ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) ก็คนมันชอบ...좋아해 ♡ - KAISOO

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 04

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 59












     


    04



          แชะ แชะ แชะ ~

     

                      โอเคเยี่ยม! งานเสร็จแล้ว ขอบคุณมากไค ทุกคนเลิกกองได้ครับ เมื่อได้ยินเสียงช่างกล้องเอ่ยบอกเสร็จงาน นายแบบของวันนี้ก็โค้งพร้อมเอ่ยขอบคุณเหล่าบรรดาทีมงานไปตลอดทางตั้งแต่ออกจากฉากจนมาถึงห้องแต่งตัว  นายแบบรูปหล่อที่รู้จักกันในนาม ไค  ที่เป็นชื่อในวงการ หรือ คิมจงอิน ในชุดแฟชั่นชั้นสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าบานกระจกใหญ่ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะคงที่เท่าไหร่ มือหนาเสยผมสีสว่างของตัวเองที่จัดไว้เป็นทรงเข้ากับชุดที่ใส่อย่างลวกๆ

     

     

     

                      โธ่เว้ย!

     

                      ทำไมใบหน้าเล็กกับตาโตๆนั้นมันไม่ยอมหายออกไปจากหัวของเขาสักที!

     

                      จงอิน กะ...แกล้งเราทำไม ”

     

                      มันไม่ใช่แค่ตอนนั้น หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าไอ้มิจะพยายามเลี่ยงการพบหน้ากับเขา และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอย่างเขาต้องมาคอยตามคอยเข้าหามันให้เสียเวลาด้วย

     

                      นี่คิดว่าที่เขาทำมันเป็นการแกล้งกันอย่างงั้นจริงๆน่ะหรอ

     

                      ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยมีสมาธิทั้งวันเลยล่ะจงอิน ? ” จมกับความคิดของตัวเองได้ไม่นานเจ้าของเสียงและมือเรียวที่กำลังจับเข้าที่บ่าของนายแบบหนุ่มทำให้จงอินต้องเงยขึ้นมามองแบบที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ใส่ ลู่หาน ผู้จัดการส่วนตัวของเขาเอง ถึงแม้ว่าเขาจะรับงานเดินแบบถ่ายแบบเป็นแค่งานอดิเรกแต่มันก็เยอะเสียจนจัดการกับคิวงานยุ่งๆเองคนเดียวไม่ได้

     

                      แม้ว่าตลอดการถ่ายแบบจงอินจะไม่ได้แสดงความหงุดหงิดออกมาทำให้งานเสียแต่ลู่หานก็ดูออกว่าทั้งวันจงอินดูมีเรื่องที่กำลังกวนใจจนทำให้หงุดหงิด

     

                      ไม่มีอะไรหรอก ” ถึงจะรู้ว่าลู่หานมองออกว่าตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ไหนแต่ก็ไม่ใช่คนที่จะมาเซ้าซี้ถามให้มากความจนทำให้เขารำคาญพอบอกว่าไม่มีอะไรร่างบางก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ

     

     

                      “ เอ้ออ ช่วงนี้ตารางงานของเราจะแน่นนิดหน่อยนะ อาจจะไปกระทบกับเรื่องเรียนของเราด้วยแต่คงไม่มีปัญหาอะไร…. ”

     

     

                      จงอินพยักหน้ารับคำพูดของผู้จัดการส่งๆก่อนจะวกกลับเข้ามาจมอยู่ความคิดของตัวเอง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาสิ่งที่ยังคงกวนใจและวนเวียนอยู่ในหัวของจงอินตลอดเวลาคือไอ้มิ คนเดียวเท่านั้น

     



     

     

     

    [ไอ้จงอิน นี่มึงอยู่ไหนเดี๋ยวกูจะเอาโน๊ตเพลงไปให้]

     

    “กูอยู่ห้องสมุด” บอกพิกัดของตัวเองเสร็จก็กดตัดสายทันที ตาคมมองไปรอบๆตัวที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ ก็ตามที่เอ่ยปากบอกไอ้ชานยอลไป ตอนนี้เขาอยู่ในห้องสมุดโรงเรียน ใครจะเชื่อว่าตั้งแต่อยู่มาจงอินนับครั้งได้เลยที่ส้นรองเท้าของเขาจะได้เข้ามาสัมผัสกับพื้นปาเก้ลื่นๆของห้องสมุดแบบนี้

