ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] 2U : A time traveller

    ลำดับตอนที่ #3 : A time traveller ,, chapter 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 132
      2
      28 พ.ย. 54

     
     

    A Time Traveller : Chapter 3


              หลังจากที่เราสามคนจัดการกับแพนเค้กกิมจิเสร็จเรียบร้อย ผมก็ออกมาเดินสำรวจรอบบ้านอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ 

     

              ลุงฮุกบอกว่าเมื่อสองสามวันก่อนมีฝนตกลงมา นั่นยิ่งทำให้ต้นไม้รอบบริเวณบ้านเขียวชะอุ่มมากยิ่งขึ้น การได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด และการที่ได้ทอดมองธรรมชาติของป่าสนหลังบ้าน แถมยังได้ยินเสียงนกแว่วมาในบางเวลา มันทำให้ผมรู้สึกสดชื่นจนลืมความเหน็ดเหนื่อยเมือยล้าจากการทำงานที่ผ่านมาจนหมดสิ้น..

     

     

              ผมใช้เวลาเดินถ่ายรูปเล่นเสียมากกว่าจะจริงจังกับการหาทำเลสร้างสุสานของตระกูลเรา จนบางครั้งต้องด่าตัวเองให้เริ่มทำงานบ้างจะได้รีบกลับโซลไวไวแม้ว่ายังอยากอยู่พักผ่อนต่อก็ตาม

     

     

              ดีจังที่มาทันดอกเซฟเฟอร์บานเสียด้วย 

     

     

              ผมเดินเรื่อยมาจนถึงแปลงดอกไม้ขนาดย่อมของป้ายองอา ที่ตรงนี้มีแต่ดอกเซฟเฟอร์ หรือที่เรียกว่าดอกบัวสวรรค์ หรือ เรนลิลลี่ และแฟรี่ลิลลี่ อย่างที่หลายคนรู้จักกัน มันเป็นดอกไม้ที่จะบานหลังฝนตกอยู่เพียงสองสามวันเท่านั้น ถ้าเมื่อไรที่ฝนไม่ตกก็จะมองเห็นพวกมันเป็นเพียงต้นหญ้าธรรมดาๆเท่านั้นเอง สมัยตอนผมเป็นเด็ก แปลงเซฟเฟอร์ยังมีขนาดเล็กกว่านี้มากและมีแต่ดอกสีขาวดูราวกับมีหิมะเกาะตามใบหญ้า แต่เดี๋ยวนี้ป้ายองอาปลูกดอกสีเหลืองและสีชมพูเข้าไปด้วย จึงดูมีสีสันและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้หน้าห้องเก็บของขึ้นมาก

     

              ห้องเก็บของ.. ใช่ มันถูกเรียกว่าห้องเก็บของก็จริง แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ห้องเก็บของที่หน้าตาเหมือนบ้านชั้นเดียวติดกันสองหลังนั้นมันเก็บอะไรเอาไว้บ้าง อีกทั้งตัวบ้านยังได้รับการดูแลซ่อมแซมอย่างดีจนไม่มีสภาพเก่าทรุดโทรมเหลืออยู่เลย

     

              น่าแปลก..

     

              ห้องเก็บของที่สมควรปล่อยปละละเลยนี้กลับสะอาดสะอ้านและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอยู่เสมอ

     

     

     

              ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นกดเบอร์ของลุงฮุก เพราะไม่แน่ใจว่าแกออกไปทำธุระข้างนอกหรือยังอยู่ในบ้านกันแน่

     

              ลุงครับ นี่ลุงออกไปตลาดแล้วหรือยัง พอดีผมมีเรื่องรบกวนลุงฮุกหน่อย

     

              ยังครับคุณหนู ลุงกำลังนั่งจดรายการของที่ต้องซื้อจนมือจะหงิกอยู่เลยเนี่ย อาหารเย็นวันนี้ทำอย่างกับจะปิดหมู่บ้านเลี้ยงเชียวจบประโยค ผมได้ยินเสียงป้าบและตามด้วยเสียงโอดครวญของลุงฮุก สงสัยว่าป้ายองอาคงลงฟ้ามือพิฆาตใส่แน่ๆ

     

