ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) ก็คนมันชอบ...좋아해 ♡ - KAISOO

    ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.79K
      141
      4 พ.ย. 59











    11


     

     

    อืมมมมมม

    เหมือนว่าแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านผ้าม่านลงมามันจะทำให้ร่างเล็กใต้ผ้าห่มค่อยๆส่งเสียงพร้อมค่อยๆบิดขี้เกียจอย่างที่เคยทำประจำตอนตื่นนอน นึกแปลกใจที่ทำไมการตื่นมาครั้งนี้มันถึงไม่รู้สึกหนาวจนต้องม้วนกอดผ้าห่มเอาไว้แถมยังขยับตัวพลิกตัวไม่ถนัดเหมือนเดิม คยองซูยื่นแขนออกไปหมายจะหาน้องหมีเอามากอดให้ชื่นใจทั้งๆที่ตาก็ยังไม่ลืมดี แต่สัมผัสที่ได้กลับทำให้ร่างเล็กที่ยังคงไม่ยอมลืมตาต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ทำไมวันนี้หมีมู้ของคยองซูตัวมันใหญ่กว่าปกติ ไม่นุ่มเหมือนที่เคยจับด้วย แถมตอนจับถ้าคยองซูไม่ได้กำลังฝันอยู่คยองซูก็รู้สึกว่าหมีมู้จะดึงเขาเข้าไปกอด

     

     

    เดี๋ยวนะ…

     

     

    “ ไอ้มิ! จะตื่นก็ตื่นคนเดียวไม่ต้องลูบกูได้ไหม 

                 เสียงทุ้มที่ได้ยินข้างหู วงแขนที่วางพาดลงมาที่เอวที่ตอนนี้มันกำลังกระชับให้ร่างเล็กจมเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อหมายจะให้มือเล็กหยุดลูบไล้ไปมาบนตัวซักที ทำให้คยองซูต้องตัวแข็งทื่อเมื่อคิดได้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนอยู่คนเดียวแต่มีใครอีกคนที่เขาชวนให้ค้างที่บ้าน…

     

    “ อ๊ะ!! จ..จงอิน ” คยองซูพยายามลืมตาขึ้นเมื่อสติเริ่มมาครบ กระพริบตาเพื่อปรับการมองเห็น ถึงจะมองเห็นไม่ชัดเจนเพราะกรอบแว่นของคยองซูถูกถอดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คยองซูก็รู้ว่าตอนที่ลืมตาขึ้นมาหน้าเขาซุกอยู่กับแผงอกกว้างของจงอินจนต้องร้องออกมาอย่างตกใจ

     

     

    ชู่ว อยากให้หม่าม๊าได้ยินหรือไง ” จงอินเอามือที่กอดกระชับคยองซูไว้ยกขึ้นมาทาบปิดริมฝีปากสีสดรูปหัวใจของคนเสียงดังเอาไว้แต่ตาก็ยังหลับสนิทราวกับคนอดนอนจนแสงแดดทำอะไรไม่ได้

    “ ท..ทำไมจงอินถึง... แล้ว ว..แว่น แว่นเราอยู่ไหน เรามองไม่เห็น จงอินปล่อยเราก่อน

     

    “ อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งถาม ” คนเพิ่งตื่นถามจงอินอย่างกับเจ้าหนูจำไมจนจงอินต้องเอ่ยบอก

     

    เขาต้องการนอน ใครจะรู้ว่าการข่มตาให้หลับในขณะที่ต้องนอนกอดไอ้มิเอาไว้มันเป็นอะไรที่เกินจะบรรยาย หลังจากที่ไอ้มิมันปล่อยระเบิดคำพูดเอาไว้ให้จงอินแทบอยากจะไปลักจูบอีกสักรอบสองรอบแต่ก็ข่มใจตัวเองให้เดินมานอนที่โซฟาอย่างที่ควรจะเป็น สักพักไม่ถึงชม.เสียงบ่นหงุงหงิ้งตามภาษาคนที่มีไข้อ่อนๆก็บ่นว่าหนาว จนต้องลุกขึ้นมาปรับเครื่องทำความร้อนให้ร้อนขึ้นอีกหน่อยแต่ก็ยังไม่ได้ผลจนต้องเอาตัวเองลงไปนอนให้ความอบอุ่นกับไอ้มิมันแทน ถ้าใครไม่เป็นคิมจงอิน จะไม่มีวันเข้าใจว่ามันยากลำบากแค่ไหนที่ต้องอดทนให้ไอ้มิมันซุกเข้ามาในอ้อมกอดได้โดยไม่ทำอะไร