     

    และไม่ต้องถามว่าเขามาทำอะไร ก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ ตลอดหลายวันมานี่เขาไม่ค่อยได้เข้าโรงเรียนเท่าไหร่ เป็นเพราะตารางงานที่เหมือนว่าช่วงนี้จะเป็นใจให้เขาไม่ได้มาเห็นหน้าไอ้มิ แต่โชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้างที่วันนี้การถ่ายแบบเป็นไปเร็วกว่าตามกำหนดการเขาจึงรีบให้ลู่หานขับมาส่งที่โรงเรียนในเวลาที่โรงเรียนใกล้เลิกแบบนี้

      

     

    จงอินก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแทนที่ถ่ายแบบเสร็จเขาควรจะกลับไปพักผ่อนแต่เขากลับเลือกที่จะมาโรงเรียนแต่งชุดนักเรียนทั้งๆที่มันใกล้จะเลิกเรียนเพื่อมาเจอหน้าคนที่ทำให้เขาต้องหงุดหงิดในหลายวันที่ผ่านมา  เมื่อลงมาจากรถร่างสูงเด่นของจงอินตรงดิ่งไปยังห้องเรียนของตัวเองที่ดูเหมือนว่าในเวลานี้จะเป็นคาบว่างหรือไม่ก็ครูไม่เข้าสอนจงอินก็ไม่แน่ใจเพราะดูได้จากเสียงพูดคุยของคนในห้องและเพื่อนร่วมห้องที่เดินไปเดินมาไม่นั่งที่ 

     

     

    แต่เมื่อกวาดสายตามองไปยังโต๊ะหน้าสุดติดริมหน้าต่างก็พบว่ามันว่างเปล่า

    ไอ้มิหายไปไหน

    เมื่อมองหาทั่วห้องก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีวี่แว่วคนตัวเล็กที่กำลังตามหา จงอินอาศัยถามจากไอ้คนที่ออกจากห้องมาก็พอจะได้ความว่า เห็นคยองซูอยู่ที่ห้องสมุด เท่านั้นจริงๆ จงอินก็พาร่างของตัวเองให้เข้ามาที่นี่

     

    เขาลงทุนมาหาขนาดนี้แล้ว ไอ้มิมันจะรู้เรื่องบ้างไหม

     

    โชคดีที่ห้องสมุดโรงเรียนไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่ใช่เล็กๆ กว่าที่จงอินจะเจอคนตัวเล็กได้ก็เสียเวลาไปเยอะอยู่ในการที่จะต้องเข้าชั้นหนังสือแถวโน่นทีแถวนี้ทีจนได้มาหยุดอยู่ที่ชั้นหนังสือหมวดเกือบจะท้ายๆของห้องสมุด ร่างเล็กที่เขาคุ้นตานั่งหลับตาพริ้มอยู่บนพื้นเย็นๆหัวกลมพิงไว้กับชั้นหนังสือบนตักมีหนังสือที่เหมือนว่าก่อนหลับจะเปิดคาเอาไว้

     

    ไอ้มิของเขามาแอบหลับอยู่ที่นี่เอง

     

    เมื่อเห็นว่าไอ้มิคงไม่ตื่นขึ้นมาเห็นเขาแน่ๆ จงอินก็ค่อยๆเดินเข้าไปและไปนั่งยองๆพิงกับชั้นหนังสือตรงข้ามกันเพื่อที่เขาจะได้มองหน้าของไอ้มิได้ถนัดๆ ใบหน้าตอนหลับที่จงอินคิดว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากในตอนตื่นมากนัก เพราะถึงยังไงเขาก็มองว่ามันน่ารักมากอยู่ดี  ไม่รู้ทำไมแค่ได้มามองคนตรงหน้าหลับมันก็คุ้มค่าพอให้เขาสละเวลาพักผ่อนของตัวเองแล้วมาที่โรงเรียน

     

    ขอเขาแอบมองไอ้มิตอนหลับไปซักพักก็แล้วกันนะ

               

                 แม่งมาทำอะไรในห้องสมุดวะ  แล้วกูจะหาเจอมั้ยเนี่ย อะ..อ้าว ไอ้จงอิเห้ย!! ”

     

