่ผมกับยุนโฮพูดคุยกันน้อยที่สุด และต่างคนต่างไม่มองหน้ากันเลย แต่มุนบินก็ยังไม่เห็นถึงความผิดสังเกต เจ้าตัวน้อยยังคงคุยฟุ้งให้พ่อของเขาฟังถึงเรื่องที่ครูชมภาพเขียนเขาในชม.ศิลปะ และเมื่อถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องออกจากบ้านนั้น.. ยุนโฮเองก็ยังคงพูดประโยคเดิมเหมือนทุกเช้า
“ผมขอโทษ..... เอ่อ รบกวนด้วยนะครับ”
คำขอโทษแรกนั้นคงเป็นเรื่องเมื่อคืนนี้แน่.. ผมไม่โกรธ ไม่ติดใจอะไรหรอก ไม่ต้องมารู้สึกผิดขนาดนี้ก็ได้ ถ้าไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ก็อย่ามาทำแบบนี้กับผมเลย อย่ามาสงสาร เพราะผมไม่ต้องการ อยากจะตะโกนใส่หน้าไปแบบนั้น แต่ว่าคงไม่ดีแน่.. ยุนโฮทำเพราะเมาจริงๆใช่ไหม ตอบผมทีสิ
“ไปนะฮะพี่ยูชอน.. เย็นนี้รีบๆมารับนะ บายยย” เด็กน้อยโบกมือให้ทั้งหน้าระรื่น
ผมพยายามหางานทำด้วยการแย่งงานแม่บ้าน ทั้งดูดฝุ่น ปัดกวาด เช็ดถู เข้าไปจัดห้องให้มุนบินที่เริ่มรกด้วยกองของเล่น พอจัดห้องเสร็จก็ออกมาเช็ดห้องครัวต่อ มารู้ตัวอีกทีก็บ่ายกว่าเข้าไปแล้ว. . .
“ถึงว่า ทำไมมันหิว” ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ผมเลยต้มมาม่ากินประทังความหิวไปก่อน
ง่าย สะดวก และอร่อย.. (ทำไมเหมือนตัวเราชอบกล เหอะๆ)
พอท้องตึง หนังตาก็หย่อน.. เหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืนเลยขอนอนกลางวันสักหน่อยนะ
แล้วผมก็หลับไปได้สักพักใหญ่ก็ต้องตื่นเพราะมีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ปลายสายเงียบไปก่อนจะกรอกเสียงเบา
“คือ.. ผมกลัวว่าคุณจะลืมไปรับมุนบินน่ะ” เอ่อ..ฉันก็ไปรับทุกวันไม่เคยลืมเฟ้ย
“ครับครับ”
“คืองี้นะยูชอน..” น้ำเสียงสั่น
“อะไรครับคุณยุนโฮ?”
“เอ่อ..ไว้เราค่อยคุยกันที่บ้านนะ ผมขอคุยด้วยหน่อย”
“ครับ” ก็ไม่มีธุระแล้วนี่ อีกอย่างทางนั้นก็เงียบไปนาน ผมจึงกดวางสาย แล้วจึงเข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปรับมุนบินเหมือนเดิม
วันนี้ผมพามุนบินนั่งรถเมล์กลับเพราะเห็นว่ารถมาพอดีก็เลยลากแกขึ้น นานๆทีได้นั่งรถเมล์ซึ่งปกติจะพากันนั่งแท็กซี่ มุนบินเลยเพลินกับการเล่นโหนเสาข้างๆยามไม่มีคนยืน ซนเป็นลิงไปได้.. นั่งมาได้ซักพักเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ทีแรกนึกว่าเป็นพ่อเด็ก ที่ไหนได้เป็นน้องชายเรานี่เอง ค่อยโล่งอก!
“พี่อยู่ไหนน่ะ.. ว่างมั้ย ไปโรงพยาบาลที” เสียงทางนั้นดูร้อนรนพิกล
“โรงพยาบาล!!? ใครเป็นอะไรหรอ?”
ใจไม่ดี ผมห่วงก็แต่หลานสุดที่รัก และก็หวังว่าจะไม่ใช่แกที่อยู่โรงพยาบาล
“ซองยุนน่ะสิพี่.. คนที่เนอสเซอรี่โทร.มาบอกว่ามีไข้สูง ปลุกก็ไม่ตื่นเลยพาส่งโรงพยาบาลให้แล้ว ตอนนี้ผมอยู่ต่างจังหวัดอีกเกือบ 2 ชม.กว่าจะไปถึง พี่อยู่ใกล้กว่าช่วยไปดูแทนผมหน่อยสินะ”
“ได้ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ถึงแล้วโทร.หาผมด้วยนะ” ยูฮวานย้ำอีกครั้ง
ผมจูงมุนบินก่อนตะโกนบอกคนรถให้จอดเดี๋ยวนั้นแม้จะไม่ใช่ที่ให้รถจอดก็ตาม แต่เขาก็จอดให้ด้วยความที่ผมวีนแตก พอลงไปได้ก็โบกมือหารถแท็กซี่ให้วุ่น.. หลังจากที่บอกจุดหมายปลายทางมุนบินก็ตาโตถามเสียงดัง
“ใครเป็นอะไรครับพี่ยูชอน..หรือว่า คุณพ่อ?”
“เปล่าๆ หลานชายพี่เอง ดูเหมือนไข้จะขึ้นสูง เฮ้อ..เป็นไข้เลือดออกหรือเปล่านะ เจ้ายูฮวาน! อุตส่ากำชับแล้วเชียวว่าอย่าพากันออกมากินลมชมดาวกันตอนค่ำๆมืดๆ นี่คงไม่ฟังฉันใช่มั้ย ชริ”
“ใจเย็นสิฮะ ถึงมือหมอแล้วไม่เป็นไรหรอก” รอยยิ้มจริงใจของเด็กนี่มันสดใสดีน่ะครับ
แต่ผมกลับเห็นใบหน้าพ่อของเขาซ้อนทับอยู่บนหน้าของมุนบินเสียนี่...