     

    ก็เนี่ย เพิ่งหลับได้ตอนใกล้จะสว่าง

     

    .แต่ว่านี่มันเช้าแล้วนะ เราจะตื่นน

     

    ไอ้มิ! ” เมื่อเห็นว่าร่างเล็กในอ้อมกอดยังคงไม่ยอมเชื่อฟังกระดุกกระดิ๊กไปมา จงอินเลยต้องทำเสียงดังใส่ให้คนตัวเล็กต้องหยุดขยับตัวแล้วยอมให้จงอินกอดดีๆโดยที่เขาก็ได้ยินเสียงงุ้งงิ้งบ่นพึมพำเบาๆของไอ้มิจนต้องยิ้มออกมา  ก็ได้ ไม่เห็นต้องดุเลย

     

     

    คยองซูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆตื่นมาแล้วมีจงอินมานอนข้างๆแบบนี้ แถมตอนนี้ยังปล่อยให้ร่างสูงกอดตัวเองอย่างกับเป็นหมอนข้างถึงจะมองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่นักแต่พอเงยหน้าขึ้นไปคยองซูก็มองเห็นสันกรามเรียวและใบหน้าคมที่ทำให้ใครต่อใครไม่สามารถละสายตาไปจากจงอินได้รวมทั้งคยองซูด้วย จงอินเป็นคนที่โดยรวมทุกอย่างจัดได้ว่าเพอร์เฟ็ค ไม่ว่าจะยืนนั่งหรือแม้กระทั่งตอนหลับ

     

    ทำไมเราไม่ดูดีแบบจงอินบ้างนะ

     

    ขอกอดหน่อย พักสายตาแปปนึง… ”

    “…”

    “ …มองขนาดนี้เดี๋ยวกูจะคิดค่ามอง

    ประโยคสุดท้ายทำเอาคยองซูถึงกับสะดุ้งเมื่อโดนจับได้ว่าเขาแอบมองจงอินอยู่ อะไรกัน คยองซูคิดว่าจงอินจะหลับไปตั้งนานแล้วซะอีก ตาก็ปิดอยู่แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาแอบมอง แล้วก็เอาจริงๆคำพูดขอกอดจากจงอินเมื่อกี้คยองซูก็ไม่ค่อยเข้าใจมันซักเท่าไหร่หรอก เพราะก่อนที่จงอินจะขอจงอินก็กอดเขาเอาไว้อยู่แล้ว จะยังพูดขอคยองซูอีกทำไมกัน

     

     

    แล้วที่คยองซูไม่เข้าใจหนักกว่าอะไรทั้งหมด

     

    คือทำไมจังหวะหัวใจของคยองซูมันเต้นแรงและเร็วแบบนี้

     

    หรือสงสัยคยองซูจะป่วยจากลมหนาวเมื่อคืนแล้วจริงๆ

     

     


     

     

     

     

     

    ฮ้าวว~ อ่าาแว่น แว่นอยู่ไหนนะ

    เหมือนได้นอนแบบเต็มอิ่มเลยตื่นมาแบบสดชื่นสุดๆ คนตัวเล็กยืดแขนยืดขาคลายเส้นก่อนจะค่อยๆกลิ้งตัวจากกลางเตียงมายังขอบเตียง มือก็เริ่มปะป่ายไปยังโต๊ะข้างเตียงก่อนจะยิ้มออกเมื่อเจอแว่นตากรอบหนาของคู่กาย หยิบมาใส่ลุกขึ้นขยี้ตาเพื่อให้มองอะไรได้ชัดเจนขึ้นแต่พอเริ่มนึกอะไรออกมือเล็กก็หยุดค้างการกระทำก่อนจะมองไปรอบๆห้องมองหาใครบางคนที่เมื่อครู่ยังอยู่บนเตียงกับเขา

     

    จงอินหายไปไหน

     

    สงสัยจนต้องลุกไปดูในห้องน้ำแต่ก็ไร้วี่แว่ว ไปไหนของเขากันนะ

     

    หรือว่าจะลงไปข้างล่าง

     

    จะตื่นก็ไม่ปลุกกันเลย ”

     

     


    .