              โหย ไม่ต้องทำอะไรเยอะหรอกครับ กินไม่หมดเสียดายของเปล่าๆ สำหรับผมแค่รามยอนก็พอแล้ว

     

              ป้ายองอาของคุณหนูคงไม่ปล่อยให้คุณหนูสุดที่รักทานแต่รามยอนหรอกครับ แล้วนี่ คุณหนูโทรมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ หรืออยากได้ของใช้อะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวลุงจะได้ซื้อเข้ามาให้

     

              “อ๋อ คือ..พอดีผมอยู่หน้าห้องเก็บของตรงแปลงดอกเซฟเฟอร์น่ะครับ ผมอยากรู้ว่าในห้องนี้มันเก็บของอะไรไว้ ลุงพอจะรู้หรือเปล่า?

     

              แปลงดอก...ซ....เซ... ..อะไรนะครับ?

     

              “อ่า.. ดอกบัวสวรรค์น่ะครับ

     

              อ๋อ! เป็นห้องเก็บพวกงานเขียนของคุณท่านน่ะครับคุณหนู

     

              “หรอครับ นี่ยังมีภาพวาดของพ่อเหลือเก็บไว้ในนี้อยู่อีกหรอเนี่ย ผมนึกว่าภาพที่พ่อวาดไว้ทั้งหมดจะกระจายไปอยู่บนฝาผนังของที่บ้าน ที่ทำงาน และที่ต่างๆหมดแล้วเสียอีก

     

              ในห้องนั้นยังมีอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะครับ รู้สึกว่าส่วนใหญ่จะเป็นรูปวาดสมัยที่คุณท่านยังเรียนวิทยาลัยอยู่ ท่านสั่งให้พวกผมเข้าไปทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง แต่คุณหนูอย่าไปฟ้องคุณท่านเชียวนะครับ เพราะบางทีพวกผมก็ไปทำสองอาทิตย์ครั้ง ไม่ก็เดือนละครั้งเอง อุ่ย..ตายแล้ว ไม่น่าหลุดพูดให้คุณหนูรู้เลย

     

     

              ฮะฮะ อย่างนี้มีความลับอะไรคงบอกลุงฮุกไม่ได้แล้วล่ะ ได้เผลอตัวพูดออกมาหมดแน่ ผมเดินเข้าไปหน้าประตูห้องเก็บของ เห็นแม่กุญแจอันใหญ่ล็อคไว้อย่างแน่นหนา งั้นลุงก็มีกุญแจห้องเก็บของใช่ไหมครับ ผมขอหน่อยได้หรือเปล่า พอดีช่วงนี้รายได้บริษัทไม่ค่อยจะมี จะได้แอบเอารูปดีดีในนี้ไปขายตัดหน้าพ่อเสียก่อน

     

              คุณหนูก็พูดเล่นไปได้.. อย่าทำเชียวนะครับ ของทุกชิ้นในนั้นคุณท่านสั่งห้ามแตะต้องหรือเคลื่อนย้ายเด็ดขาด เล่นเอาผมจนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำความสะอาดกองรูปพวกนั้นยังไงดี ไอ้จะปัดฝุ่นให้ก็ไม่กล้า เลยได้แต่กวาดถูพื้นตรงที่พอจะทำได้

     

              “หวงขนาดนั้นแล้วจะเอามาเก็บในนี้ทำไมนะ...ตาแก่คนนี้แปลกคนจริงๆ ช่างเถอะ  เดี๋ยวก่อนลุงออกไปแวะเอากุญแจมาให้ผมที่นี่หน่อยแล้วกันนะครับ

     

              ได้เลยครับคุณหนู เดี๋ยวลุงเอาไปให้

     

              ขอบคุณมากครับลุง

     

     

              .

              .

