คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 06
06
“ มึงก็แค่ เลิกกลัวกู เลิกหลบหน้าแล้วมาอยู่ใกล้ๆกู ตามใจกูทุกอย่าง เป็นไอ้มิของกูด้วย แค่นั้นมึงทำได้ไหม? ”
“ ท..ทำไมจงอินถึงชอบแกล้งเราอยู่เรื่อย ” พอจงอินพูดจบคยองซูก็แทบจะขยับตัวออกห่างคนขี้แกล้งแทบไม่ทัน ตอนนี้คำพูดและท่าทางของจงอินมันกำลังทำให้ใจดวงน้อยๆสั่นไหวขึ้นมาดื้อๆ ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าคนตรงหน้าอาจจะกำลังแกล้งเขาอยู่แน่ๆ
แกล้งกันตลอดเลย
“ แล้วทำไมถึงไม่คิดว่ากูหมายความแบบนั้นจริงๆบ้าง ” จงอินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วกอดอกจ้องมองคนตัวเล็กที่ไม่เคยจะเข้าใจซักทีว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดมันไม่ได้เรียกว่าการแกล้ง
“ ก็มันไม่มีเหตุผลที่จงอินจะต้องทำแบบนี้กับเราเลย ” นอกจากจะแค่แกล้งเราเล่นๆ เหมือนกับคนอื่น
“ ก็แล้วทำไมจะต้องมีเหตุผลด้วยวะ! ”
“….”
“ งั้น…”
“ งั้นอะไร ? ”
พรึ่บ!
“ ถ้าเราแกล้งจงอินแบบนี้บ้าง…” พูดจบก็ตัดสินใจคลานไปอยู่ข้างๆจงอินก่อนมือเล็กจะค่อยๆเอื้อมขึ้นไปประคองจับเข้าที่ข้างแก้มของคนตัวโตกว่าอย่างกล้าๆกลัวๆ นี้คือสิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะอธิบายความรู้สึกของเขาให้จงอินเข้าใจได้ว่าสิ่งที่จงอินแกล้งเขามันทำให้คยองซูรู้สึกยังไง จะได้เข้าใจว่ามันไม่ตลกเลยที่ถูกคนตรงหน้าแกล้งแบบนี้
“ อะ…ไอ้มิ! ”
“ …จงอินจะรู้สึกยังไง เพราะที่เราทำมันก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน ”
“ จะทำอะไร? ”
ไม่รู้ว่าคยองซูคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขาแค่คิดว่าจงอินหน้าดูแดงๆแถมแก้มที่เอามือจับไว้ก็ร้อนอุ่นขึ้นมา เอียงคอคิดอย่างแปลกใจก่อนที่จะค่อยๆโน้มตัวเข้าไปให้ใกล้กับใบหน้าของร่างสูงช้าๆ
“ จงอินรู้สึกร้อนๆที่หน้าไหม? ”
“ ไอ้มิ ”
“ รู้สึกหรือยังว่ามันแปลกๆ ”
“ ม..มิ...”
“ เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จนตอนที่จงอินแกล้งเรา ”
“ … ”
“ เราไม่ค่อยชอบตัวเองที่เป็นแบบนั้นเท่าไหร่ เรา…เราเลยไม่อยากให้จงอินทำแบบนี้กับเรา…เข้าใจเราแล้วใช่ไหม? ”
“….”
“ แล้วเราก็ไม่ได้ชื่อ มิ อย่างที่จงอินเรียกเราด้วย” อาจเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาเหมาะที่คยองซูจะได้พูดทุกอย่างที่คิดออกมาเลยทำให้กล้าที่จะบอกแต่ถ้าเป็นเวลาปกติเขาหรือจะกล้า ก็รู้ดีว่าจงอินคงไม่รู้ชื่อเขาหรอกถึงได้เรียกเขาว่า ‘มิ’ อยู่แบบนี้ ไม่ได้น้อยใจหรือเสียใจที่โดนจำชื่อไม่ได้ จะว่าชินก็ได้เพราะที่ผ่านๆว่าเขาก็มีชื่อใหม่จากคนอื่นมานับไม่ถ้วน ไอ้แว่น เด็กเนิร์ด ไอ้เฉิ่ม อืมม แล้วอะไรอีกนะ นึกไม่ออกแห้ะ…
“ โดคยองซู...ชื่อโดคยองซู ”
กึก!