     

    .

     

    .

     

    พอเดินลงบันไดทั้งชุดนอนมาชั้นล่างก็ต้องเจอคนที่ตามหาที่ดูเหมือนว่าจะอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนชุดเป็นชุดเดิมของเมื่อวานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วกำลังยืนคุยหัวเราะกับหม่าม๊าอย่างสนุกสนาน และเหมือนว่าเสียงลงบันไดของคยองซูจะทำให้ทั้งคู่หยุดหัวเราะและหันมามองทางเขาเป็นตาเดียว

     

     

    อ้าวลงมาแล้วหรอลูก หม่าม๊าว่าจะให้จงอินขึ้นไปตามเราพอดีเลย

    ไม่พูดเปล่า คยองซูเห็นว่าตอนที่หม่าม๊าพูดว่าจะให้จงอินขึ้นไปตาม หม่าม๊ามีการเดินไปหยิกแก้มจงอินที่กำลังยืนจัดโต๊ะอาหารจนร่างสูงต้องหันไปยิ้มให้คุณแม่ยังสาวอย่างที่ดูแล้วสนิดสนมกันสุดๆ

     

    สนิทกันขนาดนี้แล้วหรอ

    หม่าม๊ากับจงอินสนิทกันเร็วไปไหมคยองซูก็ชักจะสงสัยอยู่เหมือนกัน

     

    “ มาๆ มานี่เลยลูกรัก มากินอาหารเช้าฝีมือจงอินของหม่าม๊าเร็ว อร่อยระดับห้าดาวเลยนะ คนอะไรหน้าตาก็หล่อแถมยังทำอาหารเก่งอีก ”

     

    ไม่ขนาดนั้นหรอกครับม๊า

     

    “ ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกจ๊ะ นั่งกินกันไปก่อนนะ เดี๋ยวหม่าม๊ามา ” พอดันลูกตัวเองให้ไปนั่งที่เก้าอี้เสร็จหม่าม๊าก็ส่งยิ้มหวานไปให้จงอินหนึ่งทีก่อนจะเดินเข้าไปหลังบ้านทิ้งไว้ให้คยองซูและจงอินอยู่กันสองคน คยองซูเห็นนะว่าเมื่อกี้ตอนจงอินจัดโต๊ะจนเดินมานั่งลงตรงข้างเขาก็ยังมองเขาอยู่ ไม่พูดอะไรแถมยังอมยิ้มอยู่ด้วย คยองซูว่าจงอินจะต้องขำที่เขาตื่นหลังจงอินแน่ๆ

     

    “ เอ่อ..จงอินตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่..หรอ ? ”

     

    “ ไม่ได้หลับ แค่บอกว่าจะพักสายตาเฉยๆ ”

     

    พักสายตา แปลว่า ไม่ได้หลับ

     

     

    อ่าา ” อะไรกันเนี่ย ตอนแรกคยองซูก็ว่าจะตื่นอยู่แล้วแต่พอจงอินกอดเอาไว้ก็เป็นฝ่ายเคลิ้มหลับไปอีกรอบซะได้ น่าอายชะมัด แทนที่คยองซูจะเป็นคนตื่นมาเตรียมอาหารไว้ให้จงอิน เพราะยังไงนี่ก็เป็นบ้านของเขาแต่กลับเป็นจงอินที่ต้องตื่นมาเตรียมอาหารให้เขาที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างบน

     

    “ หึหึ เห็นว่าหลับไปอีกรอบเลยไม่อยากปลุก  

     