     

     

     

     

     

              วันนี้ลูกชายตัวดีของคุณไม่มาเหรอคะ

     

              คนถูกถามพยักหน้าช้าๆ

     

              ยุนฮัก..ฉันขอถามคุณหน่อยได้ไหม ทำไมคุณถึงต้องให้ลูกเราไปสร้างสุสานที่ปูซานด้วย ทำไมคุณถึงไม่....อยู่กับ คุณพ่อคุณแม่คุณ.....ที่นี่ แม้เธอจะไม่สะดวกใจที่จะพูดออกมา แต่ในที่สุด การคิดไม่ตกว่าเหตุใดยุนฮักสามีเธอถึงเลือกที่จะเก็บกระดูกตัวเองไว้ยังบ้านที่ปูซานมากกว่าจะไปอยู่ในที่ที่เดียวกับบรรพบุรุษถึงทำให้เธอต้องพูดออกมา

     

     

              ที่ปูซาน...... อากาศดีนะ

     

     

     

     

    _____________________

     

     

     

              ในขณะที่ผมกำลังเพลินกับการตามถ่ายรูปเจ้าผีเสื้อบินวนอยู่รอบดอกเซฟเฟอร์นั้นเอง ลุงฮุกก็เดินเข้ามายืนข้างผม พลางหยิบหาลูกกุญแจห้องเก็บของจากพวงกุญแจหลายสิบดอก

     

              อ่ะ นี่ครับกุญแจห้องเก็บของ ลุงฮุกดึงลูกกุญแจออกจากพวงส่งมาให้ผม

     

              ขอบคุณครับลุง

     

              พอดีว่าลุงจะเข้าไปตลาด คุณหนูอยากได้อะไรไหมครับ?

     

              ไม่ล่ะครับ ลำพังแค่อาหารมื้อเย็นที่ป้ายองอาเตรียมจะทำก็คงกินไม่หมดแล้วมั้ง

     

              ทั้งผมและลุงร่วมหัวเราะกันอยู่ชั่วครู่ ลุงฮุกก็ขอตัวออกไปซื้อของก่อน ส่วนผมก็ตามถ่ายผีเสื้ออีกสักพักก่อนที่จะพาตัวเองไปยืนหน้าประตูห้องเก็บของอีกครั้ง

     

              ภาพวาดของพ่อสมัยเรียนงั้นหรอ... ผมครางกับตัวเอง เคยได้ยินเหมือนกันว่าพ่อไปแอบเรียนวาดรูปแต่ก็ไปไม่รอด เพราะคุณปู่บังคับให้กลับมาเรียนบริหารจนได้

     

              ผมหยิบลูกกุญแจมาไขอย่างตื่นเต้น อยากเห็นผลงานสมัยแรกๆของพ่อเต็มที บางที..ไม่แน่นะ กลับไปอาจได้ล้อพ่อยกใหญ่ถึงรูปไม่ได้เรื่องของพ่อก็เป็นได้ คิดได้อย่างนั้นใบหน้าผมก็ฉีกยิ้มขึ้นมาเองอย่างไม่ทันรู้ตัว ..หาอะไรไปแกล้งพ่อได้อีกแล้วสิเรา

             

              พอไขเสร็จก็วางแม่กุญแจอันใหญ่ลงบนพื้นมันนั่นแหละ ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหนดี จะยัดใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่ได้เพราะขนาดมันใหญ่เกินไป พอจับลูกบิดได้หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาจนน่าตกใจ ทำไมผมถึงตื่นเต้นนักก็ไม่รู้สิ หรือที่จริงแล้วผมอาจจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพวาดของพ่อก็ได้นะ

     

     

              ผมเปิดประตูเข้าไปแว้บแรกที่เห็นคือแสงสว่างจ้าจนต้องหลับตาแน่น ขายังพาตัวเองก้าวเข้าไปภายในห้องแล้วค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองดู.... มืดสนิท

     

              ภายในห้องมืดสนิท!

     

              หรือตาผมคงจะพร่าเพราะแสงแวบแรกนั่นก็เป็นได้ ผมจึงพยายามหลับตาบ้างล่ะ กระพริบตาถี่ๆบ้างล่ะ ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะทำให้อะไรดีขึ้นได้หรือเปล่า แต่เท่าที่ทำไปแล้วนั้น.. ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ห้องยังคงมืดสนิทอยู่ทั้งๆที่ตอนนี้ยังไม่เย็นเลยด้วยซ้ำ

     

              ผมหันซ้ายหันขวา ตาที่ชินกับสภาพมืดบอดนั้นเริ่มเห็นอะไรลางๆ

     

              นี่ กลับมาแล้วหรอ

     

              เอ๊ะ?ผมไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นมาจากที่ไหน

     

              ช่วยหยิบหลอดไฟให้หน่อยสิ

     

              ล..หลอดไฟ?