“ จงอิน ร..รู้ด้วยหรอ? ” ดวงตากลมโตใต้แว่นหนาค่อยๆเลื่อนมาจ้องตากับจงอินตรงๆเมื่อไม่คิดว่าจงอินจะรู้ชื่อตัวเอง แปลกใจ แล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ริมฝีปากสีสดค่อยๆยิ้มขึ้นอย่างช้าๆอย่างที่จงอินต้องรีบเบือนหน้าหนีเมื่อรู้ว่าถ้าขืนยังคงมองอยู่แบบนี้เขานี้แหละที่จะทนไม่ไหว
กับระยะห่างที่คนตัวเล็กขยับเข้ามาถึงมันจะไม่ได้ใกล้มากแต่มันก็ยังอันตรายต่อเขาอยู่ดี กลิ่นหอมจากตัวของคยองซูมันทำให้สติของเขาหลุด ยิ่งมือเล็กๆทั้งสองข้างที่ยังอยู่บนแก้มของเขามันยิ่งทำให้หัวใจดวงโตๆมันสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ เขาพลาดที่ยอมให้ไอ้มิมันเข้ามาใกล้ได้ขนาดนี้ ต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้จับคนตรงหน้ามาฟัดอย่างที่ใจอยากทำ
ตอนนี้เขาคงบ้าไปแล้วจริงๆที่เห็นไอ้เด็กเนิร์ดๆอย่างคยองซูน่าฟัดได้ขนาดนี้แทนที่จะเป็นใครสักคนที่หุ่นเซี๊ยะๆนมตูมๆ
“ กูรู้ แต่ก็แค่อยากเรียกมึงแบบนั้น ”
“ ... ”
“ ก็ถ้าเรียกชื่อมึงแล้วเหมือนกับคนอื่นๆ... กูจะเรียกทำไม ”
“….”
“….”
“ อ..เอ่อ เราว่าเราไปเอาชีทมาให้จงอินดีกว่า อยู่ในกระเป๋าน่ะ ”
หมับ!
“ จะไปไหน ” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กจะเอามือออกจงอินก็รีบยกมือขึ้นจับเข้าที่ข้อมือเล็กๆนั้นไว้ไม่ให้ผละออกง่ายๆ
“ ก..ก็ไปหยิบกระเป๋าไง ” มือเล็กพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการจับกุมแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อแรงที่มีมันต่างกัน
“ ทำไมเวลาแบบนี้มึงชอบเปลี่ยนเรื่องทุกที ” ว่าจบก็กระชับข้อมือเล็กของคยองซูเอาไว้แน่นเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังหาทางหนี เลี่ยงสิ่งที่เขาอยากจะบอกแต่ตอนนี้ถึงคยองซูจะดิ้นยังไงเขาก็ไม่มีทางปล่อยจนกว่าจะคุยให้รู้เรื่อง
“ เราเปล่าสักหน่อย ” ร่างบางตอบออกมาเสียงเบาก่อนจะหันหน้าหนีจงอินที่เหมือนจะเอาหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้กันมากเท่าไหร่คยองซูก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นที่อกซ้ายมากขึ้นทุกทีจนอยากที่จะออกไปให้ไกลๆ ไกลจากคนตรงหน้า
“ มิ มองกู ”
“ ม..ไม่ ”
“ มองกูหน่อย..นะ ” เสียงที่คยองซูต้องหันไปสบตาราวกับต้องมนต์ เสียงของจงอินในเวลานี้ราวกับมีแรงดึงดูดให้คยองซูทำตามอย่างง่ายดายไม่ขัดขืน เสียงทุ้มที่ติดจะอ้อนเขาอยู่นัยที คล้ายกับเป็นตัวเร่งให้เลือดภายในร่างกายของคยองซูสูบฉีดเร็วขึ้น
“ ให้ตายสิ! ต้องทำยังไงมึงถึงจะเชื่อว่ากูไม่ได้แกล้ง ”
“…”
“ ก็แค่อยากเข้าหามึง อยากรู้จักมึงให้มากกว่านี้ ”
“….”
