คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 02
“ …จงอิน ” เสียงใสของคยองซูเอ่ยเรียกชื่อร่างสูงจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะเดินแยกออกไปหลังจากคืนแว่นให้ตนเสร็จ ทำท่าจะลุกเดินไปเลยคยองซูเลยต้องเอ่ยเรียกเอาไว้ก่อน
คนที่ถูกเรียกยังไม่ได้หันมองในทันที จงอินไม่ได้นึกแปลกใจเท่าไหร่ที่อีกคนจะรู้ชื่อเขา ก็ยังดีที่ไม่ถามว่าเขาชื่ออะไรหลังจากโดนย้อนกลับมาว่ามาช่วยทำไม และก็ยังดีที่ไอ้เนิร์ดมันยังเห็นว่า จงอินคนดังของโรงเรียนก็มีความดีชอบช่วยเหลือคนอื่นกับเขาอยู่บ้าง
“ ทำไม ” จงอินค่อยๆหันไปสบตากับอีกคนที่ใช้ตาโตๆมองเขาอยู่
“ แล้ว เอ่อ จงอินจะไม่เข้าห้องเรียนหรอ นี่ก็หมดเวลาพักเที่ยงแล้วนะ ” ไม่เข้าใจ ทำไมคนตรงหน้าต้องทำท่าน่ารักตลอดเวลา ถามแล้วทำไมต้องเอียงคอ เวลาประหม่าหรือกังวลเจ้าตัวก็จะเม้มริมฝีปากเล็กรูปหัวใจนั่นเอาไว้ตลอดเวลา
แล้วทำไม…
เขาเนี่ยเริ่มหยุดมองไม่ได้
“ ไม่เข้า! กูจะไปซ้อมดนตรีต่อ ” และจงอินก็ไม่เข้าใจตัวเองอีกเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถมองหน้าคนตรงหน้าได้นานนัก พอตอบเสร็จก็ต้องหันไปมองทางอื่นทันที
รู้สึกว่าน่าจะหลังจากเห็นรอยยิ้มนั้น
“…เมื่อเช้าจงอินก็ไม่ได้เข้านี่หน่า” คยองซูบ่นพึมพำออกมากับตัวเอง เพราะเพิ่งคิดออกว่าภายในห้องเรียนตลอดคาบเช้าเขาไม่เห็นจงอินเลย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าไม่ว่าจงอินจะเข้าหรือไม่เข้าเรียนยังไงอาจารย์ก็คงไม่คิดจะทำอะไรกับอยู่แล้ว แต่คยองซูว่านะมาโรงเรียนก็ต้องเรียนสิ..เอ่อ ไม่ใช่หรอ
คยองซูก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง
“ หรอ แล้วรู้ได้ยังไงว่ากูไม่ได้เข้าคาบเช้า? ” และบังเอิญว่าที่พูดพึมพำกับตัวเองไปเมื่อกี้ใครอีกคนจะได้ยินเสียด้วย จงอินขยับเข้ามาใกล้ก้มหน้าลงเสมอกับใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ระยะความใกล้ชิดทำให้คยองซูต้องเขยิบออกมานิดนึงก่อนจะตอบคำถามของอีกคน
“เอ่อออ ก็เรากับจงอินอยู่ห้องเดียวกัน เราอยู่ตอนที่จงอินกับเพื่อนเดินมาดูบอร์ดพอดีก็เลยได้ยินอ่ะ ต..แต่เราไม่ได้แอบฟังเลยนะ จริงๆ ”
ห้องเดียวกันด้วยหรอ
“ อ๋ออ มึงนี่เองที่แอบมองกูจนหนังสือหล่น ใช่ไหม ” เขาว่าเขาจำได้แล้วนะว่าเขาเจออีกคนเมื่อเช้านี่ ที่ทำตัวแปลกๆตอนที่เขาไปหาชานยอลที่บอร์ด
“
ล..แล้วจงอินจะเข้าเรียนหรือเปล่า
ถ้าไม่เราจะได้ไม่รบกวนแล้ว ”
รีบตัดบทดีกว่า คยองซูไม่คิดว่าจงอินจะจำได้นี่ น่าอายจังเลย
“….เมื่อกี้กูบอกไปแล้วไง”
“…”
“ ว่ากูไม่เข้า ไม่เข้าก็คือไม่เข้า ”
…
….