     

     

              ใคร อะไร ที่ไหน ยังไง ทำไม.. คำถามผุดขึ้นมาเต็มหัวผมไปหมด

     

              ผมอยู่ในห้องที่เพิ่งไขกุญแจเข้ามาด้วยตัวเอง แล้วนี่ทำไม..ทำไมเหมือนมีใครอยู่ในห้องก่อนหน้าผมล่ะ

     

     

              นี่! ไม่ได้ยินหรือไงบอกให้หยิบหลอดไฟให้หน่อยไงเล่า!! หลอดมันเสียมาตั้งแต่เมื่อคืนฉันบอกให้นายเปลี่ยนให้ก่อนออกไปเรียนตอนเช้าก็ไม่ยอมเปลี่ยนให้..

     

              “หลอดไฟเสีย? หรือลุงฮุกไม่รู้ว่ามีคนซ่อมหลอดไฟอยู่ในห้องแล้วเผลอล็อคกันนะ แน่เลย..ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ

     

              เออ วางอยู่ข้างล่างเนี่ย มันมืด ระวังๆหน่อยแล้วกัน

     

              อ๋อ ข้างล่าง

     

              ตาผมชินในที่มืดแล้ว ผมมองเห็นขาของใครสักคน คงเป็นเจ้าของเสียงพูด เขากำลังเขย่งอยู่บนเก้าอี้ ผมจึงมองลงไปข้างล่างซึ่งมีอุปกรณ์ช่างอยู่สองสามชิ้นและแน่นอน..หลอดไฟทรงกลมที่คนนั้นพูดถึงก็วางอยู่ด้วย

     

              อ่ะ นี่หลอดไฟ ผมยื่นขึ้นไปให้ เห็นแต่มืออีกฝ่ายยื่นมารับทั้งๆที่ใบหน้ายังคงแหงนมองข้างบน

     

              ผมได้ยินเสียงเสียดสีของอะไรบางอย่าง คนนั้นคงกำลังหมุนหลอดไฟเข้าไปอยู่ ไม่นานนัก ไฟหลอดนั้นก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที

     

              ผมมองเห็นเรือนหน้าที่อยู่หลังแสงเลื่อนต่ำลงมาจนบังแสงไฟ..

     

              เห็นมั้ย ฉันไม่เห็นต้องพึ่งนายเลยยุน....ฮ...เฮ้ย!!!”

     

              ทันทีที่คนพูดก้มลงมองหน้าผมแบบเต็มๆ..ชัดๆ เขาถึงกับผงะจนเกือบหงายหลังล้มลงไป แน่นอน..มือผมไวกว่าความคิดเยอะ แขนยาวๆของผมเอื้อมออกไปฉุดแขนเล็กนั้นเข้ามาเพื่อไม่ให้หงายหลังแต่ผลของมันคือเค้าดันล้มลงมาทางผมแทน

     

              ผมเคยคิดนะ..คิดว่าหลายคนก็คงเคยคิดเหมือนๆกัน ละครน้ำเน่าหลังข่าวมักจะมีฉากนี้อยู่บ่อยๆใช่ไหมล่ะ พระนางล้มใส่กันเป็นภาพสโลโมชั่นแบบมองตากันอย่างหวานซึ้ง.. ให้ตายเถอะ! การได้มีประสบการณ์ตรงแบบนี้ทำให้ผมเข้าใจเป็นอย่างดีเลยว่าทำไมต้องทำฉากชวนฝันแบบนั้นด้วย!!

     

              มันเหมือนเวลาค่อยๆเดินช้าลงแต่หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้น คนที่ตกลงมาอยู่ในอ้อมกอดของผมนั้นเบิกตาโตเพ่งมองผมอย่างตกตะลึง...ไม่แปลก เพราะตอนนี้ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมรอบตัวผมเหมือนหยุดนิ่ง ให้ตายเถอะ! ผมเพิ่งรู้ตัวว่าลืมหายใจ!!