“ กูไม่ได้แกล้งมึงเลย..ไม่เคยคิด ”
“ …งั้นที่จงอินทำ เพราะจงอินอยากเป็นเพื่อนกับเราจริงๆหรอ? ”
กึก!
เฮ้ออ ให้ตายสิไอ้มิ
เขาพูดถึงขนาดนี้ยังจะคิดว่าเขาอยากเป็นเพื่อนอีกหรอ มีใครที่ซื่อและไม่คิดลึกคิดมากเหมือนคนตรงหน้าเขาอีกไหม จงอินอยากจะรู้จริงๆ
“ อืม กูอยากเป็นเพื่อนกับมึงจริงๆ ”
อยากเป็นเพื่อนหรอ เหอะ! ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ
Rrrr
RRrrrrr
จงอินผละออกไปทันทีเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา คยองซูจึงคลานกลับไปยังที่เดิมของตัวเองตั้งหน้าตั้งตาหาชีทที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของตัวเองเพื่อเตรียมเอาให้จงอิน
“ วันนี้กูรับไว้แค่ชีท เพราะเดี๋ยวกูมีงานต่อ ”
“ งั้นเดี๋ยวเรากลับเลยก็ได้ ”
“ เดี๋ยวกูไปส่ง ”
“ อย่าดีกว่าเรา…ก็ได้” แล้วก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองลงไปเพียงเพราะแค่เห็นใบหน้าดุๆของจงอิน และพอได้ยินคำตอบที่พอใจจงอินก็ยกยิ้มนิดๆก่อนจะรับโทรศัพท์และเดินเข้าไปคุยธุระ
จงอินปล่อยให้คยองซูเดินออกจากห้องก่อนถึงจะเดินตามออกไป หลังจากที่ปิดประตูห้องและจัดแจงล็อกเรียบร้อยก็เดินนำคนตัวเล็กที่รออยู่ไปที่ลิฟท์ และเหมือนว่ากระเป๋าเป้ของคยองซูจะปิดไม่สนิทเลยทำให้ของที่อยู่ข้างในตกลงไปบนพื้นพรมตามทางเดินโดยที่เจ้าตัวก็ยังคงเดินตามจงอินต่อไปโดยไม่รู้…
“ เดี๋ยวสิ! ทำของตกไว้น่ะ ” สัมผัสที่แขนทำให้คยองซูต้องสะดุ้งก่อนจะหันหลังไปมอง ผู้ชายที่ดูเหมือนจะตัวสูงกว่าเขาอยู่มากดูได้จากที่เมื่อเขาหันไปแล้วเห็นเพียงไหล่กว้างๆทำให้คยองซูต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กำลังจับเข้าที่แขนของตัวเองแถมยังยิ้มให้เมื่อรู้ว่าทำให้คยองซูตกใจ
คยองซูมองไปที่มือของผู้ชายตัวสูงคนนั้นที่ยื่นพวงกุญแจรูปหมีน้อยมาให้เลยทำให้คยองซูรีบเอามาก่อนจะเอ่ยขอบคุณ พวงกุญแจอันนี้มันเป็นของคยองซูจริงๆนั่นแหละ มันคือกุญแจสำหรับเข้าบ้านของคยองซูเอง ถ้าหายไปล่ะแย่เลย นี่เขาทำตกไปตอนไหนกันนะ และพอร่างเล็กหันไปมองที่กระเป้าเป้ของตัวเองก็พบว่ามันเปิดออก จนนึกว่าตัวเองในใจว่าเขาสะเพร่าไม่ยอมปิดกระเป้าของตัวเองอีกแล้ว
“ โอ๊ะ! ไฮ..เพื่อน ” ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะรู้จักกับจงอินเพราะเมื่อจงอินหันกลับมามอง ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นดูราวกับประหลาดใจที่ได้มาเจอกันโดยบังเอิญ เสียงทักทายนั้นติดจะขี้เล่นเข้ากับบุคลิก