….
“ อ้าวคิมจงอิน ทำไมวันนี้ถึงเข้ามาเรียนในห้องได้ล่ะ? ” เสียงแปลกใจของคุณครูสาวประจำวิชาคาบบ่ายดังขึ้นพร้อมกับเสียงของนักเรียนในห้องเรียนที่เริ่มแตกตื่นเมื่อเห็นว่าคนดังของโรงเรียนที่ไม่ค่อยจะได้เจอในห้องเรียนเท่าไหร่เดินเข้ามาแล้วตรงไปยังที่นั่งข้างหลังสุด นั่งลงกอด อกพิงเก้าอี้อยู่ที่โต๊ะหลังห้อง
เหอะ!
อะไร ใครบอกว่าเขาเข้าเรียนตามที่ใครอีกคนบอก
ก็แค่มานั่งสำรวจห้องใหม่เท่านั้นเอง…
ร่างสูงกรอกตาไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ว่าเขาเข้ามาทำอะไรที่นี่ แล้วยิ่งเห็นสายตาของคนที่อยากให้เขามาเข้าคาบบ่ายที่หันมามองแล้วส่งยิ้มให้จากโต๊ะหน้าห้องตอนที่เห็นเขาเดินผ่านก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ จริงๆแล้วการมาเข้าเรียนและแถมยังตรงเวลาเป๊ะๆ มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นกับเขาเท่าไหร่นัก เพราะงั้นจงอินก็เลยเริ่มต้นมานั่งข้างหลังห้องแทนเพราะมันง่ายต่อการออกจากห้องเวลาเบื่อๆยังไงล่ะ
พูดไปใครจะเชื่อเพราะแค่เพียงเห็นไอ้นกฮูกหน้าห้องส่งยิ้มมาให้จงอินก็แทบอยากจะสิงอยู่ในห้องเรียนทั้งวัน
บ้าชะมัดเลยว่ะ
อยากจะเอาหัวทุบกับโต๊ะตายๆไปซะเดี๋ยวนี้
แล้วเวลาในช่วงคาบบ่ายก็หมดลง มันเป็นเวลาที่จงอินรอคอย ครูสาวเก็บหนังสือการเรียนการสอนของตัวเองและถือขึ้นแนบอกก่อนจะเดินมายืนหน้าห้องและพูดคุยกับนักเรียน
“ เอาล่ะทุกคน อย่าลืมกลับไปทำงานที่ครูให้วันนี้ด้วยล่ะ เลิกเรียนได้จ๊ะ แล้วในเมื่อเป็นวันเกิดเทอมวันแรกยังไม่มีเวรครูก็ขอให้นักเรียนช่วยกันทำเวรด้วยนะ ”
“ ครับ! /ค่ะ! ”
เมื่อได้รับคำตอบอย่างพร้อมเพียงจากนักเรียน ครูสาวก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไป เสียงเลื่อนเก้าอี้และเสียงพูดคุยของคนในห้องก็เริ่มดังขึ้นหลังจากที่ต้องอดทนมาหลายชั่วโมง
หนึ่งในนั้นที่ต้องมานั่งอดทนเรียนทั้งๆที่ความจริงพูดได้ว่าแทบจะไม่ได้เรียนด้วยซ้ำ นั่นคือจงอิน เวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านมาสิ่งที่เขารู้คือ ไอ้เนิร์ดตัวเล็กหน้าห้องมันตั้งหน้าตั้งตาจดอะไรก็ตามที่ออกมาจากปากของครูที่สอนอยู่หน้าห้อง ไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่คุยกับคนอื่น อยู่เงียบๆคนเดียวตรงโต๊ะหน้าสุดติดริมหน้าต่างที่เป็นโต๊ะคู่แต่โต๊ะอีกตัวที่คู่กันกลับไม่มีใครนั่งมีเพียงกระเป๋าที่จงอินเดาว่าน่าจะเป็นของคนตัวเล็กเอง
“ จงอินจ๊ะ ” ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ จงอินก็ต้องหันหน้าไปตามเสียงเรียกของนักเรียนหญิงคนหนึ่งและพอหันไปก็พบว่าใบหน้าของเธอดูจะเขินอายเขาเสียเต็มประดา