     

              เอ่อ... คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขัดพร้อมกับพยายามลุกออกจากตัวผม

     

              อ้อ ผมขอโทษ พอดี.. ผมปล่อยมือยกขึ้นเคว้งไว้กลางอากาศอย่างไม่รู้จะนำไปวางไว้ตรงไหนดี หลังจากที่อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้วผมจึงยันตัวลุกขึ้นตาม พอดีเมื่อกี้ผมกลัวคุณหงายหลังไปชน... ตู้... โต๊ะ.. ผมว่าผมเห็นที่นอนอยู่ทางหางตาด้านขวานะ ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยอยู่นานจึงหันมองสำรวจรอบห้องที่มีทั้ง โต๊ะ ตู้ ที่นอน ชั้นวางหนังสือ ...และอะไรอีกหลายอย่างที่ประกอบกันแล้วไม่ได้เรียกว่าห้องเก็บของแน่ๆ

     

              นายเป็นใคร? เจ้าของเสียงขมวดคิ้วมุ่น

     

              ผมก็อยากถามคำถามนั้นบ้างเหมือนกัน คุณต่างหากเป็นใคร? ทำไม..ม...มาอยู่ในห้องเก็บของได้?

     

              ห้องเก็บของ! เหอะ.. นี่นายจะมาดูถูกกันแบบนี้ไม่ได้นะ ถึงห้องของเรามันจะแคบของจะเยอะแต่นายมีสิทธิ์อะไรมาเรียกที่อยู่ของคนอื่นว่าห้องเก็บของห๊ะ!”

     

              ทำไมกันนะ.. ผู้ชายตัวผอมๆ แต่แก้มป่องๆ หน้าขาวอมชมพู รับกับผมดำหยักศกดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูกลับยืนตะคอกผมเสียงดังลั่น ทำไมหน้าตากับพฤติกรรมถึงไม่ได้ไปด้วยกันอย่างนี้นะ..

     

              เดี๋ยวก่อนสิคุณ ใจเย็นๆก่อน..

     

              ออกไปเลยนะ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย ไป!!!”

     

              คนที่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของห้องทั้งผลักทั้งดันผมไปที่ประตู ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนผิดที่บุกรุกเข้าห้องคนอื่นแถมยังหาว่าห้องเล็กๆและรกเหมือนรังหนูของเขาเป็นห้องเก็บของอีก แต่เดี๋ยวก่อน..นี่มันก็ห้องเก็บของของพ่อผมจริงๆไม่ใช่หรือไง

     

              ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ร่างเล็กแผดเสียงดังพร้อมทั้งเปิดประตูรอไว้แล้ว

     

     

              เดี๋ยวก่อน..

     

              ทำไม....หน้าประตูไม่ใช่แปลงดอกเซฟเฟอร์

              ทำไม....หน้าประตูถึงเป็นทางเดิน...ทางเดินตรงไปยังประตูไม้ใหญ่อีกที

     

     

              แปลงดอกเซฟเฟอร์ล่ะ?ผมพูดขึ้นมาอย่างตกใจ ไม่ได้ตั้งใจตั้งคำถามกับอีกคนแต่เหมือนเป็นการถามตัวเองเสียมากกว่าว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรที่อยู่ดีดีห้องเก็บของกลายเป็นห้องนอนของใครก็ไม่รู้แล้วยังแปลงดอกเซฟเฟอร์ของป้ายองอาอีกที่หายไปไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

              ดอกอะไรนะ?

     

              ดอกเซฟเฟอร์น่ะ..เอ่อ...ดอกบัวสวรรค์น่ะ มันมีแปลงดอกบัวสวรรค์อยู่หน้าห้องนี้นี่นา ผมชี้นิ้วออกไปหน้าประตู คนฟังส่ายหน้าถอนหายใจก่อนสบถด่าผมเสียยกใหญ่

     

              นายเป็นบ้าหรือไง ดอกบัวอะไรนะ..ดอกบัวสวรรค์งั้นหรอ ถ้าอยากเห็นมากนักนายก็ไปอยู่บนสวรรค์ซะเลยสิ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นนายขึ้นไปดูดอกบัวบ้านั่นบนสวรรค์แน่ๆ

     

              บอกตรงๆ ตอนนี้ผมกำลังมึน.. มึนจริงๆ มึนแบบไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะคิดอะไรไม่ออก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือเล็กๆดันหลังผมให้ออกประตูไป