    ความจริงแล้วจงอินก็ไม่ได้คิดจะหลับอยู่แล้ว อย่างที่บอกว่าแค่จะพักสายตาแปปนึงแล้วจะปล่อยให้ร่างบางที่กลายเป็นหมอนข้างนุ่มนิ่มไปเป็นอิสระ แต่พอลืมตามาก็เห็นว่าคนตัวเล็กหลับตาพริ้มจมดิ่งเข้าไปในฝันอีกรอบซะแล้ว จนจงอินต้องค่อยๆผละร่างของตัวเองออกมา จัดแจงให้หัวไอ้มิอยู่บนหมอนห่มผ้าให้เสร็จสรรพถึงจะพาตัวเองลงมาข้างล่างแล้วจึงพบหม่าม๊าที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว จึงอาสาเป็นคนขอเตรียมมื้อเช้าเองแบบที่หม่าม๊าของไอ้มิก็ดูจะมีความสุขที่ได้เห็นเขาเข้าไปช่วยแบบนี้

     

    เออ จริงสิ! คยองซู! ลูกครับ! ”

    เสียงของหม่าม๊าดังออกมาจากข้างหลังบ้านทำให้ทั้งคยองซูและจงอินต้องหยุดบทสนทนาเอาไว้เท่านี้ก่อนร่างเล็กกว่าจะหันไปขานตอบรับคำเรียกของหม่าม๊าที่ส่งเสียงเรียกมา  ไม่นานโดยองอาก็เดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร ถือตระกร้าผ้าเอาไว้แบบที่คงจะนึกเรื่องอะไรบางอย่างได้พอดีเลยไม่ได้เก็บหรือวางตระกร้าผ้าที่ไปเก็บมาให้เรียบร้อย

     

    เธอลืมไปเลยว่าต้องบอกคยองซู

     

    “ คยองซูลูก กินเสร็จเดี๋ยวก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าข้างบนด้วยหล่ะ ”

     

    เก็บกระเป๋า ให้ลูกเก็บทำไมหม่าม๊า ”

     

    “ อุ๊ย! หม่าม๊าลืมบอกลูกไปว่าหม่าม๊าจะไปเที่ยวยุโรปกับป้าเฟย แล้วเห็นจงอินบอกว่าลูกต้องไปช่วยติวให้แล้วนี้มันก็ใกล้จะสอบอยู่แล้ว หม่าม๊าก็เลยจะให้ลูกไปอยู่กับจงอินสักพักน่ะลูกรัก

     

    !!!

    หม่าม๊าา ไปเที่ยวไม่บอกลูกอีกแล้วนะ ” ตอนนี้คยองซูสับสนไปหมดจนต้องลุกไปดึงให้หม่าม๊าเดินมาคุยให้รู้เรื่องกันสองคน ทิ้งให้จงอินยืนอมยิ้มอยู่บนโต๊ะอาหารต่อไป มือเล็กก็ตรงเข้าไปกอดเข้าที่เอวของโดยองอาทันที เอาหน้าซุกไหล่พูดอ้อนแบบที่คยองซูลูกของเธอชอบทำเวลาน้อยใจ

     

     

    “ นี่ไง ม๊าก็บอกอยู่นี่ไงครับลูกรัก ไม่ต้องอ้อนเลยยังไงม๊าก็ต้องไป เพราะจองตั๋วเอาไว้แล้ว ”

    ไม่ ยองอาจะไม่แพ้ลูกอ้อนของลูกชายสุดที่รักของเธอเป็นแน่ ไม่บ่อยซักหน่อยที่เธอจะปล่อยให้คยองซูอยู่บ้านคนเดียว ใช่ว่าจะไม่ห่วง แต่ดีหน่อยที่รอบนี้มีจงอินที่บอกว่าจะเป็นคนดูแลคยองซูให้เองจนทำให้การไปเที่ยวครั้งนี้ลงตัวเป๊ะ!