“ ...ปล่อย ” และเหมือนว่าจงอินไม่คิดที่จะสนคำทักทาย ดวงตาคมจ้องมองไปยังมือของบุคคลมาใหม่ที่จับแขนของคยองซูเอาไว้ไม่ปล่อยจนคนมองตามก็ได้แต่ร้องอ๋อในใจเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่จงอินพูดกับตนเสียงเรียบแบบนี้
จับเอาไว้อีกหน่อยแล้วกัน
“ ปล่อยดิวะ!! ”
“ โว้วๆ Calm Down Bro แค่หวังดีช่วยเก็บของให้เอง : ) ” เมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องก็ต้องปล่อยมือออกจากคนตัวเล็กแสร้งรีบยกมือขึ้นยอมแพ้ทั้งๆที่หน้าหล่อๆนั่นไม่ได้รู้สึกเหมือนที่พูดแต่กลับยกยิ้มอย่างชอบใจเมื่อได้รู้วิธีการที่จะปั่นหัวคนตรงหน้าได้ยังไง
น้องแว่นตัวเล็กนี่มีอะไรดีน้า อยากรู้จัง
“ เอ่ออ จงอิน..ไปกันเถอะ ” บรรยากาศแสนอึดอัดนี้มันทำให้คยองซูต้องจับเข้าที่แขนเสื้อของจงอินแล้วกระตุกเบาๆเพื่อให้เลี่ยงจากตรงนี้เพราะคยองซูคิดว่าไม่ดีแน่ถ้าจะให้จงอินอยู่ตรงนี้ต่อ จงอินกับคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่ชอบกันมากด้วยสิ
จนจงอินยอมที่จะละมาจากเกมส์จ้องตาแล้วหันไปคว้าแขนคนตัวเล็กเดินไป ทิ้งไว้แต่บุคคลที่สามที่มองการกระทำตรงหน้าอย่างนึกสนุก
หลังจากลงมาถึงลานจอดรถทั้งเขาและจงอินก็เดินมาหยุดอยู่ที่ดูคาติสีดำสนิทที่จอดเอา ตลอดทางมือของจงอินก็ยังคงจับอยู่ที่แขนของคยองซูไม่ยอมปล่อย และคนตัวเล็กก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนยอมปล่อยให้จงอินจับอยู่แบบนั้นเพราะดูเหมือนว่าการเจอกันกับผู้ชายคนเมื่อกี้มันจะไม่ได้ทำให้จงอินอารมณ์ดีพอที่จะให้คยองซูกล้าสะบัดแขนออกจากการจับกุมนัก
คยองซูรู้แค่ว่าจงอินกำลังหงุดหงิด แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“ จับแน่นๆ ตกไปกูไม่ช่วยนะ ” เมื่อขึ้นคร่อมเสร็จก็เอาขาตั้งขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปให้คนตัวเล็กจับเพื่อให้ปีนขึ้นมานั่งบนรถ ตอนนี้จงอินยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันกำลังทำให้เขาหงุดหงิด แค่ไอ้มิมันโดนจับเข้าที่แขนเขาก็เกิดความรู้สึกหงุดหงิดแทบบ้า
“ เอ่อ..จงอินขับมอเตอร์ไซค์เป็นด้วยหรอ …เท่จัง ” เมื่อขึ้นมาได้ก็ลองชวนจงอินเปลี่ยนเรื่องดูเผื่อว่าจะสามารถบรรเทาความหงุดหงิดของจงอินได้บ้าง จงอินเท่จริงๆเมื่อได้อยู่กับดูคาติคันนี้ถ้าเป็นคยองซูขี่คงได้โดนทับตัวแบนแน่ๆก็รถออกจะคันใหญ่ซะขนาดนี้
“ อืม บางวันก็ขับไปเรียน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ ” ปากก็ตอบไปมือก็จัดแจงหยิบหมวกกันน๊อคส่งให้คนตัวเล็กข้างหลังที่รับมาใส่โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ดูคาติคันงามออกตัวทันทีอย่างที่ไม่บอกไม่กล่าวจนทำให้คยองซูต้องกอดเข้าที่เอวของจงอินแน่นเพราะความกลัวว่าจะตก คยองซูไม่รู้หรอกว่าตอนนี้สีหน้าของจงอินเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างมากขนาดไหน