                 เพื่อนเขามันนั่งมองอะไรวะ

                 อ้าวเห้ย นั่นมันเด็กแว่นที่ไหนวะนั้นน่ะ


                 สองมือยกขึ้นขยี้ตาแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าจงอินกำลังนั่งมองเด็กแว่นเฉิ่มๆที่ไหนไม่รู้แต่รู้ว่าคงไม่ค่อยได้กินนมเท่าไหร่ตัวถึงได้เล็กไซส์มินิพอๆกับแบคยอนขนาดนี้ แต่ก็ยังอึ้งไม่เท่าแว่นตาหนาๆกับทรงผมที่มันดูไม่ค่อยจะเข้ากันซักนิดทำให้ชานยอลงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเขา

     

                  และเหมือนว่าจงอินจะได้ยินเสียงโวยวายของชานยอล ใบหน้าหล่อๆของมันก็หันมาสบตาเข้ากับเขาพอดีและสงสัยจงอินพอจะเดาได้ว่าสีหน้าอึ้งแดกเหมือนแบกโลกของชานยอลกำลังต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วน และเมื่อจงอินเห็นว่าชานยอลกำลังเดินมาแล้วจะเปิดปากพูดอีกรอบ เขาเลยเงยหน้ามองชานยอลที่เดินมาคล้ำหัวก่อนจะใช้นิ้วชี้ยกขึ้นมาชิดริมฝีปากคล้ายๆ เป็นสัญญาณว่าอย่าเสียงดังและเลื่อนนิ้วที่ปิดปากชี้ไปที่ใครบางคนที่นอนหลับตาพริ้มพิงอยู่ตรงชั้นหนังสือในตอนนี้

     

     

                  เมื่อพูดออกเสียงไม่ได้ชานยอลก็ไม่ยอมแพ้ในความอยากรู้ของตัวเองจึงเลือกที่จะสื่อสารโดยผ่านภาษาปาก ขยับพะงาบๆเป็นประโยคพอให้จงอินจับใจความได้และพูดตอบกลับมาแบบไม่มีเสียงเหมือนกัน

     

      ‘ นี่ใคร


                   ชานยอลถามพลางชะเง้อคอไปหวังจะแอบไปสำรวจเด็กแว่นตัวเล็กที่เพื่อนเขายอมสละเวลาในการนอนการซ้อมดนตรีของมันมานั่งเฝ้า แต่ก็ต้องร้องโอ้ยแทบไม่ทันเมื่อแรงตบที่ท้ายทอยโดยฝีมือไอ้จงอินที่พอหันไปก็ขยับปากขยายความกระจ่างให้ถึงการลงไม้ลงมือกับเขาเมื่อกี้

     

                    สัส! ใกล้ไปและ นั่นนกฮูกกู!

                     

                    ดะ เดี๋ยวนะ  ....นกฮูก ?

     

                    ......

     

                    ไอ้เชี่ยดำ!! ทำไมมึงไม่บอกกูว่านกฮูกที่ว่ามันเป็นคน!! ” ตกใจจนลืมว่าคุยภาษาปากกันอยู่ ชานยอลคิดว่าเขาเข้าใจว่าประโยคเมื่อกี้ของจงอินมันหมายถึงไอ้เด็กแว่นตรงหน้าและก็เข้าใจแล้วด้วยว่าไอ้นกฮูกที่มันมาปรึกษาถามโน่นถามนี้จงชานยอลอดสงสัยไม่ได้นั้นก็หมายถึงคนตรงหน้าอีกนั้นแหละ

     

     

                      กูขอเพิ่มแท็กในทวิตให้มึงอีกหนึ่งแท็กไอ้ดำ

         #เพื่อนกูเป็นคนตลก จน #ผมนี่อึ้งไปเลยครับ สัด!

     

                     

                      อึ้งจนต้องหันกลับไปสังเกตนกฮูกตัวน้อยของเพื่อนอีกหนึ่งรอบ แว่นตาหนาเตอะที่บดบังใบหน้าของคนตรงหน้าไปมากกว่าครึ่งทำให้ชานยอลมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แต่จากที่ดูๆภาพรวมก็ไม่น่าจะใช่คนที่ทำให้เพื่อนเขาออกอาการหวงอย่างสุนัขหวงเจ้าของจนลงไม้ลงมือกับเขาได้เพราะเท่าที่เป็นเพื่อนกันมารสนิยมคู่ครองและคู่ควงแต่ละคนของไอ้ดำก็จัดได้ว่าแจ่มเกือบจะทุกคน 

     

     

                      หรือจงอินมันแค่ว่างเลยหาอะไรทำ เช่น มาส่องนกเอาเพลินๆ ?