     

    “ เดือนเดียว หม่าม๊าไปแค่เดือนเดียวเองนะครับลูก เดี๋ยวก็กลับแล้ว ”

     

    :'(

     

    อย่ามาทำหน้าบูด เดี๋ยวม๊าซื้อขนมที่ลูกชอบมาฝาก ดีไหมครับ ? ”

     

     

    ไม่เอา ลูกไม่ให้หม่าม๊าไป

    เริ่มเอาแต่ใจด้วยการกอดรัดหม่าม๊าไว้แน่นกว่าเดิม

     

    ตามนั้นแหละจ๊ะ ไปอยู่กับจงอินอ้อนให้เยอะๆเหมือนตอนอยู่กับหม่าม๊านะลูก เพื่อนจะได้เอ็นดู อ๋อ แล้วอย่าไปดื้อกับเพื่อนนะ เดี๋ยวม๊ากลับมาจากยุโรปจะพาพ่อใหม่มาฝาก คิกคิก

     

    หม่าม๊าาา! ”

     

     

     

     





     

    “ ไม่ลืมอะไรแล้วนะครับลูก เก็บใส่กระเป๋ามาหมดแล้วนะ ”

     

    หม่าม๊าพูดกับคยองซูเสร็จยังไม่ทันที่คยองซูจะพยักหน้ารับเพื่อตอบคำถามก็รีบหันไปคุยกับจงอินต่อทันที หม่าม๊านี่ยังไง ลูกกำลังจะไปแท้ๆไม่มีพูดบอกลากับคยองซูซักคำ แต่กลับเดินเข้าไปพูดกับจงอินจนคยองซูต้องทำเป็นไม่สนใจหม่าม๊าให้หม่าม๊ารู้ว่าไม่พอใจก่อนจะเดินออกไปรอจงอินที่หน้าบ้านแต่หูก็คอยแอบฟังไปด้วยว่าหม่าม๊าพูดอะไรกับจงอิน

     

    “ จงอิน ฝากลูกของหม่าม๊าด้วยนะ ถ้าดื้อไลน์มาบอกหม่าม๊าเลยนะโอเคไหม ”

     

    ครับ

     

    ไลน์ นี่หม่าม๊ากับจงอินไปแลกไลน์กันตอนไหนเนี่ย

    อะไรกัน ทำไมคยองซูรู้สึกเหมือนว่าหม่าม๊าจะดูรักจงอินมากกว่าคยองซูที่เป็นลูกซะอีก คยองซูงอนหม่าม๊าแล้ว ถ้าหม่าม๊ากลับมาจะไม่กลับไปอยู่บ้านให้หม่าม๊าเหงาเลยคอยดู!

     

    ความจริงแล้วอีกตั้งหลายวันหม่าม๊าถึงจะไปเที่ยว ทั้งๆที่คยองซูก็บอกไปแล้วว่าคยองซูอยู่บ้านคนเดียวได้ ไม่จำเป็นจะต้องไปรบกวนจงอินเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมหม่าม๊าถึงได้อยากให้คยองซูไปอยู่กับจงอินนัก หม่าม๊าบอกว่าให้ไปอยู่ที่นั้นเพื่อติวหนังสือให้จงอินเพราะมันใกล้จะสอบแล้ว หม่าม๊ากลัวว่าจงอินจะทำข้อสอบไม่ได้เพราะตอนที่คุยกับจงอิน จงอินบอกหม่าม๊าว่าไม่ค่อยรู้เรื่องสักวิชาเลยถ้ายังไม่เริ่มก็ไม่รู้จะสอบได้ไหม ซึ่งพอได้ฟังคยองซูก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่นึกสงสัยอยู่ในใจว่าเมื่อคืนตอนที่ดูจงอินทำโจทย์อยู่ก็ไม่เห็นว่าจงอินจะแสดงอาการว่าไม่เข้าใจเนื้อหาตรงไหน แถมยังแก้โจทย์ยากๆได้ในเวลาสั้นๆอีกตั้งหาก ไม่เห็นเหมือนคนไม่รู้เรื่องสักวิชาตรงไหนเลย

     

    นี้ตกลงว่าใครเป็นลูกของหม่าม๊ากันแน่ คยองซู หรือ จงอิน

     