เมื่อถึงรพ.ก็รีบรุดไปยังห้องผู้ป่วยที่ซองยุนนอนพักอยู่.. ภายในมีอาจารย์ผู้ดูแลและคุณหมออยู่ผมจึงทราบอาการของหลาน สรุปก็เป็นแค่ไข้หวัด แต่เพราะแกซนมากไข้เลยสูง โธ่... ซองยุนเอ้ย ซนไม่รู้จักเลิก ผมต้องก้มหัวขอบคุณอาจารย์ผู้ดูแลที่เป็นธุระพาแกมาส่ง และยืนคุยถามสาระทุกข์สุขอยู่ครู่นึงก่อนจะหันไปเห็นว่า.. มุนบินปีนขึ้นเตียงไปนั่งอยู่ข้างซองยุนที่นอนหลับสนิทตอนไหนก็ไม่รู้... สายตามองตรงไปยังร่างเล็กที่นอนหลับสนิท เด็กนั่นระบายยิ้มออกมาน้อยๆก่อนพึมพำคำที่ผมอ่านได้ว่า
“หายไวไวนะ”
พออาจารย์ขอตัวกลับผมจึงหันมาทักมุนบิน “ซองยุนหลานพี่น่ารักมั้ย”
“เหมือนเทวดาตัวน้อยอย่างที่พี่ยูชอนบอกเลยฮะ” แล้วเขาก็ยังยิ้มหน้าบานไม่หุบ พลางบ่นว่าเมื่อไหร่น้องจะตื่น
ไม่รู้ว่าอยากจะเล่น หรืออยากจะโม้ว่าตัวเองได้กินอาหารฝีมือดีจากผมกันแน่. . .
แล้วเจ้าตัวดีก็รอคนตัวเล็กจนหลับตามกันไป มุนบินคอพับอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ผมจึงอุ้มแกลงนอนที่โซฟาข้างเตียงผู้ป่วย มองนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบ 6 โมงแล้ว ซึ่งปกติ 4 โมงเย็นเขาก็จะกลับถึงบ้านส่วนยุนโฮก็จะกลับมาหลังจากนั้น 1 ชม. แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าเข้ารพ.มาก็ปิดเสียงมือถือตลอด แถมยังฝากไว้ที่กระเป๋านักเรียนของมุนบินอีก
สายโทรเข้ากว่า 40 สายจากยุนโฮเด่นหลาอยู่บนหน้าจอ ..แย่แล้ว.. เค้าคงห่วงลูกชายแน่ ผมจึงโทร.กลับ ซึ่งเสียงที่ตอบรับมาดูกระวนกระวายอย่างที่คิดไม่ผิด
“ยูชอน คุณอยู่ที่ไหนน่ะ”
“โรงพยาบาลเค ครับ” ส่วนน้ำเสียงผมก็เป็นปรกติ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย
“ทำไมไปอยู่นั่น.. หรือว่า เกิดอะไรขึ้นกับมุนบิน?” นั่นไง ห่วงลูกจริงๆด้วย.. มันก็ไม่แปลกนี่เน้อะ
“ลูกคุณไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่หลานผมเป็นไข้เราก็เลยแวะมาเยี่ยมกัน ขอโทษที่ไม่ได้โทร.บอกก่อนและก็ไม่ได้รับสาย มันกระทันหันน่ะครับ”
“. . .”
“ฮัลโหล..” เอามือถือมาดูก็พบว่าแบตหมดไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ..ซวยจริง..
ไม่นานเท่าที่ควร ร่างสูงที่เพิ่งคุยกันทางโทรศัพท์ก็วิ่งโพลงเข้ามา.. ซองยุนยังไม่ตื่น มุนบินก็ยังหลับ ร่างนั้นกวาดสายตามองรอบห้องจนมาหยุดลงที่ผม เขาเดินตรงมาหาผมอย่างช้าๆซึ่งผมก็ลุกยืนอย่างงงๆ เพราะหน้าตาขึงขังนั้นฉาบด้วยน้ำตาที่ปริ่มเอ่ออยู่.. เมื่อร่างเราใกล้กันเขาก็ดึงร่างผมเข้าไปกอดไว้แน่น...
“ผมมันบ้ามากเลย.. นึกว่าคุณกับมุนบินเป็นอะไรไปเสียอีก” รู้สึกได้ถึงน้ำตาที่หยดลงบนบ่าของผม
“ยูชอน.. ผมกับฮีบอนเราไม่ได้รักกันหรอกนะ”
“เอ๊ะ”
“ผมกับเค้าเราไม่ได้รักกัน.. เราแต่งกันเพราะโดนทางบ้านบังคับ”
ชีวิตผม..จะหนีไม่พ้นเรื่องการแต่งงานโดยปัจจัยอื่นนอกจากความรักตลอดเลยหรือไงนะ ตอนนี้ผมกลัวอย่างเดียว กลัวว่ามุนบินจะตื่นมาได้ยินเรื่องนี้เข้า ผมขืนตัวออกจากอกกว้างของยุนโฮ จูงมือเขาเดินออกนอกห้องอย่างเงียบๆ.. พยายามอยู่ให้ห่างห้องเล็กน้อย
“ยูชอน..คืนนั้นผมเมาก็จริง แต่เพราะเป็นคุณหรอกนะ”
“เอ๊ะ”
“เพราะเป็นคุณ..ก็เลยอดใจไม่ไหว”
เจ้าตัวก้มหน้าลงเม้มปากแน่น ทำพอให้รู้ว่าตัวเองก็เขินเหมือนกัน..
ผมรู้ตัวทันทีว่าหน้าคงแดงก่ำ เพราะหน้าผมชาและมันก็รู้สึกร้อนไปหมดเลย
“คุณพูดเพราะแค่อยากรับผิดชอบหรือเปล่า” ถึงกระนั้นก็ยังไม่อยากเชื่อใจชายคนนี้เท่าไร
ยุนโฮถอนหายใจยาว. . .
“ผมกับฮีบอนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมต้น ครอบครัวเราสนิทสนมกันเป็นอย่างดีเพราะพ่อแม่ของพวกเราช่วยกันก่อตั้งบริษัทและร่วมบริหารมันมา.. เพราะฉะนั้นจึงจับเราแต่งงานกัน”
“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน” ผมว่า.. ปากหาเรื่องจริงๆ- -
“ก็อย่างนั้นแหละ.. และเพราะจริงๆแล้ว ผมคบหากับเพื่อนผู้ชายอยู่ พอถูกทิ้งเพราะเรื่องการแต่งงาน ผมเลยเอาอารมณ์ไปลงใส่ฮีบอนจนเธอท้องขึ้นมา ทางบ้านผมก็รู้กันนะว่าผมเป็นอะไร พอฮีบอนรู้เรื่องเข้าว่าที่จริงผมเป็นอะไร เธอก็หนีไปตอนมุนบินอายุได้ 5 ขวบ ผมจึงพาแกออกมาเลี้ยงคนเดียวที่อพาร์เมนท์ ผมไม่อยากให้ใครคิดว่าผมต้องเลี้ยงแกเพราะจำเป็นต้องเลี้ยง ผมเลี้ยงเพราะผมรักแกจริงๆ..”
“. . .”
“ยูชอน..”
“. . .”
“พ่อ.. พี่ยูชอนนน!!” ร่างเล็กวิ่งตรงมายังคนทั้งคู่.. “ซองยุนตื่นแล้วครับพี่”
ดวงตาโตเบิกโพลงเป็นประกายใส มุนบินมีสีหน้าอิ่มเอิบไม่แพ้อาของเด็กในห้องที่ตนเฝ้าเมื่อครู่
เมื่อทั้งสามเข้าห้องผู้ป่วยที่มีเด็กตัวเล็กนั่งรออยู่นั้น ยูชอนโผเข้ากอดทันทีซึ่งซองยุนเองก็กอดตอบแน่นเหมือนกัน พอผละออกจากกันยูชอนก็ยังคงลูบศีรษะคนตัวเล็กแผ่วเบาอย่างเอ็นดู สักพัก มุนบินก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างๆ
“วันหลังไปกินเค้กช็อคโกแลตกันนะ”
มุนบินยิ้มหวานทำให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างตอบกลับมาพลางพยักหน้าถี่
*
หลังจากวันที่มุนบินเจอกับซองยุน.. ผมก็มีหน้าที่เพิ่มคือไปรับซองยุนที่เนอสเซอรี่ก่อนแล้วพากันมารับมุนบินอีกที ทั้งคู่มักจะชวนกันไปวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะกันจนเย็น ถ้าเป็นวันแบบนั้นน้องชายผมก็จะขับรถมารับแล้วยุนโฮก็จะออกมารับผมกับมุนบินอีกที และพ่อลูกก็จะเล่นกันต่อ กว่าจะได้เข้าบ้านก็ทุ่มสองทุ่มได้ ส่วนทุกวันศุกร์.. ซองยุนก็จะมาค้างกับพวกเรา ซึ่งทุกเย็นวันศุกร์นั้นเราสามคนจะทำอาหารรอจนยุนโฮกลับมา
ช่วงที่เด็กๆเล่นกันโดยไม่สนใจผู้ใหญ่สองคน.. ผมมักจะโดนยุนโฮรวบตัวเข้าไปสัมผัสความหวานจากริมฝีปากนุ่มของเขา เราไม่ต้องบอกกัน ไม่จำเป็นต้องกลั่นออกมาเป็นคำพูดก็ได้ ยุนโฮไม่ต้องตอบผมด้วยวาจา แค่ท่าทางก็พอแล้ว
“คืนนี้พี่ยูชอนต้องไปนอนห้องพ่ออีกแล้วนะฮะ ผมจะเป็นคนเล่านิทานก่อนนอนให้ซองยุนฟังเอง”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายเต็มหน้าร่างสูงที่มือข้างหนึ่งกอดเอวผมไว้หลวมๆ.. ความรักอบอวลด้วยแววตาที่สื่อหากัน ด้วยท่าทางความอบอุ่นการดูแลเอาใจใส่ ห่วงใยซึ่งกันและกัน
“แม่ของซองยุนทำไข่ดาวขาวนวลเป็นมั้ย?”
“ไข่ดาวขาวนวล?”
“ก็ไข่ดาวสวยๆ ไม่เละ ไม่ไหม้ไง”
“อ๋อ.. เป็นสิฮะ แต่อาทอดให้กินบ่อยที่สุดเลย ..พี่มุนบินอยากกินไข่ดาวขาวนวลฝีมือคุณแม่หรอฮะ”
ก็เด็กอ่ะนะ ไม่รู้หรอกว่าพูดอะไรทำร้ายจิตใจใครไปหรือเปล่า...