     

              ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ ผมบอกให้คุณใจเย็นๆไง เฮ้ อย่าดันกันแบบนี้สิ

     

              ก็ฉันบอกให้นายออกไปดีดีนายไม่ออกไปเองนี่นา ออกไปสิ ออกไป!!” ร่างเล็กพูดพลางดันตัวผมไม่หยุด แน่นอน.. คนผอมแห้งแรงน้อยแบบเขาไม่มีทางผลักผมไปได้หรอก ผมจึงหันมายึดมือเล็กเอาไว้ทำให้เราดึงดันกันไปมา

     

              ปล่อยนะ..ฉันบอกให้ออกไปไงเล่า ปัดโธ่เอ้ย!”

     

              “ไม่! ผมถามว่าคุณเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี่ แล้วแปลงดอกเซฟเฟอร์หายไปไหน

     

              ดอกบ้าอะไรอีกล่ะ ...ปล่อยนะเว่ย!!!”

     

              “ไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะตอบผมมา..

     

              “ปล่อย!” 

     

              ไม่!”

     

              “ปล่อย!!!”

     

              “ไม่!!!”

     

     

              .

              .

     

     

              ปล่อยยูชอนซะ!”

     

              ผมหันขวับไปทางต้นเสียง เห็นผู้ชายแปลกหน้าอีกคนรีบถอดรองเท้าเดินเข้ามาดึงมือของผมออกจากคนที่ชื่อ..ยูชอน

     

              ยูชอนเป็นอะไรมั้ย เจ้าของชื่อส่ายหน้า ทันทีที่สำรวจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่พูด เขาก็หันขวับมาหาผมทันที ...นายเป็นใคร?

     

              ผมถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับตัวเองหลังจบประโยคคำถามนั้น..

     

              ผมต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายถามพวกคุณว่าเป็นใครและทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องเก็บของของคนอื่นแบบนี้!!?”

     

              ห้องเก็บของ? ทำหน้าตาแบบนี้อีกแล้ว สีหน้าแบบเดียวกับคนชื่อยูชอนก่อนจะพ่นคำด่าใส่ผมออกมาเป็นขบวน ผมเลยยกมือขึ้นห้ามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มปริปากออกมา เดาได้ไม่ยากเลยว่าคงไม่พ้นคำด่าเดิมๆอีกแน่

     

              โอเค เอาล่ะ..ผมขอโทษที่หาว่าห้องพวกคุณเป็นห้องเก็บของ แต่ฟังผมก่อนนะ ในเมื่อนี่มันก็ห้องเก็บของจริงๆทำไมผมจะหาว่าคุณพักอยู่ในห้องเก็บของไม่ได้ล่ะ

     

              ดูมันพูดสิยุนฮัก มันหาว่าห้องเราเป็นห้องเก็บของอีกแล้วอะ คนอะไร..ชอบพูดจาดูถูกคนอื่นไปทั่ว ไม่พูดเปล่า คนชื่อยูชอนหันมาค้อนใส่ผมวงโต

     

              มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนะ...

     

              ห๊ะ? ดูเหมือนว่า ผมกับยูชอนจะอุทานพร้อมกัน

     

              ได้ยินจากพี่ซังฮุกว่าป้าเจ้าของบ้านต่อเติมห้องเก็บของมาทำเป็นห้องเช่านี่ล่ะ

     

              ป้าเจ้าของบ้านเช่า?

     

              หูผมไม่ได้ฝาด ตาผมไม่ได้บอด  แต่สิ่งที่รับรู้และได้ยินมันช่างแตกต่างจากความจริงที่เคยรู้มาเลย อะไรกัน.. ทำไมห้องเก็บภาพของพ่อถึงกลายเป็นห้องเช่าของป้าที่ไหนก็ไม่รู้ไปได้ล่ะ

     

              ดะ..เดี๋ยวก่อนนะ นี่คุณจะบอกว่าห้องเก็บของนี่เป็นบ้านเช่าของป้า...

     

              ป้าที่ไหนวะ

     

              ป้าอะไรก็ช่างเถอะ..งั้นหรอ?