    ปล่อยให้หม่าม๊ากับลูกคนใหม่บอกลากันให้เสร็จจนรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้านถึงจะเดินออกมา คยองซูมั่นใจว่าหม่าม๊ารู้ว่าเขาน้อยใจอยู่ พยายามไม่หันไปมอง ไม่สบตาใครทั้งนั้นเพราะเดียวพอเห็นแล้วคยองซูจะใจอ่อน น้อยใจหม่าม๊าไม่ลง

     

    คยองซู ” ถึงจะมีเสียงเรียกแต่คยองซูก็ยังไม่สนใจ คนตัวเล็กก้มลงมองมือของตัวเองที่กำสายกระเป๋าเอาไว้แน่น ไม่มอง คยองซูจะไม่มองหม่าม๊าหรอก

     

    “…”

     

    “ ลูกจะไปแล้วและเดี๋ยวหม่าม๊าก็จะไปเที่ยวแล้ว มาให้หม่าม๊ากอดหน่อยเร็ว

     

    “…”

     

    เฮ้ออ หม่าม๊าต้องไปเที่ยวไม่มีความสุขแน่เลยโดนเมิน… ”

     

    “…”

     

     

    ลูกไม่สนใจหม่าม๊าแล้ว งั้นหม่าม๊าเข้าบ้านดีกว่… ”

     

     

    หมับ

     

    หม่าม๊าา ” ยังไม่ทันจะหันกลับไปตามที่พูดเอาไว้จริงๆ เสียงเรียกแสนเบาจากลูกชายตัวน้อยมันทำให้คุณแม่ยังสาวต้องอมยิ้มแก้มปริ โดยองอารู้อยู่แล้วว่าลูกของเธอต้องทนฟังคำตัดพ้อของเธอไม่ได้ ร่างเล็กที่เมื่อกี้หันหลังให้ก็หันกลับมากอดเธอเอาไว้

     

    ว่าไงครับลูก

     

    “ ตอนไปเที่ยวดูแลตัวเองด้วยนะหม่าม๊า ลูกเป็นห่วงหม่าม๊านะ ” ลูกใคร ทำไมถึงน่าเอ็นดูได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่าคยองซูจะรู้สึกโกรธ น้อยใจ เสียใจกับใครมากแค่ไหนก็จะไม่ค่อยแสดงออก เข้าไปง้อนิดหน่อยก็หายได้ง่ายดาย

     

     

    จ้าลูกรัก ไปอยู่กับจงอินดูแลตัวเองดีๆด้วยนะหม่าม๊าก็เป็นห่วง เดี๋ยวไว้โทรคุยกัน เน้อะ ” คุณแม่ยังสาวยิ้มกว้างทันทีที่เห็นหัวกลมๆของลูกรักผงกหัวรับอย่างว่าง่าย หอมแก้มนิ่มๆของลูกชายตัวน้อยอีกฟอดสองฟอดให้ชื่นใจก่อนไปแล้วจึงส่งต่อไปให้กับจงอินที่กำลังรออยู่ พอคยองซูเข้ารถไปได้แล้วโดยองอาก็ถึงคราวต้องหันมาพูดกับร่างสูงที่โค้งลาด้วยรอยยิ้ม

     

    “ จงอิน ดูคยองซูด้วยนะลูก รักษาสัญญากับหม่าม๊าด้วยนะ ”

     

    ครับหม่าม๊า

     

     

     

     

    .

     

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

                      กว่าจะมาถึงคอนโดก็ปาเข้าไปบ่ายกว่าๆ ดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันเสาร์จึงทำให้พวกเขามีเวลาทั้งวันที่จะเอาของของคยองซูที่ขนมาพักกับจงอินชั่วคราวเก็บจัดให้เข้าที่เข้าทาง ดีที่คอนโดของจงอินสามารถพาคนมาอยู่เป็นสิบได้อย่างสบาย คยองซูเลยคิดว่าการที่คยองซูเข้าไปอยู่เพิ่มอีกซักคนคงจะไม่ทำให้จงอินใช้ชีวิตอยู่ลำบากหรืออึดอัดขึ้นเท่าไหร่นัก

     

     

                      จงอิน จริงๆแล้วเรานอนที่บ้านก็ได้นะ เราไม่ลำบากสักนิดเลยถ้าจะไปกลับคอนโดจงอินกับบ้านเวลาที่ต้องมาติวให้ จริงๆนะ เราไม่อยากรบกวนจงอินเท่าไหร่...