“ป่าวหรอก เพราะพี่มีพี่ยูชอนทำให้กินแล้ว” ร่างเล็กยิ้มกว้างก่อนชวนกันเล่นเลโก้ต่ออย่างมีความสุข
..เพราะ พี่ มี พี่ยูชอน กับ คุณพ่อ.. แค่นี้ก็พอแล้วฮะ
THE END
“พ่อชอบทำเหมือนแม่ไม่มีตัวตน”
อยู่ดีดีมุนบินที่นอนอยู่บนเตียงรอให้ผมห่มผ้าห่มให้นั้นก็พูดเสียงแผ่ว
“ก็ตัวตนของคุณแม่อยู่ในนี้ไม่ใช่หรอครับ” ผมวางมือทับลงบนตัวร่างเล็ก
มุนบินชักสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนยิ้มกว้างเหมือนคิดอะไรออกจากการพูดคำนั้นของผม
“นอกจากแม่และพ่อแล้วผมก็รักพี่ยูชอนด้วย”
“ครับเด็กดี.. นอนได้แล้วนะ”
“ราตรีสวัสดิ์ฮะ” ผมนั่งรอจนเห็นว่ามุนบินเริ่มพล่อยหลับจึงกลับออกมาเตรียมเก็บล้างจานชามที่กินกันไว้ก็เห็นยุนโฮซึ่งอยู่ในชุดไปรเวทเหมือนเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกเลยอดสงสัยไม่ได้
“ป่านนี้แล้วจะไปไหนครับ” ผมถาม
“อ้อ.. ธุระ นิดหน่อยน่ะ” สีหน้าต่างจากตอนกินข้าวด้วยกันมากจนผมงง
“หรือว่าจะแอบไปหาคุณแม่มุนบิน” ล้อเล่นนะครับ ล้อเล่น.. แต่เจ้าตัวถลึงตาใส่ผมก่อนออกไปโดยไม่ตอบอะไร หรือว่า มันจะออกไปหาคุณแม่น้องมุนบินจริงๆ (แงแง)
จิตใจปั่นป่วน มันอยากรู้อยากเห็นซะจนผมนอนไม่หลับ จากที่นอนกลิ้งตัวไปมาอยู่ในห้องมุนบิน จนกลัวว่าแกจะตื่นก็เลยต้องออกมานั่งสงบสติอารมณ์นอกห้องนอน.. หรือจริงๆแล้วก็มานั่งรอใครบางคนที่ห้องรับแขกนั่นแหละ ยุนโฮไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยกลับดึกขนาดนี้เลย หรือว่าจะแอบไปหากันจริงๆ เอ๊ะ! หรือจะไปหาอย่างอื่น
อ๊ากกกกกส์ ไอ้นี่มันดีแตกแล้วหรือเนี่ย. . . รู้สึก ผิด หวัง ชะมัด ..เฮ้อ
เสียงเปิดประตูดังทำให้ผมรีบรุดตรงเข้าไป ร่างยุนโฮเดินเซไปมาก่อนลงนั่งอย่างทุลักทุเลเพื่อถอดรองเท้า เห็นแล้วก็อดเข้าไปช่วยไม่ได้ พอร่างสูงทำท่าจะลุกขึ้นผมจึงเข้าไปช่วยพยุง
“อ่ะ.. ยูชอนหรอ ยังไม่นอนอีกหรอ” กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมด.. สงสัยจะไปกินเหล้าเพื่อลืมเมีย- -
“ทำไมคุณถึงเมาขนาดนี้ล่ะเนี่ย.. นึกว่าไปหาศรีภรรยามาซะอีก ...อ่ะ อ๊ะ!!!”
พาร่างของเขาเข้าห้องมายังไม่พ้นประตูดีก็ถูกร่างนั้นกดไหล่กระแทกตรึงเข้ากับประตูห้อง
“ได้โปรด.. อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกจะได้ไหม”
“ดะ ได้ แต่ว่า... ยุ ยุนโฮ ปล่อยผมสิ” มือหนาเกี่ยวเอวคนตัวเล็กก่อนแนบตัวเข้าชิดทีละน้อย
ยูชอนพยายามขืนตัวหนีแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย และแล้วยุนโฮก็ได้กดจูบคนเบื้องล่างโดยที่เจ้าตัวไหวตัวไม่ทัน
ร่างเล็กพยายามกดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ถูกลิ้นหนาครอบงำอารมณ์ได้ แต่แล้วก็ต้องพ่ายเมื่อมือแกร่งสอดเข้าในเสื้อ ไล้สัมผัสอย่างแผ่วเบาจนเสียวซ่านทำให้อีกฝ่ายเผยอปากหลุดเสียงหวาน เขาจึงได้โอกาสลิ้มรสความหวานได้สำเร็จ ยูชอนถูกลิ้นอุ่นที่หวานละมุนแต่บางคราก็หนักแน่นจนแทบหายใจไม่ทัน.. ร่างกายโรยรินทั้งจากมือหนาที่ลากผ่านลำตัว และจากรสจูบอันร้อนแรง มือน้อยจึงต้องโอบคอร่างสูงไว้เป็นหลัก ยุนโฮละริมฝีปากออกมาทำให้เห็นหน้าที่แดงก่ำของคนเบื้องล่าง ยูชอนสติกระเจิงจนฉุดไม่อยู่ ความหวานละมุนที่ยุนโฮมอบให้นั้นแม้มันจะมาจากน้ำเมาแต่ก็ทำให้เขารู้ตัวว่าเขา ..ชอบยุนโฮ.. เข้าให้แล้ว
“จะเป็นผมหรือคุณกันนะที่จะเสียใจกับเรื่องนี้”
ร่างสูงจูงมือเขาและผลักลงเตียงอย่างแผ่วเบา...ก่อนจัดแจงถอดเสื้อตนและคนเบื้องล่างอย่างไม่รีบร้อน
“ยุนโฮ..”