“ จงอินไม่รีบไปซ้อมดนตรีหรอกหรอ ” พูดไปก็บิดไปจนจงอินเริ่มรำคาญ มือใหญ่เสยผมสีบลอนด์สว่างของตัวเองขึ้นลวกๆก่อนจะ เท้าคางมองด้วยท่าทางเจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวว่ามันดูเท่มากๆ จนทำให้หญิงสาวต้องเขินอายบิดตัวไปมามากกว่าเดิม
“ ก็ต้องช่วยกันทำเวรไม่ใช่หรอ ที่ครูบอก ”
“ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวซอนมีจัดการให้นะ ”
“ ….ยังไง ? ” จงอินหรี่ตาจ้องไปทางหญิงสาวที่บอกจะจัดการอะไรบางอย่างให้เขาอย่างสงสัย หญิงสาวหันหลังเดินไปยังตำแหน่งด้านหน้าห้องทันที และนั่งก็ทำให้จงอินรู้ว่าสิ่งที่เธอจะจัดการให้เขาเมื่อกี้มันคืออะไร
“ คยองซู วันนี้ว่างเปล่าอ่ะ ” นักเรียนหญิงเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของคยองซูทันที หญิงสาวแสร้งยิ้มดีๆไปให้ก่อนจะเอ่ยถามคนตัวเล็กที่กำลังนั่งเก็บของลงกระเป๋าจนอีกคนต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้าสงสัย
“ มีอะไรให้เราช่วยหรอซอนมี? ” คยองซูดันแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ
“ ช่วยทำเวรหน่อยสิ ”
“ ได้สิ ก็เราต้องช่วยกันอยู่แล้วนี่หน่า ” ไม่ต้องห่วงเลยว่าคยองซูจะไม่ช่วยทำความสะอาดห้อง ก่อนที่ครูจะออกไปก็ได้พูดไว้แล้วว่าให้ทั้งห้องช่วยกันทำ
“ ไม่ แค่คยองซูคนเดียวน่ะ ได้หรือเปล่า นะนะ ”
“ ใช่ๆ คยองซูทำเวรวันนี้ได้หรือเปล่า พอดีพวกเรารีบน่ะ ” เมื่อมีคนเริ่มก็มีคนตาม เสียงของคนในห้องเริ่มดังขึ้น บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าขอร้องให้คยองซูทำความสะอาดห้องให้ คยองซูหันมองรอบๆตัวด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบทุกคนไปอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่ได้คิดอะไร
“ ด..ได้สิ เดี๋ยวเราทำเองก็ได้ ห้องก็ไม่ค่อยสกปรกเท่าไหร่ด้วย ”
“ เย้!! พวกเรา กลับบ้านกันเถอะ!! ” เมื่อได้ยินดังนั้นเพื่อนๆทุกคนก็เริ่มถยอยกันออกไปจากห้อง ก่อนที่ซอนมีจะเดินกลับไปหาจงอินที่ยังคงเท้าค้างมองสถานการณ์ตั้งแต่ต้น
“ จงอิน ไปเถอะ เรียบร้อยแล้วล่ะ ” ซอนมีพูดขึ้นหลังจากที่เพื่อนทั้งห้องออกไปกันเกือบหมด
“ อืม ไปสิ” ปากพูดตอบแต่ตาก็ยังคงจ้องไปยังคยองซูที่กำลังเดินไปหยิบแปรงลบกระดานมาทำความสะอาดกระดานดำด้วยท่าทีไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เพื่อนทั้งห้องกำลังเอาเปรียบ และนั่นมันทำให้ร่างสูงหงุดหงิด ขายาวลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปทันที
มีใครบอกคิมจงอินได้ไหมว่านี่เขากำลังทำอะไรอยู่