แค่คำชมกับแรงกอดรัดที่เอวก็ดูเหมือนว่าจะทำให้จงอินเริ่มเรื่องที่กำลังหงุดหงิดไปเสียแล้ว
“ ขอบคุณนะที่มาส่ง ” ใช้เวลาไม่นานนัก ดูคาติสีดำเงาก็ถูกดับเครื่องที่หน้าบ้านของคยองซู เมื่อลงมาถึงพื้นเรียบร้อยมือเล็กส่งคืนหมวกกันน๊อคให้เจ้าของรถที่เอาเท้าปัดขาตั้งรถลงเพื่อจอดก่อนจะลงมาจากรถด้วย
“ อืม ” ดวงตาคมกวาดตามองไปรอบๆบ้านของคนตัวเล็กเป็นการสำรวจ บ้านขนาดที่พอดีกับคนอยู่ คิดได้แบบนั้นก็นึกยิ้มในใจ สภาพบ้านที่ก็ดูเหมือนบ้านปกติทั่วๆไป ข้างหน้าบ้านมีสวนเล็กๆที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ที่ดูร่มรื่น ตัวบ้านถูกทาสีแดงเลือดหมูที่ทำให้ดูเป็นบ้านที่อบอุ่น ดูเหมาะกับไอ้มิดี เขาจำทางเอาไว้หมดแล้วล่ะครั้งหน้าถ้ามาก็คงมาได้ไม่ยากเท่าไหร่
“ งั้น..เราเข้าบ้านแล้วนะ ”
“ เดี๋ยว! เอาโทรศัพท์มึงมา ”
“ อ่า ได้สิ ป..แปปนึงนะ ” ถึงแม้จะสงสัยแต่คนตัวเล็กก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองเพื่อหยิบเอาสิ่งที่จงอินต้องการออกมาและส่งให้อย่างอยู่ดี
พอรับมาจงอินก็กดอะไรยุกยิกๆอยู่ในโทรศัพท์สักพักก็ยื่นมันส่งคืนให้กับคยองซูที่รับมาดูทันทีว่าคนตรงหน้าทำอะไรกับโทรศัพท์ของเขา พอมองไปที่หน้าจอ ตอนนี้มันอยู่ในหน้าหมายเลขโทรออกที่ไม่ได้เม้มชื่อเอาไว้ คนตัวเล็กก็รู้ได้ทันทีว่าเบอร์ล่าสุดที่เพิ่งมีการโทรเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วมันต้องเป็นเบอร์ของคนตรงหน้าแน่นอน
จงอินจ้องมองไปยังคยองซูที่รับโทรศัพท์ไปแล้วยืนมองอยู่ที่หน้าจอนิ่งๆเพราะคงจะรู้ว่าเขาให้เบอร์ไปจากหน้าโทรออกที่เขาจงใจเปิดค้างเอาไว้ ใช่ เขาใช้เบอร์ของไอ้มิยิ่งมาหาเครื่องของตัวเองที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกง เลือกที่จะทำแบบนี้ดีกว่าบอกไปตรงๆว่า ขอเบอร์หน่อยดิ อะไรทำนองนั้น ก่อนคนตัวเล็กจะกดอะไรในโทรศัพท์จนทำให้จงอินต้องจ้องราวกับสงสัยว่าทำอะไรและไม่ต้องให้รอนานร่างบางก็เฉลยโดยการชูโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นไปให้เสมอสายตาของจงอิน
บนหน้าจอแสดงหน้ารายชื่อผู้ติดต่อในเครื่อง
종인친구
‘จงอินชินกู’
“ จงอินกับเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ ” พูดแล้วก็ยิ้มจนตาหยีแบบที่ไม่ได้เกรงใจคนมองอย่างเขาสักนิดว่าอยากจะตรงเข้าไปฟัดมากแค่ไหน
โอเคก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้เขาคงต้องยอมเป็นเพื่อนไอ้มิไปก่อนแล้วกัน
แต่ไม่นานหรอกหน่า
ภาษาเกาหลีวันละคำ
**친구 (ชินกู) = เพื่อน
ความคิดเห็น