ร่างสูงจุดยิ้มก่อนก้มลงไปสัมผัสปากอิ่มอีกครั้ง แต่หากครั้งนี้เนิ่นนานและร้อนแรงด้วยอีกคนเกี่ยวกระหวัดรับอย่างเร่าร้อน มือสากลากผ่านส่วนบนลงถึงแก่นกลาง ร่างเล็กครางลั่นเมื่อมือหนากอบกุมส่วนนั้นไว้.. ยุนโฮลูบไล้อย่างเบามือเหมือนจะหยอกล้อ เนิ่นนานจนคนเบื้องล่างทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเบียดกายเข้าหาเขาเสียเอง
ลิ้นอุ่นลิ้มเลียใบหูก่อนจะเลื่อนลงต่ำอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับส่วนปลายที่รุ่มร้อนด้วยตันหา.. ยูชอนหลับตาแน่น มือบางยกขึ้นปิดปากสนิท ยากจะกดเก็บเสียงเมื่อปลายลิ้นชื้นสัมผัสส่วนอ่อนไหว
“ยูชอน ผมอยากได้ยินเสียง” ยุนโฮเอื้อมมือขึ้นมาจับมือเล็กออกก่อนกดจูบลงอีกครั้ง “ผมอยากได้ยินเสียงความสุขที่ผมได้ทำให้คุณ”
ร่างสูงไล้เล็มร่างคนตัวเล็กไปทั่วเหมือนสำรวจหาบางอย่าง และทุกจุดก็ก่อเกิดสัญลักษณ์ทุกที่ เหมือนเป็นป้ายแสดงความเป็นเจ้าของ.. ก่อนจะหยุดดูดเม้มติ่งสีชมพูอยู่เนิ่นนานจนอกแกร่งเสียวซ่าน
“ยุนโฮ.. ยะ อย่า หยุดแค่ตรงนี้สิ” ร่างบางหน้าแดงจัด
มือหนาของยุนโฮจับเข้าที่แก่นกลางอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้มือสากเร่งจังหวะจนคนตัวเล็กขืนตัวแทบไม่ทัน ร่างน้อยๆสั่นไหวตามแรงส่ง “ตรงนี้ด้วยใช่ไหม” มืออีกข้างสอดเข้าใต้ร่าง ในจังหวะที่ร่างบางขืนตัวตามแรงรูด นิ้วเรียวส่งเข้าทางด้านหลังได้อย่างง่ายดาย.. ยุนโฮจึงเพิ่มนิ้วเข้าไปได้ไม่ยาก เหตุผลก็รู้กันอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา
“พอเถอะยุนโฮ.. ถ้ามากกว่านี้ ผมไม่ไหวแล้ว” ร่างบางขืนตัวลุกขึ้นนั่งในขณะที่มืออีกฝ่ายยังเกาะกุมแกนกลางอยู่ พูดเตือนแท้ๆ แต่เหมือนกับเป็นการเชิญชวนที่ยั่วเย้ามากกว่า. . . ยุนโฮก้มตัวลงดูดดึงอย่างไม่อาย เมื่อเห็นว่าห้ามปรามยังไงร่างสูงคงไม่ฟังเพราะอารมณ์พุ่งสูงกันขนาดนี้แล้ว ยูชอนคงทำได้เพียงอย่างเดียว ...คือการตามจังหวะที่ยุนโฮนำเท่านั้นเอง “ยุนโฮ.. ถึงพร้อมกันเถอะนะ” ส่งผลให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามอง ร่างเล็กดึงหน้าคนตัวโตเข้ามาจูบอยู่เนิ่นนานก่อนการรุกรานด้านหลังจะเริ่มขึ้น
สองร่างเบียดชิด แรงกระแทกถี่แรงขึ้นเรื่อยๆจนคนตัวเล็กต้องกอดก่ายร่างสูงจนบางคราวเผลอขีดข่วนแผ่นเนื้อจนเป็นรอย เสียงคลางกระเซ่าปนเปกับแรงกระแทกส่งผลให้ทั้งคู่ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ร่างสูงนอนทับร่างบางนิ่ง หอบหายใจถี่อยู่ข้างใบหูซักพักก่อนจะชันตัวขึ้นประกบจูบอย่างดูดดื่ม.. มือซนยังคงลูบไล้ทั่วร่างกายเหมือนยังสำรวจไม่ทั่ว ยูชอนที่สติขาดกระเจิงจึงไหวไปตามอารมณ์ ปล่อยตัวปล่อยใจ สัญญาณมือที่ลูบไล้อยู่ที่บั้นท้าย ประกาศให้รู้ว่าคนตัวโตยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ยุนโฮจูบเม้ม ทั่วแผ่นอก.. ดูดดื่มต้นตอสีหวานก่อนลากปลายลิ้นผ่านท้องน้อยไล่ลงเรื่อยสู่แกนกลางอีกครั้ง
“ยุนโฮ พอเหอะฮะ” ยูชอนเริ่มท้วงติงแต่มันก็ไม่เป็นผล เขาดึงร่างบางให้หันหลังและสอดใส่สิ่งนั้นโดยไม่ฟังอะไร ยูชอนถึงกลับกรีดร้องทันที แม้เมื่อกี้จะรับสัมผัสแล้วก็ตาม แต่การดันเข้าไปครั้งเดียวจนสุดแบบนี้เล่นเอาเขาจุกไปเลยเหมือนกัน.. ยุนโฮสอดใส่เข้าไปลึกและแรงกว่าเดิม ทำให้ร่างเล็กร้องครางหนักกว่าเก่า ก่อนจะเร่งจังหวะ ก่อนทุกอย่างจะจบ ก่อนพรุ่งนี้จะมาถึง.. ยุนโฮจะตอบเขาได้ไหมว่าที่ทำนี้เพราะอะไร
...ใช่ เพราะเมา และความเขลาที่เอาความอยากมาบังหน้าทุกสิ่ง...
โง่จริงๆ. . . ยูชอน แกได้เป็นเมียเก็บของเขาอีกแล้ว !!
*
ยามเช้าได้มาถึง.. แสงแดดแยงตาแต่ผมก็แค่ขยับตัวควานหาผ้าห่มขึ้นมาปกปิดแสง รู้ตัวว่าหยิบผ้าห่มมาได้ก็มุดหน้าซุกผ้าห่มหนาอย่างมีความสุข.. อากาศภายนอกหนาวแต่ใต้ผ้าห่มยังอุ่น น่านอนต่อจริงๆแต่เพราะผมดิ้นคนข้างกายจึงรู้สึกตัวตื่น ผมไม่แปลกใจหรอกที่เขาจะตกใจเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของเราสองคน เขาเมานิ แต่ผมมีสติครบถ้วน.. ดังนั้นผมจึงลืมตาตื่นก่อนค่อยๆพลิกตัวกลับไปทางยุนโฮ..