หลังจากที่เดินออกจากห้องเรียนไปได้ซักพัก ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่สนใจ จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่บางสิ่งบางอย่างในตัวของจงอินมันกำลังสั่งให้เขากลับมาที่เดิม มือก็กอดอก ตัวก็พิงแอบอยู่กับกรอบประตูหลังห้องจ้องมองคนตัวเล็กเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องราวกับพวกสตอล์กเกอร์โรคจิต
ร่างเล็กที่กำลังทำความสะอาดห้องอย่างตั้งใจ ไม่มีท่าทีอารมณ์เสียหรือไม่พอใจอะไร มีแต่จะทำด้วยความเต็มใจ ซึ่งจนบัดนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอีกฝ่ายเก็บอารมณ์โกรธ อารมณ์โมโหเอาไว้ที่ไหน หรือตายด้านไปแล้ว พอมีใครมาบอกให้ทำอะไรจะว่าจะด่ายังไงก็มีแต่จะยิ้มรับและทำตามไปซะหมด
และดูเหมือนว่าคยองซูจะไม่รู้เลยมั้งว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว
“ อ้าว ขยะไปไหนหมดล่ะเนี่ย ” เสียงหวานของคนตัวเล็กดังขึ้นเมื่อเดินมาที่ถังขยะมุมห้องเพื่อจะเก็บเอาขยะออกไปทิ้งแต่แล้วกลับพบว่ามีแต่ความว่างเปล่า คิ้วของคยองซูขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย มือก็ดันแว่นขึ้นชิดสันจมูกไปด้วย
“ แปลกจัง ” เอาแต่พึมพัมเบาๆกับตัวเองด้วยความสงสัยเพราะเมื่อกี้เขาจำได้ว่าในถังขยะ มีขยะอยู่แต่พอจะเดินมาเอาไปทิ้งกลับกลายเป็นว่าว่างเปล่า และก็จำได้แน่ๆว่าตัวเองคงงไม่ได้เป็นคนละเมอเดินเอาขยะไปทิ้ง เพราะเขากะว่าทำความสะอาดทั้งหมดเสร็จแล้วจะเอาขยะไปทิ้งเป็นสิ่งสุดท้าย
แต่สงสัยไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา หลังจากยืนสงสัยอยู่นานคยองซูจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อไปหยิบกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยที่หากคยองซูหันไปสังเกตสักนิดว่าข้างๆประตูด้านหลังห้องมีใครยืนอยู่ ก็จะรู้ว่าขยะในถังทั้งหมดที่หายไปมันเป็นฝีมือของใคร…
ใครสักคนที่เผลอยิ้มให้กับความน่ารักของคยองซูโดยที่ในมือก็ถือถุงขยะที่คนตัวเล็กตามหาเอาไว้ด้วย
ในชีวิตนี้ใครมันจะไปคิดว่าคนดังอย่างเขาจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ยกตัวอย่างเช่น ทิ้งขยะหลังห้องเรียนรวมไปถึงมาแอบเดินตามเด็กเนิร์ดเชยๆแบบนี้และเขาก็พนันได้เลยว่าไอ้ตานกฮูกมันไม่รู้แน่ว่ามีใครสะกดรอยตามอยู่
ก็แค่อยากรู้ กลัวว่าจะหลงทางจนกลับบ้านตัวเองไม่ถูก
ถ้าถามว่าจงอินมีเหตุผลอะไรที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เขาก็ตอบได้อย่างแน่ใจและเต็มปากว่า ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าอยากจะรู้ว่าเจ้าเนิร์ดนี่ ที่ดูจะไร้เดียงสาไปหมดทุกอย่าง ใช้ชีวิตอยู่บนโลกแบบนี้ได้อย่างไร