     

                      ไอ้ชานยอล! มึงเบาๆดิวะ ....เดี๋ยวไอ้มิกูตื่น! ” หันมาทำตาเขียวใส่ก่อนจะหันกลับไปเท้าคางมองคนตรงข้ามราวกับกลัวว่าเสียงของชานยอลจะไปรบกวนการนอนของเด็กแว่นตรงหน้าโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าประโยคที่พูดออกมาเมื่อกี้ทำให้ชานยอลต้องหรี่ตามองอย่างจับผิด

     

          โอ้โห! ‘ไอ้มิกู’ ด้วย ไม่ธรรมดาแล้วสิเพื่อนกู

     

          “ เออๆ  งั้นมึงอธิบายกู… ”

     

                      เอาโน๊ตมาให้กูแล้ว มึงจะไปไหนก็ไปป่ะ

                     

                      โห ไล่กูเลยนะมึง เดี๋ยวกูจะฟ้องแบคยอนว่ามึงโดดซ้อมมาหาเด็ก

     

          เมื่อทำอะไรไม่ได้คนโดนไล่ได้แต่จำใจลุกขึ้นเดินออกไปตามที่บอกแต่ก่อนไปยังมิวายหันมาชี้หน้าเพื่อนเป็นการคาดโทษเอาไว้ว่าหลังจากนี้มีเรื่องต้องคุยกั

     


                      มึงกับเรื่องไอ้มิของมึง เดี๋ยวต้องมาเคลียร์กับกูยาวแน่จงอิน

     

     

     

     

     

     

     

        จงอินไม่รู้หรอกว่าเวลามันเดินไปนานแค่ไหนแล้วรู้แต่ว่าถ้าจะให้มองไอ้มิหลับทั้งวันเขาก็ทำได้ 

     

                      เห้ย! เห้ย!

     

                      “ ฟู่ว..เกือบไป ” เมื่อเห็นว่าหัวกลมๆที่พิงชั้นหนังสือเอาไว้ค่อยๆเริ่มเอนไปด้านข้างช้าๆ ตามแรงโน้มถ่วงของโลก คนที่จ้องมองคอยสังเกตอยู่ตลอดถึงกับต้องเอื้อมตัวใช้มือรองประคองเข้าที่ข้างแก้มและลำคอของคนตัวเล็กที่เหมือนว่าจะหลับลึกว่าที่จงอินคิด จนจงอินไม่อยากจะคิดเลยจริงๆว่าถ้าเขาเข้าไปรับไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น

     

    พอเห็นว่าคยองซูไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยจงอินก็ถือโอกาสค่อยๆหย่อนตัวลงไปนั่งข้างๆไอ้มิโดยที่ในมือก็ยังคอยประคองใบหน้าเล็กอย่างเบามือและเมื่อจัดแจงตัวเองเรียบร้อยก็ค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งการวางจากมือเป็นบนไหล่กว้างๆของตัวเองเสร็จสรรพ

     

                      จงอินไม่รู้ว่าเขาควรจะขอบคุณอะไรดีที่ทำให้เขาได้มาจ้องมองไอ้มิได้ใกล้ขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นใบหน้าด้านข้างที่พิงซบที่ไหล่แต่จงอินก็มีความสามารถพอที่จะก้มมองทะลุเข้าไปเห็นดวงตากลมโตใต้แว่นตาสีดำที่ดูกี่ทีๆก็เชยสุดๆที่ตอนนี้หลับพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวริมฝีปากเล็กๆที่จงอินจำได้ขึ้นใจว่าเวลายิ้มมันจะกลายเป็นรูปหัวใจบวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆจากแชมพูเด็กที่จงอินไม่เคยคิดว่ามันจะหอมขนาดนี้มาก่อน

     

                      “ ทำไมยิ่งมองมึงยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อยๆวะ ”

     

                      หลายวันมาเนี่ย กูหงุดหงิดก็เพราะมึงที่เอาแต่หลบหน้ากู

                     

         “ แต่พอได้มาเจอหน้ามึงกูก็ลืมมันไปหมดเลยว่ะ

     