“ยู ชอน. . .” ทำหน้าตกใจซะเหมือนเห็นผี
“คือ ผม.. เอ่อ เรา.... เรา”
ทำท่าเลิ่กลัก ทำเป็นอายไม่กล้าพูด ลีลานายเมื่อคืนเล่นฉันระบมไปหมดเลยนะ
“คุณแค่เมา ส่วนผมก็แค่ห้ามใจไม่อยู่.. ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ก็ผู้ชายด้วยกันไม่มีอะไรเสียหาย”
โอย.. รู้สึกสมเพชตัวเองยังไงชอบกล- - อายก็เลยลุกใส่เสื้อผ้าขอออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ความด้านชาจะหมดไม่มีให้ใช้ ถึงกระนั้นผมก็ยังสังเกตปฏิกิริยาของยุนโฮที่ยังคงนั่งอึ้งอยู่
“ทีหลังอย่าดื่มหนักแบบนั้นอีกนะครับ” พูดเสร็จผมก็ออกจากห้องทันที
ออกมาก็เห็นมุนบินยืนขยี้ตามองอยู่หน้าห้อง “นึกว่าพี่ยูชอนหนีผมไปอีกคนซะอีก ฮืออออ...”
มุนบินวิ่งเข้ากอดผมแน่น ผมจึงลงนั่งและโอบกอดเขาตอบเพื่อปลอบให้เด็กเสียขวัญหยุดร้องไห้...
เช้านั้นเป็นวันแรกที่ผมกับยุนโฮพูดคุยกันน้อยที่สุด และต่างคนต่างไม่มองหน้ากันเลย แต่มุนบินก็ยังไม่เห็นถึงความผิดสังเกต เจ้าตัวน้อยยังคงคุยฟุ้งให้พ่อของเขาฟังถึงเรื่องที่ครูชมภาพเขียนเขาในชม.ศิลปะ และเมื่อถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องออกจากบ้านนั้น.. ยุนโฮเองก็ยังคงพูดประโยคเดิมเหมือนทุกเช้า
“ผมขอโทษ..... เอ่อ รบกวนด้วยนะครับ”
คำขอโทษแรกนั้นคงเป็นเรื่องเมื่อคืนนี้แน่.. ผมไม่โกรธ ไม่ติดใจอะไรหรอก ไม่ต้องมารู้สึกผิดขนาดนี้ก็ได้ ถ้าไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ก็อย่ามาทำแบบนี้กับผมเลย อย่ามาสงสาร เพราะผมไม่ต้องการ อยากจะตะโกนใส่หน้าไปแบบนั้น แต่ว่าคงไม่ดีแน่.. ยุนโฮทำเพราะเมาจริงๆใช่ไหม ตอบผมทีสิ
“ไปนะฮะพี่ยูชอน.. เย็นนี้รีบๆมารับนะ บายยย” เด็กน้อยโบกมือให้ทั้งหน้าระรื่น
ผมพยายามหางานทำด้วยการแย่งงานแม่บ้าน ทั้งดูดฝุ่น ปัดกวาด เช็ดถู เข้าไปจัดห้องให้มุนบินที่เริ่มรกด้วยกองของเล่น พอจัดห้องเสร็จก็ออกมาเช็ดห้องครัวต่อ มารู้ตัวอีกทีก็บ่ายกว่าเข้าไปแล้ว. . .
“ถึงว่า ทำไมมันหิว” ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ผมเลยต้มมาม่ากินประทังความหิวไปก่อน
ง่าย สะดวก และอร่อย.. (ทำไมเหมือนตัวเราชอบกล เหอะๆ)
พอท้องตึง หนังตาก็หย่อน.. เหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืนเลยขอนอนกลางวันสักหน่อยนะ
แล้วผมก็หลับไปได้สักพักใหญ่ก็ต้องตื่นเพราะมีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ปลายสายเงียบไปก่อนจะกรอกเสียงเบา
“คือ.. ผมกลัวว่าคุณจะลืมไปรับมุนบินน่ะ” เอ่อ..ฉันก็ไปรับทุกวันไม่เคยลืมเฟ้ย
“ครับครับ”
“คืองี้นะยูชอน..” น้ำเสียงสั่น
“อะไรครับคุณยุนโฮ?”
“เอ่อ..ไว้เราค่อยคุยกันที่บ้านนะ ผมขอคุยด้วยหน่อย”
“ครับ” ก็ไม่มีธุระแล้วนี่ อีกอย่างทางนั้นก็เงียบไปนาน ผมจึงกดวางสาย แล้วจึงเข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปรับมุนบินเหมือนเดิม
วันนี้ผมพามุนบินนั่งรถเมล์กลับเพราะเห็นว่ารถมาพอดีก็เลยลากแกขึ้น นานๆทีได้นั่งรถเมล์ซึ่งปกติจะพากันนั่งแท็กซี่ มุนบินเลยเพลินกับการเล่นโหนเสาข้างๆยามไม่มีคนยืน ซนเป็นลิงไปได้.. นั่งมาได้ซักพักเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ทีแรกนึกว่าเป็นพ่อเด็ก ที่ไหนได้เป็นน้องชายเรานี่เอง ค่อยโล่งอก!
“พี่อยู่ไหนน่ะ.. ว่างมั้ย ไปโรงพยาบาลที” เสียงทางนั้นดูร้อนรนพิกล
“โรงพยาบาล!!? ใครเป็นอะไรหรอ?”
ใจไม่ดี ผมห่วงก็แต่หลานสุดที่รัก และก็หวังว่าจะไม่ใช่แกที่อยู่โรงพยาบาล
“ซองยุนน่ะสิพี่.. คนที่เนอสเซอรี่โทร.มาบอกว่ามีไข้สูง ปลุกก็ไม่ตื่นเลยพาส่งโรงพยาบาลให้แล้ว ตอนนี้ผมอยู่ต่างจังหวัดอีกเกือบ 2 ชม.กว่าจะไปถึง พี่อยู่ใกล้กว่าช่วยไปดูแทนผมหน่อยสินะ”
“ได้ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ถึงแล้วโทร.หาผมด้วยนะ” ยูฮวานย้ำอีกครั้ง
ผมจูงมุนบินก่อนตะโกนบอกคนรถให้จอดเดี๋ยวนั้นแม้จะไม่ใช่ที่ให้รถจอดก็ตาม แต่เขาก็จอดให้ด้วยความที่ผมวีนแตก พอลงไปได้ก็โบกมือหารถแท็กซี่ให้วุ่น.. หลังจากที่บอกจุดหมายปลายทางมุนบินก็ตาโตถามเสียงดัง
“ใครเป็นอะไรครับพี่ยูชอน..หรือว่า คุณพ่อ?”