แต่เมื่อตามไปได้ซักพัก เริ่มตั้งแต่ห้องเรียนจนตอนนี้ก็จะถึงหน้าประตูรั้วโรงเรียนอยู่แล้วยังไม่ทันจะพ้นเขตโรงเรียน มือหนาก็ต้องกระชับผ้าพันคอของตัวเองให้คลุมปิดไปถึงสันจมูกเมื่อเห็นมาแต่ไกลว่าสองคนที่กำลังจะเดินสวนมาเป็นคนที่ตอนนี้เขาไม่คิดจะเจอมากที่สุดจะใครล่ะ ก็ไอ้ชานยอลกับไอ้แบคฮยอนนั่นแหละ
แต่สงสัยจงอินคงลืมว่าจะหลบยังไงก็ไม่พ้นหรอก
ก็เพราะสีผมของตัวเองมันเด่นน้อยซะที่ไหน
" เดี๋ยวๆ คุณจงอินครับ นี่มึงจะไปไหน เนียนเลยนะมึง ” เสียงที่คุ้นเคยที่จงอินหลับตายังทายถูกว่าต้องเป็นแบคฮยอนเพื่อนตัวเตี้ยของเขาแน่นอน แรงรั้งที่แขนทำเอาจงอินต้องกรอกตายอมแพ้เมื่อรู้ว่าไม่ว่าจะทำยังไงไอ้เพื่อนรักทั้งสองตัวก็ยังจำเขาได้อยู่ดี
“ เออ ก็แถวนี้แหละ แปปเดียว” ตอบคำถามส่งๆไปเพราะตอนนี้ไอ้เนิร์ดตัวเล็กกำลังจะพาร่างเล็กๆของตัวเองผ่านพ้นประตูไป จนทั้งแบคยอนและชานยอลเมื่อเห็นท่าทีรีบๆดูมีพิรุธของเพื่อนเลยรีบยิงคำถามใส่ต่อ
" นี่มึงจะกลับมาซ้อมใช่ไหม? กูเข้าใจถูกนะ " ชานยอลหรี่ตามองจงอินที่มีกระเป๋านักเรียนสะพานอยู่ที่หลังเสร็จสรรพ แถมยังดูรีบๆ ลุกลีลุกลนยังไงชอบกล ไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าไม่ติดว่ามีงานที่จะต้องไปเล่นดนตรีพวกเขาคงให้จงอินมันกลับไปแล้ว
" เออน่า!! ”
“ เออน่าอะไรของมึง ไม่เอาน่า เอาดีๆ ”
“ …… ”
“ ไอ้ดำ!! ” แบคฮยอนตะโกนด่าชื่อสุดเอ็กซ์คูลซีฟอีกชื่อของจงอิน เมื่อเห็นว่าไอ้เพื่อนดำยังไม่ยอมตอบคำถามของชานยอลซักที
“ เอ่ออ กู….กูจะไปส่องนก!! ” พูดจบก็แกะเพื่อนตัวเตี้ยออกจากแขน แล้วไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินหนีตัดบทสนทนาเฉย ทิ้งให้เพื่อนรักทั้งของสองคนยืนงงกับคำตอบที่เพิ่งได้รับจนต้องมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย
“ ชานยอล บอกกูทีไอ้ดำมันไปมีอารมณ์รักสัตว์ส่องสัตว์ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ? ”
หลังจากปลีกตัวออกจากสหายทั้งสองได้ จงอินก็รีบสาวเท้าออกตามหาไอ้ตานกฮูกที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไปได้ไม่ไกลมากอย่างที่จงอินคิดไว้ ก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าขาก็สั้นนิดเดียวคงจะเดินไปได้ไม่เร็วมากเท่าไหร่
ตามไปดูแปปเดียวแล้วค่อยไปซ้อมก็ทัน
ก็ยังเดินตามไปเรื่อยๆจนเห็นว่าขาสั้นๆนั้นหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านมินิมาร์ทที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่นัก จงอินเดินตามเข้าไปอย่างระวังเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเดินหายเข้าไปในร้าน
เข้าไปซื้ออะไร?