     

                      กูบอกสักคำหรือยังว่ารบกวน ? ”

     

                      ..ก็ ยังไม่ได้บอกหรอก แต่เราแค่คิดว่าจงอินอาจจะรับปากหม่าม๊าเพราะเกรงใจก็ได้นี้หน่า ...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นนะ จงอินสบายใจได้เลย พอหม่าม๊าไปเที่ยวแล้วเราจะกลับไปอยู่บ้าน เราไม่บอกหม่าม๊าหรอกว่าไม่ได้ไปอยู่ที่คอนโดจงอิน 

     

                      อืม ” จงอินเลือกที่จะไม่ขัดอะไร เพียงแต่เดินไปดึงกระเป๋าของคนตัวเล็กที่ยังคงยืนพูดจาเจื้อยแจ้วอยู่อย่างนั้น ถือโอกาสเปิดกระเป๋าออกแล้วเดินไปเปิดบานประตูตู้เสื้อผ้าออกก่อนจะจับเอาเสื้อผ้าในกระเป๋าของไอ้มิออกมาใส่เอาไว้ในตู้เสื้อผ้าโดยที่พอจงอินเดินมา ไอ้มิมันก็เดินตามเขามาและเหมือนว่าสมาธิจะอยู่ที่การพูดเลยไม่ได้รู้เลยว่าถึงจะพูดไปก็ไร้ประโยชน์ในเมื่อของที่เอามาก็จัดวางเอาไว้ในคอนโดของจงอินเสร็จหมดแล้ว

                      ยังคงตอบกลับด้วยคำว่า อืม’ คำเดียวไปให้คยองซูเรื่อยๆ พอจัดเสื้อผ้าเสร็จหมด จงอินก็เดินเข้ามาในห้องนอนโดยที่ร่างเล็กก็ยังคงเดินตามมาพูดหงุ้งหงิ้งอยู่ข้างหูจงอินไม่ห่าง จนตอนนี้ไอ้มิมันก็ยังไม่ได้รู้ตัวเลยว่าจงอินจัดข้าวของเสร็จหมดแล้ว

     

     

                      “ จงอินจัดของเราหมดเลยอ่ะ เราบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวเรากลับไปอยู่บ้านก็ได้ จงอินไม่ฟ… ”

     

                      ก็กูจัดเสร็จหมดแล้ว ไม่ให้ไปไหนแล้ว ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นอ่ะ

     

    “ เอ่อ…ง..งั้น จงอินจะให้เรานอนที่ไหนหรอ เรานอนได้หมดเลยนะนอนโซฟาก็ได้ นอนพื้นก็ดี หรือว่าจะ… ” หลังจากที่รู้ว่ายังไงจงอินก็ไม่ปล่อยให้คยองซูกลับไปนอนที่บ้านอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว จึงถามจงอินไป คยองซูคิดว่าแค่จะมาอาศัยห้องจงอินอยู่ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว เลยต้องรีบเอ่ยบอกก่อนว่าคยองซูสามารถนอนตรงไหนก็ได้ที่จงอินอยากจะให้นอน

     

    บนเตียง

    ละ แล้วจงอินนอนที่ไหนหรอ

     

    ที่ถามก็ไม่ได้คิดอะไรมากเท่าไหร่ ยังไงทั้งคยองซูและจงอินก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแถมยังนอนด้วยกันมาทั้งคืนแล้วด้วย แต่มันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูก เมื่อเช้าตอนที่จงอินนอนกอดคยองซูเอาไว้มันทำให้คยองซูรู้สึกแปลกๆ มันรู้สึก….เขินแปลกๆ

     

    “ …ก็บนเตียง

    “….!!! ”