“เปล่าๆ หลานชายพี่เอง ดูเหมือนไข้จะขึ้นสูง เฮ้อ..เป็นไข้เลือดออกหรือเปล่านะ เจ้ายูฮวาน! อุตส่ากำชับแล้วเชียวว่าอย่าพากันออกมากินลมชมดาวกันตอนค่ำๆมืดๆ นี่คงไม่ฟังฉันใช่มั้ย ชริ”
“ใจเย็นสิฮะ ถึงมือหมอแล้วไม่เป็นไรหรอก” รอยยิ้มจริงใจของเด็กนี่มันสดใสดีน่ะครับ
แต่ผมกลับเห็นใบหน้าพ่อของเขาซ้อนทับอยู่บนหน้าของมุนบินเสียนี่...
เมื่อถึงรพ.ก็รีบรุดไปยังห้องผู้ป่วยที่ซองยุนนอนพักอยู่.. ภายในมีอาจารย์ผู้ดูแลและคุณหมออยู่ผมจึงทราบอาการของหลาน สรุปก็เป็นแค่ไข้หวัด แต่เพราะแกซนมากไข้เลยสูง โธ่... ซองยุนเอ้ย ซนไม่รู้จักเลิก ผมต้องก้มหัวขอบคุณอาจารย์ผู้ดูแลที่เป็นธุระพาแกมาส่ง และยืนคุยถามสาระทุกข์สุขอยู่ครู่นึงก่อนจะหันไปเห็นว่า.. มุนบินปีนขึ้นเตียงไปนั่งอยู่ข้างซองยุนที่นอนหลับสนิทตอนไหนก็ไม่รู้... สายตามองตรงไปยังร่างเล็กที่นอนหลับสนิท เด็กนั่นระบายยิ้มออกมาน้อยๆก่อนพึมพำคำที่ผมอ่านได้ว่า
“หายไวไวนะ”
พออาจารย์ขอตัวกลับผมจึงหันมาทักมุนบิน “ซองยุนหลานพี่น่ารักมั้ย”
“เหมือนเทวดาตัวน้อยอย่างที่พี่ยูชอนบอกเลยฮะ” แล้วเขาก็ยังยิ้มหน้าบานไม่หุบ พลางบ่นว่าเมื่อไหร่น้องจะตื่น
ไม่รู้ว่าอยากจะเล่น หรืออยากจะโม้ว่าตัวเองได้กินอาหารฝีมือดีจากผมกันแน่. . .
แล้วเจ้าตัวดีก็รอคนตัวเล็กจนหลับตามกันไป มุนบินคอพับอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ผมจึงอุ้มแกลงนอนที่โซฟาข้างเตียงผู้ป่วย มองนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบ 6 โมงแล้ว ซึ่งปกติ 4 โมงเย็นเขาก็จะกลับถึงบ้านส่วนยุนโฮก็จะกลับมาหลังจากนั้น 1 ชม. แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าเข้ารพ.มาก็ปิดเสียงมือถือตลอด แถมยังฝากไว้ที่กระเป๋านักเรียนของมุนบินอีก
สายโทรเข้ากว่า 40 สายจากยุนโฮเด่นหลาอยู่บนหน้าจอ ..แย่แล้ว.. เค้าคงห่วงลูกชายแน่ ผมจึงโทร.กลับ ซึ่งเสียงที่ตอบรับมาดูกระวนกระวายอย่างที่คิดไม่ผิด
“ยูชอน คุณอยู่ที่ไหนน่ะ”
“โรงพยาบาลเค ครับ” ส่วนน้ำเสียงผมก็เป็นปรกติ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย
“ทำไมไปอยู่นั่น.. หรือว่า เกิดอะไรขึ้นกับมุนบิน?” นั่นไง ห่วงลูกจริงๆด้วย.. มันก็ไม่แปลกนี่เน้อะ
“ลูกคุณไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่หลานผมเป็นไข้เราก็เลยแวะมาเยี่ยมกัน ขอโทษที่ไม่ได้โทร.บอกก่อนและก็ไม่ได้รับสาย มันกระทันหันน่ะครับ”
“. . .”
“ฮัลโหล..” เอามือถือมาดูก็พบว่าแบตหมดไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ..ซวยจริง..
ไม่นานเท่าที่ควร ร่างสูงที่เพิ่งคุยกันทางโทรศัพท์ก็วิ่งโพลงเข้ามา.. ซองยุนยังไม่ตื่น มุนบินก็ยังหลับ ร่างนั้นกวาดสายตามองรอบห้องจนมาหยุดลงที่ผม เขาเดินตรงมาหาผมอย่างช้าๆซึ่งผมก็ลุกยืนอย่างงงๆ เพราะหน้าตาขึงขังนั้นฉาบด้วยน้ำตาที่ปริ่มเอ่ออยู่.. เมื่อร่างเราใกล้กันเขาก็ดึงร่างผมเข้าไปกอดไว้แน่น...
“ผมมันบ้ามากเลย.. นึกว่าคุณกับมุนบินเป็นอะไรไปเสียอีก” รู้สึกได้ถึงน้ำตาที่หยดลงบนบ่าของผม
“ยูชอน.. ผมกับฮีบอนเราไม่ได้รักกันหรอกนะ”
“เอ๊ะ”
“ผมกับเค้าเราไม่ได้รักกัน.. เราแต่งกันเพราะโดนทางบ้านบังคับ”
ชีวิตผม..จะหนีไม่พ้นเรื่องการแต่งงานโดยปัจจัยอื่นนอกจากความรักตลอดเลยหรือไงนะ ตอนนี้ผมกลัวอย่างเดียว กลัวว่ามุนบินจะตื่นมาได้ยินเรื่องนี้เข้า ผมขืนตัวออกจากอกกว้างของยุนโฮ จูงมือเขาเดินออกนอกห้องอย่างเงียบๆ.. พยายามอยู่ให้ห่างห้องเล็กน้อย
“ยูชอน..คืนนั้นผมเมาก็จริง แต่เพราะเป็นคุณหรอกนะ”
“เอ๊ะ”
“เพราะเป็นคุณ..ก็เลยอดใจไม่ไหว”
เจ้าตัวก้มหน้าลงเม้มปากแน่น ทำพอให้รู้ว่าตัวเองก็เขินเหมือนกัน..