         “กูเป็นอะไรวะ       

     

     

                      หมับ

                   ..เห้ย!แล้วก็ต้องร้องออกมาเมื่ออยู่ๆไอ้คนตัวเล็กที่เขากำลังพูดถึงก็ขยับตัวเอาหน้าซุกที่ไหล่อย่างหาที่สบายที่สุดแล้วไม่ซุกเปล่ามือเล็กข้างนึงก็คว้าเข้าที่ปลายเสื้อสูทของจงอินเอาไว้ การกระทำที่ทำเอาจงอินต้องตัวแข็งไม่กล้าแม้แต่จะกระดุกกระดิกขึ้นมาทันที

     

                      กูขอสั่งห้ามไม่ให้มึงไปทำแบบนี้กับใครนะไอ้มิ! ถึงแม้มึงจะไม่รู้ตัวก็เหอะ ” สั่งตอนตื่นไม่ได้ก็ขอจงอินสั่งคนตัวเล็กตอนหลับก็ยังดี จงอินลอบมองคนบนไหล่ที่พอขยับหาที่ซุกหน้าอย่างพอใจแล้วมันทำให้เขาได้สังเกตใบหน้าเล็กๆนี้ได้สะดวกขึ้น ริมฝีปากหยักรูปหัวใจดวงเล็กๆนั้นยกยิ้มอย่างพอใจจนทำให้เจ้าของเสื้อในมืออยากจะแกล้งแหย่โดยการแกล้งดึงเสื้อสูทของตัวเองจากการจับกุมนั้นเบาๆ   

     

        “ ฮื่ออ! ” ยังไม่ทันที่จงอินจะเอาปลายเสื้อออกจากการจับกุมของไอ้ตัวเล็กข้างๆ มือเล็กก็กระชับแน่นยิ่งกว่าเดิมแถมยังส่งเสียงขัดใจเมื่อกำลังจะโดนแย่งปลายเสื้อไปราวกับโดนแย่งหมอนข้าง

     

                      พอจะดึงปลายเสื้อออกอีกไอ้มิก็กระชับสูทนักเรียนตัวนอกของเขาเอาไว้อีกแถมดูเหมือนยังจะแน่นกว่าเดิมพร้อมกับขมวดคิ้วหน้าบู้เหมือนเด็กเอาแต่ใจจนทำให้จงอินล้มเลิกความคิดที่จะเอาเสื้อสูทของตัวเองกลับมา จงอินเลยเอื้อมมือไปจิ้มหน้าผากที่มีผมม้ายุ่งๆบังอยู่เบาๆ สองสามทีอย่างหมั่นเขี้ยวเมื่อเห็นสีหน้าของไอ้ตัวเล็กที่ซุกอยู่ที่ไหล่เขาเปลี่ยนเป็นอมยิ้มแบบสบายใจเมื่อเขาหยุดขยับตัว

     


     

                      “ หึ เออๆ..กูยอม เอาตามที่มึงสบายใจเลยไอ้มิ ”

     



     

     







     

                      “ อือออ ” เสียงของคนที่ได้นอนเต็มอิ่มดังงุ้งงิ้งอยู่บนไหล่ของจงอินทำให้รู้ว่าคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัว ดวงตากลมโตค่อยๆปรือขึ้นอย่างคนเพิ่งตื่นนอน ก่อนจะใช้มือข้างที่ยังว่างยกขึ้นรอดผ่านแว่นไปขยี้ตาหวังจะคลายความง่วงนอนให้หมดไป โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว

     

                      จนสติเริ่มกลับมาดวงตากลมโตก็ค่อยๆก้มลงไปมองมือข้างที่ตัวเองกำอะไรสักอย่างที่อยู่ในมือ

     

                      เอ๊ะ! นี่มัน!