    “ ดูทำหน้า ทำไม? ทำอย่างกับเมื่อคืนไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน ” อยากถ่ายรูปเก็บสีหน้าท่าทางของไอ้มิเอาไว้ใส่กรอบชะมัด ท่าทางตื่นๆ ตากลมโตภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำตอบจากเขา มองไปมองมาใช่ว่าไอ้มิมันจะเหมือนนกฮูกอย่างเดียว ลูกแมวตัวน้อยที่กำลังตื่นตูมกับอะไรสักอย่างก็ดูเหมือนไอ้มิดีเหมือนกัน อยากแกล้งเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ หรี่ตาอย่างจับผิด หรือว่า… ”

     

     

    “ รเรา เปล่านะ เราไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆนะ เราเปล่า ”

     

    “ นั่นไง ยังไม่ได้พูดก็ร้อนตัวซะแล้ว แสดงว่าชอบให้กูนอนกอดแบบเมื่อคืนใช่ไหม

     

    “ ใครบอกจงอิน! เราไม่ได้ร้อนตัวนะ ฮื่ออ จงอินอย่ายิ้มนะ เราไม่ได้ชอบจงอินซักหน่อยจะชอบให้จงอินกอดได้ยังไง

     

    นั่นสินะ คนไม่ได้คิดอะไรจะชอบได้ยังไง

     

    “…”

     

    “…”

     

      เอ่อ…จงอินน คือ ที่เราพูดเมื่อกี้ ร..เรา ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ คือที่เราพูดไปเราไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบสักหน่อย  

     

    แย่แล้ว…

    เมื่อกี้...เผลอพูดออกไปแล้ว

     

    หืมม …งั้นแปลว่าชอบ ?”

     

    เอ่อ.. ”

    เหมือนว่าคยองซูจะเห็นจงอินที่เมื่อกี้ทำหน้าเศร้าจนทำให้คยองซูหลุดประโยคน่าอายแบบนั้นออกมา เห็นว่าใบหน้าที่ดูน้อยใจของจงอินเมื่อกี้มันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้สิ คยองซูรู้แต่ว่าตอนนี้แค่หน้าคยองซูก็ยังไม่กล้าจะเงยขึ้นไปมองจงอินด้วยซ้ำ แต่คยองซูก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าร่างสูงค่อยๆเดินเข้ามาใบหน้าหล่อระดับนายแบบที่ใครเห็นก็ต้องหวั่นไหวเคลื่อนเข้ามาใกล้คยองซูมากเกินไปแล้ว…

     

    กูก็ชอบนะ

     

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

     

    ฮื่ออ คยองซูเป็นอะไรไป ทำไมแค่ได้ยินเสียงทุ้มที่ตรงมากระซิบข้างหูของจงอินก็แทบจะทำให้คยองซูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คยองซูไม่รู้เลยจริงๆว่า คำว่า ‘ชอบนะ’ ของจงอินมันหมายถึงชอบอะไรกันแน่ แล้วคยองซูก็ไม่อยากจะคิดด้วย ที่คิดในตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้หลุดออกไปจากสถานการณ์ตรงไหนให้ได้

     

    เพราะคยองซูคิดว่าถ้าขืนอยู่ใกล้กับจงอินนานกว่านี้ คงไม่ไหวแน่ๆ

     

    คยองซูรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองทำงานหนักเกินไป











    แฮ่!!
    แอบหนีสอบมาอัพให้ก่อน
    ขอโทษจริงๆคะที่ทำให้ทุกคนรอนาน
    จนบางคนไม่อยากรอกันแล้ว TT 

    อยากบอกว่าฟิคเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเตรียมแต่งตุนเอาไว้ก่อนนะคะ
    มิชเป้นคนที่มีอารมณ์ก็จะแต่ง ถ้ายังจะไม่เอาลงเว็บก็จะไม่แต่งเก็บไว้

    ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ และขอบคุณทุกคนที่ยังรอกันนะคะ
    ไปแล้วดีกว่าค่ะ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ อิอิ
    ด้วยรักจากมิช



    (c)  Chess theme
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×