     

              หรือว่านายเป็นหลานของป้าซกซุนที่หนีไปอยู่โซลแล้วไม่มาดูดำดูดีจนป้าแกตรอมใจตายไป..ใช่มั้ย? ต้องใช่แน่ๆ คนนิสัยไม่ดีเอาแต่ดูถูกคนอื่นอย่างนี้คงหนีไม่พ้นพวกเศรษฐีจากเมืองใหญ่หรอก

     

              ยูชอน... อีกคนปรามขึ้น เห็นได้ชัดว่าทำให้คนพูดไม่พอใจ เขากระฟัดกระเฟียดเดินกระแทกเท้ากลับไปนั่งบนเตียงหลังไม้กระดานวาดรูป

     

              ขอโทษแทนยูชอนด้วยแล้วกัน เขาค่อนข้างสนิทกับป้าซกซุนก็เลย...เป็นอย่างที่เห็น เขาหันกลับไปมองคนที่อยู่หลังไม้กระดานผมจึงเบนสายตามองตามไป ถึงแม้จะมองไม่เห็นสีหน้าที่หลบอยู่หลังไม้กระดานวาดรูปนั้นแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขายังรู้สึกโกรธเคืองผมจากสิ่งที่เขาพูดทิ้งไว้อยู่

     

              แล้วนี่ นายจะมาเก็บค่าเช่าใช่มั้ย?

     

              เฮ้ย..ไม่ใช่! คือผม..

     

              “เอาล่ะๆ ฉันรู้ว่าพวกเราไม่ควรอยู่ต่อโดยไม่จ่ายค่าเช่า แต่พอดีว่าป้าซกซุนแกตายไปแล้ว เราเลยไม่รู้ว่าจะไปจ่ายค่าเช่าที่ใครดี อีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่าจะติดต่อลูกหลานของป้าแกยังไง คุณมาก็ดีแล้ว..เราจะได้คุยกันเรื่องค่าเช่านี่เสียที ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่สุภาพและสุขุมอยู่ไม่ใช่น้อย เขาพูดจาดีดูมีเหตุผลมากกว่าใครอีกคนที่อารมณ์เสียไปนั่งหลบอยู่หลังกระดานวาดรูปเสียอีก

     

              ขอโทษนะ แต่ผมไม่ได้มาเพราะต้องการค่าเช่าห้องของพวกคุณจริงๆ

     

              อย่างน้อยก็ควรจะไปเคารพป้าซกซุนนะ แกตายอยู่ห้องข้างๆนี่ก็จริงแต่ฉันเอากระดูกไปไว้ที่เก็บกระดูกของหมู่บ้านแล้ว เสียงดังมาจากด้านหลังกระดานวาดรูป

     

              เอ่อ... นี่เรากลายไปเป็นหลานของป้าซกซุนอะไรนั่นไปแล้วใช่ไหมเนี่ย เอาไงดีวะ.. ..ที่นี่ ไม่ใช่ห้องเก็บของของคุณยุนฮักหรอกหรอ?

     

              ผู้ชายที่สูงเกือบเท่าผมแสยะยิ้มให้ หึ.. ใช่ นี่ห้องเก็บของของผมเอง

     

              ผมไม่เข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่ เลยเตรียมจะอ้าปากถามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรออกไปดี เลยเป็นเขาที่พูดขึ้นมาเสียเอง

     

              ผมเช่าห้องนี้อยู่กับยูชอน คุณจะเรียกมันว่าห้องเก็บของหรืออะไรก็ช่าง แต่มันคือห้องเช่าของผม..ชองยุนฮัก ที่เช่าอยู่กับ ปาร์คยูชอน

     

     

              .

              .

     

     

              มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของใครบางคนได้..

     

     

     

              ชองยุนฮักพูดกับผมเอาไว้ว่า

     

              ฉันขอวานแกหน่อย.. ช่วยตามหาปาร์คยูชอนที่เคยเช่าห้องอยู่กับฉันที

     

     

     

              คำไหว้วานของพ่อไม่ได้มีแค่เรื่องสร้างสุสานเท่านั้น..

     

     

     

                ตามหาให้เจอ..ตามให้เจอเข้าใจมั้ย ยุนโฮ

     

     

     

     
    TBC.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×