และสิ่งที่จงอินสงสัยก็ไม่ได้ทำให้สงสัยนาน เมื่อจงอินเดินตามเข้าไปก็พบร่างของคนที่เขาตามหากำลังเข็นรถเดินไปไหนสักแห่ง มือทั้งสองข้างของไอ้เนิร์ดจับแน่นที่รถเข็นใส่ของ จงอินเดินตามไปเรื่องก็เห็นว่าคนตัวเล็กตรงไปยังโซนพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากหลายยี่ห้อ ก่อนจะเข็นรถเข็นไปหยุดที่ยี่ห้อที่ถูกใจและลงมือหยิบห่อบะหรี่กึ่งสำเร็จรูปแพ็คใหญ่หลายห่อลงไปในรถเข็น มันหลายห่อซะจนจงอินเดาได้ไม่ยากเลยว่านี้คงจะเป็นของโปรดของอีกคนแน่ๆ
ไม่แปลกใจว่ะ ที่ตัวเล็กขนาดนี้
พอช็อปของโปรดจนพอใจ คนตัวเล็กภายใต้แว่นกรอบหนาก็ค่อยๆพารถเข็นของตัวเองเดินดูของในร้านมินิมาร์ทโซนต่างๆไปเรื่อย และสักพักก็เหมือนว่าจะนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรสักอย่าง ขาสั้นก็รีบวิ่งดุ๊กๆทิ้งรถเข็นเอาไว้ซะเฉยๆ
และในระหว่างที่จงอินกลายเป็นยามเฝ้ารถเข็นให้คยองซูไปโดยไม่ได้ตั้งใจ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของจงอินก็สั่นขึ้นมาจนต้องล้วงไปหยิบมาดูสายเรียกเข้า ก่อนจะกดรับด้วยเสียงที่ไม่ค่อยอยากจะรับนัก สายเข้าจากไอ้เพื่อนเตี้ยของเขาเอง
“ มีอะไร? ”
[“ ไอ้ดำ! กลับมาซ้อมเพลงได้แล้วโว้ยยยยย ”]
“ เอออ เดี๋ยวกลับไป! ”
[“ ไม่ได้! กลับมาเดี๋ยวนี้! พี่ลู่หานก็มา เร็วๆเข้า ”]
“ ไหนบอกวันนี้ไม่มาไงวะ ”
[“ เร็วไอ้ดำเพื่อนรัก เขารอมึงอยู่คนเดียวเนี่ย! ”]
“ เออ! แค่นี้แหละเดี๋ยวกูกลับไป ” พูดจบก็ตัดสายทันทีไม่ทันรอให้คนในสายตอบรับ เมื่อจัดการดูแลเฝ้าของให้เจ้าของรถเข็นเสร็จเรียบร้อย ก็รอจนกระทั่งเห็นร่างเล็กของคยองซูไหวๆ จงอินก็ตัดสินใจเดินออกไปจากร้าน
มือเล็กทั้งสองข้างหอบเอาเครื่องเคียงที่ใช้กินกับของโปรดของตัวเองอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่คยองซูลืมว่าจะต้องซื้อกลับไปเพราะตอนนี้ที่บ้านของเขาของโปรดของตัวเองเริ่มหมดลง กว่าจะเลือกได้ก็นานสองนานจนกระทั่งเดินถือกลับมายังรถเข็นที่ทิ้งไว้เพราะแผนกเครื่องเคียงกับแผนกที่เขาอยู่ไม่ได้ไกลกันมากสักเท่าไหร่ เมื่อได้ของครบตามที่ต้องการก็เข็นไปคิดเงิน คนตัวเล็กส่งยิ้มไปให้พนักงานคิดเงินนิดๆก่อนจะก้มลงหยิบของที่อยู่ในรถเข็นขึ้นมาให้พนักงานของร้านสแกนบาร์โค๊ด
“ อา แปลกจัง ” มือเล็กชะงักทันทีเมื่อพอก้มลงไปหยิบห่อบะหมี่รสโปรดของตัวเองขึ้นมาก็พบว่าจำนวนของห่อบะหมี่ที่เขาเป็นคนหยิบใส่รถเข็นเองกับมือมันเหมือนจะลดน้อยลงจนน่าแปลกใจ
ทำไมห่อบะหมี่ที่หยิบมามันเหลือแค่นี้ล่ะ
ดวงตากลมโตเหลือบตามองไปรอบๆร้าน เผื่อจะได้เจอกับใครที่อาจจะกำลังแกล้งเขาเล่นอยู่ก็ได้ เพราะคยองซูจำได้ว่าตัวเองหยิบบะหมี่มากี่ห่อ หรือเพราะเมื่อกี้เขาทิ้งรถเข็นเอาไว้ ในตอนนั้นอาจจะมีคนหยิบออกไปจากรถเข็นของเขาก็เป็นไปได้
“ อ้าว แล้วนี่มาอยู่นี้ได้ยังไงเนี่ย? ” ยังไม่ทันจะหายแปลกใจกับการล่องหนอย่างไร้ร่องรอยของห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คยองซูก็สะดุดเข้ากับที่มุมหนึ่งของรถเข็น แพ็คนมกล่องแพ็คหนึ่งวางเอาไว้อยู่ในรถเข็นของเขา
แพ็คนมกล่องเนี่ยนะ ของใครกัน
ทำไมวันนี้มันถึงมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับเขาทั้งวันเลยนะ
คยองซูงงไปหมดแล้ว
ความคิดเห็น