ผมรู้ตัวทันทีว่าหน้าคงแดงก่ำ เพราะหน้าผมชาและมันก็รู้สึกร้อนไปหมดเลย
“คุณพูดเพราะแค่อยากรับผิดชอบหรือเปล่า” ถึงกระนั้นก็ยังไม่อยากเชื่อใจชายคนนี้เท่าไร
ยุนโฮถอนหายใจยาว. . .
“ผมกับฮีบอนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมต้น ครอบครัวเราสนิทสนมกันเป็นอย่างดีเพราะพ่อแม่ของพวกเราช่วยกันก่อตั้งบริษัทและร่วมบริหารมันมา.. เพราะฉะนั้นจึงจับเราแต่งงานกัน”
“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน” ผมว่า.. ปากหาเรื่องจริงๆ- -
“ก็อย่างนั้นแหละ.. และเพราะจริงๆแล้ว ผมคบหากับเพื่อนผู้ชายอยู่ พอถูกทิ้งเพราะเรื่องการแต่งงาน ผมเลยเอาอารมณ์ไปลงใส่ฮีบอนจนเธอท้องขึ้นมา ทางบ้านผมก็รู้กันนะว่าผมเป็นอะไร พอฮีบอนรู้เรื่องเข้าว่าที่จริงผมเป็นอะไร เธอก็หนีไปตอนมุนบินอายุได้ 5 ขวบ ผมจึงพาแกออกมาเลี้ยงคนเดียวที่อพาร์เมนท์ ผมไม่อยากให้ใครคิดว่าผมต้องเลี้ยงแกเพราะจำเป็นต้องเลี้ยง ผมเลี้ยงเพราะผมรักแกจริงๆ..”
“. . .”
“ยูชอน..”
“. . .”
“พ่อ.. พี่ยูชอนนน!!” ร่างเล็กวิ่งตรงมายังคนทั้งคู่.. “ซองยุนตื่นแล้วครับพี่”
ดวงตาโตเบิกโพลงเป็นประกายใส มุนบินมีสีหน้าอิ่มเอิบไม่แพ้อาของเด็กในห้องที่ตนเฝ้าเมื่อครู่
เมื่อทั้งสามเข้าห้องผู้ป่วยที่มีเด็กตัวเล็กนั่งรออยู่นั้น ยูชอนโผเข้ากอดทันทีซึ่งซองยุนเองก็กอดตอบแน่นเหมือนกัน พอผละออกจากกันยูชอนก็ยังคงลูบศีรษะคนตัวเล็กแผ่วเบาอย่างเอ็นดู สักพัก มุนบินก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างๆ
“วันหลังไปกินเค้กช็อคโกแลตกันนะ”
มุนบินยิ้มหวานทำให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างตอบกลับมาพลางพยักหน้าถี่
*
หลังจากวันที่มุนบินเจอกับซองยุน.. ผมก็มีหน้าที่เพิ่มคือไปรับซองยุนที่เนอสเซอรี่ก่อนแล้วพากันมารับมุนบินอีกที ทั้งคู่มักจะชวนกันไปวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะกันจนเย็น ถ้าเป็นวันแบบนั้นน้องชายผมก็จะขับรถมารับแล้วยุนโฮก็จะออกมารับผมกับมุนบินอีกที และพ่อลูกก็จะเล่นกันต่อ กว่าจะได้เข้าบ้านก็ทุ่มสองทุ่มได้ ส่วนทุกวันศุกร์.. ซองยุนก็จะมาค้างกับพวกเรา ซึ่งทุกเย็นวันศุกร์นั้นเราสามคนจะทำอาหารรอจนยุนโฮกลับมา
ช่วงที่เด็กๆเล่นกันโดยไม่สนใจผู้ใหญ่สองคน.. ผมมักจะโดนยุนโฮรวบตัวเข้าไปสัมผัสความหวานจากริมฝีปากนุ่มของเขา เราไม่ต้องบอกกัน ไม่จำเป็นต้องกลั่นออกมาเป็นคำพูดก็ได้ ยุนโฮไม่ต้องตอบผมด้วยวาจา แค่ท่าทางก็พอแล้ว
“คืนนี้พี่ยูชอนต้องไปนอนห้องพ่ออีกแล้วนะฮะ ผมจะเป็นคนเล่านิทานก่อนนอนให้ซองยุนฟังเอง”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายเต็มหน้าร่างสูงที่มือข้างหนึ่งกอดเอวผมไว้หลวมๆ.. ความรักอบอวลด้วยแววตาที่สื่อหากัน ด้วยท่าทางความอบอุ่นการดูแลเอาใจใส่ ห่วงใยซึ่งกันและกัน
“แม่ของซองยุนทำไข่ดาวขาวนวลเป็นมั้ย?”
“ไข่ดาวขาวนวล?”
“ก็ไข่ดาวสวยๆ ไม่เละ ไม่ไหม้ไง”
“อ๋อ.. เป็นสิฮะ แต่อาทอดให้กินบ่อยที่สุดเลย ..พี่มุนบินอยากกินไข่ดาวขาวนวลฝีมือคุณแม่หรอฮะ”
ก็เด็กอ่ะนะ ไม่รู้หรอกว่าพูดอะไรทำร้ายจิตใจใครไปหรือเปล่า...
“ป่าวหรอก เพราะพี่มีพี่ยูชอนทำให้กินแล้ว” ร่างเล็กยิ้มกว้างก่อนชวนกันเล่นเลโก้ต่ออย่างมีความสุข
..เพราะ พี่ มี พี่ยูชอน กับ คุณพ่อ.. แค่นี้ก็พอแล้วฮะ
THE END
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น