     

                      ..เอ่ออ จงอิน!! ” แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนข้างๆที่เป็นเจ้าของเสื้อที่เขาจับเอาไว้คือใคร คยองซูรีบปล่อยมือออกจากเสื้อของจงอินทันทีก่อนจะขยับถอยออกห่างจากร่างสูง

     

                      เออกูเอง ” เมื่อแขนของตัวเองเป็นอิสระจงอินก็ยกมืออีกข้างขึ้นบีบไปตามแขนที่เมื่อยล้ามาจากคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยตอบคำถามที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคำอุทานมากกว่าของร่างบาง

                     

     

                      จงอินมาได้ยังไงกัน

     

                      “ งั้นเดี๋ยวเราขอตัว… ”

     

                      เดี๋ยว! ” ยิ่งพอได้เห็นท่าทางที่ไม่อยากจะอยู่กับเขานาน ความหงุดหงิดที่สะสมไว้นานทำให้จงอินเอื้อมไปจับท่อนแขนเล็กของคยองซูที่กำลังเก็บกระเป๋าจะลุกขึ้นให้นั่งลงมาที่เดิม

     

                       นี่ไม่อยากอยู่กับเขาขนาดนั้นเลยหรือไง จะหลบกันอีกนานไหม

     

          “ ไอ้มิ นี่มึงหลบหน้ากูทำไม!

     

          “ ร..เรา เปล่า ”  แล้วเราก็ไม่ได้ชื่อ มิ  ประโยคท้ายก็ได้แต่คิดในใจ ก็ใครจะกล้าพูดออกไปทั้งๆที่จงอินมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนั้น จริงอยู่ที่เขาจงใจหลบหน้าจงอินแต่จะให้เขาตอบว่าเขาหลบจริงๆเขาก็ทำไม่ได้

     

                      เปล่าอะไรวะ ก็เห็นๆอยู่เมื่อกี้

     

                       รู้แล้วว่าเราหลบ..แล้วจะถามเราทำไม

     

                      ก็เราไม่อยากโดนจงอิน..แกล้ง ” เมื่อรู้ว่าอ้างอะไรต่อไปคนตรงหน้าคงไม่เชื่อเขาเลยได้แต่ตอบเสียงแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้ามองพื้น เพราะมันคงเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถเลี่ยงในการที่จะต้องจ้องตากับจงอิน เมื่อกี้แค่พอสบตากับคนตรงหน้ามันก็นึกไปถึงสิ่งที่จงอินแกล้งเขา ยิ่งคิดคยองซูก็ยิ่งรู้สึกว่าหน้าของตัวเองเหมือนจะเริ่มร้อนขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับคยองซูมาก่อน

     

     

                     ความรู้สึกที่ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองแบบนี้

     

         “ ทำไม กลัวกูแกล้งขนาดนั้นเลยหรือไง? ”

     

                      “…..”

                      คยองซูคิดว่าในเวลานี้ถึงเขาไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่จงอินก็คงจะรับรู้ได้ด้วยสายตาว่ามันเป็นอย่างที่ร่างสูงพูดจริงๆนั่นแหละ 

     

                      กูยอมทนเมื่อยแขนเพื่อให้มึงได้นอนสบายๆ  มึงยังคิดว่ากูแกล้งมึงอีกหรอ? ”

     

                      ..จงอิน ”

                      “…”

                      อย่ามายุ่งกับเราเลยนะ

                      ….

                      “....”

                   ขอโทษที สงสัยจะไม่ทัน   



      





    มาลงครบแล้วนะตัวเทอออว์
    ไม่รู้เหมือนกันนะแกรร แต่เราว่าตอนนี้เราสงสารจงอินยังไงไม่รู้ 
    อยากเลี้ยงนกอะไรที่มันเข้าใจยากอะ นี่เป็นคนแต่งนี่ยังไม่เข้าใจน้องมิเลย
    เอาใจช่วยจงอินกันด้วยนะ ให้ได้น้องมิมาเลี้ยงดูเล่นซะที
    ถ้าจงอินได้เลี้ยงนกเมื่อไหร่ล่ะก็ ฮุฮุฮุฮุฮุ แฮปปี้ 55555555

    อยากจะบอกว่าขอบคุณทุกคนมากจริงๆค่ะ
    ที่ชอบฟิคเรื่องนี้ ตื่นเต้นนะเนี่ยแฟนเฟบ 800 กว่าคนแล้วว
    ปริ่มเหมือนได้ขึ้นไปชิงรางวัล Golden disk  >o<"

    เจอคำผิดอะไรยังไงก็บอกกันด้วยเน้อะ ช่วงนี้เรียนหนักจริงๆ
    อาจจะแต่งมึนๆมั่วๆไปบ้างอย่าถือโทษโกรธเคืองอะไรใดใด

    รักนะ แล้วเจอกันค่ะ



     

    (c)  Chess theme
       







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×